หมวดหมู่ | The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 22 ต.ค. 2567 |
บันมุนจอง
มุมมองสายตา นาตาลี
กรกฏาคม ค.ศ.2026
DMZ เขตปลอดทหารเส้นขนานที่38 เหล่าอาสาสมัครวัยรุ่นหนุ่มสาวในชุดวอร์มสีฟ้าและเหลืองขลิบขาวหัวเราะเสียงใส เดินประกบคู่กับทหารหนุ่มกระจายกันเข้าไปที่บริเวณ JSA ซากอาคารหยุดยิงสีฟ้าและบริวารทั้ง 7 เสียหายเหลือแต่ตอ
“ปั้ลลี่!ปั้ลลี่!!” เสียงเร่งเร้าจะได้ยินตลอดเวลาตั้งแต่เช้ายันค่ำไม่ต่างจากเสียงแตรรถยนต์ที่เวียตนามหรืออินเดีย สมาคมแม่บ้านยึดอาคารบันมุนกักเป็นที่ตั้งทำโรงครัว สหายหญิงต่างวัยรวมทั้งเดอะแก๊งขะมักเขม้นช่วยกันทำอาหารควันโขมง
“ซาจังนีมทงมูรอก่อน!” เสียงผู้ชายร้องเรียกจากอาคาร ฉันหันไปมอง…
“โอ๊กู่!...” ตื่นเต้นที่สหายคุณลุงคิมจุนซองกวักมือเรียก ท่านก็สมบุกสมบันลุยงานดูแลใกล้ชิด
“อันยองฮาชิมนิก๊า อาจอชี่ทงมู!” ฉันเอามือแนบท้องโค้งศีรษะทำความเคารพผู้ใหญ่
“อันยองฮาเซโยซาจังนีม”เขาทำเช่นเดียวกัน
“สหายคุณลุงคะ! อย่าเรียกแบบนี้เลยเรียกฉันว่านาตาลีนะคะ” ฉันเกรงใจผู้ใหญ่เหลือเกินที่ต้องมาเรียกฉันซะโก้เชียว
“ไอ๊กู่! ผมยินดีที่จะเรียกแบบนี้ สหายจูยอนบอกกับพวกเราว่าสหายคือยอดคนที่น้ำใจงามมากสมควรได้รับการยกย่อง อีกอย่างพวกเราก็เรียกจนติดปากแล้ว สหายเองลำบากกับพวกเรามาตั้งแต่เริ่มต้นถือว่าเป็นเกียรติมากครับ” สหายคุณลุงยิ้มจริงใจ แม้ใบหน้าของท่านจะเหี่ยวย่นไปตามวัยแต่ร่างกายยังดูบึกบึนหน้าอกกว้างกล้ามแขนกำยำ
“มีอะไรให้ฉันรับใช้คะ?”
“การศึกษาของเด็กเล็ก สหายจะเอายังไงครับ?”
“สหายจูยอนบอกว่ายังไงคะ? ฉันเคยเสนอไปแล้วว่าไม่ต้องสอนวิชาการปล่อยให้เล่นและเรียนรู้การอ่านพูดเขียน แทรกกิจกรรมการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสามัคคี ให้เกียรติ เสียสละและรักธรรมชาติจนกว่าจะอายุ 10 ปีค่ะ”
“เธอก็บอกอย่างคุณนี่แหละครับ แต่ผมไม่เข้าใจเด็กมันจะไม่ดื้อกันหมดเหรอครับ?”
“เด็กดื้อจะฉลาดค่ะ การปล่อยให้เด็กได้ใช้จินตนาการจะเกิดประโยชน์มากกว่าเอาวิชาการไปยัดใส่ ถ้าบังคับให้เด็กท่องจำจะทำให้สมองส่วนความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ไม่ทำงาน โตขึ้นไปก็เป็นเพียงแรงงานชั้นต่ำรับฟังคำสั่งอย่างเดียว”
“แล้วครูล่ะ? ผมไม่กล้าเสี่ยงเอาครูเก่ามาใช้งาน พวกมันเป่าหูเด็กพวกเราก็เสร็จแล้ว”
“สหายเปิดรับอาสาสมัครจากบลูสกายกับเดอะแก๊ง คัดเลือกเอาเฉพาะคนที่รักเด็กมาเป็นครู เด็กเล็กไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนใส่ข้อมูลมากไปจะสับสน หาพี่เลี้ยงพาเล่นนี่แหละค่ะสมองจะพัฒนาได้ดีกว่า หลังจากนั้นค่อยเริ่มสอนเป็นเรื่องเป็นราวเฉพาะวิชาที่จำเป็น”
“อ๋า!” ท่านยิ้มได้ฉันก็สบายใจ...“พวกที่ไปญี่ปุ่นน่าจะไม่ได้กลับบ้านง่ายแล้วนะครับ” เขาบอกแล้วหันมองไปด้านหลังอาคารบันมุนกักกำลังชุลมุนวุ่นวายจากสหายแม่ครัว ร่องรอยของกระสุนบนผนังยังคงอยู่อาคารทรงรัสเซียสี่เหลี่ยมแข็งแกร่งไม่บุบสลายซึ่งต่างจากอาคารเสรีภาพทรงล้ำสมัยของเกาหลีใต้ที่พังย่อยยับจากฝีมือของพวกเราเหลือแต่โครงเหล็ก
“เกิดปัญหาอะไรขึ้นคะ ร้ายแรงหรือเปล่า?” ที่นั่นไม่มีผู้เชี่ยวชาญสักคน
“แค่ปัญหาการสื่อสารครับ ไม่มีอะไรรุนแรง”
“ฉันอยากตามไปดูจังเลย ขอตามไปด้วยได้ไหมคะ?” ถึงยังไงฉันก็ยังเกรงใจผู้อาวุโสโผเข้าประจบไว้ก่อน
“ไม่ได้ครับอันตรายเกินไปไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
“อาจอชี่เตรียมพร้อมเรื่องสงครามหรือยังคะ?” ฉันเฉไฉคุยเรื่องอื่น
“สหายจูยอนให้แบ่งเสบียงเก็บเข้าถ้ำแล้วครับ ทุกคนรู้แล้วว่าสงครามกำลังจะเกิด แต่สหายไม่ต้องห่วงนะทำงานของสหายต่อไป”
“งั้น! ฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอไปดูเด็ก ๆ หน่อย” ฉันเดินอมยิ้มคิดในใจ...ฉันจะไปญี่ปุ่น แต่ว่าจะไปยังไงดีหลอกใครไปส่งได้มั่งวะ?
………………………………………………………….
ศาลาระฆังเหล็กโบราณใบใหญ่ตั้งตระหง่านคู่กับบ้านฮันอกโบราณข้างอาคารบันมุนกักที่เคยเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ตอนนี้มีแต่ Soulless เดินเลื่อนลอยเต็มพื้นที่ ทหารช่วยกันต้อนไปเข้าแถวรอฉีดวัคซีน สาวน้อยในชุดสีฟ้าเดินกระเซ้าทหารหนุ่ม
“ปั้ลลี่! ปั้ลลี่! ปั้ลลี่! ปั้ลลี่!” เสียงหัวเราะและรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าสาวสวยวัยใสตลอดเวลา
“โอ้ปป้า!ชุงซอง!” สาวน้อยหน้าทะเล้นยืนแอ่นอกทำความเคารพทหาร
“อันยองฮาเซโย!” เจ้าหนุ่มอายม้วน
“คิดถึงแต่สันกรามคมกริบ หยิบหัวใจไปหย่อนให้หน่อย” สาววัยใสวัยฝันร้องเพลงดีดดิ้นหัวสมองบรรเจิดเรื่องเกี่ยวผู้ชาย ฉันเข้าใจดีเพราะครั้งหนึ่งก็เคยคันคลั่งแบบนี้
“โอปป้า! ยิ้มหน่อย” วัยรุ่นสาวใจกล้าร้องแซว ทหารหนุ่มเดินบิดอมยิ้มอายหน้าแดง
ฉันยิ้มสบายใจกับความไร้เดียงสาและจิตใจบริสุทธิ์ของพวกเขา เด็กสาวเกาหลีเหนือไม่เหนียมอายพวกเธอกล้าแสดงออกทุกอย่าง ส่วนใหญ่ที่สังเกตเห็นพวกเธอมักจะเป็นฝ่ายรุกผู้ชายก่อนทุกครั้ง ดื้อตาใสกันทุกคน
ฉันเดินมาถึงซากอาคารเซ็นสัญญาหยุดยิงสีฟ้า เบียดตัวข้ามถนนผ่านแถวสาว ๆ ที่ยืนเรียงกันไปทั้งสองฝั่ง พอเด็ก ๆ ในอาคารเห็นก็ร้องกรี๊ดกร๊าดอย่างกับฉันเป็นไอดอล...
“อันยองฮาชิมนิก๊า สหายผู้บัญชาการ!” พวกเขาลากฉันเข้าไปในซากอาคารเสรีภาพเกาหลีใต้ที่บอบช้ำแสนสาหัส ห้องโถงชั้นล่างถูกเก็บกวาดเป็นที่ทำงานชั่วคราว ทีมบลูสกายกำลังทำงานกันอย่างขันแข็ง…
“ปั้ลลี่! ปั้ลลี่! ปั้ลลี่! ปั้ลลี่!”
“อันยองฮาเซโยบลูสกายทำอะไรกันคะ? โอ้โห!..ทีมนี้ได้งานสำคัญที่สุดซะด้วย เร่งมือกันหน่อยนะคะ!” ฉันยกยอให้กำลังใจ
เด็กสาววัยรุ่นวัยจี๊ดเยี่ยวฉุนหัวแข็ง พวกเธอกำลังจัดเตรียมวัคซีนหันมามองตาโตตื่นเต้นเมื่อเห็นเซเลปอย่างฉันปรากฎตัว...
“อันยองฮาชิมนิก๊า พวกเรา!..ซาจังนีมมาเยี่ยม” เสียงร้องกรี๊ดกร๊าดจนกลุ่มข้าง ๆ ทิ้งงานวิ่งกรูมาล้อมแสดงอาการดีใจที่ได้เจอกัน กุลีกุจอหาเก้าอี้มาให้นั่ง...
“อันจ้ะ!” สาว ๆ วิ่งมาดึงแขนให้เข้าไปนั่งกลางวง งานสำคัญของพวกเธอคือเรียงหลอดวัคซีนใส่ตะกร้าส่งออกไปให้กับทีมฉีดบนถนนหน้าอาคาร
เจ้าซนบ๊กซูเดินหัวเหน่งเอียงคอมาแล้วเหลืองสุกสว่างมาเลย เด็กสาววิ่งเข้าห้อมล้อม...
“ซนพันจังนีมหล่อจังเลย” หัวหน้าใหญ่ของเดอะแก๊งก็มีเสน่ห์ไม่เบา เขายิ้มทักทายกับ Fc ของตัวเองแล้วเดินเข้ามา...
“อันยองฮาเซโยซาจังนีมทงมู ผมมาดูทีมที่รับผิดชอบสนับสนุนอีซูมินนูน่าครับ วันนี้ราบรื่นคล่องปรื้ด” เขายืดอกรายงานตัวตรง
“ทำดีมาก! ไม่มีใครจะเก่งเท่าสหายอีกแล้ว สหายกินข้าวกับอะไรน้า...ถึงได้ฉลาดอย่างนี้” ฉันยกยอเจ้าเด็กหนุ่มตีปีก...
“ซอนเซมก็บอกอย่างนี้เหมือนกัน ยิ่งซาจังนีมย้ำยิ่งมั่นใจ ผมฉลาดเนอะ?” กวนตีนพอกันกับลูกพี่เลย ไอ้นี่บ้ายอซะงั้น
เด็กสาวหัวจุกข้าง ๆ สะกิด...
“สหายผู้บัญชาการคะ เรากำลังเถียงกันช่วยเป็นกรรมการให้หน่อยค่ะ” เด็กสาวหน้าใสมัด 2 จุกย้อม 2 สี ท่าทางเฮี๊ยวร้องบอกแล้วมองไปค้อนเพื่อน ๆ ร่วมห้อง
“มีปัญหาอะไรกันว่ามาเลยค่ะ?” ฉันมองสายตาของพวกเขาแล้วรู้สึกสุขใจ แม้มีหยาดเหงื่อบนใบหน้าแต่ไม่มีเสียงบ่นออกมาให้ได้ยิน
เด็กสาวคนเดิมท่าทางดื้อรั้นเชื่อมั่นตัวเองพูดจ้อ...
“หนูบอกว่า ถ้าเรามีจรวดใหญ่ ๆ ก็ไปเดินเล่นบนดวงอาทิตย์ได้ พวกเขาหาว่าหนูเพ้อเจ้อ ช่วยเปิดสมองให้ทีสิคะว่ามันเป็นไปได้ ไอ้หมูดำเอ๊ย!” เธอยืดอกมั่นใจในจินตนาการ เด็กวัยนี้ฆ่าได้หยามไม่ได้
สาว ๆ จ้องมองกันสลอนลุ้นรอคำตอบ ฉันต้องระวังคำตอบให้ดี เพราะหนึ่งในโฆษณาชวนเชื่อของที่นี่คือท่านผู้นำในอดีตเคยไปเหยียบดวงอาทิตย์มาแล้ว ซูเปอร์ฮีโร่ตัวกลมกลิ้งถูกบรรจุไว้ในตำราเรียน
“ไอ๊กู่!...คุณสมบัติอย่างหนึ่งของดวงอาทิตย์คือความร้อนนะคะ คนจะไปเดินเล่นได้อย่างไร?”
“ท่านผู้นำสูงสุดคนก่อนเคยไปเหยียบมาแล้ว ในหนังสือเรียนเรื่องมนุษย์สุดอัจฉริยะในบทที่ 3 หน้า 25 บรรทัดที่ 8 บอกไว้ว่าใช้เวลาเดินทางไปกลับแค่ 1 ปีเอง ท่านเก่งกว่าพวกอเมริกาอีกที่ไปได้แค่ดวงจันทร์” เธอภูมิใจและมั่นหน้ามาก
ฉันจะบอกอย่างไรดีว่าพวกเธอโดนหลอก อยากรู้จังเลยว่าท่านผู้นำสวมรองเท้ายี่ห้ออะไรถึงเหยียบดวงอาทิตย์ไม่ละลาย แต่ฉันคงตอบคำถามนี้ตรง ๆ ไม่ได้
“เอาอย่างนี้นะคะ! ถ้าใครถอดรองเท้าเดินผ่านกองไฟยามหน้าหนาวได้โดยไม่เป็นอะไรเลยก็ไปเดินเล่นที่ดวงอาทิตย์ได้” ฉันยิ้มให้แล้วลุกเดินหนีอยู่ต่อไม่ดีแน่ จูยอนล้างสมองไม่สะอาดซะแล้ว
“เห็นไหมล่ะ! ฉันบอกแล้วว่าเดินได้” เธอเคลมว่าคิดถูกซะงั้น
“ห่ะ!” ฉันชะงักกึก ไปพูดตอนไหนวะ? …
“ฉันให้ไปลองเหยียบกองไฟก่อน ถ้าใครเหยียบแล้วไม่เป็นอะไรเลยให้รีบมาหาฉันนะ ฉันจะหาจรวดส่งไปดวงอาทิตย์ให้ค่ะ”
แม่สาวคนเดิมเฉิดฉาย หันไปบอกกับเพื่อน…
“พวกเรามาพิสูจน์ด้วยกัน ฉันจะให้สหายผู้บัญชาการส่งพวกเราไปดวงอาทิตย์” เธอเรียกระดมพลจะเอาชนะให้ได้
แต่...
“ฮู่ว...ววว! ไม่เอา! ฉันไม่อยากไปดวงอาทิตย์” หัวโจกโดนโห่ซะแล้ว...
“เธอเลิกทาครีมกันแดดเมื่อไหร่ค่อยมาชวนใหม่นะ” เพื่อน ๆ หัวเราะคิกคักก่อนแยกย้ายกัน
ฉันเดินอมยิ้มออกมาที่ถนนหน้าอาคาร คิดในใจ...บางครั้งถ้าไม่ให้ไปทดลองเองใครบอกอะไรก็เชื่อเมื่อไหร่จะฉลาด เจ้าซนเดินเคียงคู่มาหันกลับไปมองหลังก่อนจะบ่นอุบอิบ...
“ยายบ้า!..กลัวแดดยิ่งกว่ากลัวผีอีก โธ่เอ้ย!..จะไปดวงอาทิตย์แค่ออมม่าใช้ให้ไปเก็บปลาเค็มที่ตากแดด ยังบ่นว่าร้อน” เขาย่นจมูกเดินส่ายหัว ฉันหันไปตีแขน...
“บ๊กซู! ลูกผู้ชายห้ามนินทาผู้หญิง จำไว้นะคะ!”
“เย่! จะรับไปปฎิบัติครับ”
ถึงแม้บนถนนหน้าอาคารจะดูมั่วซั่วอีลุงตุงนัง แต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสนุกสนาน น้อง ๆ ตั้งแถวยาวประกบสองฝั่งถนนไกลประมาณ 20 เสาไฟฟ้า
“ปั้ลลี่ปั้ลลี่!” ทหารหนุ่มต้อน Soulless ให้เดินผ่านช่องกลาง สาว ๆ ในชุดสีฟ้าจะเดินเข้าไปจิ้มวัคซีน เด็กหนุ่มในชุดเหลืองเดินเข้าไปขีดบนหน้าผากแล้วต้อนต่อไปขึ้นรถทหารเพื่อส่งออกไปที่กีจองดองหรือไม่ก็ส่งไปที่ค่ายโบนิฟาสในเกาหลีใต้ Soulless ชุดใหม่โดนต้อนเข้ามาสลับไปเรื่อย ๆ
ฉันกวาดสายตามองหาใครบางคน พลันสายตาก็ได้เห็นเป้าหมายเด็กสาวผมยาวลำตัวบาง ใบหน้าสดใสยิ้มอ่อนโยนเดินถือแฟ้มคอยดูน้อง ๆชุดบลูสกายฉีดวัคซีน แอบเดินย่องเงียบเข้าไปหาจากด้านหลังแล้วกอดเอว...
“เหนื่อยหน่อยนะคะ สาวน้อยของฉัน” ฉันชื่นใจทุกครั้งที่เห็นอีซูมิน เด็กสาวหันมา...
“พัคอนนี่! มาได้ยังไงคะ?” ซูมินยิ้มตาหยีกอดหมับ
ทันใด...
“ชุงซอง! โก! มี! ทัก!” สหายโกพรวดเข้ามา
“ห่ะ!” ฉันสะดุ้งโหยง…“สหายผู้พันตกใจหมดเลย!” หันไปทุบ เขาอมยิ้มยืดอกรับ...
“ชเวซงแฮโยซาจังนีม มาทำอะไรที่นี่ครับ?” เขารีบขอโทษ
“นี่มันงานของฉัน คุณนั่นแหละมาทำไม?” ฉันมองเขาแล้วเหล่มองซูมิน คู่นี้มีอะไรกันหรือเปล่า?
“ตรวจค่ายแล้วเลยมาเยี่ยมทหารที่นี่ครับ!”
“อ๋า!” พวกเขาคิดและทำไปเรื่อย ๆ มีปัญหาก็แก้ไป อยู่กันเหมือนครอบครัวใหญ่เหมือนที่จูยอนเคยบอกไว้
“ฉันคิดว่าจะเลิกฉีดวัคซีน รบกวนคนเกาหลีเหนือมากเกินไปแล้ว” ฉันเกรงใจเรื่องนี้มากที่สุด
“ซาจังนีม! อย่าคิดอย่างนั้น พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เมื่อก่อนพวกเราก็ทำงานฟรีกินอุดมการณ์เป็นอาหาร ไม่เคยอิ่มท้องต้องทำงานเลี้ยงเจ้าหน้าที่รัฐที่คอยข่มขู่และกดดันให้เป็นทาส ไม่เคยเห็นอนาคต”
“ฉันชักเริ่มเกรงใจไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำนี้ถูกหรือผิดกันแน่ เอาภาระมายัดใส่มือให้กับคนที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วย”
“อย่าคิดมากครับ ซาจังนีมทำให้คนเกาหลีเหนือรู้สึกรักและภูมิใจในตัวเองที่ได้เป็นผู้มอบโอกาสให้ผู้รอดชีวิต พวกเรารู้สึกมีเกียรติชีวิตที่เหมือนฝุ่นธุลีมีความหมาย ลมหายใจของพวกเราต่อชีวิตให้ผู้อื่นเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ครับ นินจาเซมสอนผมบ่อย ๆ ว่าการให้เป็นสุขทั้งสองฝ่าย” เขาไม่ได้พูดเพื่อประจบเอาใจ สหายโกเป็นคนมุ่งมั่นคำพูดเหล่านั้นทำให้ฉันซึ้งใจมาก
“ที่เกาหลีใต้ไม่มีคนที่รอดเลยเหรอ เจอมั้ย!เข้าไปแล้วเจอคนบ้างไหม?” ฉันถามเผื่อจะเจอไอดอลของไป่ไป๋
“ไม่มีคนเลยครับเป็น Soulless กันหมด”
น่าสลดใจรัฐบาลเกาหลีใต้เป็นห่วงประชาชนของตัวเองจัดหาวัคซีนมาฉีดให้ครบทุกคน ตายหมดเลย// Good sometime Bad //
“สหายโกจัดการกับศพอย่างไรคะ ฉันเห็นตายกันเกลื่อนตอนนี้ไปไหนหมดแล้ว?” ฉันแปลกใจมากและไม่มีกลิ่นเหม็นเน่ามารบกวนใจ
“เราใช้ฝังกลบ ปล่อยไว้ก็น่าสงสารและอุจาดตา ผมให้ทหารเป่าแตรสรรเสริญก่อนลากันด้วยครับ ส่วนทหารจีนผมโยนลงแม่น้ำให้ลอยออกทะเล เผื่อพวกเขาจะได้กลับบ้าน” เขายืดอกรายงานน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ มีความหมายกับผู้จากไป นึกชื่นชมที่ใส่ใจในรายละเอียด
ฉันหันไปหาอีซูมิน...
“ซูมินคะ! วันนี้ไปนอนเป็นเพื่อนไป่ไป๋อนนี่นะคะ ฉันจะไปญี่ปุ่น”
“อารัสซอโย!” สองมือของเด็กสาวสาละวนกับการทำบัญชี หูก็คอยฟังมือก็เขียนหนังสือตลอดเวลา เธอเดินตามน้อง ๆ ไปแล้ว
สหายโกเดินบิดยิ้มเข้ามา...
“ซาจังนีม! ผมจีบน้องอีซูมินได้ไหมครับ?” เขาอายหน้าแดงเห็นแล้วคิดถึงแทนอยู่ใกล้ผู้หญิงแล้วประหม่า แต่สำหรับฉันตอนนี้เห็นโอกาสไปญี่ปุ่นแล้ว หลอกสหายโกนี่แหละให้ไปส่ง…
“มันใช่เรื่องของฉันไหมล่ะ ไปคุยกันเองสิ?” ฉันแกล้งดุแล้วชะเง้อคอมองตามหลังอีซูมิน เธอยังเด็กคงไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าหนุ่มแอบชอบ ทำงานหัวตั้งตามคำสั่งอย่างครบถ้วนไม่ได้ห่วงสวย
“ผมบอกชอบน้องไปแล้ว คิมซองบกมันแนะนำให้ลุยเลย ผมไม่กล้าและไม่รู้จะปรึกษากับใคร” เขายืนบิดอายแต่ก็ยังดีที่กล้ากว่าซอน
ฉันยิ้มขำนายทหารผู้ยิ่งใหญ่อายเป็นหนุ่มกระทงไปได้ ฉันชอบเวลาที่ชายหนุ่มเขินอายดูแล้วไม่เสแสร้งดี แกล้งเขาต่อดีกว่า...
“ก็ดีแล้วนี่คะ! มาบอกฉันทำไม?”
“โห!...ซาจังนีม ช่วยผมหน่อยสิ ผมอยากมีครอบครัว จูยอนนูน่าก็มีน้องแล้ว ผมอยากให้ลูกของเราเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน พวกเขาจะได้รักกันช่วยเหลือกัน” เขาลุกลี้ลุกลนอ้อนวอน ความคิดนี้ก็เข้าท่าดีนะ
“บอกชอบแล้วน้องว่ายังล่ะ?” ฉันย้อนถาม
“น้องบอกว่า ขอบคุณค่ะ” เขายิ้มเก้อ
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ฉันหัวเราะลั่นกับท่าทางซื่อ ๆ ของเขา...
“เวรกรรมบอกยังไง น้องขอบคุณซะงั้น”
“ผมบอกอะไรเธอก็ขอบคุณค่ะ ๆ” เขาท้อเสียงอ่อย ฉันมองเห็นช่องทางไปญี่ปุ่นชัดมาก
“ฮย็องนีม!ให้ผมช่วยมั้ย?” เจ้าซนโผล่จากด้านหลัง
“ได้เหรอบ๊กซู?”เขาหันขวับ
โถ..พ่อทหารคนเก่งของฉัน ดูแววตานั่นสิช่างมีความหวังเจิดจ้า แล้วไปเชื่ออะไรกับเจ้าซนบ๊กซู ไอ้กะล่อนนี่...ขี้โม้ ฉันรีบโบกมือไล่…
“บ๊กซู! ไปทำงานเลยไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ฉันส่งสายตาดุ เขากลัวซะที่ไหนเดินยิ้มเข้าไปหาสหายโก...
“ฮย็องนีม! บางครั้งเราก็ต้องใช้บริการรถเล็กนะ ถ้ารถใหญ่ยางแตก” เขาหันหน้ามายิ้มเยาะเย้ย สหายโกเหมือนคนสิ้นหวังรอคอยลอยคอรีบเกาะขอนไม้ที่เจ้าซนหยิบยื่นให้ทันที...
“ไอ้รถเล็ก! นายมีแผนอะไร?”
“รวบรัดมัดใจซ้ายพิฆาต” เจ้าซนยืดอกยิ้มมุมปากตอกย้ำความเชื่อใส่นายทหาร...
“ชัวร์ใช่มั้ย?” สหายโกเชื่อมันได้ยังไงกัน แค่ชื่อก็รู้แล้วว่า มันฮุคท้องแน่
“เชื่อผม! ได้แต่งงานกับอีซูมินนูน่าแน่นอน”
สหายโกยิ้มกว้างดีใจ…
“เอาสิ! ถ้าสหายทำได้จะให้ชุดนักบิน” ดูท่าแล้วสหายโกจะเอาจริง พ่อหนุ่มสุดเท่ของฉันโดนเจ้าซนหลอก...ชัวร์!
“แน่ล้านเปอร์เซ็นต์” เจ้าซนตอบเสียงดังหนักแน่น เอากับมันสิ ท่าทางมั่นใจมาก
ฉันไม่สนุกด้วยซูมินไม่ใช่ของเล่นยื่นหน้าไปขวางหรี่ตาพิฆาต...
“แล้วถ้าไม่สำเร็จล่ะ ซน?”
เจ้าซนยืดอกมั่นใจ...
“ก็เกลียดกันจนวันตายแหละครับ” พูดจบมันก็วิ่งตามรถทหารไป ฉันวิ่งตามอยากจะทุบสักอึกเจ้าเด็กนี่ทะลึ่งใหญ่แล้ว
“ซน!จะไปไหน?...”
เจ้าซนกระโดดเกาะท้ายรถห้อยตัวยื่นมือมาให้จับ…
“ไปค่ายโบนิฟาสครับ” เขาบอกพร้อมดึงฉันปลิวขึ้นรถ
“ผมไปด้วย!” สหายโกวิ่งตามมากระโดดเกาะท้ายมาด้วยกัน
รถบรรทุกทหารแล่นออกด้านหลังอาคารเสรีภาพเกาหลีใต้ ฉันกำลังจะได้เหยียบประเทศบ้านเกิดรู้สึกตื่นเต้นมาก นั่งห้อยขาท้ายรถบรรทุกโยกเยกไปตามทางออกจาก JSA สะดุดตากับสายริบบิ้นห้อยพลิ้วที่ต้นไม้บนสะพานปูนเศร้า ๆ ข้ามคลองน้ำแห้งมีต้นไม้ปกคลุมรกร้าง
สหายโกหันมายิ้มหมองแล้วส่ายหน้า...
“Bridge Of no return สะพานไม่หวนคืน สถานที่แลกตัวเชลยศึกในอดีตครับ ใครที่ผ่านสะพานนี้ออกไปจะไม่มีโอกาสกลับเข้าเกาหลีเหนืออีก ปิดตายมานานกว่า 70 ปีแล้วครับ”
เจ้าซนหันมา...“มีเรื่องเล่าว่าใครข้ามสะพานนี้จะโชคร้าย ผีพรายน้ำจะเอาลูกชายในครอบครัวนั้นไปอยู่ด้วย ไม่มีใครกล้าไปยุ่งกับสะพานนี้หรอกครับ” เขามั่นใจตามความเชื่อ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกและฉันก็เข้าใจได้
“สั่งทหารให้ตัดต้นไม้ทิ้งไปเลยค่ะ สิ้นสุดสงครามเย็นแล้ว”
“ฮ้า!” เจ้าซนตาเหลือก สหายโกอมยิ้มแล้วพยักหน้าเบา ๆ
นี่เป็นตัวอย่างของอำนาจมืดที่ชัดเจนมาก สะพานเปรียบเสมือนมือที่ยื่นความสัมพันธ์เชื่อมสองฝั่งคลองให้เข้าหากัน แต่ต้องขาดสะบั้นเพราะการแย่งชิงอำนาจ สะพานปูนธรรมดาจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อในอุดมการณ์ การยัดเยียดความตายจึงกลายเป็นความกลัวจุดเริ่มต้นของความศักดิ์สิทธิ์ในคำสั่งและเรื่องเล่าอภินิหารที่ตามมา
รถยนต์แล่นผ่านข้างสะพานไม่หวนคืนไปอย่างช้า ๆ ได้ยินชื่อแล้วเศร้าใจอยู่ลึก ๆ สงครามไม่เคยให้คุณกับใคร...ยกเว้นพวกพ่อค้าอาวุธ
“ใครเป็นผู้นำไปที่ญี่ปุ่นคะ?” ฉันเริ่มปะเหลาะ
รถทหารโคลงเคลงแล่นผ่านทุ่งนา เลี้ยวเข้าหมู่บ้านแทซองดองของเกาหลีใต้ ธงรวมชาติขาวฟ้าปลิวไสวบนยอดเสาสูงกลางหมู่บ้าน บ้านเกษตรกรหลังเล็กเหลือแต่ซาก
“ผมไม่รู้เรื่องนี้เลยครับ”
“อ้าว!” ฉันแปลกใจทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่อง /ดีเลย...หลอกง่ายดี/
เจ้าซนแหกปาก...
“ผมรู้ครับ! สหายลีจองซุกพาทหารไป 1 กองร้อย สหายคิมแทซูเป็นหัวหน้าทีมเดอะแก๊งครับ”
“ฉันไม่รู้จักคิมแทซู”
สหายโกหันมาตอบในจังหวะที่รถบรรทุกโอนเอน...
“ลูกศิษย์รักของซอนเซมครับ นินจาเซมติวเข้มให้เขาดริฟต์รถยนต์ ตอนนี้เขามั่นมากเป็นที่รักของเพื่อน ๆ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงชั้นดีเลยครับ”
“ดีจัง!...ฉันไม่ได้คลุกคลีกับเด็กเลยนึกหน้าไม่ออก แทซูคนไหนน้า?”
“เจ้าอ้วนไงครับ! เจ้าอ้วนที่ออกไปเต้นหน้าเวทีคู่กับเจ้าซนในงานคอนเสิร์ตไป่ไป๋เซมไงครับ” สหายโกยิ้มกว้าง
“อ๋า! เจ้าอ้วนเหรอ? ดีเลยจะได้ทำความรู้จักกันว่างไหมไปส่งฉันหน่อยสิ”
“หือ!สหายจะไปไหน?”
“ญี่ปุ่น! จะตามไปดูงานสักหน่อย”
“ได้! แต่มีข้อแม้ครับ” เขาอมยิ้มหลบสายตา
“ว่ามาเลยค่ะ?”
“ติดต่อน้องให้ผมด้วย ช่วยผมหน่อย”
“อืม! จะลองคิดดู” เข้าทางไปหมดเห็นโตเกียวโดมลาง ๆ
“งั้น! เดี๋ยวผมไปส่งเอง ผมขออนุญาตกับนินจาเซมก่อน”
ฉันสะดุ้งเฮือก ถ้าแทนรู้เขาไม่ให้ไปแน่…
“อ๋า! ฉันบอกซูมินแล้ว ไม่ต้องไปรบกวนเขาหรอกค่ะ ตอนนี้นินจาเซมอยู่ที่ไหนคะ?”
“อยู่ภาคเหนือครับทำภารกิจอยู่ โน่นไงครับที่สหายสงสัย!” เขาชี้ไปที่รถแบคโฮลกลางทุ่งนาแห้งกรอบ สภาพอาคารบ้านเรือนชนบทประมาณ 100 กว่าหลังโดนระเบิดทำลาย ทหารเกาหลีแต่งเต็มยศยืดอกเป่าแตรสดุดี…
“แต่นแต๊น แต่นแต๊น!”
ดอกไม้หลากสีโปรยปรายปลิวลม ปลอบประโลมให้ศพเพื่อนมนุษย์และส่งวิญญาณไปสู่สุขคติ ฉันสลดใจทุกครั้งที่เห็นคนจำนวนมากล้มตาย นี่แค่ประเทศเล็ก ๆ ประเทศเดียวยังหดหู่ขนาดนี้จินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่าทั่วโลกจะเป็นเช่นไร
…………………………………………………………..หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |