หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 7 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 25 พ.ค. 2567 |
Kala Democracy
มีนาคม ค.ศ.2026
มุมมองสายตา เจ็ทโด้
“บรื้น...นน!” Ducati 959 Panigale ปล่อยพลังเต็มที่พุ่งเข้าหาดวงตะวันแดงฉาน หลบหลีกรถยนต์จอดตายระเกะระกะบนถนนโทลเวย์มาจนสุดทาง
อาคารสูงในเมืองหลวงเหมือนตั้งบนเตาควันดำยังลอยคละคลุ้งขึ้นไปแปดเปื้อนก้อนเมฆขาวบนท้องฟ้า แม้บนถนนด้านล่างจะมีชีวิตที่เคลื่อนไหว แต่ก็ไร้ซึ่งวิญญาณ
“เฮ้อ!” ผมจอดรถมอเตอร์ไซด์มองจากบนทางด่วนด้วยใจหดหู่ เมืองที่ไม่เคยหลับไหลไฟฟ้าตื่นสว่างตลอด 24 ชั่วโมง เมืองที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกของผู้คน เมืองที่เต็มไปด้วยความแตกต่างและสีสัน ตอนนี้ทุกคนไร้สติเท่าเทียมกัน
“พังหมดแล้ว ยากที่จะเยียวยา”ผมสลดใจหันหลังให้กับภาพที่อดสู เสียงหัวเราะเสียงของความสุขพ่ายแพ้ให้กับเสียงโหยหวนของ Soulless
สังเกตจากความเสียหาย เหมือนกับทุกคนไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ ชาวบ้านกับรัฐต่อสู้กันเอง ศพทหารยังอยู่ในเครื่องแบบนักรบในขณะที่ศพชาวบ้านส่วนใหญ่สวมเสื้อสีเดียวกัน มีผ้าขาวรัดหัวกับตัวหนังสือ “พอกันที”
“บรื้น!!” ผมบิดมอเตอร์ไซด์กลับความเร็วระดับ 200 Km/Hr เร็วเกินกว่าจะมองข้างทางในใจจะรีบกลับไปถามเจ้าแทนกับพอดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ ทำไมสภาพมันแตกต่างกับทุกชาติทั่วโลกที่คนตายจะหันหน้าไปในทางเดียวกัน
“เฮ้ย! มาได้ยังไงวะ?” ฉับพลันนั้นผมรีบยกตัว ชะลอความเร็ว...
“ทำไมตอนแรกไม่มีวะ?” ผมปล่อยมอเตอรไซด์ไหลเมื่อเห็นด่านตรวจ นึกแปลกใจทำไมยังมีด่านหรือนี่คือวัฒนธรรมของชาติที่จะนำพาไปสู่โลกใหม่ด้วย
“บรื้น!” รถมอเตอร์ไซด์เข้าด่านไปอย่างไม่ลังเล
“จอดเลย มึงเป็นใคร?” คำทักทายแรกจากปากเพื่อนร่วมชาติชวนให้อบอุ่นใจ ชายหัวเกรียนตัวสูงท่าทางก๋องแก๋งดึงกุญแจรถออกไปอย่างเคยชิน
ผมลงจากมอเตอร์ไซด์หมุนมองกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 10 คนอาวุธพร้อมมือแล้วยิ้มให้...
“หวัดดีครับพี่ชาย ผมมาจากจีนมันเกิดอะไรขึ้น?” ผมเดินกุมไข่เข้าไปหาอย่างนอบน้อม /ไอ้พวกนี้น่าจะให้คำตอบได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น/
“มึงมากี่คน?” ชายหัวเกรียนวัยไม่เกิน 40 ท่าทางจะเป็นหัวหน้าทีม เบ่งใส่แล้วเข้าค้นตัว
“ตัวเปล่าครับ! ผมมาคนเดียว” ผมยกมือเหนือหัว
“แล้วนี่อะไร?” เขาขมวดคิ้วพลิกโทรศัพท์ดาวเทียมไปมา
“โทรศัพท์ครับ”
“ทำไมมันรูปร่างแปลก ๆ กูไม่รู้จัก เฮ้ย! ใส่กุญแจมือมัน” เขาสั่งลูกน้องกรูเข้ามาล็อคแขนไพล่หลัง
“อ๋อ! ทรงมันเป็นอย่างนั้นเอง ในจีนขายเป็นกอง ผมผิดอะไร?” ผมถามอย่างใจเย็น
“ผิดสิ! มีของที่กูไม่รู้จัก ขอยึดก่อนนะ” เขาส่งต่อไปให้ลูกน้อง/สงสัยผมจะโดนข้อหาเจ้าหน้าที่โง่อีกแล้ว/
“ผมต้องติดต่องาน ขอคืนเถอะ”
“ไป! ไปด้วยกัน มึงไม่มีโอกาสได้กลับไปทำงานแล้ว” เขาผลักหลังจนเซ...
“จะพาไปไหนครับ ผมจะกลับบ้าน” ผมเห็นโอกาสที่จะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
“ต้องรายงานตัวกับผู้ใหญ่ก่อน” เขาเดินกร่างไปค้นรถมอเตอร์ไซด์
ชายอ้วนพุงพลุ้ย หัวหยิกเดินเข้ามาหรี่ตามอง...
“มึงชอบสีอะไร?” ท่าทางดูข่ม ผิวดำมันของเขาเพิ่มความดุดัน
“เหลือง”
“งั้นก็พวกเดียวกัน ลูกพี่! มันสีเหลือง” เขายิ้มกว้าง หันไปหาชายผมสั้นคนแรกที่กำลังรื้อค้นรถมอเตอร์ไซด์
“จริงเหรอ ถามข้อมูลของมันเพิ่มอีกหน่อยสิ?”
“แล้วชอบสีอะไรอีก” เจ้าอ้วนอึ่งเบ่งถามต่อ
ทันใดนั้น...
“โบ๊ะ!” เจ้าอ้วนโดนตบหัวคะมำ
“มึงไม่มีคำถามอื่นแล้วเหรอ? ถามแม่งแต่เรื่องสีอะไรของมึงวะ?” เขาด่าแล้วหันไปหาผม...
“ไม่ต้องถามแล้ว ไป! เข้าค่ายไปช่วยกันทำงาน” หัวหน้าทีมพาเดินไปขึ้นรถตู้
ผมยอมทำตามโดยดี รถยนต์แล่นลงจากโทล์เวย์แล้วเลี้ยวเข้าสนามบินภายในประเทศ แล่นผ่านเครื่องบินพาณิชย์ที่จอดเรียงรายด้านหลังอาคารสนามบิน กองกำลังทหารของจีนเข้าประจำตามป้อม ยึดกองทัพอากาศเป็นฐานบัญชาการอย่างที่คิดไว้
ผมนั่งสังเกตมองข้างทางโดยไม่ปริปากพูดใด ๆ จนกระทั่งมาจอดหน้าอาคารสำนักงานผู้บังคับการทหาร
“พรึบ!” ทุกคนกระโดดลงรถยนต์แล้วพากันเดินลัดสนามเข้าอาคาร 2 ชั้น ผมสะดุดตาหยุดมองไปที่สนามหญ้าก่อนถึงตัวอาคาร Soulless ผู้หญิงสาวสวยมากมายถูกคุมขังไว้ที่นี่
“เดินไป!” ไอ้อ้วนกระแทกหลัง ผลักให้เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้น 2
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!” หัวหน้าทีมเคาะประตู ก่อนจะเดินนำเข้าไป
“เจ้าสัวครับ! ผมจับไอ้นี่ได้ มันบอกว่ามาจากจีน” เขารายงานแล้ววางโทรศัพท์ดาวเทียมของผมลงบนโต๊ะ ชายวัยกลางคนผิวขาวใบหน้าบ่งบอกว่าเป็นคนจีน ดูท่าทางภูมิฐานเงยหน้า...
“แรมโบ้! นายออกไปก่อน วันนี้คัดผีดิบสาว ๆ สัก 10 คน เจ้านายเบื่อคนเดิมแล้ว” เขาโบกมือไล่
“ครับท่าน!” แรมโบ้หัวเกรียนร่างผอมเหมือนขาดสารอาหารเดินออกไป
“นั่งก่อน! ไปไงมาไงล่ะไอ้น้องชาย?” เจ้าสัวหนุ่มถามด้วยเสียงทุ้มกังวาน สายตานิ่ง
“ผมเป็นวิศวกรไฟฟ้าไปทำงานที่จีนหลายปี เพิ่งมีโอกาสได้กลับบ้าน ไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นครับ?”
“อะไรกันคุณอยู่ที่จีนไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน?” เขายิ้มมุมปากหยิบโทรศัพท์ดาวเทียมทหารเกาหลีเหนือขึ้นมาพลิกดู
“ที่จีนปรกตินี่ครับ ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ พวกเขาปิดประเทศ ห้ามคนเดินทาง ได้ยินแต่ข่าวลือเรื่องผีดิบอาละวาด”
“ก็นั่นน่ะสิ! นายออกมาได้ยังไงปิดบังอะไรอยู่เหรอ?” สายตาข่มของเจ้าสัวนิ่งน่าเกรงขาม
“ผมขับมอเตอร์ไซด์เข้ามา ไม่มีอะไรนี่ครับ ตอนนี้จะไปไหนก็ได้”
“แล้วนี่อะไร คนทั่วไปไม่มีใช้หรอก?”เขาชี้วิทยุดาวเทียม
“โทรศัพท์ครับ”
“ผมรู้จัก! ว่าแต่คนอย่างคุณมีของพวกนี้ได้อย่างไร?” ไอ้นี่ฉลาดกว่าลูกน้องเยอะเลย
“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!” เสียงเคาะประตูขัดจังหวะ เจ้าสัวหันไปยิ้มกว้างให้กับผู้มาเยือน /โชคดีไปไม่ต้องตอบคำถาม/
ชายสูงวัยผิวดำ ตาเหลือกขาวสายตาหลุกหลิกเส้นผมสีดอกเลาบ่งบอกว่าอายุน่าจะเลยเลข 6 ไปมากแล้ว เดินยิ้มกว้างเลียริมฝีปากเข้ามาพร้อมกับนายทหารจีนยศพันโทตัวสูงใหญ่
“ว่าไง! พี่หลวงเถือกมีอะไร?” เจ้าสัวทักทายแล้วลุกยืนต้อนรับทหารจีน
“ผู้พันตู้นั่งก่อน” เจ้าสัวกุลีกุจอเลื่อนเก้าอี้ นายทหารจีนหน้าบึ้งนั่งลงอย่างไม่พอใจ
“เจ้าสัวสิงห์ครับ! ทหารจีนติดต่อกันไม่ได้ มันโวยวายหาว่าพวกเราหักหลัง มันจะเอาเรื่องจะเอายังไงดี” เถือกพูดไปแลบลิ้นไป
“เจ้าสัวช้างว่ายังไงบ้าง?”
“เขาก็เหมือนท่านแหละครับ ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
นายทหารจีนท่าทางหงุดหงิด เอาสองมือวางบนโต๊ะแล้วจ้องหน้าเจ้าสัว...
“เจ้าสัว! ตุกติกอะไรพวกเราหรือเปล่า? ข้อตกลงพร้อมยกเลิกได้ทุกเมื่อนะ”
“ผู้พัน! ใจเย็น ๆ” เจ้าสัวหน้าเสีย หลวงเถือกเลียริมฝีปากเสนอหน้าเข้ามา…
“คืออย่างนี้นะครับเจ้าสัวสิงห์ ผู้พันตู้สงสัยว่าเราเป็นคนตัดสัญญาณวิทยุ พวกเขาติดต่อทหารตามค่ายต่างจังหวัดไม่ได้เลย”
“ผมจะทำอย่างนั้นได้เช่นไรกัน ผมไม่กล้าตุกติกหรอกจะให้ผมส่งคนไปดูมั้ย?” เจ้าสัวสิงห์ปฏิเสธพัลวัน
“มีคนแปลก ๆ เข้ามาในนี้หรือเปล่า?” นายทหารจีนเดินไปหยิบวิทยุดาวเทียม
ทั้งสามหันมองมาที่ผม สงสัยงานจะเข้า...
“อย่ามองผมอย่างนั้น ผมมาคนเดียวไม่รู้เรื่อง” ผมสวนทันที
“เขาพึ่งมาจากจีน พึ่งโดนจับตัวมาเมื่อสักครู่”เจ้าสัวรีบบอกกับนายทหารจีน
“หือ!” นายทหารสะบัดหน้ากลับมามอง...
“นายมาจากไหน แล้วมีวิทยุดาวเทียมของเกาหลีเหนือได้ยังไง?”
“ตานตง เสิ่นหยาง!”
“อ๋า!ทำงานแถวนั้นสินะ ทหาร!เอามันไปขังไว้ข้างล่างก่อน พรุ่งนี้ ผมจะสอบสวนมันเอง” เขาหันไปสั่งลูกน้อง
“เฮ้ย! ผมไม่เกี่ยวจะมาขังผมทำไม?” ผมแกล้งโวยวายในขณะถูกหิ้วปีก
หลวงเถือกเลียริมฝีปากแผล็บ ๆ หันมาตบไหล่…
“พรุ่งนี้เตรียมตัวพิสูจน์ตัวตน”
“ผมมีพาสปอร์ต”
“อย่าตลก!” เขาถลึงตาดุใส่...
“รูปร่างของนายเหมือนทหารนะ แข็งแรงดี มาช่วยกันทำงานดีกว่า” เขาแลบลิ้นเลียปากตลอด
ผมหมุนมองรอบห้องแล้วมองหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยสายตาสลด พวกเขายอมเป็นเบี้ยให้กับความกลัว เฉกเช่นเดียวกับที่เขาทำกับชาวบ้าน เมื่อความกลัวเข้าครอบงำการสั่งการทุกอย่างจะราบรื่นและไร้แรงต่อต้าน พวกหน้าด้านจะเข้าสนับสนุนนายทุนจะกุมอำนาจ
.........................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |