หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 7 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 21 พ.ค. 2567 |
เกาหลีเหนือ
มุมมองสายตา แทน
กุมภาพันธ์ ค.ศ.2026
ผมถูกเรียกตัวตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้ารีบขับรถฝ่าพายุมาที่ค่ายโชซอนอินมินกุน จอดรถยนต์เทียบหน้าโรงจอดเครื่องบินรบ MIG นักบินรบชุดออกศึกเต็มพิกัดยืนท่าตามสบายพักเป็นแถวหน้ากระดานรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่ผมก้าวลงสหายโกมินทักยืดอกตะโกนเสียงดัง...
“ทำความเคารพสหายครูฝึก”
“ชุงซอง!” ทหารทั้งแถวยืดอกทำความเคารพพร้อมเปล่งเสียงดังหนักแน่น
พวกเขาเท่มาก ผมมองด้วยความภูมิใจกับทหารที่พวกเราช่วยกันฝึกขึ้นมา นักบินทั้ง 20 นายยังอยู่วัยหนุ่ม ใจเกินร้อยยืดอกนิ่งสง่างาม
ผมก้าวเข้าไปยืนต่อหน้าทุกคน...
“สหายทุกท่าน! วันนี้พวกท่านจะได้แสดงความสามารถของตนเอง เพื่อปกป้องประเทศชาติอย่างแท้จริง ศัตรูของพวกเราเผยโฉมออกมาแล้ว พร้อมที่จะออกไปสู้กับพวกมันมั้ย? พร้อมจะปกป้องปิตุภูมิมั้ย?"
“ฮูย่าห์!!!” นักบินหนุ่มร้องรับเสียงดัง
“ในชีวิตของลูกผู้ชาย การได้รับใช้ชาติถือว่ามีเกียรติ แต่ถ้าเรา! ได้ออกรบกับเพื่อนร่วมชาติ ถือเป็นเกียรติสูงสุด”
“ฮูย่าห์!!!”
“ทุกคนคือ นักรบของประชาชน พวกเราคือกระแสลมอบอุ่นที่จะทำให้พวกเขาสบายใจ จงหวงแหนแม้แต่อากาศบนท้องฟ้า ไม่ว่าศัตรูหน้าไหนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาหายใจในน่านฟ้าของเรา”
“ฮูย่าห์!!!”
“ขึ้นไปไล่ล่าเครื่องบินรบทุกลำ ประกาศศักดาให้พวกมันรู้ว่า นักบินโชซอนเก่งที่สุด เสืออากาศทุกท่านขึ้นบินได้ ฮูย่าห์!” ผมชูแขนตะโกนสุดเสียง
“ฮูย่าห์!” เด็กหนุ่มไม่ต้องปลุกพลังกันมากมาย พวกเขากะเหี้ยนกระหายอยู่แล้ว พวกเขากระตือรือร้น วิ่งแยกย้ายกันไปขึ้นเครื่องบินหลากสี ที่พวกเขาบรรจงแต่งแต้ม สร้างลวดลายให้กับเครื่องบินคู่ใจ
ผมหันกลับมาหาสหายโกมีทัก...
“วันนี้ ผมจะขึ้นบินด้วย”
“หือ!” เขาหันขวับ…
“ไม่ได้นะครับ ผิดพลาดไปสหายยังฝึกคนรุ่นต่อไปได้” เขาผวาเข้ามาจับมือ สบตาแสดงความจริงใจ
“ถ้าคุณแพ้ก็เท่ากับผมแพ้ ผมฝึกพวกคุณไม่ดี ไปเถอะสหาย! ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน” สิ้นเสียงของผม สายตาของเขาเปลี่ยนไป
เขาสูดหายใจลึกยืดอกยืนตรง...
“เซม! ขอบคุณมากครับที่วางใจ วันนี้ผมจะโชว์ให้ดู” เขาสีหน้ามั่นใจมากขึ้น วิ่งเข้าไปในโรงจอด MIG - 35
ทหารจากชายแดนค่ายชินอุยจู วิทยุรายงานว่าเครื่องบินรบของจีน เข้ามาโฉบเฉี่ยวใกล้ชายแดน ต้องออกไปต้อนรับสักหน่อย
หัวจรวดแหลมของเครื่องบิน MIG -35 ผ่านหน้าผมไปช้า ๆ เงาทะมึนของลำตัวเครื่องกลมดุจกระสุนปืน ปีกกว้างลักษณะสามเหลี่ยมใหญ่เคลื่อนเข้ามาบังศีรษะพอดี
“ฮึ้บ!” ผมรีบปีนขึ้นไปด้านหลัง ประจำที่นักบินที่ 2
ทันทีที่ฝากระจกครอบนักบินปิดลง เครื่องยนต์ทรงพลังก็กระชากตัวพุ่งพรวดจนหงายหลังพิงเบาะ...
“ฟ้าว...ววว!!” เครื่องเหินขึ้นฟ้าอย่างเร็วแล้วม้วนหัวกลับภายในพริบตา ผมนั่งยิ้มพอใจอยู่ด้านหลัง สหายโกมีทักเก่งเหมือนกัน
“ฐานเรียกสหายผู้พัน เปลี่ยน!” เสียงวิทยุดัง
“รับทราบ เปลี่ยน!”
“สหายไปชายแดนทางด้านเหนือ เปลี่ยน!” ฐานสั่ง
“รับทราบ! เปลี่ยน!” สหายโกจบการสนทนากับฐาน พูดกับผมต่อ
“เซม! ไปเมืองมันโปนะครับ ด้านเหนือติดชายแดนจีน” เขาทักผ่านหมวกนักบิน
เครื่องบินรบ 2 ที่นั่ง รอบตัวมีแต่เกจ์วัดความดันเต็มไปหมด มือจับสีแดงสำหรับดีดตัวของนักบินอยู่ตรงง่ามขา เอาไว้กันพลาด
“จัดไป!” เครื่องบินเอียงวูบ ก่อนพุ่งขึ้นเหนือเมฆด้วยความเร็วสูง มองลงไปเห็นเพียงผืนผ้ายับยู่ยี่สีเขียวอมน้ำตาลของขุนเขาแห้งแล้ง
“สหายโกต้องเตรียมตัวให้พร้อมนะ จีนมันจะถล่มประเทศของเราแล้ว” สายตาของผมมองไปที่จอเรดาร์ สัญญาณแสงสีเขียวส่งคลื่นจับสัญญาณ
“ผมสั่งทหารเตรียมพร้อมแล้วครับ พวกเราพร้อมมากอยากเจอเหมือนกัน วันนี้ก็ถือว่าเป็นการซ้อมเสมือนจริง” จิตใจของพวกเขาฮึกเหิม
เครื่องบินรบแหวกก้อนเมฆเข้าสู่ทิศเหนือของประเทศ ผืนแผ่นดินด้านล่างเต็มไปด้วยหุบเหวและภูเขาสูง เทือกเขาสูงเสียดฟ้าพาดขวางหน้า หัวใจของผมผสมรวมกับสหายโกไปแล้ว
เขากดหัวเครื่องบินพุ่งดิ่งพสุธา แล้วโค้งเข้ารอยแยกหุบเหวของขุนเขา เครื่องบินโฉบร่อนโค้งไปตามเหลี่ยมภูเขาสูงอย่างคล่องแคล่ว
“นี่เทือกเขาอะไรครับ สหายโก” ผมเอ่ยถาม แง่งหน้าผาหินสองฝั่งของผาชันเคลื่อนผ่านสายตาไปอย่างเร็ว
“อ๋อ!นี่เป็นเทือกเขา เฮ้อซัน แบ่งคนละครึ่งกับจีน ฝากโน้นเป็นของจีนครับ” เขาตอบได้ทันที แสดงว่าเขาทำการบ้านตลอดเวลา
เครื่องบินหลุดจากหุบเหว เข้าสู่ผืนป่าทึบมองจากมุมบนเหมือนกระดาษสีเขียวอมน้ำตาลยับย่น
ทันใดนั้น...
“ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ!” เสียงดังเตือน บนจอเรดาร์ตรวจพบวัตถุเคลื่อนที่เร็ว บินมาทางซ้าย
เขาบังคับเครื่องลงต่ำเข้าหลุบภูเขา โค้งร่อนคดเคี้ยวไปตามลำธารและซอกภูเขาสูง ป่าไม้สองข้างทางดูหวาดเสียวผ่านตาไวมาก เหมือนจะพุ่งเข้ามาหาเรา
“เฉิงตู J-10 ของจีนมันตามหลังมา 2 ลำ สลัดทิ้งก่อน” ผมบอกเมื่อภาพในจอจับลักษณะของเครื่องบินรบที่ตามมาได้ชัดเจน
“ฟ้าว...วว!!” เครื่องบินสมรรถนะใกล้เคียงกัน แพ้ชนะอยู่ที่ฝีมือและหัวใจของนักบิน
เครื่องบินผ่านผืนป่าเขียวจะเข้าสู่เขตหุบเหวและภูเขาสูง จรวดหัวแหลมของเราพุ่งเข้าไป สหายโกขับเครื่องบินฉวัดเฉวียนเอียงหลบการล็อคเป้าของเครื่องบินรบสมรรถนะสูงจากจีน
ผมนั่งมองลุ้นสหายโกบังคับเครื่องบินรบ เหมือนกำลังเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เครื่องบินรบสมัยใหม่ ขับง่ายมากเพราะมีเซ็นเซอร์เตือนทุกจุดหากเกิดอันตราย
“ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!” ใจหายวาบ เสียงเตือนจากระบบป้องกันตัวเองของ MIG - 35 ร้องดังขึ้น
“สหายโก เราโดนล็อคเป้า” ผมร้องเตือนเสียงหลง แต่เขายังขับหลบเลี่ยงหลุดได้ทุกครั้ง
ทันใดนั้น....
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” กระสุนหัวระเบิดจากเฉิงตู J-10 พุ่งมาเป็นสายยาวที่ปีกด้านซ้าย
สหายโกเอียงลำวูบ ทิ้งตัวดิ่งลงต่ำ ขับเฉียดเรือนยอดไม้ ผมอ้าปากค้างเสียวท้องวูบวาบ สายตามองรอบข้างไม่ทัน
“ฟ้าว...วว!!!!”
เครื่องบินร่อนเฉียดเรือนยอดไม้ จนป่าทั้งป่าสะเทือนด้วยเสียงซูเปอร์โซนิคของเครื่องบินคำราม นักบินรบของจีนก็ไล่ตามติด
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” สายกระสุนยาวจากเฉิงตู J-10 ทั้งสองลำพุ่งลงกระทบต้นไม้ด้านล่างฉีกขาดสะบั้น ต้นไม้หักแหวกเป็นช่องตามรอยกระสุน ตรงลิ่วเข้ามาด้านหลัง
“ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด!” เสียงเตือนโดนล็อคเป้าอีกแล้ว พวกมันจี้ไล่หลังกัดไม่ปล่อย...
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” เสียงปืนจากเฉิงตู J-10 ยังยิงตามมาต่อเนื่อง
“วูบ!!” สหายโกดึงเครื่องขึ้นแล้วโฉบออกข้าง เครื่องบินหลุดจากเขตภูเขาสูงเข้าสู่พื้นราบการเกษตรของชาวบ้าน ต้นไม้ป่าเขียวครึ้มสลับนาข้าวแห้งแล้ง สหายโกยังบินในระยะต่ำด้วยความเร็วสูง
“เฟี๊ยว…วววว!” เครื่องบินรบบินเฉียดหลังคาบ้าน
“ฟ๊าว!!วว” เรือนชาวบ้านในชนบทอยู่กันเป็นกลุ่มหลังคาปลิวว่อน เปิดเห็นถึงห้องนอน ต้นมะพร้าวเรียวเอียงลู่ลม
เครื่องบินแล่นพ้นกลุ่มบ้าน พุ่งตรงลิ่วเข้าหาเทือกเขาสูงดำทะมึนหน้าผาสีน้ำตาลของเทือกเขาชันขวางข้างหน้า...
“สหายโก! ทางตัน!” ผมเตือนเมื่อเห็นเทือกเขายอดสูงเสียดฟ้ายาวขวางหน้า MIG – 35 พุ่งเรี่ยพื้นตรงเข้าหาอย่างเร็วไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนกำลัง
“หน้าผาชั่วนิรันดร์ ตอนนี้เราอยู่ที่ดำดงครับ” สหายโกมีทักก็บ้าดีเดือดดีเหมือนกัน
“ตึกตึก!ตึกตึก!” ผมใจสั่นมากขึ้นเมื่อเครื่องบินของเราจี้เข้าใกล้เทือกเขาเข้าไปทุกที
“ฮู่ว!!” ผมเริ่มเป่าปากถูมือในใจลุ้นระทึก
“เอางี้!!จริงเหรอ?” ผมร้องลั่น ดวงตาเบิกกว้างลุ้นแทบหยุดหายใจ MIG – 35 ไม่ลดความเร็วลงเลย เฉิงตู J-10 ก็จี้ตูดเข้ามาทุกขณะ
“ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด!” สัญญาณล็อคเป้าครั้งที่ 3 ดังขึ้น หัวใจของผมหล่นลงพื้นไปแล้ว
ผมยังมองไม่เห็นทางรอดเลย กำแพงต้นไม้หนาทึบด้านหน้าใกล้เข้ามาทุกขณะ ก้มมองภาพบนจอข้างหน้าตัวเอง พลันขนลุกซู่ไปทั้งตัว ใต้ปีกของ เฉิงตู J-10 เปิดออก ดันจรวดหัวแดงลงมา...
“ฟู้ว!!!” จรวดสองลูกถูกยิงออกมา ผมร้องบอกสหายโก...
“มันยิงจรวดแล้ว สหายโก!” ผมนั่งไม่ติด หวาดเสียวเอาเรื่องเหมือนกัน
สหายโกยังนิ่ง
“ทำอะไรสักอย่างสิ สหายโก!” ผมเสียงชักจะสั่นเมื่อจรวดพุ่งจี้ท้ายเข้ามา ขาของผมกระตุกจะวิ่งบ่อย ๆ ตามสัญชาติญาณ จรวดนำวิถีความร้อนวิ่งตามจี้ตูดเครื่องบินของเรา จนกว่าจะระเบิดกันไปข้างหนึ่ง
“กำลังทำอยู่นี่ไงครับ” เขาตอบอย่างใจเย็น ผมนั่งลุ้นใจระทึก เกร็งจนตอนนี้ ใครเอาไม้แหย่ตูดไม่เข้าแน่นอน
“ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด!” จรวดยิ่งเข้าใกล้เสียงร้องยิ่งดังรัว อีกประมาณ 5 เมตรมันจะถึงหางเครื่องบิน
เทือกเขาทะมึนข้างหน้าขวางทาง ความเร็วขนาดนี้ บินต่ำขนาดนี้ ดึงอย่างไรเครื่องก็ไม่เหิรขึ้นยอดเขาแน่ สายตาผมเห็นแสงจากช่องเขาขาดแคบ ๆ ข้างหน้าเยื้องทางขวา
“สหายจะเข้าซอกภูเขาเหรอ? ผมว่ามันไม่พ้นนะ” ผมเยี่ยวปริบ
ซอกเขาแยกออกจากกันเป็นช่องแคบ มองด้วยสายตาปีกผ่านไปไม่ได้แน่ จรวดก็จะถึงตูดเครื่องแล้ว
“ครับ” สิ้นเสียงของเขา MIG - 35 โฉบขวาแล้วพลิกเอียง
“เฮ้ย!!” ผมผวาสุดตัว
“ซึ่ม!!!” เครื่องบินเอียงปีกตั้งชี้ฟ้า 90 องศาแล่นเข้าซอกภูเขาแคบ
“เหวอ!!!!” ผมตาค้างร้องเสียงหลง เมื่อส่วนหัวพุ่งเข้าซอก
“บรึ้ม! บรึ้ม!” เสียงระเบิดทั้ง 2 ลูกดังไล่หลัง มันพุ่งเข้าชนหน้าผาอย่างจัง ลูกไฟลุกท่วม
“เย้!! สุดยอดสหายโก” ผมแหกปากร้องดีใจที่รอดตาย ในขณะที่ลำตัวเครื่องยังเอียงกระเท่เร่ กิ่งไม้เฉี่ยวกระจกครอบหัวนักบิน หันมองจอภาพของกล้องส่อง
ภายในเสี้ยวนาทีนั้น...
“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงหลงอีกครั้งเมื่อ เฉิงตู J-10 พยายามขับเข้าซอกตามมา
“ดูสิมันจะผ่านได้มั้ย?” สหายโกพึมพำเบา ๆ
“โอ๊ะ!” ปลายปีกยาวของเครื่องบินจีนไปเกี่ยวกับต้นไม้ เครื่องบินเสียหลักหมุนปะทะหน้าผา
“บรึ้ม!” เสียงระเบิดกัมปนาท ลูกไฟขนาดมหึมาตกลงสู่ผืนป่าด้านล่าง...
“ Good bye เฉิงตู J-10 ” ผมยิ้มร่าสบายใจขึ้นมาอีกเปลาะ
“Ya…Hoooo!! Sweet dream” เสียงสหายโกสะใจ เมื่อ MIG – 35 บินพ้นจุดแคบ พลิกกลับมาบินปรกติ
“ฮู่ว! Good job!” ผมถอนหายใจยาวใจยังสั่น เยี่ยวเกือบราด
เครื่องบินพุ่งทะยานทะลุเทือกเขาออกมา
“เฟี้ยว...วว!” ดีใจยังไม่ทันหุบยิ้ม เฉิงตู J-10 อีกลำก็ตามมาลอยลำอยู่เหนือหัว เครื่องบินรบทั้งสองลำพุ่งทะยานมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน
เสียงวิทยุเรียก...
“คิมซองบก เรียกสหายผู้พัน เปลี่ยน!” เสียงนักบินของเราเรียกมา
“ทราบ! เปลี่ยน!”
“ผมมาช่วยแล้ว เรามาดับฟ้ากันเถอะครับ” เสียงคิมซองบกคึกคัก
ผมไม่เข้าใจรหัสโค๊ดของพวกเขา สหายโกมีทักเก่งเรื่องการบินมาก เขาเป็นคนที่ทุ่มเทกับงานจนจูยอนยอมรับในตัวของเขามากกว่าคนอื่น
“ทราบ! ลงมือเลย เปลี่ยน!” เขาบอกพร้อมดึงเครื่องหัวเชิดขึ้น
“ซึ่ม!!” เฉิงตู J-10 เข้าประกบด้านหลังทันที เครื่องบินรบทั้งสองลำกำลังไต่ระดับความสูงขึ้นไล่ล่ากัน
“สหายโก! เพื่อนเราอยู่ไหนผมไม่เห็นเลย?” ผมเริ่มมึนหัว เครื่องบินตั้งลำตรงเป้าหมายคือดวงจันทร์
“15 นาฬิกาครับเซม”
ผมหันมองไปที่15 นาฬิกา เห็นเพียงจุดดำ ๆ เท่าเม็ดถั่ว สหายโกยังคงขับจรวดขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ หูของผมเริ่มอื้อขึ้นทุกที
“ซึ่ม!!” เฉิงตู J-10 ได้ใจไล่จี้แล้วปล่อยกระสุนจากปลายกระบอก
“ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด!” สัญญาณเตือนล็อคเป้า
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” สายกระสุนพุ่งมาที่เรา
“วืด...!!” เครื่องบินของเราก็ควงสว่านหลบหลีกวิถีกระสุน
ในจังหวะนั้นเจ้าเม็ดถั่วที่ผมเห็นก็เข้ามาใกล้ F - 35 Raptor ที่ไปขโมยมาจากค่ายอเมริกันลั่นกระสุนใส่เฉิงตู J-10 เต็มกลางลำ ผมเข้าใจแผนของพวกเขาได้ทันที
“ บรื้ม...มม!!! ”
“พยัคฆ์น้อยแบ็คตูขอบใจมาก เปลี่ยน!” สหายโกทักไป
“ซึ่ม!!ซึ่ม!!” F - 35 Raptor โฉบลงมาบินเคียงคู่กันเหนือก้อนเมฆ
“ด้วยความยินดีครับสหายผู้พัน ฝากบอกสหายครูฝึกด้วยนะครับว่าฝีมือผมเอง เปลี่ยน!” เขาหัวเราะเขิน ๆ โดยไม่รู้ว่าผมมาด้วย
ผมหยิบวิทยุ รีบทักไป...
“สหายเสือน้อยแบ็คตูคัมซามนิดะ!” ผมยิ้มโบกมือให้ ภูมิใจในตัวของพวกเขาและขอบคุณที่ช่วยชีวิต
“อ้าว! นินจาเซมมาด้วยเหรอครับ?” น้ำเสียงของเขาดีใจหันมาโบกมือ
เสียงวิทยุเรียกจากฐาน...
“ฝูงบินยกเลิกภารกิจ กลับฐาน”
“เย่!!” เครื่องบินตีคู่ไปกับสหายคิมซองบก เขาชูกำปั้นมั่นใจ
“สหายครูฝึกดูโน่นสิครับ 14 นาฬิกา” สหายโกชี้
ผมมองไปในจุดที่เขาบอก ฝูงนกเหล็กทั้ง 18 ลำกำลังบินเข้ามาเรียงหน้ากระดาน พยัคฆ์ติดปีกช่างดูดุดันสง่างามเหลือเกิน ท้องฟ้าเกาหลีเหนือสดใส พวกเขาปกป้องน่านฟ้าบ้านเกิดได้สำเร็จ
“เสืออากาศทุกคนเก่งมาก ผมภูมิใจในตัวคุณ”
“ฮู ย่าห์!!!”
……………………………………
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ ผมกับสหายโกรีบบึ่งรถกลับมาที่ห้องทำงานท่านประธานาธิบดีที่ ซัน พาเลส จูยอนสวมชุดโกโจรีสีชมพูม่วงนั่งบนเก้าอี้ประธานาธิบดีที่หน้าห้อง ภาพบนจอผนังกำลังรอเวลาตอบกลับ ผมเดินเข้าไปนั่งรวมกลุ่มกับนาตาลีและเจ็ทโด้
“ทำอะไรกัน?” ผมถามเจ็ทโด้
“เจรจากับจีน” เขาหันมาตอบ
ภาพบนจอสัญญาณเริ่มชัด ปรากฏภาพของหวังฉวนประธานาธิบดีจีนนั่งอยู่ที่ห้องทำงานของตน
“Mesiah! จูยอน” เขาโบกมือยิ้มทัก ทั้งสายตาและใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเขาเหมือนผู้ร้ายตัวพ่อในภาพยนตร์ เขาเป็นคนจีนลูกครึ่งตัวสูงใหญ่ ดวงตาสีฟ้า เวลาแสยะยิ้มเหมือนเสือแยกเขี้ยว
“Mesiah! หวัง...ฉวน” จูยอนทักทายเช่นกัน
หวังฉวนเอ่ย...
“ยินดีด้วยที่คุณได้ทำในสิ่งที่สมควรทำ คงไม่ต้องถามถึงประธานคิมแล้วสินะ ผมถามเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน คุณจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับผมหรือเปล่า? การเป็นประเทศเดียวมันดูแลง่ายจัดการง่ายกว่า คุณคนเดียวจะจัดการประเทศได้ยังไง?”เขายิ้มสายตาแข็ง ใบหน้านิ่งเก็บความรู้สึก
“ฉันเคยขอเกาหลีไว้ตั้งแต่สมัยยอร์นยังอยู่ คุณก็รู้นี่นา” จูยอนตอบหน้านิ่ง
ผมเคยเห็นแต่ไป่ไป๋และหมวดจางเจรจา วันนี้ตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นจูยอนเจรจาบ้าง รอบตัวของผมมีแต่ผู้หญิงเก่งทั้งนั้น แต่จะว่าไปแล้ว พวกนี้รวมกันได้เพราะนาตาลีเป็นคนให้โอกาส มีคนเคยกล่าวไว้ว่าคนเหมือนกันจะดึงดูดเข้าหากัน สงสัยจะจริงเพราะทุกคนต่างก็มีความเก่งในตัว
“ผมก็คิดเหมือนยอร์น เบื่อกับพวกบ้าศาสนา เบื่อพวกชอบเรียกร้องสิทธิ์เหนือดินแดน เบื่อพวกชอบค้าน แทนที่จะเป็นชนเผ่าฮีบรูได้ครองโลกก็เปลี่ยนเป็นจีนไม่ดีกว่าเหรอ? อีกอย่างวัฒนธรรมของเราก็ใกล้เคียงกัน เกาหลีกับจีนเข้ากันได้” เขาเริ่มโน้มน้าว
“ไม่ใช่ฉันไม่รู้ว่ายอร์นคิดอะไร? เขาทำเพื่อชนเผ่าฮีบรู เขาต้องการกำจัดศาสนาต่าง ๆ ออกไปด้วยความเชื่อว่า ศาสนาเหล่านั้นเป็นของปลอมและรังแกชนชาติของเขา คุณก็รู้ทุกคนก็เห็น ลอกตำราของเขาไปแล้วยังไม่พอ พยายามจะกำจัดต้นฉบับอีก สร้างวาทะกรรมกดขี่ชนชาติ เพียงเพื่อจะปกปิดกับสาวกว่า ตนเองไม่ได้ลอกคัมภีร์ใครมา”เธอนั่งตัวตรงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตาอ่อนโยน
“ใครจะเชื่อก็เชื่อไปผมไม่สนใจศาสนา แต่ถ้าให้ยอร์นและชนเผ่าของเขาครองโลกก็ไม่พ้นที่จะกลับมาปกครองแบบศาสนจักรอยู่ดี คุณคิดว่าชาวโลกจะใช้ชีวิตภายใต้กฎหมายที่เอาศาสนามาปกครองได้หรือ? มันก็ไปเข้าอีหรอบเดิม เอาพวกพระ นักบวช ผู้ทรงศีลมากดขี่คน หนักกว่ากฎหมายอีกนะ ผู้หญิงจะโดนกดขี่มากกว่านะครับ”
“คุณหักหลัง” จูยอนกวนไม่เบา เธอเท้าคางมองตาใส
“ช่างเถอะ! เอาเรื่องของเราดีกว่า ตกลงเราจะรวมกันมั้ยครับ?”
“เอาสิ! ฉันยกทั้งโลกให้คุณไปเลย ฉันดูแลเกาหลีให้ ฉันสัญญาว่าจะไม่รุกรานคุณ ตกลงตามนี้นะ” เธอก็มั่วดีเหมือนกัน มัดมือชกก่อนเลย
“เฮ้ย! ผมต้องเป็นคนกำหนดสิ!”
“ไม่เอาอ่ะ! สุดท้ายเกาหลีก็ต้องกลับมาอยู่ใต้การปกครองของจีน เหมือนสมัยก่อนอีก ฉันไม่เห็นด้วย ไม่เห็นสนุกเลย” สายตาเธอไม่มีความกลัวเลย
“อย่าคิดเช่นนั้นสิ คุณต้องการความเท่าเทียมมิใช่หรือ? คอมมิวนิสต์นี่ไงล่ะที่ให้ทุกคนเท่าเทียม คุณก็ดูแลคนของคุณไป ผมก็ดูแลของผม ไม่ต้องกังวลใจหรอก อย่างน้อยเราสองคนก็มีสายเลือดพี่น้องกัน” เขายิ้มใบหน้าดุ สายตาระยิบระยับ
“ใช่! โดยจุดหมายของลัทธิคอมฯ มันต้องการให้เป็นอย่างนั้น แต่พวกท่านก็บิดเบือนมันจนมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ผู้ที่อยู่ในกลไกของรัฐเหยียบย่ำชาวบ้าน ไม่สนุกเลย” จูยอนโต้นิ่มๆ
“ถ้าไม่กดหัวไว้ พวกมันก็ต่อต้านเรียกร้องไม่มีวันจบสิ้น ต้องทำให้พวกมันรู้ว่า ต้องกลัวอะไรและมันต้องฟังคำสั่งใคร”
“แล้วเขาเรียกร้องเพื่อใคร เพื่อความอยู่รอดทั้งนั้น เขาเรียกร้องมันหมายถึงเขาทนไม่ไหวต้องการชีวิตที่ดีขึ้น แล้วกฎหมายที่พวกคุณเขียนไว้ว่ายังไง ถึงเอาปืนไปไล่ยิงคนได้ ฉันเห็นตายเกลื่อนเทียนอันเหมินพวกเขาผิดอะไร?”
“ผมเป็นนักปกครอง คุณคงเป็นนักปลดปล่อยสินะ คุณต้องคิดถึงคนรุ่นต่อไปด้วยนะ พวกเขาจะอยู่อย่างไร? บ้านเมืองที่ไม่มีกฎระเบียบข้อบังคับ มันก็แค่ซุ้มมือปืนธรรมดานี่เอง” หวังฉวนก็มีเหตุผล
“ฉันไม่อยากถูกกฎหมายเผด็จการกดหัว! พวกคุณจะตามครอบงำคนอื่นไปถึงไหนกัน! กล้าดียังไงถึงเอาความเชื่อของตนเองมาเป็นกฎหมาย? ไม่เห็นสนุกเลย” จูยอนเสียงแข็งยังคงไม่ลงให้
“เราต้องรวมตัวกันเป็นประเทศเดียวสิ จะได้จัดสรรทรัพยากรได้ จัดเก็บภาษีได้เอามาพัฒนาประเทศ ให้ประชาชนสะดวกสบายในการใช้ชีวิตพื้นฐาน นวัตกรรมใหม่ ๆ ก็ผลิตออกมาวางตลาดทุกปี โลกของเรากำลังเจริญก้าวหน้า จากนี้ไปไม่มีศัตรูต่างชาติอีกแล้ว คุณน่าจะคว้าโอกาสนี้ไว้นะ ทำโลกนี้ให้เป็นหนึ่งเดียว” เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ
“ฉันคิดตรงกันข้ามกับคุณสิ้นเชิง คุณจะตั้งประเทศอะไรกันฉันไม่สน เรามาตกลงกันดี ๆ เถอะ ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน เราก็ไม่ใช่คนอื่นไกล ฉันเป็นน้องคนเล็กของพวกคุณนะ” จูยอนยิ้มมุมปาก
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” เขาหัวเราะลั่น
“พูดเก่งจริง ๆ ผมถึงได้บอกให้มาอยู่ด้วยกันนี่ไงล่ะ พี่ชายคนนี้จะได้เป็นคนดูแลน้องสาวเอง” เขารุกต่อ
“สมมุติว่าฉันไปอยู่กับคุณ ฉันต้องทำอย่างไร?” จูยอนเริ่มเกมต่อรองแล้ว เธอก็มีภูมิความรู้ไม่น้อยกว่าหมวดจางเลย
หวังฉวนตาวาวยิ้มกว้าง...
“แค่คุณส่งนกหวีดมาให้ผมแล้วคุณก็ปกครองเกาหลีไปอย่างที่คุณต้องการ ผมจะไม่เข้าไปยุ่งกับคุณเลย”
“ถ้าแบบนั้นก็เท่ากับว่าฉันไม่มีอะไรคุ้มครองอีกแล้ว เอาแบบนี้ไหมสลับกันไหม? คุณเอานกหวีดของคุณมาไว้กับฉันให้หมด แล้วคุณก็ปกครองโลกใบนี้ไป” จูยอนเล่นไม้นี้ หวังฉวนถึงกับขมวดคิ้ว
“ผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่า คุณจะไม่มาเป่านกหวีดใส่คนจีน”
“นั่นน่ะสิ! แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่หักหลัง?” เธอสวนนิ่ม ๆ มือขยับเปิดคอมพิวเตอร์ด้านหน้าของตัวเอง
เขาเริ่มอึกอัก...
“คุณจะให้ผมทำอย่างไร?” สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยน สูดลมหายใจลึกบ่อยขึ้น
“ฉันขอแค่อย่ามายุ่งกับเกาหลี ถ้าจะติดต่อกันก็ติดต่อกันในสถานะเพื่อนบ้าน ฉันตกลงได้แค่นี้” จูยอนยิ้มหวาน
“จูยอน! คุณจะหาเรื่องใส่ตัวทำไมประเทศคุณเล็กนิดเดียว”หวังฉวนเริ่มหัวเสีย น้ำเสียงเริ่มแกว่ง
“ถ้าฉันไปรวมกับคุณฉันก็ตาย คุณไม่ไว้ชีวิตฉันหรอก ไม่สนุก! ไม่เอา!” จูยอนเลิกคิ้วยิ้มมอง กวนไม่เบาเหมือนกัน
“ช่วยไม่ได้นะ! คุณยอมแลกชีวิตเพื่อนร่วมชาติกับอีแค่นกหวีดอันเดียว” ดวงตาของเขาเบิกกว้าง สายตาเปลี่ยนเป็นอาฆาต
“ฉันไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องนี้นะคะ คุณมาหาเรื่องฉันก่อนนะ ถ้าคุณบังคับ ฉันก็ไม่มีทางเลือก” เธอปัดกระเป๋าหมุนกลับแล้วเปิดออกโชว์ให้เห็นปุ่มคำสั่งยิงขีปนาวุธข้ามทวีป
“ดูนี่สิ!” เธอเอามือปัดจอคอมฯ ให้หันเข้ากล้อง ซูมภาพขยายให้เห็นพิกัดของเมืองในจีน ทีละลูกทีละเมือง
“เฮ้ย!” หวังฉวน ลุกพรวดจากเก้าอี้
“อย่า..ทะ..ทำอะไรบ้า ๆ นะ คนประเทศคุณมันบ้าเหมือนกันหมดนั่นแหละ ไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นผู้นำก็เอานิวเคลียร์มาขู่ตลอด”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” พวกเราหลุดหัวเราะ
สีหน้าของเขาหวั่นวิตก เขาแพ้เกมเจรจาแล้ว จูยอนหน้านิ่งชี้ไปที่จอคอมฯ แล้วเคาะนิ้วพูดเป็นจังหวะ
“คุนหมิง! ฉงชิ่ง! กุ้ยโจว! อู่ฮั่น! เซี่ยหมิน! เซี่ยงไฮ้! ซีอาน! หลานโจว! ปักกิ่งเอาไป 2 ลูกฉันแถมพิเศษให้! อย่างนี้สนุกกว่า!” เธอพูดหน้าตาย ยิ้มได้กวนประสาทมาก พวกเรากดท้องกลั้นหัวเราะ
“กรุณาอยู่อย่างสงบนะคะ คุณก็รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ไม่มีอำนาจแต่ได้เข้าร่วมกลุ่มกับพวกคุณ คุณก็รู้นี่คะฉันทำอะไรมาบ้างในหลายประเทศ คุณคิดว่ากับประเทศจีนฉันจะไม่กล้าเหรอ? แค่บิดกุญแจครั้งเดียวประเทศของคุณจะหายไปจากแผนที่ของโลกทันที” เธอนั่งตัวตรงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบร้อย สายตาคู่นั้นทรงพลังมาก
“เออ ๆ...ผมเข้าใจแล้ว ต่างคนต่างอยู่ก็ได้” เขาปรับสีหน้า
“พวกเราใช้นกหวีดลดจำนวนประชากรลง สัตว์และสิ่งของทุกอย่างในโลกยังเป็นปกติ จับต้องใช้สอยได้ ธรรมชาติได้พักตัว ไม่ต้องไปขุดหรือโค่นต้นไม้มาสร้างบ้านอีก ฉันคิดว่าเรายังเก็บรักษาโลกได้ คุณอย่าบีบให้ฉันต้องทำเลยนะคะ ปรมาณูมันทำลายล้างทุกอย่าง โลกจะไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยนะคะ” จูยอนกล่าวเสียงเข้ม จ้องจิกสายตาไปที่กล้อง
“เราพักการเจรจากันไปก่อน เดี๋ยวค่อยมาตกลงกันใหม่” เขาอึกอักสายตาหลุกหลิก เริ่มไม่มั่นใจตนเอง
จูยอนได้ทีรุกไล่กลับ...
“เรียกคนของคุณกลับไปให้หมด และถ้าเข้ามาวุ่นวายอีกครั้ง จะไม่มีการเตือนล่วงหน้า บอกลาโลกได้เลย” เธอบอกนิ่ม ๆ วันนี้ผมได้เห็นผู้หญิงสาวที่ผมศรัทธา เจรจานิ่ม ๆ ทำให้ผู้มีอำนาจหน้าถอดสีได้
“ได้! ตกลงตามนั้น!!” สิ้นเสียงของเขาภาพก็ดับไป
จูยอนสูดลมหายใจลึก ถอนหายใจยาวแล้วทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ เจ็ทโด้วิ่งเข้าไปหาคนแรก
“ฮูย่าห์!!!” พวกเราโห่ร้องดีใจ ทหารที่นั่งลุ้นข้างโลงศพของ 2 อดีตผู้นำทั้งสอง ต่างเฮโลวิ่งดีใจ บรรยากาศในซัน พาเลส สดชื่นดั่งทุ่งลาเวนเดอร์ ทุกอย่างดูสดใสสวยงาม
“เย้! เฮ! แทบัก สุดยอดไปเลย” พวกเราเฮลั่นห้องกระจก จีนคงไม่กล้ามายุ่งกับเกาหลีเหนืออีกแล้ว
“ตัดการติดต่อกับพวกมันทุกช่องทาง ฉันจะให้พวกมันอกแตกตาย” จูยอนตะโกนสั่งทหาร
นาตาลีและผมเดินเข้าหาเธอ...
“หมวดจางถูกจับ อยู่กองพันที่ 8 ช่วยบอกหวังฉวนให้ปล่อยเธอหน่อยสิคะ!” นาตาลีแตะแขนของเธอเบา ๆ จูยอนยังดูเหนื่อยจากการใช้พลังในการเจรจา
เจ็ทโด้มองค้อน...
“ไม่ได้! จะให้ทางจีนรู้ว่า หมวดจางเป็นคนของเราไม่ได้ ซอนมันหาทางช่วยได้เองแหละ” เขาปัดตก
นาตาลีไม่ยอม...
“ซอน! คนเดียวไม่ไหวหรอก”
“ช้าไม่ได้แล้วนะพี่ มันจะฆ่าเธอแล้ว ไป่ไป๋ก็อยู่ในกองพัน ผมขอทหารสัก 10 คนจะไปช่วยพวกเขาเอง” ผมอยากกลับไปช่วย
“มันไม่กล้าหรอก หมวดจางมีประโยชน์ ถ้าจะฆ่า มันคงทำไปนานแล้ว” เขาเมิน นาตาลีเดินตามเกาะชายเสื้อ...
“คุณจะไม่ช่วยเหรอ?”
“ช่วยสิ! แต่ผมจะไปเอง ไม่ต้องยุ่งกับทหารเกาหลี อย่าให้มันใช้เป็นข้ออ้างโจมตี เกาหลีจะเดือดร้อน”
“ไปเลยมั้ย ไปกันเถอะ?” เธอยิ้มหน้าบาน
“เดี๋ยวสิ! ยังมีงานค้างอยู่เลย อยู่เฉย ๆ ได้มั้ย?” เขาหันไปดุ นาตาลีหน้าจ๋อย
หลังจากทุกคนแยกย้ายกันกลับไปแล้ว จูยอนเรียกพวกเรามารวมตัวกันอีกครั้ง เธอนั่งนิ่งสายตาครุ่นคิด ถอนหายใจแล้ว ถอนหายใจอีก... “ฉันจะวางมือแล้วนะคะ”
“ไม่เอาน่า งานกำลังเดิน” ผมไม่เห็นด้วยสักนิด
“ถ้าฉันนั่งตรงนี้ หวังฉวนคงกวนไม่เลิก เพื่อความปลอดภัยของพี่น้อง ฉันไม่ควรเป็นผู้นำ”
“ยังไงจีนมันก็บุก หมาบ้าไว้ใจไม่ได้หรอก” ผมแย้ง
“ถ้ามันบุก มันก็ยังคงหลอน ๆ ฉันคิดว่า มันคงไม่กล้ามาแหยมอีกแล้วล่ะ วันนี้มันคงได้เห็นกองทัพอากาศและก็ขีปนาวุธของเราแล้ว”สายตาของเธอยังมุ่งมั่น
“ขอเหตุผลหน่อย ทำไมถึงคิดจะวางมือ?” ผมไม่ยอม ถ้าคนอื่นขึ้นมามีอำนาจแล้วโลภมาก พวกเราก็ต้องเหนื่อยกันอีก
“เรื่องแรก ฉันต้องไปช่วยซอน ซอนเป็นเพื่อนที่ดี”
“เรื่องที่สอง สิ่งเดียวที่จะช่วยเกาหลีได้ ฉันต้องหายตัวไปเงียบ ๆ ให้มันหายระแวง เดี๋ยวจะปล่อยข่าวว่า ฉันตายไปแล้ว” เธอยืนยันตามความคิดเดิม
เจ็ทโด้ยิ้มกว้างเดินเข้ากอดคอ...
“ดีแล้วจูยอน...ผมเคารพในการตัดสินใจของคุณ เตรียมงานอำลากันดีกว่า ไม่ต้องบอกล่วงหน้าหรอกเอาตามนี้เลย”
นาตาลีสายตาเต็มไปด้วยความสงสัย หันมองล่อกแล่ก...
“อนนี่! ทำไมไม่เอาทหารของเราไปลุยมันเลยล่ะ?”
“เรื่องของเราไม่เกี่ยวกับพวกเขา อย่าไปรบกวนเขาเลย”
“ขอบคุณมากจูยอน เสร็จงานแล้วไปช่วยเจ้าซอนกัน” เจ็ทโด้สรุปเสร็จสรรพ
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ถึงผมจะยังคาใจแต่ต้องยอมรับการตัดสินใจของเธอ เรื่องในเกาหลีเหนือยังมีเวลากันอีกมากที่จะแก้ไข แต่ไป่ไป๋และหมวดจางจะรอดจากเงื้อมมือหวังฉวนไปได้อีกนานแค่ไหนกันนะ เป็นห่วงจังเลย
.............................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |