The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 6 ตอนที่ 23

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 6 ตอนที่ 23
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 6
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 30 เม.ย. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


มณฑลเหลียวหนิง

มุมมองสายตาไป่ไป๋

กันยายน  ค.ศ.2025

ตานตง...

“หนีห่าว! จำหนูได้ไหมคะ?” ฉันก้าวเข้าให้ห้องแอร์เย็นฉ่ำของผู้บริหารระดับสูงโรงแรมตานตงอามาเรีย หลังจากได้รับอนุญาตให้เข้าพบ หญิงสาวสวยออร่าแรงนั่งเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ เงยหน้าขึ้นมองแล้วขมวดคิ้ว

“เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอคะ คุณเจสสิก้า ถัง? ทำไมคุณถึงยืนยันจะเจอฉันให้ได้?”

“เราเคยรู้จักกัน ดูหนูดีดี สิคะ!” ฉันสวมแว่นตาทรงแคทอาย

“หนูซื้อชุดนักเรียนมาฝาก คุณเคยชอบชุดนักเรียนของKala Democracy ไม่ใช่หรอคะ? ฉันซื้อเก็บไว้นานมากแล้ว” ฉันยื่นถุงไปให้

 เธอยังขมวดคิ้ว... 

“เราเคยเจอกันที่ไหนนะ? ติ๊กต่อก ๆ” เธอทำท่าคิด

“นึกเร็ว ๆ ค่ะ! เดี๋ยวหมดเวลา ติ๊กต่อก ๆ” ฉันเล่นผสมโรง

“เจสสิก้า ถัง! ใครกันนะ เคยเจอที่ไหนนะ?” เธอเอียงคอมอง ...

“ถอดแว่นสิคะ” เธอเดินเข้ามารวบผมของฉัน 

ว้าว! จำได้แล้ว แม่สาวน้อยจอมเฮี้ยว ไว้ผมยาวสวยหวานเชียวนะ” ฟานหลิงหลิงในชุดสูทสากลยิ้มกว้าง

“มานี่เลย มานั่งก่อน” เธอพาไปนั่งบนโซฟา เรารู้จักกันตั้งแต่ในคุกทหาร ก่อนแทนจะเสียไป            

“สบายดีไหม? มีอะไรให้รับใช้คะ? ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่น้องสาวของเพื่อนมาเยี่ยมเยือน”เธอยิ้มฟันขาว สายตาดีใจไม่เสแสร้ง            

“รบกวนคุณแล้ว! หนูจะมาพักที่โรงแรมนี้สักระยะค่ะ หนูมาขอส่วนลด” ฉันยิ้มแห้ง ๆ เงินไม่ใช่ปัญหา ฉันต้องการเพื่อนมากกว่า

“มาเที่ยวเหรอคะ? จะพักนานแค่ไหน?”เธอเลิกคิ้ว        

“คิดว่าคงนานนะคะ หนูจะมาทำงานที่นี่ด้วย” ฉันตั้งใจทำบางอย่างที่อยากทำมานาน ตอนนี้ทางสะดวกไม่มีคนขวางอีกแล้ว เพื่อน ๆ ทิ้งไปหมดแล้ว            

“เอาอย่างนี้ ฉันจะลดให้ครึ่งราคา แต่ว่าทำงานอะไรบอกหน่อยได้ไหม?” ฟานหลิงหลิงเส้นผมยาวสลวย ใบหน้าขาวสวยราคาแพง รูปร่างดี ตัวเตี้ยกว่าฉันนิดหน่อย            

“หนูจะสมัครเข้ากองทัพค่ะ!

“ฮ้า! รูปร่างหน้าตาแบบนี้จะเป็นทหารทำไมเสียของหมด ถ้าอยากทำงาน มาทำงานที่โรงแรมกับฉัน ไปช่วยฝ่ายประชาสัมพันธ์ดีกว่า ฉันจ้างเธอเอง อยากได้เงินเดือนเท่าไหร่บอกมาได้เลย? 1 แสนหยวนพอมั้ย เอ้า!ฉันให้ 2.5แสนหยวนเลย” โอ้โหใจป้ำจัง  

“รบกวนคุณแล้ว! หนูตั้งใจแบบนั้นค่ะ” ฉันมีเหตุผลที่ต้องเข้ากองทัพให้ได้            

“แทนรู้ไหมคะ ว่าคุณจะตัดสินใจแบบนี้? ” เอ๊ะ! นี่เธอไม่รู้เหรอว่า แทนจากไปแล้ว            

“ไม่รู้หรอกค่ะ!เขาคงไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว” ฉันพึมพำหลุบตาลงเธอบ่อตัวเก็บเอกสารคงไม่ทันได้ยิน...            

“ไม่เปลี่ยนใจมาทำงานกับฉันแน่เหรอ?ลองคิดใหม่ก็ได้นะคะ” เธอยังโน้มน้าวบุคลิกคล่องแคล่วสมกับเป็นผู้นำองค์กร         

“ขอบคุณมากนะคะสำหรับโอกาสแต่หนูอยากทำอะไรบางอย่าง?”ฉันคิดว่าคราวนี้ไม่น่าพลาดแน่            

“คุณแน่ใจนะ!ที่จะเข้าไปเป็นทหาร?”เธอขมวดคิ้วลุกเดินอ้อมหลังมาลูบแขนแล้วแหงนขึ้นมอง...            

“เสียดายจริง ๆ ของดีขนาดนี้แดดจะเผาเสียหาย” เธอลูบขาฉันจนขนลุกเกลียว //อย่าลูบนะ เดี๋ยวปล้ำซะเลย//            

“หนูไม่ได้เข้าไปเป็นทหารหรอกค่ะ ดูนี่สิคะ!” ฉันส่งโทรศัพท์ไปให้ 

“อ๋อ!เป็นนักวิจัยนี่เอง เอ๊ะ!ทำงานที่กองพันฯ แล้วคุณจะเข้าได้เหรอ?” เธอสีหน้าตื่นตระหนก...

“คราวก่อน! พวกเขาก็สงสัยฉัน เพียงแต่พวกเราปฏิเสธหนักแน่นและไม่มีหลักฐานมัดตัว ฉันเลยรอดมาได้” หลิงหลิงเท้าความหลัง สมัยที่ช่วยฉันกับแทนหนีออกมาจากกองพัน

“คุณเองยังจำหนูเกือบไม่ได้เลย หนูสวมแว่นตาก็จำไม่ได้แล้ว ” ฉันมั่นใจ

เธอยิ้มแล้วเดินกลับไปนั่งฝั่งตรงข้าม...            

“แน่ใจนะ! ไม่เสียใจทีหลังแน่นะ”

“ค่ะ! ฉันพยักหน้า ฉันไม่มีอะไรต้องเสียใจ ชีวิตที่ไม่เหลือใครจะเสียใจไปทำไม?           

“ฉันมีรถยนต์ไม่ได้ใช้ ช่วยเอาไปใช้ด้วยนะ จอดไว้ก็เสียเปล่า ๆ?”เธอเลือกกุญแจแล้วโยนมา

“อ๊ะ!” ฉันคว้าเกือบไม่ทัน ไม่เข้าใจทำไมใจดีกับฉันจัง?            

“เอ่อ..หนูขึ้นรถไฟฟ้าก็ได้ค่ะ รบกวนคุณมากไปแล้ว”

“ไม่ได้หรอกเดี๋ยวแทนตำหนิเอาดูแลน้องสาวของเขาไม่ดี เขาเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้คุยกันเมื่อหลายเดือนก่อน ไม่เห็นเขาพูดถึงกองพันเลยเดี๋ยวลองโทรหาสักหน่อย”เธอจะโกหกเรื่องพวกนี้ทำไม? ไม่ต้องพยายามหลอกฉันว่าสนิทกันก็ได้นี่นา            

“งั้น! หนูรบกวนเรื่องรถด้วยนะคะ หนูขอตัวไปสมัครงานก่อน” ฉันหมุนตัวเดินออกมาจากห้อง

เธอตะโกนตามหลัง...            

“ถ้ากลับมาแล้ว ไปติดต่อที่ฟร้อนต์ของโรงแรมนะคะ ฉันจะสั่งการทิ้งไว้ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ อยากได้อะไรอ้างชื่อฉันได้เลย”

“รบกวนด้วยค่ะ! ฉันหันกลับไปโค้งศีรษะให้ โชคดีจังเพื่อนของแทนช่วยฉัน

…………………………………………….

กองพันที่8

ฉันใจเต้นตูมตาม เมื่อขับรถผ่านทหารยามกลุ่มใหญ่หน้าประตูกองพันที่ 8 เข้ามาได้ประมาณ 100 เมตรก็เลี้ยวเข้าซองจอดที่หน้าอาคาร Operation System ทางด้านขวาของถนน

หยิบโทรศัพท์ขึ้นดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจก่อนจะลงจากรถยนต์ก้าวขาเดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 ด้วยความมั่นใจ ชุดสูทดำคล่องตัวสำหรับสมัครงาน เดินสวนกับทหารสารพัดยศที่กำลังเดินสวนลงมา  

พวกเขาหยุดยืนตัวตรงเมื่อฉันเดินผ่าน รู้สึกตื่นเต้นมากมือเย็นเฉียบเมื่อเข้าถ้ำเสือ ถ้าพลาดก็ต้องยอมรับกรรม นานมาแล้วที่ฉันไม่เคยต้องทำอะไรคนเดียว ยิ่งต้องเข้ามาในกองพันทหารยิ่งประหม่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้?              

ผลักประตูเข้าอาคารในส่วนสำนักงาน เดินตรงไปตามทางขนาบไปด้วยห้องทำงานซ้ายขวา ฉันมองโทรศัพท์แล้วอ่านป้ายชื่อไปทีละห้อง ทหารตัวอ้วนใหญ่เดินสวนมา

เขาหยุดยืนตรงแล้วถามเสียงดัง

“ขอประโทษครับ! มาพบใครครับ?”  เขายืดอกตาหยีแก้มยุ้ย คอเป็นชั้น

ฉันส่งยิ้มให้แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ดู...             

“ที่นี่ค่ะ!!” ฉันเอียงใบหน้าไปใกล้ เขายืนตัวแข็งหันมามองแล้วหลบตา ชี้มือไปอีก 2 ห้องแล้วพูดเบา ๆ

“เชิญห้องมังกรบูรพานะครับ” เขายืดอกแต่ก้มหน้าหลบสายตา ฉันก้มต่ำแล้วเงยหน้ามองช้อนสายตาขึ้นไปส่งยิ้มให้...         

“ขอบคุณมากนะคะ เกอเกอะ!

“เอ่อ!...” เขายิ้มอาย อึกอักแล้วหมุนตัววิ่งพุ่งกระเพื่อมแหกปากร้องลั่น...             

“สวยฉิบหายเลย! เสียงของเขาดังก้องตามหลังวิ่งลงบันไดหายไป

ฉันสูดลมหายใจลึก...หันหลังเดินไปที่ห้องเป้าหมาย เห็นป้ายหน้าห้องแล้ว...มังกรบูรพา             

“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!” ฉันเคาะประตูเบา ๆ             

“เข้ามา! เสียงทหารหญิงห้วนดัง ฉันรีบเปิดประตูเข้าไปส่ายหน้ามองหาเจ้าของเสียง เธอนั่งยองก้มหน้าใต้โต๊ะค้นของในลิ้นชักเห็นเพียงเส้นผม              

“หนีห่าว เจสสิกา ถัง! มาสมัครเป็นนักวิจัยค่ะ” ฉันทักเสียงดังด้วยความมั่นใจ             

“นั่งก่อน!

“หือ! ฉันหันขวับ เสียงคุ้น ๆ เห็นแต่หัวที่พ้นขอบโต๊ะขึ้นมานิดเดียว

ฉันเดินเลยไปนั่งไขว่ห้างรอที่โซฟามุมห้อง คนสัมภาษณ์เป็นผู้หญิงคงหลอกง่ายหน่อย             

“คุณถัง มีชื่อจีนไหม?” เธอถามเสียงห้วนตามสไตล์ทหาร น้ำเสียงคุ้นหูมาก             

“ถังไป๋ หลาน! ไป๋หลาน แปลว่าดอกจำปีค่ะ เรียกฉันว่า ไป่ไป๋ก็ได้ค่ะ”

“ฉันจะสัมภาษณ์คุณไปเรื่อย ๆ นะ คุณเรียนจบมาจากไหน?” เสียงเธอถามจากใต้โต๊ะ /จะหาอะไรนานขนาดนั้น/              

“ฉันเรียนจบการแสดงจากมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นค่ะ แต่..”

เธอสวนกลับมา ...             

“นั่นนะสิ!! มาผิดที่หรือเปล่า? ที่นี่ไม่ได้รับนักแสดงนะ” น้ำเสียงเหยียดหยันหัวเราะเบา ๆ

ฉันรู้สึกขัดใจทำไมเสียมารยาท...

“ฉันสามารถทำวัคซีน Anti - Tame 26 ได้ก็แล้วกัน” ฉันชักเดือด เธอเป็นใครกันถึงจะมาดูถูกคนอย่างฉัน?              

“ทำได้ก็ดี แต่เราต้องการคนที่มีคุณสมบัติพิเศษ วัคซีนกระจอกอย่างนั้นใครก็ทำได้” เสียงคุ้นหูมาก แต่พูดจาหมาไม่กัดจริง ๆ         

“ถามมาสิคะ! ฉันจะตอบตามจริง” ฉันเริ่มไม่ถูกใจแล้ว เธอไม่สุภาพฉันก็จะไม่สุภาพ ฉันมาสมัครงานนะโว้ยไม่ได้มาเป็นทาส ในใจเริ่มฮึ่ม ๆ ขึ้นมาแล้ว              

“เราต้องการคนที่ซื่อสัตย์ คุณคิดว่าคุณซื่อสัตย์ได้แค่ไหนคะ?” เธอถามคำถามบ้า ๆ ใครจะตอบได้วะ ความซื่อสัตย์มันวัดยังไง? เป็นลิตรหรือเป็นกิโลกรัม              

“เท่าที่คนทั่วไปจะสามารถแสดงต่อกันได้ค่ะ” ฉันตอบส่งเดชไป
          “คุณตายเพื่อชาติได้ไหม?”เธอถามต่อ               

“ไม่ได้ค่ะ! ฉันไม่ได้รักชาติขนาดนั้น ฉันมาสมัครเป็นนักวิจัยไม่ได้มาเป็นทหาร” ฉันตอบตามจริง ทหารยังหนีทัพเลยอย่ามาปากดีว่ารักชาติ              

“หน้าตาอย่างคุณ น่าจะไปทำงานสบาย ๆ ดีกว่ามั้ง ? งานที่นี่หนักนะสามีคุณจะตำหนิได้” เสียงเธอกวนประสาทมาก คนสัมภาษณ์งานเขาไม่ถามอย่างนี้สักหน่อย

“ฉันทำได้ งานนี้ไม่ต้องใช้หน้าตานี่คะ ใช้ความสามารถอย่างเดียว” ฉันช่วยนาตาลีมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว งานหมู ๆ          

“คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่?” น้ำเสียงปั่นประสาทมาก ไม่เหมือนคนสัมภาษณ์งาน ออกลักษณะหาเรื่องมากกว่า              

“แล้วแต่ทางกองทัพจัดให้ค่ะ ฉันไม่เดือดร้อนเรื่องเงินค่ะ” ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อเงิน  

“อ๋อ! มีผัวรวยนี่เอง”

“หือ! เธอเพี้ยนหรือเปล่าวะเนี่ย? ฉันไม่น่าแต่งตัวสวยมาเลย ถ้ารู้ว่าต้องมาเจอคนบ้า              

“คนไปร่วมงานแต่งเยอะมั้ย คืนแรกโดนไปกี่ดอกล่ะ?” กวนตีนมาก งานบ้าอะไรเนี่ย? ถ้าเธอเป็นหัวหน้าฉันต้องบ้าแน่ กลับบ้านดีกว่า คิดอย่างนั้นแล้วลุกขึ้นยืน...              

“ฉันไม่ขอตอบนะ ฉันไม่ทำงานกับคุณแล้วขอตัวกลับเลยก็แล้วกัน ไม่ต้องส่งนะ!” ฉันหมุนตัวเตรียมเดินออก

เธอส่งเสียงมาเชือดเฉือน...              

“คนโลเลทำงานใหญ่ไม่ได้หรอก ไปเล่นหมากเก็บเถอะ!” เธอจี้ใจ

ฉันไม่ได้โลเลแต่รำคาญยายนี่ หัวร้อนไฟลุกแล้วมันจะดูถูกกันมากไปแล้วนะ...              

“ฉันตั้งใจจะมาทำงาน แต่ถ้าองค์กรนี้มีคนที่ปากเก่งกาจอย่างคุณ ฉันไม่ทำดีกว่า” ฉันยืนลังเลยังไม่เปิดประตู คิดในใจ...เสียโอกาสจริง ๆ อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล ฉันอยากได้งานนี้

สองจิตสองใจถามตัวเองว่า...ใจร้อนไปหรือเปล่าเนี่ย? หรือจะยอมเธอดีนะ? ทำไมต้องมาเจอคนอย่างนี้ด้วยวะ? แต่ถ้าไม่สมัครก็เข้าใกล้หวังฉวนไม่ได้ ลังเลสับสนไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อดี?           

“กลัวความผิดเหรอ? ถามมากก็เดินหนี” เธอจะบ้าไปใหญ่แล้ว ฉันว่าเธอกลับไปเรียนมาใหม่แล้วค่อยคุยกันดีกว่า ถามไม่เคยตรงประเด็น พูดจาฟังไม่ได้              

“ฉันไม่เคยทำอะไรผิด ฉันพึ่งมาครั้งแรกและคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาเสียมารยาทกับฉัน” ฉันเชิดหน้าในห้องชักเริ่มร้อน ไม่ชอบยายนี่เลย              

“ผัวไม่มาด้วยเหรอ?” สิ้นคำถามของเธอฉันหมดความอดทน

“แกรก! ดึงประตูกลับบ้านดีกว่า ถ้าเป็นผู้ชายจะถือว่าเขากำลังคุกคามทางเพศ ไม่สุภาพเลย ฉันขอเอาคืนก่อนกลับซักหน่อยก็แล้วกัน...             

“นี่คุณ! คำถามมันเกี่ยวกับงานตรงไหนไม่ทราบ? คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า? ถ้าไม่สบายก็ไปหาหมอเถอะ! ฉันไม่มีผัว!ฉันอยากจะเดินไปข้างโต๊ะเธอจริง ๆ อยากเห็นแววตาของคนสัมภาษณ์จัง แต่ไม่อยากตอแย..ไปดีกว่า

เธอถามมาอีก...              

“ถ้าไม่มีผัว งั้นไม่รับค่ะ! อะไรของเธอนักหนาวะ? สุดจริง

ฉันอยากได้งานนี้ แต่ไม่อยากทำงานกับเธอเลย เอาวะ! เป็นไงเป็นกันเพื่อเป้าหมาย...         

“มีผัวแต่ตายไปแล้ว พอใจหรือยัง? ”

“คุณกำลังสัมภาษณ์งาน กรุณาตอบเรื่องจริงอย่างสุภาพด้วย จะขึ้นเสียงทำไม?”

“หึ๋ย!! ฉันหัวเสียมาก เดินกลับไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอีกรอบ ถ้าไม่มีเป้าหมายชัดเจน ฉันไม่เอากับยายบ้านี่แน่              

“กรุณาถามเรื่องที่เป็นประโยชน์กับการทำงานสิคะ! เช่น ฉันมีประสบการณ์กี่ปี? ฉันทำงานหนักได้แค่ไหน? ฉันทำงานเป็นทีมได้หรือเปล่า? มีโรคประจำตัวไหม?” ฉันพยายามปรับอารมณ์ใหม่

“โครม! เธอโยนแฟ้มขึ้นมาบนโต๊ะ

“เจอรี่ หยางเป็นผัวของคุณไม่ใช่เหรอ? ตายแล้วเหรอ? สงสัยจัดกันหนักตายคาอก” เสียงเธออู้อี้จากหน้ากากปิดปาก เธอไปเอาข้อมูลพวกนี้มาจากไหนกันนะ? ยายนี่เป็นใครกันแน่?

“ไม่ใช่ผัว! เพื่อนกันค่ะ”

“อ๋อ! เคยมีผัว...เป็นแม่ม่าย แล้วมีผัวใหม่ใช่มั้ย?” โอย...เธอคิดไปได้ยังไงวะ? เสียงก็กวนตีนได้ใจมาก

“ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ คุณมั่วข้อมูล คุณเป็นใครตกลงจะสัมภาษณ์หรือไม่?”             

“คุณใช้เส้นสายสมัครงานเอาเปรียบคนอื่น ภูมิใจมากนักเหรอ? โลกไม่เจริญเพราะคนอย่างคุณนี่แหละรู้ตัวไหม?” อ้าว!...หาเรื่องกันชัด ๆ หยามกันมากไปแล้ว

ฉันโกรธมากที่มาดูถูกกันแบบนี้...              

“นี่คุณคะ! ฉันเดินมาสัมภาษณ์เอง ไม่เกี่ยวอะไรกับใครเลย และฉันก็ไม่เคยเอาชื่อใครมาอ้าง ฉันอยากได้งาน ฉันเลยบอกว่ามีผัวแล้ว” ฉันอยากเอากระเป๋าขว้างหัวเธอจัง

“มีผัวเป็นหลานประธานาธิบดี ไม่ต้องมาผ่านการสัมภาษณ์ก็ได้ น่าจะให้เขายัดมาเป็นหัวหน้าฉันซะเลย” น้ำเสียงเยาะเย้ย มันเจ็บจี๊ด สำหรับคนที่ไม่ได้คิดจะโกง เธอก้าวร้าวมากไปแล้ว         

“นี่คุณกำลังดูถูกฉันนะคะ ฉันจะฟ้องหน่วยงานคุณ เตรียมตัวรับหมายศาลได้เลย” ฉันสั่น              

“เจสสิกา ถัง! เธอหนีไปแต่งงานโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนที่ใช้ชีวิตร่วมกับเธอมา 5 ปี จิตใจของเธอทำด้วยอะไร ยังเป็นคนอยู่รึเปล่า?” เสียงของเธอก้าวร้าวหนักขึ้น

“หือ! ฉันใจสั่นผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน ทำไมรู้เบื้องหลังของฉัน หมวดจางเหรอ? แต่เธอคงไม่กลับมาที่นี่หรอก ถ้ามาเธอก็ตาย              

ทันใดเธอก็ลุกยืน เมื่อได้เห็นหน้ากันชัด ๆ

“ห่ะ! ฉันตกตะลึงตาค้าง ทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้นดีใจสุดขีด ฉีกยิ้มสุดขีดผวาเข้าไปหา...

“เจี่ยเจี้ย! อึ๋ย!อึ๋ย!

แต่เธอใบหน้านิ่งสายตาเหี้ยมมาก ไม่มีรอยยิ้มต้อนรับที่อบอุ่นเหมือนเคย ท่าทางของเธอไม่ใช่หมวดจางพี่สาวใจดีคนเดิม           

“จางเจี่ยเจี้ย มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ดีใจจังเลย หาเจอแล้ว” ฉันยิ้มร่ากางแขนจะเข้าไปสวมกอด

“ผลั้วะ!” เธอปัดมือแล้วเดินหลบมาทิ้งตัวนั่งที่โซฟา ดวงไฟโกรธในดวงตาของเธอพร้อมจะแผดเผาให้มอดไหม้            

ฉันรีบเข้าอ้อน...              

“ทีหลังอย่าล้อเล่นอย่างนี้อีกนะ หนูกลัว ต่อว่าหนูซะแรงเลย หนูไม่ได้ทำอย่างนั้นสักหน่อย” ฉันเข้าไปกอดเอวเอียงหัวซบไหล่

“ถอยไปเลย! เดี๋ยวตบหูหลุด” เธอผลักใบหน้าสะบัด สายตาไม่มีเยื่อใยเลย...               

“อย่ามาทำตัวสนิทกัน ฉันไม่รู้จักเธอ คนอย่างเธอไม่มีค่าพอที่จะเป็นเพื่อนกับฉัน ไปนั่งห่าง ๆ” สายตาดุมาก เกิดอะไรขึ้น?              

“อ้าว! เกลียดหนูจริง ๆ เหรอ?” ใจหายแวบจับมือเขย่าเตรียมเบะ         

“เธอมาทำอะไรที่นี่?” หมวดจางยืดตัวตรง พูดเป็นงานเป็นการ
          “หนูมาสมัครงาน คุยกับหนูดี ๆ สิคะ” ฉันเสียงอ่อย

“สมัครทำไม?”เสียงเธอห้วนสุด              

“หนูจะมาล้างแค้นให้แทนค่ะ” ฉันบอกเป็นร้อยรอบแล้ว ไม่เคยฟังกันเลย

เธอเชิดหน้ามองเหยียด เบ้ปาก...

“ไปหลอกเด็กเถอะ คำพูดพวกนี้น้องแทนยังไม่เชื่อเลย ฉันเห็นหน้าเธอแล้วหงุดหงิดว่ะ พูดจริง ๆ นะ ฉันเริ่มคันไม้คันมือแล้ว”เธอบีบมือกำหมัด เริ่มหักนิ้วแล้ว...คงโดนตบแน่ ยายนี่โหดมาก              

“หนูไม่ได้โกหกนะคะ” ฉันยืนยันความตั้งใจ แต่...ไม่มีความรักในแววตาของเธอเลย คงเกลียดจริง ๆ

“หวังฉวนไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าอยากล้างแค้นให้ผัวคุณพาไปบ้านเขาสิ” เธอเน้นคำว่า ผัวใส่หน้า

ฉันเริ่มเข้าใจแล้ว...พวกเขาหนีกันไปเพราะฉันบอกว่า จะแต่งงานนี่เอง               

“เจอรี่ไม่ได้เป็นอะไรกับหนู เขาก็อยู่ของเขาไปสิ หนูตามหานาตาลีมาตลอด ไปบ้านคุณที่มงยังก็ปิดค่ายก็ปิด หนูตามหาทุกหมู่บ้านเลย ไม่มีใครรู้ว่าคุณไปไหน จะให้หนูทำยังไง?”

 “เธอไปตามทางของเธอ ฉันไม่อยากสมาคมกับคนอย่างเธอ ถึงฉันเคยเลวในสายตาของเธอ แต่ฉันไม่เคยทำให้นาตาลีร้องไห้ เธอทำนาตาลีล้มทั้งยืน ออกไปจากห้องดีกว่า ฉันไม่อยากตบเธอ” หมวดจางลุกกระชากแขนอย่างแรง          

“โอ๊ย!...หนูเจ็บ!” ในใจสับสน นี่ไม่ใช่เรื่องตลกที่จะล้อเล่นกัน พายุอารมณ์ของเธอซัดสาด ทั้งแววตาและสีหน้าไร้ความปรานี ฉันรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ฆ่าคนได้               

“หนูไม่ได้แต่งงาน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” ฉันตอบเสียงดังหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น         

“โดนมันเทละสิ อีปัญญาอ่อน! ต้องโง่ขนาดไหนถึงคิดแบบนั้นได้ โง่ขนาดไหนกันถึงทิ้งคนที่รักเธอมาตลอด” หมวดจางแสดงใบหน้าสาแก่ใจมาก              

“เปล่า! หนูไม่เคยคิดจะแต่งงานตั้งแต่ต้นแล้ว แค่หนูอยากจะเข้าใกล้หวังฉวน”

เธอหันมองตาขวาง...              

เชอะ! แต่ใช้มันมาลอบบี้ให้ฉันรับเธอเข้าทำงานนี่นะ ฟังไม่ขึ้นหรอกออกไปเลย ออกไป!” เธอไล่เสียงดัง พร้อมเข้ามากระชากแขนให้ลุกอีกครั้ง              

“เจี่ยเจี้ย! หนูเจ็บนะ”

“สันดานไม่ดี ทำผิดซ้ำซาก เห็นคนรักเป็นของเล่นรึไง? เอาแต่ใจตัวเอง เรียกร้องความสนใจ ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็ให้ความรักความสนใจอยู่แล้ว แทน!..รักและดูแลเธออย่างดีมาตลอด ก็ต้องมาตายไปก็เพราะคนไร้ค่าเธอ กลับไปหาไอ้เจอรี่ผัวของเธอเถอะ!” เธอผลักฉันออกมานอกประตูแล้วปิดใส่หน้า

“ปึง!              

เจ็บมาก ฉันก้มหน้ารับกรรมเดินสมองกลวงลงมา เธอร้ายที่สุดเท่าที่เคยรู้จักมา เธอไม่เคยโกรธใครขนาดนี้ เป็นพี่สาวที่น่ารักมาตลอด

เริ่มคิดทบทวนกลับไป...ฉันไม่ได้คิดจะแต่งงานจริง ๆ แค่หลอกนาตาลีเล่น ๆ แค่เช็คเรตติ้งเรียกร้องความสนใจ เราต้องจบกันเพราะเรื่องล้อเล่นของฉันหรือนี่ ? แล้วตอนนี้นาตาลีอยู่ที่ไหน? เรื่องนี้ร้ายแรงมาก                

............................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม