The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 ตอนที่ 4

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 ตอนที่ 4
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 9
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 28 ก.ย. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

เกาหลีเหนือ

มุมมองสายตา ซอน

มิถุนายน ค.ศ.2026

ค่ายโชซอน อินมินกุน

ฐานทัพใต้ฟ้าครามยิ่งใหญ่ท้าทายสายตา ธงกองทัพโชซอนปลิวไสวระริกระรี้ราวกับมีชีวิต กองทหารถอดเสื้อท้าแดดลมวิ่งร้องเพลงรอบกองพัน ทหารหนุ่มพร้อมออกรบอีกไม่นานพวกเขาจะได้ลงสู่สมรภูมิ

ผมขับรถจี๊ปทหารนั่งคู่มากับไป่ไป๋ หอบช่อดอกไม้สดสวยมากำใหญ่ หมวดจางและคุณหมอนั่งด้านหลัง รถยนต์แล่นผ่านอาคารบัญชาการ โรงอาหาร

“ทหารมากขึ้นแล้วนะ” หมวดจางหันมองกองทหาร รถยนต์เลาะเลี้ยวข้างสนามเข้าชายป่าโปร่งด้านหลังค่าย ฯ

บ้านพักรับรองชั่วคราวเป็นห้องแถวชั้นเดียว 5 ห้องใต้ร่มเงาไม้ใหญ่

“ชุงซอง!” ทหารเปิดประตูให้เราขับรถเข้าไปบริเวณด้านใน นายพลห่าวอู๋หน้าตาสดใส ยืนดูต้นบอนไซอยู่หน้าบ้านเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก้มหน้าไม่สนใจ

“หนีห่าวคุณลุง” ไป่ไป๋ร้องทักเสียงดัง เขาหันมามองสายตาไร้ความรู้สึก หมวดจางยิ้มกริ่มเดินเกาะเสื้อไป่ไป๋เข้าไปหาแล้วโค้งศีรษะอย่างงาม

“หนีห่าวม่ะ! ท่านนายพลหายดีหรือยังคะ?” หมวดจางมอบช่อดอกไม้ ท่านนายพลเฒ่าขมวดคิ้วมองแล้วรับไปแบบงง ๆ มองหมวดจางด้วยหางตา...

“แอนนา! คนทรยศ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นไปกับเขาด้วย” เขาพูดเบา ๆ หมวดจางยิ้มดื้อตาใส

“ฉันเลือกทางที่ถูกต้องต่างหาก สิ่งที่พวกเราเคยทำมาไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย คนที่ได้รับประโยชน์มีแค่หวังฉวนคนเดียว ดูท่านสิ! แทนที่จะได้สบายกลับต้องมาลำบาก” เธอพูดจาหวานหู ทั้งสองสาวเข้าไปยืนใกล้ ไป่ไป๋ประจบนวดบ่าให้

“ผมลำบากก็เพราะพวกคุณนั่นแหละ หนีกันเก่งนักนะ” เขาบ่นพึมพำ

“ฮิฮิ!” สองสาวหัวเราะคิกคัก

ผมกับคุณหมอขยับเข้าไปหา...

“หนีห่าวท่านนายพล” ท่านโค้งศีรษะผมทำตาม ไม่ได้สนยศของเขาสักนิดรู้สึกไม่ชอบขี้หน้า

ชายชราผมหงอกหัวเถิก ตัวอ้วนเตี้ยแก้มยุ้ยหันมามอง...

“หนีห่าว พวกคุณเป็นใคร?”

“ผมเป็นหมอจะมาตรวจสุขภาพให้ เป็นคนจีนเหมือนกัน” คุณหมอยิ้มตาหยีกล่าวอย่างสุภาพ แววตาของท่านนายพลเปลี่ยนเป็นมิตร...

“ดีเลย! ผมเวียนหัวมาก” ท่านนายพลโค้งศีรษะให้กับคุณหมอ 

ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องทำดีกับศัตรู ยิงทิ้งไปก็สิ้นเรื่อง พวกนี้ไม่มีวันสำนึกผิดหรอก

หมวดจางเย้า เจ้านายเก่า...

“ท่านโกรธที่จับตัวพวกฉันไม่ได้ใช่หรือเปล่าคะ? พอเห็นหน้าฉันแล้วความดันขึ้นน่ะสิ”

เขาถอนหายใจยาว...

“พวกคุณทำให้ผมมีปัญหา ไม่ก้าวหน้าในอาชีพเพราะมัวแต่ตามจับนาตาลีกับพวกคุณที่แท้เป็นพวกเดียวกันหมดเลย ทำไมพวกคุณถึงไม่เข้าร่วมกับหวังฉวน?”

ผมรู้สึกฉุนกึกหันไปหา...

“เพื่ออะไรล่ะครับ พูดอย่างนี้เข้าไปนั่งคุยในบ้านดีกว่า คุยกันยาว ๆ ไปเลย” ผมเดินนำเข้าไป

“คลุก!คลุก!คลุก! เสียงรองเท้าของกองทหารวิ่งมาพร้อมเพลงปลุกใจผ่านถนนหน้าบ้านพัก...

“ฟ้าเป็นของข้า พสุธาเป็นของใคร?” หัวแถวตะโกน

“ของเกาหลี ของโชซอน” กองทหารร้องรับกันผ่านเลยไป

ผมยังคาใจกับคำถามของนายพลจีน

“กลับไปอยู่ใต้อาณัติจีนอีกน่ะเหรอ? ทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่กันไป คนละชนชาติกันอยู่แล้ว ให้โอกาสพวกเขาได้สืบทอดเชื้อสายเผ่าพันธุ์ของตัวเองสิครับไม่ใช่จ้องแต่จะกดขี่ขูดรีด พวกเขาก็เป็นคนเหมือนกับคุณ” ผมรู้สึกโกรธแทนชาวเกาหลี พวกเขาพึ่งจะได้ลืมตาอ้าปากจากทรราชกลับมาเจอพวกล่าอาณานิคม /โชคดีของเขาที่วันนั้นผมไม่ได้ไปช่วยเจ้าแทน ถ้าผมอยู่ตรงนั้นเขาไม่ได้มาอยู่ตรงนี้แน่/

“ใจร้อนนะคุณเนี่ย!” เขาเมินหน้า ผมปรี๊ดแตก...

“พวกเขาต้องโดนกดขี่ไปถึงชาติไหนเหรอจึงจะยุติสงครามบ้าบอพวกนี้ได้? ปัญหาวุ่นวายไม่เคยเกิดจากเด็ก มันเกิดจากผู้ใหญ่หัวหงอกที่หลงอำนาจกับสารพัดข้ออ้างทั้งสิ้น” ผมโวยใส่หน้า หมวดจางหันมากอดเอวพาออกไปนั่งมุมห้อง...

“ป๊า! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันนะคะ ฉันจะคุยกับเขาเอง ป๊าแค่ขับรถให้ก็พอนะคะ” เธอลูบหัวผมเป็นลูกหมาน้อยเลย

“จีนชนะสงครามนี้และเป็นผู้ปกครองโลก เขาไม่ยอมให้เกาหลีได้ชูคอหรอก มันเป็นแค่ทาสเก่าของเราที่เว้นระยะไว้เท่านั้นเองและพวกคุณก็ไม่รอดหรอก เชื่อผมเถอะ!” ท่านนายพลทิ้งตัวลงนั่งคำตอบที่ดูเหมือนหวังดี แต่มันก็เหมือนคำขู่ไปในตัว

ไป่ไป๋อมยิ้มไม่แสดงอารมณ์ยกกล่องเครื่องมือแพทย์วางบนโต๊ะส่งหูฟังให้คุณหมอ...

“ท่านนายพล! ผมจะตรวจสุขภาพให้ขอวัดความดันหน่อยนะครับ” คุณหมอจับเขาถกแขนเสื้อวัดความดัน นายพลไม่ได้ขัดขืนนั่งตัวตรง...

“ผมไม่เข้าใจพวกคุณจริง ๆ จูยอนก็ดื้อ พวกคุณก็ดื้อ” ทุกคำของเขากดดันและโทษแต่คนอื่น เหมือนกับคนแก่ที่เอาแต่ใจ

ผมตะโกนสวนออกไป...

“ตลกดีนะ! คุณจะจับพวกเธอไปฆ่าพวกเธอก็ต้องหนีสิ บ้าฉิบหาย! คุณเรียกคนหนีตายว่าดื้อเหรอ เอาแต่ใจตัวเองจริง ๆ” ผมชักอดไม่ไหวคันไม้คันมือ...เดี๋ยวแม่งโดน

“ป๊า! หมวดจางปากฉีกยิ้ม แต่สายตาเริ่มแข็งมองข่ม

ไป่ไป๋ขยับไปนั่งใกล้นายพล...

“คุณลุง! ทำไมคิดว่าพวกหนูดื้อล่ะคะ จูยอนก็ทำเพื่อปกป้องประเทศจากพวกท่าน การรุกรานข่มขู่อาจจะเป็นความสุขของท่าน แต่มันคือความทุกข์ของทุกคนนะคะ ที่หนูหนีก็เพื่ออิสรภาพของหนูไม่ได้คิดจะสู้กับท่านเลย” ไป่ไป๋ฉอเลาะช่วยคุณหมอเจาะเลือดปลายนิ้วของนายพล

“ไป่ไป๋! คุณเป็นแฟนเจอรี่ไม่ใช่เหรอ คุณไปรู้จักกับนาตาลีเมื่อไหร่กัน ผมสับสนกับพวกคุณจริง ๆ แต่ที่สำคัญคุณต่อยผมทำไม โกรธอะไรผมนักหนา? ไม่เห็นคุณต่อยเก้อเฉิงสักหมัด” นายพลห่าวอู๋เงยหน้าสงสัย

ไป่ไป๋ยิ้มหวาน...

“เรื่องเจอรี่ท่านจะเข้าใจอย่างนั้นก็ได้ แต่หนูถามจริง ๆ นะคะ ท่านจำหนูไม่ได้เลยเหรอ ซีชานยังจำได้เลย” เธอท่าทางคล่องแคล่วหยิบจับอุปกรณ์ส่งให้คุณหมอ

“ผมจำไม่ได้เลย เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ?”

“จริง ๆ แล้วเราเคยเจอกันก่อนหน้านั้น 5-6 ปีมาแล้ว ท่านลืมไปแล้วก็ถือว่าหายกันไป ขอโทษด้วยนะคะที่ต่อยท่าน มันมาจากเรื่องสมัยก่อนถือว่าเราหายกันแล้ว” เธอพูดพลางส่งอุปกรณ์ให้คุณหมอไปด้วย

“แล้วเธอโกนหัวทำไมเป็นสาวสวยดี ๆ แท้ ๆ คนอย่างนี้! ผมไม่ให้เข้าบ้านหรอกนะ”

“เท่มั้ยคะ?” ยายเหน่งไม่สลด

“เต็มรึป่าววะ?” เขาหันไปหาป่ะป๊า...“คุณหมอบ้านอยู่ไหน?”

คุณหมอยิ้มตาหยี...

“ผม...เดวิด กง เป็นหมอศัลยแพทย์ทรวงอก เป็นพ่อของไป่ไป๋อยู่เป่ยซี หนานหนิง” ท่านยิ้มแล้วผายมือไปที่น้อง

“คุณก็เห็นด้วยกับลูกสาวเหรอ?”

“ผมมีลูกสาวคนเดียว พวกเราอายุมากแล้วก็ต้องเชื่อฟังลูกสิครับ เด็ก ๆ ตัดสินใจไม่ผิดหรอก โลกของอนาคตเป็นโลกของพวกเขา ท่านไม่เคยได้ยินเหรอที่เขาว่า พ่อแม่ทำชั่ว ลูกหลานต้องชดใช้” คุณหมอพูดเรียบ ๆ แทงใจดำ

สีหน้าของนายพลเปลี่ยนไป เขาอึกอักมองหน้าสองพ่อลูกที่กำลังดูแลสุขภาพของเขา ...

“ผมไม่เคยทำชั่ว ภารกิจรวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียวเป็นหน้าที่ของทหาร ถ้ามีความผิดพลาดอะไรก็ถือว่า ต้องเสียสละเพื่อชาติ”

ผมฟังแล้วหงุดหงิด อยากจะเอาเท้ายันหน้า...

“คุณเที่ยวไปรุกรานคนอื่น ขออนุญาตจากใคร?” ไอ้พวกนี้ได้แต่คิดเข้าข้างตัวเอง สิ่งที่มันทำนั่นแหละเขาเรียกว่าชั่ว รวบรวมแผ่นดินมันแค่ข้ออ้าง

“ป๊า!...” เบื่อเมียจัง เดี๋ยวเตะเสยไปพร้อมกับนายพลนี่ซะเลย

คุณหมอเอ่ยขึ้น...

“จักรพรรดิ์สมัยก่อนก็อ้างอำนาจแบบนั้น ในยุคแรกทุกคนอาจจะกลัวแต่อำนาจจะเสื่อมลงไปตามกาลเวลา เมื่อถึงเวลาชาวบ้านจะเอาคืนต้องมีสักรุ่นที่ตายอย่างอนาถ นั่นเป็นเพราะรุ่นพ่อสร้างกรรมเอาไว้ลูกหลานต้องชดใช้” คุณหมอพูดถูกใจมาก ผมสวมหัวใจสิงห์ขัดใจเมีย โพล่งเข้าไปในวงสนทนา...

“ผมไม่เคยเห็นว่าราชาของประเทศไหนจะยิ่งใหญ่ไปกว่า King of pop อย่างไมเคิล แจ็คสันเลยสักคน”

“จริงค่ะ! หนูเห็นด้วย” ลูกคู่ของผมเด้งทันที

“พวกคุณยังไม่โตกันสินะ พวกนั้นมันเป็นเพียงกระแสชั่วคราว ปัญญาอ่อนหรือเปล่าวะ?” เขามองด้วยหางตา

“เขาสร้างอาณาจักรโดยไม่ต้องใช้อาวุธและไม่บังคับรักด้วยนะคะ ” ไป่ไป๋เข้าข้างผมอยู่แล้ว

“มันก็หากินกับ Fc ทั้งนั้นแหละ คุณจะเอานักร้องมาเทียบกับนักปกครองไม่ได้ ลำต้นที่แข็งแรงเป็นที่อาศัยของกิ่งใบนักร้องของคุณเป็นเพียงดอกไม้เท่านั้น” นายพลสวนมาเถียงไม่ออก ไป่ไป๋ปากจู๋หันมองหน้ากันล่อกแล่ก ผมยังไม่ยอม...

“ผู้นำคอมมิวนิสต์ทุกค่ายก็ทำตัวเหมือนกษัตริย์ ต้องการมีอำนาจเบ็ดเสร็จคุณคงอยากเป็นปุโรหิตน่ะสิ” ด่าแม่งซะเลย ไป่ไป๋หัวเราะร่วน

ป๊า!ไป่ไป๋! หยุดได้แล้ว อย่าทะลึ่งกับผู้ใหญ่” เมียเข้ามาขวางอีกแล้ว /ยอมไปก่อนก็แล้วกัน/

“ราชาของคุณมีวังให้อยู่เหรอ อย่าพูดมากเหม็นขี้ฟัน” นายพลได้พวกหันมาจั่วเต็ม ๆ ผมอึกอักหันมองไป่ไป๋ให้ช่วยหน่อย

“เนเวอร์แลนด์ไงคะรู้จักรึเปล่าหรอก เนอะ?” คู่หูของผมไม่เคยทำให้ผิดหวัง

“ช่าย!ผมได้ทีก็ลอยหน้าลอยตาเกทับกลับไป

“ไอ้นักร้องนั่นมันมีดีอะไรวะ?” นายพลชักยั้วะจ้องเราตาถลน

“เขาสร้างทุกอย่างด้วยความสามารถ เพื่อให้หลุดจากการกดทับของสังคมสีผิว ถึงตัวเขาจะเสียชีวิตไปนานแล้วแต่ยังมีผู้คนจดจำในสิ่งที่เขาทำเพื่อโลกใบนี้ได้ เมื่อครบรอบวันตายของเขาจะมีคนเอาดอกไม้มาระลึกถึงทุกปีโดยไม่ต้องออกกฎหมายบังคับ” ดีมากไป่ไป๋ใส่มันเข้าไป

ผมช่วยเถียง...

“ความรักและปรารถนาดีครับนายพลที่จะส่งมอบให้โลกใบนี้ ไม่ใช่โลภมากกอบโกยและออกกฎหมายเอาเปรียบให้ลูกหลานสืบสันดานชั่วต่อไป” ผมเดินไปกอดคอน้องสาวมองหน้าเขาชัด ๆ

ไป่ไป๋ช่วยเสริม...

“ในโลกใบนี้ไม่มีความจงรักภักดีใดใดอยู่ยั้งยืนยงสักหน่อย มีแต่คนกลัวอำนาจที่มองไม่เห็น คนส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องสอพลอเอาตัวรอดแล้วบอกกับตัวเองและสังคมว่าทำเพื่อชาติ คุณลุงรู้มั้ยคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคอยู่ในจีนยากมาก และข้าราชการส่วนใหญ่ก็มาจากสมาชิกพรรคเกือบทั้งนั้น”

“ไป่ไป๋!... หมวดจางดุเสียงเขียว /เธอเป็นคอมมิวนิสต์ตัวแม่/

“กว่าจะรวบรวมดินแดนได้ไม่ใช่ง่าย ๆ พ่อแม่ทุกคนสร้างสมบัติขึ้นมาก็เพื่อลูกหลานถ้ามันรักษาอำนาจไม่ได้ก็ให้มันตายไป แล้วอีกอย่างพวกคุณไม่เคยมีอำนาจไม่มีวันเข้าใจการปกครองหรอก” เขามีชุดความคิดแตกต่างกันสิ้นเชิง

“คนชอบไม่เหมือนกันนี่คะ ลูกหลานของท่านอาจจะไม่ชอบก็ได้ ท่านเอาภาระไปให้เขาเปล่า ๆ” ไป่ไป๋ยังไม่ยอม

“เลอะเทอะ! รีบตรวจรีบกลับไปเถอะ ผมไม่อยากคุยกับพวกคุณ” เขาผยองเหลือเกินไม่กลัวพวกเราสักนิด

ผมคิดในใจ...ยิงแม่งทิ้งไปเถอะ ยิงตรงหัวล้านสักเม็ดน่าจะดี ไป่ไป๋ปากจู๋ขัดใจเหล่มองพี่สาว คุณหมอยิ้มอ่อนแตะไหล่ห้ามผมแล้วจิ้มหูฟังไปที่หน้าอกนายพล...

“หายใจลึก ๆ ท่านมีโรคประจำตัวหรือเปล่าครับ ความดันสูงนะครับเนี่ย” คุณหมอโบกมือไล่ผม

“มีเบาหวานกับความดันที่ต้องกินยา ตั้งแต่โดนจับมาผมก็ไม่ได้กินเลย แต่คุณดูสิ! ผมยังแข็งแรงดี” เขายืดอกเบ่งกล้ามยิ้มภูมิใจ ท่าทางยังหยิ่งผยองมองข่มพวกเราเหมือนเดิม

“ท่านไม่ได้ทำงานหนักก็ไม่มีปัญหาอะไรมากนักหรอก อยากให้ผมจ่ายยาให้ไหมถ้ามั่นใจว่าแข็งแรงจะไม่กินยาก็ได้นะ ผมจะตาม ใจท่าน” คุณหมอใบหน้ายิ้มแย้มแต่น้ำเสียงดูเหมือนจะรำคาญใจ นายพลตาเขียวหันมอง...

“อ้าว! คุณเป็นหมอ สมควรจ่ายยาก็จ่ายมาสิ” นายพลขึ้นเสียงสูง ฟึดฟัดโกรธง่ายตามสไตล์ของคนมีอำนาจจุดเดือดต่ำขี้หงุดหงิด

คุณหมอถอดหูฟังหันไปจ้องหน้านายพล...

“ท่านนายพลอาจจะเคยตัวแต่ตอนนี้ท่านเป็นคนไข้ ท่านจะออกคำสั่งหรือให้ผมออกคำสั่ง” นั่นไง! ไม่พอใจจริงด้วย ผมใจเต้นแรงรู้สึกรักคุณหมอขึ้นมาทันที ถ้าเขาว่าอะไรคุณหมอแม้แต่นิดเดียวปากแตกแน่

“ตกลงจะเอายังไง ฮึ?” ท่านก็ใจถึงไม่เบาเหมือนกันจ้องหน้านายพลตาไม่กะพริบ จนเขาต้องหลบสายตาเอ่ยอ้อมแอ้ม...

“ผมพูดแรงไปเหรอ ขอโทษนะ” นายพลเมินหน้า ไอ้แก่นี่ฟอร์มเยอะ

คุณหมอขยับตัว...

“ท่านนายพล! อีกไม่นานพวกเราก็ตายกันแล้ว ท่านมองไม่ออกอีกเหรอว่าสุดท้ายแล้วเราก็เอาอะไรไปไม่ได้ อำนาจวาสนายศถาบรรดาศักดิ์มันเป็นเพียงสิ่งสมมุติชั่วคราว แล้วอายุอย่างเราก็เลยมันไปแล้วด้วย” ท่านค่อย ๆ เก็บเครื่องมือ

“แล้วยังไงหมอ?” นายพลจีนกวนตีนจริงแหละ

“พวกเราผ่านโลกมานานแล้ว เห็นอะไรสวย ๆ มามากมาย ของอร่อย ๆ ก็กินมาหมดแล้ว ปล่อยให้เด็ก ๆ กำหนดชีวิตของพวกเขาเถอะ พวกเรานั่งดูช่วยเชียร์แล้วจากไปอย่างมีความสุขดีกว่ามั้ย? เราเลี้ยงเด็กให้โตเพื่อใช้งานไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ใช้ให้พวกเขาทำล่ะ?” คุณหมอยิ้มสายตาใจดี ร่องรอยประสบการณ์ชีวิตโชกโชนแสดงผ่านรอยย่นบนใบหน้า

“หนูว่าก็มีเหตุผลนะคะ คุณลุงพักเถอะค่ะลืมอดีตไปซะ” ไป่ไป๋โฉบเข้าไปหา

“พวกคุณไม่ใช่นักปกครองจะเข้าใจอะไร การรวบรวมดินแดนเป็นหน้าที่หลักของเรา การสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่เป็นหน้าที่ของทหาร ทหารแก่ไม่มีวันตาย” ผู้เฒ่าอยู่บนบันลังก์อำนาจมานานจนลืมความจริง

“เลอะเทอะ! ความยิ่งใหญ่ของชาติมันเกี่ยวพันกับทุกสาขาอาชีพนั่นแหละ แค่รัฐอนุญาตให้ทหารพกปืนได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเก่งกว่าคนอื่นหรอกนะ อย่าเที่ยวเอาปืนมาข่มคนอื่นสิ” คุณหมอยิ้มสายตาอบอุ่นดูถ่อมตนท่าทางสบาย ๆ ไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ ใบหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสองคนต่างกันที่ความกังวลในใจ

“หมอ! คุณไม่เข้าใจหรอก” เขายังเมินหน้า

“คนจีนในประเทศยังไม่พอใจการบริหารของพวกท่านเลย ไปรุกรานประเทศอื่นเกิดสงครามวนเวียนไม่รู้จบ” คุณหมอของผมเด็ดมาก

“ใช่เลย! แบบนี้เลยที่ผมคิด เด็กที่เพิ่งโตขึ้นมาก็โดนต้อนจากอกพ่อแม่ไปเป็นทหาร ออกไปตายเพราะค่านิยมชวนเชื่อผิด ๆ พวกทหารบ้าอำนาจเอาชีวิตของลูกหลานคนอื่นมาค้ำบันลังก์ของตัวเอง” ผมเข้าถล่มซ้ำหลังจากกองหน้ายิงนำ

“เชอะ! นายพลเมิน

“คุณสร้างปัญหาจนโลกอยู่กันไม่เป็นสุข ยุติเถอะ!” คุณหมอเก็บเครื่องมือส่งให้ไป่ไป๋เก็บลงกล่อง หมวดจางนั่งยิ้มมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที

“หมอ! คุณจ่ายยามาก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจหรอก ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ” นายพลถอนหายใจสีหน้าระอามาก คุณหมอของผมยอมซะที่ไหนเม้มปากมองจ้องตาไม่ยอมสยบ...

“ผมพูดมากไปหน่อยเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน เราไม่ใช่เพื่อนกันผมมาก็เพราะลูกสาวอยากจะทำดีกับท่าน คนที่ท่านสั่งฆ่าทั้งสองคนนั่น...” ท่านชี้ไปที่ไป่ไป๋กับหมวดจาง...“พวกเธอไปอ้อนวอนไม่ให้ฆ่าท่านและยังอุทิศตัวเพื่อมาดูแลเชลยไร้ค่า รู้ตัวซะด้วย! คุณหมอพูดได้ใจมากเหมือนนั่งอยู่ในใจของผม

“มองหน้าพวกเราดี ๆ สิ มีใครเป็นลูกน้องท่านบ้าง ท่านสั่งผมไม่ได้และสั่งใครก็ไม่ได้ด้วย ผมจะรอคำสั่งจากลูกสาวเชิญท่านคุยกันได้เลย ผมจะไปดูต้นไม้ข้างนอก ” คุณหมอโคตรเท่เลย กล่าวจบแล้วลุกเดินออกไปหน้าบ้าน

ผมหมั่นไส้ไอ้นายพลนี่เหลือเกิน แก้มยุ้ย ๆ อยากจะใส่สักหมัด เห็นใบหน้าซาลาเปานั่นแล้วหมั่นไส้จริง ๆ เดี๋ยวแดกแม่งเลย ถ้าไม่เกรงใจเมียสักหน่อย มึงปากแตกไปแล้ว//

ไป่ไป๋ขยับเข้าไปออเซาะนายพล บีบแขนบีบหัวไหล่เอาอกเอาใจน่าดู...

“หนูไม่รู้ว่าในหัวท่านคิดอะไร หนูไม่รู้ว่าท่านคาดหวังอะไรจากการทำงานกับหวังฉวน แต่หนูมีเรื่องอยากจะบอกว่าท่านนายพลโดนหลอกใช้มาโดยตลอด”

เขาหันขวับ...

“ปากพล่อย! ท่านประธานาธิบดีจะหลอกผมทำไม เราทำงานร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มต้น ทุกอย่างก็สำเร็จแล้ว” นายพลตวาดเสียงดัง

“ท่านอาจจะยอมรับไม่ได้เพราะมองว่าหนูเป็นศัตรู”

“อย่างเธอไม่เรียกว่าศัตรู แล้วให้เรียกว่าตัวอะไร ฮ้า?”

“เอ่อ! เรียกว่าผู้เห็นต่างดีกว่ามั้ยคะ ไม่ได้เป็นศัตรู” ยายเหน่งเล่นลิ้นพริ้วหนีไปได้ หมวดจางหันยิ้มมุมปากสายตาคมจิกไปที่เขา...

“ด้วยความเคารพ! ท่านเหมือนปากกาหมึกหมด หวังฉวนไม่เห็นศักยภาพของท่านตั้งนานแล้ว ฉันเห็นท่านนายพลทำตามคำสั่งของหวังฉวนอย่างซื่อสัตย์และส่งลูกน้องมือดีไปทำงานให้ ท่านคงไม่ทันสังเกตมั้งคะว่าท่านโดนยึดลูกน้องไปหมดแล้ว”เธอบีบนวดอีกฝั่งให้เจ้านาย ทั้งสองสาวแสดงออกด้วยความเคารพโดยเฉพาะเมียของผมจะให้เกียรติเขามาก

“ท่านอยู่ตำแหน่งนี้กับกองพันที่ 8ในชนบทห่างไกลศูนย์อำนาจมากี่ปีแล้วคะ นายพลเรือ! นายพลอากาศ! นายพลตำรวจ! ทำงานที่ศาลาประชาคมปักกิ่ง โก้และมีเกียรติจะสั่งงานยังไม่ต้องอ้าปากเลย แล้วท่านล่ะ?” หมวดจางแสดงท่าทางประกอบพูดเสียงชัดเจนแสดงอารมณ์ได้สมจริง  น่าแปลกที่นายพลจีนนั่งฟังเธอพูด ใบหน้านิ่งไม่แสดงอารามณ์

“ไม่จริงหรอกพวกเธอก็พูดไปเรื่อยจะมาใช้ไม้นี้กับผมไม่ได้ ผมอายุตั้งเท่าไหร่แล้วไปหลอกเด็กเถอะ” เขาส่ายหน้าน้ำเสียงตำหนิเล็ก ๆ

5 ปีผ่านไป ซีชานจากพันตรีขึ้นเป็นนายพลพิเศษคุม 3 เหล่าทัพ เป็นเจ้านายท่านไปแล้วนะคะ แล้วตอนนี้ท่านมาโดนจับเป็นเชลยอีก ป่านนี้ยังไม่มีใครติดต่อมาช่วยเหลือสักคน ผ่านมากี่วันแล้วคะไม่ผิดสังเกตบ้างเหรอ? ฉันฝากไว้คิดนะคะ!” หมวดจางจี้ใจ เรื่องเจรจาเมียผมไว้ใจได้เลย

ไป่ไป๋ขยับหันมอง...

“เดี๋ยวหนูจะให้คุณหมอจ่ายยาให้นะคะ หนูมีเหตุผลมากมายที่จะจัดการกับท่านนายพลแต่หนูให้อภัยไปหมดแล้ว โล่งอกมากที่ไม่ต้องแบกความแค้นไว้กับตัว หนูทำงานอยู่ใกล้ชิดกับหวังฉวน เขามักจะไม่พอใจผลงานของท่านเสมอ” ไป่ไป๋ช่วยกันบีบนวดไอ้แก่จากที่ขัดขืนโวยวายตอนนี้นั่งนิ่งกะพริบตาถี่....

“ทำงานผิดพลาดก็โดนตำหนิเรื่องปรกติ” เขาเมิน

“ถ้ามีคนพูดเรื่องตามจับนาตาลีขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาต้องโกรธท่านทุกครั้งแต่กับซีชานเขาโอ๋อย่างกับลูกชาย ด้วยความเคารพนะคะหนูพูดตามที่เห็นและได้ยินมา หนูก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยนะคะ” ไป่ไป๋ตอกย้ำอีกครั้งทำเอาเขานิ่งอึ้ง

คุณหมอเดินกลับเข้ามา...

“เดี๋ยวพวกเราจะกลับไปทำงานกันแล้วขอถามหน่อยนะครับ ท่านได้หัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุขร่วมกับลูก ๆ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่? รักษาสุขภาพดี ๆ นะครับ” คำถามของคุณหมอเล่นเอานายพลหน้าถอดสี

“เอ่อ!

“ท่านไม่ต้องตอบก็ได้ พวกเรารู้อยู่เต็มอกว่าอาหารที่อร่อยที่สุดคืออาหารที่ลูก ๆ ทำให้กิน ถึงจะเค็มหรือจะไหม้เราก็กินมันอย่างสุขใจ” คุณหมอหมุนตัวสองสาวลุกเดินตาม ไป่ไป๋หันกลับไป...

“พวกเรากลับก่อนนะคะ ช่วงที่หนูยังไม่มามีอะไรก็บอกน้องทหารยามนะคะ หนูจะมาเยี่ยมบ่อย ๆ จะหาของกินอร่อย ๆ มาให้ด้วย”

ทั้งสองสาวยิ้มหวานก่อนจะโค้งศีรษะลา เขาสีหน้าเครียดนั่งนิ่งกะพริบตาถี่ ผมไม่พลาดที่จะฝากคำหวานให้เขาไว้คิดก่อนจาก...

“สิ่งที่เลวร้ายในชีวิตของคนคือ เลวแต่เสือกไม่รู้ตัวว่าเลว โง่แต่ไม่รู้ตัวเองว่าโง่ มีอำนาจไม่ได้หมายความว่าฉลาด มียศตำแหน่งไม่ได้หมายความว่าเป็นคนดี” ผมยักคิ้วให้เสือเฒ่าอย่างหยามหยันเต็มที่

“โย่ว!คุณหมอยิ้มกว้างหันมาตีมือแล้วกอดคอเดินตามสองสาวออกไป“ปล่อยให้อารมณ์ทำหน้าที่ของมัน เขากำลังจะสับสน”

“ครับ!

“คนระดับนายพล มันยอมตายมันไม่เปลี่ยนอุดมการณ์ง่าย ๆเพียงเพราะแค่คำพูดไม่กี่คำหรอก เขาอยู่กับความเคยชินมานาน อำนาจมันหอมหวานจนเคยตัว แต่ที่รู้!...คืนนี้เขานอนไม่หลับแน่” คุณหมอก็ร้ายกาจไม่เบาเหมือนกัน

คุณหมอเดินยิ้มไปที่ดอกกุหลาบฮันกุก ผมเดินตามสองสาวเลี้ยวเข้าบ้านข้าง ๆ ...

“เก้อเฉิงหนีห่าวมะ! กับข้าวถูกปากมั้ย?” เธอทักทายสนิทสนม ผมอยากจะหัวเราะที่เจอกับไอ้นักรบแสนงอนอีกแล้ว

นายทหารหนุ่มนอนอ่านหนังสือบนโซฟา ขยับลุกนั่งตัวตรงหน้าตึง...“สบายดี!” ถามอย่างตอบอย่างน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ งอแงจริง ๆ

หมวดจางเดินพริ้วเข้าไปตบไหล่เหมือนกับสนิทกันมานาน...

“ผู้กอง!นายรู้จักฉันใช่ไหม?” คำถามนี้บ่งบอกว่าไม่สนิทกัน แต่ทำไมเธอเข้ากับผู้ชายง่ายจังวะดูเนียนตายังไงก็ไม่รู้ ไอ้หนุ่มนั่น...พอโดนลูบไหล่ก็นิ่งอึ้งไปเลย

ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้ว เด็กผู้ชายรุ่น ๆ ไม่ว่าจะแสบแค่ไหนถ้าเธอเข้าไปคุยด้วย...ยอมหมดทุกรายอ่อนปวกเปียกไปหมด

“รู้จักดีครับ! ผู้หมวดจาง แอนนา ผมรู้จักตั้งแต่อยู่ที่ตึกแดงในมหาวิทยาลัยแล้วครับ”

“หือ! นายจบจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งด้วยเหรอ?”

“ครับ! วิศวกรรมไฟฟ้า รุ่นน้องผู้หมวด 3 ปี ผมเข้าไปทันได้เห็นความโดดเด่นของผู้หมวดตั้งแต่สมัยเรียนแล้วครับ คุณเป็นไอดอลของรุ่นน้อง”

“ทำไมฉันไม่เคยเห็นนายเลยวะ?”

“ผู้หมวดเคยมองใครด้วยเหรอครับ ผมตามเข้ากองทัพส่วนหนึ่งก็มาจากผู้หมวด อีกส่วนมาจากท่านนายพล”

“นายรู้อะไรเกี่ยวกับฉันบ้าง?”

“ผู้หมวดเป็นดาวมหาวิทยาลัยโดดเด่นทั้งเรียนเก่งและสวยที่สุดของรุ่น ผลงานวิจัยเรื่องสิ่งมีชีวิตนอกสายตายังเป็นตำนานอยู่เลยนะครับ” มันตอบอย่างไม่ลังเลเลย /เมียของผมดังขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อน/

“ในกองทัพล่ะ?”

“ผมมาทำงานด้านปรมาณูอยู่ที่ฉางชุน ตอนนั้นผู้หมวดยังเป็นนักวิจัยอยู่ที่อู่ฮั่น ใครก็รู้ว่าผู้หมวดเก่งมาก”

“นายคิดว่าฉันโง่มั้ยที่ทิ้งยศตำแหน่งมาที่นี่?”

“เอ่อ! ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น”

“นายไปฆ่าคนให้หวังฉวนสนุกมากมั้ย เห็นคนตายแล้วฟินเหรอ ครอบครัวคงภูมิใจมากเหรอที่นายได้เลื่อนยศเป็นทาสที่ซื่อสัตย์?” เธอเอียงคอมองทหารรุ่นน้อง ไป่ไป๋อมยิ้มลุกเดินเก็บถ้วยชามไปล้างจัดเก็บหนังสือเข้าที่เข้าทาง

“จะล้างสมองผมเหรอ คุยเรื่องอะไรกับผมก็ได้แต่อย่ามาชวนให้ผมทรยศชาติ” เขาเมินหน้าคอแข็ง เธอขยับนั่งเบียดกระแซะแตะหลังมือของมันแล้วลูบเบา ๆ /ทำไมลื่นตาจังวะ ไอ้นั่นก็อ่อนลงทันตา//

“เก้อเฉิงเอ๊ย! ไม่มีใครปลดพันธนาการในใจของนายได้หรอก นอกจากคุณธรรมในใจของนายเอง ตำแหน่งและชื่อเสียงที่ได้มาจากการฆ่าคนมันเป็นคำสาปวันหนึ่งนายก็ต้องชดใช้ นายนอนหลับสนิทจริงเหรอ กลางคืนไม่ผวาจริงเหรอ?” นักฆ่าคุยกัน รู้ทางกันดี

“แต่ผมทำในขณะที่สวมเครื่องแบบอันทรงเกียรติ ผมทำในนามกองทัพปลดแอกประชาชน ทำเพื่อชาติและมาตุภูมิไม่คิดทรยศชาติและหักหลังประชาชน”

“แหม! ซึ้งจนน้ำตาจะไหล ในคำปฏิญาณของกองทัพไม่มีการรุกรานชาติอื่นสักข้อ มันเป็นความต้องการของใครกันแน่วะ?”

“เอ่อ...! ทหารด้วยกันถึงต้อนกันได้ หมวดจางขยับมือสูงขึ้นลูบแขนกำยำของมัน...

“ฉันรู้ว่านายไม่ใช่คนเลวแต่นายเป็นทหาร อาชีพนี้มันไร้หัวใจต้องทำตามคำสั่ง แม้นายจะเป็นคนดีแค่ไหนก็ตามแต่ถ้าเจ้านายเลว ๆ สั่งนายก็ต้องทำ พ่อแม่ของนายเคยใช้ให้ไปฆ่าคนมั้ย?..แค่จะฆ่าไก่มาแกง พวกท่านยังต้องทำเองเลย เพราะไม่อยากให้ลูกชายหัวใจหยาบ” เธอลูบแขนไปเรื่อย

“ไม่ต้องกล่อม! ผมไม่รู้สึกผิดผมทำตามหน้าที่เพื่อชาติและมาตุภูมิ” แต่คราวนี้เสียงมันอ่อนลงมานิดนึง

“แล้วนายช่วยไป่ไป๋ทำไม ยายนี่เป็นสายลับของศัตรูมันต้องตาย ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านนายพล กลับไปนายก็ซวยที่ขัดคำสั่ง” เธอจี้ใจ

“บุญคุณต้องทดแทน ผมติดหนี้ครอบครัวนี้ ผมพร้อมรับการลงโทษและตายอย่างมีเกียรติ”

“นั่นแหละ คือเหตุผลที่ฉันบอกว่านายไม่ใช่คนเลว คำสั่งของหัวหน้าก็ยังแพ้คุณธรรมในหัวใจของนายเลย ถ้านายคิดอย่างตรึกตรองฉันเชื่อว่านายจะได้คำตอบที่แท้จริง” เธอลูบมันซะจนอ่อนไปหมดแล้ว

“ไม่ใช่หรอก! ผมไม่ได้ทำเพราะเป็นคนดี ผมคิดอย่างอื่นด้วย ผมแอบชอบเธอมาตั้งนานแล้วครับ ทำเพราะหัวใจผมสั่ง”

“ห่ะ! ไป่ไป๋สะดุ้งเฮือก

“ฮ่าฮ่าฮ่า! โอ้โห! มึงแน่มาก ผมชอบใจไอ้ทหารนี่จังเลย คนอย่างนี้ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมซื่อตรงและซื่อสัตย์ มันกล้าเรื่องผู้หญิงมากกว่าผมพันล้านเท่า ชอบก็บอกออกไปเลย เจ๋งว่ะ!

“โครม! ไป่ไป๋โยนจาน กระทืบเท้าเดินหน้าหงิกเข้ามา...

“เก้อเฉิง! ฉันบอกแล้วไงคะว่าเราเป็นเพื่อนกัน คุณก็เห็นแฟนของฉันแล้วนี่ ฉันโกรธแล้วนะพูดเรื่อยเปื่อยจนคนเขาคิดว่าเรามีอะไรกันอย่างนั้นแหละ” เธอโกรธหน้าแดงก่ำ

“ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นแฟนของคุณ ถ้ารู้ผมฆ่าทิ้งตั้งแต่อยู่ที่ Kala Democracy แล้วล่ะ” ไอ้นี่น่าจะรู้เรื่องของหวังฉวนเยอะมาก

“เสียดายความรู้สึกดี ๆ ที่เราเคยมีให้กัน สุดท้ายนายกับฉันก็เป็นศัตรูกัน” ไป่ไป๋สะบัดหน้างอนเดินออกจากบ้านไป มันไม่สลดตะโกนตามหลัง...

“ผมชอบคุณ ผิดมากนักหรือไง?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ผมขำไส้จะขาด เดินเข้าไปกอดคอเมียแล้วก้มลงคุย...

“ไอ้น้องชายเป็นหนักนะเนี่ย! ท่าทางมึงจะกู่ไม่กลับแล้ว” ผมชอบใจมันมากแน่วแน่ดี

“ก็ผมชอบไปแล้ว ชอบมาตั้งนานแล้ว ชอบผิดตรงไหน?” ไอ้บ้านี่ต้องพาไปเอ็กซเรย์สมองแล้วมั้ง

“ติดลึกจริง ๆ คนมีผัวแล้วยังไปรักเขาอีก นายต้องไม่สบายแน่ ๆ” หมวดจางอมยิ้มแล้วส่ายหน้า

“วันที่เธอเดินเข้ามากับเจอรี่แล้วแนะนำตัวกับทุกคนว่าเป็นแฟนกัน ผมแทบจะลาออกจากทหาร แต่งานมันส่งผมไปไกลได้แต่เก็บความผิดหวังไว้ในใจ” เจ้าหนุ่มนี่ก็น่าสงสารเหมือนกัน เขาซื่อสัตย์และจริงใจกับตัวเองมาก

“นายคิดข้างเดียวเหมือนเจอรี่นั่นแหละ”

“ในวันที่ผมช่วยเธอไว้ได้ ผมคิดจะลาออกจากทหารและใช้ชีวิตร่วมกัน ผมมีความสุขมากที่สุดถึงจะช่วงเวลาสั้น ๆ ผมก็เทหัวใจทั้งหมดลงไปแต่เธอก็คิดกับผมแค่เพื่อน” เขานั่งจ๋อยอย่างน่าสงสาร

ผมคิดว่าคนแบบนี้จริงใจดี คิดอะไรก็บอกตรง ๆ...

“ผู้กอง! มึงต้องคิดใหม่ ไม่เช่นนั้นจะตายอย่างไร้คุณค่า ไป่ไป๋ไม่สามารถรักใครได้อีก ไอ้เจอรี่ก็โดนหลอกเธอเข้าไปที่นั่นเพื่อจะฆ่าหวังฉวนเพราะเธอคิดว่าเขาฆ่าแฟนของเธอ” ผมตบไหล่เตือนสติ

“เรื่องผู้หญิงมันเข้าใจยากคนที่เราชอบก็ไม่ชอบเรา คนที่เราไม่ชอบก็มาพัวพัน ผมก็มีคนมาชอบผมเยอะเหมือนกันนะแต่ก็ยังไม่ถูกใจ แต่พอเจอไป่ไป๋ผมก็รักเลย แต่เธอให้ผมไปลาออกจากทหารใจดำกับผมมาก” มันงอนเว้ยเฮ้ย ปากแบนเป็นปากเป็ดเลย

“เก้อเฉิง! นายรู้จักไป่ไป๋ได้ยังไง?” เมียผมขยับจับหัวไหล่ของมัน

“ผมโดนยิงตอนไปสืบข่าวผู้หมวดที่รัฐฉานและมารักษาตัวที่เป่ยซี ความรักของผมเกิดขึ้นที่นั่น ผมชอบเธอที่นั่น เธอเหมือนนางฟ้าคอยปลอบใจผู้ป่วยไร้ญาติ ผมหลงรักตั้งแต่วันนั้น”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! นายไปตามจับฉันด้วยเหรอ?”

“ครับ! ผมไปก่อนผู้พันเสี่ยวปัง”

“นายมาทำงานกับฉันดีกว่า เดี๋ยวหาเมียเกาหลีสวย ๆ ให้ นายจะเอาสักกี่คนจะจัดให้แบบจุกจุกเลย” เรื่องกล่อมคนวางใจได้ เธอยิ้มกว้างตบไหล่รุ่นน้องด้วยสายตาเป็นมิตร

“ผมทำแบบนั้นไม่ได้ ผิดคำปฎิญาณตนต่อกองทัพไม่ได้ หักหลังภาษีประชาชนที่จ้างผมเป็นทหารไม่ได้ ขออภัยครับ! ผมชอบไป่ไป๋คนเดียวและจะไม่เปลี่ยนใจ เกาหลงเกาหลีไม่เอาทั้งนั้น” เด็ดขาดมากไอ้หนุ่ม

เธอขยับถอยเปลี่ยนสีหน้าท่าทางใหม่...

“ย้อนแย้งว่ะ! คนที่มีอุดมการณ์แรงกล้าอย่างนาย ทำไมถึงเป็นมารสังคมไปได้วะ?” คงเข้าเรื่องแล้วสินะ เธอเริ่มกวนน้ำให้ขุ่นแล้ว

“นี่ผู้หมวดกำลังกล่าวหาผมนะครับ” เขาเหลือบตามอง

“คนดี ๆ ที่ไหนกันจะมาหลงรักเมียชาวบ้านหัวปักหัวปำอย่างนี้ แถมยังมั่นหน้าบอกชอบเธอทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอมีผัวแล้ว สตอกเกอร์ชัด ๆ” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเยาะหยามหยัน ถอยออกห่างทำเหมือนรังเกียจ

“แค่ชอบ!..เลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ ผมจะชอบใครก็ได้ผมมีสิทธิ์ ผู้หมวดเองเมื่อก่อนผมก็เคยชอบ” เขาแหงนหน้าเถียง สายตาและท่าทางนั้นมั่นใจมากมันคงจะไม่รู้จริง ๆ

ผมช่วยปลอบใจผมเคยชอบนาตาลีมาก่อนเข้าใจความรู้สึกคนแอบชอบดี เพ้อฝันเพ้อเจ้อคิดเข้าข้างตัวเองเป็นตุเป็นตะ พอเปลี่ยนใจจากชู้สาวเป็นน้องสาว ผมกลับรักเธอมากขึ้นกว่าเดิม

“นายคิดดี ๆ นะ ถ้านายยังเป็นอยู่อย่างนี้ วันหนึ่งนายจะเสียศักดิ์ศรีและถูกตราหน้าว่าเป็นมารสังคม ทหารที่ดีต้องเสียสละสิเป็นวีรบุรุษให้ครอบครัวภูมิใจ แต่ตอนนี้นายกำลังทำสิ่งตรงกันข้าม”

“..............” เขานั่งนิ่ง /จะว่าไปแล้วมันก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย/

หมวดจางกล่อมต่อ...

“ส่วนเรื่องชาติและภาษีที่นายกังวล ถือว่านายเป็นคนที่จิตใจสูงส่งมาก แต่สิ่งที่นายทำ...เพื่อชาติจริงหรือ? นายเป็นเครื่องมือสังหารให้คนเลวนะไอ้น้องชาย”

“..............”

หมวดจางตบไหล่นายทหาร...

“นายคิดไปก่อนนะ พวกเราจะฉีดวัคซีนให้ Soulless ที่นายพาเข้ามา ถ้านายรู้สึกผิดก็ไปบอกกับทหารนะ ฉันจะให้คนมารับไปทำงานด้วยกัน” เธอหมุนตัวออกไปเจ้าทหารตะโกนตามหลัง...

“ชาติจีนของเราขยายอาณาเขตจนยึดครองโลกได้แล้ว ผู้หมวดจะขัดขวางความยิ่งใหญ่เหรอ ผมไม่ยอม!

หมวดจางหันไปยิ้มอย่างใจเย็น...

“นายเข้าใจคำว่าชาติผิดเต็ม ๆ อย่าภูมิใจกับการรุกรานคนอื่นสิ ดอกไม้สีเดียวจะสวยงามได้อย่างไร นายเที่ยวไปถอนต้นกล้าดอกไม้ของชาติอื่นจนหมด โลกใบนี้มันจะสวยได้อย่างไร?”

ผมเข้าไปหาไอ้หนุ่มคลั่งรัก...

“เห่ย! คนเหล่านั้นก็เป็นเหมือนกับเรา มีครอบครัวมีเพื่อนมีคนที่คอยอยู่ข้างหลัง นายคงไม่เปลี่ยนใจเรื่องทหารและคงยอมตายอย่างมีเกียรติใช่มั้ย?” ผมเข้าใจความคิดของทหาร พวกนี้รักชาติยิ่งชีพ

“ใช่!

“นายฟังดีดีนะ!...สุดท้ายเมื่อสงครามจีน-เกาหลีเริ่มต้น นายจะเป็นคนทำร้ายไป่ไป๋และครอบครัว นายจะต้องฆ่าคนที่นายเคยบอกว่าชอบ นายจะไม่เหลือความภูมิใจในตนเองเลย แม้กระทั่งศักดิ์ศรีของทหารนายก็เก็บไว้ไม่ได้”

“ป่ะป๊าคะ! หนูไม่ได้เป็นอะไรกับเก้อเฉิงนะ” ไป่ไป๋เดินกลับมาพร้อมกับคุณหมอ ท่านยิ้มพยักหน้าเบา ๆ เจ้าทหารพอเห็นคุณหมอถึงกับกระเด้งพรวด....

“เหล่าซือ! เขาพุ่งเข้าไปจับมือทั้งสีหน้าและแววตาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเหมือนเด็กน้อยที่เจอญาติผู้ใหญ่

“เก้อเฉิงสบายดีไหม หายดีแล้วนี่นา” คุณหมอกอดคอสนิทสนม

“ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ไป่ไป๋ชอบจับให้นอน” มันฟ้องซะงั้น ไป่ไป๋เดินเข้าไปหาแล้วจับมันนอนลง

“นอนไปเถอะ ฉันจะกลับแล้ว”เธอจูงมือคุณหมอกลับ

ไปก่อนนะ!” ผมเข้าไปตบไหล่แล้วหมุนตัวตามไปขึ้นรถยนต์ขับออกมา

“ม้า! ไปฉีดวัคซีนเป็นยังบ้าง?” คิดแล้วก็เหนื่อยแทน ผมยังไม่เคยได้ไปที่นั่นสักรั้ง

“สนุกมากขอบอก ถามยายเหน่งสิ!

“ซอนไปช่วยหนูด้วยสิ อนนี่ก็ไม่มาช่วยงานหนักมาก” น้องหน้าหงิก

“เดี๋ยวผมขอทำงานอีก 2-3 อย่างแล้วจะไปช่วยนะ เดอะแก๊งอะไหล่ยังไม่ครบ ต้องพาพวกเขาไปช่วยกันขนอุปกรณ์”

“ป๊าจะไปที่ไหน?”

“วลาดิวอสต็อก รัสเซีย!

“ว้าว! หนูไปด้วยสิ!” ไป่ไป๋หันขวับ หมวดจางจิ้มหัวเหน่งทันที...

“ไม่ได้! ฉันจะไปดึงหูนาตาลีสักวัน บ้าบออะไรกับดวงดาวนักหนาเรียงลำดับความสำคัญไม่เป็นรึไง เดี๋ยวโดนแน่ยายดอกเตอร์” เอาอีกแล้วคู่นี้ฟัดกันตลอด นาตาลีหันไปสนใจดาราศาสตร์ซะแล้ว

ส่วนหนึ่งของโชคชะตามาจากความคิดเป็นตัวกำหนด การเลือกและการตัดสินใจทำลงไปเป็นการยอมรับในโชคชะตานั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากการกระทำ ล้วนมาจากความคิดและกลายเป็นชะตากรรมไปในที่สุด บางเรื่องแค่เปลี่ยนความคิดก็เปลี่ยนผลลัพธ์และเปลี่ยนชะตากรรมได้
                                        …………………………………………………

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม