The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 ตอนที่ 12

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 ตอนที่ 12
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 9
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 9 พ.ย. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


ฟุกุโอกะ

กรกฏาคม ค.ศ.2026

มุมมองสายตา นาตาลี

เมืองที่เคยได้ชื่อว่าประชากรหนาแน่นใหญ่อันดับ 1 ของเกาะคิวชูเหลือเพียงความเวิ้งว้าง ด้วยพื้นดินที่จำกัดจึงอัดแน่นไปด้วยอาคารตึกสูงสัญลักษณ์ความเจริญทางเศรษฐกิจดูหงอยเหงาแต่ยังคงเป็นระเบียบสะอาดตา

“บรื้น...นน!! คิมเยวอนนั่งหน้าคู่กับคนขับยิ้มค้างมองตึกรามบ้านช่องและสิ่งก่อสร้างแปลกตาด้วยความตื่นเต้น เธอนั่งพลิกหน้าพลิกหลังมองบ้านเมืองอย่างสนใจจนรถยนต์เลยออกมาไกลจากเมือง...

“นูน่า! ชอบเหรอ?”สหายคนขับร้องถาม

“ฉันตื่นเต้นมากเลยที่เห็นญี่ปุ่นครั้งแรก ไม่อยากเชื่อว่าขนาดซากศพพวกเลื่อนลอยเต็มถนนทุกสาย แต่มันก็ยังมีกลิ่นอายความเป็นระเบียบ อนนี่ดูถนนสิคะอะไรขนาดนั้นแบนเรียบอย่างกับไม้กระดาน” เยวอนชี้ชวนให้ดูถนนสายยาวที่มีรถจอดตายอยู่ รางรถไฟฟ้าถูกจัดวางอย่างลงตัวทับซ้อนในพื้นที่จำกัด

“เยอะแยะไป!” ฉันอยากจะบอกว่า การหาถนนลูกรังยากกว่า

“ถนนที่หน้าบ้านฉันยังฝุ่นเต็มหัวอยู่เลย เจ้าเนี่ยตอนเด็ก ๆ สำลักฝุ่นเกือบตาย พ่อของสหายกล้ามากที่เอาตะปูไปโรย” เธอเคาะหัวคนขับ

“แล้วปรกติมีรถวิ่งมั้ยล่ะ?” เป็นที่รู้กันว่าเกาหลีเหนือไม่อนุญาตให้คนธรรมดาขับรถยนต์

“ไม่มีค่ะ! มีแต่รถทหาร”  เสียงอ่อยเชียวนะแม่ชาตินิยม

“แล้วคุณรู้มั้ยเพราะอะไร?” ฉันหาเรื่องแหย่เยวอนเล่นก็แล้วกัน

“รัฐบอกว่าไม่ใช่ถนนยุทธศาสตร์ให้รอไปก่อน ฉันเข้าใจเพราะเราต้องสนับสนุนการรบเป็นเรื่องแรก” เธอยิ้มกว้างมั่นใจ

“ไม่ใช่หรอก!

“แล้วอะไรเหรอคะ?” เธอหันขวับกลับมา

“เพราะไม่ยอมเป็นทาสอเมริกาไงล่ะ ดูเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นสิ! อย่างกับคนละโลกกับเกาหลีเหนือเลย”

“อนนี่!.. เยวอนเสียงสูงปรี๊ดค้อนตาขุ่น ฉันต้องเปิดผ้าปิดตาของเธอออกให้หมด การรักชาติเป็นสิ่งที่ดีแต่การหลงชาตินั้นขาดสติจนน่ากลัว

“บรื้น...นน!! รถยนต์แล่นจากฮิโระชิมะลงใต้ไปเมืองฟุกุโอะกะ ด้วยความเร็วสูง ทางด่วนระหว่างเมืองเรียบตรงยาวออกนอกเมือง เจ้าอ้วนสนุกกับการหักหลบสิ่งกีดขวางนั่งหวาดเสียวมาตลอดเส้นทาง

จนกระทั่งได้เห็นสัญลักษณ์ประจำเมืองสูงเด่นสะดุดตา...ฟุกุโอะกะ ทาวเวอร์ ตึกสูงระฟ้าแลนด์มาร์กประจำเมือง

“เยวอนนูน่า! กินข้าวหรือยัง ผมหิว!” เจ้าอ้วนร้องงอแง เมื่อรถยนต์แล่นขึ้นบายพาสออกมานอกเมือง

“ชายทะเล ไปอีกไกลมั้ยล่ะ?”

“ไม่ไกลแล้วครับถึงเมืองนี้แล้ว เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายผ่านเสาแดงข้างหน้าออกไปย่านฟุกุทสุก็ถึงชายทะเลแล้ว” เจ้าอ้วนหมุนพวงมาลัยซ้ายลงถนนสายรอง ป้ายสถานที่ท่องเที่ยวเชิญชวนไปทำบุญปลิวไสว รถยนต์ไต่ลงเนินเขาผ่านวัดนันโซอินทางซ้ายมือ...

“โอ้โหซาจังนีม!...พระนอนสวยจังเลยใหญ่มาก” เธอกรี๊ดลั่นชี้ไปข้างทาง พระทองสัมฤทธิ์สีเขียวด้านองค์ใหญ่นอนตะแคงอมยิ้มมองอย่างเมตตา เธอพนมมือไหว้ประหลก ๆ แล้วหันไปหาแทจุน...

“บ้านเราไม่มีพระเลยเนอะ?” จากท่าทางและสายตาของเธอน่าจะศรัทธาพุทธศาสนา แทจุนหันมองตาใส...

“พระมีไว้ทำอะไรเหรอ?” เขาถามประสาซื่อ

“อ้าว!

“หึหึหึ!” ฉันแอบขำสองพี่น้องคุยกัน ในประเทศที่ศาสนาเฟื่องฟูเด็กรุ่นใหม่ยังไม่นับถือเลย ประสาอะไรกับประเทศที่ผู้นำเป็นใหญ่พระเจ้าองค์ไหนจะกล้าโผล่หัวขึ้นมา ผู้นำเกาหลีเหนือเป็นหนามยอกอกของผู้นำทุกศาสนาที่อ้างพระเจ้าเป็นใหญ่ ผู้จาริกตายตั้งแต่อ้าปากเผยแผ่เรื่องความเชื่อของตน

เยวอนท่าทางยังข้องใจกับแทจุน...

“ออมม่าไม่เคยพาสหายไปไหว้พระที่วัดพโยฮุนซาเหรอ?” เธอทำหน้าแปลกใจ เกาหลีเหนือเหลือวัดพุทธเพียง 4 วัดกระจุกรวมกันที่ฟาร์มเลี้ยงกวางน้ำของจูยอนบนภูเขากึมกัง

“ไม่เคยครับและไม่รู้จักด้วย” เจ้าอ้วนเสียงดังฟังชัด

“งั้นช่างมันเถอะ! เดี๋ยวมีตลาดอีกหรือเปล่าไปหาอะไรกินที่นั่นก่อนก็ได้?” เธอตัดจบเรื่องอ่อนไหว ศาสนาในเกาหลีเหนือต้องอยู่อย่างเจียมตัวมีอิทธิฤทธิ์เมื่อไหร่ไฟไหม้อาศรมทุกที แค่ผู้นำเดินผ่านผู้ทรงศีลยังต้องวางคัมภีร์

“มีครับเลยไปอีกนิดเดียว” เจ้าอ้วนยิ้มถูกใจสนแต่เรื่องกิน

“แทจุนรู้จักแถวนี้ละเอียดเลยนะ รู้ได้ยังไง?” เยวอนหันมองข้างทาง ฉันก็แปลกใจที่เจ้านี่รู้มากอย่างกับเป็นเจ้าของพื้นที่

“ก็พอจำได้บ้างครับ ผมขับรถผ่านแถบนี้ทุกวัน นินจาเซมสอนไว้ว่าให้จดจำข้างทางจะได้ไม่หลงทาง”

“เก่งมาก!” เยวอนยีหัวน้อง ฉันคิดเอาเองว่านิสัยคนขับรถคงต้องจดจำเส้นทางล่ะมั้ง พวกเขามาตั้งหลายวันแล้วถ้าไม่รู้อะไรเลยนี่สิ น่าแปลก!

“บรื้น...นน!! รถยนต์แล่นผ่าเมืองร้างริมทะเล ร้านค้ายังเปิดตามปรกติแต่ไม่มีพ่อค้าแม่ค้า ฝุ่นจับหนาคาดว่าคงไม่ได้ปิดมาตั้งแต่วันที่โดนนกหวีดเมื่อหลายปีก่อน

“สหายไม่จอดที่นี่เหรอ?” เยวอนหันมองร้านค้าข้างทางเมื่อรถยนต์แล่นเลยไป

“ข้างหน้ามีอีกครับ ก่อนถึงท่าเรือมีร้านใหญ่ ๆ เยอะเลย ผมคิดว่าต้องมีอาหารมากกว่าที่นี่แน่ครับ” เจ้าอ้วนชี้ไปข้างหน้า ฉันได้แต่คิดในใจร้านค้าถูกปล่อยทิ้งไว้ตั้งหลายปีอาหารที่มีก็เน่าเสียทั้งนั้นเลย

“ตอนขามาสหายมายังไงกัน?” สองพี่น้องชวนกันคุย ฉันมองออกไปข้างถนน Soulless สภาพดูไม่จืดเดินกระจายกันไป

“พวกเราขึ้นรถไฟมาลงเรือที่เมืองปูซาน แล้วสหายทหารขับเรือมาส่งที่ย่านฟุกุทสุนี่แหละครับ ครั้งแรกสหายทหารก็จะฉีดวัคซีนที่นี่เลย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าไปที่ฮิโระชิมะและเมืองฟุกุยามะครับ” เจ้าอ้วนเลี้ยวขวาสไลด์ผ่านวงเวียนแล้วเลี้ยวซ้ายตูดสะบัดออกไปชายหาด รู้สึกสดชื่นได้เห็นคลื่นทะเลสะท้อนฟ้าครามงามระยิบระยับ

“ชำนาญเส้นทางจังเลยนะ”

“ผมตระเวนจนทั่วหมดแล้วครับ เอารถบรรทุกมาตามจับพวกเลื่อนลอยไปฉีดวัคซีน”

รถยนต์แล่นผ่านแหล่งเริงรมณ์ บาร์เหล้าร้างริมทะเลเยวอนกระเด้งชอบใจ...

“ว้าว! เป็นระเบียบมากเลยนะคะ น่าประทับใจมากแต่ฉันก็เกลียดมันอยู่ดี ประเทศนี้ก็เป็นศัตรูของเรา” เธอยังคงแค้นฝังใจกับญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้องยอมรับว่าทหารญี่ปุ่นเลวร้ายมากสร้างบาดแผลลึกให้กับประเทศเกาหลีและจีน

แต่ถ้าเธอยังคิดแบบนี้จะเดินหน้าต่อไปลำบากและจะกระจายความเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างไม่รู้ตัวให้กับคนรอบข้าง ฉันต้องเตือน...

“เยวอน! อดีตมันผ่านไปนานแล้ว ถ้าอยากมีความสุขต้องเริ่มต้นใหม่ คนที่ก่อเหตุก็ตายไปหมดแล้วคนรุ่นหลังก็ไม่รู้จะคืนความถูกต้องให้อย่างไร ถ้ายังคงคิดร้ายต่อกันรอยยิ้มไม่เกิดขึ้นแน่”

“ทำไมฉันต้องยิ้มให้มันด้วย ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมสหายต้องมารักษาให้พวกมันด้วย” เธอหันมาชำเลืองตาขุ่น ตกลงเธอจะเป็นน้ำเต็มแก้วสินะ

ฉันอมยิ้มใจเย็น...

“ไม่น่ารักเลย หน้าตาก็สวยแต่จิตใจไม่สวยเลย”

“ต้องให้อภัยพวกมันแล้วก็รักษาให้ด้วยเหรอถึงจะสวย มันแค้นใจสหายเข้าใจมั้ยคะ? มันแค้น!...”

“มันเป็นเกมการเมือง แค่เรื่องเล่าของผู้ปกครองที่ต้องการปั่นหัวคนในชาติให้เข้าข้างตัวเอง คุณเป็นนายทหารต้องแยกแยะชิ้นส่วนความคิดให้ได้เหมือนกับที่เจ็ทโด้เซมสอนให้เราถอดกลไกของปืนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย”

เยวอนทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออก...

“อนนี่ไม่เข้าใจหรอก พวกมันทั้งฆ่าและข่มขืน พวกผู้ชายก็โดนบังคับไปเป็นทหารตายในสงครามที่ไม่ใช่ของตัวเอง ไม่มีบ้านไหนเลยที่ได้อยู่กันพร้อมหน้า” ทำไมฉันจะไม่เข้าใจเกาหลีใต้ไม่เคยยกโทษให้ญี่ปุ่น

รัฐมักจะสอดแทรกสงครามระหว่างประเทศลงไปในแบบเรียนเพื่อให้เด็กเลือกข้างอย่างแนบเนียน กรอบความคิดของคนในชาติถูกขีดจากผู้มีอำนาจให้เชื่อและคิดไปในทางเดียวกัน บางเรื่องถูกแต่งขึ้นมาเพื่อสร้างบารมีให้ผู้นำด้วยซ้ำไป ฉันขยับนั่งตรงกลางระหว่างทั้งสองคน...

“เยวอนคะ ญี่ปุ่นจะทำอย่างนั้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีคนเกาหลีชี้ช่อง ถ้าคุณจะโกรธต้องโกรธคนในชาติเดียวกันที่เปิดประตูให้ญี่ปุ่นเข้ามา และขอถามหน่อยว่าผู้นำสมัยนั้นทำไมไม่สู้กับมัน ใครเป็นคนสั่งให้ยอมแพ้? แล้ววันนี้จะมาแค้นอะไร?”

“ไม่มีคนอย่างนั้นในเกาหลีเหนือแน่ คนเกาหลีไม่หักหลังพวกเดียวกัน” เธอเถียงทุกเม็ด

“ทำไมคุณถึงไม่ยอมเป็นนางบำเรอของท่านผู้นำล่ะ สุขสบายใคร ๆ ก็อยากเป็นเมียคนรวยทั้งนั้น ได้แต่งตัวสวยได้ออกงานหรู” ฉันรู้ว่าเธอโกรธเกลียดท่านผู้นำมากในเรื่องนี้

“เอ่อ! มันหลอกฉันค่ะ” เธออึกอักหันมองแทจุน

“ใครคะ?” ฉันจี้ต่อ

“ก็ครูที่โรงเรียนนั่นแหละหลอก! บอกว่าฉันถูกคัดเพื่อเข้าเรียนดาราศาสตร์ขั้นแอดวานซ์ มีโอกาสได้เป็นนักบินอวกาศ เลวมาก!

“อ้าว! ไหนนูน่าบอกว่าไม่มีคนแบบนี้ในเกาหลีไงล่ะ!” เจ้าอ้วนหันขวับเยวอนถึงกับนิ่งค้าง

“เยวอนคะ! ฉันกำลังจะบอกว่า ถ้ายังยึดติดกับโฆษณาชวนเชื่อโดยไม่คิดวิเคราะห์ให้ดี คุณจะแค้นอย่างไม่มีเหตุผล คุณหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้หรอกว่า จริง ๆ แล้วคุณโกรธญี่ปุ่นเรื่องอะไร คุณเคยเกลียดคนฝั่งใต้ฉันนี่ไงคะคนฝั่งใต้ คุณเคยเกลียดอเมริกาฉันอีกนั่นแหละที่เติบโตมาจากที่นั่น แต่ไม่มีใครเคยสอนให้ฉันเกลียดคนเกาหลีเหนือ”

“เอ่อ!” ทั้งสองหันมามองหน้าฉันแล้วหันไปสบตากัน แทจุนออกตัวเสียงดัง...

“ผมไม่เคยเกลียดซาจังนีมนะครับ”

แต่...

“สหายไม่เป็นฉันก็ไม่มีวันเข้าใจ ฉันจะไม่ให้อภัยพวกมัน” เยวอนรักชาติยิ่งชีพคนแบบนี้แหละที่องค์กรต้องการ

ฉันถือโอกาสนี้สอนคังแทจุนไปด้วยทีเดียว...

“เยวอนคะ...ถ้าคุณเชื่อสุดหัวใจอย่างนั้นก็ดีค่ะ ต่อไปถ้าคุณมีลูก อย่าลืมเอาความเจ็บปวดไปยัดใส่มือลูกด้วยล่ะ เราต้องสร้างวงจรการล้างแค้นต่อไปอย่าให้ลูกหลานได้พบความสงบสุข อย่าให้พวกเขาได้มีเวลาคิดสร้างสรรค์ ให้พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้นทุกวัน จากรุ่นสู่รุ่นจนกว่าญี่ปุ่นจะล่มสลายหรือจนกว่าลูกหลานในตระกูลของคุณโดนฆ่าตายทั้งหมด นี่ใช่มั้ยคือสิ่งที่คุณต้องการฉันจะได้เข้าใจไว้”

“นูน่าคิดไปคนเดียวเถอะ! ผมเชื่อซาจังนีมแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว” แทจุนทิ้งพี่สาวก่อนเลย เยวอนยังคอแข็ง

“เยวอนคะ! ฉันจะบอกอีกครั้งนะคะหาเวลาว่างไปนั่งคุยกับสหายจูยอนหรือนินจาเซมก็ได้ ถามทุกอย่างที่คาใจของคุณแล้วก็ถกกับเขาให้ถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นคุณจะคุยกับพวกเราไม่รู้เรื่อง” ฉันแตะไหล่ของเธอเบา ๆ แล้วหงายหลังพิงเบาะ

“ผมเข้าใจที่ซาจังนีมพูดครับ เมื่อเรานอนหลับเมื่อวานก็ออกจากร่างไปวันพรุ่งนี้ก็เข้ามาแทน เมื่อตื่นขึ้นมาก็อยู่กับวันนี้ให้ดีที่สุดครับ”

“เก่งมากแทจุน!

“ได้ค่ะ! ฉันจะไปคุยกับสหายจูยอนก่อน แต่ตอนนี้ฉันก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจ คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ!

“เรื่องอะไรคะ?” ฉันใจคอไม่ดีกลัวเธอจะวกกลับมาบ่นเรื่องฉีดวัคซีน

“ฉันไม่ชอบเลยที่ต้องไปดูแลทหารจีน ไอ้นั่นเข้ามาโจมตีบ้านเราก่อน ยังดีนะที่ไม่มีรายงานว่าทหารของเราตาย ฉันเชือดคอมันแน่! เธอโกรธไปอีกเรื่องค่อยโล่งใจ ฉันแอบสงสารเธอเลยชวนมาเที่ยวญี่ปุ่นด้วย เธอโดนไป่ไป๋แกล้งสั่งย้ายไปเป็นพัศดีซะงั้น

“อึดอัดก็ไม่ต้องทำ” ฉันเข้าใจมาก งานไม่มีวันเป็นเลิศได้ถ้าไม่มีความชอบเป็นต้นทุน

“ลำบากใจจังเลย มันเป็นคำสั่งค่ะ”

“ใครกันบังคับขนาดนี้? นิสัยไม่ดี! ฉันปรี๊ดเรื่องนี้ยอมไม่ได้ ฉันเกลียดการโดนบังคับที่สุด

“แอนนาอนนี่ค่ะ! ฉันยังหาเหตุผลไม่ได้เลย ทำไมต้องทำดีกับมันด้วย ฉันไม่เอามันทำผัวแน่” เยวอนหน้ายุ่งไม่สบอารมณ์ แต่ฉันจำได้ว่าเจ็ทโด้เคยสั่งให้หมวดจางมาดูแลเชลยนี่นา ออกตัวแรงไม่ได้แล้ว...

“คนอย่างแอนนาอนนี่ไม่ทำอะไรเล่น ๆ หรอก เธอต้องคิดอะไรลึกซึ้งแน่ ๆ ไป่ไป๋เซมไปเยี่ยมบ่อยมั้ยคะ?” ฉันเปลี่ยนเป็นแทงกั๊กไปก่อน ถ้าเข้าไปยุ่งจะเสียแผนโดนหมวดจางด่ายับแน่ อย่าไปยุ่งกับเธอดีที่สุด

“บ่อยค่ะมาคนเดียวด้วย! ฉันสงสารเธอมากเลยทำงานหนักมากกว่าทุกคน แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ยังฝืนยิ้มใจดีให้กับทุกคน ไป่ไป๋เซมมีน้ำใจมาก ตอนแรก ๆ ก็ทะเลาะกับไอ้ทหารนั่นบ่อยมาก แต่เธอก็อดทนจนหลัง ๆ มันเกรงใจเธอมากขึ้น”

“รักไป่ไป๋เซมมั้ย?”

“ชอบค่ะ”

“เธอเป็นคนจีนนะ ไม่เกลียดเหรอ?”

“เอ่อ! ก็ไม่เหมือนกับไอ้ทหารนั่นนี่คะ ไป่ไป๋เซมมาเพื่อสร้างเสริม แต่ไอ้นั่นมันเข้ามาทำลายนะคะ”

“ฝากไปคิดอีกเรื่องนะคะ อย่าเหมาว่าคนจะเลวเหมือนกันหมด ถ้าคุณเกลียดทหารก็ไม่แปลกหรอก แล้วทุกวันนี้...คุณคุยกับเขาหรือเปล่าคะ?”

เยวอนวืดตาขวาง...

“ฉันทะเลาะกับมันทุกวันมันชอบกวนใจ ก่อนจะมาที่นี่ก็ล่อกันซะ 1 ยก ป่วยบ่อยเหลือเกิน อ้อนเก่งต้องเช็ดตัว ต้องพยุงข้าวก็กินไม่ได้ต้องป้อน ถ้ากลับไปจะหาเรื่องทะเลาะกับมันอีก คอยดู้! เสียงสูงปรี๊ด

“ทะเลาะกันบ่อยเหรอ?” น่าสงสารจริง ๆโดนบังคับไปทำงานที่ตัวเองไม่ชอบ ฉันจะช่วยได้ยังไงดีนะกลับไปต้องขอเจรจาสักหน่อยแล้ว

“อ่อ! ตั้งแต่มันเลิกงอแงกับไป่ไป๋เซมนั่นแหละค่ะ ฉันซวยเลย...”

“ทะเลาะอะไรกันนักหนา?”

“ไม่รู้! ไม่ชอบขี้หน้าเลย วันนี้ได้กินข้าวหรือยังก็ไม่รู้ น้ำก็ไม่ค่อยจะอาบบ้าแต่ออกกำลังกาย ไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ก็ลงไปนอนพื้นบ้าน กวนตีน!

“โน่นอะไรครับ?” เจ้าอ้วนขัดจังหวะชี้นิ้วออกไปกลางทะเล...

เสาไม้กลมสีขาว 2 ต้นคาน 2 ชั้นพาดอยู่ด้านบน ถัดออกไปด้านหลังเป็นเกาะเล็ก ๆ คู่กัน สายเชือกโยงเหมือนสายสิญจน์ของเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวในวันรดน้ำสังข์ เสาขาวคู่เป็นเหมือนประตูสู่วิวาห์ที่ตั้งสงบอยู่กลางทะเล

“เสาสีขาวคู่นั่นมันคืออะไรครับ ผมเห็นในเมืองเยอะเลยแต่สีแดง” เจ้าอ้วนร้องถาม เยวอนหันมามองหน้าด้วยความสนใจ

“เขาเรียกว่าเสาโทริอิมีเฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น ปรกติมีแต่สีแดงอันนี้เป็นสีขาวเพราะเป็นความเชื่อว่า บริเวณนี้เป็นต้นกำเนิดของเทพเจ้าทุกองค์ของศาสนาชินโตค่ะ เห็นเกาะด้านหลังมั้ยคะ?”

“ครับ! มันชื่อเกาะอะไรครับ?”

“เมโอโตอิวะ เกาะบ่าวสาวค่ะ” ฉันอ่านป้ายตอบน้อง

“ซาจังนีมเก่งที่สุดเลย” เจ้าอ้วนประจบเก่ง

“ข้องใจอะไรอีกมั้ย?”

“เอ่อ! ผมหิวข้าว”

“หึ!หึ!หึ!”  เยวอนขำ เขาชี้อีกครั้ง...

“นั่นเครื่องบินของใครครับ?” สายตาของเขาดีมากเครื่องบินเล็กเท่าเม็ดถั่วกลางทะเลยังมองเห็น

ทันใดนั้น วิทยุของเยวอนก็ร้องขึ้น...

“สหายเยวอน! เครื่องบินรบของจีนบินหลงเข้ามา พาซาจังนีมหลบไปก่อน อย่าเคลื่อนไหวให้มันเห็นนะ!” ทุกคนได้ยินกันเต็มสองหู เอาอีกแล้วฉันออกไปไหนไม่ได้จริง ๆ มีแต่เรื่องให้ต้องวิ่ง

“เย่!” เธอหันบอกแทจุน...“ได้คำตอบมาแล้วของทหารจีน หนีเร็ว!” เยวอนตีแขนเจ้าอ้วนรัว ๆ ฉันก้มหลังมองไปด้านหน้าท้องน้ำเดือดเป็นเส้นตรงเข้ามา รู้ได้เลยว่าพวกเราหลบไม่ทันแล้ว

เจ้าอ้วนชี้นิ้ว...

“ฝนตกเหรอครับทำไมมันเหมือนกับว่าสายฝนมันวิ่งมาหาเราเลย”เด็กน้อยไม่รู้จักสายกระสุนจากเครื่องบินรบ จนกระทั่งมันผ่ากลางเรือประมงชายฝั่งจมทั้งลำ

“แทจุนไม่ใช่สายฝน มันยิงปืนใส่เราตะหาก เผ่นเร็ว! เข้าเมืองเมื่อกี๊ทันมั้ย?” เยวอนทุบไหล่รัวรัว

“บรื้น!บรื้น!บรื้น! เจ้าอ้วนเบิ้ลเครื่องยนต์แล้วม้วนพวงมาลัย...

“เอี๊ยด!!! กดคันเร่งสุดรถหมุนเป็นวงกลมหันหัวกลับด้าน ฉันคุ้นชินกับการขับแบบนี้แล้ว

“บรื้น...นน!! จากการนั่งรถชมวิวเพลิน ๆ ทุกอย่างกลับตาลปัตรเป็นหัวสั่นหัวคลอน อารมณ์สุนทรีย์กลับกลายเป็นตึงเครียด เจ้าอ้วนสวมหัวใจสิงห์ขับรถยนต์พุ่งทะยานกลับมาบนถนน ดอกไม้สองข้างทางบานสะพรั่งสีสดใสไม่ได้กล่อมเกลาความกลัวในจิตใจเลย

ฉันนั่งลุ้นตาตื่น หันกลับไปหัวใจหลุดกระเด็น แหกปากร้องลั่น...

“แทจุนจรวดมาแล้วหลบเร็ว!จรวดพุ่งตรงมาที่หน้าของฉัน

“เอี๊ยด...ดด! เขากระชากพวงมาลัยท้ายสะบัด...

“บรึ้ม...มม!!ระเบิดลงคาตา

“บรื้น! ฉันหัวสั่นหัวคลอน รอบข้างเคลื่อนที่เร็วจนมองไม่ทัน รถยนต์แล่นเข้าถนนรองวิ่งเลียบคลองส่งน้ำ

“เมื่อกี๊! เราไม่ได้มาทางนี้นี่นา แทจุนจะไปไหน?” เยวอนร้อง

“ไปตามทางนี่แหละครับ ผมก็ไม่รู้ ” แทจุนปล้ำพวงมาลัยลุยเลียบลำคลอง

“บรื้น...นน!!สองข้างทางเป็นท้องนาแห้งกรอบ ท้องฟ้าใสเปิดโล่ง

“แทจุน! ไปทางนี้ไม่ได้ ฟ้าโล่งหนีไม่ทันหรอก!เยวอนร้องลั่น

“ฮึ! แทจุนชักขารถชะลอความเร็ว ฉันตบไหล่...

“ถอยไม่ได้นะ! แทจุนใส่ให้หมด” หยุดไม่ได้เด็ดขาด ระยะทางจากนี่ไปทางแยกข้างหน้ามีลุ้นมากกว่า

“ฟ้าว!! เครื่องบินโฉบลงมาดักหน้า ในขณะที่รถยนต์ก็พุ่งเข้าหา

“.........” ภายในรถยนต์เงียบกริบ ทุกสายตาถลนลุ้น

“พ้นแน่นะ! ทันแน่นะ! เยวอนร้องลั่น หัวใจฉันแทบหยุดเต้น

คังแทจุนแก้มยุ้ยสายตานิ่งกัดกรามจนแก้มป่อง สายตาจับจ้องเครืองบิน เท้ากดคันเร่งมิด...

“บรื้น...นน!! หัวใจวัยรุ่นของเด็ดเดี่ยวเสมอ รถยนต์พุ่งเข้าไปหา

“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด! ห่ะ! กระสุนพุ่งมาแล้ว...

“บรึ้ม!สายกระสุนฉีกรถกระแท้ด้านหน้าผ่าซีก...

“แน่ใจนะ! ซาจังนีมอยู่ด้วยนะ! เยวอนตาเหลือกหุนหัน

“นูน่านั่งดี ๆ” แทจุนใจเย็นมาก

“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!

เธอแหกปากร้องอีกครั้ง...“โดนแล้ว! โดนแล้ว! กระสุนใกล้จนฉันต้องหลับตา

“ระวัง! แทจุนหักพวงมาลัยขวา

“วูบ! ฉันล้มฟาดเบาะหลัง

“ครืด!! ท้ายสะบัดรถยนต์สไลด์ขวางถนน

“เป๊ง!เป๊ง!เป๊ง! สายกระสุนโดนฝากระโปรงท้ายกระจกปลิวหายด้านหลังโหว่ลมเย็นวาบ

“ว้าย! ฉันกระโดดกอดเบาะของแทจุน

“อนนี่ข้ามมา!เยวอนดึงมือ

“ไม่เป็นไรเบาะยังอยู่!” ฉันรู้สึกหวิวหลัง

“บรื้น!!!แทจุนหักพวงมาลัยซ้ายรถสไลด์กระแทกป้ายบอกระยะ อีก 500 เมตรถึงสามแยกข้างทางหักกระเด็น รถยนต์กระชากตัวลงถนนเล็กผ่าท้องทุ่ง...

“ซ้าย!เยวอนสั่ง

“บรื้น!!!... แทจุนแทบจะถอดแบบมาจากครูของเขาทั้งดุ้น ขับรถยนต์ดุดันสะใจมาก ฉันเชื่อใจเขามากขึ้น

“แทจุน! มิดไมล์เลย มันมาแล้ว” ฉันตีเบาะให้สู้ถึงเวลาต้องวัดใจ ด้านหลังรถยนต์เปิดโล่งเสียวตูดมาก...

“บินได้ก็บินไปเลยนะ แทจุน! ฉันตะโกนกรอกหู

“เย่!

“บรื้น!!!... ฝ่ายรับหนีสุดชีวิตฝ่ายรุกตามติดจ่อตูด เครื่องบินรบSu-27 ปักหัวลงเตรียมยิง

“เข้าตลาดไปเลย! ฉันชี้ไปที่สะพานไม้ข้ามคลอง

“เย่!

“บรื้น...นน!! รถยนต์แล่นขึ้นสะพานลอยข้ามคลองข้ามถนนเข้าไปในตลาดหลังคาโค้ง

“ตึง!ตึง! โครม! คราม! รถสะบัดชนข้าวของเปิดทาง

“บรื้น!!...รถยนต์ไม่ลดความเร็ว พุ่งใต้โครงหลังคาโค้งชนข้าวของกระเด็นชิ้นเนื้อปลาเน่ากระจายเหม็นหึ่ง ฉันหันมองกลับไปด้านหลังมันหายไปแล้ว

“เครื่องบินหายไปแล้ว ลุยทะลุออกด้านหน้าไปเลย”

เจ้าอ้วนกดคันเร่งส่ง...

“บรื้น!!!! รถยนต์พุ่งพรวดเข้าซอยบีบจนต้องบิดตัวลุ้นตาม แทจุนกระหยิ่มยิ้มย่องมันส์ในอารมณ์หักหลบเข่งปลาตะกร้าหอย จนถึงแสงสว่างจ้าของทางออกลานจอดนอกหลังคาอีกด้านของตลาด

“ไปเลย แทจุน! ฉันสั่งลุย

ทันใดนั้น...

“โครม!คราม! กระแสลมพัดผ้าเต็นท์และป้ายโฆษณากระจุยกระจาย ก่อนเครื่องบินรบจีนจะค่อย ๆ ลดระดับลงมาดักหน้าปิดทางออก

“เหวอ! เยวอนตาเหลือกเอาเท้ายันคอนโซลหน้า

“เอี๊ยด...ดด!!!!แทจุนกดเบรกหัวทิ่ม ฉันกอดเบาะด้านหลังแน่น รถยนต์จอดสนิททุกชีวิตฝากไว้กับเขา

“แทจุนเอายังไง ซาจังนีมอยู่ด้วยนะ?” เยวอนลั่น...

“ตึกตึก! ตึกตึก! ตึกตึก!

ในสถานการณ์เลวร้ายทุกดวงใจจดจ่อ คังแทจุนหนุ่มน้อยกำพวงมาลัยสายตาจับจ้องไปที่เครื่องบินรบ เหลือบซ้ายมองขวาคำนวณในใจ เขาค่อย ๆ เบิ้ลเครื่องจากช้า ๆและเร็วขึ้น ...

“บรื้น!บรื้น!บรื้น!!... เครื่องยนต์เซลิก้าคำรามลั่นล้อปั่นฟรีควันขโมง รถยนต์ค่อย ๆ หมุนตัวกลับลำในพื้นที่จำกัด

ในพริบตานั้น...

“ฟุ่บ! จรวดถูกยิงออกมาในระยะเผาขน ฉันตาปลิ้น...

“ไม่ทันแล้ว!”...

“เอี๊ยด!!... รถยนต์พุ่งพรวดเข้าไปในร้านค้า ชนข้าวของภายในร้านพังพินาศกระจกแตกยับ สิ้นฤทธิ์ตายสนิทอยู่กลางร้าน

 

                              ................................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม