The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 7 ตอนที่ 23

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 7 ตอนที่ 23
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 7
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 23 พ.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


พยองยาง

มุมมองสายตา ชเว จูยอน

มีนาคม  ค.ศ.2026

พยองอันใต้...

เวลาได้ทำหน้าที่ของมันอีกครั้งเพื่อเยียวยาหัวใจ กลิ่นความเศร้าอบอวลในใจของพวกเราเบาบางลง เจ็ทโด้ยืนดูน้องแทนวิ่งเล่นกับทหารหญิงบนสนามหญ้าหน้าบ้าน ทหารได้มาช่วยกันซ่อมแซมบ้านให้กลับมาสวยงามดังเดิม ต้นไม้ใบเขียวอวบอิ่มคงได้เห็นดอกในฤดูกาลหน้า

“คุณได้แวะไปดูนาตาลีบ้างหรือเปล่า?” เขาหันมาถาม

“ฉันสั่งให้เยวอนคอยจับตาไว้ตลอดค่ะ เธอไปเป็นครูฝึกทหารไม่อยากกวนใจ เธอคงต้องการเวลาน่าสงสารจริง ๆ ได้เจอกับแทนแต่ต้องเสียไป่ไป๋ไป”

“คอยห้ามไว้หน่อยนะเดี๋ยวเป็นอะไรไปอีกคน คราวนี้เป็นความผิดของผมเต็ม ๆ เสียใจจังเลย เฮ้อ!” เขาหน้าจ๋อย

“นาตาลีกลับไปใช้วิธีเดิมที่เราเคยแกล้งเธอ วันนั้นฉันเจอกับแทน เขาบอกว่านาตาลีไม่กลับบ้านเลย ทั้งสองคนมองหน้ากันไม่ได้มันมีแต่ความเจ็บปวด”

“จะกลับได้ยังไง? เจ้าซอนเอย! หมวดจางเอย! จ้องจะกัดคอทั้งสองคนเลย ไอ้ซอนมันยังงอนผมอยู่เลย เจ้าแทนก็ไม่กลับบ้าน”

“อ้าวเหรอ? เขาไปไหนล่ะคะ?”

“ก่อไฟนอนริมแม่น้ำทุกวัน หลังจากมันไปฝึกทหารเสร็จก็คว้าเต็นท์คว้ากีตาร์ อุปกรณ์ตกปลาแล้วก็อยู่อย่างนั้นจนเช้าแล้วก็ไปทำงาน”

“โอปป้า! ฉันจะวางมือจริง ๆ แล้ว”

“เอาสิ! ผมเองก็เสียใจเรื่องไป่ไป๋ แต่ความมั่นคงของเกาหลีต้องมาก่อน เฮ้อ! ให้คนอื่นทำแทนก็ดีจะได้ดูแลพวกน้อง ๆ ให้ดีกว่านี้” เขาถอนหายใจยาว

“ถ้าฉันไม่ยุ่งกับการเมืองเราก็ไม่ต้องเสียไป่ไป๋ไป เรารีบอำลาสหายกันดีกว่าเนอะ? จะได้มีเวลาทำงานส่วนตัวกันนะคะ”

คิมแฮอึน ทหารหญิงจูงมือน้องแทนเดินลั้ลลามาส่ง

“อีโม่อุ้ม!...” น้องแทนกางแขนกว้างมาแต่ไกล เขาถูกส่งให้มาอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันการถามถึงไป่ไป๋ ไม่มีใครอยากตอบคำถามของเด็ก ทุกคนต่างก็จุกใจที่จะต้องโกหกเด็กและเอ่ยชื่อไป่ไป๋

“สหายผู้กองคะ! อนดนซ่อมเสร็จแล้วนะคะ” แฮอึนรายงาน

“เหรอ? ดีจังเลย!

“อะไรเหรอครับ?” เจ็ทโด้หันมาสนใจ

“อ๋อ! อนดนน่ะเหรอ? มานี่สิจะพาไปดู ไปแฮอึน! พาไปดูกัน” ฉันหันไปชวนทหารหญิง แล้วก้มคุยกับน้องแทน...

“ไปสวนสนุกกันมั้ยคะ?”

“ไป! ไปสวนสนุก ไปชวนลีด้วย”น้องยิ้มกว้างตาใส

“ลีทำงานไปไม่ได้ค่ะ” เราพากันเดินอ้อมหลังบ้าน

“ทำไมไม่เห็นไป๋เลย อีมู่! ไป๋ไปไหน? คิดถุงไป๋ทุกวันหายใจไม่ออกอีกแล้ว” นี่ไง...คำถามที่ทุกคนไม่อยากได้ยิน

“ไป๋ทำงานค่ะ เดี๋ยววันหยุดไป๋ก็มาหาน้องแทน เก็บไป๋ไว้ในใจนะคะ ไป๋อยู่กับพวกเราตลอดไป” ฉันเข้าใจการสูญเสีย ฉันผ่านมันมาแล้ว

“เค้าโตขึ้นจะไม่ทำงาน” น้องหน้าตูม

“ทำไมล่ะครับ ใคร ๆ ก็ทำงานกันทั้งนั้น” เจ็ทโด้ก้มลงไปอุ้ม

“ทำงานแล้วต้องหายไปทุกที ม้าหายไปก็บอกว่าทำงาน ป๊าหายไปก็บอกว่าทำงาน ไป๋หายไปก็บอกว่าทำงาน” ก้อนลมจุกอกฉันอีกแล้ว ไม่รู้จะคุยกับเด็กยังไง?

“เราไม่ได้ทำก็ไปหาพวกเขาสิคะ”

“ไปไม่ได้ ไป๋บอกว่าให้เค้ากินข้าวเยอะ ๆ จะได้ตัวสูงเท่าไป๋ถึงจะเข้าได้” ความทรงจำ ความรักยังคงวิ่งวนในตัวของเด็กน้อย

เจ็ทโด้ช่วยแฮอึนแหวกเศษไม้ออกจากเตาโบราณ หันมา...

“ผมคิดว่าจะกลับไปดู Soulless ที่บ้านเหมือนกัน คิดแล้วก็สงสารพวกเขา แทนบอกว่าทหารจีนเข้าไปเป่านกหวีดแล้ว”

“คุยกับแทนหรือยังคะ?”

“คุยกันบ้างแล้วแต่ยังไม่ได้กำหนดวันเดินทาง ให้เจ้าแทนได้เดินทางบ้างจะได้มีอะไรมาดึงความคิดออกจากหัว มันแอบร้องไห้ด้วยนะ”

“ให้ฉันไปด้วยมั้ยคะ? งานเสร็จไวดี”

“ไม่ต้องหรอกครับ เล่นกับน้องแทนรออยู่ที่นี่แหละ ผมไปจัดการกันเองแล้วจะเอาวัคซีนของนาตาลีไปฉีดให้พวกเขาสักหน่อย อีกอย่างหลบหน้าไอ้ซอนมันสักพัก มันโกรธอยู่”

“ใจดีเหมือนกันนะเนี่ย นึกว่าจะไม่สนใจ” ฉันเย้าตาแก่เล่น ทั้งสองช่วยกันเปิดประตูไม้เก่า...

“แอ๊ด!....!

“นี่มันเตานี่ครับ”

“ใช่ค่ะ! มันเป็นเครื่องทำความร้อนภูมิปัญญาชาวบ้าน เตานี่เอาไว้หลังบ้านต่อท่อเข้าใต้ถุนที่ถูกเจาะเป็นโพลง คุณเห็นปล่องไฟหน้าบ้านหรือเปล่าคะ?”

“อ๋อ! เห็นครับ”

“ปล่องนั้นเป็นจุดปล่อยควัน ถ้าเราจุดไฟที่นี่ความร้อนจะถูกดูดเข้าไปใต้ถุนบ้านจะทำให้พื้นบ้านอุ่นและควันจะไปออกหน้าบ้าน” มันเป็นภูมิปัญญาที่พวกเราภาคภูมิใจ

“แต่เราก็ไปเอาเครื่องฮีตเตอร์มาแล้วนี่ครับ”

“ค่ะ! ฉันภูมิใจกับของพวกนี้มากกว่า” อีตาบ้า! ชอบพาทหารไปขนของเกาหลีใต้ เดี๋ยวนี้ชาวบ้านมีโซล่าเซลล์กันทุกหลังคาเรือน

“ซอนกับหมวดจาง...ไม่รู้ว่ามันจะอยู่กับเราหรือเปล่า? มันโกรธมากผมรู้จักมันดี ซอนรักไป่ไป๋มากมันไม่เคยลืมบุญคุณน้องเลย” เราเดินกลับมาหน้าบ้าน

“ฉันก็รู้สึกผิดเรื่องไป่ไป๋ ไม่กล้ามองหน้าพวกเขาสักเท่าไหร่?”

“เดี๋ยวมันก็เข้าใจเอง เราแลกชีวิตชาวบ้านกับไป่ไป๋ไม่ได้หรอก”

“สงสารน้องจังเลย จะว่าไปแล้วจิตใจของเธอเด็ดเดี่ยวมากกว่าฉันอีกนะคะ ที่เธอเปลี่ยนไปเพราะความแค้นและความผิดในใจของเธอ” ฉันป้องปากขึ้นฟ้า...

 “ฉันไม่โกรธเธอแล้วนะ ไป่ไป๋เป็นนางฟ้าแล้วกลับมาเยี่ยมกันบ้างนะ” ฉันส่งใจไปหาน้อง ทำไมโชคร้ายอย่างนี้

ทันใดนั้น...

“อีโม่! ไป๋จะมาแล้วเหรอ? ” น้องแทนมองตาใส

“............” เราหุบปากมองหน้ากัน

“เราไปหาสหายคุณลุงกันดีกว่าค่ะ เสร็จแล้วพาน้องแทนไปเล่นสวนสนุกกัน” ฉันเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง

“คุณไม่คิดจะบอกกับผู้ร่วมอุดมการณ์กับคุณเหรอ? มีหลายคนที่ตามมาทำงานโดยไม่ถามถึงเป้าหมาย มาเพราะเอ็นดูคุณ พวกเขาจะเสียใจนะครับ”

“ฉันไม่ได้หวังผลที่จะกลับมา ฉันไม่ใช่นักการเมืองที่จะต้องวางแผนหลายชั้น ไม่ใช่พ่อค้าที่ทำเพื่อกำไรและไม่ได้เป็นมนุษย์ป้าที่คอยบงการสังคม การวางมือคือการลาออกไม่อยากให้ใครรั้งไว้”

“พวกเขาจะคิดว่า คุณทิ้งหรือเปล่า?”

“มันก็ทิ้งจริง ๆ นี่คะ ความสุขของฉันไม่ใช่การเป็นผู้นำ ยังมีสหายอีกหลายคนที่ไม่ชอบฉัน พวกเขากลัวและไม่ได้ชื่นชมในสิ่งที่ฉันทำ คนพวกนี้เหมือนฉันในอดีต ถ้าฉันยังอยู่พวกเขาไม่มีความสุขหรอก”

“ไปกันเถอะ อยากขี่รถไฟเหาะ” น้องแทนกางแขนบิน

เมื่อได้ลบล้างความอัดอั้นในใจออกแล้ว ฉันควรจะคืนทุกอย่างให้กับพวกชาวบ้าน ฉันเป็นคนทำลายความฝันความหวังของชนชั้นกลางและชนชั้นสูงแต่ได้สร้างฝันใหม่ให้กับชนชั้นล่าง พวกเขาจะได้เลือกการใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเสรี

...................................................................

ลาน จัตุรัสคิมอิลซุง

สถานที่ประกาศศักดาของทหารเกาหลีเหนือ ลานสวนสนามที่เคยได้รับการกล่าวขวัญไปทั่วโลก ลานที่เป็นสัญลักษณ์การกดขี่ของเผด็จการทหาร วันนี้แสงไฟสว่างจากรอบทิศพี่น้องมากันเต็มลาน บรรยากาศค่ำคืนคึกคักเป็นพิเศษ เสียงเพลงจากเกาหลีใต้จังหวะโดน ๆ ไอดอลกำลังเต้นกันกระจายบนจอภาพยอดตึกรอบด้าน เสียงเพลง K-Pop กระหึ่มไปทั่วเมือง

สหายเพื่อนร่วมชาติต่างจูงมือลูกหลานทยอยกันมาหนาตา พวกเขาหิ้วเหล้าอาหารกันมาคนละไม้ละมือ นั่งล้อมวงกันเป็นกลุ่ม ๆ เต็มพื้นที่

“วันนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ สหายจูยอนไม่นัดมากินข้าวเฉย ๆ แน่”

“ฉันก็ใจไม่ดีเหมือนกัน ช่วงหลังมานี่ดูพวกเขาหงอย ๆ นะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีใครไปต่อว่าพวกเธอหรือเปล่านะ? ฉันจะตบให้ปากฉีกเลย” อาจุมม่าโบกปลาหมึกแห้งในมือ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอาฆาต

“พวกเขาทะเลาะกันเองหรือเปล่าไม่ค่อยเห็นเดินด้วยกัน สหายผู้บัญชาการก็ไปฝึกทหาร เห็นเดินอยู่กับสหายทหารหญิงในค่ายโชซอนโน่น!” เสียงซุบซิบของชาวบ้านไปในแนวทางเดียวกัน พวกเขาคงจับตามองฉันตลอดเวลา ฉันไม่ได้บอกพวกเขาว่าจะวางมือ แต่ข่าวลือก็สะพัด

พวกเราทั้งสี่คนแยกย้ายลงไปคลุกคลีตีโมง กินอาหารตามวงของสหายด้วยรอยยิ้ม วันนี้งานสนุกมากมีแต่เสียงหัวเราะของชาวบ้าน เหล่าสาว ๆ ก็รินเหล้าส่งให้หนุ่ม ๆ          ...

“สหาย! มักกอลลี! ต้มเองลื่นคอหวานมาก” มักกอลลีเป็นเหล้าที่หมักจากข้าว เหล้าพื้นเมืองของชนชาติเกาหลี

“นี่กระต่ายย่าง หอมมาก!!” เธอส่งกระต่ายกางขาเสียบไม้ย่างแห้งหอมฉุยให้ชายหนุ่ม ที่เกาหลีของเราถ้ากินเหล้าเก่งจะได้รับการยอมรับจากสังคม พวกเธอหัวเราะเสียงใสแววตาพร่างพราวระยับดุจดวงดาวบนฟากฟ้า

ฉันกำลังก้าวเดินผ่านกลุ่มเชลย ผู้โดนกดขี่แรงงานอย่างทารุณจากเหมืองนรกหมายเลข14...           

“สหาย หยุดก่อน” มือข้างหนึ่งยื่นออกมาขวางให้หยุดเดิน

ฉันยิ้มหวานให้กับเขา...

“เป็นยังไงบ้างอาจอชี่ทงมู สบายดีมั้ยคะ?”    

“จูยอนทงมู! ผมเป็นหนี้บุญคุณที่ไม่อาจใช้หนี้หมดในชาตินี้ ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณสหายเลย อย่าพึ่งจากพวกเราเลยนะครับ” เสียงสหายชายวัย 30 กว่าปี สั่นเครือ พวกเขาปักใจว่า...ฉันทิ้งแน่ ๆ

“อย่าพูดอย่างนี้สิคะ ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย ดื่มเหล้ากันอย่าคิดมาก มา! เอาเหล้ามา!”ฉันรับแก้วจากสหายแล้วชนกับเขา

“พวกเราเชื่อมั่นในตัวของสหายนะครับ อยู่ด้วยกัน! สร้างทุกอย่างใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก ผมยืนข้างสหายครับ” ปลื้มใจมากที่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากสหายเกาหลี

สหายเด็กสาวมัธยมกลุ่มใหญ่เข้ามาล้อม บางคนจับชายกระ โปรงไม่ให้เดินต่อ บางคนเข้ามาสวมกอด ดอกไม้วัยเยาว์ของเกาหลีกำลังเบ่งบาน

“สหายจูยอนคะ! คุยกับพวกหนูก่อน”

“สหายจูยอน! ไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ยคะ?” น้องสาวเกาหลีถามเสียงเศร้า สาว ๆ พวกนี้ยังเรียนไม่จบมัธยมต้นเลย ยังไร้เดียงสามาก

“พวกหนูอยากเป็นนักปฏิวัติแบบสหาย พวกผู้ใหญ่บอกว่าสหายจูยอนเป็นคนที่กล้าหาญที่สุดในโลก สอนพวกหนูด้วยสิคะ”

ฉันตื้นตันใจกับน้องสาวเกาหลี หยุดยืนให้พวกเธอสวมกอดเต็มที่ เมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่กำลังเจริญเติบโตพร้อมกับโลกใหม่ที่กำลังจะเปลี่ยนไป พวกเธอจะเป็นกำลังของชาติในวันข้างหน้า...

“สหายนักเรียน! ไปช่วยสหายคุณลุงทำงานกันนะคะ ช่วยกันจัดระเบียบบ้านเมือง ต่อไปพวกเธอจะได้เป็นเจ้าของประเทศนี้อย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องโดนผู้นำสูบเลือดเนื้ออีกแล้ว ผืนแผ่นดินนี้เป็นของทุกคน”

“อยู่กับพวกเราต่ออีกหน่อยสิคะ” น้ำเสียงเริ่มจะงอแง ฉันไม่อยากได้ยินประโยคพวกนี้เลย ใจหายทุกครั้ง...

“ฉันไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ? ” ฉันก้มลงไปยิ้มให้กับสหายรุ่นน้อง

“พวกหนูไปหาที่บ้านได้ไหมคะ? อยากฟังเรื่องของต่างประเทศเยอะ ๆ อยากรู้จักโลกในมุมมองใหม่ค่ะ”

ฉันดีใจกับรอยยิ้มของทุกคน รู้สึกตัวเบาปลอดโปร่งในสิ่งที่ฉันตัดสินใจทำลงไป มันไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียว มีคนสนใจโลกกว้างมากขึ้น

“ด้วยความยินดี ฉันยังมีเรื่องเล่าอีกมากมายที่ยังเล่าไม่หมด มีแฟชั่นเสื้อผ้าสวย ๆ เครื่องสำอางชั้นดีอีกมากมาย” ฉันเล่าไม่มีวันหมด

คนกลุ่มเล็กที่มีอำนาจใช้กฎหมายลำเอียงกดขี่ชาวบ้านโดนกำจัดออกไป มันเปิดทางให้ชีวิตใหม่ของคนอีกกลุ่มที่ใหญ่กว่ามีชีวิตชีวา

“หนูอยากเป็นคุณครู แต่ไม่มีโรงเรียนสอนพวกหนูเลย”

“ใจเย็น ๆ นะคะ สหายคุณลุงกำลังจัดการให้ อีกไม่นานพวกเธออยากเป็นอะไร? เดินไปเลือกสมัครได้เลย เรียนรู้และทำงานไปพร้อมกัน ไม่ต้องสนใจวิชาที่ไม่ชอบ”ฉันเดินจากกลุ่มของวัยรุ่นมาด้วยรอยยิ้ม สหายผู้เฒ่าสูงวัยมือสั่นเทา ยื่นจอกเหล้ามาขอชนด้วย...

“สหายผู้กอง! ขอชนแก้วเป็นเกียรติสักครั้งนะครับ”

ฉันขมวดคิ้วมองแล้วยิ้มกว้าง จำได้แล้ว...เขาคือชายคนแรกที่เดินเข้ามาขอร่วมงานกับฉัน เมื่อสหายคุณลุงคิมจุนซองประกาศรับสมัครผู้ช่วยงานที่ค่ายกักกัน#14 คนนี้เป็นแฟนพันธ์แท้ของฉัน...              

“อาจอชี่ทงมูอันยองฮาเซโย ไม่ได้เจอนานเลยนะคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหนทำงานอะไรคะ” ฉันดีใจมากที่ได้เจอกับท่านอีกครั้ง พวกเขาคืออิฐก้อนแรก ๆ ที่ทำให้ฉันได้ก้าวเดิน

“สอนพวกเลื่อนลอยเลี้ยงไก่ครับ งานสบาย ๆ ไม่เหนื่อย”

“ขอบคุณที่เสียสละนะคะสหาย” ฉันเข้าหาผู้อาวุโส รู้สึกปลื้มใจดีใจภูมิใจอย่างท่วมท้น สายตาและรอยยิ้มที่ส่งมาให้นั้นช่างใสบริสุทธิ์

“ทุกเช้า! หลังทำงานส่วนตัวเรียบร้อย ผมจะมานั่งแหงนคอมองทีวีฟังเสียงสดใสของสหาย ผมเฝ้ามองดูสหายทุกวัน เก่งขึ้นทุกวัน ชื่นชมทุกวัน ใจร้ายมากถ้าจะทิ้งกัน หวังว่าคงแค่ข่าวลือนะ” ท่านกุมมือจ้องตา ฉันอยากจะขอโทษที่ไม่สามารถทำงานพวกนั้นต่อไปได้ ขอเพียงแค่เปิดมุมมองใหม่ให้กับพวกเขาและจางหายไปตามสายลม...

“อาจอชี่คะ ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้นำ ให้คนที่มีความสามารถมาทำงานดีกว่าค่ะ” ฉันกล่าวอย่างนอบน้อม พยายามรักษาน้ำใจ

“สหายไม่รู้ตัวเองหรอกว่า สหายเป็นผู้นำได้และดีกว่าด้วย คำพูดบางคำของสหาย ทะลวงใจที่มืดบอดของพวกเราให้ได้พบทางสว่าง สหายทำให้พวกเรารู้ว่าในโลกใบนี้มีทางเลือกมากมาย แต่ผู้ปกครองปกปิดไว้”

“ถ้าวันข้างหน้ามีสงคราม ฉันไม่กล้าออกรบหรอกค่ะ ให้ผู้ชายเป็นผู้นำดีกว่า พวกเขาจะได้นำทหารออกไปสู้” ฉันหาทางออก

“ผู้นำไม่ได้ต้องออกไปทำสงครามเองหรอกครับ ผู้นำที่พวกเราต้องการเป็นเพียงร่มไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา ให้อาหาร ให้ที่พักพิงและเป็นศูนย์รวมให้พวกเราเกาะกลุ่มทำกิจกรรมกัน”

“หือ! ผู้นำทั่วไปก็ทำแบบนั้นนี่คะ เหมือน ๆ กันแหละ”

“สิ่งที่ต่างกันคือแววตาและการแสดงออก สหายมีอำนาจที่จะรวบทุกอย่าง แต่สหายกลับเอามาแบ่งให้พี่น้องได้กิน ผมสัมผัสกับความจริงใจนั้นได้ สหายเดินไปทางไหนไม่เคยใช้ทหารมาคอยปกป้อง มีแต่พวกเราที่วิ่งเข้าไปห้อมล้อม น่าเสียดายแทนพวกเด็ก ๆ นะที่จะพลาดผู้นำดีดีไป” เขาใบหน้าหมองลง กะพริบตาถี่มองพื้นปูนอย่างผิดหวัง

“อาจอชี่ชนค่ะ!” ฉันยกจอกเหล้าด้วยสองมือชนกับเขา

ท่านชรามากแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าที่เหี่ยวย่นกับแววตาใสซื่อนั้น มันมีค่ามากกว่าทรัพย์สินของตระกูล มันคือความสุขใจที่ไร้โซ่ตรวน            “อาจอชี่คะ ฝากสหายคิมจุนซองด้วยนะคะ” ฉันบอกแล้วสาดโซจูหวานลงคอ เขาขยับถอยยืนตรงมองมาด้วยสายตาของผู้ใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา

“สหาย! ขอข้ากอดท่านหน่อย ข้าเห็นท่านแล้วคิดถึงลูกสาว”  หยาดน้ำตาไหลรินลงอาบสองแก้ม

“มาค่ะมากอดกัน” ฉันโผเข้าหา ฉันก็คิดถึงพ่อกับแม่ที่จากไปเช่นกัน เขาอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน

สหายหนุ่ม ๆ ร้องเรียกเจ็ทโด้กับแทนอยู่ข้าง ๆ 

“ซอนเซงนีม! ซอนเซงนีม!                  

“เซม! ชนแก้วครับ” ทั้งแทนและเจ็ทโด้ลงไปคลุกเกลือกกลิ้งกับบรรดาสหายอย่างสนิทสนม

“เจ็ทโด้ซอนเซงนีม ขออนุญาตชนแก้วครับ” คังซอจินมาไกลมากจากชายแดนตะวันตก

เจ็ทโด้หันไปเห็นก็อ้าแขน

“มาไอ้น้อง มากอดกันก่อนแล้วค่อยกินเหล้า” เขาดึงทหารเข้าไปกอด วันนี้ครูฝึกของฉันเมามาก

แทนคนเดิมกลับมาแล้ว หน้าตาของเขาขาวสะอาดหล่อกว่าเดิม  ในยามนี้ ทั้งสองพี่น้องเป็นขวัญใจของเหล่าทหารฝึกหัด

“ซอนเซงนีม! ซอนเซงนีม!” เหล่าสหายชายหนุ่มร้องเชียร์ เมื่อได้เจอกับฮีโร่ของเขา

“นินจาซอนเซงนีม หล่อแสบตาเลย” พวกเขามองสองพี่น้องด้วยสายตาชื่นชม

พี่น้องเกาหลีเป็นชนชาติที่รู้คุณคนใครดีมาเราดีกลับ ให้มาหนึ่งเราจะต้องตอบแทนกลับไปสองเสมอ ทั้งสองหนุ่มของเราเริ่มต้นจากพูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง สุดท้ายก็คุยกันได้ ภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่เรียนรู้ง่ายที่สุดในโลก สามารถใช้เวลาในหนึ่งวันก็เข้าใจและสื่อสารพื้นฐานกันได้ นับว่าเป็นความชาญฉลาดของเซจงมหาราช กษัตริย์เกาหลีในอดีตที่เอาภาษาจีนที่ยุ่งยากมาแปลงให้เข้าใจง่ายและเป็นภาษาของชาติในที่สุด

ฉันชะเง้อมองน้องแทนนอกวงเหล้า เขาและลูกเกาหลีนับสิบคนกำลังเข็นรถเล่นกันสนุกสนาน ขยับจะเดินไปหาน้อง แต่ได้ยินเสียงสะดุดใจขึ้นมาก่อน...

“ซาจังนีมจะไปไหน? มาชนแก้วกัน” เสียงสาว ๆ ร้องเรียกนาตาลี ฉันหันไปมองกลุ่มทหารสาว ๆ ดึงกระโปรงนาตาลีล้มเข้าวง

“แค่นี้ไม่พอหรอกไปเอามาอีก” นาตาลีเมาหลุดโลกไปแล้ว

นาตาลีของฉัน...วันนี้สดใสเหมือนเจ้าหญิง สวมชุดโกโจรีสีฟ้าขาวสดใส เมาเหล้าเดินเซนำหน้าเหล่าทหารหญิงนับสิบเดินตามมาเป็นขบวน เธอไปเป็นครูฝึกกับสหายของเธอเพื่อลืมความเจ็บปวดในใจ   

“สหายผู้บัญชาการคะ! วันนี้ขอยืมสหายครูฝึกได้มั้ย?” ทหารหญิงร่วมรุ่นแหย่

“ไม่ได้” นาตาลีสะบัดหน้า

“นิดเดียว! แค่ถ่ายรูป” สาว ๆ ตามจี๋เอว นาตาลีดิ้นหนี...

“แค่ถ่ายรูปกะได้” เธอยกชามเหล้าขึ้นซด

“ถ่ายนู้ดนะ” เยวอนแหย่ไม่เลิก

“หน้าเธอหื่นมากเลยนะ เยวอน” นาตาลีตาปรือดึงแก้มของเยวอน

“ชัดมากเลยเหรอ?”

“อื้อ! มากเลย”

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!

“สหายผู้บัญชาการครับ ผมจะได้ยิงปืนเมื่อไหร่?” เสียงทหารชายดักคอ เธอหันไปแยกเขี้ยวชี้หน้า

“ยิงหัวสหายคนแรกเลย เอามั้ย?”

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! เหล่าทหารก็เหมือนน้องชายที่ชอบล้อเล่นกับพี่สาว    

“เอาเหล้ามา! ไม่เมาไม่กลับ” เธอกลับกลายเป็นคนมีเพื่อน ไม่ถือตัว

“ฮิ้ว!!! สหายทหารโห่ร้องกันสนั่น

นาตาลีกลายเป็นที่รักของบรรดาทหาร เธอต่อสู้กับความเสียใจโดยใช้ร่างกายลงไปฝึกกับทหารให้เหนื่อยเพลียแล้วหลับไป บ้านช่องก็ไม่ยอมกลับ

“โคมาวอ!” เธอกล่าวขอบคุณแล้วรับแก้วเหล้าจากสหายทหารชายชูขึ้นเหนือหัว ยืนยิ้มหน้าระรื่นหมุนตัวท่ามกลางกลุ่มสหาย

แจ๊ง ๆ ๆ สหาย! ฉัน...นาตาลีพัค! ไม่ใช่สหายผู้บัญชาการ ขอขอบคุณพี่น้องที่ให้โอกาสได้ทำงาน ขอบคุณที่ดูแลอย่างดี เรามาชนแก้วกัน!” เธอเดินชนแก้วกับทหารชายหญิงรอบวง

“เย่!!! สหายผู้บัญชาการ” พวกเขาตะโกนเสียงดังก่อนยกแก้วดื่ม

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฉันเดินยิ้มไปตามช่องว่างระหว่างกลุ่มของสหายที่นั่งล้อมวงกับพื้น เหลือบมองเห็นสหายโกนั่งเงียบท่ามกลางทหารคนสนิทเขาจิตใจมุ่งมั่นซื่อตรงเป็นอีกคนที่ฝากอนาคตได้ เจ็ทโด้ให้เป็นผู้นำทหาร

เขาเงยหน้าหันมาเห็นฉันมองอยู่ รีบลุกเดินก้มหน้าเข้ามาหา...          

“นูน่า! ผมไม่อยากให้ไปเลย คิดใหม่อีกครั้งนะครับ ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทางแล้ว” สหายโกมีทักใบหน้าตูม สายตาเศร้าพูดเสียงสั่น

“เอาอะไรมาพูด ฉันก็อยู่กับพวกคุณนี่แหละ” ฉันตบไหล่เขาด้วยความขอบคุณ สิ่งที่ทำสำเร็จมาจากความคิดและเรี่ยวแรงของเขาด้วย

“ฉันหมดหน้าที่แล้ว ได้ส่งมอบประเทศที่ปราศจากความกลัว การกดขี่คืนให้พี่น้องแล้ว สหายผู้พันนำทัพเดินหน้าต่อไป ”

“นูน่า! ทำอย่างนี้ได้ยังไง? เราเดินมาด้วยกัน เราเดินมาไกลแล้วนะครับ ต้นไม้ของความทุ่มเทที่เราช่วยกันปลูกโตแล้ว จะหันหลังให้กันไม่ได้นะครับ” เขางอนตัวแข็ง เขามักจะเรียกฉันว่าพี่สาวลับหลังคนอื่น

“วัฒนธรรมของเราเคยชินกับผู้ชายเป็นใหญ่ สหายช่วยกันดูแลนะคะ ช่วยสหายคุณลุงด้วย”

“ไม่ได้นะครับ ชาวบ้านส่วนใหญ่รักนูน่ามากเลยนะครับ”

“เมื่อข้าวหุงสุกแล้วก็ต้องกิน กินหมดแล้วก็ล้างกลับคืน ฉันเป็นหม้อใบนั้นค่ะ”

“ผมรอคอยปาฏิหาริย์มาตลอดเวลา รอคอยฮีโร่มาช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง จนผมได้พบนูน่าที่ลานประหาร ผมรู้ตั้งแต่วินาทีนั้นว่าเกาหลีเหนือจะไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิม ผมดีใจมากตั้งใจมากและเราก็ทำสำเร็จแล้วด้วย”

“มานี่สิน้องชาย!” ฉันดึงเขาเข้ามากอดแล้วลูบหลังเบา ๆ

“สหายเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพแล้วจะอ่อนแอไม่ได้ ถ้าสหายทำได้ดีฉันก็สบายไปด้วย โอกาสที่จะได้กอบกู้ชาติไม่ได้มีบ่อย ๆ อย่าปล่อยให้มันหลุดมือไปอยู่ในมือคนเห็นแก่ได้ เมื่อสหายมีอำนาจแล้วก็อย่าลืมตัว อำนาจจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเอาไปช่วยมวลชน อย่าได้คิดเอามาทำร้ายมวลชน”

“ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปมันมืดมนมาก เราปรึกษากันตลอดว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ต่อไปผมต้องทำคนเดียว ผมกลัว”

“ฉันจะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง สมัยที่ฉันรู้จักกับเจ็ทโดเซมใหม่ ๆ เขาเคยบอกไว้ ความรักจะรีดศักยภาพของมนุษย์ ความรักมักจะให้ประโยชน์กับสองฝ่ายทั้งผู้ให้และผู้รับ ถ้าสหายทำงานเพราะความรัก ชาวบ้านจะสัมผัสมันได้และจะมอบความรักกลับมาให้”

“แต่ที่นั่งตรงนั้นเหมาะกับนูน่าที่สุด พวกเขามอบความรักให้นูน่าแล้วจะโยนมันทิ้งง่าย ๆ เลยเหรอครับ?”

“เก้าอี้ผู้นำเอาไว้ผลัดเปลี่ยนตามสถานการณ์ ตำแหน่งนั้นมีไว้เพื่อแก้ปัญหาชั่วคราว เมื่อปัญหานั้นผ่านไปก็ให้ผู้นำคนใหม่มารับงานต่อ คนเราเก่งไม่เหมือนกันค่ะ” ฉันรินเหล้าส่งไปให้เขา...

“มาชนแก้วกัน”

“ดื่มให้มันจำไปจนวันตาย ผมน้อยใจนะครับ” สหายโกยกแก้วดื่มรวดเดียว เขากัดกรามแน่นแล้วเดินคอตกไปนั่งเงียบ ๆ คนเดียว เขาเป็นคนเก่งเดี๋ยวก็เข้มแข็งเอง            

ฉันพอใจแล้วกับการเปลี่ยนแปลงของชาติ เราอยู่ด้วยกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกับสหายที่รอดจากเงื้อมมือมาร ทุกคนมีงานทำมีอาหารกินครบ 3 มื้อ ไม่ต้องเครียดกับเป้าหมาย ไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้ แค่ปลูกฝังแนวคิดใหม่ให้กับเด็ก ๆ ที่กำลังโตขึ้นมา

เวลาล่วงผ่านสมควรแก่การจากกัน ฉันคิดถึงความหลังเก่าก้าวช้า ๆ เดินขึ้นไปบนบันไดหน้าอาคาร หอสมุดประชาชนที่ยิ่งใหญ่

ครั้งหนึ่ง...ฉันเคยมายืนเป่านกหวีดตรงนี้ เริ่มจากจุดนี้และกำลังจะอำลาในจุดเดียวกัน เวลาแรมปีที่พวกเราทำงานกันอย่างหนัก ผ่านมาทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ เฝ้าฟูมฟักจนชาวบ้านรวมตัวกันได้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องปล่อยให้พวกเขาได้เลือกทางเดินกันเอง ใจหายหวิวโหวงเอื้อมมือคว้าไมโครโฟนกล่าวลาครั้งสุดท้าย...      

“อันยองฮาเซโยยาลาบูน ชเวจูยอนอิบนิดะ” ฉันโค้งศีรษะอย่างสุภาพให้กับเหล่าสหายร่วมชาติ

“...........” ทั้งลานเงียบสงบมีเพียงเสียงสายลมอ่อน ๆ พัดผ่าน กระโปรงโกโจรีพลิ้วไหวยวบ...

“บ้านเรามีคำกล่าวว่า การล่ำลาต้องบอกกันบ่อย ๆ เพราะเมื่อถึงเวลาต้องจากกันจริง ๆ จะไม่ได้ลากัน”

“ใช่! แต่ไม่ต้องจากไปดีที่สุด จะได้ไม่ต้องลากัน” เสียงสหายตะโกนสวนขึ้นมา ฉันขยับพูดต่อ...

“ผืนดินแห่งนี้เป็นของพวกเราทุกคน เป็นที่เกิดและตาย บรรพบุรุษของเราทุกคน ได้ร่วมกันปกป้องไว้ พวกเราโชคดีได้เกิดมาเป็นคน เราเป็นเจ้าของชีวิตของเรา เป็นเจ้าของลมหายใจที่สดชื่น จงเงยหน้าขึ้นเถิดสหาย แล้วใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขปราศจากความกลัว ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป”

“..............”

“ตอนนี้ทั่วโลกต่างตกอยู่ในสภาวะลำบาก พวกเราอาจจะเป็นมนุษย์กลุ่มสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ก็เป็นได้ ขอให้จงรักษาชีวิตเอาไว้ให้ดี  ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ตราบจนวันสุดท้าย”

“..............”      

“ฉันหมดหน้าที่แล้ว จากนี้ไปทุกย่างก้าวสหายคุณลุงคิมจุนซองจะเป็นผู้นำสูงสุด สหายโกจะเป็นผู้บัญชาการกองทัพคอยปกป้องให้ทุกท่านนอนหลับฝันดี” เสียงลำโพงตามสายสะท้อนรับกันเป็นทอด สายลมพัดหวีดหวิวเศร้าสร้อย              

“............” พวกเขานั่งเงียบจนน่าใจหาย ฉันมองไล่สายตาไปที่ลานกว้าง สหายชายหญิงนั่งเงียบรอฟังกันตาแป๋ว            

“ยอลาบูน! สหายคุณลุงคิมจุนซองและสหายโกมีทักจะวางระบบรากฐานให้กับเยาวชนเกาหลีรุ่นต่อไป ชาวเกาหลีเชื่อกันว่าถ้าได้รองเท้าดี ๆ มันจะพาไปในที่ดี ๆ พวกเขาจะเป็นรองเท้าคู่นั้นพาพวกเราไปในที่ดีดี” 

“เราฟังสหายพูดทุกเช้า จากนี้ไปจะไม่ได้ยินแล้วใช่มั้ย?”

“ทุกท่านคะ! เงยหน้ามองบนท้องฟ้าสิคะ! ท่านเห็นดวงดาวยิ้มให้เราไหม ? ดวงดาวต่างก็ยิ้มให้กับพวกเรา หมู่เมฆปุกปุยเหมือนผ้าห่มให้เราอบอุ่น ผืนดินยังคงให้ที่พักพิง สายน้ำให้ความชุ่มชื้น เก็บรักษาให้ดีและส่งมอบต่อให้รุ่นต่อไปอย่างภาคภูมิใจ ขอให้พี่น้องอยู่โดยปราศจากความกลัว”

“สหายผู้กอง! อยู่กับพวกเราต่อไปสิครับ ที่นี่ก็เป็นบ้านของสหายเหมือนกันนะครับ” เสียงร้องสวนขึ้นมาจากกลุ่มชาวบ้านหน้าบันได         

 “ขาดสหายไปพวกเราก็เสียกำลังใจ พวกเราชอบฟังเรื่องเล่าของสหาย”เสียงโต้จากสหายชายด้านล่าง

“ฮือฮา!! เสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ ฉันรีบตัดบท...                 

“ฉันไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ เพียงแต่จะลงไปอยู่ในระดับเดียวกัน และคอยดูเด็ก ๆ ของเราโตขึ้นมา”

“ไม่เอา! อย่ามาหลอกกันเลย” สหายมีแรอาจุมม่า น้ำตานองหน้าลุกขึ้นยืน...

“พวกเราไม่ต้องการให้สหายจากไป ใช่ไหมพวกเรา?” เธอหันไปปลุกระดม คุณแม่ที่เสียลูกชายแล้วโดนจับเข้าค่ายกักกันทิ้งจักรเย็บผ้าและไม่ยอมกลับบ้าน ทุ่มเทแรงกายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทำอาหารเลี้ยงทุกคน ทุกครั้งที่จัดกิจกรรมมวลชนเธอจะเป็นคนแรกที่เห็นด้วยเสมอแล้วนำทุกคนให้ทำงาน วันนี้...ท่านเสียขวัญมาก ท่าทางจะเมามากด้วย

“ฮือฮือ! แสงสว่างในใจของฉันดับไปเมื่อวันที่ลูกชายคนเดียวถูกลงโทษอย่างไม่เป็นธรรมมันกลับมาสว่างอีกครั้งในวันที่ฉันเห็นสหายที่ค่ายกักกัน สหายเคยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตาย อย่าทิ้งกันอย่างนี้!” เธอทิ้งตัวร้องไห้บนพื้นลาน กลุ่มสหายเริ่มขยับตัว                 

“ใช่!! เราไม่อยากให้สหายไป” เสียงสหายกึกก้องไปทั้งลานกว้าง ฉันตื้นตันห้ามน้ำตาไม่ไหว ต้องรีบห้ามทัพ...

“ประวัติศาสตร์ของชาติเราต้องตกเป็นเมืองขึ้นมาตลอด พอจะลืมตาอ้าปากได้ก็โดนแบ่งเป็นสองประเทศ เพราะพวกเราอ่อนแอและยึดติดกับตัวบุคคล” ฉันสูดลมหายใจลึก....

“ยืดอกสู้กับความกลัว เงยหน้าชนกับปัญหา ถึงเวลาแล้วที่พวกท่านต้องยืนตรงให้เกียรติและเคารพตัวเอง” น้ำเสียงดุดันก้องสะท้อนข้ามแม่น้ำ

“...............” ทั้งลานเงียบสงบ.            

“สหาย! ช่วยแสดงให้ฉันเห็นหน่อยสิว่า พวกท่านจะดูแลประเทศนี้ได้ ฉันยังคงแอบดูสหายอยู่ในมุมหนึ่งไม่ได้ไปไหน ฉันฝากความหวังทั้งหมดให้สหายสานต่อ วันนี้งานเลี้ยงสิ้นสุดแล้วขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกัน ขอบคุณที่มอบความรักและความห่วงใย ทุกท่าน! ขอจงรับความเคารพจากฉันด้วย” ฉันโค้งศีรษะลงต่ำน้ำตาหยดลงพื้น

“ไม่เอา! ไม่ให้ไปอยู่กับพวกเราก่อน” เสียงร้องไห้ดังระงมทั่วลานกว้าง ฉันเองก็น้ำตาไหลแต่มันเป็นความสุขตื้นตันใจ             

“ไม่เอา! ไม่ยอมให้ไปหรอก!” ทหารชายยืนตัวตรงเงยหน้ายกแขนเสื้อปาดน้ำตา สหายผู้หญิงโผเข้ากอดกันสะอื้นไห้

“ชัมกันมันโย! ทันใดนั้น...สหายคุณลุงคิมจุนซองก็เดินหน้ายับแหวกผู้คนเข้ามาพร้อมสหายผู้พันโกมีทัก

“สหายผู้กอง! ตัดสินใจอย่างนี้ทำไมไม่บอกกันก่อน?” ท่านหน้าตูมมาเลย

“สหายคุณลุงโกรธฉันเหรอคะ?” ฉันเข้าไปอ้อน

“โกรธสิ! คุณทิ้งชาวบ้านได้ยังไง?” งอนตัวแข็งกันไปหมดเลย

“รบกวนสหายคุณลุงช่วยเป็นผู้นำด้วยนะคะ”

“คุณเอาแต่ใจตัวเองนึกจะไปก็ไป เด็กใจร้าย” เสียงท่านไม่ดีเลย

“อย่าเข้าใจผิดสิคะ ฉันต้องการให้เกาหลีได้ผู้นำที่คู่ควร สหายคุณลุงคือคนนั้นค่ะ ด้วยความนับถือค่ะ” ฉันกุมมือจ้องหน้าขอร้อง

“ชาวบ้านทั้งรักและวางใจกับสหาย อย่าไปเลย”

“ถึงเวลาเปลี่ยนผู้นำแล้วค่ะ อย่าปฎิเสธเลยนะคะ”

“ผมมาทำงานนี้เพราะสหาย ผมไม่ได้สนใจตำแหน่ง” ท่านเตรียมจะเถียงฉันโผเข้ากอด...

“สหายคุณลุงคะ ท่านคือตำนานค่ะ”

“เฮ้อ!! ท่านสะบัดหน้าเดินหนี กลุ่มเพื่อน ๆ เดินงอนตามกันไปถึงจะขัดใจก็ต้องทำ

ฉันเดินน้ำตาคลอ นาตาลียิ้มกว้างดวงตาใสเหมือนเด็กน้อยกางแขนวิ่งเข้ามากอด คราบน้ำตาเปื้อนเป็นรอยอายชาโดว์ดำไหลเลอะใบหน้า           

“จูยอนอนนี่โคตรเท่ห์เลย” เธอซุกใบหน้าที่อกกลิ่นสารพัดเหล้าหึ่ง

สหายร่วมชาติต่างเดินทยอยกันกลับ เจ็ทโด้กับแทนเดินหัวเราะกอดคอกันมา พี่น้องคู่นี้เข้าขากันดีเหลือเกิน เสียงใครคนหนึ่งในลานร้องเพลงขึ้นมา...                   

“อารีรัง อารีรัง อารารีโย” สหายอาจุมม่ามีแรยืนตรงตะโกนร้องเพลงกลางลาน ยกแขนเสื้อเช็ดน้ำตา ฉันจุกอกร้าวใจน้ำตารื้นขึ้นมาอีก

“อารีรัง โคแกโร นอมอกันดา นารึล พอริโก คาชินึน นีมึน” เสียงสหายร้องรับดังกระหึ่มก้องลานกว้าง...น้ำตาหยดแหมะ        

เสียงเพลงของจากลากระหึ่มลานจัตุรัส น้ำตาไหลรินอีกครั้งตื้นตันจุกใจ ฉันทำได้ดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว

แทนเดินโย่งยิ้มกว้างมา...

“ผมนับถือจิตใจคุณจริง ๆ เป้าหมายชัดเจนมาก” เขาโค้งศีรษะให้

ฉันยิ้มอย่างสุขใจนั่งลงบนลานบันได มองตามหลังสหายที่กำลังเดินจากไป เสียงเพลงอารีรังก้องเมืองหลวงยังคงลอยมาตามสายลม

เรามานั่งเรียงกันบนขั้นบันได มองส่งสหายกลับบ้าน....

“ภารกิจของฉันสำเร็จแล้วที่เหลือก็บ้านของคุณ ฉันฝากไว้ให้คิดนะคะ เมื่อสายลมแรงพัดผ่านจนทุกอย่างพังพินาศลง อย่าไปเสียเวลาซ่อมเลยเริ่มสร้างใหม่จะได้สิ่งที่สวยงามและคงทนกว่า”

“ปริศนาอีกแล้วนะพี่สาว” แทนเหล่มอง

“มันเป็นบ้านของคุณฉันตัดสินใจแทนไม่ได้ แค่บอกให้ไปคิดเอง มนุษย์โลกมีแต่ปัญหาทางความคิด ถ้าคุณไม่มาพูดให้เปลี่ยนใจฉันอาจกำจัดทั้งหมดไปแล้วก็ได้ ฉันไม่ต้องการให้ความคิดเลว ๆ ของพวกผู้มีอำนาจหลงเหลืออยู่ ความคิดที่เลวเป็นไอดอลในหลายอาชีพ”

“โลกสวยเหมือนกันนะคุณเนี่ย สมองมีไว้คิดจะคนสมัยไหนมันก็ต้องคิด และเมื่อมันมีโอกาสมันก็โกง ไม่มีทางหมดไปหรอก” แทนโต้

“เพราะคนเลวมีกฎหมายป้องกันตัว สิ่งที่มันโกงกลับเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย คุณคิดว่าชาวบ้านทั่วไปจำความคิดเลว ๆ นี้มาจากไหนล่ะ? มีผู้ปกครองคนไหนยอมรับผิดบ้าง มีแต่มันแก้กฎหมายจากผิดเป็นถูก”

“เอ่อ..คุณเป็นอาชญากรของโลก” เขาแหย่ปั่นประสาท

“หวังฉวนโน่นฉันทำไม่กี่ที่เอง” ฉันแถหนีก่อน

“พี่ว่ายังไง?” เขาหันไปหาเจ็ทโด้

“กูขอเป็นผู้ตามให้มึงเป็นหัวหน้า สั่งมาเลย! จะให้ทำอะไรก็บอกได้เลย”

“เอ๊า! มีงี้ด้วย” แทนขมวดคิ้วมอง

“เฮ้ย! แทนมึงหล่อจริง ๆ” เขาเหล่มองจู่ ๆ ก็ชมซะงั้น

“เอ๊า! เมาล่ะสิ!

“จริง! คุณหล่อมาก” ฉันเสริม สายตาคมจมูกโด่งคิ้วเข้ม หล่อมาก

“ฉันเตรียมเครื่องบินกลับบ้านให้แล้วนะคะ ถ้าขับรถไปน่าจะใช้เวลาเป็นอาทิตย์” ฉันหันคุยกับเจ็ทโด้ นาตาลีหันมองไปมาเริ่มขมวดคิ้ว

“ผมนั่งเครื่องบินภายในของจีนสะดวกกว่า”

“ฉันให้สหายโกส่งนักบินมาให้แล้ว 5 คน อีก 2 วันพวกคุณเดินทางได้ เอา MI – 26P2V ไปก็แล้วกัน”

นาตาลีหันขวับ...

จะไปไหนกัน ทำไมไม่บอกสักคำ?”

“ผมตั้งใจว่าจะกลับไปช่วยคนที่บ้านเกิด เอาวัคซีนของคุณไปฉีดให้พวกเขาหน่อยครับ” แทนหันไปลูบหัวเธอเงยหน้ามอง...

“ถ้าไปแล้วก็เอาส่วนผสมมันกลับมาให้ด้วย ฉันจะชวนให้หมวดจางอยู่ด้วยกันที่นี่ เรามีห้องวิจัยวิทยาศาสตร์โชซอนที่เจ๋งมาก”

“ได้ครับ ขากลับผมจะแวะเอามาด้วย”

“หมวดจางจะอยู่กับเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ ช่วยคุยให้หน่อยก็แล้วกันนะนาตาลี” เจ็ทโด้เสียงอ่อย ฉันก็หวั่นใจ

“ฉันจะยึดน้องแทนไว้เป็นตัวประกัน อยากกลับก็กลับแต่ตัวเถอะ” นาตาลีฮึดฮัด

พอพูดถึงน้องแทน...ฉันผวาวูบ น้องแทนเหรอ?...

“น้องแทน! น้องแทนอยู่กับใคร? ลืมไปเลย!! สิ้นเสียงของฉันทุกคนเด้งขึ้นยืน

เฮ้ย! ฉิบหายแล้ว เดินตามใครกลับบ้านไปแล้วมั้ง?” เจ็ทโด้ชะเง้อมอง แทนตาเหลือกวิ่งลงบันได นาตาลีร้อนรนวิ่งไปอีกทาง กลุ่มสหายสลายตัวเดินกลับพ้นขอบลานกันไปหมดแล้ว

“.............” กลางลานเงียบเหงา

“น้องแทน! น้องแทน! เสียงตะโกนเรียกเป็นทอด

“...........” ยิ่งนานขวัญยิ่งเสีย บ้ากันใหญ่แล้วทำเด็กหายได้ยังไงวะเนี่ย? พ่อกับแม่ของเขายังโกรธเรื่องไป่ไป๋ไม่หายเลย ฉันจะบ้าตาย

หันไปมองตรงที่พวกเขาเข็นรถเล่นกัน ตอนนี้เหลือเพียงลานหินว่างเปล่าเหงาหงอยกับกองผ้าจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เหลียวมองรอบด้านก็ไร้วี่แวว ฉันป้องปาก...

“น้องแทน! น้องแทนครับ!

“..............” ยิ่งเงียบ ใจยิ่งร้อนรน

“น้องแทน! กลับบ้านกันครับ!

“หือ! เสียงเล็ก ๆ ของเด็กชายดังแว่ว ฉันหมุนหันมอง

“..............”

“น้องแทนครับ” กองผ้าขนฟูสีดำขยับยวบยาบ...

“ชู่ว์!! อีโม่! เค้าเล่นซ่อนหาอยู่”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! น่าตีจริง ๆ นอนเงียบเลย

“ทุกคนคะเจอแล้ว!

“มุ่งมั่นจริงนะ! เพื่อน ๆ หนีกลับบ้านกันหมดแล้วค่ะ ของเล่นหายไปไหนหมดแล้วคะ?” แปลกใจมาก...เห็นเขาขนของเล่นมาจากบ้านเยอะเลย

“เค้าให้เพื่อนไปหมดแล้วครับ” น่าภูมิใจจัง ใจดีเหมือนกันนะเนี่ย

ฉันรื้อกองเสื้อคลุมขนหมีดำถักทอโดยฝีมือชาวบ้าน สวมใส่แล้วนุ่มสบายอบอุ่นเป็นของหายากและราคาสูงมาก

“นี่ผ้าอะไรคะ?” ฉันชูชุดขนหมีให้ดู

“เพื่อนเอามาแลกกับรถเข็นครับ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ค้ากำไรนี่หว่านึกว่าใจดี” เราจูงมือกันเดินกลับไปนั่งที่เดิม แทนขยับลงมานั่งข้าง ๆ นาตาลีเสียงอ้อแอ้ลงนั่งติดกัน

“แทนขา! กลับบ้านกันดีกว่า” เธอกอดเลื้อยไปเรื่อย น้องแทนเดินเข้าไปจับใบหน้าของเธอแล้วหอมแก้มซ้ายขวาอย่างสุดรัก

“ลีเมาแล้วนอนก่อนนะ” น้องเอาเสื้อขนหมีถูพื้นหินอ่อนของลานบันได          

“ง่วงแล้วเหรอ?” แทนหันไปถามเธอเอียงหัวซบไหล่               

“ยังไม่ง่วง แต่ไม่ได้เจอสหายครูฝึกตั้งนาน คิดถึง!” เธอยิ้มเอานิ้วชี้จิ้มปากของเขาแล้วจะโผเข้ากอด

แต่...

“ลี! อย่าไปเล่นกับคนนี้” น้องแทนเดินเข้าขวาง

“ลีนอนตรงนี้นะ เค้านอนเป็นเพื่อน” น้องลูบพื้นอีกครั้งอย่างตั้งใจ นาตาลีหันมองแล้วเมินทำท่าจะโผเข้ากอดแทนอีกครั้ง

“หยุด! เจ็ทโด้เอานิ้วจิ้มหน้าแล้วหิ้วคอเสื้อดึงไว้...

“อย่าทำร้ายจิตใจกันอย่างนี้สิ ลงไปนอนกับน้องเดี๋ยวนี้!” เขาผลักเบา ๆ เธอลงไปนอนดิ้นหน้าหงิกคว้าเจ้าตัวน้อยไปกอด

“สหายผู้บัญชาการเมาเสียอาการมาก อย่าเรื้อนนะ!...โดนตื้บ” เจ็ทโด้แซวแรง เธอหันไปค้อนแล้วหันกลับมากอดน้อง 

แทนหันมา...

“ขอยืมตัวพี่ชายสักเดือนนะครับ”

“แน่ใจนะว่าจะไปแค่ 2 คน ทหารจีนมันเข้ายึดแล้วนะคะ”

“ลูกน้องซอนมีอีกหลายร้อย” เจ็ทโด้หันมาตอบ

นาตาลีคลานเข้ามากอดคอแทน...

“กลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวแทนต้องไปทำงานอีกตั้งนาน ฉันมีเรื่องต้องปรึกษา” เธอลอยหน้าฉอเลาะ            

“จริงเหรอ? สายตาหื่นมากเลยนะ” ฉันแหย่                

“ไม่ได้คิดแค่อยากจะนอนกอดเฉย ๆ เขาต้องไปเป็นเดือน” เธอท่าทางขึงขัง เจ็ทโด้ยิ้มเอียงหน้ามา...           

“ไม่คิดจริงเร้อ?” เขายิ้มฟันขาว

นาตาลีหันไปค้อน...

“ดูปากของดิฉันนะคะ! ฟังนะช้า ๆ ชัด ๆ...ไม่คิด! ไม่ได้คิด!” เธอยืดอกใส่

“ไม่คิดก็ดี คืนนี้เอาน้องแทนไปนอนด้วยเลย”

“หือ!เธอลุกขึ้นเท้าเอว...        

“เจ็ทโด้เซม! ยึดพื้น 20ที ปฏิบัติ!!ท่าทางขึงขังมาก

“ฮ่าฮ่าฮ่า!

“แทนขากลับบ้านกันดีกว่า เจ็ทโด้พูดคำหยาบแล้ว” เธอตะกายขี่หลังชี้ฟ้าร้องตะโกน

“รักนินจาเซมมากที่สุดในโลกเลย ไปเลยกลับบ้านกัน!       

แทนพาเธอขี่หลังวิ่งวนกลางลาน คู่รักที่ฟ้าแกล้งตั้งหลายปีคงลงตัวกันดีแล้ว ทั้งสองเดินไปขึ้นรถลินคอร์น คอนติเนนตัลรถยนต์เปิดประทุนประจำตำแหน่งของท่านผู้นำสูงสุดแล้วขับออกไป

เจ็ทโด้ยื่นหน้าเข้ามา...            

“อยากขี่คอบ้างหรือเปล่า?” เขาเมายิ้มตาเชื่อม

“ทันทีเลยค่ะ!” ฉันรีบลุกขึ้นกระโดดขี่หลัง                  

“ไปกลับบ้านกัน” เขาตะโกนแล้ววิ่งตามรถยนต์ของแทน           

ฉันก้มลงกระซิบข้างหู...   

“โอปป้าซารางเฮโย รีบ ๆ มีน้องกันเถอะอายุมากแล้ว เดี๋ยวฉันเลี้ยงไม่ไหว” ฉันสุขใจซุกแผ่นหลังกอดคอเอาขารัดเอว เขาแหงนหน้ากลับมา...          

“จูยอนผมรักคุณ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณจนวันสุดท้ายของชีวิต”  เขาเมาเสียงอ้อแอ้เดินเซ ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่านี้อีกแล้วฉันแนบใบหน้าลงบนแผ่นหลังที่อบอุ่น ฝันหวานถึงอนาคตฉันจะมีลูกเยอะ ๆ เลย

“เอ๊ะ!” ลูกเหรอ? พอพูดถึงลูกคิดบางอย่างได้

“โอปป้า! น้องแทนล่ะ?”

“ฮ้า! ลืมอีกแล้วเหรอ? เอาไปคืนมันเถอะ เดี๋ยวได้ทำหายสักวันมันฆ่าเราแน่ คดีไป่ไป๋ยังเคลียร์ไม่จบเลย” เขาทิ้งฉันลงแล้ววิ่งสุดชีวิตกลับไป

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!

                                                                
                    .......................................................

 

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม