หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 7 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 25 พ.ค. 2567 |
Kala Democracy
มีนาคม ค.ศ.2026
มุมมองสายตา แทน
รถยนต์แฮมเมอร์เหลืองแล่นช้า ๆ หลบหลีกซากศพบนถนนสายเอเชียของเมืองดอกบัว ยิ่งใกล้มหานครหัวใจยิ่งเต้นรัวความรู้สึกตื้นตันอิ่มเอมใจที่ได้กลับมาถาโถม ความโหยหาของคนที่จากบ้านเกิดไปนานได้กลิ่นความคุ้นเคยตั้งแต่ยังไม่เห็น แต่...ผมยังมีรากขมขื่นในใจ
เจ็ทโด้นั่งด้านหลังชี้ไปที่ห้างสรรพสินค้าหงอยเหงาทางด้านซ้าย...
“แทนมึงจอดรถก่อน กูจะเข้าไปสอดแนมที่กองทัพอากาศสังหรณ์ใจว่ามันน่าจะยึดที่นี่เป็นศูนย์บัญชาการ”
“ครับ!”ผมหักหัวรถยนต์เสียบเข้าไปกลางลานหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง สายลมกรรโชกป้ายโฆษณาขาดห้อยรุ่งริ่ง
พอดีแง้มประตูรถยนต์แล้วรีบปิดกลับ...
“อื้อฮือ! ลงไม่ได้เลยกลิ่นเหม็นมาก”
ลานห้างสรรพสินค้าใหญ่ชานเมืองกราดเกลื่อนไปด้วยซากศพนอนกอดก่ายกัน ทุกรายทรมานก่อนสิ้นใจ Soullessที่รอดชีวิตมีให้เห็นประปราย
“นั่นเด็กนี่นา!” เธอรีบกระโดดลงวิ่งเข้าไปอุ้ม Soulless เด็กหญิงวัยประมาณ 3 ขวบอย่างไม่รังเกียจ /สาวน้อยยังเดินเตาะแตะอยู่เลย/
“โอ้ว! นางฟ้าตัวน้อยกินข้าวหรือยังคะ? อดทนได้ขนาดนี้เก่งจังเลย” เธอก้มลงไปกอด Soullessเด็กหญิงที่แต่งตัวเป็นนางฟ้า ใบหน้ามอมแมมคราบน้ำตาและฝุ่นเต็มหัว
“อ้าม! กินขนมปังไปก่อนค่ะ” เธอป้อนขนมปังจิ้มนมข้นหวานใส่ปาก เด็กน้อยผวาเข้าหาแล้วงับเต็มแรงด้วยความหิว...
“จ๊าก!!!...พี่แทนน้องกัด!”
“เฮ้ย!” ผมดึงคอเสื้อเด็กแล้วเอาปืนจ่อหัว
“อย่า!” เจ็ทโด้คว้ามือ...
“น้องแค่หิว ดูสายตาสิ! เธอมองหาแต่อาหาร”
“พี่แทนใจร้ายว่ะ!”
“อ้าว!ก็เธอร้องให้ช่วย”
“หนูแค่บอกว่าน้องกัด!”
“เออ!จำไว้นะยายกะล่อน พวกหล้ามาถึงไหนแล้วครับ?” ไม่อยากตอแยคุยกับลูกพี่ดีกว่า
เจ็ทโด้เดินเข้ามาแล้วอุ้มเด็กน้อยแล้วป้อนขนมปังใส่เครื่องบดรุ่นจิ๋ว สองมือของเธอช่วยกันยัดใส่ปาก พอดีป้อนน้ำตาม
“หล้ากำลังถล่มค่ายทหารม้าห่างจากเรา 100 กิโลเมตร เย็นนี้คงมาถึง เราเคลียร์ทางให้มันก่อน” เขาฟัดท้องเด็กน้อยไร้ความรู้สึกใด ๆ มือยังไขว่คว้าขนมปัง
“แล้วเอายังไงต่อ?” ถึงยังไงผมก็ไม่กล้าสั่งแม้เขาจะบอกให้เป็นหัวหน้า
“เดี๋ยวเราแยกกัน กูจะขับมอเตอร์ไซด์ขึ้นโทล์เวย์เข้าไปส่องกองทัพอากาศ มึงไปดูค่ายทหารในเมืองให้หน่อยสิ” เขาส่งเด็กให้ผมแล้วหมุนตัวเดิน
“ได้ครับ” ผมรับนางฟ้าตัวน้อยมาอุ้ม
“แทน! อย่าใจดีนะ ถ้าไม่แน่ใจยิงทิ้งไปเลย” เจ็ทโด้หันมากำชับ
“ครับพี่” ผมโยน Soulless นางฟ้าเหมือนกับตุ๊กตาผ้าที่ไร้ชีวิต
“รอหนูด้วย!” เธอวิ่งตาม...
“คุณลุงหนูไปด้วยค่ะ”
“อยู่กับพี่แทนนั่นแหละ เกะกะ!” เขาก้าวเดินไปตบเบาะมอเตอร์ไซด์ Ducati 959 Panigaleแล้วหันมาโบกมือ ก่อนจะซัดมันขึ้นโทล์เวย์ไป
พอดีหันมาหา...
“พี่แทน! พาหนูไปส่งบ้านหน่อยค่ะ?” เธอเอาน้ำป้อนเด็ก สั่งอย่างกับผมเป็นลูกน้อง
“นี่! เธอจะตีตั๋วฟรีทุกเรื่องไม่ได้นะ ตั้งแต่มาด้วยกันทำอะไรมั่งหรือยัง ฮึ?” ผมไม่ใส่ใจ ป้อนขนมใส่ปากเด็ก
“ถ้าพี่จะไปค่ายทหารก็ต้องพาหนูไปด้วย ไม่งั้นหนูก็ไม่บอกทาง” เธอหน้าหงิกใส่ ผมส่ง Soulless ตัวน้อยไปให้แล้วขึ้นรถยนต์
........................................................
“บรื้น! เอี๊ยด....” รถยนต์ออกตัวล้อฟรี พุ่งทะยานหลบหลีกซากศพพ้นบ้างไม่พ้นบ้าง
“พี่ขับรถช้า ๆ หน่อยสิ! เดี๋ยวหนูไม่ถึงบ้าน” เธอบ่นหัวสั่นหัวคลอนนั่งหน้าง้ำชี้นิ้วไปที่ป้าย ผมขับรถออกทางคู่ขนานตัดเข้าถนนด้านหลังกองทัพอากาศ
พอดีหันมองตาแป๋ว....
“พี่แทนไปบ้านหนูก่อนนะ” เธออุ้มเด็กน้อยหลับคามือ
“วุ่นวายจริง ๆ ไม่ได้ยินเหรอพี่ต้องทำงานก่อน”
“หนูได้ยินแล้ว ไปถึงบ้านหนูแล้วพี่ขึ้นไปบนดาดฟ้าห้างสรรพสินค้า ส่องกล้องเข้าไปก็เห็นแล้ว ไม่ต้องเสี่ยงเข้าไปข้างในค่ายด้วย”
“เออ! เริ่มมีประโยชน์แล้วบอกทางด้วย” ผมยิ้มให้แล้วกดคันเร่ง
“ตรงไปเลยค่ะบ้านหนูเป็นปั๊มน้ำมัน เดี๋ยวหนูจ่ายน้ำมันเป็นค่ารถให้พี่ก็ได้” พอดีเริงร่าที่จะได้กลับบ้าน ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นถึงจะไม่ผูกพันแต่ก็ดีใจ
“หนูไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่รอดชีวิต ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี หัวใจมันโหวงเหวงชอบกล” เธอถอนหายใจก้มมองเด็กหญิงในอ้อมกอด
“มีเรื่องในใจเยอะเลยนะเธอเนี่ย?”
“หนูก็เป็นคนนะพี่ มันก็ต้องมี Story กันบ้างสิ!”
“เล่าเรื่องของเธอให้ฟังบ้างสิ”
“หนูเหรอ? ยังเรียนไม่จบเลย เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นมาก่อน”
“หือ! ที่นี่มีสงครามกลางเมืองด้วยเหรอ?”
“มันก็ไม่เชิงหรอกพี่ แต่มันหนักกว่าทุกครั้งที่เคยมี”
“เธอเรียนอะไร?”
“หนูเรียนมหาวิทยาลัยภาคเหนือ เอกประวัติศาสตร์”
“แล้วเรียนยังไงถึงโดนจับล่ะ? ตัดสินตั้ง 30 ปีสงสัยเธอต้องเป็นฆาตกรต่อเนื่องแน่ ๆ เธอเป็นเมียของแจ็ค เดอะริปเปอร์รึเปล่าเนี่ย ฮึ?” ผมแหย่ให้ไม่เครียดและพอเข้าใจหัวอกของเธอ ในวัยนี้คิดอะไรได้ไม่ไกลไปกว่าบ้านกับมหาวิทยาลัย
“หนูยังงงอยู่เนี่ย แค่พูดความจริงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่มันย้อนแย้งกับตำราเรียนเลยโดนข้อหายุยงปลุกปั่น สร้างความแตกแยก ทำไปทำมาหนูกลายเป็นกบฏเฉยเลย ฮ่าฮ่าฮ่า ขำว่ะ!” เธอหัวเราะแต่ปาก ส่วนดวงตานั้นแข็งกร้าวมีแต่ความเกลียดชัง
“ไปพูดที่ไหนล่ะ ถึงถูกจับ?”
“มีเวที ก็พูดบนเวทีนี่แหละ บอบบางกันเหลือเกินแตะต้องนิดหน่อยจะเป็นจะตาย การเมืองรุนแรงมากคิดได้แต่ห้ามพูด”
“เก่งจังเลย” ผมชื่นชมคนที่กล้าแสดงออก ยายนี่ฉลาดไม่ธรรมดาทีเดียว
“หือ! พี่ไม่ว่าหนูเหรอ? ใคร ๆ ก็ด่าหนูทั้งนั้น”
“ใคร ๆ ก็มีแต่คนหน้าเดิมมันทะเลาะกันอยู่ 2 กลุ่ม ฝ่ายหนึ่งจะดึงอีกฝ่ายจะยื้อ พี่ก็โดนยัดคดีเป็นนักโทษการเมือง แต่พี่ไม่เก่ง หัวใจของพี่มันกระจอก หนีเอาตัวรอดพวกเธอถึงต้องลำบาก” เรื่องนี้เป็นแผลในใจของผมตลอดมา
“อ้าว! พี่ก็เป็นกบฏเหมือนกันเหรอ? ดีใจจัง!”
“น่าดีใจตรงไหนกันที่เป็นเหยื่อการโฆษณาชวนเชื่อ ปลูกฝังความกลัวข่มขู่ทางอ้อม”
“พี่ทำถูกแล้วล่ะหนีได้ก็ต้องหนี ถ้าโดนพวกมันจับขังใครจะต่อสู้ให้พวกเรา พี่ก็รู้ว่าพวกมันอำมหิตขนาดไหน?”
“บรื้น!...!” ผมขับรถเลื้อยหลบสิ่งกีดขวาง โยกรถออกเลนซ้ายเข้าถนนเส้นใหม่ ป้ายยินดีต้อนรับของสนามกอล์ฟทหารตัวเบ้อเริ่มที่ฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้า
“แถบนี้ไม่ค่อยมีคนตายโชคดีจังเลย พ่อกับแม่เป็นยังไงบ้างนะ?” เธอรำพึงรำพันเมื่อรถยนต์แล่นผ่านห้างสรรพสินค้าชื่อดังซ้ายมือ
“พี่เองก็เรียนไม่จบ อาจจะเป็นเพราะคนอย่างเราขัดหูขัดตาพวกผู้ใหญ่มากไป พวกเขาถึงไม่ให้สิทธิ์มีลมหายใจ เป็นคนเลวเพราะพวกเขาชี้มา”
“โอ้ยพี่! หนูไม่ได้มีปัญหากับผู้ใหญ่นะ แต่มรดกการศึกษาที่เขามอบให้มันคือคอกขังความคิด หนูรู้สึกว่าอนาคตมันมืดมน เลี้ยวซ้ายค่ะ!”
ผมหมุนพวงมาลัยเข้าปั้มน้ำมันเชลล์ พอดี พาวเวอร์
“ถึงบ้านหนูแล้ว! พี่เห็นห้างฯ ที่ผ่านมามั้ย? พี่ขึ้นไปชั้นบนสุดนะคะส่องกล้องบนนั้น เดี๋ยวหนูเดินตามหาพ่อกับแม่ก่อน”
ผมเดินไปคว้ามอเตอร์ไซด์วิบากที่ล้มอยู่กับพื้น ขับขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้านั่งส่องกล้องบนยอดหอคอยของสวนสนุกลอยฟ้า
“พี่ตุ๋ย! ที่ค่ายนี้มีแต่ Soulless ไม่มีทหารจีนครับ”
“พวกมันอยู่ในกองทัพอากาศ กูพอจะเดาได้แล้วพวกมันคงใช้กองทัพอากาศเป็นที่บัญชาการ เราต้องเปิดทางให้นักบินลงจอดให้ได้ ถ้ามึงเสร็จแล้วไปเจอกันที่ Hiland Skywalk นะ ไปวางแผนรอพวกหลงซันกัน” เจ็ทโด้ตอบกลับ
“ครับพี่!”
“บรื้น!...!” ผมขับมอเตอร์ไซด์ลงมาที่ปั๊ม
“ฮือฮือฮือ!” พอดีอุ้มน้องยืนร้องไห้รอที่รถเหลือง บ้านของเธอคงจะขาดผู้นำไม่ต่างจากทุกครอบครัว
“ฮือ! ฮือ! ไม่มีใครอยู่เลย ทุกคนหายไปหมด ใครก็ไม่รู้มาตายในบ้านตั้งหลายคน หนูจะอยู่ได้ยังไง?”
“เฮ้อ! จะเอายังไงผมต้องไปต่อ”
“พี่จะไปไหน หนูยังไม่เจอครอบครัวเลย”
“............” เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมไปดีกว่า ผมเฉยแล้วเดินไปขึ้นรถยนต์ชะตาชีวิตจากนี้ไปเธอต้องจัดการเอง ตัดสินใจเอาเอง
พอดีอุ้มน้องวิ่งร้องไห้ตาม…
“พี่แทน! อย่าทิ้งหนูนะ หนูขอเจอครอบครัวก่อน หนูขอร้อง!”
“ผมช่วยคุณไม่ได้จริง ๆ” ผมไม่อยากมองดวงตาสิ้นหวังคู่นี้เลย
“ฮือฮือ! หนูจะอยู่ยังไง?”
“คิดว่าเธอเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้แล้วซะอีก”
“หนูก็เตรียมใจแล้วแต่มันใจหายนี่คะ ครอบครัวนะพี่ มันคือชีวิตของหนู มันคือทุกอย่างของหนูนะคะ ฮือฮือ!”
“คุณมองไปรอบตัวสิ สิ่งมีชีวิตอย่างเดียวที่เราเห็นคือสัตว์ โน่นหมา! โน่นนก! มีคนไหม? ที่เธออุ้มอยู่ก็ไม่ใช่คน!”ผมโบ้ยปากมาที่นางฟ้าแค่เตือนสติ
“พี่แทน! ถ้าไม่ให้กำลังใจกัน ไม่ต้องพูดก็ได้นะ” หน้าหงิกอีกแล้ว
“พวกเขาอาจจะไปเยี่ยมคุณที่ภาคเหนือก็ได้”
“หนูมั่นใจว่าพวกเขาไม่ไปเยี่ยมหนูหรอกค่ะ ใคร ๆ ก็กลัวตาย ไม่มีคนในครอบครัวกล้ามาเยี่ยมคนในคดีกบฏหรอกค่ะ มันใช้ความกลัวเข้ากดดันครอบครัวพังหมดเลย”
“เฮ้อ! ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็เหมือนกันหมด พ่อแม่ต้องกล้ำกลืนยอมจำนนเสียลูกในไส้ไปโดยไม่มีใครลุกยืนตรงเลยสินะ” น่าสลดใจกับความใจดำของผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้ ทำไมต้องเสียสละขนาดนี้
“พวกเราลุกยืนตรงแล้วนะพี่ หนูสู้แล้ว!”
“เธอจะต้องเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่วันนี้ ชะตากรรมของเธออาจถูกกำหนดให้เป็นคนรับผิดชอบก็ได้ เธอต้องตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ ชีวิตเป็นของเธอตัดสินใจเอาเอง”
“หนูคิดไม่ออก หนูจะอยู่ยังไงกับเมืองร้างที่มีแต่กลิ่นเน่าเหม็น”
“เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกประเทศทั่วโลก เธอต้องยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ต้องเชื่อมั่นในตัวเองจากนี้ไปจะไม่มีใครช่วยเธอได้อีกแล้ว เข้มแข็งไว้แล้วสร้างมันกลับคืนมา”
“พี่แทนมาที่นี่ทำไมมีแผนอะไรกัน? หนูได้ยินว่าพี่กำลังกำจัดทหารจีน บอกหนูหน่อยสิเผื่อหนูช่วยได้ ”
“พี่มาทวงแผ่นดินคืนและฉีดวัคซีนให้กับ Soulless... เอ่อ! หมายถึงผีดิบของเธอน่ะแหละ โรคนี้รักษาได้” ผมชี้ไปที่นางฟ้าตัวน้อย
“พี่มีของแบบนี้ด้วยเหรอ? งั้นหนูไปตามแม่ก่อน” อารามดีใจเธอผวาจะวิ่งแล้วหยุด หันมาร้องไห้จ้า...
“ฮือฮือ! ทำไมเราเจอกันช้าจัง แม่ก็ไม่อยู่แล้ว” สำหรับลูกสาวแล้ว แม่มักมาก่อนเสมอ
“ฮือ!ฮือ! พี่แทนช่วยหนูด้วยสิ” เธอทิ้งตัวลงพื้นเสียสติอีกครั้ง ชีวิตที่พึ่งจะพ้นวัยเด็กหันไปทางไหนก็เหมือนมองเห็นกำแพงสูงหาทางออกของชีวิตไม่เจอ ยิ่งอยู่ในสภาพแบบนี้ความกลัวหลอกหลอนจนเป็นบ้าแน่
“พอดีอย่าสิ้นหวัง! ความหวังเท่านั้นที่จะพาชีวิตของคนเดินต่อ ที่เราต้องการคือเวลา ถ้าไม่มีใครเป็นที่พึ่งเราต้องพึ่งตนเอง”
“หนูจะเข้มแข็ง หนูจะอดทนค่ะ” เธอน้ำตานองหน้าสายตาสิ้นหวังพยายามลุกขึ้น ผมเข้าไปช่วยดึงมือ…
“ชีวิตจากนี้ไป...เธอต้องเดินหน้าไปตามสถานการณ์และรักษาชีวิตให้ยาวนานที่สุด เราอาจจะเป็นกลุ่มสุดท้ายของชาติแต่เราเริ่มต้นใหม่ได้” ผมต้องให้อาวุธไว้ป้องกันตัว เดินเลยไปเปิดท้ายรถเหลืองค้นของในคลังอาวุธ
“พี่แทนจะไปฉีดวัคซีนที่ไหนคะ เห็นคุณลุงบอกว่าจะยึดกองทัพอากาศ พี่จะทำที่นั่นเหรอ?”
“พี่ยังไม่แน่ใจ” ผมไม่รู้ว่าลูกพี่คิดอะไรในใจ ต้องรอคำสั่งอีกครั้ง
“หนูขอตามหาครอบครัวก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะไปที่ไหนต่อ หนูจะเจอกับพี่อีกได้ยังไง?”
“คืนนี้! พี่จะอยู่รอเพื่อนที่อาคาร Hi-land”ผมยื่นปืนสั้น Sig sauer มีปากกาเลเซอร์อันเล็กมัดติดกับกระบอกปืนส่งไปให้เธอ
“หนูยิงไม่เป็น”ปากบอกยิงไม่เป็น แต่เธอคว้าปืนไปทันที ยิ้มมองปืนในมืออย่าชอบใจ
“อันนี้เป็นปืนของแฟนพี่ ปืนไม่จำเป็นต้องยิงก็ได้ เอาไว้ขู่” ใบหน้าของไป่ไป๋ฉายแวบขึ้นมา เธอคงคิดไม่ต่างจากผม
“พี่สอนหนูหน่อยสิ หนูคิดว่าหนูต้องใช้มัน” ท่าทางงอแงหายไปกลายเป็นสาวห้าวซะงั้น
“ไม่กลัวแน่นะ!”
“ค่ะไม่กลัว!”เริ่มเห็นรอยยิ้มมั่นใจบนใบหน้าสาวน้อย ผมดึงเธอเข้าในอ้อมกอด...
“เอามือมาอันนี้เบาใช้ง่ายมีเลเซอร์ด้วย กดปุ่มตรงนี้ชี้เลเซอร์ไปเป้าหมาย” ผมสอนน้องให้จับปืนสองมือ
“แล้วยิงยังไงคะ?”
“ปลดเซฟตรงข้าง ๆ นี้ก่อน เอานิ้วชี้ใส่ในนี้ แล้วกด!”
“ฟึ่บ! ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” ป้ายหน้าปั้มพังโครม เธอแหงนหน้าขึ้นยิ้มกว้างระริกระรี้ดีใจ...
“ไม่ยากนี่นา หนูทำได้ชัวร์”เห็นท่าทางของเธอแบบนี้ผมก็สบายใจ หมดกังวล
“กำมือแน่น ๆ ส่องเลเซอร์ให้ตรงเป้าแล้วยิงเลย เวลาเปลี่ยนกระสุนกดตรงนี้นะ” ผมกดปุ่มที่ข้างด้ามปืน แม็กกาซีนกระสุนก็ร่วงลงมา
“อ๋อ! เข้าใจแล้วค่ะ! ส่งมาค่ะหนูใส่เอง” เธอหยิบแม็กกาซีนเสียบด้ามปืนแล้วตบให้เข้าที่
“ถ้าไม่อยากเสี่ยงชีวิตก็หารถบรรทุกสักคัน เก็บรวบรวมสิ่งของใช้ที่จำเป็นแล้วไปหาที่ชอบ ๆ อยู่ วันนี้ไม่ต้องไปหาพี่ก็ได้หนีไปให้ไกลจากเมืองจะปลอดภัย”
“หนูจะช่วยพี่ก่อน ปืนนี้ให้หนูเหรอคะ?”เธอยิ้มดีใจพลิกปืนในมือ ผมเห็นแล้วคิดถึงไป่ไป๋จังเลย
“อืม! เอาติดตัวไว้ ต่อไปคุณต้องดูแลตัวเอง จำไว้ว่าอย่ายื่นอาวุธนี้ให้ใคร ยิงมันทุกคนที่เห็นว่ามันเป็นอันตรายกับคุณ”
“ค่ะ! แล้วแฟนพี่ล่ะเจ้าของปืนนี้?” เธอถามซื่อ ๆแต่ผมจุกใจ
“เธอพึ่งจากไป” เสียงแทบจะไม่ออกจากลำคอ
“อ้าว! พี่แทน” เธอผวาแหงนหน้ามอง ผมส่ายหน้าไม่ให้พูดต่อแล้วรีบกลบเกลื่อน...
“ใช้มันบ่อย ๆ นะครับ เจ้าของเค้าชอบยิงมันมากและเธอคงต้องการให้ใครสักคนใช้มันเพื่อความถูกต้อง ผมเลือกที่จะให้คุณ” ผมหดหู่ใจเดินจากเธอไปขึ้นรถเหลือง สาวน้อยพอดียืนยิ้มโบกสองมือให้ในดวงตาของเด็กสาวเปี่ยมความหวัง เธอหันหลังคว้ามอเตอร์ไซด์แม่บ้านขับออกไป
เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยมิอาจทำให้รับรู้แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงแบบกลับหัวกลับหางก็ยากที่จะยอมรับในเร็ววัน แต่การยอมรับเป็นกลับทางเดียวที่จะอยู่กับสิ่งนั้นได้
.................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |