หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 1 ก.ค. 2567 |
กองบินรบจีน
น่านฟ้าประเทศลาวยามค่ำคืน...
ฝูง C130 กองบินลำเลียงบรรทุกทหาร 2 กองพัน บินเหนือฟ้าฝ่าความมืดเรียงหน้ากระดานเรียง 24 ลำ เครื่องบินรบของ ผบ.ทหารอากาศป้องกันแถวที่ 2 และ ผบ.ทหารเรืออยู่แถว 3 เขานั่งยิ้มอ่อนฝันถึงตำแหน่งผบ.พิเศษที่เป็นความปรารถนาสูงสุดของอาชีพ ฝูงบินผ่านเมืองฉงชิ่งลงมาทางทิศใต้กำลังเข้าสู่เขตสิบสองปันนามุ่งหน้าเข้าประเทศลาว
“อี้เฉิง! คุณรู้หรือเปล่า ทำไมพวกนั้นถึงเป็นผีดิบ?” ผบ.เรือเรียกไปที่เครื่องบนรบลำข้างหน้า
“โอ้ย! ทั่วโลกก็ไม่มีใครรู้เรื่องพวกนี้เลย” เด็กรุ่นน้องตอบนอบน้อม
“นักบิน Z9 ถล่มมหานครเรียบร้อยแล้วมั้ง? เงียบไปเลย”
“ทำไมรุ่นพี่ไม่ลองเจรจากับพวกมันก่อนล่ะครับ เห็นนักบินบอกว่า มันเป็นเพื่อนกับอดีตประธานาธิบดี”
“เสียเวลา! เราไม่ได้มาเพื่อเจรจา เรามาเพื่อกวาดล้าง”
“แต่ถ้าเราได้คุยกับคนที่รอด เราก็จะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะครับ เรื่องกวาดล้างค่อยจัดการหลังเจรจาก็ได้นี่ครับ”
เสียงวิทยุเรียกเข้ามา...
“ท่าน ผบ.ทหารเรือ เครื่องของเราติดต่อไม่ได้ครับ” นักบินรบคุมปีกด้านซ้ายรายงาน
“เกิดอะไรขึ้น?” อี้เฉิงถามกลับ
“ถ้าเป็นแบบนี้ สันนิฐานว่าจะเกิดจากเหตุการณ์ฉับพลัน นักบินไม่ทันตั้งตัวครับ เขาแค่ได้รายงานเรื่องมีผู้ติดต่อมาแล้วขออนุญาตโจมตี จากนั้นก็ดับไปเลยครับ”
“เอายังไงดีครับ รุ่นพี่!”
ผบ.ทหารเรือหยิบวิทยุ...
“นักบินรบทั้งสองลำไม่ต้องป้องกันกองบินแล้ว ผมจะปกป้องแทนคุณเอง พวกคุณเข้าถล่มอ Kala city เลย ปูพรมให้พวกเราลงจอดด้วย”
“เอี๊ย!” นักบินทั้งสองฝั่งโฉบออกจากแถว
แสงไฟจากท้ายเครื่องกะพริบกลมกลืนกับดวงดาวพร่างพราวฟ้ายามค่ำคืน เครื่องบินรบบินเต็มกำลังฝ่าความมืดมุ่งเข้ามหานคร
“คุณไม่อยากเป็น ผบ.พิเศษหรอกหรือดูเหมือนไม่อยากมา” ผบ.ทหารเรือคุยกับรุ่นน้องของตนเอง
“รุ่นพี่! ผมยังไม่เข้าใจ รุ่นพี่ทำอย่างนี้ทำไม ผมไม่เคยคิดอยากแข่งกับรุ่นพี่เพื่อตำแหน่งสูงกว่า”
“ก็มอบโอกาสให้คุณไงล่ะ อีกอย่างผมว่าการมาทำภารกิจกวาดล้างคนไม่มีทางสู้ มันจะยากตรงไหน?”
“ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!” สัญญาณเตือนล็อคเป้าดังห่าง ๆ
อี้เฉิงร้องลั่น....
“รุ่นพี่! ล็อคเป้าผมทำไม ไม่เล่นอย่างนี้นะครับ”
“ขอโทษที มือไปโดน คุณต้องเต็มที่กับการแข่งขันนะ”
“ถ้าอย่างนั้น ผมไม่เกรงใจนะครับ ผมจะสู้เต็มที่” อี้เฉิงคึกคัก
“ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!” สัญญาณเตือนห่าง ๆ
“รุ่นพี่! ล็อคเป้าผมอีกแล้ว”
“รอเดี๋ยวนะ มือไปโดนปุ่มมัน”
“ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!” สัญญาณเตือนห่าง ๆ
“คุณเข้าใจคำสั่งของท่านประธานาธิบดีรึเปล่า ที่เขาบอกว่าจะแต่งตั้งคนที่กลับไปได้”
“เข้าใจสิครับ! ก็ถ้าใครชนะก็ได้เป็นผบ.พิเศษ”
“ตื๊ด!ตื๊ด!ตื๊ด!ตื๊ด!” สัญญาณเตือนร้องต่อเนื่อง
“รุ่นพี่! ผมบินหลบแล้ว ยังจะตามมาทำไม?”เขาร้องถามที่เห็นว่าเครื่องบินด้านหลังตามจี้ตูด
“มาตอบคำถามให้คุณไงล่ะ คนที่รอดมันต้องมีคนเดียว ซึ่งมันก็คือ ผมเอง”
“ตื๊ด!ตื๊ด!ตื๊ด!ตื๊ด!” สัญญาณเตือนถี่
“หมายความว่ายังไง?” อี้เฉิงสะดุดใจ แต่สายเกินกว่าจะไหวตัว
“ไอ้ลูกหมา!” จรวดพุ่งชนด้านหลัง
“บรื้ม!!” เฉิงตู J-31 หมุนคว้างควันดำลงสู่พื้น
“เกิดอะไรขึ้นครับ ท่านผบ?.” วิทยุนักบินเรียกมา
“ผมเห็นควันมันออกจากเครื่องยนต์ แล้วก็ระเบิดเลย”
“เราจะเอายังไงต่อ กลับไปทำศพหรือเดินหน้าต่อ ครับท่าน”
“เดินหน้าต่อ ผบ.ทหารอากาศได้ทำหน้าที่อย่างสมเกียรติแล้ว”
อำนาจ วาสนาไม่ได้ลอยลงมาสวมหัวใครง่าย ๆ ถ้าอยากได้ ก็เดินอย่างองอาจไปคว้ามา ใครขวางกำจัดออกไปจะใช้เวลาน้อยกว่ารอคอยอำนาจวาสนาลงมาสวมหัว
...................................................................
Kala city
สนามบิน ยามดึกสงัด...
สายลมยามราตรีเย็นชื่นใจก็ไม่สามารถดับไฟร้อนแห่งความกลัว ชาวบ้านนั่งรวมตัวรอทางรอดที่พวกเขาตัดสินใจเลือก กลุ่มของเจ็ทโด้เดินคุยกันไปบนลานทางด้านใต้เข้าหากลุ่มใหญ่
"ดึ๋งดึ๋ง!" พอดีกระโดดกระเด้งยิ้มชวนคุย...
“คุณลุงชิคมาก รักคุณลุงจังเลย ทีแรกหนูคิดว่าคุณลุงจะฆาตกรรมหมู่พวกนั้นซะแล้ว ใจคอไม่ดีเลย!” เธอเดินวนรอบตัวเจ็ทโด้แล้วยิ้มมองอย่างชื่นชม
“บางครั้งการตัดสินใจมันก็ยากทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย พอคิดว่าตัวเองต้องตายก็ขาดสติและหาวิธีการกำจัดความกลัวไม่ได้ เธอยังกลัวอยู่มั้ย?”
“หนูทำเพื่อคนอื่นทำเพื่อส่วนรวม พอไม่มีส่วนได้ส่วนเสียแล้วใจมันกลวงค่ะ พอได้มาเจอพี่แทนกับคุณลุงที่มีความคิดเหมือนกัน หนูยิ่งไม่กลัวอะไรอีกเลยและเชื่อมั่นว่าสิ่งที่หนูทำลงไปมันถูกต้อง”
“รู้มั้ยเพราะอะไร ความกลัวของเธอถึงหายไป?”
“ไม่รู้ค่ะ! รู้สึกสบายใจตายก็ยังไม่กลัวเลย มันเป็นเพราะอะไรคะ?”
“ความเชื่อใจ! ถ้าเราเชื่อใจตนเองหรือใครสักคน เราจะหายสงสัยและไม่กลัว”
“อ๋อ!จริงเลยค่ะหนูเชื่อใจคุณลุงและพวกพี่ ๆ ทุกคน หนูเชื่อว่าในเวลาที่เลวร้ายที่สุด ดอกไม้ยังคงสวยงาม เสียงเพลงยังคงเพราะเสมอ ทุกปัญหาต้องมีทางออก”
“บอกเหตุผลมาหน่อยสิว่า ทำไมเธอถึงเข้าไปอยู่ในการต่อสู้เรียกร้อง เด็กสาวส่วนใหญ่ไม่มีใครจะคิดไกลมากไปกว่าเรื่องของแฟน ”
“หนูเห็นความไม่ถูกต้องหลายอย่างที่รัฐกระทำ มันแก้กฎหมายกอบโกยทรัพย์สินของส่วนรวมไปให้คนกลุ่มเดิม ๆ ทุกครั้งที่บ้านเมืองวุ่นวายจะมีคนกลุ่มนี้เป็นคู่ขัดแย้งทุกครั้ง”
“ถึงสู้ไม่ได้ก็ยังจะสู้ หัวใจของเธอกว้างกว่ามหาสมุทรอีก ผมเป็นผู้ชายยังไม่เคยคิดจะเข้าไปร่วมกับม็อบเลย มีอย่างอื่นอีกมั้ยที่ผลักให้เธอก้าวขาออกไป”
“คุณลุงหมายถึงมีคนอยู่เบื้องหลังของหนูเหรอคะ?”
“ผมไม่รู้หรอก ผมถามถึงแรงผลัก มันอาจจะเป็นคนหรือเป็นแรงบันดาลใจก็ได้ที่ทำให้คนตัดสินใจที่จะแตกต่าง ซึ่งอาจจะถึงตายก็ได้”
“คุณลุงคะ หนูชอบประวัติศาสตร์ยังจำสิ่งที่หนูพูดเรื่องระลึกชาติได้ใช่มั้ยคะ?”
“อื้อ! แต่ว่ามันมีจริงเหรอ?”
“มันเป็นจินตนาการค่ะ แต่มันก็สร้างภาพนิมิตได้นะคะ”
“แล้วมันเกี่ยวกับที่เธอไปประท้วงให้เขายิงยังไง?”
“หนูชอบคำตอบของพี่แจ๊สนะคะ การมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในหน้าของของประวัติศาสตร์ หนูพลาดไม่ได้หรอก จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสอยู่ในขบวนการเปลี่ยนแปลง หนูจะเก็บเรื่องราวเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นในความต่ำทรามของจิตใจคน หนูชื่นชมคนที่เสียสละมากกว่าคนที่พูดในทีวี”
“เธอแค้นพวกเขาหรือเปล่า?” เจ็ทโด้หยุดมองเข้าไปในดวงตาของน้อง
“พวกเราโดนเหยียดหยามมาตลอดทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อนของหนูและรุ่นพี่หลายคนตายในคุก หนูคงไม่ชื่นชมกับความเจ็บปวดหรอกค่ะ หนูไม่ใช่มาโซคิสต์นะคะ” พอดีฉลาดเลี่ยงตอบไม่ตรงคำถาม แต่มันก็บอกชัดว่าเธอไม่ได้ปฎิเสธ
แทนขมวดคิ้วยื่นหน้าเข้ามาถามเจ็ทโด้...
“พี่คิดอะไร จู่ ๆ ก็ไปกระตุ้นให้พวกเขาสู้ซะงั้น!”
“แค่ปลุกสำนึกความเป็นนักสู้ของคน ถึงจะขี้ขลาดตาขาวแต่ทุกคนก็รู้สึกหวงแหนแผ่นดินเกิด ถ้าคนกลุ่มนี้เป็นอะไรไปก็สิ้นเชื้อชาติ ต่อไปใครจะอยู่เป็นเพื่อนกับพอดีล่ะ!” เจ็ทโด้หันยิ้มกับน้อง
“คุณลุงน่ารักมากเลย หนูรักคุณลุงที่สุดเลย” ยายล้นอ้อนกอดแขนไม่ปล่อย
“แต่เชื่อกูเถอะ! มันต้องมีคนถึงฆาต วันนี้จะมีคนเดินไปตายเอง ตายเพราะไม่เชื่อใจตัวเอง ตายเพราะฝากชีวิตไว้กับคนอื่น คนพวกนี้มีชีวิตโดยยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ” เขาชะเง้อคอมองศพบนลาน แล้วชี้ทุกคนดู…
“นั่นคือผลของการหลับหูหลับตาเชื่อผู้นำ พอดี! จำไว้นะ เวลาดูคนยิ้มอย่าละสายตา ตอนที่เขาหุบยิ้มเล่ห์ที่ซ่อนไว้มันจะฉายออกมาที่แววตาแวบนึง”
พอดีเริงร่าเหมือนอยู่ท่ามกลางญาติพี่น้อง ใบหน้ายิ้มสุขใจตลอดเวลา...
“ค่ะ!หนูจะจำไว้ พี่แทนนั่นแหละใจร้าย”เธอกอดเอวหมับ สายตารักล้นใจดั่งลูกสาวมองพ่อ แทนเอื้อมมือมาดึงหูน้อง...
“นี่แน่ะ! ยายล้น!”
“โอ๊ย! หนูล้อเล่น พี่แทนใจดีจะตาย...” เธอยังหัวเราะได้ทั้งที่ใบหน้าบวมช้ำวิ่งโผไปกอดเอวของแทน
“คุณลุงรู้ไหมคะเวลาที่คุณลุง พี่แทน พี่หล้า หัวหน้าหลง พี่ฮักเดินเรียงแถวกันมา ต๊าสมาก! เหมือนทหารอเมริกันเลย แต่ละคนก็ไม่รู้จะตัวสูงไปไหน เท่จุกอกอ่ะ!” พอดียิ้มปลื้มแล้ววิ่งล้ำหน้าไปทำท่ายืดอกเดินโยกสโลโมชั่น แทนหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปมองเครื่องแอร์บัสไกล ๆ ...
“กลุ่มชนเผ่าชาติพันธุ์กำลังขึ้นเครื่องแล้ว พ่อไปกับพวกนั้นก่อนดีกว่าเอาหลานไปด้วย อยู่ก็เป็นได้แค่ผู้ชม” แทนบอกผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ผันตัวไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยปริยาย
“เห่ย! อย่ามาโยนผ้าขาว ถึงไหนถึงกันสิวะ!” ท่านยิ้มตาใส
“คุณปู่! เซ็กซี่จังเลย”ยายล้นหมุนตัวมาคุย
“อีหนูนี่! พูดให้เสียวอยู่เรื่อย ปู่ยังสู้อยู่นะเว้ย” ท่านชูคอยืดอกอวดกล้าม
“อ๊ะอ๊ะ! หนูกลัวซะที่ไหนล่ะ คุณปู่สายฮาหนูชอบ นี่คุณปู่! หนูนะนับถือพี่แทนมาก ถ้าคุณปู่ยอมเป็นของหนู หนูก็จะได้เป็นแม่เลี้ยงของพี่แทน สนิทกันเข้าไปอีก เอาป่ะล่ะ?” เธอวิ่งกลับมายื่นหน้าล้อ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ยายล้น” ทุกคนหัวเราะครืน
แทนหัวร่อร่าจิ้มหัวน้อง...
“ยายล้น สายปลุก!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” กลุ่มผู้ใหญ่ระเบิดเสียงหัวเราะก้องลาน
ยายล้นหันมองล่อกแล่ก...
“พี่แทน!อีกแล้วนะ คุณลุงคะ! สายปลุกคืออะไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ได้แต่เสียงหัวเราะเป็นคำตอบ
“พี่แทน! สายปลุกหมายความว่ายังไง? คุณปู่นอนขี้เซาเหรอ?” ยายล้นสายตาสงสัยสุดขั้วเดินกางแขนเข้ามาขวางแล้วแหงนหน้ามอง
“สายปลุกก็ชอบปลุกไง จุ๊กกรู!จุ๊กกรู!” แทนดีดนิ้วก้มลงไปยิ้มสู้ตา
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ยิ่งผู้ใหญ่หัวเราะ ยายล้นยิ่งลนลาน
“จุ๊กกรู!อะไรวะ? พี่แทนบอกมาดีดีนะ หลายครั้งแล้วนะชอบอำหนู” สาวน้อยไม่เข้าใจความหมายและคงเข้าใจว่าแทนแกล้งเธออีกแน่ สะบัดหน้างอน เจ็ทโด้ซึ่งยิ้มค้างอยู่ในอาการเดียวกันหันมา...
“คุณปู่อยากตกปลาพักผ่อน ไม่เอาเธอไปเกะกะหรอก”
พ่อผวาวูบ...
“เฮ้ย! พ่อเอา! พ่อเอา! ไม่เกะกะหรอก แทน! เรียกแม่สิลูก”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” คุณปู่สายฮาเรียกเสียงหัวเราะได้อีก
พวกเขาเดินเข้าไปรวมกับกลุ่มคน เจ็ทโด้วิ่งไปกระโดดขึ้นไปยืนบนหลังคาของซากรถกระบะ หมุนมองไปที่คนกลุ่มใหญ่ดำพรืดในความสลัว ท่าทางของพวกเขามีกำลังใจมากขึ้น บางคนได้อาวุธปืน บางคนถือไม้
“คนตั้งหลายหมื่น มีอาวุธไม่ครบเลย” ชาวบ้านฝ่ายชายโวย
“จะส่งเราไปตายรึไง?”
เจ็ทโด้ยกมือปราม....
“จับคู่กันไว้ครับ คนที่ไม่มีอาวุธปืนจับคู่กับเพื่อน”
จู่ ๆ ...เสียงที่ไม่พึงปรารถนาก็โพล่งขึ้นมากลางวง...
“ผมขอไปช่วยเจ้าสัวได้มั้ยครับ ขอใช้สิทธิ์เลือกเอง”
“ฮือฮา!” เสียงในกลุ่มอื้ออึงอีกครั้ง
“แล้วมึงตามมาทำไม?”
“คิดช้าจังนะมึง”
เจ็ทโด้ขมวดคิ้วแล้วโบกมือ…
“ได้! คุณไปก่อนเลย”
“ยังไงเราก็เชื่อมือลุงโทนี่มากกว่าไปที่โน่นดีกว่า อยู่ที่นี่ไม่มีอาวุธให้เลย” กลุ่มคนนับพัน เดินจากไปด้วยความหวัง
เจ็ทโด้รอจนกลุ่มนั้นเดินไกลออกไป แล้วพูดต่อกับคนที่เหลืออยู่อีกมาก เขาชี้ไปที่แทน...
“ผู้ชายทั้งหมดไปกับแทน ปิดไฟอาคารในสนามบินให้หมดทุกดวง แล้วออกไปหน้าสนามบิน ข้ามถนนข้ามทางรถไฟซ่อนตัวในเงามืดของอาคาร เมื่อใดก็ตามที่ได้ยินเสียงขลุ่ยผิวให้แกล้งตาย ห้ามกระดุกกระดิก ห้ามยิงจนกว่าจะได้รับคำสั่งจากหัวหน้า”
“เฮ้!!!!” กลุ่มผู้ชายส่งเสียงแล้วเดินตามแทนไป
เขาชี้ไปที่พอดี...
“ส่วนผู้หญิงไปกับน้องพอดี ไปเปิดไฟอาคารด้านข้างรั้วริมถนนให้มากที่สุดเพื่อล่อให้มันทิ้งระเบิด แล้วข้ามถนนออกไปรอที่โรงพยาบาลด้านนอก เตรียมอาวุธให้พร้อมรอรับคำสั่งจากหัวหน้า”
“เฮ้!!!!” กลุ่มผู้หญิงส่งเสียงแล้วเดินตามพอดีไป
กลุ่มคนคึกคักห้าวหาญ 2 สายเดินแยกไปในทางตรงข้าม เจ็ทโด้ป้องปากตะโกนตามหลัง
“ทหารจีนมันใกล้เข้ามาแล้ว พวกคุณต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำอย่างเคร่งครัด ”
………………………………………….
กลุ่มผู้หญิงเดินกลับเข้าไปด้านในกองทัพ พอดีเดินยิ้มเข้าไปเชียร์อัพเด็กมัธยมรุ่นน้องที่กำลังสาละวนปล้ำกับปืนยาวที่ไม่เข้ากันกับชุดนักเรียน
“วัยรุ่น! สู้ ๆ” เธอส่งรอยยิ้มจริงใจมอบให้กัน
“เจ้! หนักชิบหาย ยิงยังไงก็ไม่รู้?” เธอยกปืนยาวมือสั่น
“โยนทิ้งไปเถอะ! เธอชื่ออะไร วัยรุ่น?” พอดียิ้มหวาน
“หยกค่ะ! หยก เบม่อน อายุ15ปี” เธอแนะนำตัวตามสไตล์ไอดอลเกาหลี ไม่มีความทุกข์ร้อนในสายตาของวัยมันส์
“หือ! พี่ก็...พอดี เนเวอร์แลนด์” พอดียืดอกยิ้ม ยายหยกเด้งตาใสโยนปืนยาวทิ้ง ยิ้มปากฉีก...
“ว้าว!ว้าว!ว้าว! Queen Card” แล้วเธอก็ร้องเพลง โยกตัวเต้น...
“ไอแอมมะควีนขาด ยูวอนนาบีอะควีนคาด อัมมะควีนขาด อัมมะควีนขาด อัมมะ อัมมะ อัมมะควีนขาด เทกกะโฟโด้” ยายเด็กวัยรุ่นร่าเริงสมวัยไม่สนโลก โยกเอวบิดตัวเต้นกระแทกอกลืมความตาย ไอดอลเกาหลีของพวกเธอป่านนี้ก็คงจะเดินเลื่อนลอยอยู่สักที่บนโลกใบนี้
“ยินดีที่ได้รู้จัก เรามาช่วยกันนะ” พอดียิ้มให้แล้วเดินจาก
“เดี๋ยวก่อนเจ้!”
“หือ! มีอะไร?”
“ใครบังอาจเอาชุดนักเรียนมาสวมให้หนู” หยกดึงเสื้อขัดใจมาก
“ไม่รู้สิ! ชุดคงไม่พอล่ะมั้ง แต่ก็น่ารักดีนะ” เธออมยิ้มแล้วหันไปให้กำลังใจคนอื่น ก่อนจะพากันเดินไปทางทิศตะวันออกหายไปในความมืด
……………………………………………….
บนลานจอดเครื่องบิน...
เครื่องบินจัมโบ้หักพังเป็นเศษเหล็ก คนเจ็บแขนขาดขาขาดพยายามกระเสือกกระสนทุรนทุรายพื้นลานแดงไปด้วยเลือด เจ็ทโด้ขับรถหลบหลีกกลับไปหน้ากองบัญชาการ พ่อนั่งอุ้มน้องนางฟ้าอยู่ด้านข้าง
กลุ่มของหลงซันล้อมพื้นที่เจ้าสัว ภายในเตรียมพร้อมรับมือกระบอกปืนยื่นออกจากขอบรั้วเป็นแถวยาว ในขณะที่ชาวบ้านอีกราว 1,000 คนฝ่าความมืดกำลังเดินเข้าไปสมทบ
“พ่อ! นั่นไง...ที่ผมบอกว่า วันนี้ต้องมีคนถึงฆาต” เขาชี้ไปที่กลุ่มชาวบ้านที่ขอแยกตัวมาช่วยลุงโทนี่
“พ่อเรียนรู้มาเรื่องหนึ่ง คนเรามักจะตัดสินใจเชื่อคนที่เขารู้จักและจะถูกหลอกจากคนที่ไว้ใจ” ท่านหันมองตามกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้าไปเจรจากับทหารยาม
เจ็ทโด้เรียกวิทยุ…
“หลงซัน! บอกหล้าด้วยให้ปล่อยชาว KaLa ผ่านเข้าไป ให้เขาไปเจรจากับทหารเจ้าสัวเอาเอง เขาไม่ใช่คนของเรา ย้ำ! ไม่ใช่คนของเรา”
ทันใดนั้น...
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!”เสียงปืนดังออกจากรั้วอาคารดึงความสนใจของคนบนรถยนต์ให้หันกลับไปมอง
“ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!” ทหารเจ้าสัวระดมยิงใส่ชาวบ้านล้มกอง
“ให้เราเข้าไปข้างในด้วย เราพวกเดียวกัน” ผู้ภักดีร้องเสียงหลง แต่ทหารยามไม่ฟังข้อเสนอและปิดปากด้วยลูกปืน
“พ่อจะเอายังไงกับเจ้าสัวดี? พวกมันเริ่มบ้าเลือดแล้วคงกลัวจนไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว ไอ้พวกนั้นเดินทะเร่อทะร่าเข้าไปตายกันหมด”
“พวกเศรษฐีไม่มีคำว่าเมตตาอยู่แล้ว ไอ้พวกนั้นก็ภักดีจนหน้ามืดตลอดเวลาที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้แหละ ทำให้อีกหลายคนตกอยู่ในสภาวะลำบากใจเด็ก ๆ กลายเป็นเหยื่อ ผมเสียใจนะที่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องมาตายแบบไร้ค่าเพราะคนที่เขาศรัทธาหักหลัง”
“คนพวกนี้กู่ไม่กลับแล้ว ผมให้โอกาสครบ 3 ครั้งแล้วครับ”
“นายคิดว่าจะทำยังไงกับพวกเจ้าสัวล่ะ?”
“กำจัดความคิดก็ดีนะ เหมือนแฟนผมทำ”เจ็ทโด้ยิ้มปากฉีกเหมือนโจ๊กเกอร์เมื่อพูดถึงจูยอน
“ทำยังไง?”
เจ็ทโด้หันขวับดวงตาประกายวาววับ ยิ้มกว้างสุด...
“พ่อยากฟังเรื่องของแฟนผมเหรอ เธอเก่งมากเลย ผมจะเล่าให้ฟังนะ” เขาขยับตัวเตรียมเล่า พ่อยกมือห้าม...
“ท่าทางจะรักมากเลยนะ สงสัยจะเล่านานไม่ฟังดีกว่า”
“หึ๋ย! สักหน่อยนะ ผมจะเล่าแบบเร็ว ๆ” เขาถึงกับคว้าแขนพ่อ
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” น้องนางฟ้าสะดุ้งทุกครั้งที่ได้ยินเสียงปืนชาวบ้านผู้ภักดีร่วงล้มเจ็บร้องโอดโอย คนที่กลัวตายก็วิ่งเตลิดกระเซอะกระเซิงหนีหายไปในความมืด
“............” แล้วทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง ร่างไร้วิญญาณนอนเกลื่อนกลางลานที่บาดเจ็บก็ค่อย ๆ ขาดใจตายลงไปทีละคน ๆ...
“เฮ้อ! เลยไม่ได้เล่าเลย” เจ็ทโด้บ่นเบา ๆ
บนลานปูนไม่ไกลจากกองบัญชาการ ทหารของหลงซันนั่งคุยกันสบาย ๆ ส่วนทหารของเจ้าสัวอยู่หลังรั้วกำแพงปูนต่างฝ่ายต่างไม่ยิงปะทะ
“เอายังไงต่อครับ?” หัวหน้าหลงถาม
“ล้อมขังมันไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวเราจัดการทหารจีนเสร็จแล้วค่อยจัดการกับพวกเขา” เจ็ทโด้ตบไหล่หลงซันเบา ๆ
“วี๊ด...ดดด!” เสียงเครื่องบินแอร์บัสทะยานขึ้นฟ้า เขาหันกลับไปมองลานหมายเลข 4...
“โอเค! ทุกอย่างราบรื่น ลำสุดท้ายไปแล้ว”
คุณปู่จับมือน้องนางฟ้า โบกให้เครื่องบิน…
“โชดดีนะกลับดีดี แล้วเจอกันอีก ขอบคุณมาก ๆ” เด็กน้อยแหงนมองท้องฟ้าแล้วโบกมือให้เครื่องบินที่กำลังลาลับไป
เจ็ทโด้หันไปบอกกับหัวหน้าหลง...
“ขอให้ชาวชนเผ่ากลับไปอย่างปลอดภัยก่อนก็พอ ตอนนี้ถือว่าพักรบ”
“ลูกพี่!จะรอจัดการกับทหารจีนก่อนเหรอครับ?” หล้าสีหน้าไม่สบายใจถามขึ้น
“ผมคิดอย่างนั้น เราต้องจัดการเคลียร์พื้นที่เพื่อพวกชาวบ้านจะได้มีเวลาตั้งหลัก เราทำได้ดีที่สุดแค่นี้ที่เหลือพวกเขาต้องเลือกทางเดินเอาเอง ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องมีใครมาเป็นผู้นำหรือต้องสร้างเมืองขึ้นมา เพราะเขาอยู่ในยุคที่ต้องหนีอย่างเดียวถึงจะรอด”
“แต่พวกเจ้าสัวนั่นใจร้ายมากเลยนะครับ ผมไม่ชอบเลยทำไมถึงปรักปรำว่าเราเป็นผู้ร้ายล่ะ? ” หลงซันแหงนมองเครื่องบินไปทางเหนือ
“ผมก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะร้ายได้ขนาดนี้ เราถูกสร้างเป็นปีศาจอย่างไม่รู้ตัวแต่เขาจะได้รับผลกรรมในไม่ช้านี้แหละ ผมจะบังคับให้เขาอยู่กับคนที่เกลียดเขาอยากรู้ว่าเขาจะปรับตัวยังไง? ในขณะเดียวกันผมก็อยากจะรู้ว่า ชาวบ้านจะยังคงกลับไปซูฮกเหมือนเดิมอีกมั้ย?”
หลงซันส่ายหัวไม่เห็นด้วย...
“ผมคิดถึงบอสจังเลย หักหลังกันอย่างนี้บอสล้างบางแน่ พวกเจ้าสัวเดินได้ไม่เกิน 3 ก้าวหรอก!” เขาผิดหวังหายใจแรง เจ็ทโด้ดึงเขามากอดแล้วตบไหล่เบา ๆ...
“หัวหน้าหลง ผมขออีกนิดนะ!” สายตาของเจ็ทโด้ก็ผิดหวังไม่แพ้กัน พ่อหันไปมองรั้วกำแพงยาวของอาคารกองบัญชาการ แล้วเสริม...
“พวกนี้ไม่ธรรมดานะ มันก็หาวิธีกินรวบได้อยู่ดี อย่าลืมสิ!พวกนี้ไม่ได้จับฉลากมารวยนะ มันอัจฉริยะทุกตัว”
เจ็ทโด้เด้งเหมือนพึ่งคิดได้...
“เออว่ะ! พวกนี้ไม่ได้เลื่อนยศตามอายุงานนี่หว่า ขอโทษทีครับ! ผมคิดถึงแต่พวกเจ้าหน้าที่รัฐ”
หลงซันหน้ายุ่ง สีหน้าของเขาไม่พอใจมาก...
“ถ้าเขาไม่คิดจะทำร้ายพวกเราก่อนผมจะไม่โกรธเลย ถึงพวกเขาจะกดขี่ชาวบ้านต่อไปผมก็ไม่สน แต่เขาทำร้ายจิตใจของพวกเรา ผมไม่ให้อภัยหรอก” หลงซันกัดฟันส่ายหน้า ท่าทางของเขาต้องการปะทะ
“ตุ๋ย! จะตัดสินใจยังไงล่ะลูก ถ้าพวกเขาอยู่ก็จะจัดการได้ดีกว่านะ พวกนี้มันวางกลไกเก่ง” พ่อให้สติ
“พ่ออย่าเอาฐานความคิดเดิมเป็นตัวตั้งสิครับ ไม่ต้องมีผู้ปกครอง ไม่ต้องมีรัฐในช่วงนี้หรอก เราต้องการพาทุกคนหนี ไม่ใช่ต่อรอง”
“แต่เราก็ต้องการผู้นำนะ”
“ใช่ครับ!เดี๋ยวมันจะมีฮีโร่ออกจากกลุ่มนี้มาเอง ไม่ใช่นายทุนครับ ตอนนี้ไม่ต้องการพ่อค้า เราต้องการผู้กล้า”
“แต่พวกเขาก็มีความสามารถนะ” คนแก่ไม่ยอมง่าย ๆ เจ็ทโด้หันมายิ้มอ่อน...
“เอ่อ!...งานนี้หลงซันเป็นหัวหน้าครับพ่อ เขาจะเป็นคนตัดสินใจ” เขาเขี่ยปัญหาทิ้ง หัวหน้าหลงยิ้มอย่างสมใจแล้วแหงนมองไปที่ไฟแดงกะพริบที่ท้ายแอร์บัสลิบ ๆ…
“ยังดีนะที่ไม่มีคนของผมบาดเจ็บ ผมเอาถึงตายจริง ๆ ด้วย พวกทหารจีนมันมาถึงไหนแล้วน้า?” สายตาของเขาเหมือนเด็กรอของเล่นที่แม่กำลังซื้อมาฝาก
“ผมจะกลับไปมองหน้าพ่อแม่พวกเขาได้ยังไง ถ้าไปพาลูก ๆของเขามาตาย” น้ำเสียงของหล้ายังเคือง
“พวกเขาดีใจมากที่ผมไปขอความช่วยเหลือ หลายบ้านทิ้งไร่ทิ้งสวนที่กำลังเก็บเกี่ยวมาช่วย พวกผู้ใหญ่ก็ทำอาหารห่อมาให้ด้วยความเต็มใจ ผมปลื้มใจมากที่พวกเขาไม่เคยลืมบุญคุณของแม่ใหญ่” หัวหน้าหลงยิ้มมองฟ้า
วิทยุของเจ็ทโด้ดังขึ้น...
“เซม! เครื่องบินทั้งหมดโดนยิง” คิมซองบกเสียงสั่น
“เฮ้ย! หมดเลยเหรอ?”
“เย่!”
“เฮ้อ!” เขาระบายความอึดอัดใจ เดินหน้าเศร้าเข้าไปหาหัวหน้าหลง...
“หลงซัน! ขอโทษด้วยนะ เครื่องโดนยิงตกทั้ง 3 ลำ” เขาตบไหล่ของหลงซันเบา ๆ
“ฮ๊า!” หลงซันทรุดลงกับพื้นแหงนมองฟ้าน้ำตาซึม...
“ผมรู้ว่าใครผิด!” ชายหนุ่มกัดฟันแน่นสายตาโกรธจัด เจ็ทโด้ดึงเข้ามากอดแล้วกระซิบ...
“วันนี้นายเป็นหัวหน้า นายตัดสินใจได้เลย” เขาสบสายตาที่ปวดร้าวกับนักรบรุ่นน้อง
“ครับ!” หลงซันยกวิทยุวิ่งออกไป…
“หล้า! ฮัก! เข้าทำลายกองบัญชาการของมันเลย”
“พรึบ!” ทหารของหลงซันออกจากที่ซ่อนวิ่งกรูเข้าหลบข้างซากรถยนต์ บุกจู่โจมอาคารกองบังคับการฯ
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!”
“ใช้อาวุธหนักถล่มเข้าไป ระเบิดมือขว้างข้ามกำแพงไป!” หลงซันร้องสั่ง
“บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!”
พ่อขมวดคิ้วฉงน หันมองเจ็ทโด้อย่างแปลกใจ ...
“ทำไมไม่ห้ามล่ะลูก?” สายตาของท่านมีแต่ความเคลือบแคลง
“ผมทำไม่ได้ครับ” เขาหมุนตัวเดินไปที่รถเหลือง
“ทำไมล่ะ พ่อห้ามให้เอามั้ย?”พ่ออุ้มน้องเดินตามอย่างไม่เข้าใจ
“พวกเขามาช่วยเราด้วยหัวใจบริสุทธิ์ และโดนกระทำอย่างที่พวกเราเห็น ถ้าผมห้ามพวกเขาคงไม่นับถือผมอีกต่อไป ผมก็แค่คนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและปกป้องคนผิด ห้ามไม่ได้ครับ”
“แต่ทหารจีนมันเป็นคนยิงนะลูก เฮ้อ! โอเค พ่อขอโทษ!”ท่านพูดแล้วก็เหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ หันกลับไปมองกองบัญาการแล้วส่ายหน้า
“ผมเองก็เป็นเด็กเมื่อเทียบกับพวกเขา ผู้ใหญ่เหล่านี้มีครบทุกอย่าง ความฉลาด เงิน และอำนาจ ผมเข้าใจแล้วว่าการที่ผู้ใหญ่ขโมยความฝันของเด็กมันเป็นอย่างไร ผมก็โดนพวกเขาขโมยความตั้งใจ หัวอกของหลงซันและเพื่อนคงไหม้เกรียม ปล่อยให้พวกเขาได้ระบายความอัดอั้นบ้างครับ ขึ้นรถเถอะ!” เจ็ทโด้กัดฟันก้าวขึ้นรถยนต์ขับม้วนกลับไปด้านทิศใต้ของสนามบินอีกครั้ง
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” เสียงปืนที่เกรี้ยวกราดมันเหมือนกับพวกเขากำลังระบายความอัดอั้นภายในใจ
สุภาพบุรุษไม่หักหลังมิตร การเมืองของผู้มีอารยะคือการทำสงครามโดยไม่ใช้กำลังเป็นเรื่องของการเจรจาเพื่อหาข้อยุติที่จะไม่ต้องใช้อาวุธเข้าห้ำหั่น แต่การเมืองของแก๊งคนโลภ มันคือการทำลายบางอย่างเพื่อจะได้มาซึ่งบางอย่าง ไม่ได้ต่างจากการใช้อาวุธซึ่งชัยชนะมันหมายถึงชีวิตของศัตรู
............................................................หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |