หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 1 ก.ค. 2567 |
ลานจอดเครื่องบิน ....
“บรื้น...นน!!” ฝูงรถยนต์แล่นดาหน้าเข้ามาในลาน เสียงกลุ่มคนอึกทึกและทีมมอเตอร์ไซด์ดังลั่นมาแต่ไกล กลุ่มชาวบ้านเดินกลับมารวมกันกลางลานจอดเครื่องบิน...
“แว๊น! แว๊น!” 4 โจ๋สะพายปืนยาวไพล่หลัง บิดมอเตอร์ไซด์นำขบวนเข้ามา กลุ่มผู้สืบทอดเผ่าพันธุ์กลุ่มสุดท้ายกำลังเคลื่อนตัวเข้ามากลางลานกว้าง
โจ๋ทั้ง 4 ถือกล้องส่องทางไกลเดินโยกยกไหล่มาเต็มที่ ถอดเสื้อโชว์ลายอย่างภาคภูมิใจ เจ้าแจ๊สหัวหน้าแก๊งโวเสียงดัง...
“แม่ง! ใจว่ะ! กูอึ้งไม่หายเลย”
“มึงอึ้งไรวะ เพื่อน?” พวกเขาหันคุยกันเอง
“อึ้งที่พี่โย่งดริฟต์รถน่ะสิ! จี๊ดว่ะ!” เสียงยาน กวนตีนมาก
“สัส! กูนึกว่าอึ้งที่เขาซัดทหารจีนด้วยคนแค่หยิบมือเดียว”
“เก่งมาก สุดยอดมาก!” กลุ่มชาวบ้านชายหญิงเดินเข้ามาสมทบด้วยใบหน้ายินดี รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ห่างหายไปได้กลับมาอีกครั้ง โจ๋ป้องปากตะโกน...
“วู้ว!!! หลอกพวกผมซะสนิทเลยนะ หนุมานของผมยังไม่ได้ออกโรงเลย” ว่าแล้วก็เต้นยึกยักเกาหัวเกาหูด้วยท่าทางคุ้นตา
“ขอบคุณมาก ขอบคุณจริง ๆ พวกคุณสุดยอดมาก!” พวกเขาเดินยิ้มกว้างเข้ามาหา
แทนยิ้มกว้างผายมือไปด้านหลัง...
“โน่นครับ! นักรบจากไทใหญ่ ไปขอโทษแล้วขอบคุณจากใจให้พวกเขาเถอะครับ พวกเขาเสียสละมาก” เขายกความดีให้กับกลุ่มนักรบ
กลุ่มโจ๋เดินโยกออกมาจากกลุ่มใหญ่ เอียงเข้าไปหา...
“อีโด่! มันเป็นสิ่งที่ควรทำ ไปโว้ยเฮ้ย! ใจหน่อย! ลูกผู้ชายดีมาต้องดีกลับสิวะ มีบุหรี่มาเอากัญชาไป” พวกเขาโบกมือเดินนำไปหากลุ่มหลงซัน
…………………………………
ด้านข้างของลานจอดเครื่องบิน...
น้องนางฟ้าขี่คอเจ็ทโด้เดินลัดสนามออกจากดงเข็มเข้ามาในลาน เขาเดินเลยไปกอดคอหล้าแล้วเดินกลับมาหากลุ่มของแทนกลางวงล้อม
“พ่อล่ะ?” แทนยิ้มชะเง้อคอมองหา
“แทน! พ่อไปแล้ว ไม่กลับมาแล้ว” เขากัดริมฝีปากก้มหน้าถอนหายใจ
“แกไม่ไปกับเราเหรอ แล้วจะอยู่ได้ยังไงคนเดียว?” แทนแค่แปลกใจนิดหน่อย พอดีโผเข้าหานางฟ้าตัวน้อย...
“นางฟ้าจ๋า! คิดถึงจังเลย กินข้าวรึยังคะ?” เธอหอมแก้มสุดที่รัก
“ปู่!” จู่ ๆ น้องก็ชี้กลับไปที่ด้านใต้
“หือ! น้องพูดได้แล้ว เรียกปู่ด้วย” เธอดีใจยิ้มร่าหันมองเจ็ทโด้
“นอนหลับ”
“หือ!” เธอชะงักมองเด็ก
“เฮ้อ!...” เจ็ทโด้ถอนหายใจยาวก่อนจะเดินหน้าเศร้าเข้าหาแทนแล้วกอดน้องชาย...
“พ่อจากไปแล้วนะแทน ท่านเสียแล้ว พี่ขอโทษ! พี่ฝังท่านไปแล้ว”
“ฮ้า! ไม่จริงหรอก” แทนกะพริบตาถี่สายตางุนงง พอดีเบะปาก ร้องไห้เสียงดัง...
“ไม่นะ! ฮือฮือ ฮือฮือ! คุณปู่ พี่แทนทำไมพี่โชคร้ายอย่างนี้ล่ะ? พี่พึ่งเสียแฟนไปไม่ใช่เหรอ?” เธอวิ่งเข้าไปกอดแทน
“.............” แทนนิ่งอึ้ง กัดกรามแน่นน้ำตาคลอ...
“พวกเราเสียสละกันมาก มากจริง ๆ” เขาแหงนมองฟ้าแล้วป้องปากตะโกน…
“ขอบคุณครับพ่อ ผมรักพ่อนะ” น้ำตาไหลอาบแก้ม
“..............” คนทั้งลานยืนสงบนิ่งไว้อาลัย เจ็ทโด้ตบบ่าน้องชายแล้วหันบอกกับทุกคนด้วยเสียงอันดัง...
“พวกเราสมควรแก่เวลาแล้ว บอกลาแล้วกลับบ้านกันดีกว่า”
“ฮือฮือ!” พอดี ร้องไห้หนักขึ้นไปอีก หยกหน้าเสียวิ่งเข้ากอดพี่สาว
“เจ้! ไม่เป็นไรนะ”
ในบรรยากาศของการจากลาน้ำตามักจะออกมาแสดงความรู้สึกที่ซ่อนภายในใจ เจ็ทโด้เอ่ย...
“ทุกท่านครับ ผมจะแนะนำครั้งสุดท้าย ท่านมีเวลาอีกไม่นานให้เตรียมรถใหญ่ ๆ ช่วยกันขนสิ่งที่จำเป็นไปให้มากที่สุด เข้าป่าใช้ชีวิตเงียบ ๆ ปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ อีกไม่นานคนจีนจะเข้ามายึดครองที่ดินในเมือง”
โจ๋ทั้ง 4 เดินเข้ามาหาเจ็ทโด้ แจ๊สแหงนหน้ามองแล้วยกมือพนม...
“ผมขอโทษแบบลูกผู้ชายนะครับ ผมตาไม่ถึงและยังห่างไกลจากคำว่านักสู้ ต่อไปผมอาสาจะดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องกลุ่มนี้เอง ผมขอสัญญา!”
“พี่! แม่งใจว่ะ! นับถือมาก! ผมไม่เชื่อสักนิดว่าจะชนะ ตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อ! เหมือนฝันว่ะ” ไอ้เจ้าม้านิลมังกรสารภาพ
“มึงกะวิ่งเต็มที่เลยว่างั้น?” เจ้าเสือเผ่นแซว
“กูบอกแล้วว่าวิ่งตามเสือเผ่นไม่ทัน ลิงมึงด้วยวิ่งหนีไวชิบฉาย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”เจ็ทโด้ตบไหล่...
“พวกนายเป็นการ์ดดูแลความปลอดภัย ผมฝากด้วยนะ”
“อยู่ด้วยกันดิพี่ อยู่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านให้พวกเราหน่อย ใช่มั้ยพี่น้อง?” แจ๊สหันไปปลุกระดม
“ใช่! อยู่ด้วยกันที่นี่แหละ เราจะได้ไม่ต้องหนี”
“พวกเราจะอยู่ได้อย่างไร ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีโรงหนัง วิถีชีวิตก็ต้องปรับเปลี่ยนคงใช้ชีวิตลำบากมาก” คราวนี้ไม่มีเสียงแตก กลุ่มชาวบ้านวิ่งกรูกันเข้ามาล้อมพวกเขา
เจ็ทโด้ยิ้มอ่อนตอบอย่างสุภาพ...
“ทุกท่านอย่าได้วิตกกังวลไปเลยทุกอย่างอยู่ที่มุมมอง ความเคยชินเดิม ๆ ของท่านจะยึดเหนี่ยวให้ท่านจมกับอดีต จากนี้ไป..ผู้ใหญ่ทุกคนถือว่าทุกท่านได้เกษียณอายุงานแล้ว เด็ก ๆ ก็คิดว่ามันเป็นปิดเทอมยาว หนุ่มสาวถือว่าพักร้อนไม่ต้องคิดถึงวันพรุ่งนี้ เวลาที่มีคือวันหยุดพักผ่อน เที่ยวเล่นให้เต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำเลยใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มค่า ไม่ต้องคิดสะสมทรัพย์สมบัติอีกแล้ว”
“แต่เราไม่มีเงินใช้นะ”
“จะใช้เงินอีกทำไม อยากได้อะไรก็เดินไปหยิบเอาสิ ทรัพย์สินทุกอย่างในประเทศนี้เป็นของทุกคน พวกท่านเป็นโคตรอภิมหาเศรษฐีกันแล้ว”
“เออเว้ย! คิดอย่างนี้ดีกว่า ฉันไม่อยากย้อนกลับไปนั่งขายกล้วยแขกแลกกับเศษเงินอีกแล้ว ปวดหลังมาค่อนชีวิตยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเองเลย” คุณป้ามือมีดหัวเราะร่วนชอบใจ
“โอเค! ขอบคุณมากที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น” ชาวบ้านเห็นพ้องกับคำแนะนำ
เจ็ทโด้ยกมือ...
“และสุดท้ายจริง ๆ ผมขอฝากดูแลลูกสาวของผมคนนี้ด้วย เราต้องช่วยกันดูแลเด็กที่จิตใจงดงามแบบนี้ ถ้าเธอเป็นคนเห็นแก่ตัวสักนิด ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวและโดนทำร้าย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” เขาหันมองไปที่กลุ่มชาวบ้านช้า ๆ...
“เธอเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยชีวิตพวกคุณ โปรดจงขอบคุณในสิ่งที่เธอทำ โปรดสั่งสอนในสิ่งที่เธอขาดและรับฟังในสิ่งที่เธอรู้ อย่าดูแคลน!คนแต่ละคนมีความสนใจไม่เหมือนกันจึงเก่งกันคนละอย่าง ไม่เกี่ยวกับอายุ เพศ อาชีพและชาติกำเนิด” เขาหันไปดึงไหล่ของเธอมาชิดตัวเขา
“ฮือฮือ!” สาวน้อยเงยหน้ามองอย่างขอบคุณสุดซึ้ง สะอื้นตื้นตัน น้ำตาไหลรินอาบแก้ม...
“คุณลุง! ฮือฮือ! ไม่ต้องไปไม่ได้เหรอ หนูไม่อยากให้มีวันนี้เลย หนูกลัว ไม่มีความมั่นใจเลย ไม่มีผู้ใหญ่อยู่กับหนูเลย คุณลุงไม่อยู่แล้วใครจะปกป้องหนู” เธอกอดเอวร้องไห้เสียงดัง
ชาวบ้านตะโกนมา...
“พอดี! พวกเราขอบใจนะลูก เราจะอยู่เป็นเพื่อนกับเธอเอง ต่อไปจะไม่ให้เหงา ฉันจะปกป้องและดูแลเธออย่างดีที่สุด”
เจ็ทโด้ลูบหัวของเธอเบา ๆ อย่างเอ็นดู...
“พอดี!...เธอเป็นตัวแทนของกาลเวลา เธอเป็นตัวแทนของยุคสมัย เธอคือผู้ดำรงเผ่าพันธุ์ของชนชาติ เธอคือความหวัง ฝากด้วยนะ!”
“โฮโฮ! คุณลุงอยู่กับหนูนะ คุณลุงไม่ต้องกลับไปหรอกให้พี่แทนกลับไปคนเดียวก็พอ ฮือฮือ!” เธอผวากอดลนลานร้องไห้จนทุกคนน้ำตาซึม เขาลูบหัวของเธออย่างทะนุถนอม...
“ไปอยู่ในที่มีแหล่งน้ำไหลจะได้หาอาหารง่าย แฝงตัวใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่กับธรรมชาติ ต่อไปไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ไม่มีคนรวยคนจนอีกต่อไป ใช้ชีวิตให้สนุกขอให้โชคดีนะลูก”
เสียงผู้ใหญ่ตะโกนออกมาจากในกลุ่ม…
“จะกลับง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอ พวกเรายังไม่ได้ตอบแทนเลย”
“พวกผมไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทน ทุกคนใช้ชีวิตให้ดีไปรวบรวมคนที่รอดมารักษาจะถือว่านั่นคือคำขอบคุณ เก็บธงชาติของพวกเราไว้ เก็บธนบัตรเก็บเหรียญไว้ให้คนรุ่นหลังรู้ว่า ครั้งหนึ่งพวกเราเคยเป็นชาติยิ่งใหญ่มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์” เขายิ้มตอบกลับไป
“งั้นคงไม่สายเกินไป พวกเราขอขอบคุณจากใจจริงครับ” กลุ่มชายหญิงทั้งลานขยับตัว บางคนยกมือพนม บางคนโค้งศีรษะ...
“ขอบคุณ! ขอบคุณมาก ๆ” ผู้รอดชีวิตตะโกนสุดเสียง
“ฮือฮือ! คุณลุง! หนูไม่มั่นใจเลย” พอดีสติระเบิดทิ้งตัวนั่งร้องไห้ไม่อายใคร ลำตัวสั่นระริกมือหงิกงอ หยกเข้ากอดลูบหลังให้พี่สาว...
“เจ้!เข้มแข็งไว้ คุณลุงแค่จะกลับบ้านไม่ได้ไปตายซักหน่อย”
เจ็ทโด้ย่อเข่าลงไปหาเด็กหญิงทั้งสามคนแล้วรวบมากอด พูดปลอบใจเบา ๆ...
“ก่อนจะเป็นคนเก่ง ทุกคนก็เริ่มจากอ่อนแอแบบนี้ ร้องไห้ได้ ท้อใจได้ เหนื่อยได้ ผิดพลาดและล้มเหลวก็ได้ แต่สิ้นหวังไม่ได้ อดทนไว้นะลูกถ้าไม่ไหวก็ให้บอกกับตัวเองว่า อีกนิดและอีกนิด อย่ายอมแพ้มันเป็นเพียงบททดสอบของยอดคน ลูกเป็ดขี้เหร่ โตขึ้นไปเป็นพญาหงส์ได้นะ”
ทุกคำปลอบโยนที่อบอุ่นของเขาและสภาพการเสียใจปางตายของเธอ ทำให้กลุ่มชาวบ้านน้ำตาร่วงซาบซึ้งกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคน เวลาได้พาทั้งสองมาพบกันและเวลาอีกเช่นกัน กำลังจะพรากให้ทั้งสองจากกัน
“หนูไม่เอา! หนูไม่อยากเป็นอะไรทั้งนั้น หนูอยากให้คุณลุงอยู่ที่นี่ ฮือฮือ!” ยิ่งใกล้เวลาจากกันเธอยิ่งร้องไห้หนัก สิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้ายกำลังจากเธอไปตลอดกาล มือน้อย ๆ ของน้องนางฟ้าเอื้อมมาจับใบหน้าของของเจ็ทโด้…
“ลุง!!” ดวงตาใสเหมือนน้ำนิ่ง แหงนมองขึ้นมา
“หือ!” เขายิ้มก้มหน้าลงไปหา...
“น้องคงตกใจมาก หนูชื่ออะไรคะ?”
“มะลิ!”
“ว้าว! จัสมิน!...ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แม่ดอกมะลิของชาติ” เขาก้มลงหอมแก้มเด็ก
“ไปไหน?” เสียงไร้เดียงสาถาม
“กลับบ้านครับ”
“กลับดีดีนะ!” น้องน้อยบ๋ายบายแล้วหันไปกอดคอหยก พอดียิ่งสะเทือนใจร้องไห้สะอึกสะอื้นหนัก
เจ็ทโด้ลูบหัวของเธอเบา ๆ...
“พอดี! ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข อย่าเครียดกับมัน กลมกลืนไปกับสิ่งใหม่ ถ้าอยากเจอกันอีกก็ไปเกาหลีเหนือ พวกผมอยู่ที่นั่น”
“หนูคงไม่ได้เจอกับคุณลุงอีกแล้ว ฮือฮือ!” สาวน้อยร้องแทบจะขาดใจ ที่พึ่งทางใจ ความหวัง กำลังใจ กำลังจะจากเธอไปชั่วนิรันดร์
หล้าเดินคอตกออกจากกลุ่ม เข้ามาหา...
“กลับบ้านไปก็มีแต่ความเศร้า พี่น้องของเราคงจมกับความเสียใจไปอีกนาน ผมขออยู่ช่วยเธอสร้างบ้านแล้วจะตามกลับไปทีหลังนะครับ ผมขอรถเหลืองไว้ใช้นะ อาจต้องใช้อาวุธ”
“ได้สิ!”เจ็ทโด้ตอบแล้วหันไปยิ้มมองพอดี...
“เอามั้ย! ให้พี่หล้าอยู่ด้วยไหม?”
พอดีพยักหน้าหงึก ๆ ...
“เอา! ให้พี่หล้าอยู่ด้วย”
ฮัก หน้าเศร้าก้าวเดินออกมาอีกคน…
“ผมก็ไม่อยากกลับไปเห็นศพของเพื่อน ผมรักไอ้ปังมาก เราโตมาด้วยกัน ผมกลับไปมองหน้าแม่ของมันไม่ได้ ขออยู่ด้วยนะพี่หล้า”ฮัก เสียงสั่นใบหน้าเศร้า
พอดียิ้มกว้างโผเข้าไปกอดเอว...
“พี่ฮักอยู่กับหนูนะ กลับไปก็เศร้าอย่ากลับไปเลยเนอะ” เธอโมเมเข้าข้างตัวเอง แทนยืนยิ้มมองแล้วยื่นกล่อง Golden waveให้กับหล้า...
“ฝากนายดูแลพี่น้องกลุ่มนี้ด้วย ไอ้นี่มันคงช่วยได้มากทีเดียว”
“โอ้!ขอบคุณมาก ผมจะดูแลสุดความสามารถครับ” หล้ายิ้มรับมาใส่กระเป๋า
พอดี ขยับลุกถอยหลังเข้าหากลุ่มคน ยืนต่อหน้านักรบไทใหญ่...
“พี่น้องทุกคน! คุณลุง! พี่แทน! หัวหน้าหลง! พี่หล้า! พี่ฮัก! หนูจะจดจำชื่อและเรื่องราวนี้ไปตลอดชีวิต ขอบพระคุณมาก ขอบพระคุณที่เสียสละ” เธอก้มลงกราบกับพื้นสะอื้นร้องไห้ ท่ามกลางน้ำตาของพี่ ป้า น้า อา
“.............”บนลานมีเพียงเสียงสายลมหวีดหวิว เด็กที่โดนผู้ใหญ่ตราหน้าว่าเลว ได้ทำสิ่งยิ่งใหญ่ที่หลายคนไม่กล้าแม้แต่จะคิด
แทนเดินเข้ามาดึงมือน้องลุกขึ้นยืน...
“พอดีครับ! ที่เกาหลีบันทึกชื่อของ 5 คนชั่วขายชาติที่เปิดประตูเมืองให้ญี่ปุ่นเข้ามายึดครองไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติ อย่าลืมบันทึกเรื่องราวที่เกิดกับที่นี่นะ ให้พี่น้องของเราที่เหลือช่วยกันบันทึกไว้ ไม่ต้องเบลอหน้า ไม่ต้องดูดเสียง ไม่ต้องใช้ชื่อย่อ ฉีกหน้ากากมันออกมาและตราหน้าตระกูลของพวกมันไว้ ลูกหลานรุ่นต่อไปจะได้คอยห้ามเตือนไม่ให้คนในครอบครัวของมันไปทำชั่วอีก อย่ายอมให้ใครมาบิดเบือนประวัติศาสตร์ได้อีก”
“ค่ะ! หนูจะจดบันทึกทุกอย่างและจะเก็บไว้อย่างดีให้ชนรุ่นหลังเข้ามาเรียนรู้ว่า มันเคยเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่” เธอยังสะอื้น
“พี่เป็นห่วงนะ! สักวันเราคงได้เจอกัน ใครจะมองเธออย่างไรพี่ไม่สน สำหรับพี่แล้วเธอคือคนเก่งและฉลาดที่สุด เอาตัวรอดได้จากสถานการณ์เลวร้ายได้ด้วยสติ งานนี้ถ้าไม่ได้เธอพวกพี่ก็ลำบาก ขอบใจมากนะน้องสาว มากอดกัน!” แทนกางแขนกว้าง สาวน้อยโผเข้ากอดอย่างสนิทใจ
“พี่แทน พาคุณลุงมาเยี่ยมหนูด้วยนะ หนูจะคอยทุกวัน”
แทนหันไปหาหล้ากับฮักแล้วเดินเข้าไปกอดคอ...
“ฝากด้วยนะ หล้า! ฮัก! ไปทางทิศตะวันตกจะเจอผืนป่าใหญ่ รบกวนสร้างบ้านทาร์ซานให้น้อง ๆ ได้อยู่สบาย ๆ ด้วยนะ”
หยกถูกใจยิ้มร่ากระโดดตัวลอย…
“เอา ๆ หนูชอบ! ทำชิงช้าติดลำธารให้ด้วยนะคะ จ้วดมาก! น้องมะลิจะได้เล่นน้ำทั้งวันเลย เอามั้ยคะมะลิ?”
“เอา! เอา!” มะลิยิ้มตาใสพุ่งเข้ากอดน้องหยก
ดวงตาประกายสดใสของหยกไม่สะทกสะท้านกับอุปสรรคใด ๆ เธอสวมกอดน้องน้อยอย่างสุดรัก จิตใต้สำนึกของผู้หญิงทุกคนไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็จะมีสัญชาตญาณของความเป็นแม่ซ่อนอยู่ในตัว วันหนึ่ง...เธอก็จะเป็นแม่ที่ดี ทั้งสามหนุ่มก้มมองเธอแล้วส่งยิ้มอบอุ่นไปให้
“ฝากด้วยนะ หยก!” แทนตบไหล่น้องแล้วหันไปหาหล้า...
“หล้า!ถ้ามีโอกาสก็ไปเจอกันที่เกาหลีเหนือนะ ไปเยี่ยมบอสกับแม่ใหญ่ด้วย ผมจะรอต้อนรับ ฮักด้วยนะ!”
“ครับ! ถ้ามีโอกาสผมจะพาพอดีไปด้วย” หล้ายิ้มพยักหน้า พอดี ได้ยินอย่างนั้นก็หูผึ่งโผเข้ากอดเอวหล้า…
“รักพี่หล้าที่สุดเลย พี่หล้าสัญญาแล้วนะ!” เธออ้อนทุกคนได้อย่างสนิทใจ กลมกลืนเป็นน้องสาวของหมู่บ้าน
“อะไร? สัญญาอะไร?” หล้าแกะมือน้องแล้วขยับถอยหนี
“ไปเยี่ยมคุณลุงที่เกาหลีเหนือ” ยายล้นตามคลอเคลียเป็นลูกแมว
“เฮ้ย! ผมสัญญาตอนไหน? เมื่อไหร่? ยังไม่ได้บอกว่าจะไป แค่บอกว่า ถ้ามีโอกาส” หล้าเถียงเสียงเพี้ยน เกาหัวแกรก
“ไม่รู้ล่ะ! สัญญาแล้วห้ามคืนคำ” ยายล้นหักคอ กลุ่มพี่ป้าน้าอาบนลานเริ่มอมยิ้มกับความขี้โกงของเธอ
“ยังไม่ได้สัญญา ผมพูดตอนไหน?” หล้าส่ายหน้าคิ้วขมวด ทั้งสองคนเถียงกันน่าจะไม่จบซะแล้ว
“หัดเป็นคนโกหกไม่ดีนะพี่หล้า” พอดีหน้าง้ำ
“โกหกอะไร อย่ามั่ว!”
“หนูมั่วตอนไหน หยกก็ได้ยิน ใช่มะหยก?” เธอโยนไปให้คู่หู…
“ช่าย! เต็มสองหูเลย พี่หล้าสัญญาแล้ว” หยกปิดเกม หล้าเกาหัวส่ายหน้ามองล่อกแล่ก สายตาระแวงภัยไม่ไว้ใจ 2 สาว...
“ผมกลับบ้านดีกว่าอยู่ที่นี่ไม่ดีแน่ ยายสองคนนี้เข้ากันเป็นกบกับคางคกเลย” เขาบ่นอุบ สองสาวเข้าเกาะแขนคนละข้าง…
“ไม่ทันแล้ว กลับไม่ได้!” พอดียิ้มเจ้าเล่ห์กับหยก
เจ็ทโด้อมยิ้มมองอย่างเบาใจแล้วหมุนตัว
“พรึ่บ!!!” ทหารไทใหญ่ทั้งกลุ่มหันหลังกลับพร้อมกัน
“เดี๋ยวค่ะ!” ยายหยก เบม่อนร้องเรียก
“หือ!” ทั้งกลุ่มหันหลังกลับ
“หนูอยากจะขอบคุณพิเศษ ขอให้ทุกท่านได้โปรดรับไว้ด้วยนะคะ” ยายหยกทำให้กลุ่มคนทั้งลานกว้างประหลาดใจ เธอจะทำอะไร?
“............” เธอเดินออกมายืนกางขา เอามือปิดหูสองข้าง จะทำอะไรกันนะ..?
ทันใดนั้น...
“ไอแอมมะควีนขาด ยูวอนนาบีอะควีนคาด อัมมะควีนขาด อัมมะควีนขาด อัมมะ อัมมะ อัมมะควีนขาด อัมมะควีนขาด เทกกะโฟโต้” เธอลอยหน้าลอยตาเต้น กระโดด กระเด้ง กระแทกหน้าอกน่ารักน่าชัง น้องมะลิทำซารางเฮโยให้กลุ่มพี่ ๆ ทหาร
“ฮ่าฮ่าฮ่า!! ยายบ๊อง!” พอดี ร้องไห้น้ำตายังไม่แห้งถึงกับทรุดกดท้องหัวเราะตัวงอ
“ดึ๋งดึ๋ง!” น้องหยกเต้นอย่างเมามัน หัวสั่นหัวคลอนกับการขอบคุณตามสไตล์ของเธอ ทั้งร้องทั้งเต้นไม่สนดนตรี ไม่สนโลก...
“อัมมะควีนขาด อัมมะควีนขาด อัมมะ อัมมะ อัมมะควีนขาด อัมมะควีนขาด” เธอยกแขนสองข้างกางเหมือนปีกนก เดินโยกตัวเข้าไปหากลุ่มไทใหญ่ น้องมะลิกระโดดหยองแหยงเต้นตาม...
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” บรรยากาศของการจากลาที่เศร้าสร้อยกลับแปรเปลี่ยนเป็นความประทับใจ มีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเป็นของขวัญ
กลุ่มทหารไทใหญ่ ใบหน้าเปื้อนยิ้มปรบมือสนั่น...
“นี่แหละ! คือสิ่งที่พวกเราอยากได้ วู้ว! หยกสุดยอด!”
พวกเขาหมุนตัวกลับหลังหันก้าวเดินต่อ ทุกอย่างจบลงอย่างสมบูรณ์ เสียงชาวบ้านตะโกนตามหลังมาเป็นระยะ...
“ขอบคุณมาก ขอให้เดินทางปลอดภัยแล้วมาเยี่ยมกันบ้างนะ” พวกเขาเดินโบกมือออกจากสนามบินมาไกลจนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงบอกลา
.........................................................................
เจ็ทโด้หันกลับไปหากลุ่มทหารไทใหญ่...
“เราไม่มีนักบินแล้ว เดินหารถบัสใหญ่สัก 4-5 คันก็แล้วกัน พวกนายจะได้นอนพักกันบ้าง ช่วยดู ๆ กันหน่อยนะเลือกคันที่มีแอร์ด้วย” เขาบอกแล้วหันไปหาแทน...
“แทน! กูขอโทษเรื่องพ่ออีกครั้งนะ หมดปัญญาช่วยได้จริง ๆ เครื่องบินรบมันยิงเข้ามาที่หอคอย”
แทนเหมือนคนยอมจำนนกับโชคชะตา พยักหน้าเบา ๆ...
“อืม! ผมโคตรอาภัพเลยว่ะพี่! ใจหายมากเลย พ่อตายก็เสียใจนะ แต่ผมเสียดายมากกว่า เขาพึ่งสัญญาว่าจะไปอยู่ด้วยกัน” แทนผู้น่าสงสารใบหน้าหมองลง เขาโชคร้ายมาตลอด
“ผมไม่เคยผูกพันกับพ่อเลย จริง ๆ แล้วผมก็ไม่รู้จักนิสัยของท่านด้วยซ้ำไป ไป่ไป๋เองผมก็ทำผิดพลาด เธอไม่ยอมมาเข้าฝันผมบ้างเลย สงสัยจะโกรธมาก คิดถึงจังเลย” แทนครวญหน้าเศร้า
“อือ! คิดถึงเหมือนกัน กูยังจำวันที่เจอกันครั้งแรกได้เลย แผลที่กัดกูยังเป็นรอยจนถึงทุกวันนี้ กูว่าความรักของไป่ไป๋เหมือนกับที่กูรักเอื้องมาตลอด ความรักอย่างนี้เขาเรียกว่า ภักดี”
“เฮ้ยแทน!” จู่ ๆ เจ็ทโด้ก็ตีมือรัว ๆ แล้วชี้ไปที่ผีดิบชายชราร่างสูงสวมสูท...
“มึงดูคนนั้นสิ หน้าคุ้น ๆ ว่ะ”
“อ้าว! ลุงฉุนนี่หว่า มาได้ไงวะ?” แทนตาโต
“แล้วใครอยู่ในกองบัญชาการล่ะ?” เจ็ทโด้เกาหัว
“ ?????? ”
แทนยิ้มกรุ้มกริ่ม…
“ยังเหลือลุงอีกคนครับพี่”
“ใครวะ?” เจ็ทโด้ยื่นหน้าลูกตาแทบหลุดด้วยความอยากรู้
“ม่ายรุ! ม่ายรุ! ” แทนพูดเลียนเสียงลิ้นเต็มปาก แล้วเป่าปากแก้มป่องทำตาหยี
“อ๋อ! ผู้อยู่เหนือกาลเวลานาฬิกาหลายเรือน ลอร์ดออฟเดอะริงนี่เอง ฮ่าฮ่าฮ่า!”
แทนหันไปหากลุ่มนักรบไทใหญ่...
“ใครเหลือวัคซีนติดกระเป๋าบ้าง ขอ 1 โดส ฉีดให้ลุงฉุนหน่อย”
“แน่ใจนะมึง! ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวด่ากราดหาว่าไม่รักชาติอีกนะโว้ย” เจ็ทโด้กอดคอน้อง
แทนอมยิ้มมองอดีตผู้นำที่เคยออกคำสั่งให้ลิ่วล้อตามฆ่าเขา ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต ตอนนี้แม้จะหาอาหารกินยังลำบาก
“ถึงเขาจะโหวกเหวกโวยวายด่าคนมั่วไปหมดแต่ผมไม่โกรธนะ ผมรู้ว่าเขาพยายามปกป้องตัวเอง สำหรับผมแล้ว...ผมเดาว่า เขาโดนบังคับให้ทำ”
“ทำไมมึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”
“การตอบคำถามสื่อนั่นแหละคือคำตอบว่า เขาไม่พร้อมเป็นผู้นำเลย คนที่หัวกลวงอย่างนั้นไม่กล้าฝันเป็นผู้นำหรอก”
“กูไม่เข้าใจ แต่เขาก็ลากกันมาตั้งหลายปีหยวนคดีให้ทุกอย่าง” เขาลากแขนน้องชายไปดูหัวหน้าหลงฉีดวัคซีน
“บอกผมหน่อยเถอะผลงานเด่นสุดคืออะไร คิดสิคิด!”
“แล้วไง?” เจ็ทโด้อมยิ้ม สายตาดื้อ
“ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ ถามวัวตอบควายถามมากโดนด่า จูยอนเก่งกว่าตั้งเยอะเธอยังไม่ยอมเป็นผู้นำเลย” แทนใส่ยับ
“ไหนมึงบอกว่าไม่โกรธไง?” เจ็ทโด้หัวเราะเบา ๆ
แทนหันไปค้อนพี่ชาย...
“ไม่โกรธ ผมไม่โกรธ!” เขาเตะกระป๋องนำอัดลมอย่างแรง
“กูมีเรื่องสงสัยวะ กูเจอลุงคนนึงเล่าเรื่องเขมรแดงให้ฟัง กูเข้าใจเรื่องความแค้นแล้ว แต่กูไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงยึดอำนาจกันง่ายจังวะ แล้วทำไมหน่วยงานรัฐอื่นต้องยอมมันด้วย กูงงเรื่องนี้มาก”
“อ๋อ! คิดอย่างนี้ก่อนนะ...นายทหารที่ดีจะไม่ยุ่งการเมือง ส่วนคนที่ยึดอำนาจจะมีคดีติดตัว พวกนี้กลัวคดีมากกว่ารักศักดิ์ศรีของตนเอง มันมีเบื้องหลังที่ต้องตัดสินใจ”
“จริงดิ!”
“คนที่ถูกเลี้ยงดูในระบบจะมีอำนาจเต็มในการตัดสินใจจัดซื้อจัดจ้างและมักจะได้รับข้อเสนอชั้นVVIP เมื่ออยู่ในตำแหน่งนานก็ลืมความจริงเพราะอำนาจมากจนไม่มีใครกล้าขัดใจ พวกนี้โกงกินเป็นวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่นช่วยกันปกปิดบาดแผลด้วยการยึดอำนาจแล้วสาดโคลนล้มกระดาน”
“จริงดิ! แล้วหน่วยงานอื่นทำไมถึงยอมมันล่ะ?”
“เหมือนกัน! คนในตำแหน่งสูงมักจะมีคดีทุจริตติดตัวแทบทุกคน เขาก็เอาพวกนี้มาเป็นลิ่วล้อในการบริหารประเทศ เวลาโหวตเสียงไม่เคยแตกเพราะถ้ามีใครแหกคอก คดีก็จะเข้าสู่กระบวนการตัดสินทันทีเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู”
“เท่ากับว่าทุกองค์กรทุจริตหมดเลยเหรอ?”
“องค์กรไม่ได้ทุจริต แต่เจ้าหน้าที่และผู้ถือกฎหมายมันทุจริตไม่ยอมทำงานตรงไปตรงมา ถ้าจัดการเสียตั้งแต่ได้รับเรื่องร้องเรียนเรื่องมันก็จบ แต่ด้วยระบบเส้นสายกลับบ่มเพาะคนเหล่านี้ให้มีชื่อเสียง เพื่อไว้ใช้งานสำคัญยามจำเป็น”
“ใครอยู่เบื้องหลังวะ?”
“คู่ค้านั่นแหละ! เขาให้เงินใครไปก็บันทึกไว้แล้วเอามาเล่นงานวันหลัง อย่าลืมว่าภาคธุรกิจเอกชนก็ส่งคนเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต่างฝ่ายต่างสร้างโครงข่ายโยงใยในขุมทรัพย์” แทนมองตามหัวหน้าหลงถือถุงขนมและขวดน้ำพะลุงพะลังพาลุงฉุนเข้าไปพักในบ้าน
“แล้วลุงฉุนได้ทำอย่างนั้นมั้ย?” เจ็ทโด้มองตามแล้วอมยิ้ม
“ผมจะรู้ได้ยังไงผมไม่ใช่เพื่อนเขานี่ พี่ถามถึงเรื่องเขมรไม่ใช่เหรอ?”
“อ้าว!”
“พี่ลองนึกย้อนเอาเองก็แล้วกัน พอมีการยึดอำนาจเคยสังเกตไหมคดีทุจริตจะค่อย ๆ หมดอายุหรือยกฟ้อง นั่นเพื่อแลกกับการตอบแทนให้กับคนบางกลุ่มมีสินค้าหลายชนิดผูกขาด สัมปทานต่อสัญญาอัตโนมัติ ผู้เห็นต่างติดคุกเป็นกอง” ไอ้คนที่บอกว่าไม่โกรธใส่ไม่หยุด...
“ตอนนี้มึงพูดถึงลุงฉุนหรือเปล่า?” เจ็ทโด้คอยแหย่ให้พูด แทนหันมาค้อนอีกครั้ง...
“เขาไม่มีคุณสมบัติของผู้นำแม้แต่นิดเดียว แก้ปัญหาภายในก็ไม่ได้ จะพาสาวกไปเที่ยวโลกกว้างก็พูดภาษาไม่ได้ ลาออกก็ไม่ได้ โดนไล่ก็ออกไม่ได้หลายครั้งผมเห็นแววตาของเขาอึดอัด เรื่องเดียวที่เขามีผลงานเด่นไปทั่วโลกคือ ยุทธการขี่ช้างไล่จับดักแด้”
“อะไรของมึง?”
“ใช้กองกำลังติดอาวุธและงบประมาณหมดไปกับการปราบเด็กนักเรียนมัธยม”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!มึงก็ช่างให้เกียรติ”
“ช่างเถอะพี่! มันจบไปแล้วช่วยเขาไปเถอะ อย่างน้อยเขากับเราก็พูดภาษาเดียวกัน” แทนยังคงเป็นคนจิตใจดีเสมอมา
“แล้วใครจะคอยดูแลให้ข้าวให้น้ำล่ะทีนี้”
“ยายล้นไงล่ะครับ! ส่งไปให้เธอดูแล”
“อย่านะ! ถ้าส่งไป...ยายล้นยิงหัวแน่ ใจกล้าขึ้นมากทุกวัน มึงไม่เห็นพัฒนาการของเด็กเหรอ?” เจ็ทโด้ยิ้มแหยง ๆ
“ถ้าเขามีวาสนาก็รอด ช่วยได้แค่นี้แหละหรือพี่จะเอาไปด้วย”
เจ็ทโด้หันขวับ...“กูไม่สะดวก อย่ามายุ่งกับกู!” เขาเดินหนีห่าง
“ลืมไอดอลของตัวเองแล้วสินะ!” แทนตะโกนตามหลัง เจ็ทโด้ยิ้มกว้างหันมาถามต่อ...
“แล้วเรื่องทุนนิยมล่ะ กูไม่เข้าใจคุณลุงบอกว่ามันทำลายครอบครัวทำลายความสัมพันธ์อย่างรวดเร็วจริงมั้ย?”
“ทุนนิยมเหรอ?” แทนหยุดคิด…
“ผมขออธิบายอย่างนี้ดีกว่า ขอเปรียบเทียบกับช่วงอายุของคน ตอนที่เราอายุ 0-20ปี ชีวิตช่วงนี้แหละที่เป็นสังคมนิยม ส่วนช่วงชีวิตที่เลยจากนั้นไปเป็นทุนนิยมจะรวยหรือยากจนแล้วแต่โชคชะตา”
“เอ้าเฮ!” เจ็ทโด้ตะโกนเย้าหัวเราะร่า
“เป็นอะไร?”
“กูบอกแล้วว่าไม่เข้าใจ มึงอธิบายอย่างนี้กูก็ยิ่งไม่เข้าใจหนักไปอีก”
“ไม่เข้าใจตรงไหน?”
“เอา 0-20 ปีก่อน”
“อ๋อ! สังคมนิยมมีความหมายในตัวของมันเอง ช่วง 0-20 ปีของทุกคนก็คือวัยเด็ก เราอยู่ท่ามกลางญาติพี่น้องลุงป้าน้าอาสามารถไปกินข้าวบ้านใคร นอนที่ไหนไปกับใครก็ได้ทุกคนต่างเกื้อกูลจุนเจือกัน ความสัมพันธ์เน้นไปที่จิตใจมากกว่าเงินทองฐานะ”
“อ๋อ! เวลามีกิจกรรมไปเที่ยวเพื่อน ๆ ช่วยกันแชร์ให้คนที่ไม่มีเงินไปเที่ยวด้วยอย่างนี้ใช่มั้ย?” เจ็ทโด้เสริม
“ฉลาดมาก! ในวัยนี้จะเฮตามกันทำตามกันมีความสามัคีแน่นแฟ้น เงินมีความหมายอันดับหลัง ๆ สังคมเกื้อกูลกันทำอะไรเหมือน ๆ กันเพื่อไม่ให้เกิดการแตกต่าง ข้อดีของมันคือไม่เหงา”
“อ๋อ! เหมือนสังคมเกาหลีเหนือน่ะเหรอ?”
“นั่นแหละใช่เลย!”
“ส่วนทุนนิยมเน้นที่ความหรูหราฟุ่มเฟือย การแข่งขันสูง ความเป็นมิตรจอมปลอม ทุกคนต่างมุ่งเข้าหาเป้าหมายเพื่อสนองความต้องการ หนาวมั้ยล่ะพี่?”
“อ๋อ! คนถึงเห็นแก่ตัว น้ำใจลดน้อยลง เข้าใจแล้วที่ว่าสังคมฉีกขาดเพราะคนจะมุ่งไปหาเงินโดยไม่มองข้างทาง ไม่คิดช่วยเหลือใคร เวลาตกยากลำบากฉิบหาย”
“เข้าใจแล้วนะ จบนะ!”
“ถ้าอย่างนั้นกูเห็นบางอย่างที่แตกต่างของสังคมนิยมกับสังคมทุนนิยมบางอย่างแล้วล่ะ”
“อะไร?” แทนขมวดคิ้ว
“น้ำใจ!”
“หือ!” แทนแปลกใจ
“ประเทศที่เป็นสังคมนิยมเกาะกลุ่มช่วยเหลือกัน คล้ายกับสังคมชนบทถึงจะลำบากแต่สุขภาพจิตดีกว่า ทุนนิยมดูโก้เก๋แต่กลวง ดูดีแค่โครงสร้างเปลือกนอก”
“เออว่ะ! ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย” แทนเห็นพ้องด้วย
“แป๊น! แป๊น!” เสียงแตรเรียกความสนใจ รถยนต์แล่นมาด้วยความเร็วสูงจากทางเหนือ กะพริบไฟให้สัญญาณแวบ ๆ
“พรึ่บ!” กลุ่มนักรบไทใหญ่วิ่งหลบข้างรถที่จอดตายข้างทาง เตรียมพร้อมประจัญบาน
ทันใดนั้น... ผู้ชายฝั่งคนโดยสารชะโงกหัวออกมาโบกมือ...
“เซม!”
“เฮ้ย!” ทั้งกลุ่มร้องพร้อมกัน
“เจ้าพยัคฆ์น้อยแบ็กตูพาเพื่อนกลับมาได้ด้วย เก่งมาก! พวกเรากลับไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน” เจ็ทโด้ยิ้มแก้มปริ หมุนตัวกลับ
“วี๊ด...ดด!!” แอร์บัสทะยานขึ้นเหนือน่านฟ้ามหานคร แทนมองผ่านกระจกในขณะที่เครื่องบินเอียงกลับลำ เขายิ้มแล้วโบกมือให้กองซากปรักหักพัง...
“ถึงเวลาได้พักผ่อนแล้วนะที่รัก นอนหลับให้สบายรอเด็กรุ่นใหม่โตขึ้นมาอย่าพึ่งทรุดโทรมพังลงไปก่อนล่ะ ถ้ามีโอกาสผมจะรีบกลับมาฟื้นฟูให้ใหม่” เครื่องบินแอร์บัสบินลับหายเข้าก้อนเมฆ
ทั้งหมดอยู่ในสายตาของนายทหารจีนที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บนยอดตึกสูง ๆ แผนกำจัดลูกน้องหัวดื้อของหวังฉวน สำเร็จลงงดงาม
………………………………………………….หน้าที่เข้าชม | 12,861 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,977 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |