The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 6 ตอนที่ 23

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 6 ตอนที่ 23
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 6
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 30 เม.ย. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


มณฑลเหลียวหนิง
มุมมองสายตาไป่ไป๋
กันยายน ค.ศ.2025
กองพันที่ 8 เสิ่นหยาง....

“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก! หลังจากตั้งหลักทำใจได้ฉันก็หน้าด้านกลับมาหาหมวดจางอีกครั้ง เธอคือคนเดียวที่จะเป็นกุญแจไขปริศนาทั้งหมดของฉัน พี่น้องทุกคนหนีหายพร้อมใจกันบล็อกเบอร์โทรศัพท์เป็นที่รังเกียจของพวกเขาไปโดยปริยาย เมื่อคืนก็นอนร้องไห้ทั้งคืนเจ็บตาเป็นบ้าเลย
         
ด้วยความโกรธ...หมวดจางพูดความในใจที่เก็บไว้ในส่วนลึก เธอด่าเรื่องการตายของแทน ตอกย้ำให้เสียใจหนักขึ้น ฉันคิดไม่ผิดจริง ๆ  ทุกคนต้องโทษว่าฉันเป็นต้นเหตุ ตอนนี้ฉันทำให้นาตาลีเป็นบ้าไปอีกคนแล้ว

“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!” เสียงรองเท้าส้นสูงเดินมาจากด้านหลัง ฉันหันกลับไปมองหมวดจางเดินมาถึงตัวพอดี...             

“เข้าไป! เธอผลักหลังหัวทิ่มเข้าห้อง ฉันถลาไปนั่งโซฟาเธอเดินเลยไปนั่งที่โต๊ะทำงาน             

“มาอีกทำไม?” เธอถามเสียงห้วน มือก็เปิดเอกสารอ่าน

ฉันถลาเข้าไปหาด้วยใจที่สั่นหวิว คุกเข่าข้างโต๊ะโขกหัวสำนึกผิดกับเรื่องที่ก่อไว้ เธอชายตามอง...      

“อย่าทำอย่างนี้ ถ้าคนอื่นมาเห็น เขาจะนินทาได้ ลุกขึ้น!เสียงห้วนมาก หันมามองแวบเดียว อย่าเกลียดกันเลยนะ

“ยกโทษให้หนูก่อน หนูสัญญาจะเชื่อฟังทุกอย่าง จะไม่ดื้ออีกแล้ว” ฉันโขกศีรษะแล้วเงยหน้ามอง น้ำตาเริ่มซึม              

“เรื่องอะไรบ้าง? รู้ตัวหรือเปล่าทำอะไรผิดบ้าง?” เธอเอานิ้วจิ้มหน้าอย่างแรง หัวใจบอบช้ำมากเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีข้อแก้ตัว...        

“หนูขอโทษที่ทำให้แทนตาย ฮือฮือ!” จุกอกใจสั่น กลั้นน้ำตาไม่ไหว สะอื้นตัวโยน             

“นั่นเรื่องเก่าผ่านมา 5 ปีแล้วเขาไปเกิดใหม่แล้ว โชคดีของเขาที่ไม่ต้องได้คนอย่างเธอไปเป็นเมีย และถ้าเธอยังร้องไห้ก็ไม่ต้องมาคุยกัน  กลับบ้านไป! เธอตีกรอบจนอึดอัดไปหมด อยากคุยกันง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อน..อย่าดุสิคะ             

“หนูขอโทษที่โกหกเรื่องจะแต่งงาน หงึ! หงึ!” ความผิดรัดตัวแก้ไม่ถูก นั่งเช็ดน้ำตาพยายามจะไม่สะอื้น

“เรื่องนี้ยังไม่เคลียร์ ฉันอยู่ในเหตุการณ์ได้เห็นกับตาตัวเอง ถ้าฉันไม่ห้ามใจไว้ วันนั้นบ้านเธอพังไปแล้ว อย่าลืมสิว่าฉันไม่ได้ติดหนี้บุญคุณพ่อแม่ของเธอ ฉันติดหนี้บุญคุณนาตาลี พวกเธอรุมทำร้ายเพื่อนของฉัน”

“............” ฉันก้มหน้าไม่เถียงและรู้ว่าเธอมีพลังทำลายล้างสูง            

“เมื่อวานนี้หลังจากเธอกลับไปเจอรี่ก็โทรมาที่นี่ มันถามว่ารับเธอไว้ทำงานหรือเปล่า? เธอไปฟ้องมันเหรอ?” เธอหันมามองจ้องหน้าดุ ฉันไม่ได้ฟ้องไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตั้งแต่กลับไปก็ร้องไห้ยังเจ็บตาอยู่เลย...            

“หนูยังไม่ได้คุยกับเขาเลย” ฉันส่ายหน้า

“เอาอย่างนี้นะคุณเจสสิกา ถัง! พรุ่งนี้คุณมาเริ่มงาน วันนี้คุณกลับไปได้แล้ว” เธอไม่มีเยื่อใยเลย ฉันไม่อยากได้งานแล้วอยากให้หมวดจางหายโกรธและคิดถึงนาตาลีมาก             

“นาตาลีอยู่ที่ไหนคะ?”              

“ตายไปแล้ว!เธอตอบห้วนมาก ฉันรู้ว่าเธอโกหกถ้านาตาลีตายจริง เธอกระทืบฉันเละไปแล้วล่ะ ถ้าเซ้าซี้ต่อเธอจะโกรธไปใหญ่ถามเรื่องอื่นดีกว่า...             

“หนูไปหาน้องแทนได้ไหมคะ น้องอยู่ที่ไหน?” งานนี้ยากมากต้องใช้คารมและเวลา หมวดจางไม่ใช่หมูที่ใครจะต่อรองด้วยง่าย ๆ               

“นั่นลูกชายของฉัน อย่าไปยุ่งกับเขา” เธอปิดประตูทุกบาน ร้องไห้ก็ไม่ได้ถามก็ไม่ได้ ไม้ตายของฉันโดนบล็อกไว้หมดเลย             

“งั้นหนูไปหาซอนก็ได้ เขาอยู่ที่ไหนคะ?” ขอให้เจอซอนก็ได้ฉันคิดถึง             

“เอ๊ะ! นั่นก็สามีฉัน ให้เกียรติกันด้วย อย่าให้รู้นะว่าติดต่อกับเขา เธอโดนดีแน่” เธอโบกมือไล่จะเกลียดไปถึงไหนกัน อึดอัดไปหมดแล้ว

“หนูขอโทษ หนูจะไม่ทำอีกแล้ว” ฉันโขกหัวรัว ๆ กับพื้นอีกครั้ง
           “เธอชี้เป้ากับไอ้เจอรี่เหรอว่า ฉันอยู่ที่ไหน? ทำไมทหารถึงไล่จับตัวฉัน? พวกมันรู้จักบ้านซอนได้ยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอจะเป็นใคร?” หมวดจางเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ฉันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย

ความซวยนี่ช่างพร้อมเพรียงกว่าโชคดีเสมอ เรียงหน้าเข้าล็อกทุกอย่าง ฉันพอเดาเหตุการณ์ได้แล้วเธอโดนจับตัวมานี่เอง แล้วซอนล่ะ? น้องแทนล่ะ?             

“หนูเปล่านะ! หนูยังไม่รู้เลยว่าคุณไปไหนกัน หนูตามหาตั้งหลายเดือน ถ้าหนูรู้หนูไปหาตั้งนานแล้ว” ฉันเอาหัวไหล่เช็ดน้ำตา             

“เธออยากทำงานก็มาทำ แต่อย่ามาคุยกับฉัน จงจำไว้ว่า! เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไป! กลับไปได้แล้ว” เธอบอกแล้วนั่งก้มหน้าเซ็นเอกสาร             

 “เฮ่อ!ฉันถอนหายใจ ยืนลังเล

เธอเงยหน้ามองด้วยหางตา...

“รออะไร รีบไสหัวไป! ไม่เหลือเยื่อใยเลย ฉันเดินคอตกไปเปิดประตูจะออกนอกห้อง ชะโงกหน้าออกไป

“ฉิบหายแล้ว! เจอรี่มา” อะไรมันจะซวยซ้ำซ้อนขนาดนี้รีบวิ่งกลับมามุดใต้โต๊ะ เธอขมวดคิ้วก้มมอง

“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดึงความสนใจของเธอ

“เข้ามา!

 เจอรี่เดินมายืนหน้าโต๊ะ ฉันเบียดตัวเองเข้าไปใต้โต๊ะใจเต้นโครมคราม ไอ้นี่ก็เสือกทุกเรื่อง           

“หนีห่าว! ผมขอรบกวนคุยด้วยสัก 5 นาทีครับผู้หมวด” เขามาทำไม? ฉันเกาหัวสับสนไปหมด               

“รายงานตัวด้วย คุณเป็นใคร?” หมวดจางพูดห้วน ๆ

“เอ่อ!...ผมชื่อเจอรี่ หยางเป็นแฟนของไป่ไป๋ครับ” เซ็งเลยเสือกมายืนยันว่าฉันเป็นแฟน งานยากเข้าไปอีก         

“ใครคะ ไม่รู้จัก?” เธอเสียงเข้มไม่เงยหน้าด้วย

“เอ่อ!..คุณเจสสิกา ถังครับ! เธอมาสมัครเป็นนักวิจัยที่นี่ใช่มั้ยครับ ผมเคยโทรคุยกับคุณ” เจอรี่ที่ท่าทางมาดมั่นก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน เจอท่าทางที่เหนือกว่าของนางสิงห์ถึงกับอึ้ง

“เธอทำวิจัยเป็นเหรอ จบแค่การแสดงเข้าใจอะไรผิดกันรึเปล่า?” เธอต้อนต่อ

“แต่เธอเคยทำงานที่โรงพยาบาล น่าจะทำได้นะครับ”

“ที่นี่ไม่มีคนไข้ แล้วคนที่อยู่โรงพยาบาลทำวัคซีนเป็นทุกคนเหรอ?”

“เอ่อ!...คุณก็ช่วยเธอได้นี่ ถ้าเราเป็นพวกเดียวกันผมจะช่วยให้คุณเติบโตในกองทัพ คุณเข้าใจใช่มั้ย?” ซวยแล้วเจอรี่ ไปพูดอย่างนี้ก็เสร็จสิ             

“คุณมีปัญหาอะไร? นั่งก่อนสิ” เธอไม่เงยหน้าชี้ไปโซฟา             

ผมเป็นหลานประธานาธิบดี อยากรบกวนให้ช่วยดูแลเธอดี ๆหน่อยครับ” เขาอวดตัวเสียงเข้มทิ้งตัวลงโซฟาอย่างแรง นี่และนิสัยของเจอรี่ ชอบเบ่งชอบข่มคน             

“คุณเอาตัวเธอกลับไปเลยดีกว่าไหม? ไม่มีใครว่างมาดูแลคนของคุณหรอก ที่นี่! ไม่ใช่เนอสเซอรี่!หมวดจางเล่นใหญ่กว่า         

“เอ่อ!..คุณจะไม่ให้เกียรติผมเลยเหรอ?” เจอรี่เสียงแข็ง

“แกร๊ง! เธอปาปากกาลงบนโต๊ะแล้วเงยหน้ามอง

“ที่นี่! ฉันเป็นคนตัดสินใจ ฉันทำงานวิจัยไม่ได้รับเลี้ยงเด็ก  ถ้า! คนของคุณต้องการคนดูแล คุณก็เอากลับไปดูแลกันเอง ฉันต้องการผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะมาทำงานด้วย” เธอโหดเพียว ๆ เลย

“ตึกตึก! ตึกตึก! ฉันใจสั่น มุดแอบตัวลีบอยู่ข้างขาของเธอ             

“ผมคุ้นหน้าคุณ เราเคยเจอกันหรือเปล่าครับ?”

“ห่ะ!” ไอ้นี่มาเรื่องแล้ว ฉันใจหายวาบ

“จะขู่เหรอ? ฉันไม่เคยรู้จักคุณ คุยจบหรือยังถ้าจบก็ไปได้แล้ว” เธอไล่หน้าตาเฉย

เจอรี่ ลุกยืนขึ้น...

“รับเธอทำงานด้วย เราคงได้เจอกันอีก” เจอรี่ คำรามจ้องหน้า

หมวดจางยิ้มมุมปากเชิดหน้า...         

“เชิญ! เธอชี้ไปที่ประตู 

“อูย!!!...” ฉันเห็นชะตากรรมของตัวเองหลังเจอรี่ออกไป ขนาดหลานประธานาธิบดียังทำให้เธอหงอไม่ได้เลย

ฉันขยับเกาะขาเธอ...             

“เจี่ยเจี้ย! หนูขอโทษ ยกโทษให้หนูเถอะนะ” ฉันต่อไม่ติดเลย ไม่เปิดโอกาสรับฟังกันเลย             

“ก็ชัดแล้วนี่! มันบอกชัดว่า เป็นแฟนเธอ ตามมันไปเร็ว เดี๋ยวไม่ทันนะ ผัวมาฝากงานถึงที่เลย ทุเรศว่ะ! แล้วบอกไม่ใช้เส้น รีบ ๆ ไปเลย ไป!เธอก้มมาไล่ฉันอีกคน ไอ้เจอรี่ก็พูดซะหมดทางแก้ตัว ความซวยนี่หวังผลได้จริง ๆ เชียว         

“หนูต้องทำงานที่ไหนคะ?” ฉันขยับลุกยืน หัวมึนไปหมดคิดอะไรไม่ออก             

“พรุ่งนี้! ไปที่ห้องวิจัยหลังกองพัน ถามทางกับทหารยาม” เธอบอกแบบไม่แยแส             

“หนูรู้จัก หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันรีบออกจากห้อง คงต้องใช้เวลาในการคืนดีกับหมวดจาง วันนี้หลบไปก่อน พรุ่งนี้เอาใหม่

…………………………………………………………..
 

วันรุ่งขึ้น...ฉันขับรถยนต์มาที่หน้าอาคารวิจัยข้างโกดังในป่าเคยถูกจับมาขังที่นี่ยังจำมันได้ดี ผ่านป้อมทหารด้านหน้าเข้าจอดในซองบนลานกว้างหน้าอาคารได้เริ่มงานแล้วก้าวเดินอย่างมั่นใจเข้าด้านในอาคารความรู้สึกเหมือนเดินเข้ามหาลัยวันแรก ผลักประตูเข้ามาเจอห้องรับแขกกว้างเจ้าหน้าที่หลายคนนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือ แหงนมองชั้นลอยหมวดจางเดินอยู่ในห้องกระจกด้านบน รีบก้าวเดินเข้าไปหา             

“เจี่ยเจี้ยขา! หนูมาแล้ว”  ฉันยิ้มหวานหน้ามึนเดินเข้าหาหมายจะไปกอดหอม แต่เธอแค่เงยหน้าแล้วสะบัดตูดเดินหนี

“ยังโกรธสินะ” ฉันเจอศึกหนักจริง ๆ หมวดจางไม่ลดการ์ดเลย...             

“หนูไม่ได้เป็นอะไรกับเจอรี่จริง ๆ นะ เชื่อหนูเถอะ!” ฉันออกตัวแต่เช้า เธอไม่สนใจยกโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งการ...             

“คุณว่าน ขึ้นมานี่หน่อย” เธอเดินไปนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งของเธอที่มุมด้านในสุด 

ผู้หญิงวัยประมาณ35ปีตัวอ้วนกลมแก้มยุ้ยในชุดแม่บ้านเดินต้วมเตี้ยมขึ้นมา

หมวดจางเงยหน้า...              

“คุณว่านคะ! ช่วยเอาเด็กใหม่ไปอยู่แผนกคุณด้วยนะ นั่นน่ะ! พาไปเลย” เธอชี้มาที่ฉัน

หญิงอ้วนเดินหน้าบึ้งเข้ามา...

“เชิญ!โอ้ว..แค่ได้ยินเสียงก็หนาวแล้ว ก้มหน้าเดินตามตูดต้อย ๆ ห้องทดลองปลอดเชื้อสี่เหลี่ยมผืนผ้า เต็มไปด้วยกล้องจุลทรรศน์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่คุ้นตา แต่...             

คุณว่านพาเดินเลยออกประตูหลังเข้าไปในอาคาร ผ่านห้องเก็บเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ทางซ้ายเป็นเครื่องผลิตและบรรจุวัคซีน เธอพาเดินมาจนสุดอาคาร ป้ายด้านหน้าเขียนชัดเจน laundry room

“ปึง!

เธอผลักประตูเข้าไปเจอผู้หญิงอีก 2 คนกำลังนั่งกินอาหารที่พื้น ฉันขมวดคิ้วมองสำรวจห้อง...นี่มันห้องแม่บ้านนี่นา ไม้ม็อบและถังน้ำสำหรับเข็นถูพื้น ผ้ากองใหญ่อยู่ถัดเลยไปด้านหลัง

อ้าว!นั่นเครื่องซักผ้า ฉันกำลังสับสนก็ต้องตกใจเมื่อเสียงดังดุขึ้นมา...             

“หมวย! ชื่ออะไร? แนะนำตัวเองกับรุ่นพี่ซะ” คุณว่านตัวอ้วนพูดเสียงดัง หน้าบอกบุญไม่รับ ยืนข้างคุณป้าร่างผอมอีก 2 คน             

“เอ่อ..หนูชื่อไป่ไป๋ค่ะ เพิ่งมาเริ่มงานวันแรก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ฉันประหม่าโค้งศีรษะ

“ฉันชื่อเหวิน อี๊ ฝง เรียกฉันป้าฝงก็ได้นะ” ป้าคนแรกผมขาวรูปร่างท้วมท่าทางใจดี อีกคนดูกร้านเกร็งร่างผอม เส้นผมดำแซมขาว         

“ฉันชื่อ ฝู่ หมิน ถง เรียกฉันว่า ป้าถง” เธอบอกแล้วเดินถือไม้กวาดออกไป

ฉันหันมองหน้าคุณว่าน ไม่เข้าใจพามาที่นี่ทำไม? คุณว่านเดินไปเปิดตู้เก็บของ โยนชุดแม่บ้านออกมา...             

“เปลี่ยนชุดซะ แล้วตามมา” เธอเดินเข้าห้องเล็กถัดไป
          โอ้ว...หมวดจางเล่นงานฉันซะแล้ว แต่ก็ต้องอดทนไว้ก่อนขอให้ได้อยู่ใกล้เธอ..ต้องยอม เปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินไปหาคุณว่าน เธอกำลังหอบผ้าใส่เครื่องซัก

ฉันถลกแขนเสื้อ ปรี่เข้าไปช่วย...             

“มา!..หนูทำเอง” ฉันหอบผ้าในกองโยนเข้าเครื่อง

เธอหันมายิ้มพอใจ...             

“นี่หนู!ใช้เครื่องแบบนี้เป็นหรือเปล่า?” เธอชี้เครื่องซักผ้า

“เป็นค่ะ” ฉันยิ้มพยักหน้าหอบผ้าโยน             

“ดีเลย! วันนี้เธอพึ่งมาใหม่ ไม่ต้องออกไปถูพื้นหรอก ซักผ้านี่ก็แล้วกัน เสร็จแล้วก็เอาไปตากที่ลานด้านหลังอาคารนะ” เธอสั่งงานเสร็จก็เข็นรถออกไป

ป้าฝง เดินยิ้มเข้ามาจับแขนเขย่า...             

“หนู!...รูปร่างหน้าตาอย่างนี้ มาทำงานหนักทำไม? แต่งงานหรือยังเนี่ย?” เธอยิ้มถามหน้าตาใจดี ฉันรู้สึกเหมือนได้เพื่อน             

“ยังไม่ได้แต่งงานค่ะ” ฉันรู้สึกเบาใจที่เพื่อนร่วมงานใจดี

เธอเอียงหน้ามากระซิบ...             

“ดีแล้ว ๆ  สมัยนี้ใครแต่งงานก็โง่ตายห่า เป็นเมียน้อยสบายกว่าเยอะ ไม่ต้องทำงานหนัก” เธอหน้าตาจริงจังมากจะมาไม้ไหนล่ะเนี่ย?

“แหะ!แหะ!” แต่ฉันไม่เอาด้วยหรอก

“จุ๊!จุ๊!จุ๊!” เธอแจ๊ะปากพึงพอใจแล้วเข้ามาลูบแขน ลูบก้นของฉัน...               

“ฉันรู้จักนายทหาร เอาไหมล่ะจะแนะนำให้ คนนี้ใจดีให้บ้านให้รถ ให้เงินเดือนใช้ด้วย เอาไหมล่ะ?” เธอกระแซะท่าทางเอาจริง

“แหะแหะ!” ฉันอึกอักยิ้มเก้อ

เธอขยับเข้ามาลูบแขนปะเหลาะต่อ...             

“หลับหูหลับตาให้มันเอาเดือนละทีสองที สบายจะตายมีคนรับใช้ให้ด้วย”     

ฮ่าฮ่าฮ่า!! ฉันหัวเราะกร้าก ส่ายหน้าปฏิเสธ

เธอหน้าตูม...             

“โง่จริง! ซักผ้าให้มือเปื่อยก็ซื้อบ้านไม่ได้” เธอสะบัดบ็อบออกไป

ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันได้ระเบิดอารมณ์ที่มันขุ่นมัวออกมา รวบรวมกำลังใจทำงานด้วยความสุข 

……………………………………….


ผ่านไป 3 ชั่วโมง...ฉันเข็นรถตะกร้าผ้าออกประตูอาคารมาด้านหลัง ลานตากผ้าแดดเปรี้ยงติดกับป้อมทหาร อมยิ้มที่เห็นสภาพป่าด้านหลัง คิดถึงครั้งที่เคยวิ่งหนีทหารด้วยกัน หันมองไปทางซ้ายฝาท่อระบายที่เคยวิ่งขึ้นมากับแทนเมื่อคราวก่อนยังอยู่ปรกติ        

ฉันเอาผ้าขาวขึ้นมาสะบัดแล้วพาดบนราวลวด ผ้าส่วนใหญ่เป็นชุดทำงานของนักวิจัยไม่ได้สกปรกอะไร ฉันต้องอดทนผ่านจุดนี้ไปให้ได้

จู่จู่...             

“ไป่ไป๋ใส่ชุดอะไรน่ะ! แล้วมาทำอะไรที่นี่ครับ?” เจอรี่โผล่พรวดเข้ามา ฉันขัดใจมากเขามาสร้างปัญหาอีกแน่...

“ขับรถอยู่มั้ง คุณว่าอะไรล่ะ?” ฉันรู้สึกไม่ชอบใจที่เขามาวุ่นวาย              

“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ทำไมถึงมาซักผ้า? ทำไมไม่อยู่ในห้องวิจัย?” เขาหน้าแดงฟึดฟัดหันไปง้างเท้า...

“โครม! เตะถังซักผ้ากระเด็น ตั้งแต่ฉันบอกยกเลิกงานแต่ง เขาก็นิสัยแย่ลงทุกวัน             

“ฉันต้องผ่านการทดลองงานก่อน” ฉันหยิบผ้าขึ้นสะบัดแล้วพาดที่ราว งานไม่ได้ยากเย็นอะไร             

“ผมไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่ ผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด” เขาหงุดหงิดงุ่นง่าน ฉันไม่ชอบเลยที่เขาชอบทำตัวเป็นเจ้าชีวิต             

“ขอร้องล่ะ! อย่ามายุ่งกับฉันได้ไหม? คุณกลับไปทำงานของคุณเลย” ฉันไล่เขาอย่างสุภาพ พยายามทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความสุข ฉันต้องพิสูจน์ให้หมวดจางได้เห็น

แต่...เจอรี่หน้าตูมแดงมาก สายตาโกรธเกรี้ยว             

“นังหมวดนั่น! มันมาจากไหน มันใหญ่มาจากไหน?”เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน             

“เธอเป็นหัวหน้า ฉันไม่รังเกียจงานที่เธอสั่ง ฉันทำได้ นี่มันงานของฉัน” ฉันเดินขยับผ้าที่ตากแล้วให้คลี่ออก             

“มันแกล้งกันนี่นา ผมก็ขอดี ๆ แล้ว สงสัยอยากลองของ” เขาเก่งไปหมดแหละ ปากดีน่ารำคาญ  

“คุณกลับไปได้แล้ว ฉันไม่สบายใจที่เห็นคุณที่นี่”ฉันไล่อีกครั้ง             

“ผมคิดถึงคุณ”

“เฮ้อ!” ฉันส่ายหัวกับเรื่องไร้สาระ คิดถึงก็โทรมาสิวะ

“คุณไม่เบื่อบ้างเหรอ? ตามตื้ออยู่ได้ งานการไม่มีทำหรือไง?” ฉันตวาดกลับ

“ผมทำอะไรให้คุณโกรธนักหนา ผมสิ!ต้องเป็นฝ่ายโกรธคุณ” เสียงอ่อยลง   

“ไปเถอะ! ฉันจะทำงาน” ฉันสะบัดเสื้อคลุมขาวก่อนจะใส่ไม้แขวนตาก         

“แต่..ยายหมวดนี่ทำเกินไป” เขาบ่นหน้ายุ่ง ต้องใช้น้ำเย็นเข้าลูบอีกแล้ว                   

“ถ้ามีใครมาเห็นจะอายเขานะคะ คุณเป็นนายแพทย์ใหญ่ เป็นหลานประธานาธิบดี มามั่วกับแม่บ้านราคาถูก กลับไปซะ! ก่อนจะมีคนมาเห็น” ฉันลดเสียงลง เขาหยุดนิ่งก่อนจะหันไปเตะรถเข็น...          

“โครม! เจออย่างนี้เขาไปแน่ เขาห่วงเรื่องชื่อเสียงหน้าตามากกว่าอะไรทั้งสิ้น             

“ผมไม่ยอมแน่ ผมจะไปคุยกับยายหมวดนั่น” เขาคำรามแล้วเดินกลับออกไปสวนกับป้าฝงที่เดินยิ้มมีเลศนัย ก้มมากระซิบ...             

“ดูท่าแล้ว พ่อหนุ่มนั่นก็เอาแต่ใจ มันยังไม่ได้อึ๊บเธอล่ะสิ โชว์พราวเหลือเกิ้น” คุณป้าจะมาไม้ไหนอีกล่ะ...

“คนอย่างนี้ไม่เกิน 2 ปีมันก็ทิ้ง เชื่อฉัน! เป็นเมียน้อยสบายกว่า”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!! ในเวลาที่เลวร้ายก็ยังมีเรื่องตลกให้ได้หัวเราะ ยังมีกำลังใจสู้ต่อ ฉันต้องหาทางคุยกับพี่สาวให้ได้ โดนตีก็ยอม

ฉันรับรู้แล้วว่าการล้อเล่นต้องมีขอบเขต การเข้าใจผิดคือประตูบานแรกของการสิ้นสุดความสัมพันธ์ ถ้าปัญหาไม่ถูกคลี่คลาย ความเข้าใจผิดนั้นก็จะตอกย้ำอีกฝ่ายให้เป็นการเข้าใจถูก แล้วก็จากกันนิรันดร

                                                ...............................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม