The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 ตอนที่ 18

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 9 ตอนที่ 18
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 9
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 9 พ.ย. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


พยองยาง

มุมมองสายตา ซอน

สิงหาคม ค.ศ.2026

ผมเฝ้ามองเด็ก ๆ ชายหญิงด้วยความภูมิใจเมล็ดพันธุ์ที่ดีแม้ตกในที่กันดารก็เติบโตสวยงาม พวกเขากำลังโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่พร้อมด้วยความฝัน หลายคนได้เข้าทำงานที่ชอบอีกหลายคนกำลังค้นหาตัวตน

“เซมครับ! จะกลับบ้านแล้วเหรอครับ?” ซนบ๊กซูเดินเข้ามาในห้องทำงาน

“ผมจะไปกังซูสักหน่อย วันนี้สหายพอแค่นี้เถอะปล่อยเพื่อนกลับบ้านได้แล้ว” ผมหันไปตบไหล่คนสนิท

“ปล่อยแล้วครับแต่พวกเขายังไม่กลับกันเองส่วนผมรอพวกหัวหน้าหน่วยอยู่ครับวันนี้พวกเรานัดประชุมกัน” เขาทำงานได้ดีเกินคาดหมาย

“สหายไม่ต้องหักโหมมากนักนะ อย่าเครียดกับงานมันไปกดดันเพื่อน เข้าใจมั้ย?”

“อารัสซอโย! วันนี้แค่ประชุมสรุปปัญหาต่าง ๆ เสร็จแล้วจะรวบรวมเอามาให้เซมช่วยวางแผนแก้ปัญหาครับ”

“ดีมาก ! สหายเหนื่อยมากกว่าทุกคนเลยนะ รักษาสุขภาพด้วยผมไปก่อนนะ!” ผมเดินออกจากห้องทำงานมาเจอเยวอนยืนเหม่ออยู่

“เยวอนมีอะไรมั้ย? ยังไม่กลับอีกเหรอ?”

“ไม่มีค่ะ! ฉันจะกลับค่ายโชซอน รอลาเซมก่อนค่ะ”

“งั้นก็กลับดี ๆ นะ!” ผมหมุนตัวเดินลงบันได

“เยวอน!...หูแว่วได้ยินเหมือนเสียงของนาตาลีตะโกนขึ้นมา แต่คิดว่าคงไม่ใช่เพราะเธออยู่กับไป่ไป๋ที่กีจองดอง

“อนนี่!... เยวอนวิ่งหน้าตาตื่นแซงลงบันไดไป

พอผมเดินลงมาถึงชั้นล่างก็รู้สึกชื่นใจหายเหนื่อยได้เห็นรอยยิ้มหวานของภรรยาสุดที่รักรออยู่ด้วย...

“ป๊า!เหนื่อยมั้ย?” ยอดดวงใจยิ้มกว้างกางแขน ผมเข้าสวมกอดถามด้วยความสงสัย...

“มาด้วยกันได้ยังไงมีอะไรรึเปล่า?” ผมหันไปมองที่รถยนต์ไป่ไป๋ยกมือทักทาย นาตาลีกำลังคุยกับเยวอน

“ยัยสองคนนั้นมาจากกีจองดองแวะมารับฉันที่ศูนย์วิจัยฯ”

“แต่ผมยังไม่เสร็จงานเลย คุณหมอกับหม่าม้าก็มาเหมือนนัดกันไว้เลย”

“ไป่ไป๋มาด้วยก็สนุกอย่างนี้แหละ เธอเรียกกลับมาหมดทุกคน ป๊าจะทำอะไรต่อ ฉันช่วย?”

“ผมจะไปกังซูว่าจะไปแอบดูอะไรสักหน่อย”

“เล่นลิ้นอีกแระ บอกมาจะแอบดูอะไร?”เมียหยิกแขน

“แอบดูเหรอ? ฉันไปด้วยนะ! นาตาลีตาเหลือกผวาเข้ามากอดเอว หมวดจางมองจิก ไป่ไป๋เบะปากส่ายหน้าเดินเข้ามา...

“หนูกลับบ้านไปเล่นกับน้องแทนดีกว่าคิดถึงหม่าม้าด้วย เจี่ยเจี้ยไม่ต้องไปหรอกอยู่กับหนูนะ!” เธอหันไปกอดเอวหมวดจาง

เยวอนเดินเข้ามา...

“เซมคะ! ฉันไปด้วยนะ ค่ายโชซอนไปทางนั้นพอดีเลย” เธอหันไปกระแซะนาตาลีแล้วยิ้มสายตาดื้อหลุดโลก...

“อนนี่วันนี้เราไปกินเหล้ากัน ฉันเครียดมาก”

“ดีสิ! ไม่ได้กินมักกอลลีนานแล้ว”

“ฉันมีของฮงแดด้วย สุดยอดมักกอลลีเกาหลีเหนือด้วย” สองสาวคึกคักกระดี๊กระด๊า

“ชัมกัน! หมวดจางยิ้มเหี้ยมยกมือขวาง...“ฝันไปเถอะ! ยัยเหน่งขึ้นรถ!เธอหมุนตัวกลับ

“อยากกินก็ไม่บอก!” นาตาลีแหย่แล้วกอดเอวผมไปที่รถยนต์ พอได้จังหวะก็แอบกระซิบ

“ซอนจะแอบดูอะไร?” ดวงตาใสแป๋วเชียวนะ

“เรื่องของผม ไปขึ้นรถ ไป!” ผมชอบเวลาที่เธอดื้อ มันเป็นเวลาที่เธอจะลืมความทุกข์โศก

“บรื้น!!... รถยนต์แล่นลอดผ่านประตูชัยเกาหลีเหนือออกนอกเมือง

           ในฤดูร้อนสองฝากถนนสวยไปด้วยทุ่งดอกหญ้าสีชมพูบานสะพรั่ง ชาวบ้านออกมาเดินเล่นรับลม นั่งรวมกลุ่มคุยกันตามจุดแจกอาหาร

“ป๊านั่นอะไรน่ะ?” หมวดจางชี้ไปที่อาคารด้านข้างผู้คนต่อแถวยาว

“ศูนย์แจกอาหารไงล่ะ ม้าไม่เคยเห็นเหรอ?” ผมแปลกใจศูนย์แบบนี้ตั้งเกลื่อนเมือง

“ป๊าก็!...เรื่องนั้นฉันจะถามทำไม โน่นเดอะแก๊งลุยน้ำไปทำอะไรกัน? ทุกคนช่วยดูทีสิ!” เธอนั่งด้านหน้าชี้ให้ดูกลุ่มคนมุงดูบางอย่างริมสระน้ำกว้าง

ผมชักขายกคันเร่งชะลอรถยนต์ หันไปมองผิวน้ำโยนตัวล้อเล่นกับสายลมยามเย็น ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำเลี่ยยอดเขาใกล้จะหมดเวลาไปอีกวัน ไอ้พวกนั้นลงไปทำอะไรกัน?

“อ๋า! พวกคยองชั่ลค่ะ!” เยวอนนั่งกลางเบาะหลังตอบใบหน้านิ่งมาก

ไป่ไป๋หันมองออกไปเด็กชาย 4 คนกำลังลอยคออยู่กลางสระน้ำ...

“ซอนมีตำรวจแล้วเหรอคะ แล้วพวกเขาลงไปจับอะไรกันในน้ำ?”

“จับปลามั้ง?” นาตาลีไม่สนใจก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเล่มหนา

ผมยิ้มยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ นี่เป็นความก้าวหน้าของเด็กฝึกชุดที่ 1...

“ฝีมือของซนบ๊กซู เขาสร้างทีมตำรวจเอาไว้ช่วยเหลือประชาชนและตัดสินคดีเล็ก ๆ”

“ฮ้า! ตัดสินคดีด้วยเหรอ?” ไป่ไป๋อ้าปากค้าง...“แต่ตอนนี้ยังไม่มีกฎหมายนี่คะ?”

“ใช้กฎหมาย ตาต่อตา”

“หูย!..โหดอ่ะ! ใช้กฎหมายฮัมมูราบีซะด้วย สูญพันธุ์หมดประเทศแน่” ไป่ไป๋ครวญเสียงหลง หมวดจางหันขวับ...

“ยายเหน่งรู้จักกฎหมายนั่นด้วยเหรอ เก่งเหมือนกันนี่หว่า?” เธอยิ้มมองอย่างพึงพอใจ

“เจี้ย! หนูก็จบปริญญานะคะ ไอ้พวกนี้สอนตั้งแต่ชั้นมัธยมปลายด้วยซ้ำไป ใคร ๆ ก็รู้ เนอะ?” เธอหันไปพยักหน้ากับเยวอน

“ฉันไม่รู้ค่ะ! มันคืออะไรเหรอคะ?” เยวอนหน้ามึนมาก ในเกือบทุกเรื่องที่พวกเราคุยกันเธอจะเป็นคนรั้งท้ายหรือไม่ก็คิดไปคนละทางเสมอ

“อ๋า! ฮัมมูราบีเป็นกฎหมายตาต่อตาฟันต่อฟัน ลงโทษผู้กระทำผิดอย่างสาสมในแบบเดียวกับที่เหยื่อโดนกระทำ” ไป่ไป๋ตอบฉะฉานแสดงว่ารู้จักกับกฎหมายโบราณนี้

เยวอนพยักหน้าหงึก ๆ...

“เข้าใจแระ!” เธอสะกิดแขนของผม...

“เซมคะ! อย่างนี้ถ้าเมียโดนผัวกดน้ำตาย ผัวก็ต้องโดนกดน้ำตายด้วยใช่มั้ยคะ?” เยวอนสายตาจิกมองไปที่กลุ่มเด็กกลางน้ำ

“ใช่ครับ!” ผมชักลังเลกับพฤติกรรมของเธอ

“บรื้น!...” ผมชะลอรถยนต์เข้าเทียบขอบทาง ชาวบ้านหอบลูกจูงหลานมาเข้าคิวรับอาหาร ส่วนใหญ่เป็นคนชราและเด็กเล็กที่ไม่ได้อยู่ในวัยทำงาน

เยวอนใส่หน้ายักษ์แสดงอาการโกรธ ชี้ไปกลางน้ำ...

“เชื่อฉันเถอะ! ไอ้พวกนั้นจับคนกดน้ำแน่ ๆ ผู้ชายเกาหลีชอบเมาเหล้าแล้วตีเมีย”

“หือ!เธอทำให้ทุกคนแทบหยุดหายใจ

ผมแปลกใจมาก...ตั้งแต่รวบรวมชาวบ้านได้สำเร็จยังไม่มีคดีใดเกิดขึ้นเลย คนวัยทำงานส่วนใหญ่ต่างก็แสวงหาโอกาสเข้าไปช่วยทำงานในสิ่งที่ชอบกันหมด คนที่โดนคืนชีพก็สงบเสงี่ยมเรียบร้อยลึก ๆ แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อ...

“เยวอนไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง?” ผมชะเง้อมองไปที่ถาดอาหารเห็นขนมหลากหลายสีต้องกินสักหน่อย ขยับจะเปิดประตูแต่เยวอนยังบ่นไม่จบ...

“ไม่งั้นพวกมันจะลงไปทำไม? เซมคิดว่ามันจะลงไปงมหอยรึไงใกล้จะมืดแล้วด้วย?” เธออาการแปลก ๆ ขี้หงุดหงิดมาหลายวันแล้ว หมวดจางชะเง้อมอง...

“คงไม่ใช่หรอกค่ะ! คนมองตั้งเยอะเด็ก ๆ ไม่กล้าทำขนาดนั้นหรอก”

นาตาลีเงยหน้ามองสระน้ำแล้วหันมาหาผม...

“ที่นี่ไม่ใช่เป้าหมายใช่มั้ยซอน?”

“ยังไม่ถึงครับดอกเตอร์” ผมหันไปยิ้มเธอก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
            ผมเอนเอียงไปทางเยวอน ถ้าไม่มีอะไรเด็ก ๆจะลงน้ำทำไม?...

“แต่มันต้องมีอะไรสักอย่างแหละ! ไม่งั้นเด็ก ๆ มันจะลงไปทำไม? ผมไปกินขนมดีกว่า” ผมเปิดประตูรีบเดินไปต่อแถวหลังสุด มองผ่านอาคารแจกอาหารลงไปที่สระน้ำคอยสังเกตการณ์ไปด้วย

กลุ่มชาวบ้านกำลังปลอบใจผู้หญิงกลางคนอยู่ริมน้ำ ท่าทางของทุกคนในบริเวณนี้ดูกังวลใจชะเง้อคอมองไปกลางน้ำบ่อย ๆ

“อย่าคิดมากเลยถือว่าหมดเวรหมดกรรมก็แล้วกัน” การปลอบใจเป็นวิธีแสดงออกถึงความห่วงใย แต่อีกมุมอาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้เสียใจหนักกว่าเก่าก็ได้

“ลูกแม่ ฮือฮือ! กลับมานะ อย่าเอาลูกฉันไป” เธอร้องไห้ฟูมฟายเอื้อมมือไขว่ขว้า ในฐานะของคนเป็นพ่อชักใจไม่ดีที่ได้ยินคำว่า ลูก

“คยองชั่ลลงไปแล้ว พวกเขาจัดการได้” เพื่อน ๆ ช่วยกันปลอบใจ

“แควนจาน่า แควนจาน่า” เสียงปลอบประโลมให้ใจเย็นไม่อาจหยุดยั้งความเสียใจร้าวระบมลงได้ เธอตีอกชกตัวอย่างสำนึกผิด

ผมมองตามทุกสายตาไปที่กลางสระ เจ้า 4 คนกำลังจ้วงแขนว่ายน้ำเข้าไปหาเรือลำเล็กลอยเดียวดายไกลลิบ พระอาทิตย์ลับยอดเขาไปแล้วใกล้มืดเต็มทนพวกเขาจะกลับมาทันเวลามั้ยนะ เยวอนเดินหน้านิ่งไร้อารมณ์เข้ามาต่อหลังแล้วโวยเสียงดัง...

“มันคงพรากลูกไปจากอกแม่แน่ ๆ จับได้ยิงทิ้งแม่งเลย อย่าให้เป็นเยี่ยงอย่าง” ยายนี่หงุดหงิดงุ่นง่านพาลพะโลพะเลเสียงดังจนเป็นจุดสนใจ สหายคนแจกอาหารหันมา พอเธอเห็นกลุ่มของเราก็รีบวิ่งมา...

“อันยองฮาเซโย! เซมไม่ต้องต่อแถวหรอกค่ะเดินมาเลยเดี๋ยวหมดก่อนจะไม่ได้กิน” เธอดีใจกวักมือระวิง เยวอนขยับเดินออกจากแถว

“จะไปไหน?” ผมคว้าคอ

“ก็ไปเอาขนมไงคะ!” เธอเหรอหรา

“กลับมาต่อแถว!

เธอโดนขัดใจหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ป้องปากหันไปตะโกนลงสระ...

“ไอ้ผู้ชายสารเลวถ้าจับได้ มึงตายแน่!

“...............” เสียงจ๊อกแจ๊กของชาวบ้านเงียบกริบหันมามองเธอ

“ซอนมีเรื่องอะไรกันคะ?” ไป่ไป๋กับหมวดจางเข้ามาเกาะแขนของผมคนละข้าง นาตาลีนั่งอ่านหนังสือไม่ยอมลงมา

“ไม่รู้ว่ะ! คนนี้ร้องไห้หาลูก น่าจะอยู่ในเรือ” ผมชี้ไปที่ผู้หญิงร้องไห้ หมวดจางคิ้วขมวดถามเยวอน...

“เยวอนตะโกนบ้าอะไร? อย่าโฉ่งฉ่างได้มั้ย?” เธอดุเบา ๆ เยวอนงอนปากแบนกระฟัดกระเฟียดชี้นิ้วไปกลางสระน้ำที่ไร้แสงสว่าง...

“ไอ้พวกนั้นเมาตีเมียชอบเอาลูกมาต่อรอง ต้องเอาให้หนัก” เธอวืดหนักเดินออกไปป้องปากตะโกน

“พวกมึงต้องเจอกับกู เกลียดนักผู้ชายแบบนี้”

“ฮือฮือ! ลูกแม่! ฮือ!...” แม่เด็กยิ่งร้องแทบขาดใจ/ผมยังคิดไม่ออกจะเอาไงดีวะ?/

ในขณะที่ผมกำลังจะตัดสินใจเข้าไปยุ่งดีหรือไม่ ทันใดนั้น...

“มาแล้ว! กลุ่มผู้หญิงริมน้ำเฮลั่นกระโดดโบกมือ ผมโล่งอก

“มาเร็ว ๆ ปั้ลลี่!พวกเธอกวักมือเร่ง ระรอกคลื่นกระเพื่อมแรงเงาตะคุ่มของเรือลอยเข้ามาใกล้ตลิ่ง

เยวอนชักปืนสั้นขึ้นมาเช็คลูกกระสุนเสร็จหันมา...

“เซมคะ! ใช้กฎหมายตาต่อตาใช่มั้ยคะ? ถ้าเด็กตายมันต้องตายตามกันใช่มั้ย? ฉันจะยิงหัวมันเอง! เธอเสือกถามซะเสียงดังลั่น กลุ่มที่รออาหารเงียบกริบมองปืนตาค้าง

“ไปรับกัน! กลุ่มผู้หญิงด้านบนดีใจวิ่งลงไปริมตลิ่ง เยวอนกัดฟันเม้มปากถือปืนเดินฉับ ๆ ตามไป หมวดจางส่ายหน้า...

“ล้น ๆ บ๊อง ๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เป็นไบโพล่าเหมือนเธอแล้วมั้ง?”  เธอหันไปยิ้มกับไป่ไป๋ ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ

“ลูกแม่! แม่ขอโทษนะ! ฮือฮือ! คนเป็นแม่ดีใจยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ ทุกคนกรูเข้าไปห้อมล้อมเรือจนมองไม่เห็น

“รอดตายแล้วปาฎิหาริย์มีจริง คัมซามนิดะ!” แทนที่จะขอบคุณเด็กกลับไปขอบคุณใครก็ไม่รู้ ไอ้ 4 คนของผมนั่งหอบเหนื่อยหัวเปียกน้ำทำงานได้น่าสรรเสริญมาก

เยวอนก้าวฉับ ๆ เข้าไปอย่างไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม ยกปืนขึ้นฟ้าไม่พูดพล่ามทำเพลง...

“ปัง!

“ว้าย!วงแตกฮือ...

“เมี๊ยว!... ลูกแมวสีขาวกระโดดดึ๋งออกมา มันหันซ้ายหันขวาแล้ววิ่งออกไปกลางถนน

“ยอนอูลูกแม่! กลับมานะอย่าดื้อสิ คยองชั่ล! ช่วยด้วย” ยายนั่นแหกปากร้องวิ่งตามไป

ผมมึนตึ้บตีหน้าผาก...

“เรื่องส้นตีนอะไรเนี่ยะ! กูมาดูเขาจับแมวทำไมวะ?” ผมอยากจะหยุมหัวเยวอนเหลือเกิน บิ้วท์ซะจนกูเชื่อสนิท

“ฮ่าฮ่าฮ่า!ไป่ไป๋หัวเราะลั่นเดินกลับ
           เด็ก ๆ เสื้อเหลืองตะโกนใส่เยวอน...

“เยวอนเซม! ยิงปืนทำไม ไปจับแมวคืนมาเลยนะ?” พวกเขาวิ่งตัวปลิวไป/ น่าสงสารหน่วยตำรวจของผมทำงานหนักมาก/

“เสียเวลาจริง ๆ ฉันไม่น่าเชื่อเธอเลย” หมวดจางส่ายหัวเดินบ่นกลับไปอีกคน เยวอนวิ่งตามเข้าประกบไม่มีท่าทีจะสำนึกลอยหน้าพยายามอธิบาย...

“ก็ฉันคิดว่า...”

“ไม่ต้อง!” เธอยกมือห้ามแล้วเดินต่อ แต่เยวอนดึงแขน...

“ไอ้ผู้ชาย...”

“หุบปาก! เธอส่งสายตาประหาร เยวอนรีบมุดเข้ารถยนต์นั่งตัวตรงข้างนาตาลี

กลุ่มแม่บ้านหญิงหอบหิ้วห่อขนมเดินเข้ามาหาไป่ไป๋ ผมเดินเข้าไปรวมกลุ่มดูสาว ๆคุยกัน...

“อันนี้ขนมอะไรคะ?” ไป่ไป๋ชี้ไปที่ขนมก้อนกลมเท่าลูกปิงปองวางในห่อสี่แถวสี่สีน่ากินมาก

“อันนี้พัตคยองดันกับพัมคยองดัน! ทำจากต๊อกต้มแล้วเอามาคลุกกับเกาลัด อันนี้ถั่วเหลือง อันนี้พุทรา อันนี้งา อร่อยมากหมดแล้วค่ะ” หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม ยิ้มใจเย็นอธิบายตามสายตาที่เรามอง

ผมหยิบสีเหลืองขึ้นมาพิจารณาหอมกิ่นถั่วเหลือง สุดจะห้ามใจอ้าปากเตรียมกิน...

“ป๊าเอาไปให้ลูกสิ!

“อ๊ะ!”ผมถือขนมค้างแล้วเอาไปวางในห่อ

“หมดแค่นี้เหรอครับ?”

“เย่! หมดแล้ว! พรุ่งนี้เป็นเวรของฉันทำอาหารแวะมาใหม่นะคะ! ฉันจะทำไส้กรอกเลือดกับหนังหมูย่าง ซาจังนีมชอบกินแกล้มเหล้าเมื่อก่อนเธอมาเมาที่หมู่บ้านกับนินจาเซมเกือบทุกวัน”

“เสียดายจังเลย ตอนนี้พวกเราไปทำงานที่กีจองดองโน่น!” เธอชี้นิ้วขึ้นฟ้า

“โอ้โหไกลจัง! เสียดายจังเลย”น้ำเสียงของเธอเสียดายที่เรามาไม่ได้ แต่ผมเสียดายที่ไม่ได้กินขนมสีเหลืองนั่น

ไป่ไป๋รับขนมแล้วโค้งศีรษะบอกลา...

“คัมซาแฮโย! ขอตัวก่อนนะคะมันมืดแล้วฉันมีนัดค่ะ” เธอหันไปกอดเอวหมวดจางกลับขึ้นรถยนต์ ผมหันมองไปที่เด็ก ๆ พวกเขาวิ่งข้ามถนนหายไปในความมืด

....................................................

รถยนต์แล่นต่อไปใต้ท้องฟ้ากว้าง ภูมิประเทศในเกาหลีเหนือในบริเวณเมืองเป็นเนินสูงต่ำที่ราบส่วนใหญ่กลายเป็นแอ่งน้ำ ไป่ไป๋ขยับมาเกาะเบาะคุย...

“ซอนคะ! เมื่อไหร่จะเริ่มค้าขายเหรอคะ จูยอนจะทำเมื่อไหร่คุณรู้มั้ยคะ?”

“ได้ยินว่าเธอจะรอให้เดอะแก๊งอายุครบ 18 ปีก่อนคงจะรอพวกโปรแกรมเมอร์จัดระบบบล็อกเชนด้วยมั้ง?” ผมเคยไปที่ทำงานของกลุ่มแฮกเกอร์ พวกนั้นล้ำมาก

“จูยอนโคตรเจ๋งเลย! อย่างน้อยก็เริ่มต้นด้วยความเท่าเทียม สิทธิ์ของทุกคนเท่ากันได้ด้วยวิธีนี้” ไป่ไป๋เห็นดีด้วย

“มันดียังไงคะ?” เยวอนสวนเข้ามา ไป่ไป๋ขยับอธิบาย...

“มันเป็นโปรแกรมบันทึกตัวตนของคน ๆ หนึ่งตั้งแต่เกิดจนดับสูญ เก็บข้อมูลทุกอย่างในชีวิตไว้อย่างเป็นระบบและลบไม่ได้ ตรวจสอบง่ายใช้งานสะดวก”

“ไม่ดีหรอก! คนไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะคะมันก็มีเรื่องต้องปกปิดกันบ้างแหละ ให้รู้ชีวิตประจำวันทั้งหมดมันไม่ต่างอะไรกับโดนสะกดรอยตามเลยนะคะ” เยวอนเห็นค้าน

“แต่ทุกวันนี้รัฐก็รู้ความเคลื่อนไหวของทุกคนนะคะ อย่าคิดว่ารัฐไม่เจาะข้อมูลของสหาย”

“น่าสงสาร! คนนอกเกาหลีเหนือไม่ใช่คนเหมือนที่ท่านผู้นำเคยบอกไว้เป็นอย่างนี้นี่เอง ทำไมต้องตีตราคนด้วยล่ะคะ?”

“บล็อกเชนเป็นเพียงที่เก็บข้อมูล เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับคน ๆนั้นเราสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีในทุกเรื่อง”

“แต่คนมันก็มีเรื่องที่ต้องปกปิด”

“สหายอยากจะช่วยให้คนปกปิดความชั่วช้าต่อไปเหรอ? ไม่อยากกระชากหน้ากากคนโกงออกมาประจานเหรอ? ไม่อยากทำลายองค์กรชั่ว ๆที่งุบงิบโกงกินเหรอ? บล็อกเชนนี่แหละโปร่งใสที่สุด คนไม่ผิดและคิดชั่วจะกลัวอะไร?” ไป่ไป๋ยังใจดียิ้มแย้มอธิบาย แต่หมวดจางส่ายหัว...

“คุยเรื่องอดีตเธอก็ไม่รู้ คุยเรื่องอนาคตเธอก็ไม่รู้ นาตาลีดูแลคนของคุณดี ๆ นะนับวันจะถอยห่างออกไปทุกที สักวันจะหลุดจากวงโคจร” เธอจั่วซะเยวอนจ๋อยไปเลย

นาตาลีวางหนังสือเงยหน้ามองเยวอน...

“การปกปิดเป็นจุดเริ่มต้นของการโกหก การโกหกเล็กน้อยนำพามาซึ่งความผิดพลาดใหญ่หลวง สิ่งที่คุณพูดคือตัวอย่างของแนวคิดการโกงและเอาเปรียบของคนที่จูยอนกำลังกำจัดออกไป ถ้าเราไม่ผิดอะไรการสะกดรอยจะกลายเป็นการให้ความคุ้มครองและสบายใจได้จะไม่มีใครดูข้อมูลของคุณได้ ถ้าคุณไม่อนุญาต”

“ฉันนึกภาพไม่ออก” เยวอนยังมึน เมินไม่ให้ความสนใจ

“รู้จักเงินดิจิตอลมั้ยคะ?” นาตาลีก็แสนดีพยายามอธิบาย

“ไม่รู้ค่ะ!” ท่าทางเธอไม่สนใจสิ่งที่นาตาลีอธิบายอีกต่างหาก หมวดจางส่ายหัวสีหน้าไม่พอใจจ้องมองเข้ม...

“พอแล้วดอกเตอร์อธิบายไปก็เท่านั้นแหละ! เยวอนไปหาความรู้เอาเองฉันไม่เชื่อหรอกว่าสหายจะไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้ อย่าทำตัวเป็นตะหลิวไม่รู้รสแกง” เธอตอกเจ็บ /อยู่ใกล้คนเก่งแต่กลับกลวง/

นาตาลีรีบขยับนั่งตัวตรงเตรียมปกป้องเพื่อน...

“เจี่ยเจี้ย! ฉันเล่าให้ทุกคนฟังไม่ได้พูดให้เยวอนฟังคนเดียวซะหน่อย” นาตาลีน่ารักมาก หน้ามืดช่วยเพื่อนจนลืมไปว่าพวกเรารู้จักบล็อกเชน

หมวดจางถอนหายใจแล้วจ้องหน้าเยวอน...

“เยวอน! สิ่งที่พวกเราคุยกันเป็นประโยชน์กับชาติของสหาย ฟังไว้สิคะ! ไม่เข้าใจให้ถามทุกคนยินดีอธิบาย ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ!..ถ้าเธอพัฒนาไม่ได้ก็นั่งเรือลำเดียวกันไม่ได้” หมวดจางหมายหัวอย่างนี้เธอไม่มีทางรอดแล้ว

“เย่!” เยวอนมุดหลบหลัง นาตาลีรีบกลบเกลื่อนอธิบายช่วยเพื่อน...

“ส่วนเรื่องค้าขายเธอจะใช้ระบบหุ้นส่วนเห็นบอกว่ากำลังศึกษาเรื่องสหกรณ์จะให้สินค้าทั้งหมดเข้าระบบและทุกคนในชาติเป็นหุ้นส่วนในทุกกิจการ ชาวนาจะรับเงินปันผลจากธุรกิจโรงแรมในขณะเดียวกันเจ้าของโรงแรมก็เป็นหุ้นส่วนในการขายข้าวทุกฤดูกาล เธอจะใส่เงินดิจิตอลเข้าระบบก่อนเปิดให้ค้าขายกำไรเอามาแบ่งกัน จะไม่มีใครคนใดคนหนึ่งที่ค้าขายเก่งแล้วกอบโกยเงินไปคนเดียว เธอเคยบอกไว้ว่าคนรวยคือคนเลว ต่อไปจะไม่มีการบูชาคนที่ทรัพย์สมบัติอีกแล้ว” นาตาลีพยายามอธิบายให้เยวอนฟังแต่ดูแล้วยากเกินกว่าที่จะเข้าใจ

ไป่ไป๋ยกมือ...

“อนนี่คะเรียกบล็อกเชนว่าบั้ดดี้ดีมั้ยคะเพราะมันจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตไม่มีวันเปลี่ยนแปลง?”

“ฉันจะเรียกมันว่า DNA 2” นาตาลีตั้งชื่อซะเท่เลย หมวดจางยิ้มออกยื่นหน้าไปเล่นด้วย...

“ฉันจะเรียกมันว่าเงาที่มองไม่เห็น ฉันก็ว่าดีนะง่ายสะดวกไม่ต้องตอบคำถามเดิมบ่อย ๆเวลาต้องติดต่องานหรือหาหมอ” หมวดจางเห็นด้วย เยวอนได้แต่หันมองหน้าคนนั้นคนนี้เพราะคงจะไม่เข้าใจจริง ๆ

ส่วนผมไม่ได้สนใจบั้ดดี้ของไป่ไป๋กำลังคิดถึงกองตำรวจจับแมว พวกเขาทำงานไม่ต่างจากหน่วยบริการครบวงจร ผมคงต้องให้อำนาจเพิ่มอีกสักนิด มิเช่นนั้นโดนอาจุมม่าใช้ให้ล้างส้วมแน่

ผมจอดรถยนต์ส่งเยวอนริมถนนหน้าค่ายทหารโชซอนอินมินกุน ค่ายนี้ถือว่ายิ่งใหญ่มากเพรียบพร้อมไปทุกอย่าง ผมมาเยี่ยมเชลยที่นี่บ่อย ๆ แต่ไม่เคยแวะขึ้นไปเยี่ยมสหายโกเลยสักครั้ง

“ขับรถดี ๆ นะคะเซม!” เธอโค้งศีรษะบอกลาข้างรถยนต์

“พรุ่งนี้เจอกันนะ เดินดี ๆล่ะ!” ผมโค้งศีรษะให้น้อง

“เยวอนฝันดีนะ!” นาตาลีโบกมือลาเพื่อน
                    ...............................................................


ท้องฟ้ามืดมิดดวงดาวพราวพร่างแสง ค่ำคืนของเกาหลีเหนือสุกสกาวระยับ ถนนนอกเมืองยิ่งไกลยิ่งกันดารแสงไฟสว่างไสวเป็นหย่อมหมู่บ้านริมทางที่ผ่านมา

นาตาลีนั่งถอนหายใจอยู่หลายครั้ง เอื้อมมือสะกิดแขนถามหมวดจาง...

“เจี่ยเจี้ย! ทำไมโหดกับเยวอนจังเลย ไม่สงสารเธอเหรอ?”

“คุณอยากได้เยวอนเป็นเพื่อนหรือเปล่า?”หมวดจางเสียงแข็งมาก

“อ้าว! ฉันก็เป็นอยู่ทุกวันนี้ไง?”

“เยวอนเกินเส้นมากไปแล้ว บางเรื่องที่ฉันไม่กล้าทำกับคุณแต่เยวอนทำจนเป็นนิสัย เธอยังไม่ยอมโตต้องสั่งสอนก่อน ฉันจะดัดสันดานให้เอง”

“ฉันไม่ถือ!

“แต่ฉันถือ! คุณสนุกนักหรือไงที่ต้องอธิบายเรื่องยาว ๆ ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ กับคนที่หัวกลวงขนาดนั้น คุยอะไรไปก็ต้องมาอธิบายซ้ำ น่าเบื่อมาก!

“คุณเหยียดคนอื่น!” นาตาลีก่อหวอดอีกแล้ว ไป่ไป๋ชำเลืองหางตา

“ดอกเตอร์! ถ้าเหยียดฉันไม่ให้ขึ้นรถคันเดียวกันหรอกค่ะ อย่าดูถูกฉันนะ!” หมวดจางชี้นิ้ว นาตาลีเคยกลัวซะที่ไหนวางหนังสือยื่นหน้าสู้...

“นิสัยเดิมแหละ! ชอบข่มชอบแกล้ง”เธอลอยหน้าเข้าหา ไป่ไป๋แตะแขนห้ามไว้

“เหรอ! ฉันเป็นคนอย่างนั้นเหรอ?” ด้วยสายตาอย่างนี้เรื่องไม่จบง่ายแล้ว

ไป่ไป๋โบกมือห้ามทัพ...

“เถียงกันอีกแระ! ซอนคะจะถึงรึยังเบื่อสองคนนี้มากเลยชอบทะเลาะกัน หนูบอกแล้วว่าไม่ต้องมาก็ไม่เชื่อ”

“ฉันไม่ชอบทะเลาะ” นาตาลีทิ้งตัวพิงพนัก

“ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน” หมวดจางสะบัดหน้ากลับ

ไปไป๋รูดซิปปากทั้งสองคน...

“นั่งเงียบ ๆ นะคะทั้งสองคนเลย หนูจะดูดาว”

ผมเลี้ยวเข้าหมู่บ้านกังซูในหุบเขาเล็ก ๆ ชานเมือง ที่นี่มีบ้านประมาณ 100 หลังคาเรือน บ้านปูนชั้นเดียวกระจุกตัวเปิดไฟสว่างไสว ชาวบ้านยังทำกิจกรรม เด็ก ๆถูกส่งมาประจำโรงพักนี้ได้ครบ 1 อาทิตย์แล้วผมต้องมาดูความเป็นอยู่ของพวกเขาและรับฟังปัญหา

“เอี๊ยด!... ผมจอดรถยนต์ไว้ริมถนน หันมองไปในรั้วบ้านข้าง ๆทั้งคนแก่และเด็กโกนหัวเหน่งกันหมดกำลังเล่นหมากรุกหน้าบ้าน ผมหันไปถามสาว ๆ ...

“ไปด้วยกันมั้ย?” ผมไม่รอคำตอบคว้าหมวกมาสวมพรางตัวเดินเข้าซอย

“รอด้วยสิ!” นาตาลีตามติด

“สองคนนั้นล่ะ?” ผมมองไปที่สี่แยกกลางหมู่บ้าน หลอดไฟสูงก้มหน้ามองฝูงแมลงกลางคืนจับกลุ่มบินเล่นไฟกันเป็นพวง

“ไม่ตามมาหรอก! พวกเธอมากันไม่ให้ฉันไปกินเหล้า” เสียงเธอยังแข็ง ๆ /รู้ทันเพื่อนเหมือนกัน/

“โกรธรึไง?”

“เมียคุณกวนตีน!” แหม!..สะบัดหน้าใส่ซะด้วย

“ขอโทษนะดอกเตอร์! เรื่องดูคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น หมวดจางเก่งกว่าทุกคนให้เธอจัดการน่ะดีแล้ว ถ้าให้เจ็ทโด้หรือจูยอนจัดการเยวอนกับคุณจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีก”

“ฉันไม่เห็นว่าเยวอนเลวร้ายตรงไหนเลย”

“ใช่ครับ! เยวอนไม่เลวร้ายน่ารักด้วย แต่เธอต้องรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ทุกวันนี้เธออยากได้อะไรก็ไปงอแงกับคุณเดี๋ยวคุณก็จัดการให้ ถ้าวันข้างหน้าเธอมีปัญหากับคนในครอบครัวของเรา คุณจะเข้าข้างเธอหรือเปล่า?”

“คุณก็พูดเกินไป ลำเอียงตั้งแต่ยังไม่เกิดเรื่องเลยนะเนี่ย!”เดี๋ยวนี้เธอจิกกัดเก่ง

“เยวอนใช้คุณเป็นเครื่องมือหลายครั้งแล้วนะ เธอไม่เหมือนอีซูมิน พวกเราเกรงใจคุณเลยไม่อยากตอแยมาก ถ้าคุณไม่ปล่อยให้แอนนาจัดการ เยวอนจะเป็นปัญหาในวันข้างหน้า”

“ฉันผิดเหรอที่มีเพื่อน ในวันที่ฉันไม่มีใครก็มีเยวอนเป็นเพื่อน” เธอหันมาแว้ด

ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผาก...

“คนละประเด็นกัน คุณก็อย่าแถ!” ผมรู้ว่าเธอเข้าใจความหมาย

“คุณจะมาแอบดูอะไรเหรอ?” เธอเปลี่ยนเรื่องแล้ว แสดงว่ายอมจำนน

“ผมก็มาแอบดูเด็กของผมทำงานน่ะสิ” ผมเดินหนีถึงคิวเล่นตัวมั่งล่ะ

“จิ๊!อยู่ที่รถอ่านหนังสือก็ดีแล้ว” ยายดอกเตอร์จิ๊จ๊ะเสียอารมณ์

เราเดินมาอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงสี่แยกกลางหมู่บ้าน เสาไฟฟ้าตั้งเป็นวงเวียนส่องสว่างทั่วทิศ ผมพยายามมองหาโรงพักตำรวจแต่ก็ยังไม่เจอ

“หือ!” ผมได้ยินเหมือนเสียงคนวิ่งไล่กวดกันมาจากทางขวา ชะงักขาหยุดรอ...

“ตึ่ก!นาตาลีเดินชนหลังซะงั้น“หยุดทำไม?”

ทันใดนั้น...

“อย่ายุ่งกับกู!...ชายร่างสูงใหญ่วิ่งหน้าตั้งผ่านเสาไฟไปทางซ้าย

“อย่าหนี! อาจอชี่ผมเหนื่อยแล้ว” เดอะแก๊ง 3 คนวิ่งตามไป ยังไม่ทันไร...

“พรึบ!พรึบ! กลุ่มที่สองวิ่งตามมา หญิงวัยกลางคนถือไม้กวาดยาวกวัดแกว่งนำกลุ่มชาวบ้านมาหยุดกลางสี่แยก...

“ไอ้บังจุนมันหนีไปทางนี้ คยองชั่ลวิ่งตามไปแล้ว” กลุ่มชาวบ้านวิ่งกรูตามกันเข้าไปในซอยกำแพงดินโบราณ

นาตาลีเลียริมฝีปากดวงตาหลุกหลิกซุกซนยิ้มกรุ้มกริ่ม...

“มีเรื่องพอดีเลยซอน! ตามไปดูกันเถอะ” เธอไม่รอฟังคำตอบหันไปชูมือแยกเขี้ยว...

มันหนีไปทางนั่นแล้ว! ไปทางนั้น!” เธอวิ่งแหกปากตามไปชาวบ้านเริ่มทยอยออกจากบ้านมาเกาะรั้วดู

ผมนึกสนุกชูมือแหกปากมั่ง...

“จับบังจุนให้ได้! แอบวิ่งตีเนียนแฝงเข้ากลุ่มตามพวกเขาไป ผ่านบ้านชั้นเดียวสมถะอบอุ่นอยู่ในรั้วไม้เรียงสองฝั่ง บนลานหน้าบ้านจะมีโอ่งกิมจิไหโคซูจังวางเรียงรายทุกหลัง


กลุ่มคนทั้งหมดข้ามสะพานไม้ไปจนมุมรวมกันอยู่บนเกาะกลางน้ำ เจ้าบังจุนนั่งหอบเหนื่อยกลางศาลาในมือกำก้อนอิฐแน่น น้อง ๆ เสื้อเหลืองยืนคุมเชิงไม่กล้าผลีผลามตะโกนกล่อม…

“บังจุนอาจอชี่! วางอาวุธเถอะถ้าไม่วางเรื่องใหญ่นะครับ เชื่อผมนะครับยอมดีกว่า!” เขาก้มหน้าเอาสองมือยันหัวเข่าหายใจหอบตัวโยน

“สหาย! พามันไปไกล ๆ ก่อนสิ ผมถึงจะยอมให้จับ” ผู้ต้องสงสัยอาการไม่ต่างกันลิ้นห้อยเหมือนหมาหอบแดด

“อาจอชี่เป็นคนผิดต้องยอมก่อนสิ”

“สหายรู้ได้ไงว่าผมผิด! ถ้าผมยอมก็ไม่มีทางสู้น่ะสิสหายอย่าลำเอียง!

“เอ่อ!..ก็...”...ตำรวจของผมโดนเถียงก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ...หันมองหน้ากันเอง

ผมเข้าไปแอบหลังผู้หญิงที่ถือไม้กวาดเหงื่อโทรมใบหน้าท่าทางเป็นหัวหน้าแก๊ง เธอเงื้อไม้กวาดผลุนผลันจะเข้าไปตี เด็ก ๆ กระโดดขวาง

“ฮาจิม่า!เด็กกางแขนขวาง

“วันนี้เป็นวันตายของมึง ไอ้แก่! เธอยกไม้กวาดชี้หน้า/ทำอะไรไม่สะดวกติดเด็ก ๆ ขวางอยู่ /

“มึงแน่จริงก็เข้ามาสิ! กูสู้ตาย!บังจุนยังปากดีตะโกนท้าเงื้อง่าก้อนหินในมือ

“เออ!..เดี๋ยวก่อน! รอให้กูหายเหนื่อยก่อน...แฮ่ก!แฮ่ก! เธอยังหายใจติดขัดดวงตาโกรธจัด ตอนนี้เหมือนกับช่วงพักครึ่งของเกมกีฬากองเชียร์เอาน้ำมาให้ฝ่ายหญิงกิน

“สหายกินน้ำก่อน เดี๋ยวค่อยเอาเลือดมันมาทาตีน” พี่เลี้ยงยุแยงน่าดู

ผมก้มกระซิบนาตาลี...

“สงสัยผัวเมียทะเลาะกัน”

“ไปจับมันเลยสิ!เธอสะบัดหัวไหล่มากระแทกแขนของผม

“มันมีอาวุธคุณไม่เห็นเหรอ?”

“คุณกลัวรึไง?” เธอยอกย้อนเกินไปแล้ว...

“งั้นคุณเข้าไปจับ!ผมผลักหลังเบา ๆ

“ว๊าย! เธอเซถลำหัวทิ่มหัวตำออกไปยืนข้างเด็ก หันกลับมาชี้หน้ากระทืบเท้า...

“ซอน! ฉันจะฟ้องเจี่ยเจี้ย! เธอขยุมมือวิ่งกลับมาทุบอก เด็ก ๆ ได้ยินเสียงหันมามอง...

“เซม!...พวกเราเซมนี่นา เซมครับ!.. พวกเขาไม่สนคนร้ายวิ่งเข้ามารุมล้อม กลุ่มชาวบ้านเริ่มสนใจหันเข้ามามุงเบียดนาตาลีออกไปนอกกลุ่ม

ในจังหวะนั้นคังบังจุนขยับลุกขึ้นยืน...

“กูไปก่อนล่ะ! โอกาสเดียวที่จะหนีได้เขาคว้าไว้ทัน วิ่งผ่านหลังกลุ่มชาวบ้านที่ยืนออคอสะพาน นาตาลีโดนเบียดออกไปยืนเก้กังอยู่หัวสะพานคนเดียว...

“อุ๊ย! เสียงเธอร้องดังบังจุนหันมามอง...

“มีอันฮาดา! เขากล่าวขอโทษแล้ววิ่งหน้าตั้ง

“อ๋าย!...” นาตาลีเสียหลักกำลังทรงตัว แขนกางถ่างขาลำตัวเอียงโย้เย้ ผมติดฝูงชาวบ้านทำได้แค่ยื่นมือออกไป...

“ดอกเตอร์!

“ตูม! เธอตกคลอง มือของผมจากที่จะยื่นเข้าไปช่วยเปลี่ยนเป็นโบกลา...

“บ๋ายบาย! สะใจมากที่เธอตกน้ำ

“ซาจังนีม!..ชาวบ้านเข้าไปช่วย

ผมแอบขำนาตาลีลอยคออยู่ในน้ำชาวบ้านเข้าไปช่วยกันดึง ผมไม่มีเวลาสนใจวิ่งไล่กวดตามหลังบังจุนกลับไปทางเดิม เขาวิ่งมาถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวขวาไปทางที่รถยนต์จอด

“เสร็จกู!” ผมหยุดวิ่งปล่อยให้เด็ก ๆ แซงไปแล้วยกวิทยุ...

“ม้า!

“เย่!

“จับไอ้คนที่กำลังวิ่งไปให้หน่อย”

“เย่!

ผมวิ่งเหยาะ ๆ ตามหลังเข้าซอย เด็ก ๆ วิ่งไล่กวดบังจุนไปติด ๆ ถัดเลยไปริมถนนหมวดจางยืนยกปืนขึ้นฟ้าดักรออยู่กับไป่ไป๋ข้างรถยนต์...

“ปัง!

บังจุนทิ้งตัวล้มลงข้างรั้วไม้เด็กชายกระโดดเข้ารวบตัว แต่ร่างกายของเขาบึ้กมากสลัดทีเดียวเด็ก ๆ กระเด็นกระดอน หมวดจางเดินเข้าหายกปืนเล็ง...

“สหาย! จะนั่งลงดี ๆ หรือจะให้ฉันยิง” เธอก้าวขาหน้านิ่ง บังจุนยกมือยอมแพ้แต่โดยดี เด็กชายเข้าไปล็อกแขนสองข้างของบังจุนไว้แล้วป้องปากตะโกนข้ามหัวผมไป...

“ผมจับได้แล้ว! อาจุมม่ากลับบ้านไปก่อนเถอะครับ”

“ยังกลับไม่ได้! ต้องคิดบัญชีกับมันก่อน”

“เราสัญญากันไว้แล้วนะครับ ถ้าผมจับได้อาจุมม่าบอกว่าจะกลับบ้าน” เด็กพยายามทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา แต่กลุ่มผู้หญิงที่พึ่งจะเดินมาถึงสี่แยกกลางหมู่บ้านคิดไม่ซื่อ

“ขอคุยกับมันสองคำแล้วจะกลับ” ยายไม้กวาดท่าทางไม่ยอมแน่ ผมรีบเดินเข้าไปหาบังจุน ยิ่งเข้าใกล้กลิ่นเหล้ายิ่งคลุ้งสงสัยว่าคงจะเมาแล้วก่อเรื่องมาแน่...

“สหายรู้จักผมมั้ย?”

“ซอนซอนเซงนีม” เขาเอ่ยชื่อถูกแสดงว่ารู้จัก

“บอกผมหน่อยสิไปทำผิดอะไรมา?”

“ผมไม่ได้ทำผิด พวกมันใส่ร้ายแล้วก็รุมผม”

“หือ! เด็ก ๆ ปล่อยมือหันมองหน้าเขา ผมก็แปลกใจที่เขายังคงยืนยันความบริสุทธิ์

“สหายมั่นใจนะว่าไม่ผิด ผมจะเรียกมาตัดสินคดีให้”

“คัมซามนิดะ! ซอนเซงนีมช่วยแจงให้ที ผมยังไม่ได้ทำผิดเลยพวกมันทำตัวเป็นศาลเตี้ย พวกนั้นพี่น้องมันทั้งนั้นเลย”

หมวดจางเก็บปืนเข้าซองเดินเข้ามาพร้อมกับไป่ไป๋ชะเง้อคอมองหานาตาลี กลุ่มผู้หญิงเดินปิดซอยเข้ามาถึงพอดี...

“วืด! เสียงบางอย่างปลิวมา

“ห่ะ! ผมโยกหลบตามสัญชาตญาณ เงาแวบผ่านหน้าไป

“ป๊อก! ไม้กวาดลงกลางหัวบังจุน

“โอ๊ย! ซอนเซงนีมดูมันทำสิ!เขาทรุดกุมหัวร้องลั่น

“หยุดก่อนครับ หยุดก่อน! ผมคว้าไม้กวาดไว้ หญิงเจ้าเนื้อกระชากสู้ ผมจ้องตาพูดช้า ๆ ...

“สหายไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายร่างกายเขานะครับ ตอนนี้สหายกำลังขัดขืนเจ้าพนักงานด้วย ปล่อยไม้ก่อนครับแล้วนั่งลงคุยกัน”

“ฉันไม่คุยกับมันหรอก วันนี้ต้องได้ตายกันไปข้างนึง คอยดู๊!...สงสัยผมจะเจอศึกหนัก ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมแน่จะเข้าหยุมหัวบังจุนท่าเดียว

“ฟังซอนเซงนีมพูดก่อนสิ!” ชาวบ้านเข้ามาจับตัวเธอไว้

“ยอลาบูนช่วยผมหน่อยครับ ทุกคนช่วยกันเป็นพยานก่อน ผมจะตัดสินให้อย่างยุติธรรม” ผมบอกกับกลุ่มใหญ่ หมวดจางเดินเข้ามากระซิบ...

“ป๊าทำมากไปหรือเปล่า? ตัดสินลงโทษไม่ได้นะ!

“ไม่ต้องห่วง!ผมตบไหล่ปลอบใจแล้วหันไปประจันกับกลุ่มชาวบ้าน

“มีใครอยู่ในเหตุการณ์บ้างครับ?” ผมเองก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะตัดสินคดีนี้ยังไง?

“พรึบ! ทั้งกลุ่มประมาณ 30 คนยกมือพร้อมกัน พวกนี้แค้นอะไรไอ้หมอนี่นักหนานะ

“คุณสองคนเป็นอะไรกัน?” ผมถามฝ่ายหญิงก่อน

“เมื่อก่อนเป็นเมีย ตอนนี้เป็นมือสังหารและมันเป็นเหยื่อ” เธอไม่มีทีท่าจะยอมเลยสักนิด

“แล้วมีเรื่องอะไรกันครับ?”

“ฉันนั่งดูละครกับเพื่อนอยู่ดี ๆไอ้นี่เมากลับมาแล้วโวยวาย” เธอชี้ไม้กวาดสั่น

“โวยวายอะไรวะ กูแค่จะเอารีโมท? ใส่ความ! เดี๋ยวทุบหัวซะเลย” ฝ่ายชายเงื้อก้อนหินขู่

“มึงจะเอาไปได้ยังไงก็กูไม่ให้” ฝ่ายหญิงเดือดผวาเข้าใส่ กองเชียร์ต้องดึงกันพัลวัน

“กูทำงานกลับมาเหนื่อย ๆ อยากจะพักผ่อนให้สบายมั่งก็ไม่ได้” บังจุนนั่งชันเข่าจ้องไม่เกรงกลัว

“เหนื่อยมึงก็นอนไปสิ!” เมียก็ท่าทางเอาแต่ใจ เป็นธรรมชาติของผู้หญิงอยู่แล้วมันยอมแพ้คนทั้งโลกแต่สู้ตายกับผัว/น่าเห็นใจมึงว่ะ/

“กูจะดูฟุตบอล สหายจูยอนประกาศว่ามีถ่ายทอดสดจากจีน! ตอนเช้า ๆ มึงเคยฟังบ้างหรือเปล่า?”

“ก็กูจะดูก็อบบลิน ใช่มั้ยพวกเรา?” เมียก็ไม่เบาปลุกระดมสู้...

“ใช่! กำลังสนุกเลย” ทั้งฝูงนี้เป็นพวกฝ่ายหญิง

ผมสับสนมึนตึ้บแล้วต้องทำยังไงต่อวะ? ผัวเมียแย่งกันดูทีวีจะตัดสินยังไงวะ? ผมยืนเกาหัวอยู่พักใหญ่เพราะผมก็ไม่เคยกล้าทะเลาะกับเมียสักครั้ง

ฝ่ายเมียขึ้นอีก...

“ไอ้นั่นฉันยังไม่โกรธเท่ากับมันเอารีโมตปาหน้าฉันหรอก ดูสิ!” เธอหันมาชี้โหนกแก้มปูดเป็นห้อเลือด ผมก้มหน้าอมยิ้มกับผลงานความกล้าหาญของบังจุน

“ก็มึงเอามันปาใส่กูก่อนทำไมล่ะ?” เขาไม่ยอม

“แล้วมันโดนมั้ย? ฮึ๋ย! เมียแค้นหนักเงื้อไม้กวาดสูง

“ก็มึงไม่แม่น” เขาเยาะเย้ยใส่

“วืด! ไม้กวาดฟาดลงมา เขากระโดดถอยหลังแลบลิ้นปลิ้นตา

“กระทืบมันเลย! เมื่อยัยเจ๊เปิดสมุนก็ตาม

การชุลมุนกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมต้องรีบห้ามทัพให้ได้ก่อนไอ้พวกกองเชียร์นี่แหละตัวปัญหามาก...

“หยุดก่อนครับ! แล้วพวกสหายวิ่งตามมากระทืบเขาเรื่องอะไรครับ เกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?” ผมถามไปที่กลุ่มชาวบ้าน ผู้หญิงสูงอายุรูปร่างผอมเกร็งหน้าตาเอาเรื่องเดินออกมาโวย...

“มันสมควรโดนกระทืบ! นางเอกจะดึงดาบอยู่แล้วเชียว ไอ้ระยำ!เสือกชักปลั้ก!

“ฮ่าฮ่าฮ่า!ใกล้จะจบแล้วด้วย” ไป่ไป๋หัวเราะลั่น ผมก้มหน้าหลบกลั้นหัวเราะพอจะนึกละครเรื่องนี้ออก...

“เอาล่ะ! ผมเข้าใจแล้วจะตัดสินคดีแล้วนะครับ”

“มันนั่นแหละผิด” ฝ่ายหญิงเริ่มอีก

“มึงนั่นแหละปากูก่อน”

“พอแล้วครับ!สหายปารีโมตใส่กันคนละครั้งถือว่าหายกันไปแล้ว เริ่มก่อนเริ่มหลังไม่สำคัญถ้าอีกฝ่ายสู้ถือว่าร่วมกันทะเลาะวิวาท ถือว่าเจ๊ากันไป” เอาแบบนี้แหละ เสมอกัน

“ไม่ได้มันต้องมีคนผิด” กองเชียร์เสือกไม่ยอมซะอีก น่าปวดหัวกับไอ้พวกนี้จริง ๆ แล้วต้องทำยังไงอีกวะเนี่ย?

ผมนึกอะไรไม่ออกถามมั่ว ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน...

“สหายสองคนอยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้วครับ”

สองผัวเมียอึกอักมองหน้ากัน ฝ่ายหญิงโบ้ยปาก...

“มึงบอกไปสิว่าฉุดกูมาจากไหน?”

15ปีแล้วครับ” ฝ่ายชายก้มหน้า

“ก่อนหน้านี้เคยทะเลาะกันบ่อยมั้ยครับ?”

“ผัวเมียก็มีบ้างแหละ! คู่ไหนไม่ทะเลาะกันสิแปลก!กองเชียร์เสือกตลอด

“บ่อยมั้ย?” ผมมองสังเกตฝ่ายหญิง

“ไอ้แก่นานแค่ไหนแล้ววะ?”เธอโบ้ยให้ผัวอีก กองเชียร์เสนอหน้า..

2 วันก่อนก็พึ่งทะเลาะกัน”

“เอาใหม่! ผมถามถึงในช่วงของผู้นำคนเก่าทะเลาะกันมั้ย?”

“อ๋า! ช่วงนั้นไม่ค่อยทะเลาะกันหรอก ชีวิตลำบากจะตาย”บังจุนขยับตัว

“ยังไงครับ?”

“งานก็หนักหาอาหารก็ลำบาก ทุกอย่างขาดไปหมดเวลากินข้าวก็ต้องรอพร้อมหน้ากันเพราะอาหารมีน้อย ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันช่วยเหลือเข้าใจกัน กลางคืนก็นอนรวมกันฟังคนแก่เล่านิทาน ดูดวงดาวตรงแสงไฟนั่นแหละครับ เมื่อก่อนไม่มีไฟฟ้าหรอก”เขาชี้ไปที่วงเวียนเสาไฟกลางสี่แยก

ผมตัดสินคดีได้แล้ว หลังจากควานหาคนผิดมาตั้งนานในที่สุดผมก็เจอ...

“ผมจะตัดสินคดีแล้วนะครับ สหายทั้งสองคนต้องผิดใจกันเพราะแย่งกันดูละคร พวกสหายด้วย!..ไม่พอใจเพราะไม่ได้ดูละครใช่มั้ย?”

“เย่!

“สิ่งที่เป็นต้นเหตุของปัญหาต้องโดนลงโทษ สหายเคยอยู่ด้วยกันนอนดูดาวด้วยกันไม่เคยทะเลาะกันเลย พอสิ่งนี้เข้ามาก็สร้างความวุ่นวายทำสังคมแตกแยก เพราะฉะนั้นผมจะสั่งลงโทษจำคุกทีวี 15 วัน”

“อ๊ายกู่!...กองเชียร์ร้องคราง

เด็ก ๆ!

“เย่!

“จับทีวีบ้านบังจุนไปขังที่โรงพัก เดี๋ยวนี้!

“เย่!เด็ก ๆ วิ่งไปทันที

“ซอนเซงนีมทงมู! กลุ่มกองเชียร์อ้าปากหวอ

“โอ้ว!ก้อบบลินของกู ติดคุกไปซะแระ” Fc กงยูครวญคราง

“ซอนเซงนีมตัดสินไม่ถูก!” ยายไม้กวาดตาขวาง

“สหายสามารถอุทธรณ์คำตัดสินได้ ไปเขียนคำร้องยื่นให้คยองชั่ลพิจารณานะ ถ้าเขาเห็นชอบกับเหตุผลก็อาจจะปล่อยทีวีเป็นอิสระ”

“ได้ค่ะ!” เธอหันไปมองผัว...“ไอ้แก่!..มึงไปจัดการเลยนะ”

“ซอนเซงนีมเห็นรึยังว่าผมไม่ผิด ถ้าไม่เจอกันผมจมตีนพวกมันแน่”เจ้าบังจุนรอดตายเฉียดฉิวยังปากดี

เมียของเขาหันขวับ...

“แต่กูยังติดใจ! กูดูอยู่ก่อนมึงมาทีหลังนี่หว่า!...ยังไงมึงก็ผิด มึงให้กูต่อยหน้าทีนึงแล้วหายกัน เอามะ?” ฝ่ายหญิงก็นักเลงดี

“เอ่อ!...” เขาแหงนมองหน้าผม สายตาเหมือนขอคำปรึกษา

“ลูกผู้ชายยอมเมียไม่เสียหาย เพราะรักไม่ใช่เหรอถึงอยู่กันมาได้ตั้ง 15 ปี” ผมอยากจะบอกว่ากูยอมหนักกว่ามึงอีก

“ได้! แต่ขอมือซ้ายนะ” เขาคงเลือกข้างที่เมียไม่ถนัดล่ะสิ

“ผลัวะ! บังจุนหน้าสะบัด ผมคิดว่าเขาจะโกรธแต่ไม่ใช่ ดวงตาของเขาใสปิ๊งเหมือนดาวบนฟ้าเลย...

“เออโว้ย...โล่งใจจัง! มาให้กูกอดทีซิ! ไอ้นี่เข้าท่าโว้ย เข้าไปคว้าคอเมียแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ เมื่อยอมรับความผิดและยอมรับการลงโทษ ความทุกข์ในใจก็มลายหายไปด้วย

“งั้นผมกลับเลยนะ!” เสร็จคดีลี้ก่อนดีกว่า ผมหมุนตัว

“ชัมกันมันโย...” ใครกันมาสั่งให้หยุด กลุ่มชาวบ้านแหวกเป็นช่อง นาตาลีหัวแฉะนั่งชันเข่าพิงต้นไม้ ลุกเดินน้ำหยดเข้ามาแหงนหน้ามองบังจุน...

“สหายชนฉันตกน้ำ ขอต่อยคืนทีเถอะ!” เธอกัดฟันซัดหมัดเข้าท้อง...

“อึ้ก!อึ้ก!อึ้ก!

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ทั้งสองผัวเมียหัวเราะลั่น ไป่ไป๋อมยิ้มเข้าไปหา...

“อนนี่ไปขึ้นรถก่อนค่ะ มีชุดเหลืองอยู่ไปเปลี่ยนเลยเดี๋ยวเป็นหวัด”

ยายดอกเตอร์ซวยสุดเดินส่ายหัวบ่นพึมพำ...

“ฉันไม่น่ามาเลย เล่นกับน้องแทนสนุกกว่านี้อีก ซอนกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย หงุดหงิดโว้ย!

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ตกลงมาวันนี้ผมจับทีวีได้หนึ่งเครื่อง

“ซอน! พรุ่งนี้ไปค่ายโชซอนกันดีกว่า” เมียเข้ามาคล้องแขน

“เอาสิหนูไปด้วย” ไป่ไป๋เข้ามาคล้องอีกข้างเดินขึ้นรถยนต์ นาตาลีนั่งปากจู๋...

“ฉันไม่ไป ฉันจะกลับไปช่วยซูมินทำงาน”

“หนูขออยู่กับม้าให้หายคิดถึงก่อน อนนี่ไปทำงานคนเดียวนะคะ”

“ตามใจสิ! ฉันจะเอาแทนไปด้วย”เธอสะบัดหน้างอนมองนอกรถยนต์ ทุกคนอมยิ้มไม่มีใครไปเซ้าซี้เดี๋ยวเธอก็ดีเอง

ยิ่งใกล้วันประลองยุทธทุกคนต่างก็เร่งรีบเก็บงานและคาดการณ์ไปในทางเลวร้าย แต่ก็ดีไปอย่างจะได้เตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน สองสาวเข้าค่ายไปเยี่ยมเชลยบ่อย ๆ ถึงผมจะไม่ชอบใจนัก แต่ลึก ๆแล้วรู้สึกปลื้มใจที่พวกเธอเป็นคนกตัญญู

                 ..............................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม