The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 ตอนที่ 6

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 ตอนที่ 6
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 9
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 22 ต.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


เกาหลีเหนือ

มุมมองสายตา ซอน

มิถุนายน ค.ศ.2026

“ครึ่ก!ครึ่ก!ครึ่ก! ล้อเหล็กสีรางของรถไฟหุ้มเกราะขบวนยาวดังสนั่นมาตั้งแต่เมื่อคืน ผมพาเดอะแก๊งไปทัศนศึกษาเปิดหูเปิดตาต่างประเทศ

แทยังโฮ รถไฟดีเซลรางบึกบึนหุ้มเกราะเขียวเข้มทรงพลัง ลากขบวนโบกี้นับร้อยแล่นลัดเลาะหุบเขาขึ้นลงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผ่านทุ่งกว้างบนพื้นราบและหิมะบนยอดเขาสูง ท้องฟ้าใสวิวทิวทัศน์สดสวยเหมือนสาวบริสุทธิ์ที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่า เงียบสงบแสนงามปราศจากการปรุงแต่งของยุคสมัย

“ปู๊น! ปู๊น!...

ผมตั้งใจจะถ่ายทอดความรู้และปลูกฝังความกล้าหาญให้เด็กที่พึ่งพ้นวัยเยาว์ ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อเหมือนดอกไม้แรกแย้มในสายลมแรก ช่วงวัยแห่งการลังเลว่าตัวเองเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่กันแน่

บ่อยครั้งที่สุดจะกลั้นหัวเราะกับเดอะแก๊งของผม เลือดวัยหนุ่มในตัวฮึกเหิมเรียกร้องอยากมีความรักสนใจเพศตรงข้าม บ่อยครั้งที่พวกเขาตั้งใจจะไปเที่ยวกับสาว ๆ นัดกันเป็นมั่นเหมาะ แต่พอมันเดินผ่านวงลูกข่างหรือลานเกมปลาหมึกก็แวะไปเล่นจนลืมนัดสาว ๆ ไปเลยเพราะโดนวิญญาณเด็กในตัวฉุดขาไว้ ผิดนัดบ่อยจนโดนสาว ๆ ดักตบตลอด

พวกเขาเหมือนกับมะเขือเทศผลสวยสีแดงสด หลายคนยังลังเลว่ามันเป็นผลไม้รสหอมหวานหรือมันเป็นผักใส่แกงกันแน่ เราไม่สามารถหามะเขือเทศในร้านขายผลไม้ได้ แต่จะเจอมันได้เฉพาะในร้านขายผักในตลาดเท่านั้น

วัยรุ่นวัยสดใสต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์เอาเอง วัยที่เต็มไปด้วยความฝันความสนุกและท้าทาย มันเป็นทางแยกของชีวิตที่พวกเขาต้องพุ่งชนเพื่อค้นหาตัวเอง

“ครึ่ก!ครึ่ก!ครึ่ก!” ผมนั่งคุยกับสหายคนขับรถไฟแลกเปลี่ยนความรู้กัน ผมมาถึงเกาหลีเหนือช้ากว่าทุกคนต้องตามให้ทันในทุกเรื่องเพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเพื่อน

“สหายคนขับรถไฟ! ทำไมขบวนนี้ถึงดูหรูหราและเพรียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ทันสมัย” ผมเก็บความสงสัยเรื่องนี้มาตั้งแต่สถานีต้นทาง ดูแล้วไม่เหมือนกับรถไฟโดยสารทั่วไปถึงจะถอดอุปกรณ์ออกก็ยังเห็นร่องรอย

“สหายผู้พันโกไม่ได้บอกเหรอครับ แทยังโฮเป็นรถไฟหุ้มเกราะของท่านผู้นำคิมและมีรถไฟขีปนาวุธอารักขาอีก 2 ขบวน ขบวนนี้สหายผู้พันให้วิ่งรับส่งขนผักและเนื้อสัตว์เข้าเมืองหลวงครับ”

“แล้วอีก 2 ขบวนไปไหน?”

อยู่ที่พยองยางครับ! เซมรู้หรือยังว่าทางรถไฟเชื่อมฝั่งเหนือใต้ใกล้สำเร็จแล้ว คอยดูนะ! ผมจะเข้าไปเอารถไฟของฝั่งใต้มาให้หมดเลย ผมทั้งภูมิใจและเชื่อใจสหายผู้นำคนนี้มากเลยครับ ผู้หญิงที่กลับมาเหยียบพยองยางแล้วสะเทือนไปทั้งคาบสมุทรเกาหลี”

ผมคิดในใจ...จูยอนโคตรแสบเลย บ้านของท่านผู้นำเธอก็เอาไปทำสวนสาธารณะ สถานที่ลึกลับเคยปกปิดไว้ถูกเปิดอ้าเผยความจริงทุกอย่างให้ชาวบ้านรับรู้ รูปภาพโฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ ถูกทดสอบความจริง

“เซม! ตั้งใจจะพาเดอะแก๊งไปไหนครับ? สมัยผมอายุเท่ากับพวกเขาแทบจะไม่ได้เล่นสนุกเลยโดนฝึกตลอดเวลา” เด็กหนุ่มอายุราว 27 – 28 ใบหน้าขาวสี่เหลี่ยมยิ้มกว้าง

“ผมตั้งใจจะไปให้ถึงวลาดิวอสต๊อก สหายจูยอนบอกว่าถนนมันมาสุดทางที่อันซองไม่ใช่เหรอ ผมยังคิดไม่ออกจะพาเด็ก ๆ เข้าไปได้ยังไง?” ผมหันไปมองข้างทาง นาน ๆ จะเห็นชาวบ้านขี่จักรยานบนถนนที่อ้างว้างกลางท้องทุ่ง

“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ! เซมจะพาพวกเขาออกไปต่างประเทศเลยเหรอ แทบักเซมนีม!” เขาหัวเราะร่ายกนิ้วโป้งให้ เดอะแก๊งจะได้จากอ้อมอกปิตุภูมิไปเปิดหูเปิดตาที่รัสเซียครั้งแรกของชีวิต

“ผมจะไปล่าสมบัติสักหน่อย”

พอพ้นเขตภูเขาสูงเจอกับพื้นหญ้าเขียวขจีกว้างใหญ่ ชนบทในสายหมอกภาคตะวันออกเฉียงเหนือสดชื่น กลุ่มบ้านชั้นเดียวหลังเล็กดูอ่อนน้อมถ่อมตนข้างลำธารในหุบเขาที่เงียบสงบ ชาวบ้านกำลังขี่ม้าต้อนฝูงเป็ดจำนวนมหาศาลลงสระน้ำ

“ที่นี่เลี้ยงเป็ดเป็นหลักเลยเหรอ ทำไมมากมายขนาดนี้?” รถไฟแล่นผ่านฝูงเป็ดดำพรืดมากมาย

“ไข่วันละ 6-7 ล้านฟองต่อวัน ผมขนไปทุกวันครับ ช่วงที่เซมนอนหลับก็ผ่านฟาร์มไก่ภูเขาไข่เยอะมาก ถ้าไปสายชายทะเลตะวันออกมีทั้งหมูดำและเก้ง”

“ใครสั่งให้เลี้ยง”

“คิมจุนซองทงมูครับ ใครอยากกินอะไรก็เลี้ยงเอา ห้ามล่า”

“เก่งจัง!

พลขับหันมายิ้ม...

“เอางี้นะครับเซม! สถานีสุดท้ายของเกาหลีเหนืออยู่ที่เขตราชอน แต่ผมจะขับเข้าไปส่งถึงสถานีวลาดิวอสต๊อก เราจะไปข้ามแม่น้ำที่เมืองอันซองอีกไม่ไกลแล้วครับ” เขาชี้ไปข้างหน้าแต่ผมยังมองไม่เห็นปลายทาง

“งั้นดีเลยผมจะรายงานกับสหายผู้พันเอง สหายไปทิ้งพวกผมไว้ที่นั่นนะ” ผมยิ้มพอใจที่งานง่ายขึ้น

“ได้ครับ! ถ้าเข้ารัสเซียผมจะตัดโบกี้บางส่วนไว้ที่สถานีคาซานก่อน ส่วนเมืองวลาดิวอสต๊อกอยู่ลึกเข้าไปอีกไกล” เขาดูเป็นผู้มีการศึกษาช่างเจรจาชวนคุยเป็นมิตร เขาชี้ลงไปที่รางรถไฟด้านหน้า...

“ทางรถไฟสายนี้สหายผู้นำให้ทหารมาเคลียร์เป็นเส้นแรกเลย รถไฟตกรางกันเกลื่อนกู้ขึ้นมาหมดแล้ว” คนขับหนุ่มหน้าซื่ออารมณ์ดี ร้องเพลง K-Pop ให้ฟังมาตลอดเส้นทาง

“ก่อนหน้านี้สหายทำงานอะไร?” ผมอยากรู้ที่มาที่ไปของเขา

“เซมรู้จักสหายคิมซองบกหรือเปล่าครับ?”

“ไม่รู้จัก เขาเป็นใคร?”

“เขาเป็นนักบินที่เก่งกาจมาก พวกเราเป็นกลุ่มเพื่อนมหาวิทยาลัยมีด้วยกันอีกหลายคน แยกย้ายกันไปทำงานที่ชอบ บางคนไปเป็นทหาร บางคนไปเป็นนักบิน ผมชอบรถไฟเสียดายที่ไม่มีเรือรบ” เขาอัธยาศัยไมตรีดีเยี่ยมพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา

“สหายไม่เกลียด สหายจูยอนเหรอ?” ผมลองเช็คทัศนคติดู

“อะไรกันครับ เซมพูดอย่างนี้ได้ยังไง?” เขาขมวดคิ้วมองจิก

“ก็เห็น ๆ ว่าเธอทำบ้านเมืองพับครึ่งขนาดนี้ไม่โกรธเหรอ?”

“ตอนนั้นผมโดนคดีความมั่นคง เซมคิดว่าผมจะโกรธคนที่ชุบชีวิตผมมั้ยล่ะครับ? เพื่อน ๆ ของผม 5 คนถูกยิงเป้าประจานกลางเมือง” น้ำเสียงเข้มโกรธนั้นพุ่งกลับไปที่ผู้นำคนเก่า

“ไปทำอะไรผิดเข้าล่ะ?”

“ก็ดูซี่ย์และฟังเพลงจากฝั่งใต้นี่แหละ” เขาตอบสบาย ๆ ไม่เครียด

“สหายไม่รู้เหรอว่ามันผิดกฎหมาย”

“รู้ครับ! แต่ผมเอามาเพื่อประกอบการทำรายงานเรื่องพัฒนาการของดนตรีและสื่อ คนที่เอามาขายให้ก็เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง” นี่สินะที่พวกเขาแค้น

“ผ่านเงามืดมาได้แล้วฟ้าใสขึ้นเลยเนอะ?” ผมเข้าใจดีถึงความอึดอัดจากขบวนการโจรในเครื่องแบบดี ตามตะเข็บชายแดนบ้านของผมพวกนี้กระจายยาเสพติดให้เยาวชนแล้วไล่จับเพื่อเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง

“ครับ!.โคตรโล่งเลย เมื่อก่อนพวกเราเหมือนหายใจได้แค่ครึ่งปอด ผมรู้ความจริงแล้วว่าที่เขาไม่ยอมเปิดประเทศเพราะต้องการปิดเรื่องโกหกที่เขาสร้างขึ้นมา ถ้าไม่มีคนกล้าอย่างสหายจูยอนชีวิตของพวกเราก็ยังห่างไกลจากคำว่าปลอดโปร่งสบายใจ แค่คำว่าปลอดภัยยังยากเลย”

“คนต่อต้านสหายจูยอนมีมากมั้ย?”

“กลัวซะมากกว่าครับ! ตอนแรกก็มีคนคิดต่อต้านเพราะพวกเราถูกฝังหัวให้จงรักภักดี หลายคนก็เตรียมสู้ อีกหลายคนก็เตรียมตัวร้องไห้”

“หือ! ร้องไห้เลยเหรอ หมายความว่ายังไง?” ผมรีบดักคอ เตรียมสู้น่ะพอจะเข้าใจ แต่เตรียมร้องไห้มันคืออะไรวะ?

“เอ่อ! กิจกรรมของชาวเกาหลีเหนือคือฝึกปรบมือให้พร้อมเพรียง และฝึกร้องไห้ให้ใจสลาย ยิ่งน้ำตาไหลมากยิ่งจงรักภักดีมากจะได้รับความไว้วางใจจากสหายRoom#39ซึ่งมันหมายถึงอาหารและโอกาสในการเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ”

“จริงดิ?” อึ้งมาก

“อื้อ!สอนกันตั้งแต่ชั้นลูกเจี๊ยบเลยครับ เอามั้ย! ผมจะร้องให้ดู... ฮือฮือ!โฮโฮ!แงแง! ว่าแล้วมันก็แหกปากร้องไห้น้ำตาพุ่งปรี๊ด

“ไอ่โอ๊ะจิม่า! พอแล้ว ๆ” ผมต้องรีบส่งทิชชู่ให้...“สหายตั้งใจทำงานนะ ถ้าไม่ชอบอะไร...วันข้างหน้าถ้าสหายมีอำนาจก็อย่าไปทำกับคนอื่นเขาล่ะ เข้าใจมั้ย?”

“อารัสซอโย! เขายิ้มได้ทั้งน้ำตา สุดยอดมาก

“ผมขอไปคุยกับเด็ก ๆ ก่อนนะ เดี๋ยวมา!” ผมอมยิ้มเดินโคลงเคลงไปตามจังหวะรถไฟย้อนกลับไปท้ายขบวน รู้สึกประทับใจกับโบกี้ห้องควบคุมอาวุธและโบกี้ห้องนอนหรูหรา 5 ดาว


“คลุกคลัก! คลุกคลัก! รถไฟขบวนยาวยังคงแล่นผ่านลำห้วยและมุดถ้ำทะลุขุนเขาไปอย่างไม่รีบร้อน สัตว์ป่าหน้าตาแปลกออกมาหากินริมทาง

เสียงเด็ก ๆ ตะโกนปรบมือร้องเพลงกันสนุกสนาน แอบมองเห็นเจ้าอ้วนกำลังอินกับการร้องเพลง Eyes Nose Lips @ Taeyang อย่างออกรสใบหน้าเหยตาหยีปิดแหกปากร้องสุดเสียง

กลุ่มเด็กพร้อมใจกันตะโกนเมื่อเพลงถึงท่อนฮุก...

“นอเอนุน  โค  อิบนัลมัน  จีตอนนีซน  กิล ชา กุนซน  ทบกาจีดา... ฮาฮา ยอจอนีนอล  นือกิลซู อิซ จี มัน...” ไอ้อ้วนใส่อารมณ์แพรวพราว ร้องโหยหวนอินกับบทเพลงพรรณนาบอกรักหญิงสาว

ผมรู้สึกสบายตาสบายใจกับวัยมันส์ พวกเขากล้าแสดงออกและไม่กลัว ช่วงชีวิตที่สนุกที่สุดก็วัยนี้แหละ ตื่นเต้น เร้าใจ ช่วงแห่งการเรียนรู้และท้าทาย ผมไม่อยากปล่อยให้ผ่านไปอย่างไร้ความทรงจำ หลายสิ่งอย่างทำได้เฉพาะช่วงเวลาของวัยรุ่นเท่านั้น

“วู้ว!!! ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! เสียงหัวเราะร่วน บนใบหน้ายิ้มตาหยีของเด็กตัวขาวสดใสจริงใจ คนเกาหลีเหนือทั้งเด็กและผู้ใหญ่พร้อมเพรียงและเป็นระเบียบมาก ผมยังนึกขอบคุณผู้นำคนเดิมบ่อย ๆ สังคมนิยมไม่ได้เลวร้ายเลย สิ่งที่เลวร้ายคือผู้คุมสังคมต่างหาก

“ปู๊น! ปู๊น!...เมื่อรถไฟแล่นข้ามแม่น้ำตูเมนเส้นแบ่งแดนทางธรรมชาติระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จุดสิ้นสุดของดินแดนสนธยา เดอะแก๊งโผล่หน้าออกนอกหน้าต่างโบกมือพร้อมใจกันตะโกนลงไปสู่แม่น้ำใสไหลริน

“เดอะแก๊ง!!! มาเยือนรัสเซียแล้ว เนกาเจอิลจัลนากา! เสียงของอิสรภาพตะโกนก้องคุ้งน้ำ

ขบวนรถไฟทิ้งสะพานไว้ด้านหลังแล่นลึกเข้าสู่ดินแดนหมีขาวรูปร่างอาคารสำนักงานต่าง ๆ ก็คล้ายคลึงกับเกาหลีเหนือ ดูหรูหรา บึกบึน สัญลักษณ์ของระบอบคอมมิวนิสต์ทุกชาติทั่วโลกคือลานจัตุรัสกว้างใหญ่ เพื่อสวนสนามแสดงอำนาจทางทหาร ที่นี่ก็เช่นกัน...จัตุรัสตุลาคม

ลานปูนสี่เหลี่ยมกว้างขนาด 3 สนามฟุตบอล ล้อมรอบไปด้วยอาคารตึกสี่เหลี่ยมทรงรัสเซีย เมืองชายทะเลแห่งนี้เป็นบ้านหลังที่สองของทหารเรือรัสเซียเป็นเมืองสุดชายขอบของทวีปเอเชีย

“อือออ!อือออ! บนพื้นถนนเต็มไปด้วยฝูง Soulless หัวแดงตัวสูงใหญ่เดินกระจัดกระจายเต็มเมือง ร่างกายของพวกเขาพุพองเน่าเปื่อยดวงตาฝ้าขาว ใบหน้าไร้ความรู้สึกเลื่อนลอยกลิ่นเหม็นสาบสางขมคอ

ทีมเดอะแก๊งเดินปะปนกับ Soulless  กำลังตั้งแถวตอนเรียงหนึ่งยาวไปตามขอบลานอนุสาวรีย์วีรชนประกบซ้ายและขวา มันถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยนายพลเลนินล้มล้างระบอบกษัตริย์และเข้าสู่ยุคคอมมิวนิสต์เต็มตัว ผมก้าวเดินขึ้นไปยืนบนขั้นบันไดด้านหน้ารูปปั้นทหารสวมหมวกบุชนี่โบกธงแดง...

“เดอะแก๊ง!

“เย่!!!!

“พรึบ!!! นกพิราบแตกฝูงตื่นตกใจ

ศากศพแห้งนอนอ้าปากหวอมืองอหงิกข้างรถยนต์สารพัดชนิดเกลื่อนเมือง อาคารพาณิชย์รูปทรงคล้ายโบสถ์คริสต์เตียนถูกทิ้งร้าง เมืองที่เคยรุ่งเรืองยังคงรูปร่างเดิมแต่ดูเหงาหงอย สิ่งมีชีวิตที่ดูสดใสคงเป็นเพียงฝูงนกพิราบบนลานกว้างนี้เท่านั้น

“เดอะแก๊ง!

“เย่!!!

“สหายคือกุหลาบดินต้นน้อยที่ไม่มีวันตาย ยิ่งถูกเหยียบย่ำจะยิ่งออกดอกเบ่งบาน พลังบริสุทธิ์ที่ไม่มีวันหม่นหมอง จงปลดปล่อยมันออกมาให้เต็มที่” ผมเองก็บ้าพลัง แหกปากสุดฤทธิ์

“เย่!...!!!

“หลักสูตรวันนี้! เรามาฝึกความอดทนและการเอาตัวรอดในต่างแดน ใครเคยมาที่นี่บ้างยกมือขึ้น?”

“.........” แก๊งสีเหลืองของผมยืนนิ่ง /มึงมองหน้ากู กูมองหน้ามึง/

เกาหลีเหนือไม่ปล่อยให้คนของเขาออกมาเปิดหูเปิดตา ความโง่เขลาของชาวบ้านคืองานหลักของผู้นำเผด็จการทุกประเทศ เมื่อประชาชนโง่ก็ไม่มีปากเสียงและง่ายต่อการปกครอง

“คนเราต้องมีครั้งแรกเสมอ เก็บภาพความทรงจำของเมืองนี้ไว้ว่า พวกเรามีครั้งแรกร่วมกันที่ วลาดิวอสต็อก” ผมตะโกนลงไป

“เซม! ใครบางคนในแถวยกมือ เจ้าอ้วนนักร้องคนเก่งยืนยิ้มแก้มยุ้ย...

“ผมอยากมีแฟนครั้งแรกครับ เซม! สอนจีบผู้หญิงให้ด้วยนะครับ” เจ้าเด็กน้อยตัวอ้วนอยากหาเหาใส่หัวซะแล้ว

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!เพื่อน ๆ ชอบใจ ผมยิ้มให้กับความไร้เดียงสาและความกล้าพูดของเขา เสียงโห่ฮาชอบใจของเพื่อน ๆ ช่วยสนับสนุน...

“เซม! สอนพวกผมด้วย” วัยอยากรู้อยากเห็นคึกคัก

“ได้เลย! สหายต้องดูแลตัวเองให้แข็งแกร่งก่อน ถ้ายังแกร่งไม่พอนายจะดูแลแฟนได้ยังไง เราจะวัดกันวันนี้แหละ!ผมก็ปากดีไปอย่างนั้นเอง ผมก็ไม่กล้าคุยกับคนที่ชอบโดนเจ็ทโด้ตบหัวเป็นประจำกับเรื่องจีบสาว

“ทีมขับรถยนต์เตรียมพร้อม”

“เย่! เด็กชายประมาณ 20 คนก้าวออกมานอกแถว

“ไปหาไว้สำหรับบรรทุกของ ไปก่อนเลย ไป!กลุ่มแรกขยับตัววิ่งฝ่าฝูง Soulless อย่างรวดเร็ว

“เป้าหมายของเรามาเพื่อเอายารักษาโรค อาหาร เสื้อผ้า โดรน และอะไรก็ตามที่พวกนายอยากได้ขนกลับบ้านให้หมด เรามีกันกี่ทีมหัวแถวนับ 1 เร็ว!ผมชี้ไปที่ทีมแรกขวามือ ...

“อิล! หัวแถวนับ 1แล้วสะบัดหน้านับ 2-3 มาจนถึงกลุ่มสุดท้าย...

“เบ็ค! เสียงปลายแถวซ้ายสุดตะโกน

“มีทั้งหมด 100 ทีม 1,000 คนครับ”

“ทีมที่ได้โดรนน้อยกว่าเพื่อน 50 อันดับสุดท้าย กลับไปล้างห้องน้ำ ทำความสะอาดสนามฟุตบอล ผู้ชนะ 5 ทีมแรกจะได้ไปฝึกขับรถดริฟต์กับนินจาเซม!

“เฮ้!!! รางวัลเร้าใจวัยรุ่น

“ก่อนจะแยกย้ายใครมีอะไรสงสัย ถามมาเลย”

“แป๊น! แป๊น! เจ้าเด็กชุดแรกขับรถบัสบีบแตรไล่ Soulless เสียงร้องถามดังจากข้างล่าง ...

“ผมจะได้กินอะไรกันมั้ยครับ จะได้กินตอนไหน?” เจ้าเด็กชายตัวอ้วนคนเดิมถามเรื่องสำคัญ

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!เพื่อน ๆ หัวเราะลั่น

“ไปหาเอาในบ้าน วันนี้กินอาหารฝรั่งมั่ง ถ้าสหายหากินไม่ได้ก็อดตายไปเลย เมืองทั้งเมืองเป็นของสหายทุกอย่างฟรี หยิบได้อย่างเสรี”

“แล้วนอนที่ไหนครับ?” เจ้าอ้วนคนเดิมยังลังเล

“ตรงไหนน่านอนก็นอนเลยตกลงกันเอาเอง  เป้าหมายของสหายไม่ใช่มากินอิ่มนอนหลับ เรามาเอาโดรนไปฝากสหาย เอาความสะดวกสบายไปฝากคนที่บ้าน” ผมเมินไม่สนใจ เจ้าอ้วนเรื่องเยอะเกิน

“ผมกลัวผี! มันไม่จบ เจ้าอ้วนชักกวนตีน

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! เพื่อน ๆ หัวเราะขบขัน

“สหายชื่ออะไร?”

“คัง!แท!จุน!เจ้าอ้วนยืดอกอย่างตั้งใจ ท่าทางไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นตัวป่วนในใจของเขาคงจะกลัวจริง ๆ ผมมองพิจารณาอย่างรวดเร็ว เขาน่าสงสารในรูปลักษณ์แต่น่าชื่นชมในจิตใจ กลัวก็บอกว่ากลัวซื่อสัตย์กับตนเองดี คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้เพียงแค่เอ่ยปากเท่านั้น

“คังแทจุน! สหายรออยู่ที่นี่” ผมหันไปบอกกับกลุ่ม...

“ยอลาบูนฟังนะ! ผมจะขับรถยนต์ตระเวนไปเรื่อย ๆ คอยจับตาดูทุกคนทำงาน ทีมของสหายต้องชนะโลกนี้ไม่มีใครจดจำชื่อของผู้แพ้ ไปได้! ผมโบกมือปล่อยทีม

“เย่!!!! เหมือนพื้นพสุธาฟ้าถล่ม เด็ก ๆ หันหลังวิ่งชน Soulless ล้มกลิ้งหงายท้องระเนระนาด

“แว๊น!!! แว๊น!!!เมืองที่เงียบเหงาถูกปลุก ผมหันไปมองเจ้าอ้วนแล้วเดินลงไปกอดคอ...

“แทจุน! สหายเก่งอะไรบ้างบอกหน่อยสิ?”ผมมองหารถยนต์ไว้ใช้สักคัน

“ที่เด่นเลยก็คงจะกินเก่งครับ” อืม! คงจริงของมัน

พวกเดอะแก๊งคว้ามอเตอร์ไซด์ไปเกือบหมด ผมกวาดสายตามองไปตามตึกแถวร้างทั้งสองฝั่งเพื่อหายานพาหนะ จากที่สังเกต..รถยนต์ที่จอดตายส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ที่ส่งข้ามมาจากเกาะญี่ปุ่น

เจ้าอ้วนหันมายิ้มแก้มยุ้ยตาหยี...

“แต่ผมมีความฝันนะครับเซม! ผมอยากเล่นยิมนาสติกลีลา ผู้หญิงที่ผมชอบเธอเล่นเก่งมาก ผมอยากทำให้เธอภูมิใจแต่ติดนิดเดียว เซมนีม! สอนผมหน่อยสิครับ”เจ้านี่ไม่ได้ชอบกีฬาจริงแค่จะเอาไปโชว์สาว แต่ดูจากรูปร่างแล้วเห็นทีจะยาก เขาอ้วนเกินกว่าจะเล่นยิมนาสติกลีลาได้ แต่เด็กมันขอให้ช่วยยังไงก็ต้องช่วย ผมขอจองความเป็นครูคนแรกของเขาดีกว่า...

“สหายติดอะไร?” ผมอยากรู้คนที่จิตใจพร้อมจะทุ่มเทได้แค่ไหน เพื่ออิสตรีแล้วแม้แต่ขุนเขาก็ข้ามได้...แต่เจ้านี่ติดอะไร?

“ติดพุงครับ!

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ผมหลุดหัวเราะจนได้...“ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมตบไหล่ขอโทษ

“ผมชินแล้วล่ะเซม ใคร ๆ ก็หัวเราะเยาะ” เขาเสียงหม่นลง

“..............” ผมโคตรรู้สึกผิดเลยหันไปกอดคอ

เจ้าตุ้ยนุ้ยหันมา...

“ผมตีลังกาไม่ได้ ได้แต่ม้วนตัวกลิ้งเอา” เขาบอกตามประสาซื่อ ผมอยากจะหัวเราะแต่ก็กลัวเด็กจะมีปม

“สหายหนักเท่าไหร่?”

“น้ำหนักชั่งเมื่อวาน 135 กิโลครับ สูง 165 เซนครับ” อ้วนกลมคอตันเลยนะ เขาอัธยาศัยดีพูดจายิ้มแย้ม

เราเดินผ่านสี่แยกใหญ่กลางใจเมือง Soulless ของที่นี่เกิดก่อนเกาหลีใต้ สภาพน่าเกลียดน่ากลัวกว่ากันมากเสื้อผ้าขาดมอมแมมใบหน้าเละเทะด้วยน้ำเหลือง

“สหายเคยไปคัดตัวเข้าเล่นกีฬายิมนาสติกหรือเปล่า?” ผมชวนคุยแล้วพากันเดินไปเรื่อยพยายามอ่านภาษารัสเซียตามตึก หมุนตีลังกามองยังไงก็อ่านไม่ออกเลยได้แต่คาดเดาจากลักษณะอาคารสิ่งก่อสร้างและรูปภาพบนป้ายโฆษณา

“ไปครับ! ผมไปคัดตัวทุกครั้ง แต่โดนคัดทิ้งตั้งแต่เดินเข้าไปสมัคร พวกเขาไม่ยอมให้ใบสมัครผม” น้ำเสียงที่อ่อยลงเซาะหัวใจของผม

ถ้าลูกชายของผมต้องอยู่ในสภาพนี้จะเป็นอย่างไร เขาต้องแบกความทุกข์ใจที่หนักอึ้งที่พร้อมจะทำลายความมั่นใจในทุกเมื่อ เมื่อโตขึ้นอารมณ์ของเขาจะฉุนเฉียวมั้ย? ต้องใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกเช่นไร? สภาพร่างกายกับความต้องการของเขามันสวนกันไปคนละทาง แต่มันไม่ใช่ความผิดของเขาที่เกิดมาเป็นอย่างนี้

ผมนึกภาพของคนที่โดนปฎิเสธ ไม่มีโอกาสแม้แต่รับใบสมัครต้องเดินคอตกอย่างผู้แพ้ไปหลบเงียบ ๆ ไกลผู้คน เขาแพ้เพราะโดนตัดสินจากรูปร่างภายนอกและกีดกันเขาออกจากสังคม ไม่มีอะไรรันทดกว่านี้แล้ว

“เดอะแก๊งทุกคนที่มานี่ ส่วนใหญ่เคยเล่นยิมนาสติคลีลากันแล้วทุกคนยกเว้นผมคนเดียว ผมไม่ย่อท้อนะครับ ผมต้องเป็นนักยิมนาสติกลีลาให้ได้ ” เจ้าอ้วนสายตามุ่งมั่นจิตใจใช้ได้ทีเดียว

“ทำไมสหายไม่เล่นซีรึมหรือเทควันโดล่ะ?” ผมชวนไปเล่นมวยปล้ำที่ได้รับความนิยมมากในเกาหลีเหนือ

“ไม่ชอบครับ! มันเจ็บตัว”

เกาหลีเหนือได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เก่งเรื่องยิมนาสติกลีลาและดนตรีคลาสสิก พวกเขาเคยแสดงอารีรังยิมนาสติกที่ใช้คนเรือนแสนในสนามฟุตบอลเมย์เดย์สเตเดียมที่ไป่ไป๋ไปเปิดคอนเสิร์ตมาแล้ว หนังสือ กินเนสบุ๊คเคยบันทึกไว้เป็นอันดับหนึ่งของโลกด้วย

“สหายลดความอ้วนได้รึเปล่า เคยพยายามมั้ย?”

“ผมพยายามแล้วทำตามหนังสือทุกวัน อดข้าวในตอนเช้ากินตอนเย็นมันไม่ยอมลดสักทีเลยปล่อยมัน ออมม่าบอกว่าสมบูรณ์เหมือนท่านผู้นำคนเก่าก็น่ารักดี” เขาบอกพร้อมก้าวเดินพุงกระเพื่อม ผมแอบสงสัย...ใครเขาสอนให้อดข้าวอย่างนั้นกัน?..

“สหายไม่อยากขับรถยนต์เหรอ เปลี่ยนเป็นขับรถยนต์ดีกว่ามั้ย  สาว ๆ ชอบด้วย เฟี้ยวอีกตะหาก?” ผมยื่นข้อเสนอใหม่ ต้องหาทางลบปมด้อยในใจด้วยการสร้างความภูมิใจให้เป็นเกราะป้องกัน ลำตัวของเขากับกระสอบข้าวสารไม่ต่างกันเท่าไหร่ ถ้าไปฝึกทำอย่างอื่นน่าจะง่ายกว่าไปเล่นยิมนาสติกลีลา

“เฮ้อ! เขาส่ายหน้าแก้มตุ้ยนุ้ยสายตาเศร้ากว่าเดิม…

“มันไกลเกินกว่าที่ผมจะฝันถึงครับ บ้านผมจนมากและผมก็อ้วนจนขี่จักรยานไม่ได้ มอเตอร์ไซด์ก็ไม่มีจะขับรถยนต์ได้ยังไง? ผมอยากเก่งอะไรก็ได้สักอย่างจะเอาไว้ทำงานเลี้ยงออมม่ากับน้องสาว ผมไม่รู้จะฝึกอะไรมันต้องใช้เงิน” น้ำเสียงของความขัดสนทำเอาผมต้องกล้ำกลืน ชีวิตที่เกิดมายากจนในดินแดนหิมะเหน็บหนาวก็ลำบากอยู่แล้วยังมีอุปสรรคทางร่างกายอีก

“ผมสงสารออมม่าผอมมากต้องทำงานหนักเลี้ยงลูก 2 คน ผมไม่กล้าขออะไรจากท่าน ผมเห็นยิมนาสติกใช้แค่ร่างกายก็อยากมีส่วนร่วม แต่...” นี่สินะที่เป็นปัญหาแท้จริงของเขา

ผมสะท้อนใจในความอาภัพอับโชคเรื่องร่างกาย เรื่องเล่าของครอบครัวสั่นกระดิ่งในใจของผมให้ดังขึ้น ผมจะทิ้งคนมีฝันอย่างนี้ได้อย่างไรจะเมินเฉยกับลูกศิษย์ที่กตัญญูต่อแม่ได้อย่างไร?

“สหายยังอยู่กับครอบครัวหรือเปล่า ทุกคนอยู่กันครบไหม?” ผมไม่เคยไปเยี่ยมบ้านของเด็ก ๆ เลย ไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขาอยู่กันอย่างไร พวกผู้ใหญ่ไม่ได้โดนจูยอนเป่านกหวีดตายไปหมดแล้วเหรอ

“ผมอยู่กับออมม่ากับน้องสาว ออมม่าไปทำงานกับคิมจุนซองทงมู น้องสาวทำงานอยู่กับอีซูมินนูน่า ผมมาอยู่กับเซม อะป้าตายไปหลายปีแล้วครับ ตอนนี้ครอบครัวไม่ลำบากแล้วมีอาหารกินครบ 3 มื้อมีไฟฟ้าใช้แล้ว ผมมีผ้านวมผืนใหม่แล้วด้วย” เขาตอบเรียบ ๆ หันมองไปที่ห้างสรรพสินค้าแล้วตีแขนรัวรัวชี้มือไปข้างหน้า...

“เซม! ในนั้นต้องมีอะไรแน่ ๆ ผมเห็นรถยนต์ด้วย”

ผมหันมองตามมืออวบไปด้านในมีโชว์รูมรถยนต์ BMW

“ไป! ข้ามไปดูกัน” ผมยังไม่ทันจะก้าวขา

“แว๊น! แว๊นนน! เดอะแก๊งบิดมอเตอร์ไซด์เสียงหวานเฉี่ยวหน้า ดื้อใช้ได้เลยเจ้าพวกนี้

“วู้ว!!!! ผมโบกมือให้พวกที่ตามหลังมา พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาบิดมอเตอร์ไซด์คู่ใจทะยานต่อไป การแข่งขันครั้งนี้ปิดเมืองเล่นกันเลย

“เอาคันนี้แหละจ๊าบดี!” ผมเลือกรถยนต์ยี่ห้อ Zil ใหม่เอี่ยม ผลิตในรัสเซียหรูหราจนได้รับฉายาว่าเป็น Rolls-Royce แห่งสหภาพโซเวียต

เจ้าคังแทจุนขึ้นนั่งยิ้มไม่หุบ หมุนตัวมองสำรวจภายในลูบคลำเบาะหนังสีครีมกลิ่นใหม่ยังหอมกรุ่น

“ผมไม่เคยนึกฝันเลยว่าจะได้นั่งรถสวย ๆ แบบนี้เลย นี่เป็นครั้งแรกของผมเลยนะครับ อยากให้ออมม่ากับน้องมานั่งด้วย”เขายิ้มแก้มยุ้ยลูบไล้หน้าปัดวิทยุอย่างชื่นชม

เด็กคนนี้น่ารักจังเลยคิดถึงครอบครัวตลอดเวลา พื้นฐานจิตใจงดงามแบบนี้ต้องสนับสนุน ผมเคยแอบภูมิใจกับการแสดงออกของอีซูมินมาแล้ว การได้ช่วยคนอื่นมันเป็นความสุขปักอกเวลาที่พวกเขารอดพ้นแล้วมันสะใจ

“สหายหัดขับรถยนต์ดีกว่าไหม น่าจะง่ายกว่าเล่นยิมนะ ไม่ต้องเสียเวลาลดความอ้วนด้วย” ผมยื่นข้อเสนออีกครั้ง จิตใจจะสู้แค่ไหนก็ตามถ้าร่างกายไม่เอื้อก็ยากที่จะเดินถึงฝัน ถ้าเขาคิดจะเล่นมวยปล้ำหรือซูโม่ผมจะไม่เปลี่ยนความคิดเขาเลย มันมีโอกาสสูงและมีความเป็นไปได้มากกว่า

คราวนี้เจ้าอ้วนหันมาจ้องตาไม่กะพริบ...

“ได้เหรอ?”

“เอาป่ะ?”

“เอา! เอา!” เขาพยักหน้ารัวคอแทบหัก

“เซม! สอนผมนะครับ ผมจะขับรถให้นั่งทุกวันเลย” เขายิ้มกว้างดีใจแววตาเปี่ยมความหวัง

ผมคิดในใจ...ถ้ากลับไปจะเอาเจ้าอ้วนไปฝากให้เป็นลูกศิษย์เจ้าแทน อย่างน้อยก็ยังมีวิชาติดตัวเอาไปขับแท็กซี่เลี้ยงครอบครัวก็ได้ ลูกชายที่อยากรับผิดชอบครอบครัวจะได้มีความหวัง

“หอมจังเลยนะครับ อยากกัดสักคำ” เจ้าอ้วนสูดดมเบาะหนังเคลิ้มตาเยิ้ม

“เราไปโรงพยาบาลกันดีกว่า ผมอยากจะได้เครื่องมือแพทย์และยารักษาโรค”

“ไปครับ ไปเลย” เจ้าอ้วนอยู่ในอารมณ์ดีใจสุด

“แว๊น!แว๊น! เดอะแก๊งตะลุยเข้าบ้านทุกหลังค้นหาโดรนเป็นอันดับแรก และได้ของชอบติดไม้ติดมือกันมาโยนใส่รถบรรทุกของเพื่อน ส่งต่อไปขึ้นรถไฟ ผมสบายใจหายห่วงเรื่องความสามัคคี พวกนี้ถูกฝึกมาอย่างดีก่อนที่จะเจอผมซะอีก อนาคตที่สดใสอยู่อีกไม่ไกล พวกนี้แหละที่จะเป็นตัวอย่างให้คนรุ่นต่อไปเดินตาม

................................................................

วันสุดท้ายของการแข่งขัน

คาซาน รัสเซีย...

เดอะแก๊งปล้นวลาดิวอสต็อกซะหมดจด กวาดสิ่งที่ต้องการกลับมาตั้งหลักกันที่เมืองคาซานหลังจาก 50 โบกี้แรกอัดแน่นไปด้วยทรัพย์สินเหลืออีก 50 โบกี้ที่กำลังใกล้เต็มแล้ว

“ปั้ลลี่! ปั้ลลี่! เสียงกระตุ้นของผองเพื่อนช่วยกันขนสินค้าขึ้นรถ

“หลีกหน่อยโว้ย!..ของหนัก” เด็กชาย 2 คนแบกกระสอบแป้งวิ่งฝุ่นกระจายมา

“ใครเอาแผ่นวินเสิร์ฟมาวะ?” ผมล่ะสงสัยจริง เสียงสับสนวุ่นวาย ปากก็โวยมือก็ทำ พวกนี้ขยันขันแข็งพร้อมใจ

ผมปีนขึ้นไปยืนบนหลังคารถไฟมองภาพรัสเซียครั้งสุดท้ายก่อนจากลา เจ้าอาณานิคมยุคสงครามสมัยใหม่ล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิง บ่อยครั้งที่ผมพยายามคิดถึงอนาคต แต่ก็ยังมองภาพไม่ออกไม่รู้ว่าจีนจะจัดการกับเกาหลีและโลกนี้อย่างไร ความรู้สึกกดดันเหมือนจะคอยบีบพวกเราตลอดเวลา

“อีกนิดเดียวเสร็จแล้ว! ปั้ลลี่ปั้ลลี่!” พวกเขาขนอาหารแห้ง ยารักษาโรค เสื้อกันหนาว จักรยาน มอเตอร์ไซด์ เรียกว่าอะไรที่ขึ้นขบวนรถไฟได้ พวกเขาไม่ลังเลที่จะหยิบมันมาแบกไม่ไหวลากมาก็เอา

“แว๊น!!! แว๊น!!! มอเตอร์ไซด์ยกล้อโชว์เพื่อน เจ้าคนซ้อนท้ายหิ้วกล่องโดรนการเกษตรตัวใหญ่ใหม่เอี่ยมมาด้วย

“แว๊น!!! แว๊น!!! มอเตอร์ไซด์จอดด้านล่าง เจ้าคนขับหอบถุงของเล่นและเสื้อผ้าผู้หญิงมาด้วย พอเขาถอดหมวกผมถึงกับร้องอ๋อ...

“เบาได้เบานะโนยุนซอ ถ้าบาดเจ็บที่นี่ไม่มีหมอรักษานะ” ผมตะโกนจากหลังคารถไฟ เขาเด้งสุดตัวหันไปตะโกนบอกเพื่อน...

“เซมจำชื่อเราได้แล้ว เซมจำชื่อเราได้แล้ว” เขาหันไปตีมือกับเพื่อนที่ดีใจกันจนผิดปรกติ /มันน่าดีใจตรงไหนกันนะ/

“ทำไมสหายต้องดีใจขนาดนั้น สหายทำให้ผมเครียดนะเนี่ย? ผมจำชื่อได้ไม่หมดทุกคนหรอก แล้วคนที่ผมไม่เคยเรียกชื่อเลยจะน้อยใจกันมั้ย?” ผมนั่งห้อยขาตะโกนคุย

“ซนพันจังนีมฝึกพวกเรามาแบบนี้ ทุ่มเทให้หนักเพื่อได้งานมากกว่าคนอื่นถ้าไม่ได้อยู่แถวหน้าจะถูกลืม เซมเองก็เคยบอกคล้าย ๆ กันว่าโลกจะไม่จดจำคนแพ้ ผมไม่ได้ต้องการเอาหน้านะครับ พวกเราทุ่มเทอย่างหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายจะได้รับใช้ใกล้ชิดคนที่เราเคารพ ถ้าเซมจำชื่อได้ก็จะถูกเรียกใช้งานบ่อยถือว่าเป็นเกียรติครับ”

“อืม! เจ้าซนบ๊กซูของผมสอนได้ถูกใจมาก พวกเขาแหลมคมจริง ๆ ถึงว่าสิ! ใครก็เจาะเกาหลีเหนือไม่เข้ามาตลอด

“ขึ้นมานี่สิ!” ผมกวักมือ เขารีบตะปีนขึ้นมานั่งข้าง

“ขอบใจนะที่ทุ่มเท สหายทำให้ผมหายเหนื่อย”

“ผมทำได้ทุกอย่างเซมสั่งมาได้เลย ผมตั้งใจว่าจะต้องชนะทุกการแข่งขันเพื่อเป็นผู้ช่วยซนพันจังครับ” ไอ้นี่บ้าดีเดือดเหมือนลูกพี่เลย

“ซ้อมเยอะ ๆ จะได้ไม่พลาดเมื่อลงมือทำกันจริง ๆ เมื่อกี๊ผมเห็นสหายหิ้วถุงของเล่นผู้หญิงด้วย มีแฟนแล้วเหรอ?”

“อ๋า! เอาเสื้อผ้ากับตุ๊กตาฝรั่งไปฝากเซคยองครับ”

“แฟนเหรอ?”

“น้องสาวครับ! คนที่เซมเห็นครั้งก่อนไงจำไม่ได้เหรอครับ บนรถสามล้อถีบ?”

“อ๋อ! ที่สหายบอกว่าตาบอดน่ะเหรอ?” ใช่แล้วเคยเจอหน้าสนามฟุตบอลแล้วปั่นจักรยานหนีไป

“ใช่ครับ! เซมรู้มั้ย? ตอนนี้เซคยองได้เจอกับไป่ไป๋ซอนเซงนีมแล้วนะครับ ฝันเป็นจริงแล้ว”

“เหรอ! ไปเจอกันที่ไหนล่ะ?” อืม! ไป่ไป๋นี่เสน่ห์แรงจังเลย คนตาบอดยังหลงรัก

“กีจองดองครับ! ทุกวันนี้เธอไปช่วยงานอยู่ที่นั่นครับ ถ้าผมสอบผ่านผมจะไปทำงานที่นั่นเหมือนกัน”

“ช่วยทำอะไร ตามองไม่เห็นไม่ใช่เหรอ?”

“ถ้าเซมได้รู้จักเซคยองแล้วจะอึ้งครับ ผมเองยังไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็นเลย ผมบอกได้แค่นี้นะครับ”

“ฮั่นแน่! มีเงื่อนงำซะด้วย” ผมเองก็ไม่ได้อยากรู้นักหรอก

ผมรอจนพวกเขาขนของกันเสร็จแล้วมารวมตัวกัน ไหน ๆ พวกเขาก็บอกความตั้งใจมาแบบนี้แล้ว สร้างความทรงจำประทับใจไว้เลยดีกว่า ให้ฝึกทั้งความสมมัคคี อดทน บากบั่น มุ่งมั่นและบรรลุเป้าหมายไปในเวลาเดียวกัน

“เดอะแก๊ง! ขับมอเตอร์ไซด์กลับพยองยางไหวมั้ย?” ผมลองเช็คเสียงและเชื่อว่าพวกเขาเอาแน่ เด็กวัยรุ่นกับมอเตอร์ไซด์ทิ้งกันไม่ลงหรอก

“เย่…!! แล้วก็เป็นอย่างที่คาดเสียงดังกว่าที่คิด พวกเขายิ้มกว้างบิดมอเตอร์ไซด์เสียงสนั่น

“แว๊น!!! แว๊น!!!ไอ้พวกนี้รถล้มแขนหักยังไม่ร้องสักแอะ สมัยผมอายุเท่าพวกเขาเคยขับจากลาเสี้ยวลงไปถึงรัฐยะไข่โดยไม่ยอมหยุดพักก็เคยทำมาแล้ว ทั้งหมดอยู่ที่ใจอย่างเดียวใจถึงก็ไปถึง

“สหายขับรถเกาะกลุ่มกันไป อย่าประมาทกันนะแล้วไปเจอกันที่สนามเมย์เดย์สเตเดียม ไปได้!

“เย่!

“แว๊น!!! แว๊น!!! กลุ่มเด็ก ๆ กำลังห้าวกริบ พุ่งทะยานตามกันไปเหลืองไปทั้งถนนมุ่งหน้าชายแดนเกาหลีเหนือ

ผมตะปีนลงมาเดินสำรวจโบกี๊ ข้าวของเครื่องใช้มากมายแต่ที่มากที่สุดน่าจะเป็นขนมถุงขนมขบเคี้ยวแน่นโบกี้เลย นักรบขนมกรุบกรอบของผมพึ่งจะผ่านวัยเด็กมาได้ไม่นาน ห่วงขนมมากกว่าสิ่งใด        

ทันใดนั้นหูของผมก็ได้ยินเสียงไม่พึงปรารถนาแว่วมาแต่ไกล...

“วี๊ด...ดด!! ก้มมองผ่านช่องหน้าต่างออกไป จรวดพุ่งโค้งควันขาวจากนอกเมืองลงตึกด้านข้างรถไฟ

“บรึ้ม!

“เซม!เราโดนโจมตี” สหายคนขับวิทยุมาบอก

“เย่!! สตาร์ทเครื่องเลย” ผมคว้ากล้องตะปีนกลับขึ้นหลังคาส่องหาคนโจมตี

ถนนด้านหลังเมืองฝุ่นตลบ หน่วยลาดตระเวนของทหารจีนซุ่มโจมตีพวกเราอยู่นอกเมือง ผมแปลกใจพวกมันจะมากันอีกทำไมคราวก่อนโดนเจ้าแทนล่อซะตายเป็นกองสงสัยยังไม่เข็ด หรือว่ามันจะเอามาเป็นข้ออ้างในการโจมตีกันแน่ ผมยกวิทยุ...

“สหายคนขับรถไฟกลับบ้านกันเถอะ!

ผมปีนลงมาเจอคังแทจุนยืนคอย คงไม่มีใครอยากให้เขาซ้อนท้ายไปด้วยสินะ...

“เซม! มันมาอีกแล้วเหรอ?สอนให้ผมยิงปืนหน่อยสิจะได้ไปช่วยทหาร” ทั้งดวงตาและท่าทางของเขามีแต่ความจริงใจ ผมซึ้งใจกับเจ้านี่มากคว้าเขามากอดแล้วลูบหลังเบา ๆ ...

“นั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ถูกฝึกมา เราทำคนละหน้าที่กันอย่ากังวลใจเลยนะ กลับบ้านกันเถอะ!

“คลึกคลัก!คลึกคลัก!

แทยังโฮเคลื่อนขบวนเต็มกำลัง บนรถไฟขบวนนี้เคยมีอาวุธป้องกันรอบด้านอาจจะเรียกได้ว่าเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ ผนังรถไฟกันได้ทั้งระเบิดทั้งกระสุนเพื่อปกป้องบุคคลสำคัญ เสียดายที่จรวดมิสไซน์ต่อต่อสู้อากาศยานและปืนกลหนักถูกถอดออกไปแล้ว ไม่งั้นจะยิงสวนไปสักดอก

“แว๊น!!! แว๊น!!! รถไฟใช้เวลาไม่นานก็ตามมาทันกลุ่มเดอะแก๊ง ก่อนข้ามสะพานที่อันซอง

สหายทหารเปิดประตูออกมายืนโบกมือรับริมแม่น้ำตูเมน ขบวนรถไฟปิดท้ายก่อนที่ทหารจะปิดประตูเหล็กกั้นพรมแดนลงอีกครั้ง ผมไม่คิดจะสู้กับทหารจีนให้เด็กมันเสียขวัญ ผมไม่ยอมให้เด็ก ๆ ต้องมาตายอย่างไร้ค่า ทางเลือกมีมากมายที่จะจัดการทหารจีน ยกวิทยุเรียกลูกน้อง...

“ซาจังนีม! ทหารจีนเข้าวลาดิวอสต๊อกจัดการต่อด้วย” ผมมีมือดีไว้ใช้งานให้พวกเขาจัดการกันเอง

ผมเชื่อจากสัญชาติญาณของทหารเก่าว่าอีกไม่นาน จีนต้องโจมตีเกาหลีแน่ มนุษย์ 2 กลุ่มสุดท้ายของโลกที่ต้องมาประหัตประหารกันเพราะใครบางคนโลภมาก หรือนี่คือสิ่งที่จูยอนต้องการกำจัดและเปลี่ยนความคิดจากการรุกรานเป็นโลกแห่งการแบ่งปัน

           .............................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม