หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 14 มิ.ย. 2567 |
สนามบินพาณิชย์ Middle Kala
มุมมองสายตา แทน
มีนาคม ค.ศ.2026
ถึงแม้การพัฒนาบนโลกจะหยุดลง แต่กาลเวลายังคงเดินผ่านไปอย่างช้า ๆ เหมือนทุกวัน เงาดำของผู้บุกรุก 5 คนเดินย่องเงียบผ่านอาคารหลักของสนามบินทะลุออกลานจอดเครื่องบินพาณิชย์ของสารพัดชาติที่จอดเรียงรายเข้าไปใกล้สำนักงานบังคับทหาร
แสงไฟนีออนจับพื้นลานโล่งด้านหน้ารั้วอาคาร ถัดไปอีกราว 30 เมตรทหารจีน 2 นายยืนเฝ้าประตูรั้วด้านหน้า การคุ้มกันไม่ได้แน่นหนา
หล้าขยับปืน RSh12 ในมือ เพ่งมองไปที่ทหารจีน…
“มันมี 4 คน ข้างนอก 2 ข้างใน 2” เขาโยกหัวมองสำรวจ
“พอดี เชลยมันบอกว่ามียามกี่จุด” ผมหันไปถามน้องเพื่อความแน่ใจ
“มันบอกว่ามีจุดเดียว ส่วนที่อื่นเป็นพวกของแรมโบ้ดูแล อยู่อีกฟากของอาคารนี้ค่ะ”
“แกร่ก!” หลงซันขึ้นลำปืนเตรียมพร้อม…
“หล้า!ยิงคนซ้ายนะ แทน!ถ้าผมยิงไอ้สองคนข้างหน้า คุณวิ่งเข้าชาร์ตไอ้สองคนในป้อมทันมั้ย?” เขาหันมาถาม ผมคำนวณระยะทางในใจก่อนจะพยักหน้ารับทราบ.
“ไป!” พวกเขายกปืนเล็งเป้าหมาย ผมสับขาวิ่งเข้าป้อมยาม
“ฟึ่บ! ฟึ่บ!” แม่นเหมือนจับวางทหารยามทรุดลง ผมวิ่งเข้าชาร์ตนายทหารในป้อมด้านหลัง
“ฟึ่บ! ฟึ่บ!” พวกเขาไม่ทันได้ขยับตัวก็สิ้นใจคาเก้าอี้
พอดี วิ่งตามเข้ามาจับแขนของผม...
“พี่แทน! คุณลุงอยู่ในตึกนี้ ชัวร์!”เธอชี้ผ่านสนามหญ้าไปที่อาคาร 2 ชั้นด้านหน้า ภายในปิดไฟมืดเหลือเพียงไฟลอยด้านนอก
“ทำไมผีดิบพวกนี้สวย ๆ หุ่นดีทั้งนั้นเลย” ผมมองไปที่สนามด้านข้างอย่างสงสัย
“หนูไม่รู้อะไรเลย หนูก็ติดคุก” เธอตอบแล้วหันไปหาหล้า...
“พี่หล้าคะ! เดินข้ามสะพานทางซ้ายไปก็จะถึงกองบัญชาการที่มันบอกแล้ว แต่พี่ต้องเก็บยาม 2 คนนั้นก่อนนะ” เธอหันไปชี้ชาย 2 คนที่เป็นชาติเดียวกัน กำลังสุมหัวสูบบุหรี่
“เฮ่อ!จะดีเหรอแทน ผมเกรงใจจังเลย?” หลงซันหันมองมาสายตาของเขาสื่อความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งผมอ่านความหมายของสายตานั้นออก
“หัวหน้าหลง! คุณรับหน้าที่เก็บให้หน่อย ผมไม่เคยคิดว่าพวกเขาเป็นศัตรู เสร็จแล้วรอก่อนนะผมจะเข้าไปช่วยเจ็ทโด้ก่อน” ผมไม่อยากทำร้ายเพื่อนร่วมชาติเข้าไปจับมือเพื่อนร่วมรบให้รับหน้าที่แทน
หลงซันพยักหน้าช้า ๆ แล้วหันไปหาเพื่อน...
“หล้า ฮัก! ไป!” หนุ่มไทใหญ่ทั้งสามคน ก้มหลังต่ำกว่าพุ่มดอกเข็มวิ่งอย่างไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว
“เรารอให้เขาจัดการยามก่อน” ผมหันไปบอกสาวน้อย
“พี่แทน! ปืนนี่หนูยิงได้เลยใช่มั้ย?” เธอชูปืนเก็บเสียงยิ้มกว้าง แต่รอยยิ้มนั้นมันขัดใจของผมมาก...
“จะถามทำไม ใครห้ามเธอได้มั่งวะ? เมื่อเย็นก็ห้ามแล้วยังหนีไปแอบยิงหัวเชลยอีก ใจร้ายจริง ๆ เลยนะเธอ” ผมผลักหัวน้องเบา ๆ
“พี่หล้าบอกว่า ความคิดที่สวนทางกันสิ้นเชิงแบบนี้ ถ้าปล่อยให้มันรอดไป หนูก็โดนไล่ล่าไม่มีวันจบสิ้น หนูทำเพื่อความปลอดภัยของหนู ต่อไปหนูจะเข็มแข็งมากขึ้น พวกพี่ไม่เสียเวลาฟรีกับหนูแน่” เด็กสาวกัดฟันสายตามุ่งมั่น
“ฟึ่บ! ฟึ่บ!” เสียงปืนเก็บเสียงดังจากริมคลองที่ทั้งสามคนวิ่งไป ผมชะเง้อคอมองไปที่ต้นเสียงเห็นพวกเขากำลังลากขาเหยื่อทิ้งคลอง
“เรียบร้อยแล้วไปกันเถอะ! เจ็ทโด้โดนขังห้องไหนก็ไม่รู้?” ผมบ่นเบา ๆ แล้วพากันวิ่งเข้าไปหลบมุมอาคาร
“ที่นี่มันมี 2 ฝั่งค่ะ” เธอชะโงกหน้ามองฝ่าความมืดเข้าไปในห้อง
“จะรู้ได้ยังไงวะ ห้องไหน?” ผมพึมพำคิดหาวิธี
“ง่ายจะตายไป...” ว่าแล้วเธอก็วิ่งไปที่เหล็กดัดหน้าต่าง...
“คุณลุง! หนูมาช่วยแล้ว พอดีมาแล้วจ้า” เธอป้องปากตะโกนเข้าไป
“ยายล้นทำอะไรวะ?” ผมพรวดเข้าไปปิดปากแล้วอุ้มตัวเธอวิ่งเข้าหลบพุ่มไม้
“ก็เรียกไงพี่?” ยายล้นขมวดคิ้วแหงนหน้ามองตาใสซื่อ
“ถ้าเธอแหกปากอย่างนี้ พวกเราจะย่องเข้ามาทำไม?”ผมอยากจะบีบคอเธอเหลือเกิน
“อ้าว! ก็มันตายไปหมดแล้ว ถ้าช้าเดี๋ยวทหารจีนก็รู้ตัว” เธอเถียงทุกเม็ด ผมยืนเกาหัวมองไปที่เงาตะคุ่มภายในห้องอย่างขัดใจ ทำไมยายนี่มันยุ่งขนาดนี้วะ?
“เชื่อหนูเถอะ! ไม่มีพวกมันแล้วลุยเลยรีบ ๆ” เธอก้าวไปห้องที่ 2 แล้วป้องปาก…
“คุณลุงขา พอดีมาช่วยแล้วค่ะ” เธอขยับจะเดินไปห้องถัดไป
ทันใดนั้น...
“คลึก! คลึก!” ชาย 2 คนถือปืนวิ่งหน้าตาตื่น โผล่มาจากมุมอาคารอีกด้าน ผมรีบหลบหลังพุ่มไม้
“เฮ้ย! เธอเป็นใครวางปืนเดี๋ยวนี้” เขาเล็งปืนยาวมาที่น้อง ผมดึงปืนเตรียมพร้อม
แต่ยายตัวตึงของผมมั่นใจขั้นสุด ยืดอกเชิดหน้า ชี้นิ้วใส่...
“พวกแกแพ้แล้ว วางอาวุธซะในตอนที่ฉันยังพูดดี ๆ ตอนนี้ทหารของเราล้อมไว้หมดแล้ว” เธอร้องขู่กลับไป /สงสัยดูละครมากไปหน่อย/
“อีนี่รอดมาได้ยังไงวะ ยิงแม่งเลย!” …
“ปัง!”
“ฟึ่บ! ฟึ่บ!”
“.........” ยายตัวแสบปิดปากตาโตตัวแข็ง ยืนนิ่งเป็นปูนปั้น จนกระทั่งผมเดินเข้าไปแตะแขน...
“พอดี!”
“ว้าย!” เธอสะดุ้งเฮือกกระโดดกอด…“พี่แทน! ฮือฮือ!”
“ไม่เป็นไรนะพี่มาแล้ว คงกลัวล่ะสิท่า?” ถึงจะห้าวยังไงก็ยังเป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสา
“ฮือฮือ!หนู..หนู...” เธอร้องไห้เสียขวัญจนผมขวัญเสีย...
“เป็นอะไรเจ็บตรงไหน ถูกยิงเหรอ?”
“ฮือฮือฮือ! หนูเยี่ยวแตก ใจหายหมดเลยนึกว่าโดนมันยิงซะแล้ว ฮือฮือ!” เป้ากางเกงสีน้ำตาลของเธอเป็นวงน้ำ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ล้นจริง ๆ แหละ!” ผมยีหัวในความบ้าของเธอ
“เมื่อกี๊ใครยิงคะ?”
“โน่นไง!พี่หล้านั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ยิงแม่นจริง ๆ” ผมชี้ไปที่คลองด้านขวาแล้วเดินต่อ...
“แทน! กูอยู่นี่” เสียงเจ็ทโด้เรียกจากห้องสุดท้าย
“คุณลุงคะ! หนูมาแล้ว” พอดียิ้มแป้นวิ่งแจ้นไปปลดล็อคห้องขัง แล้วหันกระบอกปืนไปที่คนในห้อง…
“ขอโทษนะคะ! ออกมาได้คนเดียวที่เหลือกลับเข้าไปนอน”
“อีหนู! ให้ลุงออกไปด้วยสิ” ชายชราร้องขอ
“คุณปู่นอนเถอะค่ะ! ทุกคนปลอดภัยแล้ว เดี๋ยว! ถ้าได้ยินเสียงปืนหรือมีทหารจีนมาที่นี่ให้แกล้งตายนะคะ เชื่อหนูนะคะ! อย่าออกไปตอนนี้ อันตรายมาก”
เจ็ทโด้หันกลับมามองเพื่อนร่วมห้อง...
“คุณลุง! ทำตามที่เธอบอกแล้วผมจะกลับมาช่วยทุกคน” เขาบอกแล้วหันมากอดคอของผม... “ไปกันเถอะ! เดี๋ยวมันแห่กันมา”
“พวกมันน่าจะได้ยินเสียงปืน” ผมรู้สึกโล่งใจที่เห็นเขาปลอดภัย พากันวิ่งลงอาคารเจ็ทโด้หันไปมองวิทยุ...
“แทนเอาวิทยุนั่นมา” เขาชี้ที่ศพ
ทันใดนั้น...
“ไอ้เสรี! เมื่อกี๊เสียงอะไร?” วิทยุเรียกเข้ามา...
“เสรี! ไอ้เสรี!” ผมส่งวิทยุให้เจ็ทโด้...
“ครับ! ผมทำปืนลั่นครับ”
“เชี่ยเอ๊ย! เดี๋ยวก็โดนนายด่าหรอก”
“ขอโทษครับ!” เจ็ทโด้จบการสนทนาด้วยรอยยิ้มกวนตีนมาก
“รอหนูด้วยสิคุณลุง!” พอดีวิ่งเข้ามากอดแขนลูกพี่...
“หนูเก่งมั้ย?” เธอยิ้มประจบเหมือนลูกสาว
“เก่งสิ! สาวน้อย” เขาหันไปยิ้มแล้วลูบหัว ยายตัวแสบรีบซุกหน้าทันที เธอจะมีความสุขมากเวลาที่เจ็ทโด้อยู่ด้วย ผมหันไปหาเขา...
“พี่!ข้างในนี้มีบ้าน 6 หลัง บ้านหลังใหญ่อยู่ตรงกลาง ซ้าย 2 ขวา 2 หลัง 1 ทหารจีนพักอยู่ด้านหน้า” ผมชี้ไปที่กำแพงปูนสูงล้อมรอบอาคาร
“เข้าไปเก็บยามด้านในให้หมดก่อนแล้วปิดประตูไว้ วันนี้ใครเป็นหัวหน้า?” เขาหันมองหน้าทีละคน ผมรีบชิงยกมือตอบก่อน...
“หลงซันครับ”
“หัวหน้าหลง มีแผนไหม?” เขาเดินไปกอดคอหัวหน้าหลง
“ผมจะเข้าไปวาง C4 ที่แฟลต ล่อให้ทหารจีนมันลงมารวมกันข้างล่างแล้วค่อยจัดการทีเดียวครับ”
“ไปกันเถอะ! รวดเร็วและสง่างาม เจอกันประตูหน้า”
…………………………………………………..
เจ็ทโด้กับหล้าหันก้มหลังต่ำหลบใต้พุ่มเข็มวิ่งแอบอาคารด้านขวา หลงซันกับฮักวิ่งแยกไปทางด้านซ้าย ผมกับพอดีย่องปิดท้ายตามมา
“ปิดประตูไว้เลย”ผมหันไปสั่งพอดีแล้วย่องตรงเข้าไปหลังบ้านข้างหน้า
“พี่แทนเห็นยามหรือยัง มันนั่งที่ม้านั่งข้างถังขยะนั่นไงเห็นหรือเปล่าคะ?” เธอชี้ไปที่ด้านขวาของรั้วบ้านหลังแรก
“เห็นกี่คน?”
“2 ค่ะ อีกคนเดินไปฝั่งโน้นแล้ว” เธอชี้ไปทางบ้านที่เจ็ทโด้วิ่งไป
“พี่ไม่อยากยิงเลยว่ะ เฮ้อ!” คนในชาติก็เหลือน้อยอยู่แล้ว อึดอัดใจฉิบหาย
“งั้น!หนูยิงเอง หนูมีบัญชีที่ต้องเก็บคืน หนูไม่ให้อภัยพวกมันหรอก” เธอมีแต่ความเกลียดชัง
“กล้าแน่นะ?”
“หนูจะคลานไปใกล้ ๆ จะยิงให้หัวทิ่มเลย พี่คอยดูเถอะ!” เธอหมายหัวแล้ววิ่งฉีกไปหลบข้างพุ่มดอกเข็มค่อย ๆ ก้มหลังค่อย ๆ ย่องเข้าไปถึงจะดูเก้ ๆ กัง ๆ แต่เธอก็พยายามจะทำอย่างดี
“ฟืดฟาด! ฟืดฟาด!” เสียงลมหายใจพ่นแรง ดวงตาเด็กสาวเบิกกว้างกัดริมฝีปากแน่น เหยียดแขนตรงพยายามเกร็งมือดึงปืนขึ้นลำ ใบหน้าขรึมสายลมพัดปอยผมสะบัดพลิ้ว สายตาแน่วแน่จับจ้องแสงเลเซอร์ที่หัวของเหยื่อในระยะห่างราว 15 เมตร
เธอสูดลมหายใจลึกแล้วกลั้นลมหายใจ หรี่ตาซ้ายก่อนจะ…
“ฟึ่บ! ฟึ่บ!” กระสุนมัจจุราชวิ่งเข้าเป้าอย่างไม่ลังเล
“เป๊ง!โป๊ง!โครม!” เสียงถังขยะเหล็กร้องและล้มกลิ้ง
“ห่ะ! ไม่โดน!” เธอยิ้มแหยหันมา
ทันใดนั้นยามหันมา…
“ใครวะ?”
ผมรออยู่แล้ว...
“ฟึ่บ!” ใบหน้าเขาสะบัดล้มลง ผมรีบวิ่งแซงเข้ามาคว้าปืน M16
“ฟึ่บ! ฟึ่บ!” เสียงปืนทางขวา เงาวูบของเจ็ทโด้กับหล้าวิ่งเข้าใส่
“ยายล้น! รีบเลย เร็ว!” ผมวิ่งผ่านบ้านประธานหลังใหญ่ไฟสว่าง
“ฟึ่บ! ฟึ่บ!” เสียงปืนทางซ้าย เจ้าฮักซัดยามริมกำแพงแล้ววิ่งต่อ
นักรบในเงามืดเคลื่อนตัวรวดเร็วปราดเปรียว วิ่งเข้าปลิดชีพยามที่ไม่ทันตั้งตัวพร้อมกัน ก่อนจะวิ่งมารวมกันที่ประตูรั้วใหญ่ด้านหน้า
หลงซันรีบสั่งการ...
“หล้า! ฮัก! ไปวางระเบิดแท็งก์น้ำ แล้วรอจัดการเลย ไป!”
“ครับ!” ทั้งสองขยับ เจ็ทโด้ยกมือขวาง...
“ช่วยวางระเบิดที่ข้างตึกให้สัก 4 ลูกด้วยสิ”
“เอ่อ! ไม่เยอะไปเหรอครับ?” ฮักสีหน้าแปลกใจ
“ผมต้องการให้พื้นสะเทือน แค่เสียงเดี๋ยวมันไม่ขยับตัว ถ้าพื้นสะเทือนมันวิ่งลงมาหมดทุกคนแน่ ”
“ได้ครับ!” ทั้งสองยิ้มอย่างเข้าใจ หมุนตัววิ่งหายไปในความมืดข้างซอกอาคารด้านหน้า
เจ็ทโด้ พอดี หลงซันและผมยืนมองย้อนกลับไปที่อาคารหลังใหญ่ตรงกลางในรั้วอัลลอยด์ประกบด้วยบ้านองครักษ์ทั้ง 6 ด้าน ภายในบ้านเงียบสนิทไม่รู้ถึงการมาเยือนของนักรบนิรนาม
“พวกมันก็เป็นเชลยเหมือนกัน แต่ยังยกระดับตัวเองเหนือคนอื่น” เจ็ทโด้มองไปที่กลุ่มบ้าน
“นี่มันก็เป็นคุกนะครับ ทุกคนในนี้โดนควบคุมจากทหารจีน” หลงซันแหงนมองกำแพงสูง
“ฉลาดเอาตัวรอดจริง ๆ เราไปข้างหลังกันดีกว่า เดี๋ยวพวกมันต้องมาที่นี่แน่ ๆ” เจ็ทโด้หันไปชวนหลงซันแล้วหันมาสั่ง...
“แทน! เฝ้าประตูหน้าไว้และคอยกันคนในบ้านอย่าให้ออกมา ระวังยามด้วย!” ทั้งคู่วิ่งกลับไปด้านหลังอีกครั้ง
…………………………………….
กลางดึกของเมืองใหญ่มีเพียงเสียงสายลมและความสงบเงียบ ผมนั่งมองอาคารทั้ง 5 หลังอย่างพิจารณา พวกนี้ก็โดนทหารจีนควบคุมพื้นที่ให้มาอยู่รวมกัน มันก็เป็นนักโทษเหมือนกันแต่น่าจะมีอภิสิทธิ์บางอย่าง ความสะดวกสบายมาสุมกองรวมกันอยู่ในนี้นี่เอง ผมหันไปคุยกับพอดีเพื่อรอเวลา...
“นางฟ้าของเธอหายไปไหนแล้ว?”
“หนูซ่อนเอาไว้ที่รถเหลืองค่ะ น้องหน้าตาน่ารักจะตาย โตขึ้นคงสวยมากเลย”
“ตั้งใจจะเลี้ยงเหรอ? ใจดีเหมือนกันนะเนี่ย!” ผมได้เห็นน้ำใจของเธอหลายอย่างต่างจากผู้ใหญ่พวกนั้นสิ้นเชิง
“ค่ะ! ถึงน้องเป็นอย่างนี้หนูก็จะเลี้ยง อย่างน้อยน้องก็ยังได้นอนอุ่นกินอิ่มหนูก็ไม่เหงา น้องก็ไม่มีพ่อแม่...หนูก็ไม่มี...จะได้อยู่เป็นเพื่อนกัน” ดวงตาของสาวน้อยมีฝันแต่รอยยิ้มนั้นแสนเศร้า
“เดี๋ยวพี่ฉีดวัคซีนให้ก็หายแล้ว รออีก 3-4 วันวัคซีนก็มาถึงแล้ว”
เธอเอาหัวพิงไหล่แล้วยิ้มร่า…
“พี่แทนเหมือนเป็นน้ำฝนที่ราดรดแผ่นดินแล้ง หลังฝนตกท้องฟ้าสวยจังเลย ตั้งแต่เจอกับพี่หนูก็โชคดีมาตลอด” ถึงเธอจะสดใส แต่ในบางเวลาเธอก็แอบร้องไห้ ผมเข้าใจหัวอกของคนที่ต้องจากครอบครัวมันมีแต่ความโหยหาและคิดถึง
“บรึ้ม…มม!!!!!” เสียงระเบิดดังเหมือนตึกถล่ม แรงอัดทำให้พื้นสะเทือนมาถึงที่นี่
“บรึ้ม...มม!!!!!” แสงไฟแดงฉาบท้องฟ้า ผมหันไปสั่งน้อง...
“ไปนั่งข้างกระถางคอยขู่คนในบ้าน ไม่ให้ก้าวออกมานะครับ”
“ค่ะ!”
ผมขยับปืนวิ่งกระโดดข้ามดงดอกเข็มไปที่รั้วบ้านด้านขวา ชายผิวขาวสวมแว่นเดินพรวดพราดออกมา...
“หยุด! กลับเข้าไป” ผมสะบัดปืนไล่ให้เข้าบ้าน
“พวกนายเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง?” ชายลูกครึ่งจีนวัยหนุ่มปลาย ๆ ร้องถามกลับมา
“เดี๋ยวค่อยคุยกันนะครับ ตอนนี้ขอให้เข้าบ้านไปก่อนจะปลอดภัย” ผมตะโกนบอก
“นายทำอย่างนี้ทำไมเหิมเกริมมาก?” เขาไม่ยอมหยุดเดิน
“ไม่อยากตายก็เข้าบ้านไป เดี๋ยวนี้!” ผมตวาดแล้วจี้ปืนขู่จนเขาผลุบเข้าประตูไป
“วี้ด!...ดด!!” เสียงนกหวีดมัจจุราชแว่วมา ก่อนเสียงปืนจะแตก...
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” สงครามฆ่าพวกเดียวกันเริ่มขึ้นแล้ว เสียงปืนดังสนั่นจากอาคารพักของทหารจีน ห่างไปราว 300 เมตร ผมหันไปมองแสงไฟจากระเบิดไล่ความมืดเป็นวงกว้างภายในบริเวณแฟลต ตามมาด้วยเสียงร้องจากความเจ็บปวดโหยหวน
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” เสียงปืนดังระงมต่อเนื่อง
“เฮ้ย! เปิดประตู!” ด้านนอกที่ประตูหน้า กลุ่มชายฉกรรจ์อาวุธครบมือพยายามจะปีนข้ามรั้วเข้ามาภายใน
“พวกเราป้องกันไว้ อย่าให้ใครเข้าใกล้กองบัญชาการ” ชายรูปร่างผอมสูงวิ่งมาเขย่านอกประตูรั้วใหญ่
“หนีไปก่อน อันตราย!” ผมตะโกนไล่
“มึงเป็นใคร? ออกไปเดี๋ยวนี้ ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” เขาเปิดฉากยิงใส่ทันที
ผมตกใจมากกลัวน้องจะโดนลูกหลง...
“ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!” รีบยิงสวนกลับเบรกสถานการณ์ไว้ก่อน
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ในขณะเดียวกันเสียงปืนยิงดังที่ประตูด้านหลัง ผมก้มหลังวิ่งไปทิ้งตัวนอนข้างน้อง…
“พอดี! นอนราบกับพื้นไว้” ผมดึงน้องที่นั่งยอง ๆ ลงนอนราบข้างกระถางดอกไม้…
“อย่าให้คนในบ้านออกมา พี่จะยิงป้องกันไม่ให้ยามมันปีนเข้ามา” ผมสั่งการลูกสมุนมือขวาแล้วยิงปืนใส่ยามที่กำลังปีนรั้ว
“ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!” เสียงปืนดังทั่วสารทิศ แยกไม่ออกว่าเป็นปืนของใคร ข้าศึกข้างนอกยังเบาใจ
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” แต่ข้าศึกข้างในน่ากลัวกว่า เสียงกลุ่มหญิงสาวดังขึ้น
“ห่ะ!”ผมสะดุ้งเฮือกที่ได้ยินเสียงผีดิบดังใกล้ ๆ หันมองที่ไปกองบัญชาการ ผีดิบสาวสวยหุ่นนางงามคืนสติเป็น Tamer 30 เดินเปลือยกายอาการมึนงง ออกมาจากอาคาร
“พี่แทน! นี่เลยอย่างนี้เลย เดี๋ยวมันก็ฆ่าคน โคตรดุเลย!” พอดีขยับเข้ามาเบียด
ผีดิบสาวผมสั้นฉุนเฉียว ตาขวางเดินกระทืบเท้าฉับ ๆ...
“ไอ้เหี้ยตัวไหนแก้ผ้ากูวะ อย่าให้รู้นะมึง?”เธอตาขวางหันมองไม่เป็นมิตร ชายฉกรรจ์ 4 คนวิ่งตามออกมาจากอาคารฉุดรั้งดึงมือ
“ปล่อย! ปล่อยมือกูเดี๋ยวนี้!” พวกเธอกราดเกรี้ยวพร้อมบวก
ทันใดนั้นประตูบ้านที่ยายล้นดูแลอยู่ มีการเคลื่อนไหวภายใน ไฟฟ้าเปิดสว่างคนในบ้านแตกตื่น ประตูเปิดผลัวะออกมา...
“เฮ้ย! หลุดมาได้ยังไงจับกลับเข้าไป”
ผมจำคนนี้ได้ ไอ้เถือกหัวหน้าม็อบดวงตาถลนแลบลิ้นวิ่งถลาออกจากบ้านมาตะโกนริมรั้วด้านข้าง
พอดีลุกยืนโบกปืนไล่…
“กลับเข้าบ้านค่ะ!” เขาหันมาถลึงตาโตเท่าไข่ห่าน ส่งสายตาดุ...
“ยามไปไหนหมดวะ เธอวางปืนเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าเสือกเอาปืนมาชี้หน้ากู” ไอ้เฒ่าเถือกชี้หน้าขู่
“บอกให้อยู่ในบ้านไงคะ ฟึ่บ!” พอดีลั่นไกปืนใส่อย่างตั้งใจ
“เพล้ง!” กระจกหน้าต่างแตกละเอียด
“อีเด็กบ้า! เดี๋ยวจะกลับมาคิดบัญชีกับมึง” เขาวิ่งหลบไปด้านหลัง
“คิดบัญชีเหรอ? งั้นกูคิดกับมึงก่อนเลย ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!” พอดีลุกเล็งยิงปืนใส่ ผมเห็นพัฒนาการความกล้าของเธอมากขึ้นทุกวินาที แต่มันเป็นเพราะอะไรกันนะที่ทำให้เด็กสาวแค้นฝังหุ่นได้ขนาดนี้
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” กลุ่มผีดิบได้ยินเสียงปืนหันมามอง ผมรีบตะโกน...
“พอดี! แกล้งตาย เร็ว! ผีดิบมาแล้ว” ผมทิ้งตัวนอนราบกับพื้น
“กลัวทำไม ยิงเลยสิพี่?” ยายตัวตึงกลิ้งมานอนเคียงข้าง ใจถึงมาก
“เรามารักษาให้พวกเขาไม่ได้มาฆ่า มีปืนแล้วอย่าห้าวสิวะ” ผมได้แต่เกาหัวส่ายหน้า /คิดในใจไม่น่าสอนให้ยิงปืนเลย/
“จับไว้ตะ!”ไอ้เถือกวิ่งไปรวมกับกลุ่มคนที่หน้าอาคารกองบัญชาการ ทั้ง 5 ชายช่วยกันฉุดกระชากลากดึงสาวเปลือยทั้ง 10 คนเข้าบ้าน แต่หญิงสาวสะบัดมือสู้...
“กูบอกให้ปล่อย!” สาวสวยผมสั้นผิวขาวผ่องหน้าตาจิ้มลิ้ม เปลือยกายล่อนจ้อน ทรวดทรงเหมือนนาฬิกาทราย หงุดหงิดตาขวาง...
“มึงเป็นอะไรกันมากมั้ยเนี่ยะ? ลุง! ไปห่าง ๆ เลย อย่ามาจับตัวกู เดี๋ยวสีตกใส่” หญิงสาวขัดขืนแล้วมองหน้ากันอย่างไม่สบอารมณ์ สายตาของพวกเธอดุเหมือนเสือหิว
“กูขอเตือนว่า อย่ายุ่งกับพวกกู ปล่อยมือ!” สาวสวยผมสั้นสะบัดมืออย่างแรง
ไอ้เถือกขมวดคิ้วหนามุ่ยหันไปถามลูกน้อง....
“มันพูดได้แล้วเหรอ ใครเอาอะไรให้พวกมันกิน?” เขายังดื้อลากแขนสองสาวผ่านศพของหลงซันข้างถังขยะหน้าบ้าน
“มึงอยากตายมากใช่มั้ยไอ้หงอก?” ผีดิบสาวสะบัดแขนหลุดจากมือของเขาแล้วพุ่งเข้าใส่…
“กูเตือนมึงแล้วว่าอย่ายุ่งกับกู ไอ้แก่! ถ้าอยากตายจะจัดให้”
“ตุ่บตับ!ตุ่บตับ!”เกิดการยื้อยุดระหว่างชายชราหัวหงอกตัวอ้วนดำกับสองผีดิบสาวร่างเปลือย
“อึ่ก!!” สาวผมสั้นถีบเข้าเต็มท้อง...
“โอ๊ย!” ชายชราอ้วนดำสู้แรงเด็กสาวไม่ไหว โดนถีบล้มลงสายตาแสดงความกลัวสุดขีด ลนลานถดตัวหนี…
“ช่วยด้วย! ช่วยกูกัน!” เขาใช้ไม้ตายแหกปาก
“ตุบตับ! ตุบตับ! ตุบตับ!” ในขณะที่คนอื่น ๆ อยู่ในโหมดการต่อสู้เหมือนกัน
“มันเกิดอะไรขึ้นวะ ยามไปไหนหมด” ผู้ยิ่งใหญ่ตาถลนเมื่อจวนตัว กลุ่มผีดิบสาวสร้างความแปลกใจให้กับพวกเขาที่จู่ ๆ ก็กลับมามีเรี่ยวแรงมหาศาลและพูดได้คล่อง
“เฮ้ย! ช่วยด้วย” เขาแหกปากร้องลนลานไม่ต่างจากที่สมุนของเขาไล่ตีผู้เห็นต่าง เขาดิ้นถีบขาหนีไปข้างศพของเจ็ทโด้ที่นอนหรี่ตามองตลอด
“ขี้เกียจหายใจก็ไม่บอก” ผีดิบสาวผมสั้นร่างเปลือยเปล่า ขึ้นนั่งทับบนหน้าอกของเขาแล้วกดแขนสองข้างแนบพื้น ผีดิบสาวผมยาวอีกคนเดินใบหน้านิ่งเข้ามาจับหัวของเขา แล้วบิดสุดแรง...
“กร็อบ!!!” ไอ้เถือกชักกระตุกตาเหลือกแล้วคอพับนิ่งไป
“เฮ้ย!!” ทั้งสองสาวหันมองเพื่อนที่กำลังโดนผู้ชายลากแขนจะเข้ารั้วบ้าน เธอหันไปยกถังขยะเหล็กขึ้นเหนือหัวแล้ววิ่งใส่...
“ย๊าก...กก!!”
“โครม...!” ถังเหล็กซัดลงบนหัวของเหยื่อ เศษขยะพลาสติกกระจายเกลื่อนพื้น
“โอ๊ย!” ชายผอมล้มลงกระเสือกกระสนหนีตาย เขาเงยหน้าขึ้นมาในจังหวะที่...
“โบ้ละ!”เสียงแน่นเหมือนทุบลูกมะพร้าว ก้อนหินทุ่มลงบนใบหน้ากะโหลกเปิดเลือดสาดกระเซ็น
“อ้าก...กก!” ชายอีกคนถอดใจหันหลังวิ่งเข้าประตูบ้าน
“ควับ!” ผีดิบสาวพุ่งเหล็กปล้องอ้อยเสียบหลังทะลุท้อง ยืนตายคาประตูรั้ว
“บุ๋ง! บุ๋ง!” อีกคนดิ้นขอความช่วยเหลือในกระถางบัว
“กูบอกแล้วว่าอย่ายุ่งกับกู” อีกสามสาวเอาหัวเข่ากดหลังชายชรา จับหัวของเขากดลงกระถางดอกบัว สำลักน้ำตายคาที่
“อย่าให้มันหนีไปได้” ผีดิบสาวเห็นชายคนสุดท้ายวิ่งหนีเข้าบ้าน ทั้งหมดวิ่งกรูตามไป
“แก๊ก!แก๊ก!แก๊ก! เปิดประตู!” เธอเขย่าประตูอย่างบ้าคลั่ง
“เพล้ง!” สาว ๆ ที่วิ่งตามมาเอาก้อนหินขว้างใส่กระจกบ้าน
“เพล้ง!เพล้ง!เพล้ง!เพล้ง!” พวกเธอช่วยกันเอาหินปาใส่บ้าน
“เฮ้ย!” ผมใจหายวาบในจังหวะนั้น เงาตะคุ่มหลังม่านภายในบ้านขยับตัวกระบอกปืนกลโผล่ออกมาจากหน้าต่าง รีบดึงพอดีเข้ามากอด...
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” กระสุนปืนยิงสวนออกมา
“โอ๊ย!!อ้าก!!” ร่างสาว ๆ กระเด็นกระดอนล้มกลิ้ง
“ตรึ่ด! ตรึ่ด!” คนในบ้านถือปืนวิ่งออกมาจ่อยิงอย่างเหี้ยมโหด ผมหลับตาลงอย่างสลดใจ
“...........”
หลังจาก 30 นาทีนรกแตกผ่านไป ความเงียบสงบกลับมาอีกครั้ง เสียงแมลงกลางคืนในเมืองดังทดแทนเสียงรถยนต์ เจ็ทโด้และหลงซันขยับตัวลุกเดินไปที่หน้าประตูบ้านกองบัญชาการ เขาแตะประตูรั้ว
ทันใดนั้น...
“หยุดแค่นั้น! ห้ามข้ามรั้วเข้ามาไม่อย่างนั้นจะโดนยิง ที่นี่เป็นเขตหวงห้าม” ชายในบ้านตะโกนออกมา เจ็ทโด้หยุดกึก
“หยุด! ยกมือขึ้น” เสียงตวาดจากด้านหลังเขายกมือหันกลับไป ผมขยับปืนเตรียมเข้าช่วย
“สถานที่หวงห้าม ออกมา!”กลุ่มชายชราท่าทางภูมิฐาน 3 คนเดินถือปืนออกมาจากเงามืด /เรากำลังเพลี่ยงพล้ำ/
“พวกลื้อเป็นใคร กล้าดียังไงถึงยิงคนของอั๊วะ?” ชายชราจีนร่างท้วมขาวสูง ท่าทางภูมิฐานชี้หน้า...
“ยาม! ยามหายไปไหนหมดวะ?” เขาโวยลั่น
สถานการณ์ชักไม่ค่อยดีเจ็ทโด้กับหลงซันกำลังเสียเปรียบ ผมมองหาตัวช่วย ในจังหวะนั้นพอดีชี้ไปที่บ้านด้านขวา ชายลูกครึ่งจีนคนเดิมเดินออกมาจากบ้าน...
“พี่แทน! บ้านนี้มันออกมาอีกแล้ว”
เหมือนถูกหวย...กำลังหาตัวประกันพอดีเลย ผมรีบพุ่งเข้าหา...
“หยุด!ยกมือขึ้น” ผมจี้ปืนเดินเข้าหา
“อย่าตลกเอาปืนลง!” เขาตวาดสวนทันที ไม่กลัวผมเลย
“ผมพูดดีด้วยแล้วนะ อย่ายั่ว!” ผมขู่กลับแล้วเข้าไปกระชากคอเสื้อจนขาลอย
“ปล่อย! เดี๋ยวมึงได้ตายแน่! ยาม! ยาม!” เขากลัวซะที่ไหนจ้องกลับมาตาเขียวเลย
ผมลากคอเดินไปหากลุ่มใหญ่แล้วรีบตะโกนห้ามทัพ...
“ทิ้งปืน!” เสียงของผมก้องไปทั่วบริเวณ
“...........” พวกเขาหันกลับไปมอง
“จะแลกก็ได้นะครับ แกร่ก!” ผมขึ้นลำปืนจ่อหัวตัวประกัน
“อย่า!เราคุยกันดี ๆ ได้ ปล่อยเจ้าสัวสิงห์ก่อน” ชายชรายกมือห้าม
“ส่งคนของผมมาแลกกับคนของคุณ” ผมยื่นข้อแลกเปลี่ยน
“โอเค!ถ้าแลกแล้วพวกเราจะคุยกันได้ใช่มั้ย?” ชายชรารูปร่างสันทัดอีกคนยื่นหน้ามาถาม
“ผมมาไล่ทหารจีนเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า ถ้าใช่ก็คุยกันได้” ผมตอบกลับเสียงดังฟังชัดแล้วผลักตัวประกันไปให้
“งั้นได้เลยน้องชาย”เขาโยนปืนทิ้ง เพื่อน ๆ ของเขาโยนทิ้งตาม ในขณะเดียวกันกลุ่มลูกน้องของเขาก็กรูเข้ามา...
“เจ้านายครับ ผมมาแล้วเกิดอะไรขึ้น?”
ชายชราหน้าคุ้น ๆ ยกมือปรามแล้วรีบเดินไปดึงมือเจ็ทโด้ให้ห่างจากกองบัญชาการแล้วเดินกลับมาทางผม
“รู้จักผมใช่มั้ย?” ชายวัยชราลูกครึ่งจีนใบหน้าสี่เหลี่ยมถามเจ็ทโด้
“เคย..เคยเห็น..ในโทรทัศน์ครับคุณโทนี่” เขาตะกุกตะกัก ผมอมยิ้มขำและแปลกใจในเวลาเดียวกัน
“เอาเป็นว่าเรารู้จักกันแล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน วันนี้ดึกแล้วไปพักกันก่อน” ลุงโทนี่อัธยาศัยดีจับมือเจ็ทโด้อย่างเป็นกันเอง แต่มันสร้างความสงสัยให้ผมเต็มไปหมดและเริ่มรู้สึกถอดใจในเวลาเดียวกัน
“คุณอา!จะปล่อยมันไปเหรอ?” ไอ้ตี๋ตัวประกันห้าว ท่าทางก้าวร้าวพรวดพราดเข้ามา
“ปล่อยผมไปน่ะดีแล้วจะได้คุยกันง่ายขึ้น” เจ็ทโด้เสียงเข้ม
“มึงเป็นใครกันแน่ ฆ่าคนของกูไปตั้งหลายคน” สีหน้าเขาโกรธจัดพูดเหมือนรู้จักกันมาก่อน
“เจ้าสัวสิงห์หยิบปืนสิ ถ้าไม่อยากคุยกันดี ๆ ก็หยิบขึ้นมา” เจ็ทโด้ชี้ปืน
“...........” เจอคนจริงเข้าไป เจ้าสัวปิดปากเงียบ
หล้ากับฮักวิ่งหัวเราะหยอกล้อกันมาจากด้านหน้า เข้าไปหาเจ็ทโด้…
“ลูกพี่! รวดเร็ว สง่างาม เรียบร้อยหมดจดไม่รอดสักคน” หล้าพูดด้วยสำเนียงไทใหญ่แปร่งหู
“หือ!” ผู้อาวุโสทั้ง 4 หันมอง
“ไอ้พวกนี้เป็นพม่าเหรอ?” ลุงโทนี่สายตาแปลกใจ
เจ้าสัวสิงห์หูร้อนขึ้นมาอีกรอบ...
“มึงเอาคนชาติอื่นมาบุกบ้านตัวเองเหรอ? เลวมากมึงเคยรักและหวงแหนชาติบ้านเมืองบ้างมั้ย?” พวกนี้มันนัการเมืองมืออาชีพ ทุกอย่างมันโยงเพื่อป้ายความผิดได้หมด
เจ็ทโด้ชี้หน้า...
“ปากดีจังนะ! จีนบุกเข้ามาพวกคุณทำอะไรกันบ้าง เตรียมส่งเครื่องบรรณาการเหรอ?”
“ไอ้นี่ปากดีมากไปแล้ว ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำไม่รู้จักเจียมตัว” เจ้าสัวหนุ่มคงไม่เคยโดนใครหยามเต้นร่า แต่ก็ทำได้แค่เพียงยึกยักกล้า ๆ กลัว ๆ
“เจ้าสัวสิงห์ ใจเย็น ๆ พวกเดียวกันน่า” ลุงโทนี่เข้าปราม
“ผมจัดการกับทหารจีนให้แล้ว พรุ่งนี้คุยกันดีไหมคุยกันแบบพี่น้องร่วมชาติ”เจ็ทโด้มองหน้าลุงโทนี่
“ขอบใจมากน้องชาย พรุ่งนี้! เราคุยกันนะ เจ้าสัว! ไปบอกพวกเราสิ อย่าขวางทางพวกเขา” ลุงโทนี่หันไปสั่งเจ้าสัวสิงห์
เจ็ทโด้ขมวดคิ้วหันมองกลับไปในกองบัญชาการ ทหารอารักขาเข้าไปเสริมกำลังหนาแน่น แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วหมุนตัวเดิน...
“งั้น!ผมขอตัวก่อนครับ”เขาบอกลาแล้วเดินออกด้านหลังกลับทางเดิม พอดียิ้มกว้างวิ่งเข้าไปคล้องแขน
...........................................................
บนลานจอดเครื่องบินพาณิชย์...
กลุ่มของเราเดินลัดสนามผ่านห้องขัง ออกประตูหน้าผ่านศพทหารจีนออกลานกว้างลอดใต้ท้องเครื่องบิน
“อึ้งแดกเลยว่ะ เจอลุงโทนี่ได้ยังไงวะ กูก็ไม่เคยถามไอ้ซอนด้วยว่า มันขายวัคซีนให้ใครบ้าง?” เจ็ทโด้อมยิ้มหันมามอง
“ผมไม่รู้เรื่องเลย” ผมส่ายหน้ารัว ผมเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องที่รัฐฉานเลย
“ไอ้ปังรู้ทุกเรื่องครับ!” ฮักตะโกนมาจากหลังสุด เจ็ทโด้พยักหน้าแล้วมองผมอีกครั้ง...
“แล้วมึงรู้จักพวกนั้นบ้างไหม?”
“ผมรู้จักลุงโทนี่คนเดียว คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าสุดท้ายก็พวกเดียวกัน ผมไม่อยากช่วยที่นี่แล้ว ผมอยากกลับ!” ผมผิดหวังมากและรู้คำตอบแล้วว่า ทำไมพอดีถึงโมโหร้ายและอาฆาตขนาดนั้น ผู้ใหญ่ที่นี่ไม่สามารถทำตัวให้เด็กไหว้อย่างภูมิใจ
พอดีเดินแทรกกลางเข้ามา...
“หนูรู้! หนูรู้จักพวกมันทุกคน พี่แทน! ไอ้พวกนี้แหละที่อยู่เบื้องหลังการเมือง แก๊งกินรวบประเทศ” น้ำเสียงมีแต่ความชิงชัง…
“4 คนนั้น...คนหนุ่มสุดคือเจ้าสัวสิงห์ คนแก่ตัวเตี้ยหน้าแป้นนั่น!.. เจ้าสัวช้าง คนแก่ตัวท้วมสูงก็เจ้าสัวพีซี และลุงโทนี่ แต่ในบ้านหลังกลางนั้นหนูไม่รู้ แต่ถ้าให้เดาน่าจะเป็นพวกลุงฉุน” เธอพูดเป็นฉาก ๆ ผมหมดกำลังใจและเสียความรู้สึกมาก พอรู้ว่าผู้ใหญ่ที่พอดีพูดถึงนั้นรวมตัวกันเอาเปรียบเหมือนเดิมอยู่ที่นี่...
“ปล่อยให้พวกเขาดูแลกันเองต่อไปก็แล้วกัน เรากลับกันดีกว่าคิดถึงนาตาลีแล้ว” ผมเดินอย่างไม่สบอารมณ์
เจ็ทโด้อมยิ้มมองมา…
“พวกเขาไม่สนใจ Soullessหรอก และน่าจะคิดไม่เหมือนเรา ยังไงก็ระวังตัวไว้หน่อย” เขาคงรู้ว่าผมโกรธ
ผมผิดหวังมากไม่อยากช่วยคนพวกนี้แล้ว หันไปหาน้อง...
“ยายล้น! บ้านของเธอจะเอายังไง พี่ไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วนะ”
“ไอ้พวกนี้แหละคือความสิ้นหวังของชาติ”
“มันทำอย่างนี้ได้ยังไง ยามปรกติก็เอาเปรียบยามศึกมันก็เอาคนในชาติไปเป็นทาสคนอื่น คิดได้ยังไงวะ?” ผมยังโกรธไม่หาย ความรู้สึกดี ๆ กำลังใจที่มีหายวับไม่อยากร่วมงานกับคนพวกนี้เลย
ยายล้นอมยิ้มขยับมากอดแขน…
“ยิงแม่งเลยพี่!”
“เอามะ! ยิงแม่งเลยมะ” ผมชักจะขึ้น เจ็ทโด้ตบหัวของผม...
“เห่ย!พรุ่งนี้ลองฟังเขาดูก่อน มึงบอกกูเองว่าเพื่อมนุษยธรรม อย่านอยด์ ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ!”เจ็ทโด้อมยิ้มดูนาฬิกาข้อมือแล้วยกวิทยุดาวเทียม…
“สหายคิมซองบก!”
“เย่! คิม! ซอง! บก!”
“พรุ่งนี้เตรียมตัวรับคำสั่งจากขนมปังนะ ถ้ามาถึงที่นี่แล้วอย่าให้ใครรู้ว่าสหายเป็นนักบิน เนียนเข้าไปปะปนกับชาวบ้าน เลิกกัน!”
“เย่!”
เขาเรียกวิทยุอีกครั้ง
“ขนมปัง! ส่งนักรบติดอาวุธ 200นายมากับคิมซองบกก่อน บอกพวกอาสาสมัครชนเผ่าชาติพันธุ์ให้พวกเขาเตรียมพร้อม เอาวัคซีนมาด้วยสัก 3 แสนโดสก็พอ”
การขยับเท้าทุกก้าวย่อมหมายถึงการขับเคลื่อนไปข้างหน้า ช้าหรือเร็วก็ถึงเป้าหมาย แต่การขยับเท้าที่มีเวลาของชีวิตเป็นเดิมพัน มันก้าวสั้นไม่ได้
................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,861 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,977 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |