The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 7 ตอนที่ 10

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 7 ตอนที่ 10
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 7
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 21 พ.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


มณฑลเหลียวหนิง
มุมมองสายตาไป่ไป๋

มกราคม ค.ศ. 2026

กองพันที่ 8 เสิ่นหยาง

ฉันนอนคิดไตร่ตรองในทุกมุม ถ้าตัดความอยากได้ของตนเองออกไปทุกอย่างก็ลงตัว แทนได้รักกับนาตาลีเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วเพราะฉันก็รักทั้งสองคน ไม่มีเหตุผลใด ๆ ต้องเสียใจถึงพวกเขาจะไม่รัก แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นทั้งสองปลอดภัย              

เก็บความทุกข์เข้าลิ้นชักก้าวเดินเข้ามาในห้องทดลอง พี่สาวคนสวยกำลังเดินดูงานยุ่งอยู่ ทางรอดทางเดียวของฉันต้องเอาแบบอย่างจากผู้หญิงแกร่งคนนี้ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหนเธอก็ผ่านมันมาได้

เธอไม่เคยร้องขอไม่เคยก้มหัวให้กับความยากลำบาก จิตใจเข้มแข็งอดทนและรอคอยอย่างใจเย็น ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เห็นเลย ฉันตอกย้ำตนเองว่าฉันทำได้ ฉันต้องทำได้

“เมื่อคืนนอนที่ไหน?” เธอสีหน้าไม่ดี ถามเสียงห้วนอย่างนี้มีปัญหาแน่ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงทะเลาะกับนาตาลีบ่อย ๆ เธอเหมือนพี่สาวที่คอยสังเกตน้อง ๆ และคอยจ้ำจี้จ้ำไชด้วยความเป็นห่วง

เมื่อวานเธอคงเห็นเจอรี่มาชวนฉันออกไปดินเนอร์ ต้องรีบเคลียร์ก่อนที่เธอจะเข้าใจผิด ฉันจะไม่ยอมให้ใครเข้าใจผิดอีกแล้วเข็ดแล้ว ต่อไปจะเป็นน้องเล็กของทุกคน จากนี้จะมีแต่ตรงไปตรงมาและพูดเรื่องจริงเท่านั้น ฉันก้มกระซิบข้างหู...           

“นอนกับที่รัก”

“ใครวะ? ”

“น้องแทนน่ะจิ” ฉันยิ้มสุขใจ ได้กอดน้องนอนทั้งคืน

“น้องผอมมากบอกซอนให้ลูกกินมาก ๆ หน่อย พากันเล่นผอมหัวโตทั้งคู่แล้ว”

“หนูเจอแทนกับนาตาลีแล้วนะคะ” โคตรขมขื่นเลย จิตใจของฉันเริ่มโลเล

 “จริงเหรอ? เจอนาตาลีแล้วเหรอ แล้วแทนมาได้ยังไง? เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?” เธอดีใจเขย่าตัวโยก กระดูกเคลื่อนไปหมด             

“เบาหน่อย หนูเจ็บ...”  ฉันเล่าเรื่องราวของเราทั้งหมดให้ฟังอย่างอ่อนใจน้ำตาหล่นลงมาอีก เธอนั่งยิ้มหน้าบานที่รู้ว่านาตาลีปลอดภัยไม่สนใจปัญหาของฉันเลย         

“ช่วยหนูหน่อยสิคะ พวกเขาไม่รักหนูแล้ว” ในใจกลับมาเศร้าอีกแล้ว ถ้าเล่ารายละเอียดเรื่องจะกระโดดน้ำก็คงโดนด่าซ้ำอีก ต้องอดทน

“สมน้ำหน้า! เธอทำลายความไว้วางใจ คนที่เสียความรู้สึกไปแล้วมันเข็ด ยากที่จะคืนดีด้วยง่าย ๆ ใช้เวลาอีกหน่อย นาตาลีเดี๋ยวก็หายโกรธ แต่แทน...ไม่รู้!

“หนูต้องอดทนใช่มั้ยคะ?”

“ใช่! แต่ไม่ได้หมายความว่า อดทนแล้วทุกอย่างจะกลับมานะ จำไว้ว่าอย่าเล่นอย่างนี้อีก ไปเจอแทนได้ยังไง? นินจาใช่แทนรึป่าว?”

“ใช่ค่ะ! หนูนี่โง่บัดซบจริง ๆ” ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ

“เห็นมั้ยล่ะ! ฉันไม่พลาดหรอกแต่พวกเธอมันขี้หมา”  โดนเธอด่าอีกดอกสบายใจไป

“ใครจะไปคิดได้ ทุกคนก็เห็นว่าเขาไม่หายใจไปแล้วนี่ หนูเห็นเขาขาดใจในอ้อมแขนของเจ็ทโด้จริง ๆ นี่” ฉันอ้อมแอ้ม     

“เรื่องนั้นช่างเถอะ! ตอนนี้เธออยู่ใกล้พวกมันเกินไปแล้ว การล้างแค้นของเธอไม่มีความหมายแล้วรีบหาทางถอนตัวด่วน”

“ซอนก็บอกให้หนูหนีได้แล้วแต่คุณต้องออกไปด้วยกัน หนูไม่ไปหรอกถ้าคุณยังติดอยู่ในนี้”

“ไม่ต้องห่วงฉัน เธอเคลื่อนไหวได้รีบไปซะในตอนที่ยังมีโอกาส”สายตาของหมวดจางเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ไปด้วยกัน!” ฉันคว้าเธอมากอดจะไม่มีวันปล่อยให้อยู่ในอันตรายคนเดียว ถ้าต้องตายก็ตายเป็นเพื่อนเธอก็แล้วกัน

“หนูไม่มีเรื่องแค้นกับจูยอนและหวังฉวนแล้ว หนูต้องแก้ปัญหาเรื่องเจอรี่ก่อน สอนหนูหน่อยสิคะ!ฉันต้องหาโอกาสจัดการเรื่องของตัวเองแต่ยังคิดไม่ออก คันหัวกับปัญหานี้มาก...       

“เจอรี่เป็นคนยังไง? บอกพื้นเพมันมาหน่อยสิ” แม่ใหญ่มองหางตา          

“เจอรี่เหรอ มันไฮโซตัวพ่อเลยล่ะ! มันต่างจากซอนคนละมุมโลกเลย เรียนสูงเกิดในครอบครัวนักการเมืองเป็นคุณหนู เจ้ายศเจ้าอย่างอีโก้สูง มันรักชื่อเสียงนามสกุลของมันมากที่สุดชอบขี้โอ่ขี้โม้อวดรวย หนูรวยกว่ามันตั้งเยอะยังไม่เคยพูดให้ใครฟังเลย” ฉันพยายามนึกถึงนิสัยที่ไม่ชอบ

“งั้น! ก็บอกมันไปตรง ๆ เสียเวลากับมันสักพัก เดี๋ยวก็หายบ้า!

“มันไม่ไปหรอก หนูลองแล้ว”  

“ถ้ามันไม่ไปก็เล่นแรงหน่อย หาเรื่องทะเลาะกับมันกลางที่สาธารณะ คนยิ่งเยอะยิ่งดีไอ้พวกนี้มันหน้าบางขี้อาย แต่ระวังตัวหน่อยนะ พวกลูกคุณหนูมันมักจะขาดสติเพราะถูกโอ๋จนเคยตัว เดี๋ยวมันตบเอา” เธอยังนั่งกะพริบตาถี่ มือก็ควงปากกาไปด้วย อย่าว่าแต่เจอรี่อายเลย ฉันก็อายจะให้เล่นงิ้วกลางสาธารณชนเลยหรือ?            

“ตึง! ประตูห้องถูกผลัก ป้าฝงเข็นรถถูพื้นเข้ามา... 

“หนีห่าว!เธอร้องทักเสียงใส

“หนีห่าว!เราหันไปร้องทักพร้อมกัน

“หมวย! เขาถามมาแล้วนะฉันจะพาไปขัดตัว ทำสวยเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว”เธอยิ้มกรุ้มกริ่มจะให้ฉันเป็นเมียน้อยให้ได้สินะ

“หนูมีผัวแล้วค่ะ หาได้แล้ว”

เธอหันมาค้อน...

“ผัวนะหมวยไม่ใช่เศษตังค์ ไปเดินเก็บที่ไหนมาเหรอ?”เธอเดินหัวเราะผ่านไป    

“บรื้นนน!  เสียงรถยนต์คุ้นหูแล่นเข้ามาอย่างเร็ว

Mercedes สีดำคันใหญ่โฉบเข้ามาจอดหน้าอาคาร พนักงานในชุดขาวจิบกาแฟอ่านหนังสือด้านล่างเริ่มทยอยกันขึ้นมา

เจอรี่เปิดประตูรถยนต์วิ่งกระหืดหระหอบเข้ามา

“ไป่ไป๋! คุณหายไปไหนเมื่อคืน หม่าม้าโทรมาร้องไห้ใหญ่เลยแล้วปิดโทรศัพท์ทำไม? คุณได้กินยาตามเวลาหรือเปล่า เมื่อคืนอาการกำเริบเหรอ?” เสียงแข็งสายตาดุหน้าเหี้ยมสีหน้าไม่พอใจ พี่สาวหันมาขมวดคิ้ว

“อุ๊ย!” ฉันลืมหม่าม้าไปสนิทเลยรีบส่งข้อความไปดักไว้ก่อน หันกลับไปชักสีหน้าใส่ต้องจัดการไอ้นี่ด้วย...

“ฉันโดนแขกในร้านด่า โดนเหล้าราดหัวด้วย” ฉันไม่สบอารมณ์ แหกปากเสียงดัง เล่นใหญ่กว่ากลับไป           

“ใครทำคุณ?” เขามองด้วยสายตาสงสัย พนักงานห้องทดลองเริ่มทยอยเข้าประจำตำแหน่งหันมองแล้วซุบซิบ หมวดจางพยักหน้าส่งสัญญาณให้ดังอีก       

“ใครล่ะ! เมื่อคืนคุณทำอะไร ฉันห้ามแล้วใช่ไหมว่าอย่าหาเรื่อง คุณไม่เคยฟังเลย ผลักฉันล้มต่อหน้าคนด้วย โคตรเกลียดเลย” ฉันโวยลั่น

เจอรี่หน้าแดงกัดฟันกรอด...                

“อย่าให้เจอมันอีกก็แล้วกัน ถ้าผมไม่สะดุดขาตัวเองมันล้มผมไม่ได้หรอก” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ฉันเห็นแล้วขัดลูกตาตอนนี้เริ่มเหม็นขี้หน้าแล้ว คนมันหมดประโยชน์ก็แบบนี้แหละทำอะไรก็ผิดไปหมด          

“ฮึ! ยังไม่เข็ด ประเด็นคือคุณผลักฉันทำไม เคยให้เกียรติฉันบ้างไหม? คนเต็มร้านฉันอายนะ”

“ไอ้คนนั้นมันเป็นใคร? ผู้หญิงคนนั้นก็หน้าคุ้น ๆ คุณรู้จักพวกมันด้วยเหรอ?” เขาสีหน้ายังเครียด ถ้าเขาเป็นคนใส่ใจคนอื่นสักนิดก็จำได้ตั้งแต่เจอหน้าหมวดจางแล้ว                        

“คุณจะไม่ถามฉันเลยเหรอว่า โดนอะไรบ้าง?” ฉันโวยดังต้องการให้เป็นจุดสนใจ ไป่ไป๋การแสดงจัดเต็มทั้งสีหน้าท่าทาง

เขายังหน้าเหี้ยม ตาขวาง...                 

“คุณไม่เป็นอะไรเลยนี่นา ผมสิ! ต้องให้น้ำเกลือ คุณน่าจะมาอยู่ข้าง ๆ ตอนผมป่วยนะ” เขาสนแต่เรื่องของตัวเอง พูดเอาแต่ได้

“ฉันจะไม่ไปไหนกับคุณอีกแล้ว พอกันที”

“เดือนนี้คุณเลือกวันมา ผมจะแต่งงานกับคุณแล้ว คุณโยกโย้ไปเรื่อย ไม่ใช่ผมไม่รู้นะ!” เขาเงยหน้าขู่           

“จะบ้าเหรอ? ไม่เอา! ยังไม่แต่ง เอ๊ย!ไม่สิ! ไม่แต่งเลยดีกว่าคุณจะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งกันอีก”

เขาหน้าเสียเปลี่ยนท่าที ลดเสียงลง...            

“คุณโกรธเหรอ? ผมขอโทษนะเรื่องนั้น แต่อย่างไรก็ต้องแต่งมีแต่คนถามผมเบื่อที่จะตอบแล้ว” เขาไม่ได้อย่างก็เอาอีกอย่าง อึดอัดจังโว้ยฉันจ้องหน้า คิดในใจ...จะจัดการกับมันยังไงดีวุ้ย?

“ไปกับผมหน่อยสิ จะไปดูเขาฉีดวัคซีน” เขาเปลี่ยนเรื่องซะงั้น

“ฉันไม่ไป ฉันจะลาออก”

“เรื่องของเราเอาไว้คุยกันใหม่ งานต้องมาก่อนอย่าเหลวไหล”
            "เฮ้อ! ฉันถอนหายใจหันมองหน้าพี่เลี้ยง เธอพยักหน้ายิ้มมุมปาก สายตาดูเหมือนจะสะใจมากเลยสินะ

ฉันจำใจต้องไปกับเจอรี่ คงต้องทะเลาะกันอีกยกใหญ่แน่นอน แต่การหาเรื่องทะเลาะดูเหมือนจะเป็นทางเดียวที่จะจัดการกับเขาได้ เลวกว่านี้ฉันก็ทำมาแล้วจะต้องเกรงใจมันทำไม? คอยดูเถอะแกจะหนาว

……………………………..

ภายในกองพันที่ 8...

อาคารเก็บเครื่องบินรบเฉิงตู J-10, J-11, J-8II, J-7, Su-27, Su-30ทางด้านเหนือของค่ายข้างคฤหาสน์สีเขียวของนายพลห่าวอู๋คึกคัก กองทหารประมาณ 1,500 นายนั่งเข้าแถวรอใต้ร่มของอาคาร เจ้าหน้าที่ชายหญิงกำลังเตรียมวัคซีน           

“ทำไมคุณฉีดให้ทหารได้น้อยจังเลย?”เจอรี่ยกแฟ้มงานหันมาถาม         

“วัคซีนไม่ได้ผลิตง่าย ๆ เหมือนยาหม่องนะคะ”

“เดี๋ยวต้องรายงานคุณลุงผมโดนตำหนิแน่ ท่านต้องการทหาร”

“ท่านประธานาธิบดีคงไม่รีบร้อนหรอก โกหกอะไรไปเขาก็ไม่รู้หรอกน่า” ฉันเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่

“ขอโทษนะคะ เอาออกจากโกดังมาหมดแล้วใช่ไหม?”

พนักงานสาวกำลังทาแอลกอฮอล์ที่แขนทหาร หันมา...

“หมดแล้วค่ะ!

“เชิญทำงานเถอะค่ะ ฉันไม่รบกวนแล้ว” ฉันหันไปหาเรื่องเจอรี่ต่อเครื่องกำลังร้อน...           

“คุณจัดการกับสื่อหรือยัง? เรื่องเมื่อวาน?”

“จัดการแล้ว! ถ้าเรื่องพวกนี้หลุดไปผมตายแน่ อนาคตพังไม่เป็นท่า คิดยังไงก็โกรธ” เขาสีหน้าเครียดทันที                

“คุณหาเรื่องเขาก่อนนี่”                       

“ผมปกป้องคุณนะ คุณเองก็ต้องระวังตัวถ้ามีข่าวหลุดไปจะเสียหาย ชื่อเสียงมันสร้างยากโดนทำลายง่ายนิดเดียว”

ฉันเบื่อมากกับเรื่องนี้ เขาต้องสร้างภาพเพื่อก้าวขึ้นสู่ชนชั้นปกครอง พวกนักการเมืองต้องเป็นคนใจซื่อมือสะอาด

“ฉันว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะ ฉันจะบอกหม่าม้าให้ยกเลิกข้อตกลงของคุณ เราจบกันแค่นี้ดีกว่า” ฉันเปรยเบา ๆ เขาหันระแวงมองพนักงานแล้วหันมาส่งสายตาดุ...

“คุณเป็นอะไรไป เมื่อก่อนก็คุยกันอยู่ดี ๆ แต่หลังจากที่เพื่อนคุณกลับไปคราวนั้น คุณเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย”

กองทหารเริ่มลดลง พวกเขาเดินเข้ารับวัคซีนแล้วกลับไปทำงาน ไอ้กลุ่มนี้เป็นอันตรายกับชนชาติอื่น

“ฉันแค่ลองคุยกับคุณเฉย ๆ คุณไม่ผ่านการคัดเลือก” ฉันหาเรื่องซึ่งหน้า เขาชำเลืองมอง...              

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ผมนี่นะไม่ผ่าน การศึกษาก็สูงชาติตระกูลเป็นผู้ปกครองประเทศ อีกไม่นานผมจะเข้ารับตำแหนงรองประธานาธิบดี ยังไม่ผ่านอีกเหรอ?” ท่าทางโอ้อวดหยิ่งผยองอย่างนี้กับหม่าม้าเขาก็ทำ เขาเคารพหม่าม้าแค่เป็นพิธีเท่านั้น ท่านอยากได้หลานจนหน้ามืดไม่ฟังป่ะป๊าห้ามเลย คนที่เข้าใจฉันกลับกลายเป็นพ่อเลี้ยง          

“ฉันอยากใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน อยากเดินเล่นสบาย ๆ กินลูกชิ้นข้างถนนไม่ต้องคอยหลบนักข่าว ไม่อยากอยู่ในกรอบ ไม่อยากถูกกักขังโดยสังคม ไม่ต้องการเป็นตัวอย่างให้กับใคร” อะไรที่คิดได้ก็ใส่ไปก่อนให้เขาหาทางแก้ตัวเอาเอง               

“คุณต้องเข้าใจสิว่า ต่อไปเราจะเป็นผู้ปกครองจะทำตัวให้เป็นขี้ปากคนอื่นไม่ได้ ไอ้พวกไพร่มันจะเอาไปสร้างประเด็น”

“ฉันไม่อยากเป็นผู้ปกครองบ้าบออะไรของคุณหรอก”

“ตกลงคุณอยากจะเลิกคบกับผมจริง ๆ เหรอ?” อ้าว..ถามมาอย่างนี้ก็เข้าทางสิ...

“ใช่เลย! ดูปากนะคะ ฉันจะพูดช้า ๆ ...ไม่อยากเจอหน้าคุณอีกแล้วเลิกยุ่งกับฉันเสียที ขอให้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะคะ” ฉันใส่ทันทีไม่มีลังเล ตอกหน้ากันไปเลย   

“แล้วที่ผมทำดีกับคุณตลอดมานี่ล่ะ? คุณไม่เห็นอะไรบ้างเลยหรือไง?” เขาหันมาหน้าเสียที่ฉันเอาจริงและไม่ยอมทุกอย่าง

“แล้วฉันไม่ดีกับคุณหรือไง? คุณชวนไปไหนก็ไปฉันก็ทำดีแล้ว ฉันเกรงใจหม่าม้ากับป่ะป๊า คุณลวนลามฉันหลายครั้งด้วยยังไม่ได้คิดบัญชีเลย” เรื่องเถียงฉันก็ไม่แพ้ใครหรอก นายไม่มีวันชนะแน่ถ้าฉันไม่ยอม

“แต่ผมรักคุณนะ” เขาหันมาจ้องหน้านิ่ง                     

“รักเหรอ ระหว่างฉันกับชื่อเสียงวงศ์ตระกูลคุณรักอะไรมากกว่ากัน?” เจอไม้นี้เข้าไป คิดก่อนตอบนะ                       

“แหงล่ะ! ต้องรักคุณมากกว่าสิ” เขายิ้มหวาน

“งั้นคุณลาออกจากการเมืองทุกตำแหน่ง ฉันจะแต่งงานกับคุณ”

“ไม่เอาสิ! ผมผิดอะไร จู่ ๆ จะมาบอกเลิกหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ไง? ผมไม่เลิกหรอก ไม่มีวันเลิกกับคุณ” เขาดูนาฬิกาข้อมือ...           

“ได้เวลาประชุมแล้วไปก่อนเถอะ คุณเตรียมเอกสารให้ผมแล้วนะ เพราะต้องตอบเรื่องสำคัญ”

“เปลี่ยนเรื่องตลอดเลยนะ คุยให้มันรู้เรื่องสิ!” ฉันชักหงุดหงิด

“รู้เรื่องแล้ว! ไม่เลิก!” อ้าว! จะมึนไปถึงไหนวะเนี่ย?

คิดไปก็น่าสงสารเขาเหมือนกัน เป็นใครก็รับไม่ทันตั้งตัวไม่ติดที่โดนหาเรื่องทะเลาะโดยไม่มีเหตุสมควร นายรออีกสักนิดเดี๋ยวเหตุผลมันจะมาของมันเอง แรก ๆ ก็งงกันอย่างนี้แหละ

................................................................

เฉิงเต๋อ

เซฟเฮาส์ประธานาธิบดี...

รถยนต์หรูของเจอรี่แล่นผ่านหุบเขาสลับซับซ้อนเข้าจอดบนลานกว้างรายรอบด้วยต้นไม้และสระน้ำ เราก้าวเดินบนสะพานไปที่อาคารไม้ 2 ชั้นสวยสะดุดตากลางบ่อน้ำ

ภายในอาคารเต็มไปด้วยทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่ขุดมาจากสุสานของจักรพรรดิ์สมัยก่อนเจ้าหน้าที่เดินมาเชิญให้เข้าไปนั่งในห้องประชุม หวังฉวนเดินนำหน้านายทหาร 3 คนเข้ามา

“หนีห่าว! เขายิ้มอารมณ์ดีหันมายิ้มทักทายก่อนจะลงนั่งที่หัวโต๊ะท่าทางสุขุมแฝงไปด้วยอำนาจ ฉันใจเต้นทุกครั้งที่เจอหน้า

“อ้าว! ไป่ไป๋มาด้วยเหรอ ดี ๆ ผมมีเรื่องจะสอบถามพอดี”เขายิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข

นายทหารทั้งสามนั่งกันตรงกันข้ามกับฉัน คนหนึ่งคือร้อยเอกเสี่ยวปัง อีกคนคือพลตรีซีชานที่มักจะส่งตาหวานมาโดยไม่เกรงใจเจอรี่

“หือ!” สะดุดตากับนายทหารหนุ่มหน้าคุ้นนั่งข้างเสี่ยวปัง เขาขมวดคิ้วมองฉันยิ้มให้แต่ไม่ทัก ฉันจำเขาได้...เก้อเฉิง

“สบายดีไหมคะท่าน ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่แล้ว” ฉันเอื้อนเอ่ยส่งสัมพันธไมตรี ยิ้มหวานให้ซีชาน
         
“ครับสบายดี”เขายืดอก

หวังฉวนหันไปหาเสี่ยวปัง ...               

“คุณไปเกาหลีเหนือมาเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถามเสียงดัง

เสี่ยวปังยืดอก รายงาน...                    

“ผมไปลาดตระเวนชายแดนริมแม่น้ำยาลู่ พวกเขาเคลื่อนเครื่องยิงต่อต้านขีปนาวุธระยะไกลมาไว้ที่ชายแดนชินอุยจูตามเส้นตะเข็บชายแดนยาวเลยครับ เหตุการณ์อย่างอื่นปรกติ ไม่มี Soulless เดินให้เห็นครับผม!                    

“แล้วเจอจูยอนไหม?” ซีชานถาม

เขาอึกอักก่อนจะตอบ

“ผม..ยังไม่ได้เข้าไปถึงข้างในครับ” เขารายงานแล้วหลุบตา

ฉันนั่งนิ่งเก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ ไอ้พวกนี้ขี้โกงคอยคิดแต่จะบุกโจมตีคนอื่น ฉันเดาไม่ผิดจริง ๆ ว่าหวังฉวนจะทรยศเพื่อนและก็เป็นจริงดังคาด ในที่สุดเขาก็หักหลังยอร์นและทุกคน                     

เขาหันไปสั่งเสี่ยวปัง...            

“เสี่ยวปัง! คุณไปวางแผนโจมตีเกาหลีเหนือไว้ รอให้ท่านนายพลห่าวอู๋ติดต่อมาก่อนค่อยลงมือ ช่วงนี้ท่านนายพลขยันทำงานผิดปรกติ  เห็นว่าไปลงมือต้อนถึงเมืองมกโพใต้สุดของเกาหลีใต้ ตอนนี้พวกเขาต้อน Soulless ขึ้นมาจะถึงแดจ็อนแล้ว” ใบหน้าเปื้อนยิ้มแฝงไปด้วยเล่ห์ สูดลมหายใจลึก...

“ซีชาน Kala democracy เรียบร้อยไหม?”

“ง่ายมากอย่างที่ท่านบอกเลยครับ พวกเขารวมตัวกันประท้วงทั่วประเทศรัฐก็มัวแต่ไล่ฆ่าคนเห็นต่าง ผมยุติข้อบาดหมางนั้นให้ทั้งสองฝ่ายแล้วครับ” ซีชานยืดอก

“ดี! ดีมาก! ถอนทหารกลับมาหมดหรือยัง?”

“หมดแล้วครับ! ผมส่งทหารชุดใหม่เข้าไปยึดพื้นที่ไว้แล้ว”

“ดี!” เขาหันหาเจอรี่...  

“เอ่อ!..เจอรี่ฉีดวัคซีนให้ทหารไปได้มากหรือยัง?” เขามองหาคำตอบจากเจอรี่แล้วเลื่อนสายตามามองฉันรีบตอบ...                    

“ทางทีมฯ ได้ฉีดให้ทหารไป1,500 คนค่ะ เรากำลังเร่งผลิตอยู่ค่ะ” ฉันรายงานไปตามชาร์ต

เสี่ยวปังขยับ...            

“ผมจะใช้ทหารที่ฉีดวัคซีนแล้วไปรบกับทหารเกาหลีเหนือครับ จะได้ไม่ต้องกังวลจูยอนเป่านกหวีด”

“ไป่ไป๋เร่งมือหน่อยเราไม่มีทหารใช้แล้ว กองทหารที่จะส่งไปประจำ Kala Democracy ก็ฉีดวัคซีน Tame26 แล้ว พวกมันอาจตายได้ง่าย ๆ ถ้าใครเดินไปเจอ Golden wave

ซีชานยิ้มกริ่ม...

“ใช่ครับ! มันเหมือนก้อนทองคำสวยมาก ใครเห็นก็หยิบครับ”

ใบหน้าของหวังฉวนมีแต่รอยยิ้มและความมั่นใจ...                 

“ทั้งโลกอยู่ในมือของเราแล้ว ดี! ดี!” คนแก่คนนี้ดูจะโชคดีกว่าใคร ทำงานสำเร็จผ่านตลอด

หวังฉวนหันมองเจอรี่...            

“เจอรี่! ผลิตวัคซีนได้สัก 10 ล้านโดสแล้วทำลายหลักฐานทุกอย่างทิ้งไปเลยนะ หมวดจางด้วย”

เจอรี่ขยับตัวหยิบแฟ้มขึ้นมา...           

“ตอนนี้มีส่วนผสมที่รอผลิตเกือบ 8 ล้านโดสแล้วครับ พวกเธอทำงานกันเก่งมากครับ” เขาหันมายิ้มกับฉัน                       

“นายไว้ใจได้จริง ๆ ต้องปูนรางวัลกันหน่อยแล้ว”

“ถ้าไม่ได้ไป่ไป๋งานไม่เดินขนาดนี้หรอกครับ ปูนบำเหน็จให้เธอก็แล้วกัน” เจอรี่ยืดอกยิ้มกว้างผายมือมาที่ฉัน         

แล้วทั้งลุง - หลานก็หัวเราะร่วน ฉันยิ้มแหยไม่รู้สึกดีใจด้วย เริ่มกังวลกับชีวิตของหมวดจางต้องพาเธอหนีออกจากที่นี่ให้ได้   

“ใครมีอะไรจะบอกไหม? ถ้าไม่มีอะไรก็จบการประชุม เราแยกย้ายกันไปทำงานกันดีกว่า  ซีชาน! เสี่ยวปัง! เก้อเฉิง! เจอรี่! ไป่ไป๋! ขอบใจมากที่ทำงานหนัก”

Rrrr เขาพูดจบโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น                   

พวกเราลุกเดินออกจากห้องหลังสิ้นสุดการประชุม ฉันรีบอ้างว่าปวดท้องชิ่งหนีเจอรี่ กลับไปเล่าเรื่องให้หมวดจางฟัง

...............................................

กองพันที่ 8

“เจี่ยเจี้ยเอายังไงต่อดี?” ฉันร้อนใจ

“หนีไปสิ เธอจะอยู่ให้มันจับได้เหรอ?”

“ถ้าหนูหนีไป ใครจะช่วยคุณ”

“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฝากดูแลน้องแทนด้วย ถ้าฉันตายเธอก็อยู่เป็นเพื่อนกับซอนช่วยกันเลี้ยงน้อง”

“ไม่เอาสิ! คุณต้องไม่ตาย หนูยังยอมรับเรื่องของแทนไม่ได้เลย อย่าทำร้ายหนูอีกนะ หนูทนไม่ไหวแล้ว” การจากลาในทุกกรณีไม่เคยทำให้หัวใจมีสุข ฉันได้แต่พยายามจะลืม แต่จะทำอย่างไรได้ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันคิดถึงเขาทุกเช้าจนเป็นนิสัย

“กลับไปหาแทนอีกครั้งได้มั้ย?” พี่สาวหันมามอง

“หนูไม่ไปแล้ว หนูอยากจะลืม” ใบหน้าของเขาลอยมาอีกแล้ว

“จะลืมทำไม แทนไม่ใช่คนเลวที่ทำร้ายร่างกายเรา เขาก็ลำบากกว่าจะผ่านมาถึงวันนี้ ถ้าไม่มีครีมที่นาตาลีทำเขาอาจจะไม่ได้กลับมาอีก และที่เขาโกรธก็มีเหตุผล ไม่มีใครไม่โกรธเธอสักคนนะ” เธอพูดมาอย่างนี้ก็มีเหตุผล

“แต่หนูเคยคิดมาตลอดว่าเป็นคนทำให้เขาตาย หนูพรากคนรักของนาตาลี เขาได้กลับมาอยู่ด้วยกันก็น่าจะถูกแล้ว หนูพยายามจะคิดแบบนี้แล้ว”

“ก็คิดแบบนั้นแหละ แต่เธอน่าจะส่งข่าวให้เขารู้ตัวนะ ถ้าจีนบุกจริง ๆ เขาอาจจะตายโดยไม่รู้ตัว อีกอย่างเรื่องที่บ้านของเขาก็สำคัญ”

“แต่หนูไม่กล้า กลัวพวกเขาจะหาว่าพูดไม่รู้เรื่อง จบแล้วไม่ยอมจบ หนูเข้าใจเจอรี่นะคะแต่หนูก็ไม่อยากถูกพวกเขาเกลียดเหมือนมัน”

“ไปเพื่อพูดเรื่องสำคัญพูดจบแล้วก็กลับ พาน้องแทนกับซอนไปด้วย”

“เอาอย่างนั้นเหรอ?”

“อือ! เห็นหน้าอีกครั้งจะเป็นไรไป มองไว้นาน ๆ สิ! รักไม่ใช่เหรอ? รักแบบไม่ต้องครอบครองในแบบที่แทนเคยทำ รักแบบเสียสละที่นาตาลียอมเธอ”

ไม่ว่าจะรักแบบไหนมันก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้น แต่การเอาชนะใจตัวเองทั้ง ๆ ที่รู้ว่าต้องเจ็บเป็นเรื่องที่ต้องฝึก เดินชนกับปัญหานี่แหละคือการแก้ปัญหา ไปเห็นพวกเขาอีกครั้งก่อนที่เขาจะกลับเกาหลีก็ดีเหมือนกัน ถึงคว้าอะไรติดมือมาไม่ได้ แต่ก็ได้ภาพแห่งความทรงจำยังได้เห็นหน้าของทั้งสองคนอีก

                          ............................................................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม