The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 ตอนที่ 11

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 ตอนที่ 11
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 9
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 23 ต.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


เกาหลีเหนือ เมืองอันซอง

กรกฏาคม ค.ศ.2026

มุมมองสายตา จาง แอนนา

“นักบินเรียกฐาน!MIG-35 เครื่องบินรบเกาหลีเหนือโฉบเข้าไปในหุบเขาสีเหลืองเหนือน่านฟ้ารัสเซีย

“ฐานทราบ!

“ถึงอันซองแล้ว ขอคำสั่งครับ”

“กองร้อยข้าศึกอยู่ที่หุบเขาสีเหลือง พิกัด N 45 18.6 E 108 11.4เข้าโจมตีได้” ฐานสั่ง

“เย่!!

“บรึ้ม!บรึ้ม! ท่ามกลางห่ากระสุนปืน พย็อกบองรถถังเกาหลีเหนือตะลุยทุ่งหญ้าเข้าตีเมืองคาซานลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง สองลุงหลานนอนส่องกล้องยืดยาวในบังเกอร์

“อาบอจี้! พาเค้าไปนั่งรถใหญ่ยักษ์นั่นด้วยจิ” น้องแทนชี้ไปที่รถถังT-34

“ได้สิครับ!เดี๋ยวกลับบ้านแล้วไปนั่งในค่ายด้วยกันนะครับ” เจ็ทโด้มองตามมือน้อง ฉันสบายใจที่เห็นลูกชายสนิทกับเขาอย่างน้อยลูกก็ยังได้รับการถ่ายทอดความรู้บางส่วนมาจากพี่ใหญ่ของพวกเรา

“เค้าอยากนั่งตอนนี้ มันยิงได้ด้วยที่ค่ายยิงไม่ได้” เจ้าตัวน้อยตาตื่นพยักหน้าชวนยิก...ดื้อเหมือนพ่อไม่มีผิด

“โห! น้องแทนหล่อเลยจะยิงปืนด้วย ไปไม่ได้แล้วครับมันไปแล้ว” เขาดึงแก้มล้อ

“ไปกับรถนั่นก็ได้ตามไปขึ้นฝั่งโน้น” น้องชี้ไปที่รถบรรทุกกำลังพาทหารราบข้ามสะพาน

“ไปตอนนี้ไม่ได้ครับ โดนยิงตายเลย”

“ตายแล้วยังไงคับ?”

“ตายแล้วก็ไม่ได้เจอกับหม่าม้าอีก ไม่เจอออมม่า ไม่เจออะป้ากับป่ะป๊าด้วย ไม่คิดถึงลีกับไป๋กับมินเหรอ?”

“งั้นไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวคิดถึงแล้วเค้าหายใจไม่ออก”

“ใช่แล้ว! เราดูตรงนี้ก็พอ ถ้ายิงกันเราต้องหลบในที่ปลอดภัยจำไว้นะครับ” เขาหันไปยีหัวน้อง

ทั้งสองคนนอนคว่ำแกว่งขา เงยหน้าส่องกล้องมองไปฝั่งตรงข้ามแม่น้ำในท่าเดียวกัน ฉันหมุนตัวกลับอย่างสบายใจเข้าไปภายในโถงกลางบังเกอร์


จูยอนนั่งดูแผนที่บนโต๊ะหันมามอง...

“สงครามเริ่มแล้วนะคะ คุณยังตัดสินใจใหม่ได้อีกครั้ง ฉันไม่ได้ไล่หรือดูถูกน้ำใจนะคะ คุณกลับไปอยู่จีนพาน้องแทนกลับไปด้วยจะปลอดภัยกว่าอยู่เกาหลี ถ้าสงครามเกิดที่นี่คงเป็นทะเลเพลิง” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความปรารถนาดี

“ฉันเป็นห่วงลูกชายมากกว่าค่ะ ถ้ากลับไปจีนก็ไม่มีคนเลี้ยง ฉันไม่มีญาติเลยเพื่อนเราทุกคนต่างก็กำพร้า ไป่ไป๋โชคดีคนเดียวที่มีแม่”

“แล้วตอนนี้สองคนนั้นไปไหนล่ะคะ พากันข้ามแม่น้ำไปแล้วมั้ง?” จูยอนยิ้มเย้าอ่อนโยนมาก

“นอนดูเครื่องบิน อยู่ข้างหน้าบังเกอร์ค่ะ”

“น้องแทนเหมือนพ่อมากเลยนะคะ ชอบเรื่องตื่นเต้น ชอบท้าทายชอบแข่งขัน คุณเลี้ยงเขาดีมากไม่งอแง มีเหตุผลและกล้าหาญ”

“ฉันโชคดีที่น้องแทนมาเกิดเร็ว ถึงเขาจะยังเด็กแต่อย่างน้อยเราก็ยังได้พูดคุยและหัวเราะด้วยกัน ฉันไม่อยากคิดว่าต่อไปเขาจะอยู่อย่างไร เขาอาจจะเป็น The last man stand ของฉันก็ได้” ถึงฉันจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้น้องหมดแล้วแต่ก็ยังคงเป็นห่วง ถ้าเขาอายุ 18 ปีไปแล้วฉันจะไม่ห่วงเลย

“น้องฉลาดช่างเอาใจเรียนรู้ไวมาก เขาต้องโตไปดีแน่ ๆ”

“เรื่องนั้นต้องยกเครดิตให้ไป่ไป๋กับนาตาลีค่ะ นิสัยขี้อ้อนมาจากไป่ไป๋ การคิดวิเคราะห์เป็นเหตุเป็นผลมาจากนาตาลี พอน้องเริ่มพูดได้นาตาลีก็เริ่มสอนทีละภาษา ครอบครัวของเรา เอ่อ! ฉันหมายถึงครอบครัวในชุมชนที่พวกเราเคยดูแล พูดได้หลายภาษาเพราะเรียนพร้อมกันสลับกันพูดสัปดาห์ละภาษา หัวเราะกันทั้งวันสนุกมาก ใครขอข้าวกินไม่ได้ก็อด”

“ดีจังเลยเนอะ! ตอนนี้เลยไม่ได้เรียนอะไรเลย ฉันมีแต่วิชาแฮกเกอร์ต้องรอน้องโตก่อน อยากจะให้เขาเรียนการเขียนโค๊ด”จูยอนวาดฝันให้น้อง

นี่คือสิ่งที่ฉันคาดหวังกับการที่พวกเขาเอาลูกชายของฉันไปเลี้ยง ทุกคนมีดีของตัวเอง ถ้าเอามาใส่ในตัวน้องได้โตขึ้นเขาเป็นซุเปอร์แมนแน่

“เขาได้ภาษาเกาหลีมาแล้วค่ะ เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉันและซอน นาตาลีกับไป่ไป๋ไม่มีวันทิ้งน้องแน่ แต่ตอนนี้ต้องเพิ่มคุณเข้ามาอีกคน ขอบคุณนะคะที่เอ็นดูน้องแทน”

“อ๋า! อย่างนี้นี่เอง แต่ถ้าคุณอยู่ที่นี่ฉันไม่ยอมให้เจ็บตัวแน่”

“ขอบคุณมากที่กรุณาและให้ที่นอนอบอุ่น ฉันอยากกลับเข้าไปที่จีน ฉันรู้ทางหนีทีไล่ดีกว่าทุกคน” ฉันอยากจบสงครามเร็ว ๆ จะได้ออกไปช่วยคน

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะอันตรายเกินไป เดี๋ยวมันก็หยุดเชื่อฉันสิ!”เธอมั่นใจมาก

“ฉันมีคำถามค่ะ ฉันข้องใจมานานแล้ว” ฉันไม่เคยมีโอกาสนั่งคุยกับเธอสองคนเลย วันนี้ขอเคลียร์เรื่องคาใจสักหน่อย

“ได้สิคะ! ไม่เข้าใจอะไรถามได้ตลอดเลย”

“ทำไมคุณถึงตั้งใจจะล้างบางมนุษย์ทั้งโลก ฉันเองยังทนไม่ไหวต้องหนีออกจากกองทัพเพราะทนดูไม่ได้ แต่คุณกลับโบยบินไปกับพวกเขาซะงั้น”

เธอเลิกคิ้วสูงมองค้าง...

“อย่ามาโทษฉันทั้งหมดสิคะ! ต้องแยกแยะเรื่องของฉันเป็น 2 ส่วนนะคะ 1.ฉันล้มล้างระบอบความชั่วร้ายของผู้มีอำนาจและเครือข่ายของมันเพราะความแค้นส่วนตัว ส่วนการที่ต้องสร้างเมืองเป็นแนวคิดของแทน 2.ฉันไม่เคยคิดล้างบางชนชาติอื่นเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อโชคชะตากำหนดให้เป็นไปแบบนั้น ฉันก็ต้องทำเพื่อกลับไปสู่เป้าหมายข้อที่ 1.”

“มีคนตายมากมายมหาศาลนี่นะ ฉันเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?” เธอใช้ตรรกะอะไรมาคิด ฉันเอียงคอเหล่มอง

“การยึดโลกเพื่อความยิ่งใหญ่ไม่ใช่เป้าหมายของฉัน แต่ถ้าให้เลือก...ฉันเลือกโลกไม่เลือกคนเพราะคนยังมีการขยายพันธ์ได้ใหม่ แต่โลกถ้าเสื่อมแล้วเสื่อมเลย”

“ยังไงคะ?” คุยกับเธอต้องค่อย ๆ คิดตาม ในการกระทำทุกอย่างย่อมมาจากแนวคิดเสมอ ความชอบธรรมอยู่ที่ตรงนั้นไม่ใช่ผลลัพธ์ ส่วนผลลัพธ์นั้นเป็นตราประทับว่าแนวคิดนั้นถูกหรือผิด

“ฉันขอยกตัวอย่างบางเรื่องนะคะ ความชั่วช้าของยุคสมัยแนวคิดของกาลเวลา ถ้าไม่ถูกกำจัดออกไปมันจะเกิดการเลียนแบบและทำตามกันกลืนกินเป็นวัฎจักร เมื่อมนุษย์โลกที่อ่อนแอเห็นพ้องกับผู้มีอำนาจที่ไม่สนใจความถูกต้องชอบธรรม บิดเบือนให้ผิดเป็นถูกจนกลายเป็นวัฒนธรรม การกดขี่ทางชนชั้นถึงได้ไล่ลำดับในสังคมอย่างเช่นทุกวันนี้ กฎหมายไม่เคยลงโทษคนรวย”

“อืม!แล้วยังไงคะ?” ฉันตั้งใจรวบรวมข้อมูลเธอคิดไกลกว่าที่ฉันประเมินไว้มาก ถ้าผู้นำชั่วได้รับการบูชาทำอะไรก็ถูกไปหมด มันจะเป็นตัวอย่างชั้นเลวให้พวกลิ่วล้อทำตาม ความบรรลัยมันก็ไปตกกับชาวบ้าน

“พวกเราเป็นผลพวงจากแนวคิดการปกครองทั้งสองระบอบ เป็นแนวคิดการปกครองในห่วงโซ่กาลเวลาของอดีต ผู้นำต่างก็กดขี่กันคนละแบบโหดร้ายคนละอย่างไม่มีอะไรดีกว่ากันหรอก ผู้คนเข้าข้างประเทศของตัวเองกันทั้งนั้น ทั้งหมดมาจากการปลูกฝังชาตินิยมแบบผิด ๆ”

“แล้วยังไงคะ?” ปัญหาพวกนี้หมักหมมมานานเท่ากับอายุของโลกใบนี้

“ไม่มีชาติใดที่ใช้ระบอบปกครองอย่างเป็นธรรม ผู้ปกครองต่างก็แทรกตัวเข้าไปมีส่วนได้เสียกับผลประโยชน์ พวกเขาทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจและถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ไปให้ลูกหลาน ทรัพยากรของโลกไม่สมควรมีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ โลกต้องเป็นสาธารณะ”

“แล้วยังไงคะ ต่อเลยฉันตามทันค่ะ?” ฉันคิดว่าแนวโน้มของเธอน่าจะเป็นนักอนุรักษ์

“ฉันไม่สามารถจะอธิบายความเลวร้ายที่ทับซ้อนในความคิดของคนทุกชนชาติได้ แต่ฉันรู้ว่าคุณก็รู้ว่ามันมีการกดขี่กันจริง ๆ ในหลายเรื่องเช่นศาสนา เชื้อชาติ วัฒนธรรม ฐานะ อาชีพ เพศและอีกมากมาย”

“ใช่! มีจริง ไม่เถียงค่ะ!” สิ่งพวกนั้นมีมาเป็นร้อยเป็นพันปี มันเป็นมรดกทางชนชาติหลีกหนีไม่ได้และแก้ไขไม่ได้ในสถานการณ์ปรกติ

“การล่มสลายของอารยธรรมโบราณเป็นตัวบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงยุคสมัย ไม่มีใครรู้ว่าอารยธรรมโบราณเหล่านั้นล่มสลายไปได้อย่างไรและทำไม แต่ฉันเชื่อว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และทุกคนจากไปอย่างกระทันหันไม่มีการเตรียมตัว”

“แล้วยังไงคะ?” ฉันแอบคิดว่าเธอก็มีภูมิความรู้เรื่องประวัติศาสตร์พอตัว สามารถหาเหตุผลมาอ้างอิงได้ถูกหรือผิดก็ดูกันต่อไป

“ในโลกสมัยใหม่ก็มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่เขมร รวันดา ยิว ยูเครน บลา!บลา!บลา! คุณคิดว่ามันเกิดขึ้นเพราะประชาชนนึกสนุกลุกฮือขึ้นมาฆ่ากันเองหรือมีคนสร้างสถานการณ์ขึ้นมาคะ?” เธอหันมายิ้มกวนใจคิดจะลองภูมิฉันเหรอ? ได้เลย!...ฉันยอมแพ้แค่นาตาลีคนเดียวเท่านั้น เจอกันหน่อย...

“แล้วคุณคิดว่า มนุษย์ที่เกิดขึ้นมาใหม่จะจิตใจสูงส่งกว่าคนรุ่นปัจจุบันเหรอ คุณคิดจากฐานอะไร?”

“ข้อแรก. การล่มสลายของอารยธรรมโบราณ อียิปต์ อินคา เมโสโปเตเมีย บลา บลา บลา ฯ ที่ล่มสลายลงไปทีละยุคสมัย ได้ทิ้งเครื่องมือต่าง ๆ หลายอย่างที่บ่งบอกถึงการฆ่าเพื่อบูชายัญ บ่งบอกถึงจิตใจที่เหี้ยมโหดของช่วงเวลา วิธีพวกนี้หมดไปเพราะการล่มสลายทางอารยธรรม ถ้าอารยธรรมเหล่านี้ยังคงอยู่คุณคงโดนบูชายัญ ฉันอาจจะเป็นเครื่องเซ่นบวงสรวงก็ได้” เธอพูดไม่มีสะดุดเลยตอบคล่องแคล่วอย่างกับเตรียมการมาก่อน

“ฉันกำลังตั้งใจฟังค่ะ พูดไปเรื่อย ๆ มันอาจจะมีบางอย่างที่ฉันไม่เชื่อ ฉันจะเถียงนะคะ”

“ดีค่ะ! โต้ตอบกันจะได้ไม่คาใจ ฉันมีมุมที่จะอธิบายให้ฟังหลากหลาย ค่อย ๆ ถามไปเรื่อย ๆ คุณจะเห็นถึงความโหดร้าย”

“แต่มนุษย์โลกรุ่นหลังก็ยังคงโหดร้ายนี่คะ มันก็คงตามไปหลอกหลอนอยู่ดี การบูชายัญแค่ปรับเปลี่ยนเป็นโทษประหารชีวิตไงคะ การล่าแม่มดก็กลับกลายเป็นแฉในโซเชียล ถึงกาลเวลาเคลื่อนหนีจิตวิญญาณมันก็เคลื่อนตามไปอยู่ดี ฉันไม่เชื่อว่าจะมีอะไรมาเป็นบรรทัดฐานให้คนคิดดีได้เหมือนกัน เพราะดีแต่ละคนไม่เหมือนกัน”

“ใช่ค่ะ! นั่นก็เป็นเพราะความโลภและความโหดร้ายมันยังอยู่ในความคิดของคน พวกเขาเคยเห็นตัวอย่างจากผู้นำ ยกตัวอย่าง...โรงเรียนสอนให้รักครอบครัวมีผัวเดียวเมียเดียวแต่ครูกลับมีเมียน้อย ผู้นำรัฐสอนให้อย่าคดโกงชาติ แต่ผู้นำเอาเงินภาษีของประชาชนไปปรนเปรอผู้หญิงเป็นตัวอย่างชั้นเลวของการเอาเปรียบสังคมและมัวเมาในกามารมณ์อย่างชัดเจนกลับได้รับการเชิดชู สังคมพังเพราะตัวอย่างที่เลวทั้งสิ้น ถึงจะมีนักมนุษยวิทยาปรัชาเมธีทั้งหลายพยายามหาวิธีมายุติวงจรนี้ แต่พวกเขาก็ทำไม่สำเร็จ ผู้นำที่ความคิดเลวไม่อาจคาดหวังผู้ตามที่ดีได้ นี่แค่ตัวอย่างนะคะ!

“ต่อค่ะ!” ฉันเริ่มรู้ถึงความลึกในการคิดของเธอแล้ว ทั้งหมดไม่ได้มาจากแรงกระทบส่วนตัวอย่างเดียว

“การทำลายธรรมชาติฉันซีเรียสมาก ขอถามคุณหน่อยนะคะ ระหว่างผู้ปกครองกับชาวบ้านคุณคิดว่าใครอยู่กับธรรมชาติมากกว่ากัน ใครพึ่งพาธรรมชาติมากกว่ากัน”

“ตอบไม่ยาก ก็ชาวบ้านสิคะ”

“ชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้ชีวิตพึ่งพาธรรมชาติ แหล่งน้ำ ป่าไม้ อากาศในการดำรงชีวิต กฎหมายตามไปกดหัวคนจนไม่ให้แตะต้องทรัพยากรไม่ได้ ชาวบ้านตัดหน่อไม้เก็บเห็ดมาต้มกินโดนจับติดคุกหัวโต แต่เมื่อรัฐจับมือกับนายทุนเครื่องจักรขนาดใหญ่พลังทำลายล้างสูงก็ทำลายธรรมชาติ ไม่ว่าข้ออ้างของรัฐจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สุดท้ายมันก็ไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ของผู้นำ ใครมีศักยภาพในการทำลายล้างมากกว่ากัน”

เรื่องนี้ฉันเห็นด้วยชาวบ้านเคยตั้งรกรากและใช้ชีวิตกับทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นและเมื่อรัฐอ้างคำว่าพัฒนาก็ทำลายล้างทุกอย่าง สุดท้าย...ชาวบ้านก็ต้องหาเงินมาซื้อสิ่งของที่ไม่มีต้นทุนและนั่นก็คือทรัพยากรธรรมชาติของทุกคน

ฉันเข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังสื่อสารมา ถ้าผู้นำเลวถูกเชิดชูให้เป็นผู้นำจิตวิญาณ สังคมก็จะพังเพราะทำตามตัวอย่างเลวนั้นและกลายเป็นวัฒนธรรมประเพณีปฎิบัติในชนชาติที่แก้ไขไม่ได้ ถ้าผู้นำกล้าทำในเรื่องที่น่าอับอายแค่เล็กน้อย มันก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองพร้อมจะทำเรื่องที่เลวร้ายกว่านั้นอีก

“ฉันพอเข้าใจแต่ยากที่จะยอมรับนะคะ คนยังมีอีกหลายมิติถึงจะลำบากยากเข็ญแต่อยากมีชีวิต นาตาลีว่ายังไงคะ?” ฉันขอโยนเรื่องนี้ไปที่นาตาลีก่อน

“เธอก็คล้อยตามแนวคิดนี้ค่ะ แต่เธอก็เหมือนกับคุณไม่ได้เชื่อฉันทั้งหมด ฉันยอมรับว่าคุณทั้งสองคนทั้งฉลาดและเก่งมากย่อมมีความคิดเป็นของตนเอง นาตาลีเห็นว่าถ้าช่วยทุกคนกลับมาหรือช่วยกลับมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งที่ตามมาคือสงครามล้างโลกก็เกิดอยู่ดี”

“หือ! ยัยดอกเตอร์คิดไปถึงไหนกันเนี่ย?” ฉันชักกลัว ถ้านาตาลีเปลี่ยนใจคนตายหมดทั้งโลกแน่

“เมื่อเราช่วยทุกคนกลับมาความคิดเดิมจะกลับมา ประเทศที่คนรอดมากกว่าจะรุกรานประเทศที่คนรอดน้อยกว่าทันที หรือศาสนาที่รวบรวมคนได้มากกว่าจะฉวยโอกาสทันที การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันขอเตือนก่อนนะคะ! คุณอย่าลืมว่าโลกเราพัฒนามาไกลแล้วทรัพย์สินแต่ละชาติมีมหาศาล พวกเขายังคงยึดติดอยู่กับความหรูหราฟุ่มเฟือยสะดวกสบาย ทุกคนถูกปลูกฝังให้ยื้อแย่งแข่งขันมาตลอด คุณก็คิดเอาเถอะว่าอะไรจะเกิดขึ้น?”

“เอ่อ...!ฉันเถียงข้อนี้ไม่ออกเลย มันจริงจนน่าขนลุก


“แอนนาคะ! ฉันไม่ได้ชวนเชื่อนะคะ ถ้าคุณยังอยากจะช่วยคนฉันก็จะช่วย แต่ถ้าถามความรู้สึกในใจฉันไม่เห็นด้วยค่ะ แค่เหลือ The Last man stand ของชนชาติไว้ให้พวกเขาเริ่มใหม่ เติบโตไปพร้อมกับธรรมชาติที่ฟื้นฟูตัวเองดีกว่า แต่ฉันก็มีคำถามที่คาใจกับคุณเหมือนกัน ขอถามนะคะ” อ้าว! เธอหันมาเล่นงานซะแล้วสิ อย่าพูดเรื่องเก่านะขอร้อง ฉันทำผิดกับเธอไว้หลายเรื่อง...

“เอาสิคะ! ว่ามาเลย” ฉันใจดีสู้เสือไว้ก่อน

“ฉันขอโทษก่อนนะคะที่ต้องฆ่าทหารจีน และคุณก็ต้องฆ่าพวกเขาเหมือนกันเพื่อคนเกาหลี คุณคิดอะไรอยู่คะ?” โล่งอก! นึกว่าเธอจะขุดคดีเก่ามาเฉ่ง

ฉันยิ้มโล่งใจเพราะไม่อยากจะแก้ตัวเรื่องที่ผ่านมาแล้ว แต่เรื่องนี้ฉันมีคำตอบ...

“ข้อแรกฉันช่วยคุณ ข้อสองสำคัญที่สุดฉันต้องปกป้องนาตาลี”

ทันใดนั้นวิทยุในห้องก็ดังขึ้น...

“สหายจูยอน!

“ว่าไงคะ! นินจาเซม?” เธอยิ้มแย้มแก้มเป็นพวงดวงตาใสปิ๊ง

“คุณรู้หรือเปล่าว่านาตาลีไปญี่ปุ่น?” แทนถามเสียงปรกติแต่ฉันแปลกใจหนีไปเมื่อตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เธอไม่บอกฉันสักคำว่ายัยดอกเตอร์หนีเที่ยว

“ฮ่าฮ่าฮ่า! รู้แล้วเหรอ? ฉันสั่งให้กลับมาแล้วไม่ต้องห่วงนะคะ สหายด้วยนะคะรีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย ฉันสั่งห้ามไม่ให้สหายออกรบจะขัดคำสั่งใช่มั้ยคะ?” เธอยิ้มกรุ้มกริ่มขู่นิ่ม ๆ เจ้าแทนถึงกับเสียงเปลี่ยน...

“เอ่อ! ผมกำลังกลับครับ สหายโกไปไหน 2-3 วันแล้วผมติดต่อไม่ได้เลย?”

“สหายผู้พันฯ ต้องพักผ่อนค่ะ! เขาเรียงลำดับความสำคัญไม่เป็นต้องทบทวนความจำใหม่ วันนี้น่าจะติดต่อได้แล้วล่ะ เย็น ๆ ลองติดต่ออีกครั้งนะคะ” เธออมยิ้มสายตาเจ้าเล่ห์ ปากแข็งมากไม่บอกกับฉันสักคำว่านาตาลีหนีไปญี่ปุ่น

“ขอบคุณมากครับ” แทนจบการเจรจาอย่างสุภาพ

ฉันยื่นหน้าเข้าไปหา...

“สิ่งที่ฉันชอบและชื่นชมพวกคุณมากเลยคืออะไรรู้มั้ยคะ?” ฉันชื่นชอบคนที่เป้าหมายชัดเจนและฝ่าฟันเพื่อเป้าหมายนั้น

“อะไรเหรอ?”

“ทุกคนอยู่ท่ามกลางทรัพย์สมบัติแต่ไม่มีใครโลภกันสักคน พวกคุณเหมือนสายน้ำเย็นในเปลวเพลิง คอยดับทุกข์ร้อนและพยายามทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ แทนกับเจ็ทโด้ก็ยังคงเป็นสหายครูฝึกของทุกคนนอนกลางดินกินกลางทรายกับทหาร คุณเองก็ต้องให้ชาวบ้านบังคับมาเป็นผู้นำสูงสุด ส่วนสหายเกาหลีก็ทำงานให้เหมือนกับพวกเขาเป็นผู้พิทักษ์”

“อาจจะฟังดูเพ้อเจ้อไปหน่อย แต่ทั้งหมดเป็นเพราะความรักค่ะ สิ่งที่ฉันหวังคืออยากให้ผู้นำรุ่นต่อไปเป็นเหมือนฉัน ทรัพยากรของชาติเอามาแบ่งปันกัน ไม่ใช่อ้างว่าเป็นของชาติแต่รัฐเอามาขายให้ชาวบ้าน มันไม่ถูกต้องค่ะ! ชาติต้องเป็นของทุกคนถ้ามีการซื้อขายทรัพยากรในชาติ ผลกำไรต้องกลับไปหาพวกเขาทางตรงไม่ใช่ทางอ้อม”

“ฉันพอเข้าใจความคิดและความต้องการของคุณแล้ว ทหารจีนจะไปบุกญี่ปุ่นมั้ยคะ ยายดอกเตอร์ทำให้เป็นห่วงอีกแล้ว” ตอนนี้ฉันไม่สนโลกแล้ว เป็นห่วงนาตาลีมากกว่า

“ไม่รู้เหมือนกัน มันโดนพวกเราถล่มหนักคงกังวลแถบนี้มากกว่า ญี่ปุ่นไกลจากสนามรบมากมันคงไม่ไป ที่ญี่ปุ่นก็มีเรื่องราวน่าสนใจมากนะคะเกี่ยวกับแนวคิดของฉันนะคะ”

“อะไรคะ?”

“หลังจากที่ญี่ปุ่นโดนระเบิดนิวเคลียร์ไป 2 เม็ด มาตรฐานจิตใจของคนญี่ปุ่นก็สูงขึ้นกว่าชนชาติอื่นทั่วโลก”

“ยังไงคะ?”

“ถ้าอเมริกาถล่มนิวเคลียร์ใส่จีน คุณจะเกลียดมันมั้ยคะ?”

“เกลียดยันเถ้ากระดูกของพวกมันเลยแหละ แค่โดนญี่ปุ่นถล่มนานกิง ฉันยังโกรธทุกครั้งที่ขับรถผ่านมันโหดร้ายเกินมนุษย์”

“ใช่มะ? คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตามไม่มีคนญี่ปุ่นแม้แต่คนเดียวที่โกรธเกลียดอเมริกาด้วยเหตุผลนั้น พวกเขาเป็นมหามิตรที่ดีที่สุด”

“เพราะอะไรคะ?”

“การถอดบทเรียนของสงคราม ความบ้าอำนาจของผู้นำถูกเอามาถกแถลงจนถึงที่สุดและสุดท้ายพวกเขาได้รู้ความจริงว่า แค่หันไปปิดปากจักรพรรดิและขุนศึกศักดินาทุกอย่างก็ยุติ การไม่มีจักรพรรดิ์ดีกว่าสมัยก่อนอีกด้วยซ้ำไป การมีคนอยู่เหนือกฎหมายและมีอำนาจชี้นำทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย”

“แล้วยังไงคะ! คุณจะบอกว่าผู้นำมีปัญหาว่างั้น?” ฉันรู้แล้วว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเธอคือการล้างไพ่

“คนญี่ปุ่นหลังสงคราม ความคิดไม่เหมือนกับยุคก่อนสงครามที่มีแต่ความกระหายเลือด นี่คือตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงแค่บางส่วนของโลก ถ้าฉันทำ...มันจะเปลี่ยนพร้อมกันไปทั้งโลก” สายตาของเธอช่างเยือกเย็นน่ากลัวมาก

“อูย!...แต่มนุษย์ก็ยังเอาเปรียบ ต่อสู้แย่งชิงกันอยู่ดีนะคะ ความลับของสมองมนุษย์ไม่มีใครกำหนดได้ตลอดไปหรอกค่ะ”

“ใช่ค่ะ! แต่จะเป็นการต่อสู้ในรูปแบบอื่นที่ไม่ต้องทำสงคราม ความกลัวมันจะถูกฝังไปในสมองส่วนลึก ทุกคนจะปฎิเสธสงคราม ผู้นำที่ก่อสงครามจะไม่มีที่ยืน ความกลัวมันจะถูกจดจำไว้ที่สมองของพวกเขาเรียกว่า...อะไรน้า?...” เธอเอียงคอครุ่นคิด ฉันอมยิ้มเพราะรู้เรื่องนี้...

“ฮิปโปแคมปัสค่ะ!

เธอกระเด้งยิ้มกว้าง...

“ใช่เลย! ฮิปโปแคมปัส นาตาลีเคยบอกไว้ว่าสมองส่วนนี้จะจดจำทุกสิ่งอย่างที่กระทบจิตใจอย่างรุนแรง เป็นความเข็ดขยาดที่ฝังอยู่ในตัวตนที่มนุษย์กลัวทุกวันนี้ มาจากความทรงจำส่วนนี้และรัฐมันก็รู้เช่นกัน”

“ลึกล้ำมาก! ฉันจับประเด็นได้แล้วคุณเกลียดผู้มีอำนาจที่เลวและอยากอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่ถึงอย่างไรฉันก็ยังอยากจะช่วยคนอยู่ดี” ฉันเข้าใจทะลุปรุโปร่งถึงความคิดของเธอ เราสามารถเดินไปพร้อมกันได้เพราะเป้าหมายเดียวกัน...

“เอาสิ! ฉันจะช่วยคุณ แต่ฉันขอเกาหลีเหนือไว้นะคะ ฉันจะตัดสินใจกับ Soulless ของฉันเอง พวกมันต้องได้รับกรรมอย่างสาสมส่วนชาติอื่น ๆ แล้วแต่คุณเห็นสมควร”

“ทำไมถึงไม่คิดไปรวมกับจีนคะ?”

เธอยืดอกแล้วถอนหายใจ...

“เรื่องยาว ข้อแรก. ในนามของผู้นำต้องปกป้องจนลมหายใจสุดท้าย คุณก็รู้นี่ว่าหวังฉวนเสนอให้รวมกับเขา ถ้าฉันยอมยกแผ่นดินให้จีนแล้วได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาราชินีปกครองประเทศต่อไป แล้วแต่งนิยายบิดเบือนว่า เพื่อเอกราช เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ฉันก็คงไม่ต่างจากเหล่าผู้นำเหล่านั้น เมื่อวันที่จีนประกาศสงครามฉันจะเป็นคนเดินนำหน้าทหารของฉันสู้กับมันเอง ฉันศรัทธาหัวใจของนักรบในสนาม มากกว่าผู้นำบนหอคอย” เด็ดขาดมากจูยอน ฉันยอมรับหัวใจสาวเกาหลีคนนี้แล้ว ผลงานที่ผ่านมาก็บ่งบอกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้พูดเล่น เห็นยิ้มหวานอย่างนี้ก็เถอะ! โคตรโหดเลย

“แต่คุณไม่มีทางชนะจีนได้เลย หรือคุณอาจจะตายได้”

“ฉันตายไปตั้งนานแล้ว!พวกเราต่างเคยโดนญี่ปุ่นกดขี่รู้ซึ้งดีว่าผู้ที่ตายก่อนโชคดีกว่าและฉันเชื่อว่าคนในชาติรุ่นต่อไปก็จะเป็นนักสู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าฉัน ถ้าเขาได้เห็นตัวอย่างการต่อสู้ที่ไม่มีวันยอมแพ้” นี่ฉันกำลังนั่งฟังนางพญามดขู่แม่ไก่หรือไงวะ? ใจคอทำด้วยอะไรไม่มีความกลัวเลยรึไง?

“แต่การรวมกันก็ปลอดภัยกว่านะคะ” ฉันต้องการให้เธอพูดความในใจออกมาให้มากที่สุด อะไรที่ซ่อนไว้คายออกมาให้หมด

“ถ้าชนะก็ปลอดภัยเหมือนกัน ฉันพูดจริง ๆ นะคะถ้าพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่มีโปลิศบูโร ฉันจะหายตัวไปรวมกับหวังฉวนตั้งนานแล้ว เราก็รู้เหมือนกันว่าสังคมนิยมมีความสุขมากกว่าทุนนิยม เราต้องปลดอำนาจผูกขาดของผู้ปกครองเผด็จการให้หมดแล้วมาแข่งขันกันอย่างยุติธรรม” เธอพูดโดนใจมาก รู้สึกถูกใจในความใจกว้างลึกซึ้ง ไม่ได้ยึดติดกับชาตินิยม ไม่ยึดติดกับตัวเอง เธอทำเพื่อมวลมนุษย์อย่างแท้จริง ฉันตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปต่อได้อย่างไร...

“คุณสัญญาแล้วนะ!” ฉันรีบเข้าไปจับมือ

“จริงสิคะ!  ถ้าฉันยึดอำนาจจากคนเลวได้ คุณนั่นแหละที่จะเป็นผู้นำของโลกอนาคต”

“บ้า! ฉันไม่เคยคิดไกลขนาดนั้น” ฉันจะกลับไปรัฐฉานใช้ชีวิตสงบกับซอนที่นั่น แต่ก็ดีใจที่เธอให้เกียรติขนาดนั้น

“คุณเลยกลายเป็นเพื่อนรักกับนาตาลีไปเลย คิดยังไงคะ?” จูยอนเคาะกะลาปล่อยให้หมายิ้มค้าง เลี้ยวเปลี่ยนเรื่องซะงั้น

“อืม!...ฉันนิสัยไม่ดีเองแหละขี้อิจฉา ก็คนมันเป็นที่ 1 มาตลอดเว้ยเฮ้ย! พอนาตาลีเหยียบเข้ามาฉันหมองไปเลย ยายดอกเตอร์น่ารักดีคิดดีไม่เคยคิดร้ายกับใคร ใจกว้างและดื้อมาก...เห็นไหมล่ะ! หนีไปญี่ปุ่นเฉยเลย ยัยนี่ไม่ขี้หึงด้วยนะสงสัยต่อมจะเสีย” ฉันนึกถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็ขำ

“นั่นน่ะสิ! หลีกทางให้กันดีด้วยนะ ไม่รู้ในใจคิดอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่คิดค่ะ! นาตาลีไม่เก็บเรื่องพวกนี้ไปคิด เธอไม่หยุมหยิมโกรธก็แว้ดออกมาเลยและอีกอย่างเป็นข้อเสียหรือข้อดีก็ไม่รู้คือ ถ้าเธอตัดสินใจแล้วห้ามไม่ได้ ต้องรอให้เปลี่ยนใจเอง”

“เรื่องนี้จริง!” เธอพยักหน้าหงึก ๆ เป็นอันว่าเห็นพ้องต้องกัน

“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ทหารหนุ่มเดินเข้ามา...

“สหายผู้นำครับ วิทยุจากทหารจีนเรียกมาครับ”

“เพี๊ยะ! จูยอนตบขาฉาดหันมากระเซ้า...เห็นมั้ยล่ะ! มันทนไม่ไหวหรอก บอกแล้วเดี๋ยวมันก็หยุด” ว่าแล้วเธอก็เดินตามทหารเข้าห้องสื่อสารหยิบวิทยุขึ้นพูด

“หนีห่าว!

“หนีห่าวมะ! พลเอกพิเศษ ซีชานครับ”

“หือ! เธอหันมาคิ้วขมวด

ฉันใจหายที่ซีชานเป็นคนติดต่อมาเอง พวกมันไม่ให้ค่ากับประเทศนี้แล้วลดระดับเกาหลีเหนือลงเป็นเพียงสนามฝึกซ้อม ต่อไปพวกมันจะยิ่งรุกรานมากขึ้นแน่นอน ฉันเริ่มคิดถึงนาตาลีแล้วล่ะ!

                                 .......................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม