The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 ตอนที่ 1

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 ตอนที่ 1
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 8
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 10 มิ.ย. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


Kala Democracy

มีนาคม ค.ศ.2026

มุมมองสายตา แทน

มหานครศิวิไลซ์ที่ไม่เคยมีวันหลับใหล ศูนย์รวมชีวิตและจิตวิญญาณของทุกสรรพสิ่ง ทุกเพศ ทุกวัย ทุกภาษา การต่อสู้ดิ้นรน แพ้พ่ายหรือชัยชนะ หัวเราะหรือร้องไห้ หิวโหยหรืออิ่มจนอ้วก พี่วินกับน้องแกร็บ มหาเศรษฐีกับยาจก คอนโดหรูกับชุมชนแออัด รถยนต์หรูกับจักรยานซาเล้งบนถนนสายเดียวกัน ทุกคนเคยสูดอากาศ ณ จุดเดียวกัน ที่นี่...มหานคร Kala city

ผมนั่งบนพื้นระเบียงของยอดตึกสูง มองผ่านกระจกใสจาก Sky walk ลงไปข้างล่างอย่างร้อนใจ ทุกตรอกซอกซอยรอบอาคารอุจาดตาไปด้วยซากศพ

“เฮ้อ!! แอบคิดในใจลูกพี่จะเป็นยังไงบ้างนะ ผมพยายามคิดในแง่ดีไว้ก่อนเพื่อความสบายใจ

“มากินข้าวกันค่า!” เสียงใสของยายล้นร้องเรียกด้านในอาคาร ผมลุกเดินเข้าไปรวมกับกลุ่มของหลงซันที่กำลังนั่งล้อมวงกินอาหารกับพื้น เชลยโดนมัดมือนั่งพิงผนังห้องมองพวกเรา

“พอดีครับ! พี่เริ่มเห็นประโยชน์ของเธอนิสนึงแล้วนะ?” ผมแหย่น้อง

“มากินเยอะ ๆ เลยค่ะพี่แทน แต่หนูไม่ให้ไอ้นี่กินหรอกนะ” เธอชี้ไปที่เชลยที่ถูกมัดไว้

“ทำไมมีแต่คนใส่เสื้อสีแสดวะ เกิดการปฎิวัติสีแสดเหรอ?” ผมเดินเข้าไปลากแขนเธอกลับมา

“หนูรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“เล่าให้ฟังบ้างสิ!” ผมหย่อนก้นนั่งข้างหลงซัน

“พี่แทนกินก่อนสิคะ ถ้าหนูเล่าแล้วจะกินไม่ลง” สงสัยจะดราม่ายายล้นสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที

“โอ้โห! เลี้ยงดีนี่หว่า อาหารญี่ปุ่นก็มีของฝรั่งก็มา มีต๊อกบ๊กกีด้วย ไปเอามาจากไหนเนี่ย ยายล้น?” ผมสะดุดตากับอาหารหลากหลายที่น้องสรรหามาให้และรู้สึกดีที่เธอช่วยงาน ไม่เสียแรงที่ช่วยไว้

“ซูเปอร์มาร์เก็ตข้างล่างไงคะเยอะแยะ! ฟรีด้วย! พี่แทนอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวหนูลงไปเอาให้?”เธอกระตือรือร้นไม่เสแสร้งลุกยืนรอรับคำสั่ง

“พอแล้วครับ! เล่ามาสิอยากฟังมากกว่า”

“คืองี้นะพี่! เมื่อหลายปีก่อน สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงค่อย ๆ พัดเตือนผู้กุมอำนาจว่าถึงเวลาที่ต้องปรับตัวกันใหม่เพื่อรองรับการตื่นตัว แต่พวกเขาโง่เกินกว่าจะคิดได้ ยังคงใช้อำนาจบังคับและทวงบุญคุณว่าพวกเขาเป็นคนสร้างชาตินี้มา จนสายลมอ่อนนั้นรวมตัวเป็นทอนาโด พัดทุกอย่างพังลงไป”

หลงซันขมวดคิ้วหันมามอง….

“งงจังเลย!

“ทำไมต้องพูดให้ตีความด้วย ฮักมันยิ่งโง่ ๆ อยู่ด้วย”หล้าหัวเราะแล้วคว้าคอน้องชายไปกอด

“พี่ไม่พูดเธอก็คงมองออกแหละ”  เจ้าฮักงับไส้กรอกแท่งใหญ่ไม่สนใจ

ยายล้นของผมยืดอก ขยับตัวตั้งใจอธิบาย...

“เพื่อความเข้าใจหนูขออธิบายยาว ๆ นะคะ การเมืองมันแบ่งฝ่ายเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกคือพรรคการเมืองและประชาชนที่สนับสนุน อีกฝ่ายคือรัฐที่มีเจ้าของพยายามจะกดหัวปกครอง ใช้ทหารยึดอำนาจ เจ้าหน้ารัฐข่มขู่ยัดคดีผู้เห็นต่างและล้างสมองเด็กเรื่องประวัติศาสตร์ที่บิดเบือน พอเข้าใจมั้ยคะ?”

หลงซันหันมาตอบ...

“เข้าใจครับ แต่ที่นี่ก็มีประชาธิปไตยนี่ครับ”

“มีแต่ชื่อค่ะ! เด็กนักเรียนโดนจับก็เพราะเรียกร้องประชาธิปไตยที่ไม่เหมือนในตำรา หลอกลวงโลกด้วยชื่อประเทศ ใช้กฎหมายรุนแรงกับคนในชาติ คิดว่ามันปกครองแบบไหนเหรอพี่?” พอดีถอนหายใจ ความซับซ้อนของกลไกอำนาจมันหลายชั้นจะอธิบายสั้น ๆ ก็เข้าใจยาก

หล้ายื่นหน้า...

“ลาวก็มีคำว่าประชาธิปไตยแต่เป็นคอมมิวนิสต์ เกาหลีเหนือก็มีคำว่าประชาธิปไตยแต่ก็เป็นเผด็จการ แบบนั้นใช่มั้ย?”

“นั่นแหละพี่!หนูไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศที่ผู้ใหญ่บอกว่าปกครองระบอบประชาธิปไตย ทหารมายิงนักศึกษาได้ยังไงมันปกป้องอะไร?”สีหน้าระอากับแววตาสิ้นหวังประทับลงในอกของเด็กรุ่นใหม่ ความหวังความฝันโดนทำลายจากปลายกระบอกปืน ผมเคยคุยเรื่องนี้กับเจ็ทโด้ โดนด่ากระจายมาแล้ว

“เล่าต่อครับ” ก่อนที่จะดราม่าหนักต้องรีบให้เธอกลับเข้าเรื่อง

“ผลการเลือกตั้งไม่มีความหมาย เพราะกติกาพิศดารที่พวกมันเขียนไว้ไม่เปิดโอกาสให้พรรคที่ชนะจัดตั้งรัฐบาล หลายหน่วยงานแตะมือช่วยกันโกงออกสื่อ คนออกมาคัดค้าน มันก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปหาถึงในมุ้ง จับไปปรับทัศนคติ สื่อรัฐออกมาโจมตีประชาชนหาว่าไม่เคารพคำตัดสิน”

“แล้วยังไง?”

“เจ๊งสิพี่! รวยกระจุกจนกระจาย มันไม่ได้เข้ามาบริหารประเทศ มันเข้ามาสร้างอาณาจักรแห่งความกลัว กลุ่มนักเรียนนักศึกษาออกมาประท้วงโดนคนในเครื่องแบบเอาปืนไล่ยิงเอาน้ำไล่ฉีด ยิงนักข่าวต่างประเทศตาย ทั่วโลกได้เห็นผู้ใหญ่ที่แสนดีไล่จับเด็กในชุดนักเรียน

แทนหันขวับ

“สมัยพี่ก็โดน พี่เห็นมันแพ้เลือกตั้งแล้วแก้กติกาย้อนหลัง แล้วไล่ยุบพรรคตัวแทนของประชาชน” แทนบอกแล้วหันไปพยักหน้ากับหลงซัน

“นั่นแหละพี่! แต่นั่นไม่ใช่จุดเลวต่ำสุดนะคะ สมัยหนูมันแสบกว่านั้น หนูเห็นมันอนุญาตให้พรรคการเมืองหาเสียงแก้กฎหมายบางฉบับได้ แต่สุดท้ายมันดัดหลังยื่นยุบพรรคกล่าวหาว่าล้มล้างการปกครอง หนูสิ้นหวังกับผู้ใหญ่พวกนี้มาก มันมีไม่กี่ตัวหรอกที่สลับหน้ากันเล่น”

“แพ้ใช่มั้ย?” ผมอมยิ้มกับคำตอบที่คาดเดาได้ไม่ยาก

“ถ้าแพ้ตามกติกาหนูจะไม่โกรธเลยค่ะ หนูได้เห็นความสามานย์ของนักการเมืองและผู้กุมอำนาจรัฐที่สมรู้ร่วมคิดกันโกงเสียงของประชาชน สกัดกั้นความต้องการของพวกเรา เพียงเพื่อรักษาอำนาจไว้กับกลุ่มของตนเองทั้ง ๆ ที่ทำงานไม่เป็น”

เชลยชายวัยกลางคนเงยหน้ามอง...

“ฟังเธอใส่ความผู้ใหญ่มานานแล้ว! เด็กอย่างเธอจะเข้าใจอะไร บ้านเมืองไม่ใช่โรงเรียนนี่ จะได้มีสนามให้พวกเธอมาวิ่งเล่น ปากอย่างนี้ตายไปก็ตกนรก” เขาแสดงความอึดอัดทางสายตาท่าทางผยองข่มพวกเรา

ยายล้นเม้มปาก หันไปมองด้วยหางตาอย่างไม่พอใจ...

“กลุ่มผู้ใหญ่ที่เคลมว่าตัวเองเป็นดี มีความรู้เป็นคนเก่ง มีประสบการณ์รับใช้ชาติ หลายคนเกษียณจากตำแหน่งสูงสุดในระบบราชการแพ้เลือกตั้งราบคาบให้กับพรรคที่พวกเขาด้อยค่าว่าเป็นเด็กและพรรคเด็กนั้นชนะในกติกาขี้โกงที่พวกคนดีช่วยกันคิดมาเพื่อสกัดกั้น พูดง่าย ๆ ว่า โกงยังไงก็แพ้!” เธอเครียดแค้นเหมือนอึดอัดใจมานานแสนนาน

การโกงเลือกตั้งแบบนี้เหมือนเป็นวัฒนธรรมการเลือกตั้งของชาติ ที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก ผู้นำที่ชนะเลือกตั้งไม่สามารถสบตากับผู้นำชาติอื่นและไม่มีคนอยากจับมือด้วยในเวทีโลก

เชลยนั่งมองตาขวาง...

“เด็กอย่างพวกเธอนั่นแหละที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ไปสนับสนุนพวกไร้ประสบการณ์ พวกผู้ใหญ่ถึงต้องหาทางยุติเพื่ออนาคตของพวกเธอในวันข้างหน้า ประเทศไม่ใช่ของเล่นที่จะให้ใครมาทำตามใจ” เขาโวยใส่หน้าเธอ

พอดีเท้าเอว...

“ที่พังไปก็เพราะพวกมีประสบการณ์ทั้งนั้น มีประสบการณ์แล้วยังไง? ถ้าไม่กล้าตัดสินใจทำเพื่อประชาชนก็ไม่ต่างจากขี้ข้าสวมสูททาสไฮโซทำตามการตัดสินใจของคนไม่กี่คนและสวนกับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ ผิดหลักการประชาธิปไตย” เธอก็แรงไม่ตกเลย สายตามีแต่ความสิ้นหวัง

“ตอนที่จีนบุกมาใครเป็นนายกฯ ?” ผมไม่รู้เรื่องของบ้านเกิดเลย

“ลุงฉุน!” เธอสะบัดหน้า

เชลยชะโงกหน้ายิ้มเยาะเย้ย....

“ที่จีนเข้ามาบุกได้ก็เพราะนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารไงล่ะ อีพวกนี้แหละต้นเหตุชักศึกเข้าบ้าน" เชลยยังคงคิดคนละทางและป้ายความผิดตามชุดความคิดของรัฐให้ประชาชน

พอดีลุกพรวด ชี้หน้ามือสั่นระริก...

“มึงอย่ามั่ว! ถ้าทหารของมึงมีเกียรติจริงต้องมีเรื่องราวการรบเพื่อปกป้องชาติบ้างสิ กูเห็นแต่สร้างสื่อมาอวยตัวเองทั้ง ๆ ที่มันเป็นงานพื้น ๆ ในหน้าที่ พวกนายทหารชอบอ้างตัวเป็นคนดี แต่พอมีคดีล่อแหลมส่อไปในทางทุจริตก็ไม่ให้ตรวจสอบ ไม่ใช่สิ! ห้ามตรวจสอบและถ้าควบคุมไม่ได้ก็รวมหัวกันยึดอำนาจ ประเทศนี้สิ้นหวังจริง ๆ”

“ก็เป็นคนดีจะตรวจสอบอะไร ตรวจก็ไม่เจอและการยึดอำนาจก็เพื่อรักษาความสงบภายในประเทศ ชาติอื่น ๆ เขาก็ทำ” เชลยเถียงข้าง ๆ คู ๆ ฟังดูไม่ค่อยสมเหตุผลสักเท่าไหร่ ผมยิ้มอ่อนโยนกับสาวน้อยและเข้าใจความรู้สึกของเธอ...

“คุยเรื่องอย่างนี้ไม่ต้องใส่อารมณ์เพราะมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เถียงกันไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเพราะไม่มีอำนาจทั้งคู่ ท่าทางเธอก็จะปลื้มพรรคนี้เหมือนกันสินะ ดูสิ!ลูกตาจะหลุดแล้วน่ะ”ผมเย้าน้องให้ใจเบาลง เธอเงยหน้ากะพริบตาถี่...

“ในวันนั้นหนูยังไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งหรอกค่ะ ยังจำได้ดีเลยว่าหนูตื่นแต่เช้า แต่งตัวให้พ่อกับแม่แล้วพากันไปเลือกตั้ง ความหวังที่มันริบหรี่ในทุกด้านกลับสว่างไสวขึ้นมา มันมีความสุขล้นมากที่เราได้เลือกผู้นำของตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานหนูก็โดนจับห้ามเยี่ยมห้ามประกันตัว ถูกขังลืมจนมาถึงเดือนก่อนที่จะเจอกับพี่นั่นแหละค่ะคือวันตัดสินคดี” ความศรัทธาที่เกิดจากความบริสุทธิ์ใจยังตราตรึง เธอลืมความทุกข์ยากยิ้มให้กับความหวังในใจเมื่อนึกถึงความสุขเล็ก ๆ ในอดีต

แต่ต้องสะดุดลง...

“ถุย!.เอาคนนุ่มนิ่มมาเป็นผู้นำจะได้เรื่องอะไร มันต้องเด็ดขาดแบบลุงฉุน ชายชาติทหารไม่เคยก้มหัวให้ใคร ไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เชลยก็ไม่ยอมเด็กสาว ก้าวร้าวใส่อย่างไม่ต้องเกรงใจ

“แล้วตอนนี้ลุงฉุนอยู่ที่ไหน?” พอได้ยินว่า ไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลังเลยต้องถามสักหน่อย

“ไม่รู้!!! ทั้งสองตอบพร้อมกัน น่าขำมาก

“หึหึหึ! แล้วบอกไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง พวกคุณวิ่งตามไม่ทันรึเปล่า เล่าต่อสิแล้วเกิดอะไรขึ้น?” ผมเคยได้ยินข่าวลือว่าเขาทิ้งลูกน้องไว้กลางสนามรบแล้วหนีเอาตัวรอด

“เลือกตั้งคราวนั้นเหนือความคาดหมาย เหนือการควบคุมและเหนือจินตนาการที่รัฐจะคาดเดา จากที่ชาวบ้านต้องอดทนกับพฤติกรรมกร่างของพวกมันมานานเลยสั่งสอนกลับด้วยการเทคะแนนให้พรรคเล็ก หักปากกาเซียนทุกสำนักทั้ง ๆ ที่ผู้สมัครเป็นใครก็ไม่รู้”

“พวกปัญญาอ่อนทั้งนั้นที่เลือก ดีแล้วที่โดนยุบพรรค” เชลยก็ไม่ลดละเหยียดหยันทุกครั้ง

หลงซันหันมายิ้มข้าวเต็มปากเอ่ยขึ้น...

“น่าสนุกดีเนอะ! ซ่อนเล่ห์ซ้อนกล หักหลัง โกหกซึ่งหน้า ประชาชนไม่อยู่ในสายตาของพวกมันเลย

“ที่นี่เหมือนหมู่บ้านโจร ประชาชนเป็นได้แค่หนอนขยันทำงานให้พวกมันรีดภาษี ไม่มีสิทธิ์เลือกใดใดทั้งสิ้น พวกมันช่วยกันโกงและใช้อำนาจทั้งกฎหมายและอาวุธข่มขู่ ตั้งแต่ตัวหัวสุดจนถึงไอ้ลูกกระจ๊อกนี่เลย... โป๊ก!” เธอถอดรองเท้าขว้างหัวเชลยเต็มแรง

“โอ๊ย! จะมากไปแล้วนะมึง อย่าให้กูหลุดไปได้ก็แล้วกัน มึงโดนอย่างสาสมแน่!” สายตาของเชลยพร้อมจะกลืนกิน ผมรีบยกมือห้าม...

“ที่เธอพูดมาจริงมั้ยครับ?” ผมถามเชลยบ้าง

“พวกมันเป็นคนยุยงปลุกปั่นทั้งนั้น ไปสนับสนุนคนที่คิดจะล้มล้างการปกครองและจะยกเลิกขนบธรรมเนียมปฎิบัติขององค์กรต่าง ๆ ถ้าตอนนั้นรัฐไม่ต้องมากังวลกับม็อบก็ไม่เกิดเหตุแบบนี้ ทหารจีนหรือจะสู้พวกเราได้” เขาโวยลั่นโยนความผิดบาปมาให้เด็ก

“ทุกวันนี้มึงก็ทำงานให้ทหารจีน เป็นขี้ข้ามันไปแล้วสันดานก็ยังไม่เปลี่ยน โทษแต่คนอื่น” เธอก็ปากไวเป็นบ้าเลย

“กูทำงานกับผู้ใหญ่ เขาเจรจาตกลงยุติศึกกันแล้ว เด็กอย่างมึงจะรู้เรื่องอะไร?” เชลยลอยหน้าลอยตาไม่ยอมเช่นกัน

เธอตาเขียวหันขวับ...

“คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก กูเห็นพวกมึงทำอะไรผิดก็เอาเด็กเป็นแพะตลอด พอพวกมึงผิดก็ช่วยกันแก้กฎหมาย กระทืบแม่งสักทีเถอะ! เธอขยับจะลุกขึ้นแต่ผมรีบเอื้อมมือไปกดไหล่

“ยายล้น!อย่าห้าวเล่าต่อ” ผมอมยิ้มกับความกล้าของเธอและสงสัยมากว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เด็กวัยใสถึงมีพฤติกรรมรุนแรง

“มันเกิดการชักกะเย่ออำนาจกัน ระหว่างรัฐกับประชาชนคนส่วนใหญ่ สุดท้ายพวกมันก็ใช้วิธีสั่งเก็บ”เธอเครียดแค้นมาก นี่สินะที่จูยอนเคยบอกไว้ รัฐที่เป็นศัตรูกับประชาชนต้องล่มสลาย ไล่ต้อนจนคนอื่นไม่มีที่ยืนสุดท้ายตัวเองก็ไม่มีที่ยืนเช่นกัน

หลงซันหันมายิ้ม...

“แบบสำเร็จรูปคนเห็นต่างไม่ติดคุกก็ตาย ถ้าไม่ติดคุกก็สูญหายหรือป้ายความผิดรุนแรงทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเสียเวลาแก้ข้อกล่าวหา พวกมันคิดเป็นแค่นั้นแหละครับ บ้านของผมก่อนล่มสลายก็เคยเป็นอย่างนั้น มันเป็นวิธีการของเผด็จการทหาร” เขาหันมามอง ผมพยักหน้าเห็นด้วย

พอดีได้พวกยิ่งพ่นความในใจ...

“ใช่เลยค่ะหัวหน้าหลง! ทุกครั้งที่ดูข่าวการเมือง หัวใจของพวกเราแทบจะไม่มีแรงเต้นมันสิ้นหวังมาก พวกที่ขัดขวางการเลือกตั้งปิดคูหาไม่มีความผิด พรรคที่มีการคอรัปชั่นโครงการก่อสร้าง โกงที่ดินรัฐเป็นของตนเองมีหลักฐานชัดเจนไม่โดนลงโทษ แต่พรรคที่แค่มีแนวคิดจะแก้กฎหมายให้เป็นธรรมกลับโดนยุบพรรค แม่ง!คิดได้ยังวะ?”

เชลยยักคิ้วยิ้มมุมปาก...

“พรรคที่ทำงานให้รัฐจะกินเล็กกินน้อยก็ไม่แปลก เพราะมันเป็นธรรมเนียมปฎิบัติรัฐก็ยังคงอยู่ แต่ถ้าให้พวกเธอบริหารก็เจ๊ง ไม่เหลือให้ใครกิน เธอรู้มั้ยทำไมต้องมีใต้โต๊ะเพราะมันเป็นทางลัดให้นำความเจริญมาสู่ประชาชนไวขึ้น ถ้าต้องรอการตรวจสอบมันช้าและช่วยชาวบ้านไม่ทัน เคยรู้อะไรบ้างวะเด็กอย่างเธอ?” เขาภูมิใจมากหันมาเย้ยหยัน

ผมโคตรสะดุดเลย...

“คุณเชื่ออย่างนั้นจริงเหรอ?”

“ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เชื่อ คนทั้งประเทศก็เชื่อ” เชลยเคลมด้วยความมั่นใจ ผมว่ามันเป็นการมั่วข้อมูล หลักฐานคือการลงคะแนนนั่นแหละที่บอกความนิยม...

“แต่ผลการเลือกบอกแล้วว่าประชาชนคิดอย่างไร ถ้าเชื่ออย่างที่คุณพูดพวกคุณต้องชนะเลือกตั้งสิ” ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจวิธีคิดของคนที่สนับสนุนกลุ่มนี้

“นั่นมันแค่กระแสฉาบฉวยของเด็กปัญญาอ่อน การเลือกตั้งไม่ใช่ทั้งหมดของการปกครอง เอาเด็กเมื่อวานซืนมาเป็นรัฐมนตรีก็ฉิบหายน่ะสิ!” เขาตอบโดยไม่ต้องคิด มันเป็นชุดความคิดที่ยังหาทางผสมกันไม่ได้ สาเหตุของการแตกแยกเริ่มมาจากความคิดนี่แหละ ผมไม่อยากเถียงหันไปพยักหน้าให้ยายล้นเล่าต่อ...

“หลังจากพวกมันยุบพรรคแสด ชาวบ้านก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว เพราะโดนรัฐขยี้ความหวังทิ้งอย่างไม่แคร์ มันปวดร้าวใจไปทั้งประเทศม็อบลุกฮือโดยไม่ได้นัดหมายเพราะได้เห็นธาตุแท้ของรัฐและนายทุนที่ผูกโยงกันชัดเจน หนูเห็นเจ้าหน้าที่รัฐฆ่าประชาชนเพื่อรักษากลุ่มทุน”

หลงซันหยุดกินหันมา...

“สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของมนุษย์ผู้เจริญแล้วอย่างหนึ่งก็คือ สิทธิในการเลือกตั้ง ถ้าขายสิทธิ์นั้นเท่ากับไม่เคารพในตนเองและขายความเป็นคน แต่ถ้าโดนขบวนการแย่งไปก็เท่ากับมีผู้มากบารมีมองว่าคนในชาติต่ำกว่าคน”

พอดีพยักหน้ารัว ๆ ชี้นิ้วยิก ๆ...

“ใช่!ใช่!อย่างนั้นแหละ! อย่างนั้นเลยค่ะหัวหน้าหลง! พวกมันทำตัวเป็นสัตว์ใช้กำลังแย่งชิงกันเป็นจ่าฝูง”

“ผมพอจะเข้าใจได้ พวกมันทำยังไงต่อ?” ผมเคยเห็นการแก้กติกาการเลือกตั้งหลังลงคะแนนเสียงมาแล้ว รัฐทำได้ทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนโลก

“คุณก็ฟังแต่เด็กเลี้ยงแกะ อีพวกนี้มันโดนจ้างมา อีเด็กเมื่อวานซืน โดนล้างสมอง บ้าเกาหลีไม่รักชาติของตัวเอง” เชลยแย้งเสียงแข็ง แต่พอดีไม่ใส่ใจเบ้ปากใส่แล้วพูดต่อ...

“พอม็อบออกมากลุ่มนักการเมืองหัวขาวมันก็เปลี่ยนตัวนายกจากเดิมมาเป็นลุงฉุนอีกครั้ง ประกาศกฎอัยการศึกตัดการสื่อสาร ใช้องค์กรต่าง ๆ ยัดเยียดความหายนะมาให้ ใช้ลิ่วล้อออกมากวาดล้าง ประชาชนกว่าครึ่งประเทศโดนข้อหากบฏ หนูก็โดน!

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ผมหัวเราะอย่างอนาจใจ

เชลยดิ้นเถียง...

“ก็สมควรแล้วเด็กไม่อยู่ส่วนเด็กหัวแข็งก่อความวุ่นวาย พวกมันเคยทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศบ้าง? พูดใครก็พูดได้แต่ทำได้หรือเปล่า ขี้คุยเหม็นขี้ฟัน!” เชลยยกข้ออ้างหลักของผู้ใหญ่มาโต้ เธอหรี่ตาหันมองเขาหลายครั้งแล้ว ผมคิดว่ามันไม่น่าจะรอด...

“พวกพี่ได้สังเกตไหมคะ ตลอดทางที่เราขับรถกันมาจากภาคเหนือซากศพจะหนาแน่นมากตรงสี่แยก สามแยก วงเวียนหรืออนุสาวรีย์ พวกเขารวมตัวประท้วงกดดันทหารอย่างสงบ ประเทศของเราล่มจมไปก่อนที่จีนจะเข้าโจมตี หนูเกลียดไอ้พวกนี้มากกว่าทหารจีนอีก พวกมันไล่ยิงเด็กนักเรียนนักศึกษา แต่พอเจอศัตรูตัวจริงก็ยอมแพ้ไปเป็นขี้ข้าเขา ไอ้สารเลว!เสือกมาจับพวกกูไปเป็นทาสด้วย” เธอกัดกรามหันมองเชลยด้วยสายตาอาฆาต

“เราต้องลู่ลมตามนโยบายหมัดหมา ผู้ใหญ่คิดดีแล้ว”เชลยลอยหน้าเถียง

“เชอะ! หมาก็คิดได้แบบหมา ๆ ฝันสูงสุดแค่เพียงเศษกระดูกที่เขาเหลือทิ้ง ถ้าพวกมึงมีความคิดสักนิดพวกกูคงไม่ลำบาก และแทนที่พวกมึงจะมองเห็นความลำบากของชาวบ้าน มึงกลับไปมองเห็นความดีของเจ้าหน้าที่รัฐที่กดขี่ เพียงหวังให้ตนเองและครอบครัวได้รับการค้ำจุน” รอยร้าวพวกนี้สั่งสมแน่นอกมาทุกยุคสมัย  

“มันเป็นวัฒนธรรมปฏิบัติสืบต่อ ๆ กันมา ผู้ใหญ่ทำอะไรก็ไม่ผิดเพราะทำเพื่อชาติ เด็กต้องเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่ทุกเรื่อง ผู้น้อยต้องเคารพเชื่อฟังผู้มีอำนาจ เธอมันพวกกบฏคิดว่าคนเท่ากันประเทศถึงไม่เจริญยังไงล่ะ!” ชุดความคิดแบบนี้แหละที่เด็กรุ่นใหม่รับไม่ได้

พอดีเต้นผาง...

“พวกมึงก็ดีแต่ผลิตวาทะกรรมมาโจมตีด้อยค่า มึงเป็นผู้ใหญ่จริงเหรอ อย่างมึงก็แค่คนแก่หัวหงอก” เธอขยับขยุมมือจะพุ่งใส่ สาวน้อยตาขวางใจร้อนมากผมรีบยกมือปราม...

“พอแล้วครับ! อย่าทะเลาะกันเลย ตอนนี้ทุกอย่างมันก็พังไปหมดแล้ว ไม่ต้องหาคนผิดแล้ว ทุกเรื่องที่เถียงกันมาเป็นองค์ประกอบของการล่มสลายทั้งสิ้น ผิดทั้งคู่!” ผมยุติศึกด้วยความเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร

พอดีหรี่ตา สงสัยยังคาใจหันมาหา

“หนูยังข้องใจว่ะ! พวกมันอ้างแต่คำว่าผู้ใหญ่หนูไม่เข้าใจจริง ๆ เป็นผู้ใหญ่แล้วยังไง? ฉลาดกว่าเหรอ? เก่งกว่าเหรอ? รู้ทุกเรื่องจริงเหรอ?หนูดูเขาดีเบตการเมืองก็เห็นได้ชัดว่ามันโง่กว่าหลายขุม พอเหตุผลสู้ไม่ได้ มันก็ขู่ออกอากาศให้ระวังตัวไว้ พวกมันทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องยั้ง”

หล้าหนุ่มหล่อชะโงกหน้าถามเสียงเพี้ยนด้วยความสงสัย

“ทำไมล่ะครับ! พวกเขามีประสบการณ์มากกว่าไม่ใช่เหรอ? แค่เล่าเรื่องผลงานของตัวเองที่ทำมาก็ชนะดีเบตแล้ว คนที่สร้างผลงานไว้ดีไม่ต้องพูดก็ได้ ผลงานมันฟ้องอยู่แล้วนี่นา”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ผมกับพอดีระเบิดหัวเราะพร้อมกัน

“ใช่เลยคุณพูดถูก! แต่ผู้ใหญ่ของที่นี่ไม่มีผลงานของตัวเอง” ผมขำมากเพราะเข้าใจวัฒนธรรมของชาติ

พอดีรีบพูดเสริม...

“พวกมันไม่มีความรู้อะไรหรอก มีแต่ยศกับตำแหน่งที่ไม่รู้ว่าซื้อมาหรือเปล่า? ชุดความคิดของพวกมันมีเหมือนกันอย่างเดียวคือต้องฟังผู้มีอำนาจสั่ง พวกมันถึงไม่มีเหตุผลในการดีเบตไงล่ะคะ ส่วนผลงานมันก็เอามาอ้างไม่ได้เพราะผลงานกลายเป็นของคนสั่ง สุดท้ายพวกเราก็ได้แต่เห็นไอ้คนหัวกลวงที่บอกว่าเป็นผู้ใหญ่แถข้าง ๆ คู ๆ อย่างหน้าด้านที่สุด” เธอก็มีเหตุผลของเธอถึงจะเด็กแต่ก็คิดเป็น ผมอมยิ้มแล้วปลอบใจน้องด้วยความเข้าใจ...

“พี่จะไม่พูดเพื่อเปลี่ยนความคิดของเธอหรอกนะ เธอมีความคิด วิเคราะห์เป็นผู้ใหญ่แล้ว ผู้ใหญ่ต้องปกป้องความฝันให้เด็ก ผู้ใหญ่ต้องเสียสละเพื่อรุ่นต่อไป สิทธิของเด็กคือการร้องขอ ที่ผ่านมาเธอไม่ผิดหรอก ไม่ผิดเลย!

พอดี เด้งตาวาวดีใจพุ่งมากอดคอผมแล้วหันไปมองเชลย...

“เห็นรึยัง? ผู้ชายคนนี้อายุน้อยกว่ามึงอีก ความคิดของเขากับมึง แม่งคนละมุมโลกกันเลย นอกจากมึงไม่คิดจะช่วยใครแล้วยังคิดจะทำร้ายคนในชาติอีก ออกมาไล่จับกุมคุมขังรุมทำร้ายร่างกาย กูไม่ได้อยู่เกาหลีเหนือนะ”

“เด็กอย่างมึงจะเคารพใครเป็น” เชลยก็เชื่อในแบบของเขา

พอดีเดินเข้าไปชี้หน้า...

“มึงดูนี่นะ! กูคิดมาตลอดหลายวันว่าต้องทำสิ่งนี้ ผู้ให้ย่อมได้รับ การกราบไหว้เพื่อขอบคุณกูทำเป็นและพร้อมจะทำทุกเมื่อ” เธอทรุดลงคุกเข่ากับพื้นแล้วพนมมือเข้าวงข้าว...

“หือ! พวกเราขมวดคิ้วมองหน้ากัน ไม่เข้าใจกับยายล้น

“พี่แทน! หัวหน้าหลง! พี่หล้า! พี่ฮัก! ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยชีวิตหนูไว้ และขอบคุณมากที่พวกพี่คิดจะช่วยเหลือพี่น้องคนอื่น ๆ หนูศรัทธาหัวใจของพวกพี่นะคะ”เธอบรรจงก้มกราบอย่างตั้งใจ ผมอึ้งไม่ต่างจากหนุ่มไทใหญ่ที่นั่งค้างตัวแข็ง

แต่...

“แสดงไม่เนียนเลยว่ะ แค่อยากเอาชนะ! เชลยเบะปากเมินหน้า /มันน่าโดนกระทืบจริง ๆ ไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่เลย/

เธอกัดฟันเดินไปหา...มันโดนแน่ หยามความตั้งใจกันอย่างนี้ ถ้าเป็นผมก็ไม่ยอม

“อั่ก! จริงอย่างที่คิด เธอถีบหน้าเชลยล้มหงายท้องแล้วเหยียบลงบนใบหน้าของเชลย

“หึ๋ย!! เท้าน้อย ๆ ขยี้ ๆ ก่อนจะพูดช้า ๆ

“กูกราบด้วยความสำนึกในบุญคุณ เพราะพวกเขาเป็นคนช่วยชีวิตกูจากทหารจีน อึ่ก!อึ่ก!อึ่ก!” ว่าแล้วเธอก็กระทืบหน้าเชลยจนเลือดทะลักปาก...

“ส่วนมึง!...มันแค่สัตว์ที่โดนเลี้ยงไว้ใช้งาน ถ้ามึงพิการ! มึงจะได้สำนึกว่าการโดนทอดทิ้งมันน่าสงสารขนาดไหน ถ้ามึงหมดประโยชน์เมื่อไหร่ความภูมิใจจะช่วยอะไรมึงไม่ได้เลย ทหารผ่านศึกมากมายยังไม่มีคนเหลียวแลอย่างจริงจัง คนอย่างมึงใครจะเหลียวแล หึ๋ย!อย่าอยู่เลยมึง!” เธอกระทืบอย่างบ้าคลั่ง ผมไม่อยากเห็นเด็กสาวกระทืบหน้าผู้อาวุโส...

“พอดีครับ! ไม่นะครับ สุภาพหน่อยสิเธอเป็นเด็กนะ!” ผมส่ายหน้าดึงแขนน้องออกมา

“หนูไม่ได้มีปัญหากับผู้ใหญ่คนอื่นนะคะ ตลอดเวลาหนูอยู่กับการดูถูกดูแคลนจากคนที่เรียกตัวเองว่าผู้ใหญ่ของรัฐมาตลอด มันเป็นเกมทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัว มันคิดว่าพ่อแม่ของหนูโง่กว่าพวกมัน บังคับให้ไปรักคนที่พวกมันอุปโลกน์ว่าเป็นคนดี หนูไม่อยากเป็นคนดี หึ๋ย!พูดแล้วมันขึ้นว่ะ!เธอคงตรอมใจมานานวิ่งกลับไประบายความคับแค้นใส่เชลยจนตัวงอ

“อั่ก!อั่ก!อั่ก!” เชลยเลือดกบปาก แต่ก็ยังปากดีแม้จะล้มนอนกองกับพื้น...

“อีเด็กแก่แดดเทิดทูนคนที่หน้าตา เพราะพวกมึงเป็นอย่างนี้ไงล่ะจีนมันถึงโกรธเข้าโจมตีเรา บ้านเมืองเป็นแบบนี้เพราะอีพวกนี้แหละชักศึกเข้าบ้าน เธอจะรับผิดชอบยังไงแก้ปัญหาอะไรได้บ้างมั้ย?” เขาก็ไม่ลดราวาศอก ยังคงป้ายความผิดให้กับเด็กอย่างไม่ละอายใจ

ผมหันไปยิ้มให้กับการกล่าวหาที่ดูจะเป็นธรรมชาติ เหมือนวาทะกรรมเหล่านี้จะถูกผลิตไว้ให้คนกลุ่มนี้ใช้ฟาดฟันฝ่ายตรงข้าม สร้างรอยบาดแผลให้ร้าวลึกยากจะประสาน

“นี่มันสูตรสำเร็จรูปนี่หว่า...เคลมว่าตัวเองรักชาติมากกว่า ยกตนอยู่เหนือผู้อื่นแล้วกล่าวหา ป้ายสี ถีบให้อีกฝั่งด้อยค่า ที่ผมฟังคำกล่าวหาจากคุณมาทั้งหมด เด็กคนนี้ไม่มีปัญญาทำอย่างนั้นหรอก มันเกินความสามารถที่เด็กพวกนี้จะทำได้ อีกอย่างโลกนี้ไม่มีอเมริกาแล้ว อเมริกาล่มสลายไปตั้งนานแล้ว”

เชลยอึกอัก ลังเล ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้หาความรู้นอกจากฟังข่าวจากสื่อของรัฐที่คัดมาให้ฟังในสิ่งที่พวกเขาต้องการ...

“คุณก็พวกเดียวกัน แอนตี้สังคม ชังชาติ ต่อต้านรัฐ เป็นทาสกระแสนิยม เพราะคนอย่างพวกคุณนั่นแหละที่ยั่วยุจีน” เขาเกรี้ยวกราดโมเมใส่ ผมไม่อยากอธิบายกับคนแบบนี้ มันย้ำคิดย้ำทำ

“ตึกที่ทำการทหารจีนอยู่ที่ไหน พวกมันมีมากมั้ย?” ผมเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า

“บอกไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” เขาเมินหน้า

“ทำไมบอกไม่ได้ล่ะ คุณรู้นี่นา?” ผมหันไปหยิบก้อนซูชิยัดปาก

“เจ้านายของเราอยู่ในนั้น ทหารจีนให้ความคุ้มครองอยู่”

“เจ้านายระดับไหนกัน ทำไมทหารจีนถึงคุ้มครองล่ะ เจรจาสำเร็จเหรอ? ขายชาติไปแล้วสินะ?” ผมจึ้งอึ้งกับคำตอบ

“คนชั้นต่ำที่ไม่มีตำแหน่งยศฐาบันดาศักดิ์อย่างพวกเรา จะเข้าใจอะไรกับความสัมพันธ์ของชนชั้นสูง เชื่อผมเถอะ! เราไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกทำตามที่พวกเขาสั่งแล้วจะปลอดภัย มีกิน มีใช้ มีอำนาจ คนฉลาดต้องเอาตัวรอดสิ อย่าโง่ดื้อดึงให้เจ็บตัวไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าคุณยอมเชื่อฟัง ผมจะแนะนำให้คุณได้ทำงานกับเขา พวกคุณเป็นคนมีฝีมือ” เชลยเสียงอ่อนลง

“คุณไม่คิดสู้กับพวกมันเหรอ ต่อไปเด็ก ๆ จะมีชาติของตัวเองมั้ยหรือจะให้ลูกหลานเป็นคนรับใช้คนจีน เพียงเพื่อจะได้มีอาหารกินและมีงานทำ เอาอย่างนั้นใช่มั้ย?” เรื่องนี้ผมคิดต่างจากเขามากและไม่อาจก้มหัวให้ศัตรูของชาติ

“ชาติของเราไม่เคยตกเป็นทาสใคร เราแค่หลบหลังจีนชั่วคราวเท่านั้น อาจจะเสียดินแดนเล็ก ๆ น้อยเพื่อรักษาเอกราชไว้ก็แค่นั้น” แววตาของเขาเชื่อมั่นเช่นนั้น

พอดีเบะปากส่ายหน้า

“ช่างสรรหาคำมาประดิดประดอยสวยงามเหลือเกินนะ ก็แค่วาทกรรมของคนขี้ขลาดไม่กล้าสู้ ทีกับเด็กมือเปล่าพวกมึงสู้ตายได้ถ้วยกันเลยนะ”

“อีเด็กเมื่อวานซืน โดนล้างสมองจะเข้าใจอะไรกับการเมืองระดับโลก กินให้โตเต้นให้เก่งแล้วก็หาผัวซะ ชีวิตของพวกเธอก็มีเท่านี้แหละ หลงลืมวัฒนธรรมของตัวเอง ชื่นชมต่างชาติ”

พอดีหันขวับพูดเสียงยาน...

“วัฒนธรรมของตัวเองเหรอ?...ผู้ใหญ่อย่างพวกมึงสร้างวัฒนธรรมอะไรไว้ให้บ้าง มีแต่เรื่องฉาวโฉ่ที่เน่าเฟะ นอกจากไม่ชื่นชมแล้วกูยังอายที่จะพูดถึงด้วย” ไม่มีทีท่าว่าทั้งสองจะคุยกันได้เลย

ผมส่ายหัวยกมือปราม...

“ผมต้องการข้อมูลอยากคุยกับคุณดี ๆ ในฐานะคนชาติเดียวกัน เราไม่ต้องเห็นตรงกันก็ได้”

เชลยเหล่มองมาที่ผมแล้วหันไปที่นักรบไทใหญ่ทั้ง 3 คน...

“พวกคุณพูดไม่ชัดกันสักคน ไอ้สามคนนั้นน่าจะเป็นพม่า คุณก็น่าจะมาจากเมืองฝรั่ง” เขาหันไปมองพอดี...

“มีแต่อีนี่คนเดียวที่พูดชัด! แล้วยกเท้าชี้หน้าเธอ

พอดีลุกพรวด...

“แค่เขาพูดสำเนียงเพี้ยนนิดหน่อย กูยังคุยกับพวกเขารู้เรื่องเลย เค้าก็เป็นคนเหมือนเรา เพียงแค่เขามาจากต่างถิ่น” หญิงสาวหงุดหงิดเงื้อมือเดินเข้าหา

“อีเด็กเลวเอ้ย! กูอายุรุ่นเดียวกับพ่อมึงแล้วให้เกียรติกูบ้าง กูทำงานช่วยชาติตั้งแต่เรียนจบ กูไม่ได้ขายชาติเหมือนมึง กูกำลังกู้ชาติ” เขาโกรธตาเขียวปั้ด ป้ายความผิดไปให้เด็กอีกหนึ่งแผล

“ต้อนคนในชาติไปเป็นทาสคนจีน ยังมีหน้ามาบอกว่ากู้ชาติ บอกที่ตั้งพวกเขาไป ไม่งั้น! กูจะยิงหัวมึงเอง” เธอดึงปืนออกมาขู่ ผมใจหายวาบ หนุ่มไทใหญ่ทั้งสามหันมามองแล้วอมยิ้มก่อนจะก้มหน้ากินอาหารทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“..........” เชลยเมินคอแข็ง เพราะอายุมันค้ำคอยังไงก็ยอมไม่ได้ แต่ผมกลัวใจของวัยรุ่นมากที่สุด เด็กวัยนี้ตัดสินใจแวบเดียวถ้าลงมือทำไปแล้ว การขอโทษอาจจะลบความผิดไม่ได้

ผมรีบยกมือห้ามก่อนที่จะสายไป

“พอดีครับ! หยุด! พี่คุยเอง” ผมกำปืนของเธอให้ลดลงแล้วหันไปมองเชลย....

“บอกผมมาเถอะครับ ผมพูดกับคุณดีจะตายไป ผมไม่ได้ก้าวร้าวสักหน่อย”

“เชอะ! รนหาที่ตาย ไม่เจียมตัว”เชลยยังคงผยองเหยียดหยามกันซะงั้น

“เอาน่า! นั่นมันเรื่องของผม บอกมาเถอะครับ”

“อย่าหาเรื่องใส่ตัว ที่ไม่บอกก็เพราะสงสารและถ้าพวกคุณทะเร่อทะร่าเข้าไปก็ตายอย่างหมาข้างถนน”

“ตกลง! คุณจะไม่บอกใช่มั้ย? ผมมีกันแค่ 4-5 คนอยากจะพาพี่ชายที่คุณจับตัวไปกลับบ้านและผมจะออกไปจากประเทศนี้ คุณอยากจะเป็นทาสคนจีนก็ตามใจ” ผมยังใจเย็นนั่งคุยไปกินเนื้อสเต็กไป

“เชื่อผมนะ! เด็ก ๆ อย่างพวกคุณหนีออกจากที่นี่ไม่ได้หรอก ยอมแพ้แล้วเข้าไปมอบตัวดีกว่า ถ้าไม่อยากตายก็ยอมทำงานให้กับเจ้านาย ดิ้นรนไปก็ยิ่งลำบาก ผมช่วยคุณได้แค่นี้แหละ” ถึงมันจะฟังได้ว่าเป็นความปรารถนาดี แต่น้ำเสียงก็ยังดูถูกและเหยียดหยาม ถ้าคุยกันต่อก็คงวนเวียนเรื่องเดิม ผมไม่อยากเสียเวลากับเขาแล้ว...

“ขอบคุณมาก! แต่อย่าคิดแทนผมเลยครับเอาตัวให้รอดจากพวกผมให้ได้ก่อนดีมั้ย?” ผมเพิ่มน้ำเสียงเข้มขึ้นแล้วหันไปจ้องมองหน้า

“..............” เชลยอึกอัก หลบสายตา

ผมเห็นความกลัวในสายตาคู่นั้น ขยับยิ้มมุมปากแล้วโยกตัวไปหาเชลยลดเสียงพูดลงข้างหู

“คุณยอมตายแทนเจ้านายได้ใช่มั้ย?”

“เกิดเป็นคน ต้องรู้จักบุญคุณ! เขาเสียงแข็งทันที

“ก็ดี! แต่การทดแทนบุญคุณมีตั้งหลายวิธี”

“แต่ผมจะเลือกวิธีนี้ คุณจะทำไม?” เขาจ้องหน้าดวงตาเขม็ง

“ถ้าผมถามต่อไปคุณก็คงไม่บอกอยู่ดี เหนื่อยเปล่าๆ เนอะ? เสียเวลาเสียอารมณ์ด้วยกันทั้งคู่ ผมไม่คุยกับคุณแล้วและจะทำตามที่คุณเลือก” ผมหันหลังใส่

“หมายความว่าไง จะทำอะไร กูเป็นคนของเจ้านายนะ?”เขาหลุกหลิกเลิ่กลั่ก มองกราดอย่างหวาดระแวง

“ฮักครับ! อิ่มหรือยัง?” ผมถามเสียงดังแล้วหันไปแสยะยิ้มให้เชลย

“อิ่มแล้วครับ! ผมไม่เคยกินอะไรอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย คิดถึงไอ้ปังจังอยากให้มันได้กินด้วย” ฮักยกน้ำขวดขึ้นดื่ม

“เขาดูถูกว่านายเป็นพม่า เอาไปยิงหัวทีเขาจะได้เลิกเข้าใจผิด เรื่องบางเรื่องจะมีคนบางคนเข้าใจผิดไปจนตาย” ผมสั่งแล้วหันหลังเข้าวงกินข้าว

เจ้าฮักลุกปัดตูดกางเกง เดินไปดึงแขนเชลยให้ลุกยืน

“ก่อนตายผมจะบอกให้เอาบุญ พวกเราไม่ใช่พม่า ผมชื่อฮักเป็นคนไทใหญ่พ่อเป็นสัปเหร่อ จำไว้ด้วยนะ! ไทใหญ่เป็นชนเผ่าชาติพันธ์ของนักสู้ มีขนบธรรมเนียมของตนเองและเป็นชนชาติที่รักกันและไม่เคยทำร้ายเด็ก ทหารของเราไม่ยิงนักศึกษา” เจ้าฮักพูดสำเนียงเพี้ยนแล้วผลักหลังเชลย

“จะพากูไปไหน กูไม่ไป?” เขาสะบัดตัวขยับหนีเหมือนรู้ชะตากรรม พอดีย่องแอบหลังตามไปพอได้จังหวะเหมาะก็ง้างเท้า...

“อึ้ก ๆ ๆ!! เด็กสาวดีดแข้งเข้าไปเต็มสีข้าง

“อุ่บ! อีเด็กเลวมึงเจอดีแน่! เขาล้มนอนบิดตัวจุก

“ยิงตรงหน้าผากเลยนะ พี่ฮัก!” ยายตัวตึง ไม่รู้ไปโกรธมาแต่ชาติปางไหนไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย เจ้าฮักหันมาดึงมือเชลยแล้วร้องห้ามน้อง...

“พอแล้ว! พอแล้วครับ! ให้เขาได้เดินอย่างสง่าไปตายอย่างมีเกียรติเถอะครับ” เจ้าฮักดันหลังเชลยให้เดินไปที่ลิฟต์ อีกมือก็คอยกันไม่ให้พอดีเข้าไปทำร้าย

“รอด้วย! หล้ากินอาหารเสร็จลุกเดินทะมัดทะแมงตามไป

ผมป้องปากตะโกนตามหลัง เสียงดังก้องอาคาร...

“พอดีครับ!...อย่าไปเยี่ยวใส่ปากศพอีกนะ ปล่อยให้วิญญาณของเขาได้ไปผุดไปเกิดขอให้สิ้นสุดกันแค่ชาตินี้ก็พอ ฮักครับ!...เสร็จแล้วเอาศพขึ้นท้ายรถเหลืองให้ด้วย ผมจะเอาคนกตัญญูไปส่งให้เจ้านายของเขาเพื่อรับเหรียญกตัญญู อยากรู้นักว่าทหารจีนจะช่วยเขาได้ยังไง?”

“ได้ครับ!ฮักชูปืนสั้นขึ้นเหนือหัว

ยายตัวตึงหันรีหันขวางวิ่งหน้าตาตื่นกลับมา แล้วคลานสี่ขาใบหน้ายุ่งเข้ามากระซิบข้างหูของผม...

“พี่แทน! หนูต้องเยี่ยวด้วยเหรอ หนูอายนะ?”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ผมลูบหัวน้องด้วยความเอ็นดู ถ้าสนิทกว่านี้ก็คงดึงมากอดแล้วยายนี่น่ารักเป็นบ้าเลย สิ้นเสียงหัวเราะของผมเชลยก็หยุดเดินแล้วหันมาตะโกน...

“ผมยอมแล้ว!

“หือ! ทุกคนหันมองหน้าผมแล้วอมยิ้ม เราชนะในรอบแรก คืนนี้คงหลับฝันดี

ในความคิดที่ตกตะกอนเพราะความแก่ ความเคยชินกับโลกมากกว่าเลยคิดว่าตนฉลาดกว่า แต่สิ่งที่เขาเคยเรียนรู้ในสมัยก่อนคนละเรื่องกับการศึกษาสมัยใหม่ บางรุ่นจบการศึกษาเพราะรัฐต้องการยกระดับความรู้พื้นฐานของชาติให้เข้ากับสากล

เด็กรุ่นหลังเกิดมาพร้อมข้อมูลข่าวสารครบทุกด้าน ทักษะในการหาความรู้มีมากกว่า ใช้เครื่องมือสมัยใหม่เก่งกว่า โลกของเด็กจึงกว้างกว่าสมองของผู้ใหญ่บางคนและหลายคน ไม่แปลกเลยที่ลูกมักฉลาดกว่าพ่อแม่ ถ้าคนที่เรียกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่วางรากฐานทุกอย่างไว้ดีแล้วจะไม่มีเด็กคนไหนโผล่หัวมาต่อต้าน คนที่ผิดเป็นผู้ใหญ่ของชาติที่เห็นแก่ตัว

                                                 ..........................................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม