หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 28 ก.ย. 2567 |
พยองยาง
มุมมองสายตา ซอน
สนามฟุตบอลมันกยองแด…
เมื่อคืนกว่าผมจะกลับถึงบ้านก็ดึกมากจนไม่ได้คุยกับใครตื่นขึ้นมาทุกคนก็หายหน้าไปหมดแล้ว คว้าคิมบับติดมือเดินสูดอากาศในยามเช้าไปทำงาน หยุดแวะหยอกล้อกับนกสีฟ้าปากเหลืองบนราวสะพานอย่างไม่รีบร้อน สูดหายใจเอาอากาศเย็นยามเช้าเข้าปอด ยืนมองริ้วคลื่นน้ำใสไหลเอื่อยเซาะขอบตลิ่งผ่ากลางใจเมือง แม่น้ำแทดงใหญ่กว่าสาละวินเป็นสิบเท่า
“ชุงซอง! ซอนซอนเซงนีม!” น้องทหารสองนายโผล่หน้าร้องทักออกจากป้อมตีนสะพาน
“เย่! พับม่อกอซอโย้?” ผมโบกมือถามว่ากินข้าวรึยังแต่ไม่ได้แวะคุย
“เมื่อเช้าไป่ไป๋เซมเอาขนมปังกับผลไม้มาให้กินแล้วครับ เซมจะเดินไปไหนครับ?”เขาตะโกนตามหลัง
“ไปทำงานที่สนามฟุตบอล” ผมเดินไปบนถนนกว้างใหญ่ไร้รถยนต์ ประชาชนเกาหลีเดินกันประปรายบางตาจนดูหลวม
“ขอบคุณที่ทำงานหนักนะครับ” เจ้าทหารยังเดินออกมาป้องปากตะโกน ผมหันกลับไปโบกมือให้แล้วเดินต่อไป
ต้นไม้ใหญ่ยืนเรียงสองข้างทางกลางเมืองหลวง แผ่กิ่งก้านสาขาเก่าแก่เข้ากับอาคารสูงทรงโบราณอย่างลงตัว สถาปัตยกรรมย้อนยุคทั้งรูปปั้นม้าศึกพยศและรูปแกะสลักนูนสูงของกองกำลังกู้ชาติบนกำแพงให้อารมณ์เหมือนอยู่ในสมัยสงคราม ทุกอย่างถูกแช่แข็งจากกฎเหล็กมายาวนานเป็นตัวแทนของช่วงเวลาที่หาชมยาก
เสียงใสร้องเพลงสนุกสนานของเด็กหญิงดังแว่วมา ผมหยุดยืนข้างต้นไม้มองหาต้นเสียง สามล้อถีบปั่นเข้าโค้งไปที่สามแยกหน้าทางเข้าสนามฟุตบอลมันกยองแด
“ครอบหมีสามตัวอยู่ในกระท่อมชายป่า อะป้า ออมม่าใจดี” เด็กหญิงสวมแว่นตาดำในชุดเสื้อผ้าเก่ามอซอ ยืนโยกไปตามจังหวะร้องเพลงบนหน้ารถสามล้อถีบ เดอะแก๊งนั่งปรบมือให้จังหวะอยู่ข้าง ๆ รถขับเคลื่อนด้วยพลังขาของชายรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าแทน
“อาป้าวันนี้จะได้กินอะไรกันดี หนูมีน้ำผึ้งกับขนมปัง” เธอร้องเพลงหันไปหาคนถีบ
“กินน้ำผึ้ง กินน้ำผึ้ง ฮ่าฮ่าฮ่า!” เขาร้องโต้ตอบเด็กน้อย เจ้าเดอะแก๊งนั่งปรบมือข้างเด็กหญิงหันมาเห็นผมก็โบกมือ...
“ซอนเซงนีม! อันยองฮาเซโย” เขากระโดดลงวิ่งเข้ามาหามือขวาใส่เฝือก ผมจำไอ้คนนี้ได้เมื่อวานไปถ้ำมาด้วยกัน...
“เอ่อ! สหาย...” ผมชี้นิ้วแต่นึกชื่อไม่ออก
“โนยุนซอ! โน! ยุน! ซอ!”เขาย้ำเสียงดัง พึ่งจะบอกผมมาเมื่อวานนี้เอง
“สหายเจ็บแขนนี่นาจะมาเรียนทำไม?”
“แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกครับ นั่งเรียนไม่ต้องใช้แขนหรอกครับ” เขามุ่งมั่นดีจังเลย
“แน่ใจนะ!”
“เย่!”
“แล้วกำลังจะไปไหนกันล่ะ กลับบ้านเหรอ?”
“เซมครับ! ผมอยากจะแนะนำให้รู้จักกับน้องสาวของผมครับ” เขาลดโทนเสียงลงแล้วหันกลับไปมองด้านหลังก่อนจะร้องเสียงหลง...
“อาจอชี่! เซคยองกลับมาก่อน” สองคนนั้นปั่นรถหนีไปไกลแล้ว
“อาจอชี่กลับมา! เซมไม่จับหรอกครับ” เขาป้องปากตะโกนเรียก แต่รถสามล้อปั่นหนีหัวตั้งไปแล้ว
“ช่างเถอะ! เข้าไปสนามกันดีกว่า คนนั้นอะป้าใช่หรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ครับ แค่รู้จักกันเฉย ๆเอ่อ!..ผมรู้จักกับสองคนเมื่อคราวที่ดูคอนเสิร์ตคราวก่อนครับ”
“อ๋อ! แล้วบ้านสองคนนี้อยู่ที่ไหนล่ะ?”
“ไกลมากครับอยู่แถว ๆ บันมุนจองโน่นแน่ะ เขาปั่นรถสามล้อนั่นมาโคตรไกลเลย อาจอชี่รักลูกสาวมากพาเที่ยวทั่วประเทศด้วยรถนั่นแหละครับ”
“นั่น! เขาตั้งใจจะหนีผมใช่มั้ย?” ผมเดินเลี้ยวเข้าประตูสนามฟุตบอล เดอะแก๊งเหลืองอร่ามไปทุกมุม
“เอ่อ! เซคยองอยากเจอกับไป่ไป๋ซอนเซงนีมครับ” เขาตอบเลี่ยงไปอีกทาง
“อ้าว! สหายก็พึ่งไปใส่เฝือกที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่พาไปพบล่ะ?”
“อาจอชี่กลัวครับ ถ้าถูกจับจะไม่มีใครเลี้ยงเซคยอง เธอตาบอดทั้งสองข้างเลย น่าสงสารมาก”
“ใครจะจับวะ?” ผมไม่ได้ใส่ใจเดินแยกกันไปคนละทาง
ไรเดอร์ของทีมเดอะแก๊งกลางสนามฟุตบอลกำลังสนุกกับการโลดโผน ยังมีเด็กอีกหลายกลุ่มต้องนั่งรอคิว สีสันของวัยรุ่นเกาหลีพร่างพราวราวกับกลีบมูกุงฮวาที่ปลิดปลิวตามสายลม ในขณะที่ทั่วโลกเต็มไปด้วยความมืดมนไร้อนาคต แต่เกาหลีเหนือกำลังเปล่งประกายสดใสแตกหน่อใหม่
ซนบ๊กซูยืนหัวเหน่งเป่านกหวีดกลางสนามเป็นครูฝึกวินัยพื้นฐานให้กับเพื่อนใหม่ทั้งชายหญิงก่อนจะแยกไปตามหน่วยต่าง ๆ เห็นแล้วรู้สึกเบาใจที่เด็กเกาหลีเหนือสอนง่ายและทำงานเป็นทีมได้เยี่ยมมาก ผมยกวิทยุเรียก...
“สหายซน!” ผมโบกมือจากริมสนาม เจ้าซนหันมองหาแล้วโบกมือรับ....
“เซม! เมื่อวานยิงกันที่บันมุนจอง เมื่อคืนผมไปดูมาแล้ว สหายทหารยังเก็บศพไม่หมดเลย” ทั้ง ๆ ที่ห้ามไว้แล้วมันก็ยังเสือกไปจนได้
“มาคุยกันสิ!” ผมเดินเข้าห้องทิ้งตัวลงนั่งคิดถึงบรรดาสาว ๆ และลูกชาย ทุกคนแยกกันไปคนละทิศทางต่างก็ไปรับผิดชอบงานของตัวเอง สมัยที่ผมสร้างอาณาจักรกับนาตาลีที่ลาเสี้ยวก็โคตรเหนื่อย มาเจอที่นี่...ซ่อมทั้งประเทศจุกอกกันไปเลย
“อันยองฮาเซโยซอนเซงนีม!” เจ้าซนวิ่งยิ้มฟันขาวหัวโล้นมาเลย
“อันยอง!”
“มอเตอรไซด์กับโดรนไม่พอใช้แล้วครับ ผมขออนุญาตพาเดอะแก๊งเข้าฝั่งใต้ได้มั้ยครับ”
“เอาสิ! ผมก็คิดว่าจะไปหามาเพิ่มให้เหมือนกัน เตรียมตัวไว้นะเดี๋ยวผมขอปรึกษากับนินจาเซมก่อน”
“เมื่อคืนผมเห็นพวกเลื่อนลอยมืดฟ้ามัวดินเลย ผมว่าฝั่งใต้ไม่เหลือคนแน่ เราเข้าไปขนของออกมาให้หมดเลย”
“เอาไว้ก่อนนะ! ผมยังไม่ได้ไปเยี่ยมไป่ไป๋เซมเลยมีทหารบาดเจ็บมากมั้ยก็ไม่รู้ คงเหนื่อยน่าดู?” คนแรกที่ผมจะคิดถึงมักจะเป็นไป่ไป๋ก่อนเสมอ
“โดนถล่มขนาดนั้นน่าจะเจ็บกันหนักเลยล่ะ ถ้าเซมไม่ห้ามผมไว้พวกเขาก็คงไม่เจ็บตัวหรอก น่าเสียดาย!” เจ้านี่โยนความผิดมาให้อีก กวนตีนจริง ๆ
“เออมึงเก่ง!” หมั่นไส้นัก สักวันจะพามันไปวิ่งหนีกระสุน
“สหายมีผู้ช่วยกี่คนแล้ว?”
“120 คนแล้วครับ! แยกกันไปสอนแล้วจับมาแข่งกัน ใครชนะให้ขึ้นเป็นผู้ช่วยแล้วขยายทีมไปเรื่อย ๆ เรามีหลายรุ่นแล้วนะครับเป้าหมายของผม1,000 กองพันครับ 1 ล้านคนครับ” โม้เข้าไป เด็กหมดทั้งเกาหลีก็มีไม่ถึงล้านคนหรอก
“ดีมาก! คัดมาเป็นครูสัก 1,000 คนนะส่งให้อุงอิลดูแล สหายช่วยคิดหน่อยสิว่า เราสมควรจะมีกองกำลังดูแลภายในมั้ย?”
“มันคืออะไรเหรอครับ?”
“โปลิศ! คอยลาดตระเวนดูแลช่วยเหลือชาวบ้าน”
“อ๋า! คยองชั่ล! ผมก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่เซมจะตั้งหน่วยนี้สักที เซมเดินมาถูกทางแล้วครับ” รู้สึกเหมือนกำลังโดนมันอบรมยังไงก็ไม่รู้
“ฝากด้วยนะ”
“ผมจัดการให้ครับ คัดเอาสักหมื่นคนก็น่าจะพอ เอาไปประจำไว้ตามสถานีเก่าสัก 50 คนกระจายกันไปทั่วประเทศไม่มีอะไรยาก ทำไมเซมไม่ไปดูสหายโจจินกูมั่งล่ะครับมันบ่นน้อยใจ” ผมรู้สึกว่าเหมือนโดนมันต้อน
“เรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องไม่ไปเยี่ยมมันนั่นแหละ มันเข้าใจว่าเซมทิ้งมันไปแล้ว” มันเน้นเสียงเหมือนตำหนิ
“อืม! แล้วผมจะไปเยี่ยมบ่อย ๆ” นั่นเป็นอีกทีมที่ผมใช้ทำงานแตกต่างกัน
ทันใดนั้นเสียงวิทยุดัง...
“ซนพันจังนีม! คังชิกแขนหัก!”
“ฮ๊า!” เจ้าซนตาเหลือกกระโดดพรวด…
“พาไปโรงพยาบาลเร็ว ปั้ลลี่ปั้ลลี่!” มันวิ่งแจ้นออกไป ขยันขันแข็งดีจริงอีกไม่นานก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
วิทยุของผมดังขึ้น...
“ซอน! มาเจอกันที่โรงพยาบาล” น้ำเสียงของพี่ชายร้อนรนคงเป็นห่วงทหาร แต่สำหรับผมแล้วการได้ยินเสียงเขาหมายความว่าจะได้เจอหน้าเจ้าลูกชายแล้ว…
“น้องแทนเป็นยังไงมั่ง ขอนอนด้วยสักคืนเถอะ!” ผมต้องอ้อนไม่กล้าขัดใจ
“มึงมายุ่งอะไรกับลูกกู”
“แหมลูกกู!...พูดเต็มปากเชียวนะ เอาคืนมาเลย” พูดซะใจเสียเลย
“มึงชวนลูกกลับให้ได้ก็แล้วกัน”
“พี่อย่าทำอย่างนั้น พ่อมันใจจะขาด” ลูกชายไม่เคยโผล่หัวกลับบ้านมาหาเลย น้อยใจจัง
ผมจะเอาลูกคืนก็ไม่ได้โดนเมียด่า เธออยากจะให้เจ็ทโด้เลี้ยงบ้างคิดแล้วก็แปลกใจ...ถ้าผมไม่ตามลูกกลับก็ไม่มีคนไปตาม เมียก็ไม่เคยตามกลับปล่อยเป็นลูกเป็ดลูกไก่ไปเลย
“รีบ ๆ มานะ!” เขาเร่งเร้าผิดปรกติ ถ้าผมเดาไม่ผิดจูยอนคงร้อนใจมาก ผู้หญิงคนนี้ถ้ามองจากคนนอกผลงานที่ผ่านมาก็ถือว่าเลวหาตัวเปรียบไม่ได้เลย แต่ถ้ามองจากมุมของผู้ที่รอดชีวิตเธอก็เป็นนางฟ้าที่แสนดีได้เหมือนกัน
“ซนบ๊กซู! คุมซ้อมไปอีก 3 ชั่วโมง แล้วบอกให้ทุกคนเข้าห้องเรียนโปรแกรม พรุ่งนี้พร้อมกันที่สนามใหญ่เดี๋ยวผมไปรับสหายจูยอนก่อน วันนี้ผมจะไม่กลับมาแล้วนะ ฝากด้วย!” จิตใจของผมลอยไปถึงเจ้าลูกชายแล้ว
น้องแทนตามเจ็ทโด้ไปทุกถิ่นที่ ทิ้งทุกคนอย่างไม่เหลียวแล คนที่น่าสงสารที่สุดนอกจากผมแล้วก็เป็นคุณหมอกับหม่าม้าที่ได้แต่ชะเง้อคอมองหาย หลานชายหายหัวไปเลย
……………………………………………………
รถยนต์แล่นผ่านตึกทรงกลมของศูนย์ดาราศาสตร์ ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าโรงพยาบาลพยองยางกว้างใหญ่หรูหรา ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ที่หมวดจางทำงาน
จูยอนยืนท้องโย้หน้าอาคารท่าทางร้อนรน ผมรีบวิ่งเข้าไปประคองให้นั่งรถเข็น เจ้าลูกชายกอดคอเจ็ทโด้ไม่หันมองหน้าผมเลย วันนี้สวมชุดโกโจรีหล่อเลยหัวเหน่งเชียว
“จูยอน! คุณหมอกับหม่าม้ายังอยู่ อย่ากังวลใจขนาดนั้นเลยมันจะไม่ดีกับเด็กในท้องนะครับ” เจ็ทโด้คอยเตือนให้ใจเย็น ๆ
“ซอนคะ! เข็นเร็ว ๆ หน่อยค่ะ” เธอยังร้อนใจ เจ้าลูกชายตะปีนขึ้นขึ้นนั่งตักส่ายหน้ามองตาขวาง...
“ป๊า! น่าผิดหวัง ปั้ลลี่!ปั้ลลี่!” เขาสะบัดหน้าใส่// ลูกใครวะทรยศซะแล้ว มันจะมากไปแล้วนะ
“ไม่คิดถึงกันบ้างเหรอ?” ผมแทบจะขอร้องอยู่แล้ว
“คิดสิ! ก็มาหาแล้วนี่ไง” แหมตอบอย่างนี้ชื่นใจจัง
“มาให้ป๊าอุ้มหน่อย” ผมขยับจะเข้าไปอุ้ม
“ไม่เอา!” เขาก้มลงซบท้องจูยอน
“แล้วไปนั่งทับป้าทำไม ลงเดินสิ!” หาเรื่องซะเลยหมั่นไส้นัก เดี๋ยวชู้ตแม่งเลย
“อยากนั่งกับน้อง เข็นเร็ว ๆ ปั้ลลี่!ปั้ลลี่!” เขาสะบัดหน้าใส่อีก ตั้งแต่เจ็ทโด้เอาน้องแทนไปเลี้ยงก็ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ไม่คิดถึงแม่บ้างหรือไงวะ?
โรงพยาบาลพยองยางกว้างใหญ่โอ่โถง เด็กวัยรุ่นเสื้อสามสีวิ่งแข่งกับเวลาเพื่อช่วยคนเจ็บ ในทุกที่ทุกหน่วยงานจะมีเด็กของเดอะแก๊งแทรกซึมเข้าไปช่วย ทัศนคติของเด็กกลุ่มนี้เข้มแข็งมากสามารถชี้นำเพื่อนกลุ่มอื่นได้ พวกเขาเหมือนจบจากสถาบันชั้นนำของประเทศและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง
“อันยองจูยอนอนนี่! มากันแล้วเหรอคะ?” ไป่ไป๋สวมชุดวอร์มสีแดงสวมหมวกไหมพรม ยืนดวงตากลมโตยิ้มกว้าง...
“ซอนโอปป้าโกโพชิบพอ!” เธอเข้ามากอดเอว แค่นี้ผมก็ชื่นใจแล้วสำหรับน้องสาวคนนี้
“เหนื่อยมั้ย?” ผมรักยายนี่มากเลยอยู่ใกล้แล้วไม่เหงา
“ไม่หรอกค่ะ!แค่นี้เล็กน้อย หนูมีเรื่องจะอวด...เดี๋ยวให้ดู” เธอยิ้มซ่อนสายตาไว้เป็นปริศนาคงจะดื้ออะไรมาอีกแหละ เธอเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยคุณหมอและหม่าม้าฝึกทีมเรดซันให้เป็นทีมพยาบาล แต่ทั้งประเทศตอนนี้มีหมอคนเดียว
เตียงคนเจ็บยาวสองฝั่ง ห้องนี้มีทหารบาดเจ็บเล็กน้อย14นาย น้อง ๆ เรดซันกำลังสาละวนทำความสะอาดแผล เดอะแก๊งอีกหลายคนยืนเกาะเตียงคุยหัวเราะกับคนไข้ จูยอนกวาดสายตามองไปรอบห้องร้องถามด้วยความเป็นห่วง...
“มีเจ็บหนักมั้ย?”
“อย่าคิดมากนะคะอนนี่! บาดเจ็บเล็กน้อยทั้งนั้นที่สาหัสป่ะป๊าผ่าตัดให้แล้ว เหลืออีกไม่กี่รายเอง” ไป่ไป๋เข้ามาโอบไหล่
เจ็ทโด้เดินจูงมือ Soulless คุณหมอผ่านหน้าห้องผ่าตัดที่เปิดไฟสว่าง ป่ะป๊ากำลังผ่าตัดอยู่ 1 ห้อง เด็ก ๆ ในชุดวอร์มสีแดงกำลังจัดสถานที่อย่างเร่งรีบ ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไม่น่าเป็นห่วง
ผมก้มลงไปหาจูยอน...
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงสักอย่างคุณร้อนใจมากไป อย่าคิดมากมันไม่ดี ลูกออกมาจะขี้กังวล” ผมลูบไหล่ปลอบใจ เธอเงยหน้ายิ้มตาหยี...
“ก็ฉันคิดว่า พวกเขาเจ็บกันหนักนี่นา” อายแก้มแดงเชียว ไป่ไป๋ขยับหันมา…
“ทหารส่วนใหญ่บาดเจ็บเล็กน้อย ไล่กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับ ไอ้พวกนี้หาเรื่องอยู่จีบเด็กของหนู หึหึหึ!” เธอพูดท่าทางสบาย ๆแล้วย่อขาลงไปหาน้องแทน
“พรึบ!” น้องรีบดึงหมวกโชว์หัวเหน่ง
“แถ่นแท้น!” ไป่ไป๋ถอดหมวกหัวเพน่งเหมือนกัน
“อุ้ม!” น้องกางแขนกว้าง จะว่าไปแล้วพอโกนหัวทั้งสองคนก็เหมือนแม่กับลูก
“เป็นหนุ่มแล้วนะ ยังจะให้ไป๋อุ้มอีก”เธอฟัดน้องหัวเราะชอบใจ
“รัก! อยากกอดไป๋แน่นแน่น คิดถุงไป๋มากกว่าใครเลย” เจ้าแทนซบอก
“ฮึ๋ย!ปากหวาน มาจุ๊บหน่อยสิ” เธอจุ๊บปากเจ้าหัวเหน่งตัวสั่นระทวย
“อนนี่มาทางนี้สิคะ หนูมีอะไรจะให้ดู แทนจับมาได้”เธอพาเดินออกมาแล้วเปิดห้องซ้ายมือติดกัน
ห้องผู้ป่วย V.I.P. กว้างขวางสะดวกสบาย บรรยากาศโปร่งสบายน่านอน ชายชราผมขาวหัวเถิกรูปร่างอ้วนตัวกลม นอนสายตาโรยมองออกไปนอกหน้าต่าง ท่าทางเหมือนหมูเบื่ออาหารใบหน้ามีแต่รอยฟกช้ำ
จูยอนร้องทักทันที...
“หนีห่าว! ว่าไงท่านนายพล! คิดไม่ซื่อกับฉันก่อนเลยนะ”
ใบหน้าของนายพลจีนซีดเซียว เส้นผมสีขาวกับแววตาที่ผ่านโลกมานานดูโรยแรงแต่ไม่มีความกลัวในสายตาคู่นั้นเลย
“...........” เขาขยับพูดแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
เธอหันมาถามไป่ไป๋...
“เขาโดนอะไรมาคะ มีแต่รอยฟกช้ำ?”
“อ๋า!...ท่านวิ่งมากไปหน่อย หนูเตือนแล้วว่าอย่าวิ่งก็ไม่เชื่อ!” ไป่ไป๋ยิ้มซ่อนสายตาดื้อเอาไว้
จูยอนขมวดคิ้วจ้องหน้านายพลเฒ่า...
“ท่านนายพล ทำไมยังต้องออกมาทำงานเองอายุมากแล้วนะ น่าจะอยู่ดูแลลูกหลาน?” เธอถามเสียงราบเรียบ
“ผมแพ้แล้วจะทำอะไรก็เชิญ” เสียงแหบพร่าเปล่งมาอย่างแผ่วเบา
“พวกเราไม่ได้ใจร้าย แต่ฉันไม่เข้าใจว่าคุณทำร้ายพวกเราทำไมคะ? พวกเราแค่ต้องการที่นอนอุ่น ๆ มีข้าวให้สหายกินครบ 3 มื้อ ไม่ได้คิดจะไปต่อสู้กับพวกคนจีนเลย แม้แต่ค้าขายด้วยฉันก็ไม่เคยคิด” จูยอนเอียงหน้ามองบาดแผลบนใบหน้าอ้วนอูม
“วันนี้คุณยังไม่เข้าใจเรื่องการเป็นปึกแผ่นหรอก ถ้าวันข้างหน้ามีคนต่อต้านคุณจะเข้าใจเอง” นายทหารยังคงวางท่าเหมือนราชสีห์
ไป่ไป๋พูดแทรก...
“ท่านนายพลจำหนูได้แล้วใช่ไหมคะ?” เธอก้าวเข้าหานายพลเฒ่า
“คนทรยศ!” เขากัดฟันจ้องหน้าไป่ไป๋ แต่เธออมยิ้มเมินไม่แยแส /ยายนี่ต้องมีแค้นส่วนตัวกันแน่ ทำหน้าได้กวนตีนมาก/
จูยอนหันไปสั่ง...
“ไป่ไป๋คะ! ถ้าเขาทุเลาแล้ว ให้ทหารพาไปพักที่ค่ายโชซอนนะ ไปกันเถอะทหารของเราสำคัญกว่า” เธอไม่แยแสแตะมือให้ผมเข็นออกไป
“หนูมีอีกคนค่ะ” ไป่ไป๋วิ่งตาม
“ใครคะ?”
เธอผลักประตูห้องถัดไป...
“หนีห่าวมะ!” เธอส่งเสียงทักทายอย่างสนิทสนม แต่ทหารหนุ่มก้มหน้านิ่งท่าทางเหมือนคนงอน
“เก้อเฉิง! นี่พี่สาวของฉัน เธอใจดีมากรู้จักกันไว้สิ” ไป่ไป๋เข้าไปขยับผ้าปูที่นอน ทุบหมอนให้เขา
“หนีห่าว! เป็นเพื่อนกับน้องสาวของฉันเหรอคะ? จูยอนค่ะ! ยินดีที่รู้จัก” จูยอนพูดภาษาจีนคล่องปาก นายทหารหนุ่มเงยหน้าสายตาว่างเปล่าไม่ยินดียินร้ายอะไรเลย
“หนีห่าว! ร้อยเอกเก้อเฉิงครับ” หนุ่มจีนหน้าตึงเม้มปาก
“ลำบากใจกันไปหมดเลยนะคะ ความสัมพันธ์มันพัวพันกันไปหมด แท้ที่จริงแล้วเราก็เพื่อนกันทั้งนั้น” เธอยิ้มชวนคุยอย่างมีมิตรไมตรี
แต่เจ้าทหารจีนคอแข็ง...
“ผมไม่ใช่เพื่อนของเธอหรอกครับ คุณตัดสินด้วยวิธีของทหารเถอะครับ ผมจะได้รู้สึกมีเกียรติมากกว่านี้” หัวใจของมันใช้ได้เลย มึงได้ตายสมใจแน่ไอ้ตี๋ จูยอนยังคงยิ้มหวาน...
“ใจเด็ดจังเลยนะคะ!” เธอหันมองไป่ไป๋ที่ดูจะขัดเขินแปลก ๆ
“ทำไมคนนี้ถึงไม่บาดเจ็บเลยล่ะ ท่านนายพลอย่างกับโดนใครต่อยมาอย่างนั้นแหละ ลูกมะกรูดเต็มหน้าเลย”
ฝีมือยายเหน่งของผมแน่ ๆ บีบมือก้มหน้าอมยิ้มสายตาซุกซนแบบนี้พอเดาได้
“เขาเป็นคนช่วยชีวิตของหนูเมื่อตอนที่หนีเข้าเกาหลีค่ะ ถ้าวันนั้นไม่ได้เขา หนูก็ตายไปแล้ว” ได้ยินเธอตอบอย่างนั้น ผมหายโกรธเป็นปลิดทิ้งในใจลึก ๆ ก็ขอบคุณที่ช่วยน้องสาวไว้
จูยอนพยักหน้ายิ้มดวงตาประกาย…
“อ้าวเหรอ! ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณมากจริง ๆ” เธอกุมมืออย่างจริงใจ แต่ไอ้ทหารเมินหน้า
“ผมไม่ได้บริสุทธิ์ใจช่วยคุณหรอก ผมทำเพราะหวังผลบางอย่าง ผมไม่ใช่คนดี อย่าคิดว่าผมเป็นคนดี” มันค้อนไป่ไป๋ น้ำเสียงของมันงอนประชดประชัน จูยอนคิ้วขมวดหันมามองหน้าผมก่อนจะถามไป่ไป๋
“สองคนนี้สนิทกันมากสินะ” สายตาเลเซอร์จี้ไปที่ยายเหน่ง
“เอ่อ! อนนี่คะ ยังมีทหารบาดเจ็บอีกนะคะ” ไป่ไป๋ก็เฉไฉตอบไม่ตรงคำถาม...ชักมีพิรุธ
จูยอนอมยิ้มพยักหน้าช้า ๆ ...
“สองคนนี้มีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่ แทนกับนาตาลีรู้เรื่องนี้รึป่าว?” แม้แต่จุดเล็กน้อยเธอก็ยังสังเกตได้
“เอ่อ!...ไม่มีอะไรค่ะ” ยายเหน่งหลบสายตาเดินหนีไปชั้นหนังสือ
จูยอนหันไปบอกกับนายทหารจีน...
“ฉันสัญญาว่าจะดูแลอย่างดีเป็นการตอบแทนที่ช่วยน้องสาวไว้ แต่ถ้าคิดจะกลับคุยกับไป่ไป๋ให้ดีก่อน เจอกันคราวหน้าเราจะสู้กัน คุณสู้เพื่อเจ้านาย ฉันสู้เพื่อชาวบ้าน”
“ผมขอกลับ!”เก้อเฉิงตอบสวนทันที ไป่ไป๋หันมาซัดแขนอย่างไว...
“เพี๊ยะ! อยากตายมากรึไง?” แล้วกดเขาลงนอน ท่าทางของเธอสนิทเกินกว่าคนรู้จักกันผิวเผิน
“ไป่ไป๋กลับไปกับผมนะ”
“หุบปากแล้วนอนซะ! อย่าเพ้อเจ้อ!”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรจะให้นอนไปถึงไหนกัน? ” มันงอนจริง ๆ แหละ
“คิดจะทำอะไรก็คุยกับป่ะป๊าหม่าม้าของฉันด้วยนะ พวกท่านเป็นห่วงนายมาก เดี๋ยวว่าง ๆ ฉันจะมาคุยด้วย” เธอหน้าหงิกห่มผ้าให้เพื่อน//ไอ้หมอนี่หลงเสน่ห์ยายเหน่งนี่เอง ยอมทุกอย่างเธอจับนอนก็นอนอย่างดี//
“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!” ประตูถูกผลัก เรดซันหน้าตื่นวิ่งเข้ามา
“ไป่ไป๋เซม! ทหารบาดเจ็บสาหัสกำลังมาอีก 3 คนค่ะ”
“ไปด้วยกัน!” เธอตามน้องออกไป
จูยอนหันมองนายทหารจีน...
“ฉันไม่ได้ต้องการฆ่าใคร เราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยมีเรื่องขัดเคืองกันแต่ต้องมาจับอาวุธต่อสู้กัน ฉันขอถามว่า...คุณเกลียดอะไรฉันคะ?”
“เอ่อ! ผมเป็นทหารทำตามหน้าที่ เป้าหมายคือสิ่งที่เรายึดมั่น”
“คุณคงได้รับรางวัลที่ภูมิใจมากสินะ?”
“มันเป็นหน้าที่”
“อยากได้เกาหลีมากเลยเหรอ?”
“มันเป็นหน้าที่”
“ดีมาก! จงซื่อสัตย์กับอาชีพของคุณ ฉันไปก่อนล่ะ”เธอหันมาพยักหน้าให้ผมเข็นรถ
“ไอ้ทหารนี่มันซื่อสัตย์และซื่อตรงดี ผมชอบ!” ผมบอกเมื่อออกจากห้อง
“ช่างมันเถอะ! เราไปดูคนของเราดีกว่า ไอ้นี่ให้ไป่ไป๋จัดการ ถ้ามันไม่อ่อนลง ฉันจะจัดการเองถือว่าให้โอกาสมันแล้ว”
“ขอทางหน่อยค่า!...” น้องเรดซันเข็นเตียงวิ่งหน้าตั้งมาจากหน้าโรงพยาบาล...
“เซม! คนนี้โดนยิงมาค่ะ!”
“ไปหน้าห้องผ่าตัดเลย!” ไป่ไป๋โบกมือไล่ ผมเข็นรถไล่ตามจูยอนถามเสียงสั่น...
“ไป่ไป๋คะ!มีห้องผ่าตัดรึเปล่าคะ?”
“เตรียมไว้ให้แล้วค่ะ”
“จองซูอา! เข็นสหายทหารไปรอหน้าห้องผ่าตัดก่อนค่ะ”
จูยอน ยกวิทยุ...
“ยอโบ้ว! Soulless คุณหมออยู่ที่ไหนคะ ขอ 3 คน ด่วนค่ะ!”
“เราเข้าห้องนี้ดีกว่า!” ผมเข็นจูยอนเข้าไปนั่งรอให้ห้องพักแพทย์ สักพักเจ็ทโด้เดินประคอง Soulless ชาย 2 หญิง 1เข้ามา จูยอนควักเครื่องเล่นเสียงตัวเล็กเปิดแล้ววางบนโต๊ะ
“วี้ด...ดด!!”เสียงแหลมของนกหวีดดังเหมือนขลุ่ยผิวเพราะพริ้ง ปลุกคุณหมอ 3 ท่านให้คืนสติ
“Messiah!” เธอยิ้มอย่างเบาใจทักทายเสียงหวาน
“Messiah! Messiah! Messiah!” คุณหมอกระตือรือร้น
“อึยซานีม! ตามฉันมาค่ะ” จูยอนร้อนรนลุกเดินนำไปหาไป่ไป๋หน้าห้องผ่าตัด
“คุณหมอคะ ตรวจอาการของ 3 คนนี้หน่อยค่ะ” จูยอนกุมมือน้องทหารที่สั่นระริกเพราะเสียเลือดมาก
“คนนี้ต้องผ่าตัดด่วน!”แพทย์หญิงแหวกเสื้อทหารแล้วร้องขึ้นมา
“ห้องพร้อมแล้วค่ะ!” น้องเรดซันเข็นรถเข้าประตูห้องผ่าตัด คุณหมอหญิงขยับเดินตาม จูยอนยกมือขวาง...
“คุณหมอคะ! รบกวนบรรยายรายละเอียดการรักษาทั้งหมดด้วยนะคะ คาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าให้ด้วย หากคนไข้ช็อกต้องทำอย่างไร? อะไรที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนไข้รายนี้? เราต้องการทราบทุกอย่างนะคะ ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้นะคะ!” เธอชี้ไปที่โซฟากลมสีฟ้าสดกลางห้องโถงกว้าง
“Messiah!” แพทย์ทั้งสามก้มศีรษะยิ้มกว้างกระตือรือร้น ช่วยกันเข็นรถเข้าไป
“ช้าก่อน!!” จูยอนหัวเราะเบา ๆ เดินเข้าขวางคุณหมออีก 2 คน แล้วผายมือไปที่ทหารอีก 2 นายที่นอนรอบนเตียงรถเข็น...
“คุณหมอเลือกได้เลยและบอกรายละเอียดการรักษาด้วยนะคะ สองคนนี้ผ่าตัดเล็กค่ะ ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้นะคะ!”
เธอหันสั่งไป่ไป๋...
“ไป่ไป๋บอกให้น้อง ๆ ประกบคุณหมอ เอากล้องมาถ่ายวีดีโอด้วยเก็บทุกคำพูดไว้ เป็นหน้าที่ของเด็ก ๆ ที่จะต้องดูแลคนไข้ต่อไปให้พวกเขา Leaning by doing” เธอยืนมองคุณหมอและเด็ก ๆ เข็นรถเข้าห้องผ่าตัดแล้วถอนหายใจยาว
ผมมีเรื่องสงสัยบางอย่าง ...
“จูยอน! 30 นาทีจะผ่าตัดเสร็จเหรอ?” ผมถามพร้อมเสียบรถเข็นเข้าด้านหลัง เธอหันมายิ้มเจ้าเล่ห์...
“เราค่อย ๆ เรียกใช้ทีละคนค่ะ เรามีหมอเยอะสหายคุณลุงตรวจสอบประวัติหมอที่เก่ง ๆ ไว้แล้ว ส่วนพวกหมอที่เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลโดนส่งไปเลี้ยงหมูค่ะ” เธอยิ้มยักคิ้วแล้วนั่งลงบนรถเข็น
โรงพยาบาลชั้นยอดปรับแต่งดี ๆ ก็ไม่ต่างจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เจ็ทโด้ให้น้องแทนขี่คอสูงเดินชะโงกดูตามห้องผ่าตัดชี้ชวนกันดูคุณหมอในห้องน้องระริกระรี้โบกมือ เขาเดินผ่านเลยไปแวะหน้าห้องตรวจคนไข้ผู้ป่วยนอก
“เวฮัลมอนีม! คิดถึงมากที่สุดกว่าใครเลย” น้องแทนตะโกนเสียงใส
“น้องแทนมาแล้วเหรอ?”เสียงหม่าม้าวี๊ดว้ายดีใจ วิ่งหน้าตั้งออกมานอกห้อง
“เค้าแสบหน้าอกหมดเลย”เจ้าเหน่งวิ่งไปกอดขา คนแก่หน้างอทันที คุกเข่าเปิดเสื้อเจ้าเหน่งแล้วหันไปจั่วเจ็ทโด้เต็ม ๆ...
“นี่! ดูแลลูกยังไง! ไหนเป็นอะไรลูก...ขอดูหน่อย” ท่านหน้าคว่ำใส่เจ็ทโด้แล้วเสียงอ่อนเสียงหวานใส่หลานรัก
“เค้าคิดถุงจนแสบหน้าอกหมดเลย” น้องเอียงหน้าหอมแก้มยาย อีตอแหลเอ๊ย! เห็นลูกชายแล้วหมั่นไส้
“อื้อหือปากหวาน! มาจุ๊บกัน” ท่านยื่นหน้า เจ้าเหน่งประคองสองมือ ก้มลงจุ๊บแล้วซอยขาเต้น
หม่าม้ายังหน้าหงิกส่งสายตาพิฆาตให้เจ็ทโด้แล้วบ่นยาว...
“เมียท้องใหญ่แล้วก็ยังพากันไปตะลอน ๆ ทำให้คนอื่นเป็นห่วงมันสบายใจมากใช่มั้ย? คราวก่อนฉันยังโกรธไม่หาย ไปโดดร่มกับนาตาลีได้ยังไง ต้องให้ตีมั้ย จูยอนอยู่ไหนมาให้ด่าซะดี ๆ”
“หึหึหึ!” ผมเห็นด้วยกับท่าน จูยอนสะกิดมือ...
“ซอนคะ! เข็นฉันไปเยี่ยมคนเจ็บทีละคนนะ ปล่อยน้องแทนเล่นไปก่อน” เธอรีบเผ่น หันไปทำหน้าทะเล้นให้เจ็ทโด้
จูยอนไม่ต่างจากแม่ไก่ที่คอยปกป้องลูกน้อยทั้งหาอาหาร ทั้งจัดการความเรียบร้อยให้ลูกน้อยปลอดภัย ทุกวินาทีของเธอมีแต่ความเป็นห่วง ผมเข็นรถเข้าห้องรวม...
“อันยองฮาเซโยยอลาบุน” เธอยิ้มแล้วโลกสดใส ความปรารถนาดีที่ส่งออกมาจากใจที่บริสุทธิ์ดูเป็นมิตรตลอดเวลา
“ไปโดนอะไรมาคะหน้าปูดเป็นหมูป่าเลย?” เธอก้มลงไปยิ้มกับเจ้าหน้าลูกมะกรูด
ทหารหนุ่มเด้งตัวขึ้นนั่งยิ้มหน้าแป้น ไม่แสดงความเจ็บปวดใด ๆรายงาน…
“ผมโดนรุมกระทืบวิ่งหนีพวกเลื่อนลอยไม่ทัน ไอ้พวกนั้นก็เหมือนกันไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ หายแล้วแต่ไม่ยอมกลับบ้าน” เหล่าคนไข้ทหารลุกนั่งหัวเราะกันหน้าทะเล้น ไม่ได้ทุกข์ร้อนกับบาดแผลเล็กน้อย
“ทำไมถึงโดนล่ะ ไปทำยังไงกัน?”
“นินจาซอนเซงนีมสั่งให้ซ่อนตัวแต่ผมซ่อนไม่ทัน โดนกันไปคนละโป๊กสองโป๊ก โชคดีที่พวกผมอยู่ใกล้เขื่อน กระโดดลงน้ำเลยรอด” พวกเขาอารมณ์ดี เด็กหนุ่มพวกนี้โดนเจ็ทโด้ฝึกมาก็บ้าดีเดือดน่าดู
ผมขยับเข็นไปทีละเตียง เธอจับมือขอบคุณทหารไปทีละนาย …
“สหายขี่จักรยานเป็นกันทุกคนคงพอจะเข้าใจนะ กว่าจะขี่เก่งก็เจ็บตัวกันก่อน การเป็นทหารก็เหมือนกันตั้งใจฝึกกันต่อไปนะจะได้มาช่วยกันกอบกู้บ้านเราให้พี่น้องได้อยู่กันสบาย ๆ” เธอยิ้มหวาน
“เย่! ผมจะทำเต็มที่ครับ”
“สหายผู้นำครับ! สั่งให้เราบุกยึดฝั่งใต้สิครับ เราชนะแน่พวกนั้นไม่มีทางสู้เราได้หรอก” ทหารหนุ่มวัยคะนองยิ้มกว้างยืดอก
“ไม่ต้องบุกไปหรอกคะ ตอนนี้เรารวมชาติกันแล้ว”
“พวกนั้นกลายเป็นพวกเลื่อนลอยกันหมดแล้วเหรอครับ?”
“ฝั่งใต้ไม่มีคนแล้ว เท่ากับว่าดินแดนและทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของพวกเรา ต่อจากนี้ไปจะไม่มีเหนือใต้อีกแล้ว...มีเพียงเกาหลีเท่านั้น”
“ย่าห์! พวกนายได้ยินมั้ย? ในที่สุดการรวมชาติก็สำเร็จ” เขาตีปีกดีใจหันไปหาเพื่อน
“แทบัก!” ทหารดวงตาลุกวาว การรวมชาติเป็นความฝันของฝั่งเหนือแต่ไม่ใช่ฝันของฝั่งใต้
ผมมองอย่างชื่นชม เธอยิ้มไปพูดไปอย่างใจเย็น สายตาที่มองทหารเหมือนแม่มองลูกชาย เป็นนางฟ้าใจดีของเหล่าทหารกล้าอ่อนโยนราวกับดอกไม้ในดงก้อนหิน /อิจฉาเจ็ทโด้ฉิบหาย อยากกลับไปเอาถุงดำครอบหัวเมียแล้วต่อยท้องสัก 3 หมัด แม่งดุ...จนผมเกร็ง ทำตัวไม่ถูก/
“สหายผู้นำครับ!” ไอ้เจ้าทหารนี่ก็ถามไม่เลิก อ้อนเป็นลูกชายไปเลยนะมึง...
“ผมย้ายครอบครัวเข้าไปอยู่ได้หรือเปล่าครับ?” ดูสีหน้าท่าทางของเขาแล้วเหมือนคุยกับญาติผู้ใหญ่ แววตาของทหารไม่มีความโหดเหี้ยมแม้แต่น้อย
“เชิญเลย!”
“จริงนะ! ห้ามบอกว่าฝักไฝ่ประชาธิปไตยนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“จะอยู่ที่ไหนก็ได้ไปเลือกเอาเลยไปก่อนได้ก่อน สหายไปที่คังนัมสิ! มีคอนโดฯ สวย ๆ วิวริมแม่น้ำฮันด้วยนะ ไปยึดไว้ให้หมด” จูยอนกระดี๊กระด๊ายุส่ง
“สมัยก่อนบ้านผมขายบะหมี่เย็น ผมฝันมาตลอดว่าอยากเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า สหายผู้นำครับ! ผมทำหมี่เย็นพยองยางอร่อยที่สุดนะครับ”
“ฝันของสหายเป็นจริงแล้วไปเลือกเอาเลย เยอะแยะ! เอาหมี่เย็นไปขายด้วย แต่ไม่รู้จะมีคนซื้อหรือเปล่านะ” สายตาของเธอมีแต่ความเมตตาที่เธอตัดสินใจทำร้ายประเทศคงเพราะสิ้นหวังจริง ๆ คนดีที่โดนกดดันและถูกต้อนจนหมดหนทางเดิน สุดท้ายต้องลงมือทำไปเพราะความแค้น
สำหรับผมแล้วมันเป็นความคิดของคนกตัญญู ไม่มีใครสำคัญไปกว่าบุพการีของเรา โฆษณาชวนเชื่อของทุกรัฐจะพยายามแย่งความรักนี้ไปเป็นของชาติ ด้วยข้ออ้างภักดีจอมปลอม
“คัมซามนิดะสหายผู้นำ!!” พวกเขาดีใจกันยกใหญ่
“พักผ่อนกันให้มาก ๆ ไม่ต้องออกไปไล่พวกมันแล้ว สงครามจบแล้ว” จูยอนลูบท้องแล้วหันมา...
“ซอนคะ! ไปที่โซฟากลมด้วยค่ะ เดี๋ยวคุณหมอไม่เห็นแล้วจะคลั่ง”
“Let’s go!”
เธอแหงนหน้ามาหา...
“ซอนคะ! เรียกพี่น้องของเรามาเจอกันที่นี่หน่อยสิคะ คิดถึงจัง!”
ผมยกวิทยุเรียกนาตาลีแล้วเข็นรถออกมากลางลานวงกลมกลางห้องโถง โซฟาใหญ่สีฟ้าโค้งกลมออกแบบเข้ากับลานเล่นระดับ ป้ายแนะนำโรคต่าง ๆ ถูกจัดวางเรียบร้อยสวยงาม พยุงเธอลงไปนั่งแล้วจับเท้าของเธอยกพาดโต๊ะกระจก...
“คุณเจ็บท้องบ้างหรือเปล่า ท้องใหญ่แล้วนะพักผ่อนได้แล้ว” ผมเห็นท้องใหญ่กลมแล้วอยากจะลูบท้องเธอจังเลย
“ฉันไม่เป็นไร ยังไหวค่ะ!” เธอยิ้มสดใส
“ถ้าไม่ไหว! เหนื่อย! ท้อใจ! เสียใจหรือไม่พอใจอะไรก็พูดออกมาเถอะครับ ไม่ต้องอดทนไว้ พวกเราพี่น้องกันไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว” ผมบีบเท้าของเธอเบา ๆ
สองเท้าคู่น้อยนี้เดินทางไปรอบเกาหลี เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับทหารและชาวบ้านในถิ่นกันดารที่ไม่ยอมทิ้งบ้านเปลี่ยนใจมาอยู่ในเมืองหลวง
“ขอบคุณค่ะซอน ฉันยังไหวจริง ๆ” เธอยิ้มได้เต็มหน้า จิตใจที่แข็งแกร่งไม่ได้มีเฉพาะผู้ชาย เธอทำให้เห็นแล้วว่าเธอก็ไม่ต่างจากผู้ชายอกสามศอก
“สั่งสิครับ! งานยากงานลำบากสั่งมาสิครับ ผมทำให้ได้ทุกอย่าง” เวลาที่ผ่านไป ผมได้เห็นจิตใจที่แท้จริงของเธอ แอบศรัทธาความทรหดอดทน ยิ่งได้ฟังเจ็ทโด้เล่าเรื่องของเธอตั้งแต่ต้น ยิ่งทำให้ผมหมดข้อสงสัยในทุกเรื่องที่เธอทำ ผู้นำจำเป็นที่ชาวบ้านต้องการ
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ” เธอยังยืนยันเหมือนเดิม
ผมชะเง้อมอง น้องแทนเล่นอยู่กับกลุ่มพยาบาลเรดซันหน้าห้องผ่าตัด เขาหันมาเห็นจูยอนก็วิ่งด็อกแด็กหน้าตั้งเข้ามา...
“ออมอนีม! เค้าเจอนี่ด้วย เค้าจะฟังเสียงน้อง” เจ้าตัวเล็กชูหูฟังของหมอ สงสัยแอบไปขโมยของคุณยายมาแน่เลย
จูยอนหดขาหันกลับไปมองแล้วกางแขนกว้าง น้องแทนวิ่งมุดหัวเข้าไปกอดหอมเหมือนแม่ลูกกันเลย ผมหันเตือน...
“เบา ๆ เดี๋ยวน้องเจ็บ”
เขาหน้าจ๋อยพูดเสียงอ่อย...
“บีอันนิดะออมอนีม! เจ็บมั้ยครับ?” เจ้านี่พูดเกาหลีคล่องปรื๋อ เขาขอโทษแล้วไม่กล้าเล่นต่อ เอื้อมมือไปลูบท้องจูยอนอย่างแผ่วเบา ช่างประจบจริง ๆ เธออมยิ้มแล้วจับส่วนปลายหูฟังมาจิ้มที่ท้องตัวเอง...
“ได้ยินเสียงน้องไหมคะ น้องไม่เจ็บหรอก”
เจ้าเหน่งหันขวับค้อนผมตาเขียวปั้ดแล้วส่ายหัว...
“น่าผิดหวัง!” โอ๊ย!เจ็บจี๊ด ใครลองมาเป็นผมตอนนี้หน่อยสิ ใจเจ็บมาก น้อยใจ เสียใจ ผิดหวัง เมียด่ายังไม่รู้สึกเจ็บเท่านี้เลย
“ผิดหวังมากมั้ย ต้องคุกเข่าขอโทษมั้ย?” ชักหมั่นไส้เจ้านี่แล้ว
“ป๊าเงียบ ๆ น้องจะนอน” เขาพูดมาแต่ละคำใจสลาย ผมทำอะไรก็ผิด
“เออ! ไม่พูดก็ได้” ผมเจ็บจี๊ดจุกใจ อยากจะลุกไปเตะสักป้าบ คิดในใจ...ตกลงแกลาออกจากการเป็นลูกของข้าแล้วใช่มั้ยเจ้าเด็กบ้า ดื้อเหมือนแม่ไม่มีผิด เดี๋ยวหาเมียใหม่ แม่งเลย!
“รักน้อง รักน้อง” น้องแทนเอาหูฟังจิ้มไปทั่วท้อง แต่...เอาใบหน้าแนบท้องแล้วเงี่ยหูฟัง ลูกใครวะ โง่เหมือนแม่ไม่มีผิด?
“ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่รู้เนอะ คุณคิดว่ายังไง?” ผมถามด้วยสงสัย เด็กในท้องก็เหมือนหวย คนที่เห็นมักจะลุ้นเสมอ
เจ็ทโด้เดินกลับมาพอดี ตะโกนเสียงใสเข้ามา...
“เรามีเด็กชายแล้ว คนนี้ขอเป็นเด็กหญิงดีกว่าเนอะ?” เขาก้มลงหอมจูยอนแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ เอามือลูบหัวน้องแทนที่ยังคงจิ้มท้องนอนเงี่ยหูฟัง
ผมได้เห็นคนโง่ที่บูชาความรักได้เมียแล้วโคตรสบายใจเลย น้องแทนยื่นหูฟังให้แล้วเอียงแนบหน้าลงบนอกของเขา...
“อาบอจี้! ฟังเสียงสิ น้องร้องเพลงด้วย” เจ้านี่เอาตัวรอดเก่งจริง ๆ/เหมือนแม่มาก/
สองคนนั้นสนิทกันเหมือนพ่อลูกมากกว่าผมอีก สุมหัวกันเล่นสนุกไม่สนใจใคร แอบสงสัยเจ้าลูกชายไปเรียกจูยอนว่า ออมอนี่ เรียกเจ็ทโด้ว่า อาบอจี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ต้องหาโอกาสถามให้เคลียร์สักหน่อ
ผมนั่งมองดูเขาเล่นกับน้องเพลิน ๆ คิดย้อนกลับไปเมื่อครั้งวัยเด็ก ผมติดตามเจ็ทโด้ตั้งแต่อายุประมาณ 19 ปี หลังจากยิงทหารเมียนมาตายก็หนีคดีจากบ้านไปเป็นทหารรับจ้างแล้วได้รู้จักกันที่ฝรั่งเศส
ครั้งหนึ่งในสนามรบที่เคิร์ต อิรัก ระหว่างคำสั่งถอนกำลัง ผมพลาดโดนจับเป็นเชลยและกำลังจะโดนเชือดคอ เขามาช่วยชีวิตไว้แบบเฉียดฉิวและครั้งนั้นผมได้เห็นผู้ชายที่บ้าระห่ำบุกเข้าฐานศัตรูด้วยตัวคนเดียว หลังจากนั้นเขาก็โดนลงโทษอาชีพทหารของเขาต้องชะงักเพราะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
ผมได้ยินเรื่องราวความรักของเขาในทุกสนามรบ เขามักจะพูดด้วยความภูมิใจถึงพี่เอื้องรักแรกในวัยเด็กให้ฟังเสมอ ๆ จนผมเคยชินกับชื่อและบุคลิกทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเจอกัน ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากและยังยินดีกับเขาด้วย แต่พอเขาอกหักนั่นแหละ! ทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบพี่เอื้องไปเลย จากคนที่ดูมั่นใจตัวเอง แข็งแรงมั่นคง ความรักของเขากลับกลายเป็นมีดทื่อ ๆ เฉือนหัวใจจนเขาหมดสภาพ ไร้ความหวัง ไร้อนาคต ผมได้แต่เฝ้าคอยอย่างใจเย็นให้เขากลับคืนสภาพเดิม ความรักเมื่อมันปักใจไปแล้วก็ยากจะถอนคืน
แล้ววันหนึ่ง...ผมรู้สึกไม่พอใจมากที่เขากลับมารักพี่เอื้องอีกครั้งหลังจากเธอหย่ากับสามี เขากลับมาอุทิศชีวิตให้อย่างไม่ลังเล ในชีวิตของผมไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเลยที่จะรักผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดนั้น แต่สุดท้ายพี่เอื้องก็จากไป ลึก ๆ ในใจผมดีใจมาก ไม่อย่างนั้นเจ็ทโด้ของผมก็คงเป็นเหมือนสุนัขเฝ้าบ้านเชื่อง ๆ ทิ้งศักยภาพทุกอย่างมาขับรถบรรทุกเพียงเพื่อได้อยู่ใกล้ แต่แล้ววันหนึ่ง...ประตูแห่งโชคได้เปิดออกมา ส่งผู้หญิงที่คู่ควรมาให้ ผมกำลังคิดเพลิน ๆ ต้องสะดุ้ง...
“จูยอนอนนี่!!!! กลับมาแล้วเหรอ คิดถึงจังเลย” ยายเด็กน้อยนาตาลีแหกปากเสียงใสวิ่งหน้าตั้ง กางแขนกว้างมาจากหน้าโรงพยาบาลจุก ผมหางม้าแกว่งไกวยามสับขา
ผมเอะใจ!ทำไมมาคนเดียวเมียของผมไปไหน ทำไมไม่ตามมาด้วย? นาตาลีวิ่งมาใกล้แล้วสไลด์พื้นมาหยุดที่หน้าจูยอน น้องแทนหันไปคว้าขา...
“ลี!เค้าอยู่นี่ มาฟังเสียงน้องกัน” น้องแทนยื่นหูฟังให้ นาตาลีรับมาเสียบหูแล้วจิ้มฟัง
“ไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใครฟังไม่ออกหรอก มานี่ดีกว่า!” เธอถอดหูฟังแล้วดึงน้องไปฟัด...
“คิดถึงจังเลย คิดถึงลีบ้างมั้ยไม่กลับมานอนด้วยกันเลยนะ” เธอชนจมูกกัน
“เค้าก็คิดถึงลีมากที่สุดกว่าใครเลย หายใจไม่ออกด้วย” แหม! แหม! แหม! หมั่นเขี้ยวจังเลยว่ะ ไม่ใช่ลูกจะซัดสักโป๊ก
“โอ๊ย ๆ ๆ บาดใจ! ปากหวานมาจุ๊บทีซิ”นาตาลีก็ตอแหลใส่บ้าพอกัน ผมรู้แล้วว่าเจ้านี่เหมือนใคร
“อึ๋ย!อึ๋ย!อึ๋ย!” เจ้าตัวน้อยปลื้มยิ้มกริ่มลอยหน้าลอยตา นาตาลีอมยิ้มมองเลยไปที่เจ็ทโด้คู่กัดอีกคนของเธอ ยายนี่โรคจิตชอบแหย่...
“เจ็ทโด้โอปป้า อั่นย๊อง!” เธอยิ้มหวานเขาอมยิ้มยักคิ้วให้
“น้องชื่อนีน่า!” จู่จู่..น้องแทนก็ทำให้ทุกคนพิศวงสงสัย
“หือ!” นาตาลีเลิกคิ้วมองหน้าจูยอน...
“ผู้หญิงเหรอคะ?”
“ไม่รู้สิ!” เธอยกไหล่ส่ายหน้า
“อ้าวแล้ว!...” นาตาลีชี้ไปที่เจ้าแทน จูยอนยักไหล่...
“ฉันก็พึ่งได้ยินนี่แหละ นีน่า! เพราะดี เรียกง่ายจำง่ายดีนะ” จูยอนยิ้มพยักหน้าลูบหัวน้องแทนที่ยังป้วนเปี้ยนอยู่กับท้อง
เจ็ทโด้ยิ้มกว้างถูกใจดวงตาวาววับ...
“เอาชื่อนี้แหละ! ชเว นีน่า! ตั้งชื่อให้แล้วต้องรักน้องด้วยนะดูแลน้องให้ดีด้วยนะครับ” เขาลูบหัวน้องแทนดวงตาใสยิ้มซุกใบหน้าแนบท้อง…
“รักน้อง รักเช นีน่า” ท่าทางเขาจะรักจริง ๆ ทั้งกอดทั้งหอมท้อง
ผมหันหานาตาลี...
“เมียผมไปไหนล่ะ?” ผมดึงเธอมานั่งข้าง ๆ ตรงข้ามกับจูยอน นาตาลีหันมาค้อน ท่าทางกวนตีนแบบนี้คงหาเรื่องผมอีกแน่...
“คุณจะไม่ถามสักคำเหรอว่า ฉันสบายดีหรือเปล่า ทำอะไรมาบ้าง ไม่เห็นหน้าตั้งหลายวันคิดถึงจังเลย พูดเป็นมั้ย?” เธอง้างหมัด...
“อั่ก!!” ยายบ้าทุบท้องผมซะจุกเลย
“ถ้าคุณไม่สบายคนทั้งเมืองก็คงตายหมดแล้วแหละ ผมไม่เคยเห็นคุณไอสัก แค๊ก!” ถึงจะพูดเล่นกันแรง ๆ แต่ใจของผมไม่เคยโกรธนาตาลีผู้หญิงมหัศจรรย์คนนี้เลย
เธอหันมา...
“เมียคุณ! ไปกับแทนตั้งแต่เช้ามืดเห็นบอกจะไปดู DMZ กันอีกรอบ เธอจะฉีดวัคซีนพวกฝั่งใต้คงไปดูสถานที่กันแหละ” เธอยิ้มมุมปาก มองหน้าไปทีละคนอย่างมีเลศนัย
จูยอนนั่งตรงกันข้ามขยับยิ้มหันมองมา…
“เหนื่อยหน่อยนะคะ ดอกเตอร์” น้ำเสียงเอ็นดูสายตาฟ้องว่า รักมาก
“คนท้องใหญ่ยังไม่เหนื่อยฉันจะเหนื่อยได้ยังไง ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แต่สองคนนั้นสิ! สุมหัวกันตลอด...” เธอจิ๊จ๊ะขยับท่าทางนั่งใหม่แล้วยื่นหน้าไปหาจูยอน ทำเหมือนจะกระซิบแต่เสียงดังมาก...
“อนนี่!...หมวดจางกับแทนชักจะยังไง ๆ ซะแล้วล่ะ?” เสียงเธอขุ่น แล้วหันมาชายตามองผมด้วยสายตาแปลก ๆ จะมาไม้ไหนกับกูอีกล่ะเนี่ย
ผมเหลือบมองหางตา...
“ผมเดาได้ ไอ้แทนมันเอาเครื่องบินมาล่อเมียผมอีกน่ะสิ”
นาตาลีขมวดคิ้ว เอียงคอพูดเสียงสูง...
“คุณรู้ได้ยังไง เมียคุณอาจจะไม่ได้ชอบเครื่องบินจริงก็ได้?” เธอเชิดมองหางตา ยายนี่มีพิรุธ
“เมียผมชอบเครื่องบิน ใคร ๆ ก็รู้” ผมเถียงเรื่องพื้น ๆ แค่นี้เอง
“เพี๊ยะ!” นาตาลีตบขาฉาด ทุกสายตาหันมามอง
“ถึงว่าสิ! เห็นนักบินจูงมือเข้าไปใต้ท้องเครื่องเป็นประจำ สงสัยไปดูน้ำมันเครื่องล่ะมั้ง?” เธอลอยหน้าลอยตาเหล่สายตามาจิก/เชอะ! คิดจะหลอกผมเหรอ ไม่มีทาง/
เจ็ทโด้กับจูยอนหันมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม น้องแทนนั่งมองด้วยความสนใจ
“ตลกตายล่ะ! ไปหลอกเด็กเถอะ” ผมเมินไม่สนใจ ผมเชื่อใจเมียมากกว่าใจตัวเองอีก ไม่มีทาง!
“อ้าว!คุณก็ลองเรียกเธอกลับมาสิ ฉันพึ่งคุยกับแทนก่อนจะมาเขาบอกว่า เมียคุณจูงมือนักบิน 2 คนไปที่เครื่องบินลำเลียง C130” เธอสีหน้าจริงจังจะมาเล่นตลกอะไรอีก ผมไม่ขำ
แต่...
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” เจ็ทโด้กับจูยอนหัวเราะลั่น...
“เฮ้ยซอน! มึงก็รู้ว่าพื้นเครื่อง C130 กว้างน่านอนจะตาย แม่ง!มีเปลด้วย”เขาปรบมือหัวเราะลั่น // โธ่!ไม่ได้กินหรอก ไปหลอกเด็กเถอะ //
ผมยกวิทยุ...
“ม้า!” ผมเรียกโชว์ให้เห็น ๆ กันไปเลย จูยอนอมยิ้ม นาตาลียังนั่งหน้าเชิดไขว่ห้างเต๊ะท่าหลังพิงโซฟา
“........” เงียบไม่มีเสียงตอบรับ เจ็ทโด้อมยิ้ม นาตาลีผิวปากมองบนกวนตีนมาก
“ม้า! ป๊าเรียกไป ใยม้าไม่ตอบมา” ผมเพิ่มน้ำเสียง
“........” เงียบ!!
นาตาลีกระดิกขาลอยหน้าลอยตาอมยิ้ม หมั่นใส้ยายดอกเตอร์จริง ๆ เตะตูดสักป้าบดีมั้ยเนี่ย กวนตีนมากนักเดี๋ยวเตะตัดขาเสียดอกเตอร์เลย
เธอหันมายักคิ้ว...
“ถ้าเป็นฉันก็ไม่ตอบหรอก กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม” แหม ๆ ๆ ตั้งแต่มีผัวเนี่ยะคำพูดคำจาหมิ่นเหม่จัง ผมอยากจะกัดให้แขนขาดกวนประสาทชะมัด อย่ามาดูถูกเมียผมนะ ไม่เชื่อ! ยังไงก็ไม่เชื่อ ยกวิทยุเรียกอีก...
“ม้า!... ป๊ามาแล้ว ตอบด้วยตอนนี้อยู่ที่ไหน?” ผมเรียกเสียงดัง
“........” เงียบ ใจเริ่มเขว ทำอะไรอยู่วะ?
ผมเริ่มไม่มั่นคงหัวใจชักแหว่ง ๆ มันผิดปรกติทำไมไม่ตอบวะ ทำอะไรอยู่? น้องแทนเดินด็อกแด็กเข้ามาเกาะขาแหงนหน้าขึ้นมา...
“ป๊า! ม้า…แอบไปเล่นกับเพื่อนที่เครื่องบินเหรอ?” น้องแทนถามประสาเด็ก
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!”แต่ไอ้เด็กโข่งสามคนนั่น หัวเราะเยาะสนั่นโรงพยาบาล ยายดอกเตอร์ตีขากรี๊ด /มันจะมากไปแล้ว/
“คันโฮซา!” ผมกวักมือเรียกพยาบาลเรดซันให้พาน้องแทนไปเล่นที่อื่น กัดฟันเรียกอีกครั้ง...
“หมวดจาง! ยายแอนนาจะตอบหรือไม่ตอบ อยากตายหรือไงวะ? หื้อ!!!!” ผมลั่นใส่วิทยุ
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ไอ้สามคนยิ่งหัวเราะดังขึ้นอีก จูยอนกุมท้องตัวงอไปแล้ว คนไข้รอรับการรักษาหน้าห้องหม่าม้าหันมามอง /แม่ง! อายฉิบหายเลย/
ผมชักใจไม่ดีหมวดจางอย่าทำบ้า ๆ นะ ในใจก็ไม่เชื่อหรอกแต่มันขัดใจเสียฟอร์ม ต้องเรียกให้ได้...
“จะตอบรึไม่ตอบวะ? อย่าให้โกรธนะโว้ย! จะตบให้หูหลุดเลย” ผมฉุนขาดอยากจะกระทืบเท้าเหลือเกิน ถ้าไม่เกรงใจลูกชายจะลงไปนอนดิ้นกับพื้นแม่งเลย
ทันใดใจก็หายวาบ...
“โบ๊ละ!” วัตถุบางอย่างกระแทกกกหูอย่างแรง...
“วิ๊ง!!!!!” เสียงก้องในหัว หูอื้อ ตาลาย หน้ามืด ขาเสียศูนย์
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” เสียงไอ้สามคนหัวเราะได้บันเทิงมาก นาตาลีลุกขึ้นกางแขนกระโดดโลดเต้นสะใจ Moonwalk อีกตะหาก
ผมหันกลับไปด้วยความโกรธ…
“ใครวะ?” หันไปเจอสายตาประหารของเมีย...ยืนเท้าเอวมอง จ๋อยแดกเลย/
“ป๊า!เป็นอะไรมากมั้ย? แหกปากไม่อายเด็ก ๆ หรือไง? ยิ่งนับวันอาการยิ่งหนักยิ่งแก่ยิ่งเลอะเทอะ ไปอยู่กับวัยรุ่นแต่ตัวเองกลายเป็นทารกไปซะงั้น!” เธอมาจังหวะไม่ดีเลย คนจะซวยอยู่เฉย ๆ ก็ซวย
ผมโดนเมียด่าซ้ำอีก โธ่ไม่ให้ทางเดินเลยตบบ้องหูโชว์เพื่อนอีกต่างหาก ส่วนไอ้สามคนนั้นหัวเราะลั่น หลัง ๆ มาผมก็เด่นเรื่องเกรงใจเมียเข้าไปทุกที
น้องแทนเล่นกับน้องพยาบาลได้ยินเสียงหันกลับมามอง แหกปากลั่นเมื่อเห็นหน้าแม่...
“ม้ามาแล้ว นูน่าม้ามาแล้ว! ม้ามาแล้ว! อึ๋ย!อึ๋ย!ม้ามา!ม้ามาแล้ว!” น้องแทนแววตาประกายเจิดจ้าชี้นิ้วซอยเท้ารัวแทบไม่ติดพื้น เสียงเล็กเสียงน้อยพรั่งพรูวิ่งดุ๊กดิ๊กอ้าแขนกว้าง…
“ม้า!”
“น้องแทน..!!!” หมวดจางก็เช่นกันดวงตาวาววับรอยยิ้มเปี่ยมความรัก นั่งคุกเข่ากางแขนกว้างรับเจ้าตัวน้อยที่วิ่งสุดกำลังกระโดดตัวลอยเข้าอ้อมกอด ล้มกลิ้งไปกับพื้น
“ม้าเค้าคิดถุง” น้องแทนหอมแก้มพัลวัน//ทีกับผมไม่เคยพูดดีด้วย น้อยใจนักไอ้ลูกคนนี้//
“ม้าก็คิดถึง”เธอนั่งยิ้มให้ลูกชายหอมแก้ม
“เค้าคิดถุงม้ามากกว่าใครทุกคนเลย” เจ้าลูกชายหากินง่ายดีเจอใครก็พูดเหมือนกันหมด
“ตายแล้ว!ปากหวาน มาจุ๊บทีนึง” เสร็จมันหมุดทุกคน นาตาลีเหล่มองน้องแทนแล้วอมยิ้ม
น้องแทน ปากจู๋ซบอกแม่...
“ม้า!ไปเล่นท้องเครื่องบินกับทหาร ไม่พาเค้าไปด้วย เค้างอน!”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ไอ้สามคนหัวเราะลั่นเหมือนระเบิดลง ปรบมือจนชาวบ้านเริ่มมามุง ผมไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ โดนปู้ยี่ปู้ยำลูกก็แปรพักตร์ ตอนนี้ผมเป็นเพียงตัวให้ความบันเทิง
หมวดจางก้มหน้าผากชนกับลูก...
“ใครบอกครับ?”เธอยิ้มหยิกแก้มน้องแทน
“ป๊าไง! ป๊าบอก!” เจ้าแทนชี้มา ผมสะดุงดุ้งโหยง...
“ไอ่โอ๊ะจิม่ะ!” อ้าวซวย! กูบอกตอนไหนไม่ทราบ กูพูดตอนไหน อย่าหางานมาให้สิวะ?...“ป๊ายังไม่ได้พูดเลยนะครับ”
“ป๊าบอกว่าน่านอน เค้าอยากไปนอนด้วย” ไอ้ตอแหลเอ๋ย นาตาลีลงไปนอนหัวเราะดิ้นที่พื้น
หมวดจางยิ้มสยองมองมาสายตาเยือกเย็นขยับลุกเดินมาใกล้ ผมชักระแวงจ้องมองไม่วางตา
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” เจ้าสามคนยังหัวเราะไม่เลิก
ผมยกมือพนมแล้วถู ๆ ๆ ๆ...
“ม้าจะทำอะไร คุยกันดี ๆ เพื่อนอยู่เยอะแยะ” ผมอายมากต่อหน้าเพื่อน เธอทิ้งตัวนั่งข้าง...
“หมายความว่ายังไงคะ?” เสียงเยือกเย็นเข้ากระดูกดำ
“ป๊าไม่ได้พูด ดอกเตอร์โน่นพูด” ผมโบ้ยไปที่นาตาลี
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” จูยอนหัวเราะจนเจ็บท้อง /น่าอายจริง ๆ เลย/
หมวดจางมองจิกไปที่นาตาลี...
“ดอกเตอร์มาหลอกอะไรผัวฉัน ฮึ?” เธอยักคิ้วใส่
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” นาตาลีหัวเราะร่วน ผมคิดในใจ...จำไว้เลยนะนาตาลีแค้นนี้ต้องชำระ เธอตอบกลั้วหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล...
“วิทยุอยู่ไหน เขาเรียกไปทำไมไม่ตอบ?”
“ฉันลืมไว้ในห้องน้ำ พึ่งนึกได้ตอนข้ามถนนมาแล้ว ขี้เกียจเดินกลับไปเอา” เธอเลิกคิ้วสายตาสงสัยแต่ผมโล่งใจ ขอเคลียร์ข้อข้องใจกับลูกชายก่อน...
“ม้า! ลูกเรียกเจ็ทโด้ว่าอาบอจี้ไปแล้ว ป๊าเป็นอะไร?”
เมียหันมองลูกชายแล้วอมยิ้ม…“น้องแทนครับ บอกป๊าสิ!” เธอลูบหัวเหน่งลูกชาย
เจ้าตัวน้อยชี้ไปที่เจ็ทโด้และผม...
“คนนี้อาบอจี้ คนนี้ป่ะป๊าเค้ามี 2 คน” แล้วหันไปชี้จูยอนกับแม่
“คนนี้ออมม่า คนนี้หม่าม้าของเค้าหมดทุกคนเลย” เขาพุ่งเข้ากอดแม่แล้วหอมแก้มรัวรัว
“แล้วลีล่ะ?” นาตาลียื่นหน้าเข้ามา
“ลีกับไป๋กับมินก็ของเค้า เวฮัลราบอจี้กับเวฮัลมอนี่ก็ของเค้า” พูดเก่งจังเลยลูกผม จูยอนอมยิ้มค้างขยับมองหมวดจางแล้วยกมือขอพูด...
“ฉันขอขอบคุณจากใจนะคะหมวดจางที่เลือกยืนข้างเกาหลี”
“เปล่าหรอกค่ะ!ฉันไม่ได้เลือกเกาหลี ฉันเลือกยืนข้างคุณเพื่อตอบแทนน้ำใจที่ช่วยเหลือทุกคนในยามตกยาก”
“ซึ้งใจจังเลยแอนนา! จากนี้ไปฉันขอเรียกคุณว่าแอนนานะ คุณไม่ได้เป็นทหารแล้ว” เวลาจูยอนยิ้มโลกสดใสตาหยีโค้งดั่งจันทร์เสี้ยว ผมเห็นด้วยกับเธอรีบยกมือสนับสนุน
“ผมชอบครับ! แอนนาของผม” ผมเสนอหน้าเอาใจไว้ก่อน เธอหันไปจ้องหน้านาตาลี...
“ก็ดอกเตอร์น่ะสิ! เรียกฉันหมวดจางตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน แถมยังแนะนำให้คนอื่นเรียกอีก ทุกคนคะ! เรียกฉันว่าแอนนานะคะ ฉันชื่อแอนนา ฉันชื่อจางแอนนาค่ะ ดีใจจังเลยมีคนเรียกแอนนาแล้ว”
“แอนนา!หมวดจาง! แอนนา!หมวดจาง! เรียกยากจังเรียกหมวดจางดีกว่า” นาตาลีจิ๊จ๊ะ
“มันยากเย็นนักใช่มั้ย?” หมวดจางแยกเขี้ยวใส่
แม้เวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ก็ตามไม่ได้ทำให้ความรักของผมลดน้อยลง ความเจ้าระเบียบของเธอทำให้บ้านเป็นบ้าน รวมทั้งลูกน้องก็อยู่ในโอวาทและลูกชายก็เป็นคนเก่งไปด้วย
นาตาลีเอียงตัวไปหาเธอ...
“ก็ได้ค่ะ! คุณแอนนาและที่ฉันต้องเป็นสหายผู้บัญชาการก็แบบนี้แหละ โดนยัดเยียดแบบนี้เลย ใช่ไหมคะอนนี่?”เธอมองจิกไปจูยอนอมยิ้มเมินหน้าหนี
“ชื่อแอนนาเพราะจะตายไป” เจ็ทโด้ยิ้มอ่อน
“ช่าย!” ผมหันหานาตาลี...“ดอกเตอร์ครับ เจ้าแทนมันไปไหนล่ะ?”
“วันนี้ไปทำงานกับสหายโก ช่วยกันต้อนSoulless มาไว้ที่JSA เราจะฉีดวัคซีนให้พวกเขาที่นั่น”
“ไหวเหรอ?” ผมไม่ได้ดูถูก แต่คนมันเยอะจริง ๆ
เธอระริกะรี้หันไปหาหมวดจาง...
“หมวดจาง! เราเตรียมตัวดีกว่า”
หมวดจางค้อนตาเขียวเดินมาจิ้มหัวนาตาลี...
“นี่ยัยดอกเตอร์! บอกให้เรียกว่า แอนนา! แอนนา! จำไว้!...”
จูยอนกุมท้องอมยิ้มเอ่ยขึ้น...
“ถ้าพวกคุณพร้อมฉีดวัคซีนแล้ว ฉันจะให้ฉีดบุคลากรสำคัญของที่นี่ให้คืนสภาพด้วยค่ะ เอาพวกหมอ วิศวกร นักวิทยาศาสตร์วิชาชีพเฉพาะทาง ค้นหา The last man stand ของแต่ละสายอาชีพออกมาทำงานกันดีกว่า”
“ดีครับ ผมสนับสนุน” ผมยกมือ
“สักวันหนึ่งพวกคุณอาจจะต้องออกเดินทางไปหา The last man stand ของทุกประเทศและช่วยพวกเขาไม่ให้สูญพันธุ์” เธอถอนหายใจยาวทอดสายตามองออกไปนอกโรงพยาบาล พวกเรายิ้มออกมาพร้อมกัน
นาตาลีเสนอตัว...
“อนนี่! สั่งมาได้เลย แล้วพวกสายอาชีพอื่นไม่ช่วยเหรอคะ?”
“ช่วยทั้งหมด! ยกเว้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งหมด” เธอใบหน้านิ่งมาก พวกเราพยักหน้าเป็นอันว่าทุกคนเข้าใจ ไม่ว่าจะที่ไหนการปกครองรูปแบบใดก็เหมือนกันหมด สำหรับสันดานเจ้าหน้าที่รัฐ
“ทำไมคะ?” หมวดจางคิ้วขมวดเสียงแข็ง /ผมเข้าใจ เพราะเธอต้องการจะช่วยชีวิตคนให้มากที่สุด เธอมักจะโทษตัวเองบ่อย ๆ ว่าไม่น่าเอาวัคซีนของนาตาลีมาต่อยอดเลย/
“คนเหล่านี้เกาะแกนอำนาจ วัน ๆ จ้องจับผิดแต่ชาวบ้านเพื่อหาความดีความชอบ งานหลักของพวกเขาคือประจบสอพลอผู้มีอำนาจ สูบเลือดชาวบ้าน” สายตาของเธอแข็งขึ้นมาทันที จูยอนใจดำมากเมื่อถึงเวลาเอาคืนก็ไม่ยี่หระกับชีวิตของคนอื่นเลย
“มากันแล้วเหรอ?” ไป่ไป๋เดินมานั่งตักนาตาลีแล้วหันไปหอมแก้มกัน คู่นี้ถึงจะมีเจ้าแทนคั่นกลางแต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังแน่นแฟ้นไม่มีจืดจางลงเลย ต้องขอชื่นชมหัวใจของนาตาลี ถ้าตอนนั้นผมกล้าคุยสักหน่อยเธออาจจะเป็นแม่ของลูกไปแล้วก็ได้ ผมอาจจะมีเมียเป็นสิบเลยก็ได้เพราะเธอชอบหาสาว ๆ มาให้ผัว...เสียดายมาก
ในจังหวะนั้น เงาวูบปราดเข้ามา...
“ชุงซอง! คิม! เย! วอน!” เสียงทหารหญิงดังลั่นโรงพยาบาล
“ว้าย!” สาว ๆ สะดุ้งหันไปมอง ไป่ไป๋หันไปจ้องตาเขียว
“เฮ้ย 87! กลับมาแล้วเหรอ?” นาตาลีโผเข้ากอดนายทหารหญิง
“คิดถึง 88 มากเลย แทนโอปป้าสบายดีไหม?”
“สบายดี! ตกลงเธอคิดถึงใครกันแน่ยะ?” นาตาลียิ้มกระเซ้าอารมณ์ดี
“อื้อ! ฉันได้แต่เห็นเขาไกล ๆ คิดถึงแทนโอ้ปป้า” เธอเย้าคืน ผู้หญิงคนนี้รูปร่างสวยหน้าตาดีท่าทางขี้อ้อนคล้ายไป่ไป๋
“เอาสิ! วันนี้กินเหล้ากันดีกว่า พอเมาแล้วเราไปมั่วกับนินจาเซมด้วยกัน” นาตาลีแหย่แล้วชำเลืองมองยายเหน่ง /หาเรื่องอีกแล้ว...เดี๋ยววงแตก/
“ฉันเอาจริงนะ! ยังหาแฟนไม่ได้เลย พอสวยก็ไม่มีใครกล้าจีบ เซ็งชะมัด!” 87 เป็นคนสวยสะดุ้งเชียวแหละ ยายเหน่งจ้องตาไม่กะพริบ
“งั้น! มาเป็นเมียสหายครูฝึกอีกคนนะ” นาตาลียั่วต่อมหึงยายน้องเหน่ง ตอนนี้เริ่มกัดริมฝีปากแล้ว
“ฉันมาลองคิดดูแล้วก็น่าจะดีเหมือนกัน ฉันก็สวยแล้วด้วย” เยวอนดีดดิ้น
“โอเคตามนั้น!” นาตาลีตีมือไฮไฟว์ สองคนนี้สนิทกันมาก
ยายเหน่งกำหมัดพูดโพล่งออกมา...
“อนนี่เลอเทอะ! ถามหนูหรือยัง?” ได้ผลด้วยยายนี่ขี้หึงตัวแม่ ตาเขียวปั้ดกัดปากจะขาดอยู่แล้ว เธอเดินเข้ามาขวางวางท่านักเลงทันที…
“ใคร?” เสียงห้วนสุด จ้องหน้าเยวอนเขม็ง
“ชุงซอง!คิมเยวอนอิบนิดะ” 87ในชุดเครื่องแบบทหารหญิงสวยจังเลย ถ้าผมไม่มีเมีย...ผมจอง
“อันยอง! ไป่ไป๋อิบนิดะ” ใบหน้านิ่งมาก สายตาส่งแสงเลเซอร์ทำลายศัตรู 87 ก้มหน้าจ๋อยแดกไปเลย
นาตาลีเข้าไปกอดกระเซ้าแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มมองยายเหน่ง...
“คนนี้...ฮองเฮาขี้หึงมาก ส่วนฉันเป็นนางสนม” เธอแลบลิ้นหลอก
“อ้าว!...แทนโอปป้าชอบของแปลกเหรอ รู้งี้! ฉันไม่รักษาแผลเป็นดีกว่าเนอะ ทำยากด้วย!” 87 ตาโตล้อคืน
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” แสบไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แต่ยายเหน่งไม่เล่นด้วย
“ไม่ขำ!” เธอหันมองสายตาจิกทะลุกระโหลก //ยาย 87 สยองมุดหลบหนี/
“พอแล้ว! รู้จักกันแล้วนะ” นาตาลีจูงมือเธอมายืนต่อหน้าทุกคน...
“เยวอน! รู้จักกับพี่สาวและคนรับใช้ของเธอหน่อย นี่ผู้หมวดจาง แอนนาเป็นทหารนักวิทยาศาสตร์ และนั่น!...ซอนเซม! เบ๊ของเธอ” ยายตัวแสบชี้หน้าผม
“อันยองฮาชิมนิก๊า คิมเยวอนอิมนิดะ! ฝากตัวด้วยค่ะ!” นายทหารหญิงคนสวยมือแตะ ท้องโค้งศีรษะอย่างสุภาพ
“เรียกฉันว่าแอนนานะคะ”
“ค่ะ! แอนนาอนนี่!” เธอน่ารักใช้ได้ทีเดียว ผมรู้สึกถูกชะตามาก
นาตาลีแนะนำต่อ...
“เยวอนเป็นนักดาราศาสตร์ฝึกหัดช่วยฉันทำงานอยู่ที่ศูนย์”
“เป็นนักดาราศาสตร์เหรอ ดีจังเลย!” ไป่ไป๋อมยิ้มกรุ้มกริ่มเดินเข้าไปพิจารณาทรวดทรงเอว เพื่อนของนาตาลีสวยทุกคน จูยอน หมวดจาง ไป่ไป๋ จนมาถึงเยวอนที่สวยตรึงกำลังพลได้
“เย่!”
“สหายยังไม่มีแฟนจริงเหรอ?” ไป่ไป๋สายตาหลุกหลิกซ่อนเงื่อนงำ
“เย่!”เยวอนแก้มชมพูยิ้มสวยสว่าง
“เธอพูดภาษาจีนได้มั้ย?” ไป่ไป๋เชยคาง 87 แล้วพยักหน้าพอใจ สายตาของเธอยิ้มกว้างมากกว่าปากซะอีก /ยายนี่มีแผนแน่นอน/
“สบายมากค่ะ”
“โอเค! เธอสอบผ่าน” ยายเหน่งยิ้มแบบโจ๊กเกอร์แล้วหมุนตัวโบกมือ...
“หนูไปทำงานก่อนนะ” เธอหันมาแลบลิ้นหลอกเดินยิ้มหนีไป ผมรู้จักน้องสาวคนนี้ดี อีกไม่นานก็ทำเรื่องแน่เชื่อขนมกินได้เลย
หมวดจางดึงนาตาลีลุกยืน...
“พวกเรากลับไปเตรียมงานก่อนนะคะ ขอตัวก่อนนะคะ!” เธอโค้งศีรษะให้เจ็ทโด้แล้วเดินนำออกไป เยวอนพะวักพะวงมองหน้ามองหลังแล้ววิ่งเกาะแขนนาตาลี...
“อนนี่! จะไม่บอกเธอเหรอคะว่าเราล้อเล่น ฉันจะซวยเอานะ” เยวอนชะเง้อมองตามตูดไป่ไป๋
“ไม่ต้องกลัว ไป่ไป๋เซมใจดี!” สายตาของเธอชั่วร้ายมาก มีเรื่องชัวร์
งานที่หมวดจางพูดถึงคือการฉีดวัคซีนให้ Soulless เกาหลีใต้ ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะบริหารจัดการกันยังไงคนตั้ง 50 ล้าน เรื่องจิตใจของสาว ๆ พวกนี้ผมนับถือ พวกเธอไม่เคยย่อท้อเลย แต่งานนี้หินมาก
............................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |