หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 8 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 2 ก.ค. 2567 |
พยองยาง
มุมมองสายตา แทน
เมษายน ค.ศ.2026
“เซมเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ชาวบ้านประท้วงเต็มเมืองเลย” สหายโกมีทักวิทยุเรียกพวกเราตั้งแต่เช้ามืด
“เกิดอะไรขึ้น?” ผมเด้งจากที่นอนรีบแต่งตัว สองสาวเห็นผมอาการไม่ดี กระโดดเข้าห้องน้ำอย่างรีบร้อน
“ชาวบ้านประท้วงหยุดงาน ตอนนี้ออกมาเต็มเมืองแล้วครับ”
“ใครเป็นหัวหน้าม็อบ” หัวของผมสับสนวุ่นวาย สิ่งที่กังวลเกิดขึ้นแล้ว
“คิมมีแรอาจุม่าครับ”
“เธอต้องการอะไร?”
“ผมแจ้งสหายจูยอนไปแล้ว มาฟังพร้อมกันเถอะครับ ผมรออยู่ที่ซันพาเลสนะครับ”
“แป๊น!แป๊น!” เจ็ทโด้ขับรถยนต์มาจอดหน้าบ้านอย่างร้อนใจ ผมรีบวิ่งไปหาจูยอน...
“มันเกิดอะไรขึ้นครับ?”
เธอยิ้มโบกมือให้กลุ่มหมวดจางที่เดินเข้ามาหา
“ฉันก็ไม่รู้ ไปดูกันเถอะ” จูยอนก็สีหน้าไม่เข้าใจกับเหตุการณ์เดินไปเกาะแขนของหมวดจางพาไปขึ้นรถยนต์
“กูว่า ถึงเวลาที่เราต้องกลับบ้านกันแล้วล่ะ” เจ็ทโด้มองกลุ่มชาวบ้านเดินขบวนเป็นแถวยาวข้างทาง
“ยังไง?” ผมงงไปหมดแล้ว
“พวกเราสร้างเขาขึ้นมา ใครจะฆ่าลูกของตัวเองได้ลงคอ เราปรารถนาให้พวกเขามีความสุข ถ้าการไม่มีพวกเราแล้วเขามีความสุขเราก็ควรไป ปล่อยให้เขาเลือกทางเดินเอง จูยอนวางมือแล้วคงห้ามใครไม่ได้แล้ว”
ระหว่างทางกองทหารและชาวบ้านมาออแน่นตามสองข้างทางจนถึงด้านหน้าซันพาเลส ยิ่งรถยนต์เข้าใกล้อาคารเสียงเพลงคุ้นหูยิ่งดังสนั่น
“อารีรัง อารีรัง อาราริโย อารีรัง โกแกโร นอมอกันดา”เสียงเพลงอารีรังดังแว่วหวานปลุกเร้าให้เกิดความสำนึกรักชาติ ถึงแม้นว่าผมจะไม่เข้าใจลึกซึ้งด้านภาษา แต่ท่วงทำนองภาษากายของพี่น้องเกาหลีนั้นก็สามารถบอกถึงสิ่งที่คิดภายในใจ ไม่มีความโกรธในแววตาของผู้ประท้วง
“แทนคะ! ทำไมคนเยอะจัง?” ไป่ไป๋หน้าตื่นไม่ต่างจากซอนและเมียที่หันไปเกาะกระจกมองผู้คน
“ยังไม่รู้ความต้องการของพวกเขาเลย นาตาลีรู้มั้ย?”
“ฉันแวะมาดูสหายคุณลุงทำงานก็ไม่มีใครพูดอะไรนี่คะ ฉันยังคุยกับมีแรอาจุมม่าอยู่เลย ไม่เห็นเธอพูดอะไรนี่นา” เธอก็ฉงน
“กูว่ามึงโดนประชาทันต์แน่ เขามารอกระทืบมึงนั่นแหละ โดนยึดอำนาจไปแล้วมั้ง?” ซอนนั่งเบาะหลังยิ้มกวนตีน แม่ใหญ่หันมาจ้อง…
“เมื่อไหร่จะหายบ้าเนี่ย? เดี๋ยวถ้าได้ยินว่ากวนตีนใครอีกทีนะ โดน!”
“............” เขาก้มหน้าเงียบ
เราก้าวผ่านกลุ่มผู้ประท้วงเข้าไปในที่ทำงานกว้างใหญ่มโหฬาร สหายคุณลุงคิมจุนซอง ผมสังเกตสีหน้าท่าทางของพวกเขาไม่มีความโกรธเกลียดในสายตาทุกคนเปล่งเสียงร้องเพลงพร้อมเพรียงแหวกทางให้พวกเราเดินเป็นช่องจนถึงห้องประชุม
สหายโกมีทักในเครื่องแบบทหารเต็มยศโค้งศีรษะเปิดประตูต้อนรับ ผมหันไปมองสบตากับเจ็ทโด้ด้วยสายตาแปลกใจเหมือนกัน ภายในห้องทีมงานของสหายคิมจุนซองกว่า 20 คนนั่งรออยู่บนโต๊ะประชุมรูปไข่ทางด้านขวา
“เชิญนั่งก่อนครับทุกคน มีเพื่อนมาด้วยเหรอดีจังเลย” สหายคุณลุงยิ้มแย้มกุลีกุจอผายมือเชิญให้นั่ง แล้วประคองจูยอนไปนั่งหัวโต๊ะคู่กับนาตาลียิ่งทำให้แปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” ผมร้อนใจพยายามมองหาสิ่งผิดสังเกต
“พวกเขาประท้วงเรื่องอะไร?” เจ็ทโด้นั่งฝั่งขวาติดกับสหายโกและที่เหลือเป็นสหายร่วมงานของคุณลุง /ผมแอบอมยิ้มเมื่อเห็นสหายอึนซอกและสหายจุนโด สหายกู้ชาติที่ผมเคยรู้จักในวันแรกก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย/
จูยอนขยับยิ้มเอ่ยทักทาย....
“อันยองฮาเซโยยอลาบูน เกิดอะไรขึ้นคะทำไมชาวบ้านถึงรวมตัวกันมากมายขนาดนี้มีงานอะไรกันเหรอ?” เธอถามอย่างใจเย็นแต่สายตาก็ระวังตัวไปด้วย
สหายคุณลุงลุกยืนโค้งศีรษะแล้วหันมองไปที่ทีมงานกว่า 20 ชีวิตที่นั่งลุ้นให้กำลังใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง...
“ผมไม่สามารถต้านเสียงเรียกร้องจากชาวบ้าน ทุกคนอยากให้เชิญสหายกลับมาเป็นผู้นำและพวกผมก็ได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้วเห็นควรเชิญสหายผู้กองและทีมกลับมาเป็นผู้นำ”
“ใช่ครับ! พวกเราเห็นด้วย” พวกเขาตอบพร้อมกันเหมือนนัดไว้
“ฮ่าฮ่าฮ่า! นี่รวมหัวกับชาวบ้านหลอกฉันเหรอคะ?” จูยอนยืดอกยิ้มส่ายหน้า พวกเราถอนหายใจโล่งอก
“ตกใจหมดเลย! ฉันบอกลาทุกคนไปแล้วนี่คะ พวกท่านนำพาพวกเขาไปต่อเถอะค่ะ ฉันไม่ได้ต้องการเป็นผู้นำ” เธอทำตามที่พูดไว้ทุกอย่าง ไม่มีความโลภในใจผู้หญิงคนนี้เลย
สหายคิมจุนซองแย้ง...
“สหาย! ทำเช่นนั้นไม่ได้นะครับ” สายตาเจือความผิดหวัง สหายคุณลุงคนนี้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงวางกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรและเดินงานคู่กับจูยอนมาตลอด
“ทุกอย่างสหายจัดการเรียบร้อยแล้วนี่คะ ใครพร้อมก็ขึ้นเป็นผู้นำสิคะจัดการปกครองกันเองได้เลยค่ะ ฉันไม่ต้องการ” เธอยืนยันหนักแน่นพร้อมโค้งศีรษะ
“สหายจูยอน! เรื่องแบบนี้มันไม่เกี่ยวกับความต้องการ แต่มันเป็นเรื่องของความจำเป็น ชาวบ้านเห็นพ้องกันว่าสมควรให้สหายเป็นผู้นำสูงสุดเป็นขวัญและกำลังใจให้ทุกคน” คุณลุงใช้ความพยายามอย่างจริงใจ เหล่าสมาชิกก็พยักหน้าเห็นคล้อยตามสหายคุณลุง
เธอยังคงส่ายหน้า ยิ้มอ่อนโยน...
“อาจอชี่ทงมู! ขึ้นเป็นผู้นำเถอะค่ะ ท่านมีความสามารถฉันสนับสนุนเต็มที่ค่ะ เราอยู่กันง่าย ๆ แบบนี้ก็ได้นี่คะ”
แต่สหายคุณลุงไม่ยอม เดินไปเกาะไหล่สหายโกมีทักแล้วมองจ้องหน้าจูยอนก่อนจะพูดเสียงดัง...
“ผม...ไม่เคยลืมแววตาและสีหน้าของสหายในวันแรกที่เราเจอกันที่ค่ายกักกันหมายเลข14 เลย สายตาที่มุ่งมั่นแน่วแน่ สายตาของนักสู้ตัวจริงที่ลั่นกลองรบในใจของผมให้ลุกขึ้นสู้”
“............” ทั้งห้องเงียบสนิท
“สหาย!...เป็นคนปลุกให้พวกเราให้ลุกขึ้นสู้ เราจะคล้องแขนกันเพื่อกอบกู้ชาติขึ้นมาใหม่ เราจะรวมชาติเกาหลีเหนือใต้เข้าด้วยกัน ผมตัดสินใจตั้งแต่วินาทีนั้นว่าจะทำงานรับใช้ความคิดของสหายจะเดินเคียงข้างกันจนกว่าจะเดินไม่ไหว สหายผู้พันโกมีทักก็คิดตรงกัน ชาวบ้านข้างนอกรอคอยให้สหายกลับมาเล่าเรื่องการผจญภัยรอบโลก...ทุกวัน” น้ำเสียงที่พูดกลับมาสั่นเครือ ผมตื้นตันกับคำพูดที่กลั่นมาจากส่วนลึกของหัวใจ สายตาที่มองมามีแต่ความจริงใจและอบอุ่น
จูยอนถอนหายใจเบา ๆ หันมองหน้าพวกเรา ทุกคนพร้อมใจกันพยักหน้าลุ้นให้เธอรับตำแหน่ง ผมคิดในใจ...ถ้าต้องอยูที่นี่เราเป็นคนออกแบบการปกครองเองดีกว่า
ผมสนับสนุนเป็นคนแรก...
“ผมเห็นด้วยครับ สหายจูยอนเก่งเรื่องเทคโนโลยีความรู้ด้านนี้ช่วยได้มาก ผมสนับสนุนให้รับตำแหน่ง ผมยกสองมือ” ผมไม่อยากต้องเหนื่อยอีกเป็นผู้บริหารดีกว่าเป็นฝ่ายค้าน
จูยอนยังนั่งนิ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงราบเรียบ...
“เป้าหมายของฉันคือการปลดปล่อย เมื่อสำเร็จแล้วก็ขอเป็นเพียงผู้อาศัยเป็นพลเมืองที่ดีและจะอยู่เป็นคุณยายใจดีเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟัง” เธอยังบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับการเป็นผู้นำ
สหายโกมีทักลุกขึ้นยืน...
“การเชิญสหายกลับมา ไม่ได้เป็นความต้องการของพวกผมอย่างเดียวนะครับ ชาวบ้านข้างนอกฝากมาบอกถ้าสหายไม่กลับมา พวกเขาก็จะไม่ทำงาน เขาจะเริ่มประท้วงหยุดงานแบบโลกเสรีที่สหายเล่าให้พวกเขาฟัง” สหายโกยืดอกผายมือออกไปนอกห้อง...
“สหาย!มองที่ดวงตาของพวกเขาสิครับ สหาย! ไม่ต้องเป่านกหวีดก็มีคนรักมากมายจะทิ้งไปจริง ๆ เหรอครับ?” เขาชี้ไปที่กลุ่มคนด้านนอก สายตาของชาวบ้านต่างรอคอยคำตอบจากเธอ
“...........” ภายในห้องเงียบกริบ ทุกสายตาจับจ้องกดดันไปที่หัวโต๊ะ สหายโกดูจะร้อนรนกว่าใคร หลุกหลิกหันมองหน้านาตาลี...
“ซาจังนีมทงมู! พูดอะไรสักหน่อยสิครับ ช่วยบอกกับสหายจูยอนด้วย เธอไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของพวกผม” เขาประสานมืออ้อนวอน นาตาลีหันมองหน้าพี่สาว...
“อนนี่! ต้องรับแล้วค่ะ เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เราทำเพื่อพวกเขา ฉันจะอยู่ช่วยด้วย ฉันเห็นด้วย” เธอยกมือสนับสนุน
เจ็ทโด้หันมองยิ้มอบอุ่นให้จูยอน ไม่แสดงอาการกดดัน...
“คุณหนีไม่ได้แล้วล่ะ ผมไม่มีปัญหานะไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร เราต้องช่วยพวกเขาทำงาน ถ้าคุณไม่รับตำแหน่งนั้นแนวความคิดของคุณจะไม่มีอะไรปกป้อง” เขาบอกเบา ๆ
เธอสูดลมหายใจลึก ยืดอก...
“ได้!แต่เมื่อถึงวันที่ทุกคนพร้อมฉันจะปล่อยมือนะคะ” พอสิ้นเสียงของเธอ ซันพาเลสแทบจะลุกเป็นไฟ...
“เย้!!!!” สหายเกาหลีภายในห้องกระโดดโลดเต้นดีใจ เกิดความโกลาหลชุลมุน
“แทบัก! สหายจูยอนกลับมาแล้ว” สหายคุณลุงดีใจกระโดดตัวลอยวิ่งไปกอดกับทีมงาน
จูยอนยิ้มกว้างให้กับสหายโกที่ลุกเดินเหนียมเข้ามาหา...
“ยินดีต้อนรับกลับมาครับ จูยอนนูน่า!” เขาเรียกเธอว่าพี่สาว
“ด้วยความยินดีค่ะ โกมีทักนัมดงแซ็ง” เธอเรียกเขาว่าไอ้น้องชาย
สหายโกมีทักในชุดนายทหาร ดีใจมากกว่าใครวิ่งออกไปนอกห้อง ชาวบ้านที่รอฟังคำตอบกระจายตัวเหมือนผึ้งแตกรังวิ่งออกไปบอกต่อ ๆ กันเสียงโห่ร้องดีใจก้องห้องโถง พวกเราก้าวออกจากห้องประชุมเดินออกมาหน้าพระราชวังสุริยะ/ ซันพาเลส/ สหายโกยืนเด่นบนลานบันไดตะโกนใส่กองทหารด้านล่าง…
“ทหารจัดแถว!”
“เย่!!!!” กองทหารขยับตัวกันพรึบพรับ
“ทำความเคารพ สหายอันเป็นที่รัก!” เขาตะโกนสุดเสียง จูยอนเดินยิ้มโบกมือเข้าไปยืนเคียงคู่กัน
“ชุงซอง!!!” เสียงนักรบแห่งโชซอนหนักแน่นดังกระหึ่มสั่นขั้วหัวใจ สหายโกเอามือแตะหน้าอกแหงนมองท้องฟ้า ขอบคุณพระเจ้า
“สหายจูยอนกลับมาแล้ว! ตะเกียงเกาหลีไม่ริบหรี่อีกต่อไปแล้ว”
“เฮ้!!!” ชาวบ้านแสดงความยินดีกันไปทั้งถนน ขวัญและกำลังใจของเกาหลีเหนือกลับคืนมา
เจ็ทโด้ขมวดคิ้วมองไปที่กลุ่มชาวบ้านแล้วกวักมือเรียกใครบางคนในนั้น ก่อนจะหันมาหาผม...
"กูรู้แล้วว่าใครเป็นผู้นำประท้วง ไอ้นี่ฉลาดและเรียนรู้ได้เร็วมาก ต่อไปเราได้ผู้นำฉลาด ๆ อีกคนแล้ว" เขาหัวเราะเบา ๆ มองไปที่นายทหารท่าทางคุ้น ๆ เดินก้มหน้าอมยิ้มเข้ามาหา
“ชุงซอง! เจ็ทโด้เซม! นินจาเซม!” คิมซองบกเดินตัวลีบมาพร้อมกับคิมมีแรอาจุมม่า
“มีแรอาจุมม่ามาประท้วงผมเหรอ ไม่พอใจผมก็เอาไม้เรียวมาตีก้นก็ได้นี่” เขาหันไปทักสหายคุณป้าตัวตึงเกาหลีเหนือ
“ฉันเปล่านะ! ไอ้นี่แหละมันมาขอยืมชื่อของฉัน บอกว่าถ้าทำตามมันแล้วสหายจูยอนจะกลับมาทำงาน” พอท่านพูดอย่างนี้ ผมเข้าใจทันที
เจ็ทโด้อมยิ้มแล้ววางมือไว้บนไหล่ของคิมซองบก...
“ผมว่าแล้วมันแปลก ๆ ผมเห็นทหารปะปนกับผู้ประท้วงหลายคน ผมจำได้...สหายเคยพูดอะไรไว้กับผมที่ Kala Democracy สหายเป็นคนวางแผนสินะ!”เจ็ทโด้เสียงเข้ม เจ้าพยัคฆ์น้อยแบ็คตูยืดอกยิ้มภูมิใจ
“นินจาเซม!” จู่ ๆ เจ็ทโด้ก็เรียกชื่อผมซะเต็มยศ
“เย่!”
“สั่งขังสหายคิมซองบก 1 สัปดาห์ ข้อหาสร้างความวุ่นวาย”
“เย่! ซองบกมีอะไรจะพูดมั้ยสหายหลอกผมด้วย แหม!..ผมได้กลิ่นเลือดและสงคราม แสบนักนะ!” ผมอยากจะตบบ้องหูสักฉาด
“โคตรคุ้มค่าเลยครับเซม!” นักบินยิ้มร่ากับโทษที่ตัวเองได้รับหันไปกอดกับคิมมีแรอาจุมม่า
จากนี้ไปพวกเราคงต้องช่วยกันพัฒนาในสิ่งที่โดนทำลายลงไปให้กลับคืน ผมเองก็มีหนี้ที่ต้องชดใช้ให้จูยอนอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ในอีกมุมของความคิด...ถ้าจะต้องสู้กับจีนพวกเราต้องขึ้นเป็นผู้นำ ทหารจีนตั้ง 2 ล้านคนกับทหารเกาหลีฝึกหัด 2 แสนคน มองยังไงก็ไม่มีทางสู้ได้เลย ปลาเล็กจะกินปลาใหญ่ได้ยังไงนะ ยังคิดไม่ออกเลย.
………………………………………………………………หน้าที่เข้าชม | 12,861 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,977 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |