The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 ตอนที่ 9

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 ตอนที่ 9
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 8
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 1 ก.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


มหานคร
Kala City.

มีนาคม ค.ศ.2026

สนามบิน Middle Kala.

เมื่อผู้ใหญ่ของบ้านเมืองปลิ้นปล้อนกะล่อนหลอกลวง ทุกอย่างไม่เป็นดังคาดหมายความหวังพังทลาย เจ้านายสุดที่รักกำลังวิ่งหนี สัญญากันไว้ดิบดีบัดนี้เป็นเพียงคำลวง  

“เจ้าสัว! ลุงโทนี่! ช่วยด้วย อย่าทิ้งพวกเรา” เสียงร้องเสียขวัญลั่นลานสนามบินของบรรดาผู้ใหญ่ที่ติดร่างแหของโฆษณาชวนเชื่อ ความโลภอยากได้ของแจกแถมจนแยกความถูกผิดไม่ออก หลงไปเป็นเครื่องมือให้ผู้กุมอำนาจอย่างภูมิใจ     

“มันยิงมาแล้ว! จรวดมาแล้ว!” เมื่อคิดได้ก็สายเกินกว่าจะกลับลำ เจ้านายที่รักวิ่งหนีเอาตัวรอดไปต่อหน้าต่อตา           

        “พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ! เฮลิคอปเตอร์ Z9 พร้อมอาวุธหนักลอยลำเหนือหัวปล่อยจรวดสังหารขนาด 150 ปอนด์ 3 ลูกพุ่งข้ามหัวกลุ่มเจ้าสัวมากลุ่มที่ 2. พอดี หน้าตาตื่นแหกปากลั่น

            “หัว ๆ ๆ คุณลุ๊ง มันจะลงหัวเรามั้ย?” จรวดลดระดับลงต่ำ พุ่งตรงรี่เข้ามา

            “วี๊ดดด! จรวดผ่านหัวของแทนที่เป็นคนตัวสูงที่สุด พุ่งเข้าสู่แถวหน้าของฝูงชนกลางลานในกลุ่มที่ 3 ส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนของโทนี่

“บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!พื้นลานจอดเครื่องบินสะเทือนเลื่อนลั่น เศษชิ้นส่วนเนื้อสดกระจาย หัวคนขาดหายร่างกายกระเด็น

“โอ๊ย! เจ็บ! ระเบิดสังหารลงกลางลาน กวาดผู้คนหายไปกว่าครึ่ง ไม่มีใครเชื่อคำเตือนของเด็กสาว พวกเขาต้องจ่ายค่าคำสบประมาทด้วยราคาแสนแพง ลานสนุกสุขสันต์กลับกลายเป็นลานเลือด

“อ้าก!!!ช่วยด้วย” เสียงร้องระงมด้วยความเจ็บปวด ไฟร้อนเผาผลาญผิวหนังลุกไหม้บนหัว

“กรี๊ด!...ดดดด” คุณป้าเสียขวัญกรีดร้องสุดเสียง ปัดก้อนเนื้อยุ่ยเละกระเด็นมาติดหน้าอกของเธอ

“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ! Z9 เฮลิคอปเตอร์ทั้ง 3 ลอยลำดาหน้าเข้ามา ปืนกลกลมขนาด 30 มม.ใต้ท้องหมุนคว้าง...

“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ทหารจีนเปิดฉากโจมตีทันที ปืนกลสาดกระสุนลงมาฉีกร่างชาวบ้าน

“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! สายกระสุนดั่งแส้ไฟหวดลงมาฉีกร่างชาวบ้านกระจุย แหวกเป็นช่องตามวิถีกระสุน

“ช่วยด้วย ! ชายอ้วนตาเหลือกลานร้องอ้อนวอน เลือดพุ่งออกจากขาขวาที่ขาดไป เขาจ้องอ้าปากค้างสองมือบีบน่องอวบอ้วนเพื่อห้ามเลือดแต่ไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วย ทุกคนต่างลุกวิ่งหนีตาย แตกกระจาย

                                         ...............................................................................


ทางทิศใต้ของลานจอดเครื่องบิน...

หลงซันขึ้นยืนบนซากรถยนต์ โบกมือต้อนให้ทุกคนวิ่ง

“อย่าหยุด! ทุกคนอย่าหยุดวิ่ง อาซา! แป้ง! ลงไปอยู่ชั้นใต้ดิน พาพี่น้องเราลงไปแอบข้างเสา”

สองสาวไทใหญ่จูงมือชาวบ้านวิ่งเบียดกันลงลานจอดรถใต้ดิน ทั่วทั้งลานชุลมุนวุ่นวายเสียงร้องระงม

“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!เสียงใบพัดตัดอากาศบีบหัวใจ Z9 ปักหัวลงต่ำ กระแสลมแรงพัดผู้คนซวนเซ

“วี๊ดดด!! เสียงกระบอกปืนกลกลมใต้ท้องเครื่องเริ่มหมุนอีกครั้ง

“............” ทุกคนตาค้างรู้อยู่แก่ใจว่ามันกำลังปล่อยกระสุนออกมา

“วิ่งต่อไป! ไม่ต้องสนใจ อย่าหยุด! หลงซันยืนทระนงห้าวหาญ ประจันหน้ากับเครื่องบินยักษ์อย่างไม่เกรงกลัว สองโบกมือไล่พี่น้องชนเผ่าวิ่งเข้าใต้อาคาร

ในเสี้ยววินาทีนั้น...ก่อนที่กระสุนนัดแรกจะออกจากเฮลิคอปเตอร์.

“เฟี้ยว....วว! เสียงซูเปอร์โซนิคคำรามแสบหูมาจากทางทิศใต้

“วูบบบบ!! กระแสลมแรงดูดกระชากอย่างแรง ทุกคนซวนเซ

“เพล้ง!เพล้ง!เพล้ง!เพล้ง! กระจกอาคารสนามบินแตกระเบิดเป็นแถว เครื่องบิน F-16 แว่บผ่านหน้า ร่อนเรี่ยพื้นพุ่งใส่เฮลิคอปเตอร์จีน

“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!กระสุนพุ่งเข้าใส่ เฮลิคอปเตอร์ทั้ง 3 ลำเสียการทรงตัวหมุนคว้างไร้ทิศทาง

“วิ่ง!!!!!! หลงซันตะโกนสุดเสียงแล้ววิ่งเข้าไปอุ้มสาวชนเผ่าขึ้นไหล่

“บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม! ลูกไฟสว่างวาบบนพื้น ย่างสด Z9และนักบิน

“ฟ้าว...วว!!F-16 เหินลอยขึ้นไปม้วนตัวบนฟ้า หลงซันหันแหงนหน้ามองตาม

“บ้าบิ่นมาก! เก่งจริง ๆ เลย”

“ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย มันตายหมดแล้วใช่มั้ย?” ชาว Kala ร้องถามเสียงหลง

หัวหน้าหลงป้องปากตะโกนตอบ...

“หมดแล้วครับ พวกเราปลอดภัยแล้ว!!!!

ทั้งเลือด รอยยิ้มและน้ำตาปนเปื้อนบนใบหน้าของทุกคน นักบินเกาหลีเหนือเข้ามาดึงดาบของเพชฌฆาตจีน ก่อนที่มันจะฟาดฟันกลืนกินชีวิตของชาว Kala ไว้ได้ทันเวลา
                                        ........................................................................

ด้านเหนือของลานจอดเครื่องบน...

กลุ่มเจ้าสัวกำลังวิ่งเตาะแตะเข้าประตูรั้ว เจ้าสัวสิงห์หนุ่มกว่าทุกคนวิ่งกระหืดกระหอบแซงทุกคนไปหาโทนี่...

อาโทนี่!ผิดแผนหมดเลย” เขาลนลานหน้าเสีย โทนี่ใบหน้าเครียดหันไปบอกกับเจ้าสัวทั้งสาม...

“เราหลบเข้าบ้านกันก่อน ตอนนี้ต้องปลอดภัยก่อน เดี๋ยวค่อยหาทางเจรจากับพวกมันใหม่”

เจ้าสัวสิงห์หน้ามุ่ย คลางแคลงใจ...

“เจ้าสัวพีซีครับ! ทำไมงวดนี้มันถึงยิงใส่เราเลยล่ะครับ เราคุยกับมันไม่ได้แล้วเหรอ?”

“ไม่รู้สิ! เรียกวิทยุไปก็ไม่ตอบ ผมนึกว่ามันเห็นภาษาจีนจะลงมาคุยก่อน มันก็ไม่ลง” เจ้าสัวพีซีผิดหวังอย่างแรง

ลุงโทนี่หันไปตอบ...

“เดี๋ยวมันก็มาอีก พวกนี้เป็นเครื่องบินนำร่อง” เขาวิ่งเหยาะ ๆ ผ่านป้อมยามแล้วเลี้ยวซ้าย

“มาใหม่แล้วมันจะถล่มเราอีกหรือเปล่าล่ะ?” ความกลัวเต็มแววตาของเจ้าสัวหนุ่มประสบการณ์น้อย

“เราต้องเจรจาให้สำเร็จ ยังไงพวกเราก็ต้องยืมมือจีนมาจัดการกับพวกมัน ส่วนชาวบ้านตอนนี้ไว้ใจมันไม่ได้แล้ว ถ้าเจรจากับจีนสำเร็จก็ให้มันฆ่าทิ้งให้หมด ไม่ต้องเหลือไว้ เราอาจจะต้องไปตั้งหลักที่จีน” โทนี่วิ่งข้ามสะพาน

เจ้าสัวสิงห์หันตะโกนบอกยาม...

“ไอ้น้อง! ปิดประตูเลย รหัสแดง ใครเข้าใกล้ยิงทิ้งทั้งหมด”

“ครับผม!” มือปืนผอมโซนับสิบ กระจายเฝ้าป้อมคุมประตูทางเข้า กลุ่มเสือร้ายทำงานพลาด ทางรอดเดียวของมันคือต้องหาที่หลบเลียแผล และวางแผนใหม่

 ..................................................................................................


บนลานจอดเครื่องบิน...

เจ็ทโด้ยืนยิ้มมองนักบินของเขากำลังนำ F-16 ลงสู่ลาน ทั้ง 4 คนยังถูกสวมกุญแจมือไว้ด้านหลังยืนหันหลังชนกัน กลุ่มยามหนีเข้าไปในรั้วหมดแล้ว

“หนูโชคดีอีกแล้ว!” น้องพอดีปลาบปลื้มยิ้มกว้างเอนหัวพิงแขนของเจ็ทโด้อย่างวางใจ แทนยืนเคียงข้างพ่อยิ้มมองชัยชนะ

“บรื้น...นน!! แสงไฟจ้าสาดเข้ามาทางใต้ รถยนต์แล่นหลบหลีกกองซากศพและเศษอะไหล่ของมนุษย์ ผ่านเครื่องบินโดยสารที่หักครึ่ง เข้ามาจอดข้างเจ็ทโด้

“เอี๊ยด!! หนุ่มไทใหญ่ลงมาปลดกุญแจมือ

เจ็ทโด้สั่งการทันที...

“พวกเราเหลือเวลาอีกประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนที่กองทัพจีนจะมาถึง หลงซัน! พาคนของเราไล่ต้อนทหารเจ้าสัวให้เข้าไปด้านในให้หมด เราจะพะวงกับพวกมันไม่ได้”

“ครับผม!

หล้าส่งวิทยุดาวเทียมไปให้เจ็ทโด้...

“เอานี่พี่! มันตกใจวิ่งหนีทิ้งไอ้นี่ไว้ ไอ้แรมโบ้หัวหายไปไหนก็ไม่รู้?” หล้าส่งวิทยุดาวเทียมและหูฟังให้เขา แล้วหันไปแจกให้เพื่อน ๆ

“ดีเลย! อึดอัดฉิบหาย ติดต่อนักบินไม่ได้” เจ็ทโด้ยิ้มรับแล้วเรียกนักบิน...

“สหายคิมซองบก!

“เย่! คิม! ซอง! บก!

“ยอดเยี่ยมมาก! ตอนนี้สหายอยู่ที่ไหน?”

“อยู่ข้างแบล็คฮอร์คครับ กำลังจะบินขึ้นไปช่วยครับ”

“ไม่ต้องแล้ว! สหายสั่งให้นักบินเอาแอร์บัสมารับกลุ่มน้องแป้งกลับบ้าน ด่วน!

“เซมครับ!สหายจองรีรายงานว่าเครื่องบินรบจีนจะถึงใน 2 ชั่วโมงครับ มันโจมตีที่นี่แน่นอนครับ”

“หือ! ทำไมมาถึงไววะ เราขึ้นบินทันมั้ย ?” เสียงเขาแผ่วลง

“น่าจะทันครับ เซม! บอกพวกเขามารอได้เลย” เสียงซองบกมั่นใจ

“ขนมปัง! ได้ยินแล้วใช่มั้ย? ทุกคนเราเหลือเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น เร่งมือด้วย”

“ครับ! เจอกันที่ลาน 4” ขนมปังตอบวิทยุ

“ฮัก! ไปช่วยขนมปัง หล้า! พาคนของเราเข้าคุมประตูด้านเหนือ”

“ลูกพี่!ไม่จับหัวโจกก่อนเหรอครับ? ผมหมั่นไส้มากแล้วครับ” หล้าสายตาขุ่นมากหันมาถาม

“ต้อนพวกมันขังไว้ในรั้วก่อน คิดบัญชีพวกมันทีหลัง”

“ได้ครับจัดให้!” หล้าโบกมือแล้ววิ่งนำลูกน้องไปด้านทิศเหนือ

“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! หลงซันพาลูกน้องเข้าตีด้านข้าง วิ่งลัดสนามลอดใต้ท้องเครื่องบินข้ามไปฝั่งบ้านกองบัญชาการ

“ปัง!ปัง!ปัง!ปัง! สมุนเจ้าสัวหน้าประตูยิงปะทะถอยร่นเข้าแอบหลังกำแพง

เจ็ทโด้หันมาหาแทน...

“มึงจะเอายังไงกับ Fc ลุงโทนี่ที่เหลือ” เขาเสียงห้วน

“พี่ก็รู้ว่าผมไม่ฆ่าคนบ้านเดียวกัน งานนี้ขอเป็นผู้ชม”

“คนกลุ่มนี้คงต้องตายทั้งหมดว่ะ! กูว่าพวกเขามีปัญหาด้านความคิดมาตลอด ความคิดน่ารังเกียจเช่นนี้ที่จูยอนอยากกำจัด กูพึ่งจะเข้าใจโจ่งแจ้งก็วันนี้นี่เอง” เขาถอนหายใจแล้วก้าวขึ้นรถยนต์

พอดี ผวาหน้าเสีย...

“คุณลุง!!!! เธอร้องเสียงสูงวิ่งตามไปนั่งคู่ด้านหน้า

“เอี๊ยด...ดด! บรื้น! เขากระชากรถยนต์ม้วนกลับไปอาคารสนามบิน

 “ใจเย็น ๆ นะลูก พวกเขาแค่คิดไม่เป็นและกลัว ไอ้พวกเจ้าสัวก็หลอกเก่งเล่ห์เหลี่ยมของมันชาวบ้านตามไม่ทันหรอก” พ่อของแทนเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในรถเตือนสติ

“พ่อเห็นสีหน้าพวกเขามั้ย? พวกเขาพร้อมจะเข้าทำร้ายเรา ผมเสียความรู้สึกมาก พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจและสำนึกบุญคุณเลย แม้แต่นิดเดียว” เขากัดฟันส่ายหน้า พอดีเอาสองมือลูบแขนของเจ็ทโด้ส่งสายตาขอร้อง...

“คุณลุงคะ!อย่ารีบตัดสินใจสิคะ พี่แทน!ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ? เดี๋ยวคุณลุงก็ฆ่าทิ้งหมดหรอก โดนจรวดไปเมื่อกี๊เราเหลือคนไม่มากแล้วนะ” เธอหน้าเสียหันมองหน้าทีละคน แทนส่ายหน้าไม่ตอบ

“คนทุกคนต่างก็มีชะตากรรม เราเสียสละกันขนาดนี้พวกเขายังมองไม่เห็นซ้ำร้ายยังช่วยกันเล่นงานเราอีก คงสิ้นสุดชะตากรรมแค่นี้ หมาขี้เรื้อนโยนเศษขนมปังให้กินครั้งเดียวมันยังไม่แว้งกัด นี่!เราช่วยชีวิตของพวกเขาไว้แท้ ๆ เลว! กว่าหมาขี้เรื้อนอีก” เจ็ทโด้พึมพำแล้วส่ายหน้า แทนขยับเข้าไปช่วยเธอลูบแขนเจ็ทโด้...

“พี่! พวกเขาพึ่งฟื้นกลับมาคงสับสนในข้อมูล ให้โอกาสอีกครั้งได้ไหมพี่?” เขาเสียงอ่อยด้วยความใจดี

“คุณลุงคะ! หายใจลึก ๆ นะคะ ใจเย็น ๆ กินน้ำก่อน” พอดีส่งน้ำให้ ใบหน้าของเธอบวมปากเลือดออก แต่ใจของเธอคงยังเป็นห่วงพี่น้องที่หักหลัง

“พวกเราเกิดในยุคที่เงินเป็นตัวกำหนดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ มันเป็นการตั้งสมการที่ผิดเลยทำให้จิตใจของคนโลภโดยไม่รู้สึกตัว รัฐกับนายทุนจับมือกันสร้างสังคมแบบนี้ขึ้นมาเพื่อความมั่งคั่งของตน มองคนในชาติเป็นเหยื่อ คนที่นี่ทำงานทั้งชีวิตก็ไม่มีทางพ้นเส้นความยากจน ที่นี่มันเป็นเพียงแหล่งทำเงินให้พวกมันเสวยสุข” เขาถอนหายใจอีกครั้ง

“พี่ไม่เคยเป็นคนแบบนี้นี่นา ทำไมเปลี่ยนไปมากเลยล่ะ?” แทนมองอย่างสงสัย

“มันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ ทุนนิยมเปิดโอกาสพร้อมกับปิดโอกาสไปทีเดียวกัน คนที่อ่อนแอก็แพ้ไป” ผู้อาวุโสเห็นต่าง

“พ่อเป็นตัวแทนของคนยุคเก่า อาจจะดิ้นรนจนเคยชินไม่เห็นว่ามันแปลก ผมอาจจะทันสมัยขึ้นมาหน่อยก็เห็นคล้อยเหมือนกับพ่อว่าไม่แปลกการศึกษาสมัยก่อนมันเน้นท่องจำ รุ่นของแทนเริ่มเห็นค้านในบางอย่าง รุ่นพอดีเริ่มเห็นแจ้ง รุ่นนางฟ้าต้องหลุดพ้นสิ ถ้าปล่อยไว้มันจะไม่เกิดการแข่งขัน คนรวยและเจ้าหน้าที่รัฐจะยึดที่ดินและทรัพยากรเป็นของพวกมันหมด เด็ก ๆ รุ่นหลังลำบากตายห่า”

“แต่มันก็เป็นพัฒนาการของสังคมนะ” พ่อยังคงแย้ง

“สังคมไม่เคยดีขึ้น พวกมันพัฒนาโอกาสและขยายอำนาจ นายพลของที่นี่มีมากกว่าผู้นำระดับเพชรของพวกขายตรงซะอีก ข้าราชการมีทรัพย์สินมหาศาลสวนทางกับเงินเดือน บางคนรวยกว่านักธุรกิจอีก”

 “เอ่อ!อันนี้จริงพ่อไม่เถียง เพื่อนของพ่อหลายคนสอบเข้ารับราชการไม่ใช่เพราะชอบ มันแค่ต้องการอำนาจและความมั่นคงใช้โอกาสนั้นกอบโกย”

“นั่นเป็นเพราะสังคมกำหนดให้เงินมีความหมายกว่าทุกสิ่ง ชาวบ้านเลยบูชาคนมีเงินไปด้วย ถ้าพ่อแม่ของน้องนางฟ้าเป็นคนจนเธอจะไม่มีแม้แต่โอกาสเรียนกวดวิชา โตขึ้นไปฝันไกลสุดคงไม่พ้นเข้าทำงานตามโรงงานผลิตอะไรสักอย่าง” เจ็ทโด้เครียด ซีเรียส จริงจัง...

“รุ่นหนูก็แบ่งชนชั้นแล้ว ลูกเศรษฐีขับรถชนคนตายเจ้าหน้าที่รัฐช่วยกันจนไม่ต้องลงโทษ แต่เด็กที่เรียกร้องขอโอกาส ๆ กลับได้ลูกปืนหรือต้องติดคุกและหลายคนต้องพิการและตายเพราะความอำมหิตของผู้ใหญ่” พอดีเครียดไปด้วยอีกคน

“แทน! มึงจะเชื่อพี่หรือไม่ก็ตาม คนทุกคนถ้าได้ทำงานในสิ่งที่ชอบ เขาจะทำมันอย่างดีที่สุด นักฟุตบอลทุกคนแม้ไม่ให้เงินพวกเขาก็ลงเตะเพราะเขาชอบและไม่ได้เล่นมันเพราะเงิน ความภูมิใจของคนมีเรื่องอื่นอีกมากมายที่ไม่ใช่เงิน มึงเสี่ยงตายไปช่วยจูยอนเพราะเงินหรือเปล่า?”

“............” แทนยิ้มแอบมองเขาอย่างชื่นชม

“เพราะที่นี่มันบูชาเงิน คนเลยคิดได้ไม่ไกลไปกว่านั้น”เขากดคันเร่งอีกครั้ง

รถยนต์เหลืองแล่นหลบหลีกซากศพเข้าเทียบอาคาร ทั้งกลุ่มกระโดดลงแล้วเดินตรงเข้าไป เจ็ทโด้หันมาถาม...

“พอดี! น้องนางฟ้าล่ะ?”

“หลับอยู่ค่ะ หนูกำลังจะไปเอาตัวมา ตื่นหรือยังไม่รู้ ร้องไห้ตายเลย” พอดีวิ่งหายไปด้านในอาคาร

“กูเข้าใจจูยอนมากขึ้นในเรื่องที่จะกำจัดความคิดแล้ว แต่กูยังใจไม่ดำพอที่จะฆ่าคนเป็นกลุ่มว่ะ” เจ็ทโด้หยุดยืนคุยกับแทนในระหว่างที่คอยพอดีไปรับน้อง

แทนอมยิ้มกรุ้มกริ่ม...

“ผมก็บอกแล้วว่าเมียของพี่สุดยอด พี่รู้มั้ยทำไมจูยอนถึงกล้า”

“ทำไม?”

“เพราะเธอสิ้นหวัง”

“ใช่! เพราะการโดนกดขี่เป็นเวลานานทำให้คนสิ้นหวัง ทางเดียวที่จะมีหวังก็ต้องทำลายต้นเหตุที่ทำให้สิ้นหวังให้หมดไป เธอถึงแลกมันด้วยชีวิตเพราะถ้าตายก็มีค่าเท่าเดิม ถ้าชนะก็เท่ากับปลดแอก”

พอดี กลับมาพร้อมอุ้มเด็กน้อยมาด้วย ทั้ง 4 คนพากันเดินลงชั้นใต้ดิน เจ็ทโด้หันไปมองน้องแล้วกระซิบแทน

“นี่อีกคนที่น่ากลัว”

“อือ! ผมเห็นด้วย” แทนพยักหน้าแล้วหันไปยิ้มกับพอดี...

“ล้น!ทำไมน้องไม่พูดสักคำ?” เขายิ้มมองใบหน้าหลับใหลของน้องนางฟ้า

“นั่นน่ะสิ!” เธอเออออด้วยความสงสัย

“คงกลัวมั้ง? คิดถึงแม่ก็ไม่กล้าร้อง ถามก็ไม่กล้า เธอน่ากลัวเด็กกลัวเธอกินตับ” แทนเย้าน้อง

“แต่น้องก็หัวเราะกับหนูนะ ใช้ทำอะไรก็ทำ ฟังรู้เรื่องนะคะ”

“ก็กลัวไง! ทำก็เพราะกลัวเธอน่ะแหละ”

“พี่แทนชอบอำ หนูไม่น่ากลัวสักหน่อย” เธอหนีไปเกาะแขนเจ็ทโด้

เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังก้องกังวานภายในอาคารสนามบิน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เสียงแห่งการขัดแย้งแย่งชิงยิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อความตายเดินมาปรากฏต่อหน้าความกล้าก็หดหาย ไม่ว่าใครก็จะเห็นแก่ตัวทุกคน...

“เฮ้ย! มึงจะพาแต่พม่าหนีไม่ได้นะ พวกกูต้องไปด้วย” ชายหนุ่มชี้หน้าต่อว่าเจ้าขนมปังที่ยืนบนโต๊ะให้สัญญาณกลุ่มชนเผ่าเดินออก

“ขอฉันไปด้วยนะ ฉันเกลียดพวกมัน ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” คุณน้าเข้าดึงแขนคนชนเผ่า

ทันใดนั้น...

“หลีกทางสิ! คุณป้าแก้มตอบ ทรงผมสุดฮิปเหมือนปีศาจ เมดูซ่า ท่าทางเอาแต่ใจตัวเองเดินหน้าหงิกแหวกผู้คนเข้ามา

“..........” ทุกสายตาหันมอง

“ฉันเป็นหมอ! เราไปอยู่กับเจ้าสัวดีกว่าอยู่ใกล้เจ้านายปลอดภัยเราต้องเชื่อผู้ใหญ่ พวกนายห้ามทำอะไรโดยพละการ ที่นี่เป็นแผ่นดินของฉัน” เธอชี้หน้าเจ้าปัง

“ยังไม่เข็ดอีกเหรอป้า พวกเขาโกหกและใส่ร้ายคนอื่นนะ”

“เราอยู่กันเองก็ได้นี่นา ทำไมต้องหาคนมาขี่คอด้วยล่ะ พวกเรายืนด้วยลำแข้งของตนเองดีกว่าเอาชีวิตไปฝากไว้กับคนอื่นสิ” ชาวบ้านช่วยกันออกความเห็น

ป้าแก่แก้มตอบหัวยุ่งขัดใจ ชี้หน้าเจ้าปัง...

“ไอ้พวกนี้เป็นเพียงคนที่ผ่านมาจะจริงใจกับเราเท่ากับกลุ่มเจ้านายเหรอ?  เชื่อฉันสิ! ฉันเป็นหมอทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมาตั้งเท่าไหร่แล้ว เชื่อกันหน่อย!ยายป้าเมดูซ่าตวาดลั่นด้วยชุดคำพูดสูตรสำเร็จของเจ้าหน้าที่รัฐ

เสียงเอ็ดตะโรโวยวายของชาว Kala เพิ่มความลำบากให้ทีมของขนมปัง ความกลัวจะค่อย ๆ กลายเป็นความเห็นแก่ตัวและปกป้องตนเอง ชาวชนเผ่าเริ่มอึดอัดใจที่โดนดึงทึ้งไว้ เจ็ทโด้ขยับโทรโข่งในมือเดินก้าวนำทุกคนแล้วปีนขึ้นบนโต๊ะ

“ชาว Kala มาคุยกันหน่อย เป็นการคุยกันดี ๆ ครั้งสุดท้าย ผมจะถือว่าผมได้บอกความจริงไปหมดแล้ว แต่ถ้าใครไม่เชื่อก็เชิญออกไปไกล ๆ” เสียงเฮี้ยบเฉียบขาดชี้นิ้วไปที่ประตู

“.............”เสียงตื่นกลัวบนลานชั้นใต้ดินกลับเงียบกริบลง มีเสียงผู้ชายแหบแห้งเล็ดลอดออกมาเบา ๆ

“อีหมอผี! เขาไล่แล้ว มึงไปหาเจ้าสัวสิ! ไปเลย ชิ่ว ๆ”

“เก่งแต่ปากนี่หว่า! เห่าหอนแทนคนอื่นมาตลอดนะมึง มึงแน่จริง มึงด่าคนนี้สิ!” ชาวบ้านรุมจิกกัด หมอเมดูซ่ากัดริมฝีปากเครียดแค้น

เจ็ทโด้ประกาศเสียงดัง...

“ทหารจีนกำลังจะถึงในอีกไม่ช้า ทางออกของท่านมีแค่ 3 ทางเลือก 1.หนี 2. ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าสัว 3.สู้กับมัน”

“หนีดีกว่า! แก๊งโจ๋หน้าลายถอดเสื้อโชว์รอยสักเต็มตัว พูดแบบไม่เกรงใจวิชาของอาจารย์บนหน้าอกและแผ่นหลังเลย

“โด่! ลูกปืนนะเพ่! ไม่ใช่ลูกอมจะได้ขอสัก 2 เม็ด”

“อยู่ให้โง่เหรอใครไม่หนีกูหนี ลูกพี่สั่ง” แก๊งโจ๋ท่าทางน่ากลัว สรุปยอมแพ้ได้ไวกว่ากลุ่มอื่น

เด็กสาววัยใสผมทองในชุดนักเรียนมัธยมตะโกนสวนขึ้นมา...

“สู้สิวะ! ถึงเวลาที่ต้องสู้แล้ว”

“มึงอยากสู้ก็สู้ไปสิ! กูมีธุระ”

“อีโด่! ป๊อดอย่างนี้จะสักยันต์ทำไม ถ้ามึงสักโดเรม่อนหรือปิกาจู้ กูเข้าใจ!เธอโวยลั่นเด็ดขาดสมวัย ไม่เกรงใจรอยสักและใบหน้าสุดโหดของกลุ่มจอมขมังเวทย์แม้แต่น้อย

หมอเมดูซ่าขยับ...

“ไปอยู่กับเจ้าสัวดีกว่า อยู่กับพวกเจ้านายปลอดภัยสุด พวกนี้มันเป็นคนพาทหารจีนเข้ามา ลุงโทนี่ก็บอกแล้วว่าทหารจีนต้องการตัวของพวกมัน” เธอยังคงเชิญชวนคนให้ไปเข้าสังกัดกับเจ้าสัว แต่กระแสเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย...

“มันบอกเจรจากับจีนได้แล้วเป็นไงล่ะ? คนที่ยืนข้างกูหัวหายไปกับตา กูไม่เอากับมันแล้ว”

“ตอนนี้พวกมันไปไหนล่ะ?”

“โน่น! มุดหัวอยู่แต่ในบ้าน กูไม่เคยเห็นมาช่วยงานอะไรเลย”

คุณหมอเมดูซ่าโบกมือ...

“พวกเขามีวิธีเจรจา ฉันเชื่อมือของพวกเขา คนต้องคุยกันได้ไม่ใช่หมาแมวเจอหน้าก็กัดกัน ฉันเป็นหมอต้องให้บอกสักกี่ครั้ง ฮึ?”เธอผลักดันความเชื่อของตน

“ใช่! ผมเชื่อเหมือนคุณ คนเก่งต้องดูที่อาวุโสและประสบการณ์ ไอ้พวกนี้ยังเด็กเกินไป” แล้วก็สำเร็จมีคนเชื่อเมดูซ่าแล้ว

“ผมไปด้วย!” เสียงในกลุ่มเริ่มแตก

ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ การตัดสินใจเอาตัวรอดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและท้ายที่สุดของสัญชาติญาณก็คงไม่พ้นการตัดสินใจตามกัน

“กูอยู่ฝั่งนี้ชัวร์กว่าได้เห็นฝีมือกันแล้ว” พวกเขายังคงถกเถียง ในขณะที่ชาวชนเผ่าชาติพันธุ์เดินกลับขึ้นลานไปอย่างเงียบ ๆ

เจ็ทโด้ พูดต่อ...

“ฟังก่อน! ฟังก่อน...ถ้าหนีตอนนี้ คุณต้องไปให้ไกลเพราะเวลาเหลือแค่ 2 ชั่วโมง คุณไม่มีวันหนีเครื่องบินรบได้ทัน คาดว่าทหารอีก 2 กองพันจะเดินเท้ากวาดล้างพวกคุณ ไม่ว่าคุณจะหนีไปที่ไหนก็ไม่ทางรอด สำหรับคนที่คิดจะหนี ไปก่อนเลย ไป!” เขาตวาดไล่ส่งชี้ไปที่ประตู

“...........” คนประมาณ 50,000 ไม่มีใครขยับตัว เขากวาดสายตาไปทั่วห้องแล้วหยุดมองไปที่กลุ่มโจ๋วัยห้าว ทั้ง 4 ก้มหน้าหลบสายตา

“และถ้าคุณจะไปอยู่กับเจ้าสัวก็ให้รีบไปตอนนี้ ไป! เชิญออกไปได้เลย” เขาไล่อีกครั้งแล้วมองไปหาคุณหมอเมดูซ่าที่ยกมือขึ้นมา...

“หยาบคาย! นายพูดให้เกียรติผู้ใหญ่ด้วย นายอายุเท่าไหร่เรียนจบอะไรมาถึงจะมาสั่งสอนคนอื่น ฉันทำความดีมาตลอดชีวิต ลุงฉุน...ฉันก็เป็นเลือกมาเป็นนายกฯกับมือ”

“ผมเรียนจบ ม.6 โรงเรียนประจำอำเภอในชนบท อายุ 40 ปี เป็นทหารรับจ้างและรบมาแล้วเกือบทุกสมรภูมิ ทุกท่าน...ผมผ่าตัดไม่เป็นแต่ผมรู้ว่า GT-200 มันเป็นแค่ของเล่นเด็ก เจ้าของบริษัทที่อังกฤษโดนจับติดคุกไปแล้วทุกคนทั่วโลกรับรู้ว่ามันหลอกลวง แต่มีหมอที่ทำเป็นไม่รู้และซื้อมันมาในราคาแสนแพง”

……….” เมดูซ่ามุดหัวลงต่ำดำดินหายไปเลย

“แล้วลุงฉุนของเราอยู่ที่ไหน?” เสียง Fc ลุงฉุนถามขึ้น เจ็ทโด้หันมองหน้าน้องพอดี เธอโบ้ยปากยื่นปากยาว....

“หนูสันนิฐานว่า พวกเขาคงหลบในกองบัญชาการนั่นแหละ กลัวไม่เกรงใจยศเหมือนกัน”

“งั้น! เราขอไปช่วยลุงฉุนได้มั้ย?” Fc ผู้ซื่อสัตย์ไม่ทิ้งไอดอลของเขา เดินเข้ามารวมกลุ่มกับหมอเมดูซ่า

“ลุงฉุนเป็นนายทหาร ยังไงก็เก่งกว่าพวกนี้อยู่แล้ว ทหารรับจ้างก็ต้องทำตามคำสั่งนายพลอยู่ดี พวกนี้เป็นได้แค่ลิ่วล้อ อย่าห้าวให้มาก” ป้าเมดูซ่าได้ทีเกทับ พวกที่ยังซื่อสัตย์ดิ้นรนกลับไปหาเจ้านาย

เจ็ทโด้ชี้ไปที่ประตู...

“เราไม่มีอะไรต้องผูกพันกัน เชิญ! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย ไป!

“...........” แต่ก็ไม่มีคนขยับตัว

ชายวัย 30 เศษ ลูกครึ่งจีนยกมือ...

“เราขอรอฟังวิธีสุดท้ายก่อนได้มั้ย?” ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาลังเล คนมักเลือกทุกครั้งเมื่อมีโอกาสจะได้รับและไม่ยอมจำนนกับทางใดทางหนึ่ง แต่ถ้ากลัวสุดขีดจะยอมจำนนอย่างไม่มีข้อแม้ แม้ทางนั้นจะเป็นทางตันก็ตาม

“ได้สิ! ทางเลือกสุดท้าย สู้เพื่อชนะ! เสียงเจ็ทโด้คำรามลั่น

ทันใดนั้นเสียงยืดยานกวนโอ๊ยของกลุ่มโจ๋ดังออกจากมุมห้อง...

“อีโด่! จะเอาอะไรไปสู้” โจ๋ยกไหล่เอียงคอ ตะโกนมา

“หัวใจไงล่ะไอ้น้องชาย! เขาทุบหน้าอกตะโกนโต้กลับ

“แค่นายคิดจะสู้นายก็ชนะแล้ว การสู้ครั้งนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการรักษาเผ่าพันธุ์ของชนชาติ พวกเราจะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ให้คนที่เกิดหลังจากนี้อีก 100 หรือ 1,000 ปีได้จดจำเยี่ยงวีรบุรุษ วีรสตรี ทุกคนที่รอดจากการรบครั้งสุดท้ายจะเป็นบรรพบุรุษรุ่นแรกของชนชาติ โอกาสที่จะได้ทำเพื่อสิ่งที่ถูกต้องอยู่ในมือทุกคนแล้ว มันจะเป็นการตัดสินใจที่จะบอกว่า ตัวตนที่แท้ที่จริงของเราเป็นคนอย่างไร?” เขาอัดเสียงทรงพลังก้องเข้าไปในหัวใจของมวลชน 

“หือ!! มวลชนขยับตัว สายตาของทุกคนเปลี่ยนไป

“ในยามปรกติเราอาจจะเคยเป็นตาขาว เราอาจจะขี้แพ้ เราอาจจะขี้อายและทำสิ่งผิดพลาดมามากมาย แต่เราก็เป็นคน คนที่มีชาติเป็นของตนเอง เป็นเจ้าของภาษาและวัฒนธรรมประเพณีที่งดงาม เราจะสู้เพื่อสิ่งนั้น สู้หรือไม่สู้!

“สู้! เสียงผู้หญิงเล็ดลอดออกมาเบาแทบละลาย หัวใจนักสู้ที่ยิ่งใหญ่มักจะซ่อนอยู่ในตัวผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ยิ่งบนตัวสักลายมากเท่ากับยิ่งตาขาวมาก ไม่เชื่อใจตัวเองต้องไปพึ่งพาความเชื่อจากสิ่งอื่น

“สถานการณ์สร้างวีรบุรุษคือวิถีของนักสู้ วีรบุรุษสร้างสถานการณ์มันเป็นวิธีการฉกฉวยของนักการเมือง เราไม่ได้สู้เพื่อพวกมัน เราสู้เพื่อตัวเอง สู้หรือไม่สู้!

“สู้!!!” เสียงดังขึ้นมาหน่อย แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นต่อสู้

“อะแอ้ม! เขากระแอมแล้วพูดโทนเสียงเบาลง...

“สำหรับผมแล้ว การหนีเอาตัวรอดไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่เดินจากไปและไม่ต้องสนใจว่าต่อไปใครจะตายและชาติจะเหลืออะไร แต่ถ้าทุกคนมั่นใจว่า กลุ่มเจ้าสัวจะปกป้องท่านได้ ผมจะวางมือและเราจะแยกย้ายกันเดี๋ยวนี้เลย” เขาถอนหายใจแรง

“ฮือฮา...” มวลชนเริ่มหันมองหน้ากัน

 “ผมให้โอกาสตัดสินใจครั้งสุดท้าย เรามาพูดความจริงอีกครั้ง อย่างไรทุกท่านก็ต้องตาย เลือกเอาว่าจะตายอย่างหมาข้างถนนที่กลัวลนลานหนีจากบ้านตนเอง หรือจะสู้กับมันอย่างราชสีห์ที่ปกป้องอาณาจักรของตนเอง”

“ฮือ!

“ถ้าเราหนี บ้านเมืองที่คุ้นเคยนี้จะถูกทำลายลงไป วัฒนธรรมจะสูญสิ้น ทรัพยากรที่มีนอกจากจะไม่ได้ใช้แล้ว ยังไม่ได้กลับมาเห็นมันอีก ที่ร้ายไปกว่านั้น เราจะเจ็บปวดใจทุกครั้งที่คิดและฝันถึง Kala Democracy ในวันนั้นเราจะโทษตัวเองว่า ทำไมมีโอกาสสู้แล้ว แต่เราไม่สู้กับมัน

“ฮือ!!!

“คนที่หนีรอดจะบอกกับลูกหลานของคุณอย่างไร? พ่อแม่เป็นคนเก่ง รอดได้เพราะซ่อนตัวในท่อน้ำเช่นนั้นหรือ? เราจะส่งมอบความอดสูนี้ไปตามสายเลือด ประทับตราไอ้ขี้แพ้ให้กับชนชาติอย่างนั้นหรือ?”

“หนูสู้! " เด็กสาวในชุดมัธยมหัวทองผมเปีย แหวกผู้คนเดินเข้ามาแหงนหน้ากำหมัดแน่น ตะโกนใส่...

"พาหนูไปด้วยนะคะลุง! สองมือน้อย ๆ นั้นสร้างความหวังที่ยิ่งใหญ่ ยังเด็กอยู่แท้ ๆ จิตใจยิ่งใหญ่มาก

เจ็ทโด้ยิ้มมุมปาก...

“ยินดีต้อนรับผู้กล้าหาญคนแรก มีอีกมั้ยคนที่จะเป็นตำนาน ก้าวออกมา เฮ้ยโจ๋! ว่าไงสู้มั้ย?” เขาพยักหน้าไปที่กลุ่มโจ๋วัยห้าว 4 คน

“โด่! ใจเด่ะ พี่พูดขนาดนั้นผมเอาด้วยตั้งนานแล้ว จีนจะสักเท่าไหร่กันวะมันมีแค่ 2,000 คน พวกเราตั้งหลายหมื่น ไฝว้กับมันสักตั้ง! เจ้าอ้วนหันไปยักไหล่ใส่ เพื่อนตัวผอมสูงลุกเต้นทันที...

“สัส! เดี๋ยวแม่งเจอหนุมานของกู”

“ของกูมีเสือเผ่น” เจ้าอ้วนหันไปเกทับ เจ้าตัวเล็กท่าทางแสบสุด ลุกเต้นควบม้า

“กูมีม้านิลมังกร ฮี๊กั่บ ๆๆ” ท่าทางเขามั่นใจกว่าใคร เจ้าอ้วนเสือเผ่นหันมามอง

“ม้ามึงไปสักมาเมื่อไหร่วะ?”

“คราวก่อนกูวิ่งตามเสือของมึงไม่ทัน คราวนี้มึงตามม้ากูให้ทันก็แล้วกัน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!

หนุ่มโจ๋ตัวลายถักผมทรงเดดร็อค ท่าทางจะเป็นลูกพี่ใหญ่เอียงคอโยกตัว...

“เจ็ทเข้! ผมอยากเป็นตำนานว่ะพี่! ผมจะเก็บเรื่องราวนี้ไว้เล่าให้พวกลูกหลานฟัง ที่ผ่านมาผมไม่เคยทำเรื่องดี ๆ ที่อวดใครได้เลย ไม่เคยตั้งใจเรียน ยกพวกตีกัน คราวนี้ผมจะเป็นต้นตระกูลให้คนรุ่นต่อไปของผม ภาคภูมิใจบ้าง ผมเอาด้วย!”

“นายชื่ออะไร?” เจ็ทโด้ยิ้มมุมปากยกนิ้วโป้งให้

“แจ๊สครับ”

“แจ๊ส! นายชนะแล้ว นายจะได้เป็นตำนานอย่างที่ตั้งใจ ตระกูลของนายจะได้รับการจดจำ”

ฝูงชนเริ่มขยับตัว...

“ผมไปด้วย! ฉันไปด้วย! เราจะสู้! ใจเติมใจไฟแห่งการหวงแหนลนหัวใจทุกดวงร้อนระอุพร้อมระเบิด

"เบา ๆ ก่อนคะ เงียบ ๆ ก่อน" พอดี! ตะปีนขึ้นไปยืนข้างเจ็ทโด้ แต่ไม่มีคนสนใจ
           "ทุกคนคะ ฟังหนูหน่อย!" เธอเรียกอีกครั้งก็ยังเฉย ยายล้นดึงปืนออกจากเอว...

“ฟุ่บ! เพล้ง!หลอดไฟกระจาย

“ว้าย!!! มันบุกอีกแล้ว ” ทุกสายตาหันกลับมามอง

“ทุกคนคะ!ตามหนูมา พวกเราไปคลังอาวุธกัน เราจะถล่มทหารจีนด้วยกัน” สาวน้อยสุดเท่ห์ แบกน้องไว้บนหลังกระโดดลงอย่างคล่องแคล่ว

ทันใดนั้น....

“แง้! น้องนางฟ้าร้องลั่น

“โอ๋! โอ๋! ยายล้นต้องหยุดนั่งตบตูดเด็กกล่อมให้หยุดร้อง เสือกยิงปืนให้เด็กตกใจ เจ็ทโด้ส่ายหัวอมยิ้มอย่างเอ็นดู
         
สงครามครั้งสุดท้ายเพื่อปกป้องแผ่นดินเกิด ไม่ต้องถามหาเหตุผลที่จะต้องสู้ การโดนบังคับให้สู้ยังมีศักดิ์ศรีเหนือกว่าโดนบังคับให้หนี สำหรับผู้รอดชีวิตนี่คือโอกาสครั้งสำคัญที่จะได้พิสูจน์ตัวตนที่แท้จริง พวกเขาพร้อมแล้วที่จะโต้ตอบผู้รุกรานอย่างสาสม

 

                                          …………………………………………

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม