หมวดหมู่ | The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 3 ก.ค. 2567 |
พยองยาง
มุมมองสายตา นาตาลี
มิถุนายน ค.ศ.2026
ศูนย์วิจัยโชซอน...
ทีมบลูสกายของอีซูมินในส่วนของการผลิต กำลังช่วยกันลำเลียงวัคซีนลงกล่องบรรจุภัณฑ์ และเก็บในโกดังใหญ่ข้างโรงอาหารด้านหลัง ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังเงาดำของเกาหลีเหนือจะมีศูนย์ทดลองวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยมาก ไม่น้อยหน้าไปกว่าโลกเสรี
“ปั้ลลี่! ปั้ลลี่!” เสียงกระตุ้นให้ทำงานเร็ว ๆ ดังตลอดเวลา ทีมวัยรุ่นทำงานแข่งกันอย่างกับหุ่นยนต์ ทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยพร้อมเสียงหัวเราะสดใสทั้งวัน
หมวดจางวิ่งผ่านรถบัสด้านนอกกลับเข้ามาในอาคาร ผ่านลานกว้างของห้องวิจัยตรงมาทางนี้
“เจี่ยเจี้ย! ก่อนที่คุณจะหนีมา คุณทำวัคซีนให้กองทัพจีนไว้เยอะแล้วหรือยัง?” ฉันร้องถามเมื่อเธอเดินอกตั้งเข้ามาในห้องทำงาน
“วันนี้มาได้ด้วยเหรอ?” เธอใบหน้าขาวมีน้ำมีนวล หัวเปียกเสื้อเปียกเดินหอบเหนื่อยอ่อนระโหยโรยแรง มาเกาะโต๊ะกล้องจุลทรรศน์ …
“วันนี้ว่างจะมาช่วย 1 วัน พวกทหารมาใช้อุโมงค์ลมฝึกดิ่งพสุธากัน” ฉันทำงานที่ศูนย์ดาราศาสตร์ฝั่งตรงข้าม แวะมาหาพวกเธอเพราะคิดถึง
“ฉันตั้งเป้าไว้ 8 ล้านโดสแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ เผ่นหนีกันมาก่อน มีที่ทำเสร็จแล้วนิดหน่อยฉีดให้พวกมันไป 1,500 คนแล้ว” เธอยิ้มหอบเหนื่อย
“คุณไปทำอะไรมา เหงื่อเต็มตัว?” ฉันขมวดคิ้วมอง ยายนี่! ไปดื้ออะไรมาอีก?
“วิ่งสิ! วิ่งรอบศูนย์วิจัยนี่แหละ แม่ง! โคตรกว้างเลย โรงงานผลิตและบรรจุผลิตภัณฑ์ด้านหลังได้มาตรฐานมาก โรงครัวก็หอมจนไส้ของฉันจะออกปากแล้ว” เธอหายใจหอบเหนื่อย ทิ้งตัวนั่งเก้าอี้ติดกัน
“ทึ่งมั้ย?”
“โคตรทึ่งเลย วันแรกที่ฉันมาเห็นที่นี่ตกใจมาก แม่ง! โคตรยิ่งใหญ่ คุณรู้มั้ยว่าที่นี่ไม่ใช่แค่ศูนย์ทดลองวิทยาศาสตร์ธรรมดาทั่วไป มันเป็นศูนย์วิจัยโคลนนิ่งมนุษย์ มันฆ่าเพื่อเอาอวัยวะ มันคงหาทางเป็นอมตะ คุกขังคนไข้ชั้นใต้ดินอย่างโหดน่ะ!”
“สหายโกบอกว่ามันขายอวัยวะด้วย นักโทษในค่ายกักกันเป็นหนูทดลองชั้นดีกฎหมายรุนแรงปิดปากคนต่อต้าน นี่คงเป็นหนึ่งในหลายเหตุผลที่มันไม่ยอมให้คนในชาติคุยกับคนแปลกหน้า”
“คุณเคยไปบ้านพักท่านผู้นำมั้ย?”
“เคยสิ! แม่งใหญ่ยิ่งกว่าราชวังแวร์ซายอีก มีทั้งหลุมหลบภัยทั้งป้อมปราการ สวนสัตว์ อยู่ไม่ไกลกับบ้านบนเกาะของเราหรอก เลยสนามฟุตบอลไปนิดเดียว”
“ทำไมไม่ไปพักที่นั่นกันล่ะ?”
“ทีแรกเจ็ทโด้ก็จะพาพวกเราไปพักที่นั่น แต่จูยอนบอกว่าอย่าไปให้ความสำคัญกับสัญลักษณ์แห่งการกดขี่ ตอนนี้เธอเปิดให้ทุกคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้ ทำเป็นสวนสาธารณะไปแล้ว เนื้อที่มันกว้างใหญ่เกินกว่าเราจะพักให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ดีกว่า”
“จูยอนนี่ใจเด็ดดีนะ ไม่โลภแม้แต่นิดเดียว ฉันซะอีกตามคุณไปทุกที่เพราะอยากได้เงิน อยากประสบความสำเร็จ แต่ช่างมันเถอะ! ฉันเก่งเดี๋ยวก็แก้ไขทุกอย่างได้เองแหละ”
ฉันยิ้มมองหมวดจางของฉันอย่างภูมิใจ เธอไม่ยึดติดกับลาภยศเงินทองอุทิศตัวให้กับการทำวัคซีน เส้นทางชีวิตของเธอพลิกผันตลอด จากมียศสู่การเสื่อมยศ มีลาภสู่การเสื่อมลาภ จากคนที่มีพร้อมทุกอย่างกลับลงสู่สามัญ ฉันไม่เคยได้ยินเธอบ่นเสียดายเงินทองหรือบ่นถึงความลำบากเลย
“เจี่ยเจี้ย!คิดว่าพวกเรานี่บ้าไหม ฉันขำตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่ะ?”
“เรื่องอะไรคะดอกเตอร์?” เธอไม่เคยย่อท้อในการทำงาน และมองไปที่ผลลัพธ์ของมันเสมอ
“พวกเราสร้างวัคซีนขายได้เงินมหาศาล แต่สุดท้ายเงินกลายเป็นเศษกระดาษ โลกล่มสลายจากวัคซีนที่เราทำ” ฉันหัวเราะเบา ๆ กับชีวิตบัดซบ
“เราก็ช่วยกันกู้โลกขึ้นมาใหม่สิ เงินของเราก็จะกลับมามีความหมายอีกครั้ง ภารกิจมีคนแค่ 3 คนเท่านั้นที่ทำวัคซีนได้และตอนนี้ก็อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว” เธอยักไหล่ ไม่ยี่หระ
“ถ้าเงินซื้ออะไรไม่ได้และอาหารพวกนี้หมดลง คุณใช้ชีวิตต่อไปได้ไหม?” ฉันถูกเลี้ยงดูอย่างดีมาทั้งชีวิต ไม่ต้องดิ้นรนไม่เคยรู้จักคำว่ายากลำบากและหิวโหย
“ถ้าเงินไม่มีความหมายก็ดี คนก็ไม่ต้องเปรียบเทียบกันต้องหันหน้ามาพึ่งพากัน ฉันคิดว่าอยู่ได้ ฉันทำเป็นทุกอย่าง” เธอยิ้มมั่นใจแต่ฉันส่ายหน้า โลกมืดมนมากสำหรับฉัน...
“ฉันสิ! หมดประโยชน์ไปเลย ความรู้ที่มีไม่มีค่าอีกเลย และฉันก็หากินแบบคนทั่วไปไม่เป็น หุงข้าวยังไม่เป็นเลย” ฉันมองเห็นแต่ความยากลำบากต้องเป็นภาระให้เพื่อน ๆ
“ฉันไม่มีวันปล่อยให้คุณลำบากหรอก คุณจะลำบากต่อเมื่อฉันตายก่อนเท่านั้นแหละ! คุณจะเชื่อหรือเปล่าไม่รู้นะ ฉันตั้งใจว่าจะดูแลคุณไปยันแก่เฒ่าเลยล่ะจะเป็นคนกลบดินฝังคุณในวันสุดท้าย เดี๋ยวน้องแทนก็เป็นหนุ่มแล้วเขาช่วยเธอได้แน่” เธอสีหน้าจริงจัง ฉันเชื่อใจเธอ // รักคุณจังเลยหมวดจาง //
“คนที่ทำให้โลกเป็นแบบนี้ก็มาจากคุณกับฉันนะ ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะเงิน บัดซบจริง ๆ” ฉันหันไปล้อ
“จริง ๆแล้วไม่ใช่เพราะเงินอย่างเดียวหรอก เราชอบที่จะทำมันต่างหากเงินเป็นของแถม ฉันถึงต้องเหนื่อยคอยแก้ไขมันอยู่ทุกวันนี้ไง ไอ้พ่อค้าหน้าเลือดมันบอกว่า ถ้ามนุษย์โลกกลับสู่ภาวะปรกติทุกคนจะมีแผลเป็นติดตัว เขาจะเอาครีมลอกคราบมาขายแพง ๆ”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ฉันหัวเราะร่วน ขำผัวเมียคู่นี้
“ตอนที่คุณถูกจับไป คุณเคยรู้สึกมั้ยว่าไม่อยากทำวัคซีนให้กับหวังฉวน?” ในสมัยตอนที่ฉันโดนโมเสสจับกลับไปบางครั้งก็อยากทำแต่บางครั้งก็ไม่อยากความรู้สึกผิดมันตีกันจนสับสนอยากรู้ว่าเธอจะคิดอย่างไร?
“ฉันมองไปที่ปลายแม่น้ำมากกว่า ฉันไม่ได้ทำเพื่อหวัง ฉวนฉันทำวัคซีนเพื่อใครสักคน วัคซีนของเราช่วยคนได้ใครได้ไปก็เป็นโชคดีของเขา ถึงแม้ความดีความชอบจะไปตกกับคนอื่น ฉันก็ไม่แคร์ ฉันอยากช่วยคนจริง ๆ นะ” เธอพูดหนักแน่น
“คุณกับจูยอนเก่งเหมือนกันเลย แต่คิดกันคนละมุม”
“ยังไง?”
“คุณสนใจช่วยชีวิตคน สำหรับคุณแล้วมนุษย์สำคัญที่สุด แต่สำหรับจูยอนแล้วมนุษย์คือตัวปัญหา เธอให้ความสำคัญกับโลกใบนี้และสรรพสัตว์มากกว่า เธอแอนตี้นิวเคลียร์มาก”
“ใครผิด?”
“ไม่มีใครผิด! ถ้าแนวคิดของเจ็ทโด้สำเร็จก็ดีเนอะ”
“ฉันเห็นด้วยนะ ถ้าเราทำงานกับเด็กมันสัมฤทธิ์ผลมากกว่าและถ้าไม่มีผู้ใหญ่เฮงซวยมายึดอำนาจและอวดอ้างว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน โลกอนาคตดีขึ้นแน่”
“เฮ! เฮ!” เสียงวัยรุ่นสนั่นศูนย์ เสียงของอนาคตดังกว่าเสียงของอดีตเสมอ
วันนี้ศูนย์วิทยาศาสตร์โชซอนคึกคักเป็นพิเศษ เด็กวัยรุ่นชุดแดงมาดูงานมากมายพวกเขากำลังแบ่งกลุ่มเรียนรู้งานด้านในอาคาร อีซูมินเป็นคนถ่ายทอดความรู้จากเราไปสู่พวกเขาและเล่าเรื่องจากโลกภายนอกให้เหล่านักเรียนรุ่นน้องฟังเปิดม่านแบเรียที่ครอบประเทศไว้ ฉันหันชะเง้อมองไปท้ายห้องโถงอย่างโล่งใจ...
“ซูมินเก่งมากสอนง่ายเข้าใจเร็ว สอนงานคนอื่นได้แล้ว เราได้ผู้ช่วยมือดีมาอีกคน มีความสุขจังเลย”
วันนี้ไป่ไป๋พาทีมพยาบาลเข้ามาทำความรู้จักกับวัคซีนที่ศูนย์วิจัยเธอสวมชุดวอร์มสีแดงขลิบขาว สวมหมวกไหมพรมปิดหัวเต้งเหน่งกำลังลากเส้นบนบอร์ดอธิบายงานให้ทีมของเธอฟัง โดยมีทีมเดอะแก๊งแทรกตัวเข้ามาฟังด้วย
พอเห็นไป่ไป๋แล้วก็ขำ ยายน้องแสบมาก...เธอไม่ยอมให้ผมขึ้นอีกเลยคอยให้แทนไถหัวตลอด พอไถหัวกันเสร็จแทนก็จับเธอไปไถทุกที // ฉันล่ะ! อยากโกนหัวมั่ง //
ซอนเดินยิ้มแก้มบุ๋มนำหน้าวัยรุ่น 3 คนมา ฉันสะดุดตากับหนึ่งในสามคนนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เขารูปร่างผอมสูงหัวโล้นเหน่งท่าทางทโมนกว่าใคร หน้าตาบ่งบอกว่าเป็นหนุ่มเกาหลีขนานแท้ เดินแหย่สาว ๆ อย่างคะนองปาก สาว ๆ ก็ชอบที่โดนแหย่ ทั้งสี่เดินแวะเข้ามาในห้องทำงาน ซอนยืดอกตะเบ๊ะ...
“ชุงซอง ซาจังนีม! ผมพาหัวหน้าหน่วยเดอะแก๊งมาแนะนำตัวครับ”
“หึ๋ย!” ฉันหมั่นไส้กับท่าทางของเขาจังเลย ไม่ต้องทำอย่างนี้กับฉันก็ได้ รีบโบกมือห้าม
“ไม่ต้องเรื่องมาก คุยกันง่าย ๆ ก็พอ”
“เด็ก ๆ มองอยู่ครับ ซาจังนีม!” ซอนอมยิ้มหันมองเด็กทั้งสามแล้วแนะนำ ...
“จองอุงอิล หัวหน้าหน่วยฝูงบินเล็ก” เขาผายมือไปที่เด็กวัยรุ่นชายใบหน้าสะอาดสะอ้านเส้นผมดกดำดวงตากลม ท่าทางเรียบร้อยยิ้มเก่งกว่าทุกคน
“ชุงซอง!” เขายืดอก แต่ฉันสะดุดหูกับฝูงบินเล็กของเขา…
“อะไรของคุณฝูงบินเล็ก ทำไมไม่ให้ทหารเป็นคนรับผิดชอบ?”
“ฝูงบินโดรนครับผม” เขายืดอก หมวดจางส่ายหัวยิ้มมุมปาก
ซอนขยับไปหาคนที่สอง...
“โจอูจิน! หัวหน้าหน่วยจรวดทางเรียบ”
“ชุงซอง!” เด็กหนุ่มตัวไล่เลี่ยกันยืดอก อะไรของเขาอีกวะจรวดทางเรียบ ขี้เกียจถามแล้วพยักหน้ายิ้มรับน้อง
เขาขยับต่อ เด็กหนุ่มหัวโล้นดื้อตาใสท่าทางฉลาดแกมโกงตัวผอมสูงกว่าทุกคน ฉันจำได้แล้ว เขาเป็นตัวป่วนในงานคอนเสิร์ต ดนตรียังไม่ทันขึ้นไอ้นี่แถออกไปเต้นยึกยักก่อนทุกครั้ง ซอนอมยิ้มผายมือ...
“ซนบ๊กซู!”
เจ้าซนเดินอย่างทระนงเข้ามาประจันหน้า หมอนี่ท่าทางไม่กลัวคน สายตาทะเล้นขี้เล่น ยืดอกยื่นหน้ามาซะใกล้เชียวแล้วแหกปากเสียงดัง...
“ชุงซอง!”
หมวดจางสะบัดมือทันที...
“โบ๊ละ! อย่าทะลึ่ง!” เธอตบบ้องหูอย่างแรง เจ้าซนตาค้างทรุดกองกับพื้นแล้วชักกระตุก
“ห่ะ!” ฉันกลัวไปด้วย หมวดจางเล่นงานเด็กหนักไปไหม โดนซัดแรงมากด้วย เด็กจะตายรึป่าวเนี่ย?
เธอเอาเท้าสะกิด...
“สหายจะลุกเองหรือต้องให้กระทืบ” ยายนี่! เล่นงานลูกน้องหน้าเหี้ยมของซอนหงอทุกตัว /เจ้าซน...แกไม่รอดหรอกเพราะหัวหน้าของแก ยังไม่รอดเลย/
“โอย! เซมครับ! ผมปวดหัว” เจ้าซนกุมหัวร้องดิ้นพล่าน ซอนอมยิ้มมอง หมวดจางกอดอก มองจิก...
“ฮานา!” เธอนับ 1 เจ้าซนดิ้นหนัก...
“โอ้ย! เหมือนกะโหลกร้าว ช่วยผมด้วย ต้องตายแน่เลย”
ฉันชักใจไม่ดีก้มลงไปมองใกล้ ๆ เขายิ่งตาเหลือกดิ้นลิ้นจุกปากใจจะขาด แต่แม่ใหญ่ผู้ปราบเด็กดื้อ ยิ้มเหี้ยม...
“ทุล!” เธอนับ 2 ใบหน้านิ่ง
แต่เจ้าซนยังลีลาร้องเจ็บปวดกุมท้อง กุมหัวมั่วไปหมด...
“อมม่าครับผมขอโทษ ผมแต่งงานไม่ได้แล้ว เซมครับ! ฝากบอกอมม่าด้วยผมมีหลานให้ท่านไม่ได้ ผมเป็นลูกเนรคุณ ลาก่อน!” เจ้าซนดิ้นโอดครวญโหยหวนก่อนจะแน่นิ่งไป
“เซ็ต!” เธอนับ 3 แล้วยกเท้าสูง
“คลุก ๆ ๆ ๆ” เจ้าซนกลิ้งหลบเด้งลุกยืน ...
“ถ้าจะกระทืบอย่างนี้ ผมเด้งเลย! หายเป็นปลิดทิ้งเลย!”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” พวกเราหัวเราะลั่นกับความทะลึ่งของเจ้าซน แสบจริง ๆ ไอ้เด็กนรก
หมวดจางรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมเด็กผู้ชาย เธอจัดการกับเด็กดื้อที่รัฐฉานอยู่หมัดทุกตัว เดินหรี่ตาเข้าไปจับไหล่เจ้าซน...
“สหายโกนหัวทำไม แล้วพวกนั้นด้วยเป็นแฟชั่นเหรอ?” เธอชี้ไปที่กลุ่มวัยรุ่น 3 สีทั้งชายหญิงโกนหัวกันหลายคน
“เนกาเจอิลจัลนากา!” เด็กวัยรุ่นเกาหลีเหนือโดนไป่ไป๋วางยา
“กำลังฮิตเลย หมู่บ้านของผมโกนหัวกันหมดเลยทั้งเด็กทั้งคนแก่ อมม่าของผมบอกว่าโคตรสบายหัวเลย อาป้าก็ชอบที่ได้เมียใหม่กลับบ้านตรงเวลาทุกวัน”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!”
“สหายมีความสามารถพิเศษอะไรบ้างถึงได้เป็นหัวหน้า?” เธอจ้องตากดดัน เจ้าซนจ้องกลับไม่ยอมสยบ...
“ผมพูดภาษาจีนได้ครับ เราทั้งสามคนพูดจีนได้เลยได้เป็นหัวหน้า” เขายืดอกรายงานอย่างภูมิใจ
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ไอ้ขี้หมา” หมวดจางหัวเราะลั่น...
“แค่เนี้ยะ!ก็ได้เป็นหัวหน้าแล้วเหรอ ลูกชายของฉัน 4 ขวบยังเก่งกว่าอีก” เธอยิ้มเยาะ เจ้าซนยืดอกไม่ยอม...
“ผมเป็นหัวหน้าทีมไรเดอร์ ผมนี่แหละ!ที่เหินฟ้าตีลังกาได้สามรอบ”เขายืดอกอมยิ้มสีหน้าภูมิใจ ท่าทางกวนตีนจริงแหละคนนี้
“อืม! ท่าทางมั่นใจดี พอใช้ได้” หมวดจางพยักหน้า
ฉันแหงนหน้ามองซอน...
“ซอน! อย่าพาเดอะแก๊งมาจีบเด็กของฉันนะ”
เจ้าซนบ๊กซูยิ้มหน้าบาน แทรกตัวเข้ามาหา...
“ซาจังนีม! ผมไม่อยากมาที่นี่หรอกครับ” สหายซนยิ้มหน้าทะเล้น
หมวดจางขมวดคิ้วเอียงคอ...
“ทำไม!ที่ทำงานฉันมันกระจอกนักหรือไง ฮึ?”
เจ้าซนยื่นหน้า...
“มันเป็นศูนย์รวมสิ่งเสพติด”เขาลอยหน้าตอบ ซอนหันกลับไปมองห้องโถงแล้วอมยิ้มเดอะแก๊งเข้ามามั่วเหลืองไปทั้งห้อง
แต่ฉันไม่ถูกใจในคำพูดของเขา...
“นี่! สหายซน! มากล่าวหาฉันได้ยังไง ที่นี่ไม่มียาเสพติดนะ”
เจ้าซนหันชี้ไปกลางห้องแลบฯ...
“นั่นไงเต็มเลย!มาแล้วไม่อยากกลับติดหนึบชวนหลงไหล โดยเฉพาะอีซูมินนูน่าทำผมใจเจ็บปวดตาทุกครั้งเลยคนอะไรสวยเจิดจ้ามากร้องเพลงก็เพราะยิ้มก็สวย”เขายิ้มปลื้ม หมวดจางยิ้มพยักหน้าพอใจ...
“แสบจริงนะเจ้าซน!” เธอดวงตาประกายตบไหล่น้อง
ซอนหันไปบอกกับทุกคน....
“พวกเราไปซ้อมขี่มอเตอร์ไซด์ที่ลานจัตุรัสกัน”เขาโบกมือไล่
“ไปก่อนนะ!เอาเจ้าลิงพวกนี้ไปขี่มอเตอร์ไซด์ก่อนสักสามชั่วโมง เดี๋ยวผมต้องกลับไปสนามฟุตบอลซูนานที่นั่นกำลังฝึกบินโดรนกันอยู่”
กลุ่มเดอะแก๊งเดินจากไปทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มเด็กสาวชอบใจวิ่งออกมาส่งโบกมือลากัน หลังจากเด็กชายวัยคึกคะนองออกไปจากอาคารเสียงเจี๊ยวจ๊าวเงียบลงทันที
ฉันหันปรึกษาหมวดจาง...
“ผลิตได้สัก 5 ล้านโดส เราข้ามไปฉีดให้เกาหลีใต้ก่อนดีกว่าเนอะ?” ฉันอยากเริ่มต้นก้าวแรกเพื่อคืนชีวิตให้พวกเขา อย่างไรเสียเกาหลีใต้ก็เป็นรกรากของฉันและอยู่ใกล้สุด
“ก็ดีนะ! เอาสิ! คนของเราเยอะแยะ เราต้องทำได้ดีแน่ ๆ” เธอพยักหน้าเห็นด้วย ฉันมีหมวดจางคนเดียวก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว
“เด็ก ๆ ของไป่ไป๋ก็พร้อมแล้ว เด็กของอีซูมินก็พร้อม ถ้าเราช่วยพวกเขาได้ มนุษย์โลกต้องเป็นหนี้บุญคุณเด็กนักเรียนของเกาหลีเหนือ” ฉันคิดว่าถ้าไม่มีอุปสรรค เราก็เพิ่มปริมาณงานไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ช่วยได้หมดโลกเองแหละ เครื่องไม้เครื่องมือมีครบทุกอย่าง
“รัฐจีนคงไม่มายุ่งกับเราอีกแล้ว ฉันคิดว่าคราวนี้เราคงทำสำเร็จ” หมวดจางยิ้มอย่างมีความหวัง
“ฉันอยากให้เจ็ทโด้หรือซอนก็ได้ไปจัดการกับหวังฉวนก่อน ฉันไม่ไว้ใจมันเลยมันโจมตีเกาหลีเหนือแน่ ๆ ฉันจะคืนนกหวีดให้คุณนะ” ฉันถอดนกหวีดเหลือไว้แต่ของยอร์น เธอมองมาด้วยสายตาสงสัย...
“ไม่กลัวฉันเป่าใส่คนอื่นอีกเหรอ?”
ฉันโยนนกหวีดใส่หน้า...
“อยากทำอะไรก็ทำ ทำแล้วก็มาช่วยกันแก้ไขด้วย” เอาไปเถอะ! อยู่กับฉันก็เปล่าประโยชน์ ฉันโคตรกลัวTamer 30 มากกว่าอะไรเลยให้หมวดจางเก็บไว้เป็นอาวุธช่วยจูยอนดีกว่า เธอกล้ามากกว่าหลายขุม
“สหายผู้บัญชาการ!” เสียงแทนเรียกผ่านวิทยุมา
“เย่!”
“ผมไป DMZ นะครับ ทหารรายงานว่าเกิดระเบิดขึ้น ผมจะไปกับสหายโก!”
“ระวังตัวด้วยนะคะ! อย่าเสี่ยงอันตรายไปช่วยใครมั่ว ๆ นะคะ คุณมีอีก 2 คนรออยู่ ฉันรักคุณนะ” ฉันรีบจบการสนทนาเมื่อเห็นไป่ไป๋เดินยิ้มเข้ามา รีบกลบเกลื่อนพิรุธไม่อยากให้น้องรู้
“อนนี่!เกิดเรื่องเหรอ แทนเป็นอะไรหรือเปล่า?” เธอยิ้มหวาน
“ไปลาดตระเวน เดี๋ยวก็กลับ DMZ แค่นี้เอง”
หมวดจางหันมามองฉันด้วยสายตาเหยียดหยัน ข้องใจอะไรฉันอีกล่ะ ถึงมองด้วยสายตาแบบนี้? ...
“ฉันสงสัยมานานแล้ว ใครแต่งตั้งให้คุณเป็นสหายผู้บัญชาการวะ ตาบอดรึเปล่า? หึหึ!” นั่นไงข้องใจจริง ๆ ด้วย อย่ามาว่าตำแหน่งของฉันนะ
“ทำไม?...ฉันเป็นได้ก็แล้วกัน บอกอะไรพวกเขาก็เชื่อ”
เธอหันมายิ้มแหยแล้วลูบหัวตัวเอง...
“ทำไมต้องโกรธด้วยฉันแค่สงสัย แหม!!!ล้อเล่นไม่ได้เลยนะ จุดเดือดต่ำเหลือเกิ้นตั้งแต่เป็นทหารเนี่ย” เธอหัวเราะเสียงใส
ไป่ไป๋เข้ามาสมทบ...
“หนูก็สงสัย อนนี่!เป็นเจ้าของประเทศเหรอ?” เธอเท้าโต๊ะจ้องมอง
ฉันหันไปยักคิ้วให้ยายเหน่ง...
“จูยอนน่ะสิแกล้งฉัน เธอแนะนำกับทุกคนว่าฉันเป็นสหายผู้บัญชาการ ฉันไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยหรอก ช่วงเวลานั้นจิตใจของฉันสาหัสมาก แต่เมื่อผ่านมันมาได้โคตรคุ้มค่าเลย” ฉันคิดถึงความหลังเมื่อครั้งที่สะบักสะบอมเข้ามาเกาหลีเหนือในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของชีวิต
ไป่ไป๋ไม่หายสงสัยเอียงคอขมวดคิ้ว...
“ยังไงคะอนนี่?” ยายโล้นตากลมคิ้วเข้มยิ้มหวาน ฉันสูดลมหายใจลึกแล้วคิดถึงความหลัง...
“พอถึงวันนี้แล้ว! ฉันต้องขอบคุณจูยอน เจ็ทโด้และนินจาอย่างมาก ช่วงเวลาที่หมดอาลัยตายอยากไม่อยากมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่ใช่แค่ไม่ปลอบใจยังแกล้งให้ฉันต้องรับผิดชอบงานมากมาย ไม่ปล่อยให้ฉันหัวสมองว่าง ไม่ปล่อยให้ฉันใช้ความคิด คนที่ฉันเกลียดมากที่สุดในวันนั้นคือใครรู้มั้ย?”
“..........” ทั้งสองส่ายหน้าพร้อมกัน หมวดจางสนใจมองตาใส แต่ไป่ไป๋หน้าเสีย
“ไอ้ยักษ์นินจา! ฉันอยากจะฆ่าเขาวันละ 100 รอบ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“แทนน่ะเหรอ? ” ไป่ไป๋เสียงสูง
“อื้อ!” เมื่อนึกถึงภาพที่เขาทั้งผลักทั้งดันให้วิ่งกับทหาร จับโยนลงบ่อโคลนให้ลงแช่น้ำระหว่างหิมะตก พาไปห้อยโหนทั้งเหนื่อยทั้งโกรธทั้งแค้น อยากบินหนีไปสุดโลก
หมวดจางหันมา...
“ทำไมล่ะเขาไม่ดูแลเธอเหรอ?” เธอขมวดคิ้ว
“อือ! พวกเขารวมหัวกันแกล้งพาออกไปวิ่งทุกวัน กลางคืนก็พาไปออกตรวจ ดูสิ! วันนี้ใครจะแข็งแรงเท่ากับฉันบ้าง ฝึกใช้อาวุธได้ตั้งหลายอย่าง คุณดูนี่ก่อน!” ฉันเปิดเสื้อให้หมวดจางดูซิกซ์แพ็ค ฉันก็โรคจิตถ้าข่มยายจางได้ ต้องทำมันทุกครั้ง
“ฉันทั้งเหนื่อย! ทั้งเบื่อ! ทั้งเกลียด! และกลัวใบหน้าเละของเขา ฉันจะขอร้องจูยอนอย่างไรเธอก็เงียบเฉย หนักหน่อย...ก็ลุกเดินหนีไปเฉย ๆ เจ็ทโด้ก็ร้ายพอกัน เราทะเลาะกันทุกวัน ฉันอยากกลับไปหาคุณแต่ไม่มีใครไปส่ง ต้องอดทนทรมานอยู่ที่นี่” ฉันพูดเหมือนฟ้อง หมวดจางอมยิ้มพยักหน้าพอใจ ไป่ไป๋หน้าจ๋อยยิ้มเจื่อนฉันเอื้อมไปลูบหัวเหน่งปลอบใจ...
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว! อย่าเอาขึ้นมาคิดอีก ถ้ามีครั้งหน้าฉันไม่ให้อภัยเธอแล้วนะ บอกเลย! แม่งโคตรเหนื่อย ใจจะขาดทุกวัน”
“ขอบคุณค่ะอนนี่! หนูจะไม่ทำอีกแล้ว หนูรู้แล้วว่าทุกคนรักหนู ต่อไปหนูจะทำงานมากขึ้นอีก แต่หนูเห็นแล้วว่า อนนี่หายกลัวความสูงแล้ว” เธอเข้ามาหอมแก้ม
“ดีแล้วนาตาลี! ในตอนนั้นถ้าเธอดื้อไปหาฉัน อาจจะตายไปแล้วก็ได้ พวกเขามองไกลกว่าที่เธอคิด เจ็ทโด้! เป็นคนคมในฝักท่าทางภายนอกกับจิตใจของเขาไม่เหมือนกัน ฉันศรัทธาเขานะ” คงจะจริงเธอก็โดนไล่ล่า หลายอย่างที่เจ็ทโด้บอกฉันมักจะคิดไม่ถึง
“นั่นน่ะสิ! ในวันนั้นฉันก็ไม่เข้าใจ คนที่ฉันไม่เข้าใจที่สุดคือเจ็ทโด้ เขาห้ามทุกอย่างและขู่จะจับไปขังที่ค่ายกักกันอีกต่างหาก ฉันทั้งโกรธทั้งแค้นและไม่ชอบขี้หน้าทั้งสามคนมาก ๆ” ฉันฟ้องแหลก
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” หมวดจางหัวเราะกลิ้ง
“เจ็ทโด้เป็นนายทหารไม่พูดมากหรอก คุณมองตาเขาแล้วไม่เข้าใจเหรอ ทำไมฉันเข้าใจเวลาเขาพูดล่ะ?” หมวดจางอวยเขาตลอด เธอไม่เคยมีปากกัน เขาบอกอะไรเธอจะทำโดยไม่ปริปาก ซึ่งต่างจากฉันที่มักจะทะเลาะกับเขาบ่อย ๆ
“ก็คุณเป็นทหารนี่ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?” ฉันแถ ไป่ไป๋โบกมือห้าม...
“เถียงกันอย่างนี้จะรู้เรื่องไหมคะ อนนี่เล่าต่อเถอะ!” เธอบ่นใส่
“ก็นั่นแหละ! ที่มาของสหายผู้บัญชาการ ไม่ได้มีอำนาจอะไรหรอก ส่วนใหญ่คนที่ตัดสินใจจะมาจากพี่ใหญ่สองคนนั้นแล้วมาให้ฉันเป็นคนสั่งให้ทหารทำ ฉันเป็นลูกกระจ๊อกตัวเล็กสุดแต่ตำแหน่งสูงสุดในกองทัพ ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ฉันตลกกับการจัดการของพวกเขา แต่ผลที่ได้คือมันดีมาก จากคนที่หมดอาลัยตายอยากคิดสั้นอยากตายกลายเป็นอยากมีชีวิตอยู่แล้วหนีเพื่อเอาตัวรอดจากไอ้ปีศาจ ฉันคิดว่านี่เป็นบุญคุณของพวกเขาด้วยซ้ำไป
“สิ่งที่ได้จากการผ่านเวลาที่ยากลำบากคือร่างกายและจิตใจที่เข้มแข็ง คุณเห็นแทนกับเจ็ทโด้พูดภาษาเกาหลีหรือเปล่า? พวกเขาเก่งขึ้นมากแล้ว พูดคำยาว ๆ ได้แล้ว” ฉันคิดถึงใบหน้าสองหนุ่มของฉัน...
“อีกอย่าง! คุณเห็นทหารที่เจ็ทโด้ฝึกไหม คุณสังเกตแววตาของสหายโกเวลามองเขาสิ พวกเขามองเหมือนเทพเจ้า” ฉันบอกกับสองสาวด้วยความภูมิใจ ไป่ไป๋ยิ้มตาใส...
“ไอ้คาวบอยที่ขับรถบรรทุกคนนั้นเป็นคนเดียวกับคนนี้รึป่าวคะเนี่ย? หนูภูมิใจจังที่ได้เป็นน้อง ดีนะที่หนูไม่เคยเกลียดเขาเลย”
“เจ็ทโด้โคตรเท่! เวลายืนต่อหน้าทหารทั้งกองทัพ เขาคือผู้นำตัวจริง พอฟังเขาพูดแล้วฮึกเหิม อยากออกรบ” ฉันเองก็ภูมิใจที่มีโอกาสได้เป็นลูกศิษย์ของเขา
นึกย้อนไปถึงใบหน้าของผู้ชายผมยาวท่าทางยียวนกวนตีน ชอบดึงจมูกตัวเองและก่อนจะพูดอะไรก็ต้องพูดว่า เจ็ทโด้ ทุกครั้งไป พอได้เห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวแล้ว ฉันยอมใจเลย
หมวดจางพยักหน้าเบา ๆ...
“ฉันสังเกตเห็นคนเกาหลีรักพวกเธอมาก เขาทำได้ยังไง?”เธอสนใจแต่เรื่องของเจ็ทโด้ ดวงตาใสขยับตัวอยากรับฟัง
“ฉันก็ไม่รู้! อาจเป็นเพราะพวกเขารักจูยอน เลยเผื่อแผ่มาถึงพวกเราด้วย เจ็ทโด้เคยบอกว่าที่สุดของคนคือความรัก เมื่อรักแล้วจะขออะไรก็ได้ แม้แต่ชีวิตเขาก็เต็มใจให้” ฉันนึกถึงคำพูดนี้บ่อย ๆ และสังเกตจากสิ่งที่ตัวเองได้ประสบมา...
“เจ็ทโด้ให้ความรักกับฉัน ถึงเขาจะด่าจะว่าแต่เขาก็แอบช่วยมาตลอด แม้แต่เรื่องของแทนเขาก็พาไปรักษาและต้องเหน็ดเหนื่อยกับการดูแลคนป่วยที่โดนไฟคลอก จิตใจของเขายอดเยี่ยมมาก”
ไป่ไป๋หันมาดวงตาซาบซึ้ง...
“จริงค่ะ! เจ็ทโด้ให้ความรักกับทุกคน เขาซื่อสัตย์กับรักแรกของเขาจนตายจากกัน หนูกับจูยอนเคยไปอยู่กับเขาตอนที่อนนี่ถูกจับ ช่วงนั้นเขาน่าสงสารมากโดนกีดกันโดนดูถูกเหยียดหยามจากผู้ใหญ่ เขาก้มหน้ายอมรับชะตากรรมและไม่เคยเปลี่ยนใจยังคงมุ่งมั่นทำดีต่อไป สุดท้าย...เขาได้แต่ความเจ็บปวดกลับมา หนูโคตรซึ้งใจเลย หนูถึงรักแทนและไม่ยอมเปลี่ยนใจก็เพราะเห็นเขาเป็นตัวอย่าง”
“ปัง!” หมวดจางตบโต๊ะสะดุ้งกันทั้งคู่...
“จริง! ถ้าเรารักใครเราจะยอม เธอสองคนน่าจะเข้าใจเรื่องนี้มากกว่าคนอื่น เรื่องความรักมันตกลงกันไม่ได้หรอก ความรักแบ่งปันไม่ได้และไม่เคยมีความยุติธรรม แต่เธอ 2 คนเป็นข้อยกเว้น” เธอยิ้มหันมองหน้า
ฉันขยับเล่าวีรกรรมพี่ชายต่อ...
“พวกทหารชอบมากเวลาเขาลงไปฝึกใช้อาวุธ เขาตอบทุกข้อสงสัยและรู้เรื่องอาวุธอย่างกับเขาเป็นผู้ผลิตมันออกมาเอง เขาแยกแยะข้อดีข้อเสียของอาวุธอเมริกันกับรัสเซียได้เป็นฉาก ๆ แต่ฉันชอบปืน กาลิล ของอิสราเอลมากที่สุด” ฉันได้ทักษะความรู้มากมายและได้ความภูมิใจในตัวเองกลับมา...
“เขาลงคลุกคลีสอนแล้วให้เวลาฝึก พอฝึกเสร็จแล้วมาแข่งกับเขา ใครชนะมีรางวัลแต่ไม่มีใครชนะเขาสักคน เขาต่อสู้เก่งมากสอนเทคนิคเยอะเลย วันนี้! ฉันอาจต่อยเก่งกว่าคุณก็ได้นะหมวดจาง” ฉันยิ้มเยาะ อยากขอแก้มือกับเธอเหมือนกัน ไป่ไป๋ยิ้มออกหน้าออกตาขยับมือหักนิ้ว ยายหัวโล้นก็ชอบยิงปืน
หมวดจางอมยิ้ม...
“แล้ว! คุณจำแทนได้ยังไง? ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าใช่ แต่พวกเธอก็เถียงฉัน”
ฉันส่ายหัวกับความโง่บัดซบของตัวเอง...
“จูยอนกับเจ็ทโด้รู้อยู่ก่อนแล้วว่าแทนยังไม่ตาย จูยอนพยายามบอกหลายครั้ง ฉันก็ไม่เชื่อ! เจ็ทโด้นะปิดปากเงียบสนิทไม่มีปริปากสักคำ เขานั่นแหละที่ทำให้พวกเราเชื่อว่า แทนตายไปแล้ว ครั้งสุดท้าย! ก่อนมาเกาหลียังหลอกพวกเราไปไหว้หลุมศพใครก็ไม่รู้ กวนตีน!” ฉันยิ้มขำกับตัวเอง
ไป่ไป๋ขยับเข้ามา...
“นั่นน่ะสิ! หนูก็ปักใจเชื่ออย่างนั้นไปเลย นินจาก็ตัวใหญ่กว่าแทนอีก เนอะ!อนนี่เนอะ?” เธอหันมาพยักเพยิด ฉันไม่รู้หรอกจำไม่ได้ เธออยู่กับเขามากกว่าฉันอีกยังจำไม่ได้เลย ฉันจะไปจำอะไรได้
“ใช่! เขาตัวใหญ่ขึ้นกล้ามก็ใหญ่ เขาใส่โครงเหล็กทดกำลังในเสื้อคลุมยิ่งน่ากลัวไปอีก เหมือนปีศาจ” ทุกวันนี้ ฉันไม่ให้เขาใส่แล้ว...กลัว
หมวดจางถามไม่เลิก...
“แล้วยังไง จำได้ยังไง?” จิกเป็นไก่เลยนะ
เรื่องที่ฉันไม่อยากจะพูดถึงมันอีก ไม่ได้อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ไม่มีความภูมิใจเลย ฉันจะบอกได้ยังไงว่า จำรูปร่างและแววตาของเขาไม่ได้แต่จำเจ้างางอนได้ จำเส้นเลือดขอดที่พันกันเป็นรูปหัวใจที่กลางลำนั้นได้ ฉันส่ายหน้าปฎิเสธไว้ก่อน...
“เป็นตายยังไงฉันก็ไม่บอกพวกคุณหรอก ฉันจำของฉันได้ก็แล้วกัน” ฉันเลี่ยงที่จะตอบตรง ๆ หน้าร้อนผ่าว.../กูอยากจะบ้าตาย/
“งั้นถามใหม่...เธอโดนป้าบ!ป้าบ!ป้าบ!วันไหน? หึหึ!” หมวดจางก็นะ ถามไม่เลิกยังจะหัวเราะกันอีก
“คุณตั้งคำถามผิด ต้องถามว่าเขาโดนฉันป้าบวันไหนถึงจะถูก ฮ่าฮ่าฮ่า!ฮิ้ว!” ฉันหัวเราะสะใจ คิดถึงวันแรกที่ร่วมรักกัน วันนั้นความรู้สึกของฉันเหมือนกับว่านั่งเล่นขุดดินหน้าบ้านแล้วเจอบ่อน้ำมัน ดีใจประมาณนั้น
“เขาโดนจับขี่ตั้งแต่วันที่ฉันจำได้เลย นี่หมวดจาง!...ฉันชวนเขาก่อนเลยนะ” ภูมิใจมาก ยิ้มกว้างที่พิชิตเป้าหมายสูงสุดของชีวิตได้ //ไม่รู้จะอวดทำไม แต่กับยายจางมันต้องอวด//
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ลื่นปรื้ด!ลื่นปรื้ด!” เธอยิ้มหน้าบานหัวเราะชอบใจแล้วจิ้มหัวฉัน...
“ยายโรคจิต!! ฝันสูงสุดตลกมาก”
“พวกคุณก็โรคจิต! ไป่ไป๋โกนหัวหน่อยเดียวยังมารุมกันเป็นแมลงวันตอมขี้เลย แทนนะ! ตั้งแต่ยายน้องโกนหัวหันไปมั่วกันสองคนทั้งคืน แทนก็โรคจิตเหมือนกันแหละ!!” ฉันหันไปค้อน ยายหัวโล้นลูบหัวยิ้มอาย...
“บ้าอนนี่! อายนะ!” เธอบิดตัวอายหน้าแดง ได้เห็นท่าทางหมดทุกข์เห็นน้องมีความสุขแล้วก็สบายใจหรือฉันจะเป็นโรคจิตด้วยนะ
หมวดจาง หันมาจิ้มหัวเหน่งน้อง...
“ทีอย่างนี้ล่ะทำเป็นอายยัยโรคจิตชอบโชว์ของ รู้ไหมทหารยังคุยเรื่องกางเกงของเธอกันอยู่เลย ถ้าฉันเป็นผู้ชาย เธอโดนก็แล้วกัน”
ไป่ไป๋หันไปยื่นหน้า แลบลิ้นล้อ...
“แน่จริงก็มาดิค้าบ!” เธอล้อแล้วอายมุดหน้า /บอกแล้วยายนี่ย้อนแย้ง /
หมวดจางเสยผมปรับสีหน้าใหม่...
“ฉันจะไปเป็นนักบินในกองทัพนะ ที่นี่!ปล่อยให้อีซูมินคุมงานไป”
“ดีเลย! ฉันมีเรื่องอยากจะถามอีกครั้ง คุณเชื่อเหรอว่านกหวีดนี่เอาไว้เป่าควบคุมจูยอนจริง ๆ?” ฉันยกนกหวีดในคอ
“หวังฉวนกลัวซะขนาดนั้น คุณคิดว่าคนอย่างมันจะกลัวอะไรง่าย ๆ เหรอ? ไม่ต้องคิดเรื่องนี้แล้ว” เหตุผลของเธอก็มีน้ำหนัก ไป่ไป๋เหล่มอง..
“ไม่รู้ล่ะ! ไปไหนเอาหนูไปด้วยนะ หนูก็ไม่อยากเป็นพยาบาลหรอกไม่ได้ไปไหนเลย อนนี่โชคดีจังซูมินน่ารักมากพร้อมไปทุกอย่างเหมือนกัน” ไป่ไป๋หันไปมองไปท้ายห้องทดลอง ซูมินเอาปากกาเหน็บหู เดินกอดแฟ้มชะโงกดูทีมทำงานไปเรื่อย สายตาจดจ่อกับงานมือก็จดบันทึกตลอด
“อนนี่รู้รึป่าวคะ แทนกำลังจะติดต่ออีซูมินให้สหายโก?” เธอบอกแล้วยิ้มกริ่ม
"แต่น้องยังเด็กนะ เพิ่งจะ17-18เอง ไม่ไหวหรอก” ตอนอายุขนาดนั้น ฉันยังไม่รู้จักเซ็กซ์เลย บ้าแต่ส่องกล้องจุลทรรศน์
“หนูก็คิดว่าน้องยังเด็ก”
แต่...
“ฉันโดนล่อตั้งแต่ 14” แม่ใหญ่พูดสวนมาห้วน ๆ
“ห่ะ!”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” ยายเหน่งหัวเราะกร้าก...
“บ้า!เจี่ยเจี้ยไม่ฉีกเหรอ?” ไป่ไป๋หน้าแดงตีแขนรัว ๆ ยายจางตัวแสบเอาอีกแล้ว วางมาดนิ่ง ๆ แบบนี้จะหลอกอะไรฉันอีก ไม่น่าไว้ใจ
หมวดจางยืดอกลอยหน้าลอยตา ยายนี่ต้มฉันเป็นหมูตุ๋นบ่อย ๆ ไอ้เราก็แพ้ทางเชื่อเป็นตุเป็นตะ เวลาฟังเธอพูดเหมือนต้องมนต์สะกด เชื่อทุกครั้งและโดนหลอกทุกครั้ง ไม่รู้เป็นบ้าอะไร?
“พอเลย อย่าโม้!” ฉันเบรกไว้ก่อน
“เรื่องจริง! ฉันนี่แหละน้องสาวของหมู่บ้าน หนุ่ม ๆ แถวบ้านโดนฉันจับกดบดเส้นสองสลึงขาดกระจุย เลือดโชกร้องไห้กลับไปฟ้องแม่ ฉันนี่แหละ! ตัวตึงตานตง” ยายหน้ามึน พูดหน้าตาย
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ไป่ไป๋หัวเราะตกเก้าอี้ไปเลย
หมวดจาง คนสวยเจ้าเล่ห์หันมา...
“ทำไมฉันถึงไม่มีเพื่อนรู้ไหม?” เธอขึงขังจริงจังมาก ยายนี่พูดฉันพยายามจะไม่เชื่อ ต้องคิดหลายตลบเดี๋ยวมาหลอกกันอีก ยิ่งแพ้ทางเธออยู่ด้วย
“............” เราสองคนส่ายหัวเป็นคำตอบ
“ผู้ชายพวกนั้นพอโตขึ้น เมียมันพาหนีไปอยู่เมืองอื่นกันหมด ส่วนเพื่อนหญิงก็ไม่มีใครกล้าคบกับฉัน ฉันเลยต้องมาคบกับคนบ้าอย่างนาตาลีไงล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า!” เธอหัวเราะร่วน /ยายโล้นตัวงอ ตายไปแล้ว/
นี่! ฉันจะเชื่อดีมั้ย?...
“บ้า ! อย่ามาโกหก คุณเอาทั้งหมู่บ้านเลยเหรอ ได้เยอะมั้ยล่ะ?” ฉันย่นจมูกใส่ไม่อยากเชื่อขี้หน้า แต่ลึก ๆ ในใจก็อยากรู้ ยายนี่รู้จักนิสัยผู้ชายจัดการกับเด็กผู้ชายอยู่หมัดทุกราย และเธอก็สวยเจ็บหุ่นบาดใจ
หมวดจางยิ้มอย่างคนเหนือชั้น ยื่นหน้ามา...
“ฉันได้ทุกวัน 2 แท่ง 3 แท่ง นอนหลับสบาย ฮิ้ว!!” เธอยกไหล่ชิลมาก
“เจี่ยเจี้ย! บ้า! ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ไป่ไป๋จิตหลุดไปอีกโลกแล้ว
“ฉันฮอตจะตายไป หนุ่ม ๆ มานั่งรอหน้าบ้านทุกวัน แค่ฉันเดินออกมาซื้อขนมกินก็ต่อยแย่งกันแล้ว จนต้องจัดคิวให้...งานชุกคิวแน่นทุกวัน” ยายมั่นพูดเต็มปากเต็มคำและก็น่าเชื่อเพราะเธอสวยมาก //เริ่มรู้สึกอิจฉา ฉันต้องชนะเธอให้ได้คอยดูสิ//
“ไม่เชื่อ!” ฉันยังปากแข็ง
“ดอกเตอร์!...ฉันขอใช้คำพูดของคุณตอบคุณก็แล้วกันนะ คนที่ประสบการณ์ไปไม่ถึงนึกภาพไม่ออกหรอกและไม่มีวันจินตนาการเห็นภาพด้วย ความรู้สึกมันเป็นยังไง! ฟินไหม! คิมูจี๋! คีมูจี๋! โออิชิ! ถ้าอยากรู้ก็ถามสิ! กูรูนั่งอยู่นี่แล้ว!” เธอไขว้ขายักคิ้ว
“โอ้ว!ตัวแม่มาเอง” ยายโล้นตื่นเต้นตาโตยื่นหน้ามา...
“แล้วดีไหมคะ ดีมั้ย?” ยายหัวเหน่งอายใบหน้าแดงก่ำ แววตาเป็นประกายกัดริมฝีปากลุ้น สายตาคู่นั้นช่างเต็มไปด้วยความอยากรู้ /เธอขี้อายจริงรึป่าววะเนี่ย?/
หมวดจางเชิดหน้ากอดอกวางมาดขรึม ยื่นหน้าไปหายายเหน่ง...
“สุด ๆ อ่ะ! ลื่นปรื้ด!ลื่นปรื้ด!” หมวดจางสายตาสุดยั่ว ทำเอายายเหน่งเคลิ้มตาม
เธอขายฝันต่อ...
“ฉันรอเครื่องบินอยู่ ถ้าได้เครื่องบินมาเมื่อไหร่ก็จะไปแอฟริกา ไปเอาพวกผิวสีตัวบึ่ก ๆ แท่งดำ ๆ สัก 4 - 5 อัน มากินเป็นขนมขบเคี้ยว ใครสนใจมั่ง?” เธอเลียริมฝีปากพูดหน้าตาย พูดซะเห็นภาพชัดกว่า HD อีก
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! บ้า!บ้า!บ้า!” ไป่ไป๋หน้าแดงดิ้นหัวเราะลั่น
หมวดจางเหล่ตามองมา...ฉันใจหายวาบรีบเมินหน้าหนี อย่ามามั่ว ฉันไม่ติดเบ็ดหรอก แต่ในใจเริ่มถามตัวเองแล้วว่า จริงป่าววะ?...
“เฮ้ย! เด็กน้อยไปด้วยกันมั้ย?” ยายจางเอาจุดอ่อนของฉันมากวนประสาทอีกแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ฉันไม่โกรธกับคำว่าเด็กน้อยแล้ว ต้องตั้งสติใจแข็งไว้ อย่าไปเชื่อยายคนหลอกลวง...
“ไม่ไป!” ฉันเชอะใส่
“จริงหรา? ช็อกโกแลตแท่งอวบ ๆ กรุบกรอบเลยนะ” เอาแล้ว...ยายจางเลียริมฝีปากขยับมาลูบแขน ฉันก็บ้าบอ ขนแขนเสือกตั้งซะงั้น เริ่มลังเลเหล่ตามอง จะเชื่อดีหรือเปล่าวะเนี่ย?
“ฉันจะฟ้องซอน” ฉันปัดมือของเธอออก
“คิดดูนะ! ช็อกโกแลตแท่งอวบ 4-5 อันแกว่งไกวอยู่ตรงหน้า เลือกกินไม่ถูกเลย สุด ๆ อ่ะ ลื่นปรื้ด!ลื่นปรื้ด!” เธอลอยหน้าลอยตาอย่างกับแท่งช็อกโกแลตลอยอยู่จริง ๆ
“เดี๋ยวแทนโกรธ ฉันมีแทนแล้ว”
“คุณไม่พูด ฉันไม่พูดผัวจะรู้ได้ไง แต่ถ้าเธอไม่ไป...ยายเหน่งไปด้วยกัน!” ยายจางสั่งเฉียบขาด
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! หนูลดความอ้วน หนูไม่ไป!”
“ไม่ไปไม่ได้! เธอได้ยินแผนหมดแล้ว” ยายจางจ้องสายตาดุขู่น้อง เวลาเธอขึงขังพวกเราก็แหยงเหมือนกัน
“หนูจะฟ้องซอน จะฟ้องทุกคนเลย” ยายเหน่งขู่กลับไป
“ฉันจะตัดพี่ตัดน้องกับเธอ คอยดูสิ!” ท่าทางของเธอจริงจัง ไป่ไป๋หน้าจ๋อยสายตาละห้อย ร้องครวญเบา ๆ....
“ก็หนูไม่ชอบช็อกโกแลต”
“งั้นฉันจะแวะ สเปนเอากระทิงดุ ๆ มาให้เธอขี่”
“หนูกลัว!”
ยายจางแฉลบมาหาฉันแล้ว...
“ฉันจะทำสถิติโลกจะเป็นผู้หญิงที่ได้อึ้บกับผู้ชายทุกชาติ ฮ่าฮ่าฮ่า! ประสบการณ์ของฉันไปไกลกว่าเธอแน่ ไปมั้ยดอกเตอร์! ช่วยถ่ายรูปเป็นพยานให้หน่อย ก่อนกลับจะแวะไปดูแขกแถวตะวันออกกลางด้วย เขาลือกันว่า มันยาวมาก”
“จะไปเมื่อไหร่ล่ะ จะได้สั่งให้เขาเอาเครื่องบินมาให้?” ข้อเสนอเข้าท่าขอตามไปดูด้วยก็ได้
“อ่นนี่!...” ไป่ไป๋ร้องเสียงหลง...
“ทำไมเป็นคนอย่างนี้? เจี่ยเจี้ยอำ!”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” หมวดจางปรบมือหัวเราะลั่น
“ห่ะ!” นั่นไง! หลอกกูอีกแล้ว ยายบ้า! ฉันรีบหันหนีไปหาไป่ไป๋...
“คุยเรื่องอีซูมินต่อสิ ไป่ไป๋” ฉันเปลี่ยนเรื่องดีกว่า/กวนตีนจำไว้เลย/
อีซูมินก็เป็นสาวแล้ว สหายโกเป็นคนที่ใช้ได้ทีเดียว จูยอนสนิทและไว้ใจเขามาก ผู้ใหญ่ทุกคนก็ชอบนิสัยใจคอของเขา ต่อไปได้เป็นผู้นำอีซูมินจะได้ไม่ลำบาก ไป่ไป๋หันมา...
“แทนเคยเล่าให้หนูฟัง”เธอยิ้มบอกดวงตากลมใส
“ตอนไหน ทำไมฉันไม่รู้?” น่าสงสัยเธอก็นอนกับฉันนี่นา ยายจางหันขวับส่งสายตายียวนกวนตีนมาก...
“อุ๊ย! อุ๊ย! มีความลับ” เธอยิ้มกริ่ม
“อ๋อ!...อนนี่หลับหนูคุยกับเขาในห้องน้ำ ดึกมากแล้ว..เกรงใจ!” เธอก้มหน้าหลบสายตา นี่! แอบไปบุ่มบุ๋มกันตอนฉันหลับเหรอ ค้ากำไรเกินควรนี่นา
“ทำไมต้องไปคุยในห้องน้ำ คุยให้ฉันได้ยินไม่ได้หรือไง?”
“อุ๊ย! อุ๊ย!” ยายจางหน้าทะเล้น
“หึ๋ย!” ฉันอยากจะบ้องหูเธอสักโบ๊ะ คนยิ่งสงสัยอยู่ ถ้าคิดไม่ผิด ในห้องน้ำมีที่นอนยางเป่าลม ยายน้องไปเล่นท่ายากแน่
เธอหน้าแดงอายม้วน บิดแฟ้มของอีซูมินหงิกหมดแล้ว...
“แทนน่าสงสารจะตายนอนละเมอทุกวัน หนูตกใจลุกมาปลอบเขาทุกคืน อนนี่ก็หลับไม่กระดิกเลย” เธอปากยื่นพูดเหมือนฟ้องหมวดจาง
“อุ๊ย! อุ๊ย!” ยายจาง จะอุ้ยทำไมหนักหนาเนี่ย ขัดใจจริง ๆ
“แล้วยังไง ฉันผิดว่างั้น?”
“ก็อย่างที่อนนี่บอกน่ะแหละค่ะ แทนโรคจิตมากหื่นมาก หนูโดนทั้งคืนเลย” ยายเหน่งเขิน บิดแขนใหญ่แล้ว
“ไม่ชอบ ว่างั้น!” ฉันเหล่มองยายน้อง
“ทีแรกหนูก็สองจิตสองใจกลัวอนนี่จะคิดมาก แต่เขาบอกว่าให้อนนี่พักบ้าง อนนี่เหนื่อยมามากแล้ว” เธอบิดอายใบหน้าอูมแดงปากจู๋
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! โดนใบแดงไล่ออก!” ยายจาง แอนนาหัวเราะลั่น ฉันไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิดเดียวดีแล้วที่รักกันมาก ๆ แต่ตอนนี้...เกลียดยายจางมาก อยากจะเอานิ้วจิ้มตาสักจึ๊ก
ฉันแกล้งมองจิก แหย่น้อง...
“นอนที่นอนเป่าลมน่ะเหรอ?”
“ยืนค่ะ!” เธอบิดม้วนอายหน้าแดงมุดหน้าหนี
“อุ้ย! อุ้ย! เทิร์นโปรแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!” หมวดจางจะกวนประสาทไปถึงไหนกันเนี่ย? ฉันไม่สน หันมาย่นจมูกใส่ไป่ไป๋ ฉันชอบมองเวลาเธออาย...น่ารักดี ไป่ไป๋ของฉันสวยน่ารักมาก
“อื้อ! หนูเกรงใจอนนี่ แต่หนูก็ดิ้นนะ”
“ดิ้นทำไม?” ฉันสงสัย
ยายจางพรวดเข้ามา …
“ก็เข้าไม่สุดน่ะสิ! ถามได้! หึหึหึ!” กวนตีนได้โล่ห์จริง ๆ
“อื๋อ! รู้ได้ไง หนูอายนะ!” ยายเหน่งหัวหูแดงไปหมด
“ไอ๊กู่! เดี๋ยวนี้เธอเด่นเรื่อง เซ็กซ์กว่าใครเลยนะ” ฉันแกล้งประชด หมวดจางอมยิ้มมองเจ้าเล่ห์ แล้วปรับสีหน้าขึงขัง...
“ถ้าเป็นฉัน! ฉันไม่ยอม! มาสั่งพักงานกันอย่างนี้ ฉันจะประท้วง จะชู 3 นิ้ว” เธอยุอีกแล้ว ฉันไม่ติดเบ็ดเธออีกแล้ว...
“ฉันยอม! คุณลองมาโดนเจ้างางอนบ้างสิแล้วจะร้องไม่ออก ยาวจะตาย ถอย 2 ครั้งยังไม่หลุดเลย” ฉันบ่นจริงจัง เรื่องนี้ซีเรียส
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ไป่ไป๋ปรบมือหัวเราะร่าชอบใจออกนอกหน้าเลย หมวดจางปรับสีหน้ากลับไปจริงจังเหมือนเดิม ยืดอกพูดช้า ๆ...
“แต่ที่ฉันบอกเรื่องช็อกโกแลต ฉันพูดจริงนะ” เธอวนกลับมาอีก
“ยังไม่จบสินะ!” ไป่ไป๋อมยิ้มมองบน
“ไป่ไป๋! อย่าเชื่อยายนี่มากนะถ้าไม่อยากเสียคน”
“หนูน่ะไม่เชื่อหรอก อนนี่เหอะเชื่อทุกรอบ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! พวกคุณยังเด็กไม่เข้าใจโลก ไม่เข้าใจเรื่องเซ็กซ์ เกิดเป็นผู้หญิงเทพเจ้าสร้างบ่อมาให้ เราต้องหาน้ำมาเติมอย่าให้ขาด มันจะแห้งเข้าใจมั้ย? ต้องขยันไปหามาเติมเอง อย่ารอคิว มันช้า!” เธอเหล่มองมาฉันรีบเมินหน้าหนี สายตาเหลือบไปเห็นอีซูมินเดินยิ้มหน้าใสหอบแฟ้มเข้ามา พวกเรารีบปรับสีหน้าท่าทางกันใหม่
เธอเดินเข้ามาวางแฟ้มแล้วรายงานเสียงใส...
“แอนนาอนนี่คะ! งานเรียบร้อยตามสั่งทุกประการค่ะ”
อีซูมินก็สวยในแบบสาวเกาหลี สดใสน่ารัก หนังตาชั้นเดียวเวลายิ้มดวงตาเป็นพระจันทร์เสี้ยวใบหน้ารูปไข่แก้มยุ้ยเชียว ถึงจะสวยสู้จูยอนไม่ได้ แต่เธอก็ไม่ใช่คนขี้เหล่
ไป่ไป๋เข้าไปลูบหัวน้อง...
“วันนี้เหนื่อยหน่อยนะคะ ทั้งทีมเรดซันและเดอะแก๊งสายเหลืองมากวนเธอตั้งแต่เช้า” เธอยิ้มเอ็นดูซูมิน
เสียงวิทยุสื่อสารดังขัดจังหวะ...
“ซาจังนีม! ผมกลับมาแล้วครับ”แทนรายงานตัว
“เป็นอย่างไรบ้างคะ?” ฉันได้ยินเสียงก็โล่งใจ
“อยากเจอคุณกับหมวดจาง ผมไปหาได้มั้ยครับ?”เสียงเขาใสมากสงสัยมีเรื่องดี ๆ มาบอก
“ได้สิคะที่รัก! มาเร็ว ๆ เลยนะฉันอยู่กับเธอที่ศูนย์วิจัย คิดถึงมากด้วย” ฉันดีใจกระดี๊กระด๊า ไป่ไป๋นั่งยิ้มหน้าบานดิ้นดุ๊กดิ๊กดีใจพอกัน
ฉันหันไปหาอีซูมิน...
“งานไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม โรงงานด้านหลังเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ? ” ฉันชะโงกมองไปด้านหลัง
“ไม่มีปัญหาค่ะ!! หนูรับประกัน”เด็กสาวยิ้มฟันขาวตาหยี
“ดี! งั้นออกไปพักในห้องรับแขกกันดีกว่า”
ฉันหมุนตัวเดินนำ ลงบันไดไปห้องรับแขกกว้างขวาง กระจกใสมองเห็นลานจอดรถด้านนอก
อีซุมินตะโกนตามมา...
“งั้น!หนูไปหาอะไรมาให้กินนะ อาจุมม่า!ทำอาหารหอมมาก” เธอชี้ไปโรงครัวด้านหลังแล้วหมุนตัวกลับ หมวดจางอมยิ้มมองตามน้องไป...
“งานไม่มีอะไรต้องวิจัยแล้วแค่ควบคุมการผลิต อีซูมินรู้ทุกอย่างแล้วก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ให้เธอคอยควบคุมการผลิต”
ลานด้านหน้าศูนย์วิจัย...
แทนกับสหายโกลงจากรถยนต์เดินกอดคอกันมา แทนของฉันตัวสูงกว่าสวมเสื้อยืดคอกลมทหารสวมหมวกดาวแดง นุ่งกางเกงยีนขาด ๆ รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ โดยปรกติเกาหลีเหนือห้ามใส่กางเกงยีน
ส่วนสหายโกสวมแว่นตาดำใบหน้าผ่อง มาในเครื่องแบบนักบินรบสุดเท่เดินกอดคอหัวเราะเสียงใสผลักประตูเข้ามา
สหายโกยืนตรงรายงานตัว...
“ชุงซอง!สหายผู้บัญชาการ!! ” เขายืดอกสายตามองตรง
พวกเราโค้งศีรษะพูดพร้อมกัน...
“สหายผู้พัน! อันยองฮาเซโย”
เขาหันไปหาสองสาว…
“อันยองฮาเซโย” เขาโค้งศีรษะให้สองสาว
“อั่นย๋อง!” ไป่ไป๋หน้าทะเล้น ฉันคิดว่า พิธีการมันมากไปแล้วสำหรับเพื่อน...
“จากนี้ไปเลิกทำความเคารพพวกฉันได้แล้วนะ ทักทายกันบ้าน ๆ เถอะนะ เราเพื่อนกันอย่ามากพิธีเลย เกร็งกันไปหมด”
“ขอบคุณครับ!”
“มันเกิดอะไรขึ้นที่ DMZ คะ!”
“ระเบิดมันทำงานตลอดเวลา ทหารจีนต้อนพวกเลื่อนลอยจากฝั่งใต้เข้ามาเดินเพ่นพ่านในป่ากันชน ลุยกับระเบิดที่ฝังไว้จะจัดการอย่างไรดีครับ?”
หมวดจางกุมอก ฉันตกใจ ไป่ไป๋อ้าปากค้าง ...
“จีนบุกแล้วเหรอ?” หมวดจางสีหน้าไม่สู้ดี
“รายงานสหายจูยอนหรือยังคะ?” ฉันถาม
“เรียบร้อยครับ เธอบอกว่างานนี้ให้สหายผู้บัญชาการเป็นคนตัดสินใจครับ” แทนตอบแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างไป่ไป๋...ลูบหัวน้องอีกแล้ว ยายเหน่งก็เป็นงานอ้อนซุกหน้าเป็นลูกแมว อีตานี่! ชักจะลำเอียงมากไปแล้ว ฉันขยับตามไปนั่งข้างเขาแล้วหันกลับไปบอกกับสหายโก...
“เชิญนั่งก่อนค่ะ!” ฉันชี้ให้เขานั่งที่เก้าอี้ของฉัน
หมวดจางหันมองหน้าแทน
“แทน! คุณจะไปจัดการเมื่อไหร่ ฉันขอไปด้วย?” หมวดจางแววตาดื้อ
“แล้วแต่เจ้านายสั่งครับ!” แทนหันมายิ้มให้ฉันแต่มือยังลูบหัวเหน่งน้อง ไป่ไป๋ซุกตัวแทบจะสิงร่างของเขาแล้ว...
“หนูไปด้วย!”
“เอาสิ! เดี๋ยวพาไปเที่ยวด้วยให้หมวดจางขับเครื่องบิน”
“จริงนะ! จริงนะ!” ยายจางเด้งดึ๋ง
“ได้นั่งเครื่องเจี่ยเจี้ยแล้ว” ยายเหน่งดีใจ
“พวกเขาใช้โดรนทหารลำใหญ่ เป่านกหวีดต้อน Tamer 30 มาปล่อยให้เป็น Soulless ลุยกับระเบิดเข้ามาครับ ผมอยากไปสำรวจสักหน่อย พรุ่งนี้คุณขับเฮลิคอปเตอร์ให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ? ”
“โอย! ได้เลยค่ะ ใช้ฉันเยอะ ๆ เลยก็ได้” ยายจางแววตาพราวถกแขนเสื้อ ดีใจแทบจะกระโดด
“ซาจังนีม! ว่ายังไงครับ?” แทนหันมาถาม
แค่ได้ยินว่าหมวดจางจะได้ขับเครื่องบินก็เนื้อเต้น สงครามที่ไม่ต้องการกำลังเริ่มต้น ฉันจะได้ใช้วิชาทหารแล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก ยกวิทยุเรียก…
“ผู้คุมค่ายทหารฯ ที่ชายแดนฝั่งใต้ทั้งหมด เข้ารายงานตัวที่ค่ายโชซอน ภายใน 60 นาที”
หมวดจางลุกไปหาสหายโก...
“สหายพาฉันไปดูเครื่องบินหน่อยสิ วันนี้ไม่ทำงานแล้ว ไปกันเถอะ!” เธอเดินจูงมือสหายโกออกไปอย่างสนิทสนม เขาเดินตามเธออย่างประหม่าแล้วหันมาโบกมือ...
“อันยองครับทุกคน”
ฉันหันไปหาไป่ไป๋...
“ไป่ไป๋คะ! ไปด้วยกัน” ฉันบอกแล้ววิ่งตามหมวดจาง ฉันจะไปดู MIG-29 พรุ่งนี้ D-DAY
ฮึกเหิมมากจะได้นั่งเครื่องที่หมวดจางขับรู้สึกตื่นเต้น คืนนี้นอนไม่หลับแน่ มีเรื่องน่าตื่นเต้นเข้ามาอีกแล้ว
…………………………………….หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |