หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 26 ก.ย. 2567 |
เกาหลีเหนือ
มิถุนายน ค.ศ.2026
DMZ เขตปลอดทหารเส้นขนานที่ 38...
“หวือ!หวือ!หวือ!”
ฝูงโดรนทหารปีกกว้างราวกับนกอินทรีย์สยายปีกบินโฉบเฉี่ยวเหนือผืนป่ารอยต่อ ฝูง Timer 30 จำนวนมหาศาลทะลุจากแนวป่าวิ่งลุยดงระเบิดในแนวเขตปลอดทหาร
“บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!” ผืนป่ากึกก้องไปด้วยระเบิดทำลายบุคคลที่โดนฝังมาช้านาน ควันดำลอยกระจายไฟไหม้ยอดไม้เป็นวงกว้าง
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” เสียงอึกทึกเร้าใจเขย่าความกลัวในจิตใจ Tamer 30 คละชนชาติหลากสีผิวจากเกาหลีใต้กลายเป็นเหยื่อของความกลัวรุ่นแรก ๆ
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” ร่างกายที่ผุพังเน่ายุ่ยวิ่งกรี๊ดตามสิ่งเร้ามาตามถนนลาดยาง ผ่านหน้าอาคารเซ็นสัญญาหยุดยิงสีฟ้าเลยเข้ามาที่อาคารบันมุนกักมาที่อาคารทงกิลกักที่ผมแอบอยู่
“หวือ!หวือ!หวือ!” ผมมองตามโดรนทหารผ่านกระจกหน้าต่างสีชาจากภายใน ประธานาธิบดีหวังฉวนยิ้มกว้างบนจอLED.กวักมือเรียก
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” ฝูง Tamer 30 ใบหน้าเละเปื้อนยิ้มเบียดเสียดมั่วซั่วอีลุงตุงนัง ทะลักเข้ามาไม่ขาดสายเหมือนผุดขึ้นจากนรกแย่งกันไปเกิดใหม่ วิ่งเบียดเสียดตามออกไปทางสะพาน 72 ชั่วโมงลงไปอยู่ในทุ่งหญ้าแห้งแล้งกว้างใหญ่ในเกาหลีเหนือ
ผมยกวิทยุเรียก...
“เรียกฐาน!ปล่อยเสืออากาศปฏิบัติการได้”
“ฮูย่าห์!!”
“บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม!!” กลุ่ม Tamer 30 ล้นทะลักถนนหลุดลงไปเดินในพงหญ้าข้างอาคารที่เต็มไปด้วยกับระเบิด ทุกครั้งที่เกิดเสียงดังจะเกิดช่องว่างและกองซากศพแหลกละเอียด
ยิ่งพวกเขาทะลักเข้ามา เสียงระเบิดก็ยิ่งรัวเร็วราวกับกลองเชิดสิงโต ด้วยระยะทางที่ยาวไกลกับระเบิดปริมาณมหาศาลสัมผัสกับเท้าของ Tamer 30 นับล้านที่เหยียบย่ำลงไป ไม่เคยมีดินแดนไหนในทุกสมรภูมิรบทั่วโลกที่จะมีการวางระเบิดอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้
“บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม!” ชิ้นส่วนมนุษย์ฉีกขาดกระจัดกระจายกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ถ้าคนที่ตายเป็นทหารก็ไม่น่าเสียใจ แต่นี่...พวกเขาไม่ใช่นักรบและตายไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ซื่อสัตย์
“ทหารทุกนายซ่อนตัวไว้ ห้ามทำอันตรายพวกเลื่อนลอยเด็ดขาด ส่องกล้องค้นหาฐานปฏิบัติการของจีนให้เจอ” สหายทหารของผมปะปนอยู่กับพวกเขา
“บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม!” พวกเขายังคงวิ่งเข้าหาความตายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสวนทางกับสภาพเสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย
“หวือ!” โดรนลำใหญ่บินลอยวน ทันใดนั้นหวังฉวนปรับสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นยิ้มเหี้ยมสายตากดดัน เปล่งเสียงแหบโหดน่าสยดสยองออกมา...
“Messiah!%$#@##$^%&^#@!@#*^#” เขาพ่นภาษาจีนออกมาทำเอาผมถึงกับอึ้ง ผมกับเจ็ทโด้ไม่รู้ภาษาจีนสักตัว
“Messiah!Messiah!Messiah!Messiah!” เสียงร้องรับกระหึ่มดังก้องปลุกความตื่นตัวรับรู้โดยสัญชาติญาณว่า อันตรายของแท้เริ่มขึ้นแล้ว
ผมหมุนเหรอหราหันไปหาทหาร...
“มันพูดว่าอะไร ใครรู้บ้าง?”ภาษาจีนเป็นจุดบอดของผม
“มันเชิญชวนทุกคนเข้ามาเที่ยวเกาหลีเหนือด้วยกันครับ” ทหารหนุ่มเดินเข้ามากระซิบ
“หือ! มันเป็นเจ้าของทัวร์ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?” ผมเย้าขำ ๆ
“ฟ้าว!!ววว!!!!” เสียงเครื่องบินรบคำราม ผมรีบยกกล้องส่องขึ้นฟ้ารู้สึกเบาใจลง...
“ทีมเสืออากาศมาถึงแล้ว เตรียมตัวไว้นะสหาย”
ภารกิจล่อเสือออกจากถ้ำกำลังเริ่มขึ้น เครื่องบิน MIG-35 ลายเสือโคร่งของเจ้าพยัคฆ์น้อยเบ็คตูโฉบเข้าไปในน่านฟ้าของเกาหลีใต้
“ฟ้าว...ววว!!!”เครื่องบินรบผ่านไปพร้อมเสียงโซนิคบูมคำรามกึกก้อง กระจกอาคารสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ผมยกวิทยุสั่งการ...
“หัวหน้าทีมสั่งให้ทหารทุกนายหลบเข้าที่มั่น ระเบิดจะลงแล้ว” การโต้ตอบกำลังจะเริ่มขึ้นหัวใจเริ่มเต้นแรง
“เซม! พวกเราต้องทำยังไงครับ” ทหารคึกคักอยากออกรบ
“นอน!”
“ออม่อ!” เขาสะดุ้งมองพื้นแล้วมองหน้าผมสลับกัน
“นอนลงไปเลย” ผมบอกแล้วนั่งพิงเสาใหญ่กลางห้อง
อาคารทงกิลกักเป็นอาคารสี่เหลี่ยมชั้นเดียว ภายในห้องโถงโล่งกว้างแบ่งสองข้างเท่ากันด้วยเสากลาง หน้าต่างสองบานอยู่ด้านหน้าริมถนน ประตูเข้าอาคารอยู่ด้านข้างและด้านหลัง
ทหารหนุ่ม 4 นายนอนหงายมองรูปภาพบนผนังแล้วชี้ชวนกันคุยอย่างสบายใจ รูปโฆษณาชวนเชื่อลัทธิบูชาบุคคลในรูปแบบเผด็จการ หลุดรอดสายตายังไม่โดนกำจัดออกไป
“เมื่อก่อนผมดูรูปท่านผู้นำลุยโคลนทำนา คิดถึงความเสียสละทุ่มเทเพื่อปวงประชาแล้วปลื้มปริ่มน้ำตาไหลพรากเลย” เจ้าทหารหนุ่มหัวเราะคิก
“เดี๋ยวนี้ล่ะ?”
“อยากจะฉีกรูปทิ้งให้หมด ถ้าสหายโกมีทักไม่ชี้ให้เห็นถึงความผิดธรรมชาติในรูปภาพพวกนั้น ผมก็ยังคงงมงายยังคงรักและศรัทธากับสิ่งหลอกลวงจอมปลอม”
“เชื่อสหายผู้พันเหรอ?” เพื่อนหันไปแหย่
“ก็ไม่อยากเชื่อหรอกแต่เถียงไม่ออก สหายดูรูปนี้สิ!” เขาลุกไปชี้ที่รูปท่านผู้นำลุยโคลนลงไปดำนา
“แล้วยังไงก็รูปทำนา เห็นจนชินแล้ว” เพื่อนไม่เข้าใจ ผมหันไปมองบ้างสะดุดใจกับผู้ติดตามที่แต่งตัวเต็มยศคอยกางร่มให้
“คนดี ๆ ที่ไหนจะใส่สูทสวมรองเท้าหนังลุยโคลนทำนากัน เขาคงมาถ่ายรูปเสร็จแล้วก็รีบกลับแหละ”
“ทำไม?”
“คัน!..จะรีบไปอาบน้ำ ใช่มั้ยครับเซม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ผมหัวเราะแทนคำตอบแล้วมองออกไปที่ถนนด้านนอก พวกเราห่างจากพวกเขาไม่กี่เมตรมีเพียงกระจกสีชาพรางตาไว้ เสียงตะโกนกรีดหัวใจดังกระหึ่ม...
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!”
“เซม! พวกนี้น่าเกลียดกว่าพวกเลื่อนลอยของเราอีกนะครับ ดูสิ!หนอนแมลงวันตัวเท่านิ้วก้อยขึ้นบนตัวยั้วเยี้ยเลย” ทหารเบ้ปากสลัดตัวสยองพองขน
“น่าสงสาร! แต่มันเป็นชะตากรรมของพวกเขา สหายผู้บัญชาการกำลังผลิตวัคซีนมาช่วยแล้ว พวกเราอย่าทำร้ายเขานะ พวกเขายังมีโอกาสรอดชีวิตถ้าพวกเราช่วยกัน”
ทันใดนั้น....
“Messiah!! #@&^$%@&@*^@^@%@#%@%#” โทนเสียงของหวังฉวนเปลี่ยนเป็นเกี้ยวกราดดุดัน
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” เสียงร้องรับของพวกเขาดังผิดปรกติ ผมหันขวับขยับไปแอบมองผ่านบานหน้าต่าง...
“มันสั่งว่าอะไร?” อาการเกรี้ยวกราดเหมือนโกรธเพิ่มความน่ากลัว
“ฆ่าคนเกาหลีเหนือให้หมดครับ เซม!” ทหารคนเดิมหน้าซีดเผือด
“ซวยแล้ว! พวกสหายอย่าส่งเสียงนะ” ผมเริ่มหวั่นใจ
“Messiah!Messiah!Messiah!Messiah!” หวังฉวนสั่งกองทัพปีศาจให้เป็นอาวุธสังหารแล้ว กองกำลังเคลื่อนไหวเร็วขึ้นจากท่าทางเก้งก้างกลับดูก้าวร้าวคล่องแคล่วว่องไว ความอำมหิตถูกปลุกขนหัวลุกซู่
เสียงนักบินเรียกวิทยุมา...
“นินจาเซม! F4 - F15 - F16 ของเกาหลีใต้ขึ้นบิน 20 ลำครับ” พวกเขาล่อทหารจีนได้แล้ว ผมแหงนมองสหายพยัคฆ์น้อยเเบ็คตูกับเพื่อน ๆ บินย้อนกลับออกมาจากฝั่งใต้
“สหายเก็บให้หมด!”
“ฮูย่าห์” เครื่องบินรบเกาหลีใต้บินตามมาเป็นพรวน เจ้าเสือน้อยตัวแสบไปล่อมาได้เพียบ
“นินจาเซม! พวกนั้นไม่ใช่ทหารจีนครับ พวกเลื่อนลอยอเมริกันดำขับเครื่องบินได้ด้วย หึหึหึ!” พยัคฆ์น้อยรายงานอารมณ์ดี
ผมมองนาฬิกาข้อมือ...
“พวกเขาคงเคยเป็นทหารล่อไว้นะ อีกแค่อึดใจเดียวทุกอย่างก็จะผ่านไป” เวลาก็เดินช้าเหลือเกิน
“ฮูย่าห์!!” เสียงสหายนักบินของผมมั่นใจเกินร้อย
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” ความตึงเครียดบนถนนด้านหน้ารุนแรงมากขึ้น กลุ่มTamer 30 แน่นท้องถนนวิ่งชูไม้ในมือหน้าตาถมึงทึงวิ่งเข้ามา
“เฮ้ย!” ผมสะดุ้งเมื่อเห็นปืนกลอัตโนมัติแดวูK2ในมือทหารอเมริกันผิวสีตัวโต พอเจ้านั่นวิ่งมาถึงก็ยิงมั่วทันที...
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!”
“หมอบ!”
“เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!” กระจกสีชากำบังของเราร่วงกราว วิสัยทัศน์เปิดโล่งกระสุนบินเฉี่ยวหัว
“โอ๊ย!! ผมถูกยิง” ทหารหนุ่มร้องลั่น เสียงร้องดังดึงความสนใจจากกลุ่ม Tamer 30 ให้หันมามอง
“จบกัน!” ผมมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างรู้ชะตากรรมว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พวกมันรู้ตัวแล้วว่ามีคนอยู่ในนี้ การแกล้งตายก็ไม่มีผล
ผมเข้าไปหาทหารโดนกระสุนที่แขนซ้ายเลือดสาด...
“สหายทนอีกหน่อย เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ผมดึงผ้ามาพันแขนแล้วลากเขาไปหันหลังพิงเสากลางหันหน้าไปที่ประตูซ้ายฝั่งลานจอดเฮลิคอปเตอร์.
“แก่รก!” ผมขึ้นลำปืนสั้นส่งให้เขา...
“ถ้าใครผ่านประตูเข้ามา สหายยิงได้เลยรักษาชีวิตตัวเองไว้ ย้ำ! รักษาชีวิตตัวเองไว้” ผมตบไหล่เบา ๆ แล้วหันไปหาทหารอีก 3 นาย
“2 นายไปเฝ้าประตูขวาไว้ สหายไปช่วยเพื่อนพวกเลื่อนลอยรู้แล้วว่าเราอยู่ในนี้ เตรียมรับมือความบ้าเลือดได้เลย” ผมปลดเซฟปืนเตรียมพร้อม
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” เสียงกระหึ่มสยดสยองขนลุกเกลียว พวกเขาขว้างก้อนหินพุ่งไม้แหลมเข้ามาทางหน้าต่างริมถนนด้านหน้า
“ตึง! ตึง!ตึง!” อีกกลุ่มเบียดเสียดเข้ามาทุบประตูอาคารสะเทือน ทั้งฝูงกรูกันเข้ามาห้อมล้อมอาคารชั้นเดียว ปิดทางหนี
“วูบ!” เงาของวัตถุบางชนิดลอยผ่านหน้าต่างแตกด้านหน้าเข้ามาตกกระทบพื้น...
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!” เสียงลูกเหล็กกระทบพื้นปูนก้องอาคาร ดึงทุกสายตาให้หันไปมอง ผมร้องเสียงหลง...
“ฉิบหายแล้ว!...M26!” ระเบิดมือกลมกลิ้งผ่านหน้าไป
“บรื้ม!” ระเบิดแตกสนั่นกลางห้องโถง
“เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!” กระจกประตูข้างแตกละเอียดปราการด่านสุดท้ายพังทลายลง
“วิ๊ง!!!!!” ผมหูอื้อหน้ามืดไปหมดแล้ว
เมื่อที่กำบังตาสุดท้ายแตกลง สายตาสบประสานกับดวงตากระหายเลือดจ้องอาฆาตลมแทบจับ ความกลัวทำให้ทหารเสียขวัญกันไปหมดและเริ่มคุมสติไม่ได้ ยิงกราดมั่ว...
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด! ” เสียงปืน AK74 จากทหารข้างประตูคำรามลั่น ร่างกายสั่นด้วยแรงกระชากของปืนกล
“กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!” ปลอกลูกกระสุนพุ่งออกจากรังเพลิงร่วงกราว
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!!” ทหารอเมริกันยิงโต้ตอบกลับมา ผมพยายามมองหาผู้ที่ถือปืน ไม่อยากมองผู้รุกรานกลุ่มแรกที่ผ่านประตูเข้ามา
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!!” จิตใจของ Tamer 30 มีแต่ความจงรักภักดีกับคำสั่ง ไม่มีความกลัวตายเดินเข้ามาให้ยิงถึงที่
ผมแอบหลังเสากลางมองนาฬิกาข้อมือ ในใจไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้เลยอีกนิดเดียวพวกเขาก็จะรอดตายแล้ว เหลือเวลาอีกเพียง 5 นาทีเอง ในขณะที่อยู่ในห้วงเวลาเป็นเวลาตายเสียงนักบินเรียกมา...
“นินจาเซม! พวกเขาบินไม่คล่องแคล่วเท่าไหร่ ผมบินล่อไว้แล้วครับ”
“ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ผมหันไปยิงทหารอเมริกันที่พยายามปีนหน้าต่างหงายท้องร่วงลงไป...
“ซองบก! ล่อพวกเขาไปกลางทะเลนะ อีก 5 นาทีเครื่องจะตกแล้ว ถ้าหมดเวลาเครื่องบินจะตกทันที อย่าให้ตกใส่เมืองนะ ชาวบ้านจะได้รับบาดเจ็บ”
“เย่!”
ในขณะเดียวกัน...
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ทหารที่ประตูทั้งสองฝั่งหันมาร้องพร้อมกัน...
“เซม! ต้านไม่อยู่แล้ว พวกมันเยอะมาก” เขาหันมาขอความช่วยเหลือจากครูฝึก
“โอ๊ย!” ทหารหนุ่มร้องลั่น
“ห่ะ!” ผมหันกลับไปใจหายวาบ ไม้รวกยาวปักกลางหลังของเขา วินาทีแห่งความตายใกล้เข้ามาทุกที เพื่อนทหารรีบเข้าไปช่วยกันดึงไม้ออก
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” ฝูงปีศาจกระหายเลือดเรียงหน้ากันเข้ามาล้อมหน้าต่างและพยายามปีนเข้ามา กลุ่มผีดิบที่หน้าประตูช่วยกันลากศพที่ขวางให้พ้นทาง
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” ผมหลับตาข่มหัวใจ ทั้งชีวิตไม่เคยคิดทำร้ายใครเลย ช่วยเหลือคนอื่นมาตลอดเพราะเชื่อว่า ทุกคนต้องการโอกาส ก้อนลมจุกอกเหมือนฝนตกในใจ...
“ทำไมถึงบังคับกันแบบนี้!” ผมหมดอาลัยตายอยากไม่อยากยกปืนขึ้นเลย ผมมาเป็นทหารไม่ใช่เพื่อฆ่าคน แต่เป็นเพราะต้องการช่วยคนที่อ่อนแอกว่า ผมเชื่อว่า...ถ้าผมแข็งแรง ผมจะช่วยคนได้มากขึ้น
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” กลุ่มผีดิบทะลักเข้ามา
“ยิง!” ผมไม่อยากตัดสินใจแบบนี้ ไม่มีความภูมิใจสักนิด แต่ต้องทำเพื่อรักษาชีวิตตนเองและทหาร...
“ทหาร! รักษาชีวิตของเราไว้ยิงทุกคนที่เข้ามา เลือกยิงคนที่ถืออาวุธก่อน” ผมต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำเลยสักนิด
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” สหายทหารกระหน่ำยิงจนตัวสั่นสะท้าน ศพหน้าประตูเริ่มกองสูงขึ้นอีกครั้ง
“Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!” พวกเขายังคงเดินหน้าผลักศพเข้ามา คนที่เข้ามาก่อนตายก่อน
“ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย” ผมสลดใจกับการตายครั้งที่สองของพวกเขา เสียงร้องโหยหวนของ Tamer 30 ยิ่งบีบหัวใจคนแล้วคนเล่าต้องมาล้มตายเพราะคำสั่งของผม
“อย่าเข้ามาเลยนะ คุณยังมีโอกาสรอด ผมเตรียมการช่วยเหลือไว้แล้ว” ผมได้แต่พึมพำอ้อนวอน ยืนมองด้วยใจที่หดหู่น้ำตาไหลอาบสองแก้มอย่างไม่รู้ตัว
“เซม! ร้องไห้เหรอ?” ทหารยิงกระหน่ำใส่หันมองหน้า
“เปล่า!ควันกำมะถันมันเข้าตา”
ในยามปรกติพวกเขาจะเป็นประเทศแรกเสมอที่กระโดดไปช่วยเหลือเมื่อบ้านเมืองอื่นประสบภัยธรรมชาติ พวกเขาโอบอุ้มนักต่อสู้ประชาธิปไตยพลัดถิ่นไว้มากมาย น่านับถือและศรัทธาหัวใจของคนรุ่นปู่ย่าที่ล้มเผด็จการทหารด้วยมือเปล่า
“เซม! เอายังไงดี ไม่ไหวแล้ว?” ทหารร้องเร่ง ผมหันมองทหารบาดเจ็บทั้งสองรายก็เลือดออกมาก
ผมตัดสินใจไม่ถูกเดินวนหมุนไปมา ถ้าพวกเขาเป็นทหารผมจะไม่ลังเลเลย หัวใจของผมกำลังร้องไห้และอยากจะยุติการยิงใจจะขาด แต่มันก็หมายถึงชีวิตของทหารทุกคน
.....................................................
ฐานปฏิบัติการรบ ค่ายทหารโชซอนอินมินกุน...
มุมมองสายตาไป่ไป๋
“สนุกดีเนอะเจี่ยเจี้ย! รู้งี้เราให้ซอนซื้อให้ตอนที่อยู่รัฐฉานก็ดีเนอะ จะได้ขับเล่นกันทุกวัน” ฉันกอดคอพี่สาวเดินตามนาตาลีเข้าไปในอาคารหลักของค่าย
“เนอะ! เสียดายจัง” พี่สาวคนสวยลั้ลลาได้ขับเครื่องบินสมใจ
ท้องฟ้าในค่ายทหารยามเช้าสดใส กองทหารถอดเสื้อออกวิ่งรับวันใหม่สวนมาบนถนน
“แทนยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย หิวหรือเปล่าก็ไม่รู้ เดี๋ยวหนูเอาข้าวไปฝากดีกว่า”
“คงไม่ได้ไปแล้วล่ะ ที่นั่นยิงกันแล้ว”
“เราไม่ต้องไปช่วยเหรอ ขอสหายโกสิเดี๋ยวเขาก็ให้ไป”
“ไม่ได้หรอก เวลาแบบนี้ต้องให้เกียรติพวกเขาได้ทำหน้าที่ อย่าทำให้เขาต้องลำบากใจ”
“เอาข้าวไปให้กินไม่เห็นจะเป็นไรเลย” ฉันหาทางเองก็ได้
ภายในห้องปฎิบัติการ ไฟดวงเล็กบนแผ่นใสกลางห้องกระพริบเป็นกลุ่ม นาตาลีนั่งกระดิกขาใบหน้าเครียดมองจอเรดาร์ข้าง ๆ สหายโก ทหารสื่อสารประจำโต๊ะกำลังเจรจาตอบโต้วิทยุกับทหารกองหน้า
“อนนี่! แทนยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะคะ” ฉันเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่มีความรู้เรื่องของทหารเลย เมื่อก่อนฉันเก่งกว่านาตาลีเยอะมาก แต่ตอนนี้เทียบกันไม่ติดเลย
“ฉันว้าวุ่นไปหมดแล้ว ห่วงแทนก็ห่วง ห่วง Soulless ก็ห่วง เกลียดทหารจีนนักอยากจะไปสู้กับมันเอง” เธอมั่นใจเกินเบอร์ไปแล้ว
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เซมเก่งอยู่แล้ว” สหายโกนั่งท่าทางสบาย ๆ อมยิ้มมองจอ
“แล้วพวกเลื่อนลอยล่ะจะทำยังไงคะ งานนี้คงได้ตายกันหมดแน่ ๆ” นาตาลีกังวลอย่างชัดเจน
“อนนี่ต้องเลือกสิคะว่าจะห่วงใครก่อน ถ้าเหมารวมอย่างนี้ใครจะทำงานได้คะ เนอะเจี่ยเจี้ยเนอะ?” ฉันต้องเกาะแม่ใหญ่ไว้ก่อน หมวดจางเดินเข้าไปเสนอหน้า...
“เครียดเหรอ ให้ฉันไปช่วยมั้ยล่ะ?” เธอเฉิดฉายโปรยยิ้มหวาน/ฉันรู้ว่าเธออยากขับเครื่องบิน ฉันก็ต้องการไปรับแทนกลับบ้าน เราเป็นพันธมิตรที่มีเป้าหมายเดียวกัน/
สหายโกยิ้มโบกมือ...
“ด้วยความเคารพครับ! จากที่รับรายงานมา พวกจีนน่าจะมีทหารแค่ 1 กองร้อยเท่านั้น ทหารของเรารับมือได้ครับ” โดนห้ามอีก สงสัยจะอด หมวดจางกุมมือเรียบร้อยมองหน้าผู้พันหนุ่ม...
“แทนคนเดียวจะรับมือไหวเหรอคะ ถ้าช้าจีนมันส่งหน่วยสนับสนุนมาอีกจะแย่นะคะ” เธอพูดมีเหตุผล สายตาแพรวพราวเหมือนกับหวังผลบางอย่าง ฉันต้องเข้าช่วย...
“เนอะ! แทนคนเดียวไม่ไหวหรอก” ช่วยกันพูดเดี๋ยวก็สำเร็จ นาตาลีส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน แต่สายตาหมายหัวอย่างนี้ต้องมีสักเรื่องแหละ....
“กลับโรงพยาบาลไปก่อนเลย เดี๋ยวหม่าม้าเป็นห่วง”
น่านไง! โยนผ้าขาวมาให้เฉยเลย ฉันยังไม่ยอมแพ้...
“ ท่านต้องเตรียมพร้อมรับคนเจ็บยุ่งจะตายไป ไม่มีเวลามาสนใจหนูหรอก เนอะเจี่ยเจี้ย?” ฉันหนีไปหาหมวดจาง
“จะไม่กลับไปช่วยรึไง?”เธอชักเสียงแข็ง ฉันแว้บหลบหลังหมวดจางแอบกระซิบข้างหู...
“เจี่ยเจี้ย! ต้องกล้ากว่านี้สิ บอกไปเลยว่าไปรับแทนกลับบ้าน” ฉันต้องยืมมือแม่ใหญ่
“จริง ๆ แล้วก็บินไม่ไกลเท่าไหร่ ให้ฉันไปรับแทนกลับบ้านก็ได้นะ” หมวดจางขยับรุก นาตาลีสีหน้าเครียดจ้องหน้าพี่สาว...
“ถ้าเขาอยากให้รับกลับ เขาจะไล่เรากลับก่อนทำไม?”
สหายโกลุกเดินออกไปคุยกับทหาร ฉันได้โอกาสเหมาะ...
“อนนี่! ก็รู้ว่าแทนไม่ใช่คนเด็ดขาด เป็นผู้นำทหารไม่ได้หรอก เขาใจอ่อนเกินไปใจดีเกินไป เราไปช่วยกันเถอะให้เจี่ยเจี้ยพาไป” ชงให้อร่อยเถอะ เดี๋ยวก็กิน
“กลับโรงพยาบาลไป!” อ้าว! โดนไล่เฉยเลย
หมวดจางยกมือ...
“ช่าย! ฉันว่าเขาไม่ไหวร้อก ฉันเก่งกว่าสหายครูฝึกของคุณนะ”
“นี่! คุณอยากขับเครื่องบินถึงขนาดดีสเครดิตเพื่อนเลยเหรอ?” นาตาลีหันมาแว้ดใส่ นักบินโดนด่านั่งหน้าจ๋อย ไม่ได้สิฉันต้องช่วย...
“อนนี่! ให้เจี่ยเจี้ยไปเถอะ หนูจะไปช่วยแทนเอง” ฉันเข้าไปบีบไหล่ประจบ นาตาลีหันมามองตาเขียว...
“กลับโรงพยาบาลไปได้แล้ว นี่ไม่ใช่หน้าที่ของเธอ ไปเดี๋ยวนี้เลย!”
“อื๋อ!ใจร้าย เจี่ยเจี้ยให้หนูไปด้วยนะ” ฉันไม่ยอมง่าย ๆ หรอกโผเข้ากอดเอวหมวดจาง
“กลับไปก่อนเถอะสนามรบนะไม่ใช่แคทวอล์ค” เธอค่อย ๆ แกะมือฉันออก /ทำอย่างนี้ไม่ได้สิ/
ในจังหวะนั้นเสียงวิทยุดังขัดจังหวะ...
“สหายผู้พันโก!” เสียงพี่ใหญ่นี่ฉันจำได้ สหายโกวิ่งหน้าตั้งมาคว้าวิทยุ...
“เย่! โก! มี! ทัก!”
“เป็นยังไงบ้าง พอจะรับมือไหวมั้ย?” เจ็ทโด้ถามน้ำเสียงอย่างอ่อนโยน
“ผมส่งนักบินขับไล่ไปแล้วครับ เมื่อวานก็ส่งทหารเข้าไปแทรกซึมปะปนกับพวกเลื่อนลอยให้วิชาแกล้งตายไว้ป้องกันตัวทุกคนครับ”
“เจอฐานบัญชาการของมันหรือยัง?”
“ยังครับ! มันเข้ามาทาง JSA สันนิฐานว่า น่าจะอยู่บริเวณนั้นครับ สัญญานโดรนทหารควบคุมระยะบินได้ประมาณ 60 กิโลเมตรครับ”
“ซอนแวะมาช่วยหรือเปล่า?”
“เปล่าครับ! เขาพาเด็ก ๆ ออกไปฝึกโดรนภาคสนามที่ซารีวอนครับ”
“ถ้ามันไม่ทันใจก็ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดปูพรมให้ราบคาบ ส่งรถถังเข้าไปยิงถล่มมันให้หมดเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” เขาเปรยขำ ๆ
“เอ่อ! นินจาเซมไม่อนุญาตครับ”
“หึหึหึ! คิดไว้แล้วเชียวสหายครูฝึกนินจาใจดีอีกแล้ว ถ้าไม่ไหวติดต่อกลับมานะ ผมจะบัญชาการรบเอง” น้ำเสียงของเขาอารมณ์ดี
“เซมจะกลับจากชินโปเมื่อไหร่ครับ?”
“จูยอนเร่งมือทำงานเกือบเสร็จแล้วอาจจะกลับพรุ่งนี้ สหายดูแลทหารที่บาดเจ็บให้ดีด้วยนะ ฝากด้วยแค่นี้แหละ!”
“เย่!” พอสหายโกวางวิทยุ นาตาลีก็ขึ้นทันที...
“ไอ้ซาดิสต์! ไอ้เผด็จการ! ไอ้โหด!”
หมวดจางหันขวับ...
“นี่ดอกเตอร์! สงครามนะโว้ยจะใจดีได้ยังไง?”
“จะฆ่าทหารก็ฆ่าไปสิ Soulless ไปเกี่ยวอะไรด้วย หือ?” เพื่อนรักหันมาฟัดกันเองซะแล้ว
“ก็มันปนกันอยู่คุณไม่เห็นหรือไง พวกนั้นเป็นญาติคุณเหรอถึงเป็นห่วงกันเหลือเกิน?” หมวดจางมองกวนได้ใจน่าควักลูกตา
“เออ!ฉันเป็นคนเกาหลีใต้ พวกนั้นเป็นญาติของฉัน” วันนี้นาตาลีเพี้ยน ๆ อารมณ์เสียง่ายจัง
“อ้าว!ฉันก็เป็นคนจีน งั้นห้ามยิงทหารจีนนะ” ถ้าเถียงกัน นาตาลีไม่เคยชนะหมวดจางหรอก ได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านชี้หน้า...
“ยัยโหด! ปากบอกว่าอยากช่วยชีวิตคน ทำอย่างนี้ยิ่งตายมากกว่าเดิมอีกนะ”
“งั้น! คุณก็ไปจับพวกเขาแยกออกจากกันสิ ทหารจะได้ยิงไม่ผิดตัว อย่าหาเรื่องมาให้ทหารต้องเหนื่อยหน่อยเลย แค่ต้องระวังลูกปืนก็แย่แล้ว” ต้อนหมวดจางไม่มีทางจน ไม่มีวันชนะถ้าเธอไม่ยอม
“สงครามน่าเบื่อ!” นาตาลีเถียงไม่ทันนั่งหน้าหงิก
“ใครวะเป็นคนนำทีมมา ถ้าจับได้จะตบให้หัวสั่นเลย ฉันพึ่งจะคิดเข้าไปฉีดวัคซีนให้ชาวเกาหลีใต้ ทำอย่างนี้เท่ากับล้างเผ่าพันธ์กันเลยนี่หว่า” หมวดจางบ่นอุบ ฉันนั่งเงียบอยู่ในโซนปลอดภัย ถ้าพูดมากเดี๋ยวนาตาลีไล่อีก วันนี้เธออารมณ์ไม่ดี
“นั่นสิ! ถ้าแทนจับได้ฉันจะต่อยมันเอง” สหายผู้บัญชาการโมโหไปด้วย สหายโกอมยิ้มมองสองสาวแล้วยกวิทยุ...
“สหายผู้กองคิม! ส่งทหารจากค่ายแคซ็องเข้าไปช่วยนินจาเซม 2 กองร้อย” ผู้พันหนุ่มนั่งมองจอเรดาร์อย่างจดจ่อ
“สหายผู้พันคะ” สงครามภายในสงบแล้วฉันต้องเจรจาต่อ
“เย่เซม!” สหายโกน่ารักเสมอ
“ถ้าเครื่องบินมา เราจะรู้ได้ยังไงคะ?” ฉันมองแผ่นจอเรดาร์ใสกลางห้องกำลังกวาดหาสัญญาณ
“อ๋า! สัญญาณสีแดงจะขึ้นบนจอครับ แล้วมากดตรงนี้จะเห็นรูปร่างของยานที่เข้ามา” เขาใจดีอธิบายแต่ฉันไม่ได้อยากรู้หรอก แค่ตะล่อมหาเรื่องคุย
“ตกลงพวกเราต้องไปช่วยหรือเปล่าคะ? หมวดจางเก่งมากจริง ๆ นะคะฉันยืนยัน” ฉันต้องหาพวกไว้ก่อน นาตาลีค้อนตาคว่ำปากเป็นตูดไก่เลย
สหายโกผู้อ่อนโยนยิ้มหวาน...
“อันตรายครับ! ไม่อนุญาตครับ” สหายโกปิดประตูซะแล้ว
“อนนี่หนูไปช่วยแยกทหารกับ Soulless ให้มั้ยคะ หนูทำได้?” ฉันหันไปเจอกับสายตาล็อกเป้าพร้อมยิง...
“ฉันบอกว่ายังไงคะ?” เธอหน้านิ่งจนน่ากลัว
“ให้กลับโรงพยาบาลค่ะ”
“แล้วรออะไรคะ?”
“ไม่ได้รอค่ะ กำลังจะกลับพอดี” ฉันหันมองหน้าพี่สาว เธออมยิ้มเมินหน้าหนีไม่ช่วยกันเลย
“เชิญ!” นาตาลีผายมือ ฉันเดินคอตกออกจากห้อง…
“เฮ้อ!...” ไม่อยากพลาดโอกาสสำคัญแบบนี้เลยทำไงดีนะ
ฉันเดินออกจากอาคารไปที่รถยนต์ กำลังคิดหาทางไป DMZ เสียงร้องทักดังจากด้านหลัง...
“อันยองฮาเซโยซอนเซงนีม!” ทหารหนุ่มยศร้อยตรีวิ่งตามมายืดอกตรงหน้า /ฉันคิดในใจ...ใครวะ? /
“อันยองฮาเซโย” ฉันโค้งศีรษะรับ
“เซมจะกลับโรงพยาบาลหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมไปส่ง” เขาอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน
“ฉันเอารถมาค่ะ สหายชื่ออะไรคะ?”
“คังซอจินครับ ผมประจำอยู่ที่ค่ายชินอุยจู วันนี้มาพบกับสหายผู้พันโกมีทัก พอดีทหารที่มาด้วยปวดท้องนอนพักอยู่ครับ”
“พบหมอหรือยัง เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ?”
“ที่นี่ไม่มีหมอครับ เขานอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลข้าง ๆ โรงจอดเฮลิคอปเตอร์ตรงโน้นครับ ผมกำลังจะไปดูว่าเขาหายหรือยังจะได้กลับค่ายกัน”
“ฉันไปด้วยค่ะ” พอได้ยินว่าไม่มีหมอก็เข้าใจได้ ทั้งประเทศตอนนี้มีหมอคนเดียว
“เดินไปพร้อมกันนะครับ” นายทหารหนุ่มรูปร่างสันทัดหน้าตาดีเดินเคียงข้าง
“สหายรู้จักฉันด้วยเหรอ?” ฉันถือโอกาสสัมภาษณ์เพื่อนใหม่
“ผมเคยปฎิบัติการช่วยเหลือตอนที่เซมเข้าเกาหลีมาครั้งแรก และได้ชมคอนเสิร์ตด้วยครับ ที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักไป่ไป๋ซอนเซงนีมหรอกครับ สวยโดดเด่นเหนือทุกคน เนกาเจอิลจัลนากา!” แหมพูดซะ...ฉันเขินนะเนี่ย
“คูมอโย! ฉันเป็นหนี้บุญคุณคนเกาหลีเหนือมากมายจริง ๆ ยังไม่รู้จะตอบแทนคืนอย่างไรเลย” ซึ้งใจจริง ๆ ที่พวกเขาโอบอุ้มชีวิตของฉันไว้
“เซมรู้มัยครับใครคือเบอร์ 1 ในใจของคนเกาหลีตอนนี้?”
“หือ?” ฉันรีบเดินเข้าเคียงข้าง...“ใครคะ?” แปลกใจทำไมถามแบบนั้น?
“เซมลองทายดูสิครับ?”
“สหายจูยอนน่ะสิ! เบอร์ 1” ใคร ๆ ก็รู้
“ถูกต้อง! คนเกาหลีรักสหายจูยอนมาก แล้วเบอร์ 2 คือใครเซมรู้มั้ยครับ?” เขายิ้มกรุ้มกริ่มหันหน้าไปมองกองทหารกำลังวิ่งบนสนาม
เออเนอะใครกันนะ? สหายคุณลุงหรือสหายโกมีทัก แล้วเจ็ทโด้ของเราล่ะ ถ้าให้เดาก็ขอเลือกคนนี้ก็แล้วกัน…
“สหายคิมจุนซอง” ฉันยกเบอร์ 2 ให้สหายคุณลุง ยังไงเขาก็เป็นคนเกาหลี นายทหารยิ้มกว้างดวงตาประกายวาววับ...
“เบอร์ 2 ในใจของพวกเราคือนินจาเซมครับ”
“หือ!” ฉันอึ้งหนักเลย แทนของฉันเป็นที่รักของคนเกาหลีเหนือเหรอเนี่ย ปลื้มใจภูมิใจจังเลยที่ได้ยินคนพูดลับหลังถึงเขาในแง่ดี
“ทำไมถึงเป็นนินจาเซมล่ะคะ?” ฉันดีใจเนื้อเต้น
“ช่วงแรกที่สหายจูยอนต่อสู้เพียงลำพัง ทุกเช้าหลังจากที่เธอดูแลพวกเลื่อนลอยเสร็จก็จะเล่าเรื่องผ่านจอภาพ หนึ่งในเรื่องที่เธอพูดบ่อย ๆ คือการได้รับโอกาสจากคนที่ไม่รู้จักและกลายมาเป็นเพื่อนตาย พวกเรารู้จักนินจาเซมจากเรื่องเล่า”
“ปลื้มใจจังเลย! รักเขาให้มาก ๆ นะ เขาเป็นคนใจดีช่วยโดยไม่เคยคิดถึงผลตอบแทน” ฉันจุกอกตื้นตันใจ ไม่เสียแรงที่เขาทุ่มเทช่วยเหลือคนมาตลอด ในที่สุดเขาก็ได้รับความรักที่ควรค่าอย่างเต็มใจ
“แรงบันดาลใจที่ได้จากนินจาเซมล้ำค่ามาก การช่วยเหลือไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดภัยพิบัติ ความช่วยเหลือไม่จำเป็นต้องรอการร้องขอ ผมเน้นสอนทหารเป็นเรื่องหลัก มันทำให้ทหารของเราไม่โลภมากครับ”
“ใช่ค่ะ! การให้ชนะความโลภ นินจาเซมเคยบอกว่ามือของผู้ให้ย่อมอยู่สูงกว่ามือของผู้รับ คนที่อยู่สูงกว่าต้องยื่นมือลงไปช่วยคนที่อยู่ต่ำกว่า” ฉันอยากเจอแทนจังเลยต้องให้รางวัลสักหน่อย
“จริงครับ”
“ชุงซอง!” ทหารหน้าโรงจอดเฮลิคอปเตอร์ร้องทักทาย ฉันหันไปมอง...
“นั่นเครื่องบินอะไรคะสวยจังเลย บึกบึนใหญ่โตอาวุธเต็มลำเลย” ฉันชี้ไปที่เจ้ายักษ์ใหญ่สง่างาม ก่อนจะเดินไปเข้าประตูรั่วโรงพยาบาลในค่าย
“อ๋า! MI-28 ครับ! เซมเข้าทางนี้ครับ เขานอนที่ห้องข้างล่างนี้เองในโรงพยาบาลไม่มีคนเลยครับ” เขาผายมือให้เดินเลาะรั้วโรงจอด
“อันยองฮาเซโยยังปวดท้องอยู่รึเปล่าคะ?” ฉันโผล่หน้าเข้าไปในห้อง ทหารนอนกุมท้องอยู่บนเตียง
“ดีขึ้นแล้วครับ?” เขายกหัวขึ้นมามอง
“เมื่อวานกินอะไรมาบ้างคะ?”
“อ๋า! เมื่อคืนกินเหล้ากับปลาแห้งครับ”
“ท้องเสียมั้ยคะ?”
“เสียครับ!”
“อาหารเป็นพิษเดี๋ยวก็หาย พาไปพบคุณหมอก่อนกลับค่ายนะคะ” ฉันหันมองเฮลิคอปเตอร์คันใหญ่ นั่งคุยกับเขาต่ออีกหน่อยดีกว่าเผื่อมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
............................................................
อาคาร ทงกิลกัก DMZ...
มุมมองสายตา แทน
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ควันปืนกลิ่นดินปะสิวคลุ้งห้อง Soulless ที่เข้ามาก่อนโดนลูกปืนตายคาประตูหน้าต่างขวางทางไม่ให้กลุ่มที่ตามมาเข้าได้สะดวก
“เซม!” สหายทหารที่ถูกยิงลากตัวเองมาหาผมที่เสากลาง เลือดไหลนองพื้นหินอ่อนเป็นทางยาว
“ปัง! ปัง! มีอะไรทหาร?” ผมผวาไปลากมาหลบข้างเสา
“เซม! พาทุกคนหนีไปที่ประตูหลัง ผมจะยิงสกัดไว้เอง” เขามีเพียงปืนสั้นและระเบิดมือ 2 ลูกที่เอว
ผมส่ายหน้าปฎิเสธแล้วตบไหล่ชื่นชมจิตใจที่กล้าหาญ…
“แค่ 2 นาทีเอง 2 นาทีเท่านั้น อดทนไว้!” เวลาก็เหมือนแกล้งกัน ช่างเดินช้าเหลือเกิน ยิ่งมองศพยิ่งสลดใจถ้าผมตัดสินใจยิงด้วยก็คงตายอีกเป็นร้อยศพ ตัดสินใจไม่ถูกจะเอายังไงดีถึงจะรักษาชีวิตทุกคนไว้ได้
“ปัง!” ทหารซัดเข้ากลางหน้าผากผีดิบหญิงที่ถือมีดวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา
ผมฉุกคิดขึ้นมา...สงครามจะจบเร็วเมื่อมีการยอมแพ้ ถ้าผมหนีพวกเขาก็จะไม่ตาย
“สหาย! พาเพื่อนกลับ!” ผมชี้ไปที่คนที่โดนไม้แทงหลังแล้วก้มลงอุ้มทหารบาดเจ็บขึ้นมา ...
“ออกประตูหลัง!”
“ฟุ่บ!...”
“เซมหมอบ!” ทหารร้องเสียงหลง...“RPG!” เขาพุ่งมารวบขาของผมล้มลง...
“วี๊ด!!!!” จรวดหัวปลีพุ่งจากหน้าต่างบานหน้าทะลุกลางห้องไประเบิดที่ประตูหลัง...
“บรึ้ม!!” อาคารสะเทือน
“เพล้ง!เพล้ง!เพล้ง!” รูปภาพบนผนังกระเด็นเกลื่อนพื้น ฝุ่นควันคลุ้งกระจายหูดับไม่ได้ยินเสียง
“วิ๊ง!...งง...” สรรพเสียงรอบตัวเงียบงัน สัญญาณแห่งความตายหายไปด้วย
“อือออ!อือออ!” Soulessผู้น่าสงสารเดินตาค้างไร้สติเหมือนเดิม
“ฮู่วววว!!” ผมยกนาฬิกาขึ้นดู 09.00 น.พอดี
เสียงวิทยุดัง...
“นินจาเซม! กลุ่มทหารจีนปฎิบัติการอยู่ที่อาคารเสรีภาพครับ ย้ำ!อาคารเสรีภาพฝั่งใต้”
“ดีมาก! จับตาไว้ อย่าให้มันหนี”
“เย่!”
ถึงเวลากวาดล้างทำความสะอาดแล้ว ผมยกวิทยุเรียกนักบินประจำตัว...
“หมวดจาง!”
“เย่! จางแอนนา” รับไวมาก
“เอา MI 28 - Havoc มาช่วยผมหน่อยครับ”
“ฮูย่าห์!” เสียงหมวดจางร้องรับดีใจเหมือนคนไข้นั่งกระวนกระวายรอหมอเรียกคิว เสียงหลุดรอดดังเข้าวิทยุ...
“ได้ยินใช่มั้ย ได้ยินแล้วใช่มั้ย? ฮ่าฮ่าฮ่า!” แม่ใหญ่หัวเราะร่วน
“บรื้น...นน!!” รถบรรทุกทหารจากค่ายทหารแคซ็องเข้ามาทางกีจองดองแล่นผ่านทุ่งหญ้าแห้ง ข้ามสะพาน 72 ชั่วโมงอย่างลำบากพวกเลื่อนลอยเดินเกะกะเกลื่อนถนน ในขณะเดียวกันทหารกำลังโยนศพ Soulless ขึ้นรถบรรทุกเข้าป่าด้านหลัง
“ปั้ลลี่!ปั้ลลี่!” กว่าทหารจะเคลียร์ศพหน้าประตูออกมาได้หมดก็เหนื่อยสาหัส ผมพยุงทหารบาดเจ็บลงมาด้านซ้ายฝั่งลานจอดเฮลิคอปเตอร์
“สหายกลับไปหาหมอนะ ขอบใจมากที่ทุ่มเท!” ผมตบไหล่สองทหารที่บาดเจ็บแล้วเดินไปหากองทหาร
“ชุงซอง!” ทหาร 2 กองร้อยยืนแถวตอนเรียงหนึ่ง 20 แถวบนถนนหน้าอาคาร ผู้คุมกองกำลังวิ่งมาหายืดอกเงยหน้า...
“ชุงซอง! ลีจองซุกอิบนิดะ!” นายทหารวัย 30 ต้น ๆยืนตัวตรง
“จองซุก! รอเดี๋ยวนะ!”
“เย่!”
ผมหันเข้าหากองทหาร...
“ทหาร! นับจากซ้ายไปขวา...เริ่ม!”
“ฮูย่าห์!!” กองทหารร้องรับพร้อมกันแล้วเริ่มนับ...
“ฮานา-ทุล-เซต-เนต-ดาซอด” ทหารหัวแถวสะบัดหน้าซ้ายนับเสียงดังไล่มาทีละแถวจนครบ 20
ผมตะโกนใส่...
“หมู่ 6 -20 ตามผู้กองลีจองซุกไปพาคนเจ็บกลับโรงพยาบาลด่วน”
“ฮูย่าห์!!”
“หมู่1-5 ตามผมมา”
“ฮูย่าห์!!”
ขบวนรถทหารเกาหลีเหนือเคลื่อนทัพออกจากอาคารทงกิลกัก แล่นผ่านด้านหลังของอาคารบันมุนกักทะลุด้านหน้า กำลังเข้าซอกระหว่างอาคารเซ็นสัญญาหยุดยิงสีฟ้า
“บรื้น...นน!!” ผมชะโงกก้มมองพื้นทรายฝั่งเกาหลีเหนือก่อนรถยนต์จะข้ามแท่งคอนกรีตเส้นแบ่งเขตสมมุติขนาดเท่าฟุตบาท เข้าสู่พื้นก้อนกรวดของดินแดนเกาหลีใต้ เส้นสมมุติที่กดคนทั้งสองประเทศจนยอมจำนน
“ตื่นเต้นจังเลย” ทหารเกาหลีชะเง้อมอง นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ข้ามเส้นแบ่งนี้แบบไม่ต้องกลัวโดนลงโทษ เส้นแบ่งนี้ไม่ได้กั้นเฉพาะร่างกายแต่มันขังจิตวิญญาณของชาวเกาหลีทั้งสองฝั่งไปด้วย
ผมสั่งผ่านวิทยุ...
“ทหาร! ห้ามยิงพวกเลื่อนลอย เป้าหมายของเราคือทหารจีนเท่านั้น” บนท้องถนนบริเวณลานกว้างรอบ ๆ อาคารเสรีภาพ Soulless หนาแน่นยืนออเบียดเสียดกัน พวกเขารอดตายมาได้ถึงวันนี้ก็ถือว่าเก่งมากและมีโอกาสมากขึ้น /รออีกนิดนะจะได้กลับคืนชีพแล้ว/
ทันใดนั้น...
“ฟ้าว!..วว....” เสียงเครื่องบินรบโฉบลงมาในระยะต่ำแทงเสียดหูเขย่าหัวใจ ต้นไม้ไหวพื้นดินสั่นสะเทือน
“เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!” แรงอัดจากเสียงทำให้กระจกอาคารเสรีภาพเกาหลีใต้แตกกระจายร่วงกราวลงพื้น
“เขี้ยวเล็บของมันมาอีกแล้ว” ผมประเมินสถานการณ์พวกมันคงเริ่มโจมตีเต็มกำลัง เสียงวิทยุดังขึ้น...
“เซม! พวกจีนใช้นักบินตัวจริงแล้วครับ เครื่องบินรบของจีน 5 ลำขึ้นบินแล้ว” นักบินรายงาน
“ฟ้าว!...วว...” เฉิงตู J-8 คำรามผ่านหัวไปเสียงสนั่นเขย่าใจเสียจนกลุ่ม Soulless ต้องแหงนมอง
“ทหารทุกหน่วย! แยกย้ายกันเดินเท้าหมู่1-2ไปด้านซ้าย หมู่ 3-4 ไปเข้าด้านหลัง หมู่ 5 ตามผมมา” ผมสั่งแล้วกระโดดลงเดินตรงเข้าไปปะปนกับฝูง Soulless ด้านหน้าอาคาร
“ฟ้าว!...วว....” เสียงเฉิงตู J-8 กลับลำมาแล้วปักหัวลง...
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” กระสุนปืนกลจากใต้ท้องเครื่องบินสังหารลงมาเป็นสายฝน
“บรื้ม!!บรื้ม!!บรื้ม!!บรื้ม!!” รถบัสนักท่องเที่ยวบนถนนระเบิดลอยคว้าง ร่าง Soulless กระเด็นแหลกละเอียดมีชีวิตอย่างไร้ความรู้สึกตายอย่างไม่รู้ตัว
กระสุนทักทายจากเฉิงตู J-8 ทำลายอาคารอาคารเซ็นสัญญาหยุดยิงสีฟ้า 3 หลังและอาคารบริวารทั้ง 4 หลังหายไปในพริบตา สัญลักษณ์แห่งสันติภาพของ UN เหลือแต่พื้นปูน ท้องถนนรอบด้านเต็มไปด้วยซากศพเลือดสาดกระจาย
“ทหารซ่อนตัว!” ผมร้องสั่งแล้วแหงนหน้ามองฟ้าดูท่าทางแล้วมันเล่นหนักแน่
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” เสียงปืนกลไทป์ 56 ของจีนดังเป็นระยะ
“รายงานด้วย ใครยิงปืน?” ผมวิทยุถาม
“ทหารจีนในอาคารมันยิงสู้ครับ”
“วี๊ด!...ดดด!!!” เสียงกรีดร้องจากปลายปีกของจรวดจากฟากฟ้า
“บรึ้ม!!บรึ้ม!!บรึ้ม!!บรึ้ม!!” ระเบิดลงลานข้างตึกพื้นสะเทือน
“ฟ้าว!...ววว!!!” เครื่องบินรบของจีน 5 ลำ สลับกันบินมาในระดับต่ำจากทางขวาพุ่งตรงมา /นักบินของผมไปไหนกันหมดวะ?/
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” เครื่องบินปักหัวพ่นกระสุนพุ่งซัดต้นไม้ใหญ่ขาดสะบั้น กลุ่มทหารเกาหลีวิ่งเข้าป่าข้างทางแอบหลังก้อนหินใหญ่
ผมหันกลับไปมองบันมุนกัก อาคารทรงรัสเซียฝั่งเกาหลีเหนือ ผนังปูนกะเทาะด้วยคมกระสุนเจาะเป็นเส้น แต่ไม่สามารถทำลายป้อมปราการนั้นได้ จีนรุกหนักจนพวกเราโงหัวไม่ขึ้น...
“ทหารอย่าออกจากที่กำบัง” ผมสั่งผ่านวิทยุ กระสุนปลิวว่อนทำได้แค่นั่งมองท้องฟ้าระวังหัว
“เซม! มันมาอีกแล้ว!”
“ ฟ้าว!..วว!!! ” เครื่องบินรบร่อนเข้ามาอีกครั้ง
“บรึ้ม!! บรึ้ม!! บรึ้ม!! บรึ้ม!!” พื้นดินสั่นสะเทือน รถยนต์จอดข้างกำแพงด้านหน้าพังยับเยิน
ผมร้อนใจมากยิ่งปล่อยไว้นาน Soulless ก็ยิ่งตายมากขึ้น ยกวิทยุเรียกนักบิน...
“ซองบก! คิมซองบก!”
“เย่!”
“ทำอะไรอยู่ มาไล่ J-8ให้หน่อยสิ”
“กำลังกลับครับ!”
สายตาเหลือบไปเห็นจรวดพุ่งเข้ามา…
“เฮ้ย!” ผมกระโดดนอนราบข้างก้อนหินใหญ่ริมคลอง
“บรึ้ม!! บรึ้ม!! บรึ้ม!! บรึ้ม!!” ระเบิดลงข้าง ๆ ก้อนดินกระจุยน้ำกระจาย
“เซม! เซม!แควนจานาโย!” เสียงซองบกร้องลั่นตื่นตระหนกจากวิทยุ เครื่องบิน J –8 บินผ่านไปผมรีบมุดออกมามองตาม
“แควนจาน่า รีบมานะ!” ผมตอบไปว่าไม่เป็นไร
ทันใดนั้นเสียงวิทยุเรียกมา...
“เซม!!! พวกเรากลับมาแล้ว ขออนุญาตไล่เฉิงตูนะครับ” เสียงสหายนาจองรีดังขึ้นมารู้สึกโล่งใจ...
“มาช้าไปหน่อยนะ สหาย!”
“ซองบกมันไปไล่สอยเฮลิคอปเตอร์ของจีนครับ ผมพึ่งกลับจากกลางทะเล ขอโทษด้วยครับที่มาช้า” เสียงนาจองรีรายงาน
“ซัดมันเลย สหาย!” ผมเงยหน้ามองฝูง MIG กำลังเข้ามาไล่ต้อน เฉิงตูที่หาญกล้ามาแหย่หนวดเสือ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเส้นใยไอพ่น ฝูงบินเปิดหน้าไล่ล่ากันบนฟากฟ้า บินลับหายไปจากแนวเขต DMZ
ทันใดนั้น..
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” กระสุนทักทายดังขึ้นจากในอาคารฝั่งใต้เหมือนระฆังของนักมวย
“ทหาร! บุกเข้าไปได้มั้ย?” ผมหันมาสนใจกับอาคารเสรีภาพ พื้นลานหน้าอาคารแดงฉานเลือดไหลนองพื้น เศษเนื้อและเสื้อผ้าเกลื่อนตากลิ่นคาวเลือดคลุ้ง
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ทหารเกาหลีเหนือเข้าไม่ติด ทหารจีนอยู่ในทำเลที่ดีกว่าแหย่กระบอกปืนลงมาจากหน้าต่าง
“เซมครับ!เข้าไม่ได้!”
“หาที่กำบังก่อนปล่อยให้มันยิงไป” ผมแอบข้างสวนก้อนหินใหญ่ ยกวิทยุ...
“นักบินของผม!! มาถึงรึยังครับ?” หมากฮอร์สตัวสุดท้ายถูกเรียก
........................................................
มุมมองสายตา ไป่ไป๋
บนเฮลิคอปเตอร์ MI 28-Havoc...
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!” ฉันนั่งนิ่งคู่กับนักบินเก็บความดีใจเอาไว้ เจ้ายักษ์ลายพรางสีเขียวใบไม้ลำใหญ่มาก MI 28 - Havoc เฮลิคอปเตอร์สังหารสัญชาติรัสเซียบินเร็วมาก ใช้เวลาไม่นานก็มาใกล้จุดหมายควันไฟลอยดำมืดฟ้า
“ถล่มอาคารเสรีภาพให้หน่อย ทหารเข้าไม่ถึง!” เสียงสั่งจากแทนดังในห้องคนขับ
“ฮูย่าห์!!!” นักบินยิ้มหน้าบาน หันกลับไปสั่งลูกน้องที่ป้อมปืนกลางลำ...
“ดอกเตอร์ยิงกราดลงไปเลยนะ ฉันจะบินอ้อมอาคารช้า ๆ คุณไหวแน่นะ?” เครื่องบินพุ่งเข้าหาอาคารสูงฝั่งใต้
“เย่! สบายมาก!” ลูกน้องทะมัดทะแมงจับปืนสองมือเตรียมยิง คงได้เวลารบกันแล้วสินะ ฉันเสนอหน้าไปหานักบิน...
“หนูล่ะ! หนูทำอะไร?” ทั้งสองสาวมองมาด้วยสายตาตำหนิ จ้องหน้าจะกินตับ ฉันยิ้มแหย ๆ กลบเกลื่อน…
“มองหนูด้วยสายตาแบบนี้ทั้งคู่ จะด่าล่ะจิ?” เสียงอ่อยเลยฉัน นาตาลีตวาดแว้ด...
“แอบขึ้นมาทำไม? ทำไมไม่กลับไปอยู่โรงพยาบาล?”
“...........” ฉันสงบเสงี่ยมนั่งหน้าจ๋อยตัวลีบ /ก็จังหวะมันได้นี่ ฉันดูอาการทหารอยู่ตรงนั้นพอดี ไม่พลาดแน่/
นักบินอมยิ้มตาคมกริบ...
“ดื้อไม่หายจริง ๆ เธอคอยกดปุ่มนี้นะ มันเป็นปืนกลใต้ท้องเครื่อง ถ้าเห็นข้าศึกก็ยิงแม่งเลย” รักนักบินที่สุดเลย อย่างงี้ก็ชอบสิคะ...
“ฮูย่าห์!!”
“กลับถึงบ้านก่อนโดนแน่!” นาตาลีค้อนตากลับทำปากหมุบหมิบ ขยับตัวเข้าประจำตำแหน่งมือปืนประจำเครื่องล็อคตัวเองกับเก้าอี้
“โพล๊ะ!” เธอปลดเซฟขึ้นลำปืนอย่างชำนาญ สายตาเหยี่ยวจ้องเขม็งไปที่อาคารกระจก ฉันตื่นเต้นมือเย็นเฉียบ
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!” เครื่องบินร่อนเอียงลำวนรอบอาคาร กระบอกปืนของทหารจีนแหย่ออกจากหน้าต่างทุกชั้น ด้านล่างกลุ่มพวกเลื่อนลอยเดินเต็มพื้นลานเกะกะอย่างน่าอึดอัดใจ
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” เสียงปืนตระกูลไทป์ 56 ของพญามังกรคำรามก้องต่อเนื่อง แสงไฟจากปลายกระบอกดั่งพลุแตกกดหัวทหารเกาหลีเหนือจนออกจากที่มั่นไม่ได้
“มือปืน!...ยิง! ” นักบินร้องสั่ง
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” นาตาลีลำตัวสั่นสะท้านซัดกระสุนขนาด 30 ม.ม.ใส่อาคาร…
“เพล้ง!เพล้ง!เพล้ง!เพล้ง!” กระจกร่วงกราวอาคารเสรีภาพเปิดโล่งเห็นโครงสร้างภายใน
“ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!” นักบินกดจรวด 80 ม.ม.พุ่งเข้าในตัวอาคารชั้น 2
“บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม!” อาคารสูงไหวตัว
“ไป่ไป๋! ซัดเลย” นักบินสั่ง ฉันกดปุ่มแดงบนคอนโซล
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ปืนกลใต้ท้องพ่นกระสุนไฟออกไป
“นักบินไปทางขวา!” นาตาลีสั่ง
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” เครื่องบินโฉบไปด้านขวาส่งกระสุนไล่จากชั้นที่ 2 ขึ้นไปที่ชั้นที่ 5 ทหารจีนภายในวิ่งกันกระเจิง
“อนนี่! เก่งจังเลย”
“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!” เครื่องบินลอยวนยิงกดดันไปรอบ ๆ
“เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!” บานหน้าต่างเศษกระจกปลิวกระเด็นร่วงกราวอาคารสูงเริ่มจะเปลือยเปิดที่ซุ่มของกลุ่มทหารจีน
“แกเสร็จฉันแน่! ยิงปืนนี่มันส์จริง ๆ” นาตาลีคำรามลั่นมันมืออยู่คนเดียว /ไปเอาความมั่นใจมากไหน?/
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” สายกระสุนยาวเลื้อยเข้ารางปืนซัดต่อเนื่อง ทหารจีนวิ่งหลบกันวุ่น
“ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!” นักบินยิงจรวดซ้ำเข้าไปที่ชั้น 4
“ไป่ไป๋ยิงมันเข้าไปอย่านั่งเฉย” นักบินหันมาดุ
“บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!!” อาคารไหวโยกเยก ทหารจีนกว่า 20 นายวิ่งหนีตายออกมาบนลาน
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” คมกระสุนจากทหารเกาหลีที่ดักรอเด็ดชีวิตทหารจีนล้มเกลื่อนในพริบตา
“หมวดจาง!” เสียงแทนเรียก
“เย่!”
“ขอบคุณมากนักบินที่เหลือผมจัดการเอง”
นักบินหันมาบอกนาตาลี...
“ดอกเตอร์! ตรงนี้เรียบร้อยแล้วไปที่นั่นดีกว่า” นักบินคึกคักชี้ผ่านท้องนาไปที่เสาธงสูงของหมู่บ้านแทซองดองฝั่งเกาหลีใต้ ขบวนรถทหารจีน 4 คันกำลังรุดเข้ามาเสริมกำลังช่วยเพื่อนที่นี่
“หือ!” ในจังหวะนั้นฉันเห็นแทนกำลังวิ่งอยู่ข้างล่าง ตื่นเต้นดีใจร้องเสียงหลงชี้ให้ทุกคนดู...
“นั่นไงแทน! อนนี่คะ! แทนอยู่นั่นไง!” ที่รักของฉันกำลังวิ่งนำหน้าทหารเข้าอาคาร
“จะลงไปหามั้ย จะถีบส่งไปให้?” นักบินแซวแล้วโฉบเครื่องออกไปกลางถนนชนบทดักหน้าขบวนรถทหารจีน
“ยายเหน่งจัดการเลย!” นักบินสั่ง
“รับทราบ!” ฉันเปิดฝาครอบจิ้มปุ่มแดง…
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” กระสุน 30 ม.ม.ผ่ารถยนต์เป็น 2 ซีก อะดรีนาลีนหลั่งความคลั่งเข้าสิง ฉันเมามันกับการกดปุ่มยิงปืนกระดี๊กระด๊าไม่มีความรู้สึกผิดสักนิด...
“หนูกลับไปจะลาออกจากทีมพยาบาลแล้ว เป็นทหารดีกว่า”
“ฐานเรียกสหายแอนนา!” สหายโกเรียกวิทยุมา
“เย่! จางแอนนา!”
“ถอยออกมาก่อน! เครื่องบินรบเสร็จภารกิจแล้วจะถึงคุณใน 3 นาที”
“เย่!!”
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!”เครื่องโฉบกลับเข้าเขตเกาหลีเหนือ
ฉันมองกลับไปฝั่งใต้ ฝูงบินรบเกาหลีเหนือลดระดับลงมา...
“ฟ้าว!!!!!” F-22 raptor ปล่อยจรวดลงมาเป็นสาย…
“บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!!!!” ลูกไฟลุกท่วมโรงนา หมู่บ้านแทซองอันเลื่องชื่อของเกาหลีใต้แหลกเป็นจุล
............................................................
มุมมองสายตา แทน
ในเวลาเดียวกัน....
“ทหารเข้าจู่โจม!” ผมออกจากแนวต้นไม้วิ่งลุยดงกระสุนเข้าไปแอบข้างอาคารเสรีภาพ โบกมือให้สัญญาณให้ทหารเข้าประจัญบาน...
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ทหารเกาหลีเคลื่อนตัวออกจากที่กำบังพร้อมกัน วิ่งกรูเข้าแอบข้างอาคารจากทุกสารทิศ
“หมู่1-2 เฝ้าด้านล่าง 3-4-5 ขึ้นไปเก็บกวาดบนตึก”
“ฮูย่าห์!!” ทหารกรูเข้าอาคารพร้อมกัน 3 ด้าน ผมวิ่งขึ้นบันไดผ่านชั้น1โล่งโจ้งกระจกรอบอาคารแตกละเอียด โต๊ะเก้าอี้ล้มเกลื่อนมีแต่ศพทหารจีน
“โอย!” ทหารจีนเลือดท่วมนอนกอดท้องตัวงอ
“ปัง!” ทหารเกาหลีเข้าไปช่วยเคลียร์ความเจ็บปวดให้ ผมวิ่งนำขึ้นชั้น 2 เจอสหายทหารโดนยิงนั่งเจ็บที่บันได...
“อดทนอีกนิดนะสหาย! เดี๋ยวได้กลับบ้านแล้ว”
“เซม! ผมยังไหว ผมจะคอยดักยิงมันตรงนี้เอง” ทหารเกาหลีเหนือมีเลือดนักสู้เต็มตัว ผมแตะไหล่ให้กำลังใจ...
“ทหาร! พาเพื่อนกลับไปก่อน” ผมหันไปสั่ง ทหารเข้าประคองเพื่อนพาลงไปชั้นล่าง
“เซม! พวกทหารจีนยึดที่นี่เป็นศูนย์ควบคุมโดรนครับ” ทหารเดินย่องตามหลังกระซิบบอก โต๊ะทำงานล้มระเนระนาดจากจรวด
“ขึ้นไป! ขึ้นไป!” ผมโบกมือไล่ ทหารเกาหลีกรูขึ้นไปชั้นบน
“ตั้ม!ตั้ม!” เสียงระเบิดมือดังจากด้านล่าง ผมมองผ่านช่องบันไดลงไปด้านล่าง ทหารเกาะราวบันไดชะโงกแหงนหน้าชี้ขึ้นมา...
“เซม! มันโยนระเบิดมือมาจากข้างบน”
“มันอยู่ข้างบน ขึ้นไป!” ผมสั่งลุย
เมื่อผมวิ่งขึ้นมาถึงชั้น 4 ทหารเกาหลียืนคอยหน้าห้องซ้ายขวาพยักหน้าส่งสัญญาณแล้วเปิดประตูเข้าไป
ทันใดนั้นเอง ทหารจีน 2 นายที่ซ่อนริมหน้าต่างลุกขึ้นยิงใส่ทันที ...
“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!”
“หลบ!” ผมกลิ้งหลบไปเจอศพทหารจีนฟุบคว่ำหน้าบนโต๊ะรับส่งสัญญาณควบคุมโดรน
“Flash!” ผมโยนกระป๋อง Flash bombใส่…
“ฟื้ด…ดด!!” แสงสว่างวาบพร้อมเสียงเสียดแหลมวี๊ดขึ้นสมอง ทหารจีนทิ้งปืนอุดหู ทหารเกาหลียิงทันที...
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” ทหารจีนทั้งสองกระเด็นตกหน้าต่าง
“ทหาร! ขึ้นไปดูด้านบนเก็บกวาดให้สะอาด”
“ฮูย่าห์!!”
ผมเดินผ่านศพทหารจีนไปชะโงกริมหน้าต่าง มองลงด้านล่าง เหล่า Soulless ยังล้อมอาคารหนาแน่น เดินเหยียบย่ำลงบนศพน่าอเนจอนาถใจ
“เฮ้อ!”
“เคลียร์!” ทหารรายงานผ่านวิทยุ ผมรู้สึกสลดใจเสียดายชีวิตผู้คนนิ่งมองอยู่สักพักแล้วยกวิทยุ...
“เคลียร์!”
ศึกนี้สิ้นสุดลงภายในเวลาครึ่งวัน ทั้งคนดีและคนเลื่อนลอยต่างตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันเพราะความโลภของใครบางคน ทิ้งไว้เพียงเสียงร้องอือออจากปากของ Soulless ทุกอย่างรอบกายดูคล้ายจะหยุดนิ่งมีเพียงสายลมผสมกลิ่นคาวเลือดแผ่วเบาพัดผ่าน ขอให้ทุกวิญญาณไปสู่ภพภูมิที่ดี
…………………………………………………
มุมมองสายตา ไป่ไป๋
อาคารบันมุนกัก ฝั่งเกาหลีเหนือ...
“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!!” นักบินกำลังเอาเครื่องลงจอดบนดาดฟ้าอาคารบันมุนกักทรงสี่เหลี่ยม
“เสร็จแล้วเหรอนักบิน?” นาตาลีสีหน้าหมองท่าทางไม่สบายใจ ใครขัดใจตอนนี้โดนแน่ ฉันรู้จักเธอดี
“ไง! สนุกล่ะสิ เอาอีกมั้ยล่ะไปยิง Soulless กัน?” เธออมยิ้มกวน
“เอา!เอา!สนุกจังเลย” ยิงปืนสนุกจริง ๆ ฉันชอบ
“หุบปากไปเลยทั้งคู่!” นาตาลีตวาดแว้ด หมวดจางเอามือปิดปากทันที
“อนนี่ดุจังเลย เดี๋ยวนี้ขี้หงุดหงิดด้วยนะ”
“หุบปาก! พวกนั้นพี่น้องร่วมชาติของฉันทั้งนั้น”
“..........” ทั้งนักบินและโคไพลอตนั่งปิดปาก ทางรอดเดียวต้องเงียบไว้ก่อน
“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” เสียงปืนดังจากด้านล่าง
“ฮึบ!” นาตาลีกระโดดลงจากเครื่องบินแล้ววิ่งไปขอบดาดฟ้ากวาดสายตามองหาต้นเสียง ความกดดันเข้ามาในใจอีกครั้ง
“อนนี่เจอมั้ย?”
“ดอกเตอร์! ใครยิงวะ มันจบแล้วนี่?” หมวดจางวิ่งมายืนข้าง ฉันเห็นทหารจีน 4 คนปะปนอยู่ในกลุ่มคนบนถนนระหว่างอาคารเสรีภาพกับที่นี่
“นั่นไงคะ!” ฉันชี้ลงไปที่ซากอาคารหยุดยิงสีฟ้า ทหารจีนอาวุธครบมือ 4 นายยิงปืนใส่ Soulless เพื่อเปิดทาง วิ่งล้มลุกคลุกคลานมาหาเรา
“หมวดจางขึ้นบิน!”เสียงวิทยุจากแทน
“ไม่ได้ค่ะ! อันตรายเกินไป พวกมันมี MANPADS มาด้วย” เธอตอบเสียงตื่นสายตาจับไปที่ปืนยิงเฮลิคอปเตอร์ที่ไหล่ทหารจีน
“ยิงโต้ไว้นะ เดี๋ยวผมไปช่วย”
“เย่!”
“ยายเหน่ง! ดอกเตอร์! เตรียมตัวนะ” เธอวิ่งนำลงบันไดมาชั้น 3 แล้วออกไปนอกระเบียงทิ้งตัวนอนราบ
สามสาวนอนยืดยาวเรียงกันประทับปืนพร้อมยิง สายตามองผ่านลูกกรงแก้วลงไปลานด้านล่าง
“ยิงมันไว้ อย่าให้มันเข้าใต้ถุนตึกได้” ผู้หมวดคนสวยสั่งการ ฉันชอบอยู่แล้วรอคำสั่งตั้งนาน ซัดก่อนเลย...
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เสียงปืนทำให้ทหารทั้ง 4 ลังเลหยุดวิ่งแล้วแยกกัน ทหารจีน 2 นายเข้าไปหลบหลังก้อนหินใหญ่ฝั่งซ้าย อีก 2 นายวิ่งหลบต้นไม้แอบกันคนละฝั่งทั้งหมดกำลังเป็นเป้านิ่งอย่างไม่รู้ตัว
“หมวดจาง!” แทนเรียกวิทยุมา
“เย่!”
“คุณยิงคนซ้ายไว้”
“เย่!”
“ปัง!ปัง!ปัง!” หมวดจางหันกระบอกปืนใส่ทหารจีนที่หลบหลังก้อนหิน ลูกปืนกัดตัวอักษรแกะสลัก DMZ แตกกระจุยกดดันจนพวกเขาออกจากกำบังไม่ได้ ในขณะที่ทหาร 2 นายใต้ต้นไม้ใหญ่สบโอกาสเหมาะ วิ่งออกจากที่กำบังจะเข้ามาใต้ถุนตึก
“เปรี้ยง!” เสียงปืนความเร็วสูงดังแว่วมา ร่างของเขากระเด็นล้มตามแรง
“เปรี้ยง!” อีกรายล้มลงหน้าลานบันไดอาคาร
ทหารรูปร่างอ้วนเตี้ยหัวเถิกกับนายทหารหนุ่มข้างก้อนหินใหญ่ขยับวิ่งออกจากจากที่กำบังจะเข้าใต้อาคาร ฉันรู้สึกคุ้นตาคว้ากล้องขึ้นมาส่อง…
“ห่ะ!” รีบคว้าวิทยุร้องห้ามเสียงหลง...
“แทนอย่ายิง! อย่ายิงนะคะหนูขอร้อง!” ฉันลนลานลุกวิ่งลงบันไดไปด้านล่าง/ไม่ได้นะ ยิงไม่ได้/
“ยายเหน่งจะไปไหน?” หมวดจางร้องเรียก
“ไป่ไป๋! จะทำอะไร อันตรายนะ?” นาตาลีร้องตาม ฉันไม่สนเสียงเรียกของใครทั้งนั้น รอช้าไม่ได้อีกแล้วความตายไม่รอแน่ จากชั้น 3 วิ่งลงมาหยุดที่ลานบันไดชั้นล่าง ค่อย ๆ ย่องแอบผนังแล้วตะโกนไปหาทหารจีนที่หลบอยู่หลังเสา...
“เก้อเฉิง! อย่าสู้ทิ้งอาวุธซะ! ทิ้งอาวุธเดี๋ยวนี้!” ได้เวลาที่ฉันต้องตอบแทนแล้ว
“หือ!...” นายทหารทั้งสองหยุดชะงักมองหน้ากัน ก่อนที่นายพลหัวเถิกจะเดินออกมาจากเสาพร้อมเล็งปืนมาใส่...
“คนจีนเหรอ?” เขาตะโกนมา
“วางอาวุธก่อน เราคุยกันได้ค่ะ”
“อย่าตลก เธอนั่นแหละมานี่!” นายพลขยับเดินเข้ามากดดัน /เอาไงดีวะ?/
“ปัง!” ฉันยิงปืนขู่ไปก่อน เขากระโดดกลับไปแอบที่เดิม
“ท่านนายพลอย่าเสี่ยงดีกว่า หนูยิงจริงนะ! วางปืนเดี๋ยวนี้!” ฉันชะโงกหน้าออกไปมองสายตาไปสบกับเก้อเฉิงอย่างจัง
“ฮ๋า!” เขาคิ้วขมวดหน้ายุ่ง
“เก้อเฉิง! ฉันช่วยคุณได้ ขอให้เชื่อใจฉัน” ฉันได้แต่ภาวนาให้เขาใจเย็นลง
นายพลเฒ่าก้าวเข้ามาแล้วยกปืนเล็ง...
“จะไม่ออกมาใช่มั้ย?”
เขากระโดดเข้าขวางทางปืนของเจ้านาย...
“อย่าครับท่าน!” เก้อเฉิงทำให้อึ้งอีกแล้ว เขาไม่เคยลังเลที่จะช่วยฉัน
“เก้อเฉิง! นายจะทำอะไรจะปล่อยโอกาสหลุดมือเหรอ? ไปจับมันมา!” นายพลห่าวส่งสายตาพิฆาตลูกน้อง
“แต่นั่นมัน...” เขาอึกอักชี้มา
“ไปจับมันไว้เป็นตัวประกันสิ ไป!” เขาตวาดซ้ำ
“เธอเป็นคนจีนครับ เป็นพวกเดียวกับเรา”
“หือ! นายรู้จักกับยายหัวเหน่งนั่นด้วยเหรอ ไปคบค้ากับคนบ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ฮึ?” เขาโวยใส่หน้าลูกน้อง ฉันหลุดขำ
“ท่านจำเธอไม่ได้เหรอครับ ไป่ไป๋ไง?” โล่งอกที่เก้อเฉิงจำได้แล้ว
“ฮะ!” เขาหันขวับสายตาเปลี่ยนไป...“ยายเด็กดื้อมานี่เลยนะ! แอนนาล่ะ! แอนนาอยู่ที่ไหนไปตามมาเดี๋ยวนี้นะ!” เขาลดอาวุธลง เท้าเอวท่าทางเหมือนครูดุนักเรียน
“คุณลุงแพ้แล้วพอเถอะ! ถ้าเชื่อหนูคุณลุงจะปลอดภัย”
“มานี่ยายหัวโล้น! เธอโกนหัวทำไมวะเป็นเหารึไง?” นายพลเฒ่าขยับเดินเข้ามากดดันอีกแล้ว ฉันจะทำยังไงดีวะ ต้องยิงเหรอ?
“พรึบ!พรึบ!พรึบ!” ในจังหวะนั้นกลุ่มทหารเกาหลีเหนือวิ่งกรูเข้ามา ฉันโล่งอกที่ไม่ต้องยิง
“วางอาวุธเดี๋ยวนี้!” ทหารเกาหลีตั้งแถวยกปืนพร้อมยิง
“ห่ะ! ซากยองจีม่า!” ฉันผวาร้องห้ามกางแขนปกป้องทหารจีนทั้งสองนาย...
“อย่ายิงนะคะ! อย่ายิง! ฉันจะลงโทษเขาเอง” ว่าแล้วก็หันกลับไปต่อยปากนายพลอ้วน...
“วันนี้จ่ายรวมดอกเบี้ยเลยนะคะท่าน” ฉันมีพวกเพียบเลยขอสะสางให้สมใจก่อน ฮ่าฮ่าฮ่า!สะใจมาก!
“ผลั้วะ!ผลั้วะ!ผลั้วะ!” ถึงแม้จะอายุมากแล้ว แต่เขาก็ยังมีเขี้ยวเล็บปัดปิดได้ทุกหมัด
“พรึ่บ!พรึ่บ!” ทหารเกาหลีเข้าล็อกแขนของทั้งคู่ /โฮะ!โฮะ!โฮะ! หวานฉันล่ะ นายทหารจีนหน้าเหรอหรา…
“ผลั้วะ!ผลั้วะ!ผลั้วะ!” เหมือนได้ต่อยกระสอบทรายมันส์เป็นบ้าใส่หน้าเป็นชุด
“ไป่ไป๋!...” นาตาลีถลาวิ่งลงมาแล้วเบรกลื่นไถลมาเกาะแขน พอเธอเห็นหน้านายพลห่าวถึงกับหัวเราะลั่น...
“ออม่อ!...ฮ่าฮ่าฮ่า!” เธอยิ้มเหมือนถูกหวยเดินปรี่เข้าหา เขาหน้าถอดสี…
“คุณมาอยู่ที่นี่เองเหรอ?”
“หนีห่าวมะท่านนายพลห่าวอู๋! มามะขอต่อยคืนมั่งนะ” เธอเดินเข้าไปสาวหมัดใส่นายพลเฒ่าอย่างเมามันส์ นาตาลีที่ผ่านการฝึกหนักมาออกหมัดได้หนักแน่นและเข้าเป้ามากกว่า
เธอต่อยหน้าฉันก้มต่อยพุง...
“ผลั้วะ! ผลั้วะ! ผลั้วะ! ฉันหนีคุณมาตลอด! โคตรเหนื่อเลย! ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย! ขอเอาคืนหน่อยเถอะ! ผลัวะ!” นาตาลีฟุตเวอร์คแย็บหน้า เลือดติดหมัด
ฉันเหนื่อยหอบถอยไปยืนริมบันไดแหงนขึ้นมอง หมวดจางหอบปืนพะลุงพะลังเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดลงมาคนสุดท้าย ปากก็บ่นอุบอิบ...
“มึงโดนกูโบกแน่เสือกพา Soulless เข้ามา?” แม่ใหญ่กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันหมายหัว สายตาของเรามาบรรจบกัน...
“ยายเหน่งทิ้งปืนได้ยังไงวะ?” เธอเฉ่งก่อนเลย ฉันกวักมือแล้วชี้ไปที่นายพล
“ใคร? อะไร?” พอเธอก้มมองไปเห็นหน้านายทหารถึงกับกระโดดถอยหลังขึ้นบันไดได้...
“ไอ๋ย๋า! ท่านนายพลเผ่นก่อนล่ะ โครม!” เธอทิ้งปืนวิ่งหนีกลับขึ้นไปชั้นบน
“เจี่ยเจี้ยลงมาก่อน” ฉันดึงหางก็ไม่อยู่ เธอวิ่งหายไปเลย
“อิ๊ส!อิ๊ส!อิ๊ส!” นาตาลีซัดหมัดใส่นายพลห่าวอู๋จนเลือดกบปากดวงตาปิดสองแก้มปูดแดงทรุดตัวลงกองกับพื้น
“ซาจังนีม!” แทนเดินอมยิ้มจากหน้าประตูเข้าไปอุ้มนาตาลีออกมา...
“พอแล้วครับ! เขาแก่แล้ว” แทนก็ยังคงใจดีก่อนเสมอหันไปมองหน้านายทหารหนุ่มแล้วชะงัก...
“อ้าวคุณ!” เขาส่งยิ้มไมตรี…“มาได้ยังไงเนี่ย ผมจำคุณได้คุณจำผมได้มั้ย?”
“ผมไม่รู้จักคุณ” เก้อเฉิงเมินหน้า แทนยิ้มเก้อ
ฉันบินเข้าไปกอดปลอดโปร่งโล่งใจที่ปลอดภัยดี...
“แทนคะ! นายพลห่าวอู๋จำได้มั้ย?”
“ไม่เจอกันนานเลยแก่ลงมากเลยนะครับ จำผมได้มั้ย?” แทนอมยิ้มแล้ววางนาตาลีลง
“ผมไม่รู้จักคุณ!” นายพลเมินหน้าอีกคน
“อ้าว!” แทนยิ้มเก้ออีกครั้ง
“ทหาร! จับเชลยกลับค่าย Mission complete!” นาตาลีสั่ง
“ฮูย่าห์!!”
“ขึ้นไปหานักบินกันดีกว่า แทนคะกลับไปกินข้าวกัน เที่ยงพอดีเลย” ฉันหันกลับไปโบกมือให้เก้อเฉิง สายตาที่มองมาไม่เป็นมิตรเลย ฉันไม่สนหันไปกอดแขนของแทนเดินขึ้นไปหาหมวดจาง...
“พาหนูกลับโรงพยาบาลด้วยนะคะ ต้องไปเตรียมตัวรับมือกับคนเจ็บ” ฉันอยากเข้าสิงเขาจังเลยเดินคลอเคลียนัวเนีย
“จูยอนบ่นใหญ่เลย มาได้ยังไง?” แทนดึงฉันมากอดฟินจังเลยใครด่าก็ยอมหมด นาตาลีเหล่มอง...
“ฉันยังโกรธอยู่นะ”
“กลับไปถึงบ้านหนูจะยอมทุกอย่างเลย” ฉันโผไปกอดเธออย่างสุดรัก ได้ฟังเรื่องราวดี ๆของแทนรู้สึกภูมิใจ ต้องให้รางวัลอย่างงาม
เมื่อชีวิตเดินหน้าอย่างดีมีความสุขไร้อุปสรรค คนก็มักจะลืมอดีต แต่เมื่อเดินไปสะดุดกับปัญหาที่ออกไม่ได้ จึงกลับไปคิดถึงอดีตและเลยเถิดไปโทษเวรกรรม โลกที่มันไม่เท่าเทียมเพราะมีคนกำหนดให้มันต้องเป็นแบบนี้ ยิ่งความเหลื่อมล้ำเรื่องรายได้สูงมากเท่าไหร่ก็หมายความว่าจะมีทาสให้พวกเขาเลือกใช้อีกมากมาย
.หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |