The last man stand วบัติ 2026 เล่มที่ 10 ตอนที่ 15

The last man stand วบัติ 2026 เล่มที่ 10 ตอนที่ 15
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 10
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 20 ต.ค. 2568
จำนวน
ชิ้น
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


พยองยาง

มุมมองสายตา แทน

            ทหารภายในฐานบัญชาการวิ่งกันวุ่นจอเรดาร์แดงไปทั้งแผง ผมนั่งมองฝูงบินของจีนพยายามเข้าโจมตีเกาหลีทางรอยต่อชายแดนทิศตะวันตกและทิศเหนือ

“เซมครับ! เราตอบโต้ได้ครับ ค่ายทหารที่ยึดมาช่วยได้มากครับ” สหายโกมั่นใจมาก

“ทางทะเลเราหมดสิทธิ์ป้องกันเลย!” ผมเห็นช่องโหว่ของสงคราม

“มันเข้ามาก็ขึ้นบกไม่ได้หรอก ภายใน 30 วันเราป้องกันได้แน่ครับ”

ผมคิดในใจ...ยันได้แค่ 30 วันเองเหรอ? ย้อนคิดไปที่คำถามของซอน...นี่คงเป็นคำตอบที่เขารู้อยู่แล้ว

“ทหารทางเหนือกับตะวันออกมีเท่าไหร่?”

“ประมาณ 30,000 นาย ครับออกชายแดนหมดแล้ว”

“สหายส่งทหารเข้าไปช่วยซอนเซมเท่าไหร่?”

10,000 นายครับ”

“แค่นั้นเองเหรอ?” ผมแปลกใจทำไมมีน้อยจัง

“เย่! เขาขอแค่ส่งนักบินและพลปืนทุกชนิดตั้งแต่ปืนเล็กถึงขีปนาวุธไปด้วย สั่งให้ไปแต่ตัวอาวุธไปหาเอาข้างหน้า”

ในทุกสงครามทหารกอดปืนแน่นกว่าทุกอย่างและจะไม่มีใครก้าวขาออกจากค่ายถ้าไร้อาวุธ ผมรู้แล้วว่าต้องวางตัวอย่างไรกับพี่ชายคนนี้และต้องฝังสำนึกผิดชอบชั่วดีแล้วยอมมอบตัว แผนของเขาจะชนะหรือแพ้ก็ไม่อาจจะรู้ได้ แต่ที่รู้แน่ ๆ คือ ผมไม่มีแผนการรบเลย

“สหาย!ดูแลตรงนี้ก่อนนะ ผมจะไปดูการเจรจาที่ซันพาเลสสักหน่อย”

“ถ่ายทอดสดขึ้นจอด้วยนี่ครับ แต่จะมีคนได้ดูรึเปล่านะ ลงหลุมหลบภัยกันเกือบหมดแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!” ได้ยินเสียงหัวเราะแล้วสบายใจ

......................................................................

          วังสุริยะ คึมซูซัน

ผมรีบจ้ำเข้าไปภายในอาคารซันพาเลสเดินผ่านทีมของสหายคุณลุงกำลังสั่งการวุ่นวาย ห้องประชุมใหญ่ที่ไป่ไป๋ทำงานคึกคักรีบผลักหลังสหายให้เข้าไป

“โอ้โห!..ไป่ไป๋เซมเท่จังเลยฮะ!JBแฮกเกอร์ทอมบอยฮิปฮอปอ้าปากค้างมองไป่ไป๋ในชุดทหารเกาหลีเหนือสวมหมวกดาวแดงนั่งอกตั้งบนโต๊ะประธานาธิบดี

พวกเราย่องเข้าไปนั่งที่โต๊ะประชุมรูปไข่มองจอภาพด้านหลังห้อง นายพลทหารบกของจีนใบหน้าเครียดดวงตาโกรธจัดจ้องอาฆาต

“ผมไม่รู้จะคุยกับคุณยังไงแล้วนะจะกวนประสาทไปถึงไหน นี่มันเป็นเรื่องของชาตินะจะมาล้อเล่นอย่างนี้ไม่ได้”

“ท่านนายพลจะมาเสียเวลากล่อมฉันทำไม ตอนนี้ฉันยังไม่อยากคุยกับท่าน ไปตามหวังฉวนมาสิฉันถึงจะคุยด้วย”

“ก้าวร้าวผู้ใหญ่มากไปแล้วนะเธอเป็นใครทำไมถึงมาเจรจาแทนประธานคิม นายทหารคนอื่นหายหัวไปไหนหมด?” นายทหารจีนหมดความอดทนโวยวายใส่

“แล้วคุณเป็นใครถึงเสนอหน้าติดต่อมา ตอนนี้ฉันเป็นผู้ใหญ่ของที่นี่และเป็นคนตัดสินใจอนาคตของประเทศจีน อย่าทำให้ฉันโกรธนะ ฮึ่ม!” ฮองเฮาของผมยั่วโมโหได้ผล

“ผมจะไม่คุยกับคุณดี ๆ แล้วนะ” ปรกติทหารขี้โมโหอยู่แล้วยิ่งทหารแก่ก็คูณสองไปได้เลย

“ก็บอกว่าให้ไปตามหวังฉวนมา ไปเร็ว ๆ ชิ่วชิ่ว!” เธอต้อนนายพลจีนจนมุม

“คุณอยากโดนโจมตีกลับมากใช่มั้ย?”

“ปากดีจังนะคะ!จรวดพุ่งมาเป็นอย่างกับลูกธนูเครื่องบินรบบุกเข้ามาเป็นฝูงนกนั่นไม่ได้เรียกว่าโจมตีกลับเหรอ? น้ำลายค่ะ!” ไป่ไป๋เบะปากเย้ยกลับ

“ปากไม่เจ็บ ไม่หยุดพูดสินะ” นายพลจีนเม้มปากถอนหายใจ

“ขู่ฉันตั้งแต่จ่ายันนายพลเลยวุ้ย! มณฑลตะวันออกเป็นของเกาหลีไปหมดแล้ว ฉันจะให้ดูตัวอย่าง” เธอพยักหน้ามองมา ผมพยักหน้าต่อให้ทีมงานฉายภาพจอด้านหลังของไป่ไป๋

ภาพบนจอริมผนัง...

บนฟากฟ้าเต็มไปด้วยเส้นปุยไหมของไอพ่นเครื่องบินรบ SU-27 ของจีนม้วนควงสว่านลงต่ำหลบหลีกการตามติดของจรวดนำวิถีแซม เครื่องบินเฉิงตู J-10 ร่อนหนีจรวดสกั๊ด จรวดนำวิถีจากพื้นสู่อากาศของเกาหลีเหนือ วิดีโอปิดเสียงใส่ซับจีนซะด้วย

ภาพซูมเข้าไปที่ชายวัยกลางคนในชุดนอนคลุ้มคลั่งคว้ามีดไล่ฟันพวกเดียวกัน ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่กลัวตายวิ่งเข้าใส่มือเปล่าโดนฟันแขนขาคอขาดเกลื่อน พวกเขารุมจับตัวมือมีดได้ก็ช่วยกันดึงแขนขาฉีกร่างใส้ทะลัก

ภาพซูมออกให้เห็นเมืองริมแม่น้ำเกิดจลาจลวุ่นวายเปลวไฟกำลังโหมเผาเมือง บนถนนริมแม่น้ำยาลู่ขบวนรถกองทหารทยอยข้ามแพดาหน้าเข้าควบคุมพื้นที่ ฝูง Soulless ร่างอาบเลือดเดินสะเปะสะปะบนถนนแดงฉานดูแล้วหดหู่และสิ้นหวัง

“เป๊าะ! ไป่ไป๋ดีดนิ้วภาพดับปุ๊บ

“นี่แค่ตัวอย่าง ฉันให้เวลาแค่เที่ยง ถ้าหวังฉวนไม่ติดต่อมาจะเจอชุดใหญ่ ไปล่ะนะ!” ภาพตัด ฮองเฮาปล่อยให้มันงุนงงสงสัยควบคุมการเจรจาได้สำเร็จ

“เซมน้ำค่ะ!” เยริมเข้าประกบเป็นคนแรก

เธอลุกเดินมานั่งหัวโต๊ะประชุมส่งยิ้มหวานมาให้แล้วหันมองหา

“ซอนล่ะคะ?” 

“ข้ามไปจีนแล้วครับ”

ไป่ไป๋หันมองสมาชิกบนโต๊ะประชุมแล้วโค้งศีรษะ...
          “เอ่อ
! ทุกคนรออยู่ที่นี่ก่อนนะคะ JB!...ฉันยังรออยู่นะ!

“อีกนิดเดียวฮะ เซม!

“แทนไปกับหนูหน่อยค่ะ” เธอยืดอกเดินนำ
           "เย่!" ผมเดินตามตูดต้อยต้อย /แอบคิดในใจ...ผมเป็นคนยึดอำนาจได้แต่ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกกระจ๊อกสุดวะ/

................................................................

 

โรงพยาบาลพยองยาง

“อึยซานีม!...” คุณหมอหันหน้าหันหลังหาเสียงเรียกความวุ่นวายภายในไม่ต่างจากค่ายทหาร
       ไป่ไป๋โบกมือให้น้องเรดซันแล้วเดินตรงไปที่ห้องพักท่านนายพลอย่างมั่นใจ ผมชะเง้อคอมองห้องคุณหมอปิดไฟสนิทแสดงว่ายังคงมุ่งมั่นในห้องผ่าตัด พอคิดถึงทั้งสองคนแล้วใจหดหู่อารมณ์ความรู้สึกของผมปรับสภาพตามเหตุการณ์ไม่ทัน

“ชุงซอง! ทหารหน้าห้องเปิดประตูให้เข้าไป

เก้อเฉิงนั่งคุยกับท่านนายพลที่เตียงริมหน้าต่าง เยวอนวางหนังสือลุกยืนที่มุมห้อง

“หนีห่าว!” ไป่ไป๋เข้าไปตบไหล่เก้อเฉิงแล้วนั่งบนเตียงคนไข้

“หนีห่าว!” เขาตบไหล่ไป่ไป๋แล้วลุกเดินมาโค้งศีรษะให้ผม...

“ผมพูดเกาหลีไม่ได้ ขอพูดภาษากลางกันนะครับ” เหมือนเขาจะทำการบ้านมาอย่างดีที่รู้ว่าผมก็พูดจีนไม่ได้เลย ฟังไม่ออกด้วย ในบรรดาพี่น้องของเราถ้าผมกับเจ็ทโด้อยู่ในวงสนทนาจะใช้ภาษาอังกฤษคุยกัน

“ครับ ผมถนัดแบบนั้น”

“ผมมาอยู่ที่นี่นานแล้ว ยังไม่เคยได้แนะนำตัวเลย”

“ผมรู้จักคุณ ไม่ต้องมากพธี สบายใจขึ้นบ้างหรือยังครับ คุณกับผมน่าจะรุ่นเดียวกัน คุณเป็นเพื่อนผมได้มั้ย?” ผมยื่นไมตรีครั้งที่ 2 เขาเคยปฎิเสธมาแล้ว เยวอนมองมาสายตาจิกมาก

เขายิ้มกว้างเข้ามาจับสองมือเขย่า...

“ดี! แล้วลุกลี้ลุกลนไปรินน้ำชาแล้วส่งให้...

 “ลูกผู้ชายพูดตรงไปตรงมา จากวันนี้ไปเราจะเป็นเพื่อนกัน”

“ด้วยความยินดีครับ” ผมชนแก้วแล้วยกน้ำชาดื่มด้วยความยินดียิ่ง

“สหาย!” เขายื่นมือให้จับ

“สหาย!” ผมปรับตัวทันรีบคว้า

“ขอบคุณที่ใหโอกาส ขอตัวก่อนครับ” เขาหมุนตัว

แต่เยวอนยกมือขวาง...

“ลืมอะไรไปหรือเปล่า?” เธอยักคิ้วใส่

“หือ! เขามองสายตาฉงนแล้วก็ยิ้มกว้างเหมือนนึกได้...

“อ๋อ!...แฮะ!แฮะ! ดีใจจนลืม”

เขาเกาหัวเก้อแล้วหันมาหาผม...

“ผมจะขอโทษอย่างเป็นทางการครับ ผมเคยคิดไม่ดีกับคุณเพราะเข้าใจผิดและเยวอนโกรธมาก ผมขอโทษด้วยครับ” เขาโค้งศีรษะลงต่ำ

เยวอนเหลือบมองอมยิ้มชอบใจ ส่วนผมไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องราวของสองคนนี้ได้แต่ตบไหล่ของเขาเบา ๆ...

“อย่าคิดมาก เยวอนพาเขาไปข้างนอกก่อน” ผมหันไปสนใจเรื่องสำคัญ อยากจะรู้ว่าไป่ไป๋จะทำอย่างไร

เดินเข้าไปโค้งศีรษะทำความเคารพผู้ใหญ่ ถึงอย่างไรผมก็ยังมีมารยาท...

“หนีห่าว!” ผมพูดจีนได้แค่นี้แหละ

“เห็นหน้าคุณที่ไรผมอึดอัดทุกที” นายพลเฒ่าถอนหายใจ

ไป่ไป๋เสียบทันที...

“เอาน่าคุณลุง....เพื่อความจริงใจ เราคุยอะไรกันเขาจะได้เข้าใจด้วย พูดภาษากลางกันนะคะ” เธอเข้าไปจัดสายน้ำเกลือบีบแขนบีบขาเอาใจคนแก่

“แสบมากเลยนะพวกเธอ ผมได้ข่าวว่าบุกไปแล้ว” เขาไม่มีอาการโกรธเคือง

“อย่าไปสนใจเลยค่ะ” เธอให้ความสนใจแต่บาดแผล ไม่ให้ราคาสงครามเลย

“กองพันที่ 8 ไม่โต้ตอบเลยเหรอ?”

“ทั้ง 8 และ12 พังไปแล้วค่ะ”

“ไม่อยากเชื่อ! ทหารเกาหลีนี่นะจะถล่มกองพันที่ 8 ได้”

“มันเกิดขึ้นแล้วค่ะ!!” เธอปกปิดเรื่องเดอะแก๊งไว้

“เฮ้อ! ตอนที่ซีชานบุกมาผมอยากช่วยพวกคุณสู้กับมัน แต่ตอนนี้คุณบุกจีนผมไม่ช่วยแน่ผมเป็นทหารมาทั้งชีวิตกองพันที่ 8 เป็นบ้านของผม” เขาหันหน้าหนีถอนหายใจแรง

ผมเข้าใจความรู้สึกของเขา ผู้ปกป้องย่อมไม่คิดทำลาย

ไป่ไป๋ขยับแตะมืออย่างนุ่มนวล...

“หนูแค่บอกให้รับทราบค่ะ คุณลุงสบายใจได้นะคะ หนูไม่ได้บังคับให้ร่วมมือพวกเราทำกันได้สบายมาก” เธอยิ้มแย้มแจ่มใส

“แอนนาเป็นคนวางแผนอีกล่ะสิ ใครเป็นคนนำทัพไป?”

“ซอนค่ะ”

“หือ!” เขาคิ้วย่น...“อ๋อ!...ไมเคิลเหรอแล้วแอนนาล่ะ?”

“ไปจีนแล้วค่ะ”

“บ้ากันใหญ่แล้ว แน่ใจแล้วเหรอที่จะสู้กับจีน?” เขามองด้วยสายตาลุ่มลึก

“โดนบังคับก็ต้องสู้ครับ เราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม” ผมแย่งตอบ

“เจรจายอมดีกว่า อยู่ใต้การปกครองของจีนพวกคุณก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่นา ยังไงหวังฉวนก็ต้องให้พวกคุณเป็นคนปกครองต่ออยู่แล้ว” เขาดูถูกน้ำใจของผมมาก

“ผมตัดสินใจแบบนั้นไม่ได้ ผมรับปากกับจูยอนไว้แล้วว่าจะปกป้องเกาหลี” ผมคิดในฐานะของเพื่อนถ้ามีเพื่อนแล้วไม่ช่วยกันจะมีไว้ทำไม?

“คุณไม่คิดว่าเธอจะตัดสินใจผิดเหรอ จูยอนเดิมพันสงครามด้วยชีวิตและทรัพย์สินของชาติเลยนะ คิดดูดี ๆ สิ” เขายิ่งพูดผมยิ่งขุ่นใจ

“เธอได้แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่ายอมแพ้ไม่ได้ เธอยอมตายพร้อมลูกในท้องโดยไม่ร้องขอชีวิตและไม่คิดเอาตัวรอด”

“นั่นเท่ากับเกมเปลี่ยนแล้ว ไม่จำเป็นต้องเล่นเกมเดิมนี่” เขาทำให้หัวใจของผมเดือดปุดหลุดขึ้นเสียงใส่

“คำสัญญาไม่มีความหมายเหรอครับ คนเท่านั้นนะครับที่จะรักษาคำสัญญาได้” ผมหงุดหงิดจนไป่ไป๋สะกิด

“ในจังหวะอย่างนี้คนฉลาดจะเข้าหาผู้มีอำนาจแล้วสอพลอ คุณเป็นนักการเมืองไม่ได้หรอก”

อ้าว! ต่อยซะดีมั้ยเนี่ย?

“คุณลุงคะ!นั่นไม่ได้เรียกว่าฉลาดค่ะ โลกเฮงซวยเพราะคนสารเลวแบบนั้นเข้าไปมีอำนาจแล้วจะให้หนูใช้วิธีสกปรกแบบนั้นเล่นงานคนเกาหลีอีกเหรอคะ? เคยทำล่ะสิ?” เธอแย๊บไปหนึ่งที แต่เขากลับอมยิ้มแววตาของเขาไม่แสดงอาการอะไรเลย...

“ถ้าอย่างนั้นคุณจะทำยังไง อีกเดี๋ยวจีนจะต้องส่งกองทัพทั้งทางอากาศและทะเลเข้ามา สมมุติว่า...ถ้าพวกคุณเอาชนะพวกนั้นได้ ดาบต่อมาก็จะโดนนิวเคลียร์ แต่ผมเชื่อว่าพวกคุณต้านทานกองทัพที่เกรียงไกรขนาดนั้นไม่ได้หรอก แพ้ตั้งแต่ยกแรก...ยอมเถอะ!” เขาไม่ให้ราคาเราเลย

“หนูยิงใส่ก่อนได้มั้ย?”

“คนที่ลงมือก่อนอาจจะชนะ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าโลกใบนี้เต็มไปด้วยกัมมันตภาพรังสี”

“คุณลุงได้ขนอาวุธกลับมาจากต่างประเทศหรือเปล่าคะ?”

“ไม่ได้ขนมาหรอก ขีปนาวุธของประเทศอื่นใช้ไม่ได้สักลูกไม่มีใครรู้รหัสสั่งยิง แต่ของจีนมีเกือบ 1,000 ลูกแค่นี้เกาหลีก็จมทะเลแล้ว” เขายิ่งพูดเกาหลียิ่งมืดมน

“หนูต้องทำยังไงคะถึงจะชนะ?”

“ทำยังไงก็ไม่ชนะ! ส่งใครไปลอบสังหารหวังฉวนสิ หึหึหึ!” คำพูดและน้ำเสียงของเขาดูแคลนแต่ท่าท่างกลับสงบนิ่ง

ไป่ไป๋หันมากระซิบ...

“นี่เท่ากับว่า อนนี่จะสละชีพเหรอคะ?” เธอหน้าเสีย

ผมลูบมือปลอบใจ...“เชื่อใจแอนนาไว้”

นายพลขมวดคิ้วหันมองไป่ไป๋...“คุณกังวลเรื่องอะไรกัน?”

“ดอกเตอร์นาตาลีเข้าจีนไปแล้วค่ะ เธอเข้าหาหวังฉวนคนเดียว”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! นาตาลีทำเรื่องอีกแล้วเหรอ คราวนี้ถึงตายแน่” เขาเคยทำงานร่วมกันมาก่อน แม้แต่นายพลยังรู้จักนิสัยของนาตาลีเลย

“คุณลุงอย่าพูดอย่างนั้นสิคะ” ไป่ไป๋ขยับเข้าใกล้

“คุณมีจรวดต่อต้านขีปนาวุธมากมั้ย?” เขายังคงนิ่ง

“มากพอที่จะสกัดได้ แต่ไม่มีจรวดต่อต้าน ICBM ผมกังวลเรื่องนี้มากกว่า”

“จะกลัวมันทำไมในเมื่อคุณตั้งรับมันต้องวิ่งมาหาคุณ แค่ระดมยิงจรวดต่อต้านธรรมดาขึ้นไปดักหน้ามันจะจบแล้ว” เขาอมยิ้มพูดเหมือนมันไร้พิษสง

“ยังไงครับ?” ผมไม่ได้เชี่ยวชาญอาวุธชั้นสูง ทหารรับจ้างอย่างผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น ส่วนใหญ่จะทำงานจู่โจมระยะประชิดใช้อาวุธสั้น

ICBM เป็นขีปนาวุธข้ามทวีปมีความเร็วสูง ถ้าคุณปล่อยจรวดไล่ตามก็จะไล่ไม่ทัน แต่ถ้าเรดาร์ของคุณดีพอก็ยิงไปดักหน้ามันสิ”

แต่ผมยังหวั่นใจและไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยคงต้องให้พวกแฮกเกอร์ช่วยดึงภาพจากดาวเทียมสอดแนมให้หน่วยทหารสื่อสาร แต่อีกใจก็กังวล...ทหารของเราก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นด้วย

“ใครจะช่วยหนูได้ในเรื่องนี้นะ?” ไป่ไป๋นั่งแกว่งขาบนเตียง

เขาหันมองหน้าของเธอก่อนจะถอนหายใจ...

“ยอมแพ้สิ! จะได้ไม่ต้องสูญเสีย” ท่านปิดประตูความหวัง

ไป่ไป๋ขยับลงจากเตียง...

“หนูไม่ยอมแพ้ค่ะ! คุณลุงพักผ่อนให้สบายนะคะ”

“แน่ใจ?”

“ผู้ที่แข็งแรงกว่า ผู้ที่มีกำลังมากกว่า ไม่ใช่ผู้ชนะเสมอไปค่ะ”

เราหมุนตัวเดินกลับหวังว่าเขาจะเรียกแต่ก็ผิดหวัง ไป่ไป๋รีบจูงมือเดินออกจากห้องมาเจอเยวอนกับเก้อเฉิง เธอดึงแขนเก้อเฉิงไปอีกทาง เยวอนเดินเข้ามาหาหน้าตาแจ่มใสสวยขึ้นมาก...

“โอ้ปป้า! ฉันต้องออกไปหาเดอะแก๊ง พวกเขาต้องการฉัน” เยวอนทำงานกับพวกเด็ก ๆ มาตลอด ดวงตาร้อนรนเป็นห่วงชัดเจน

“อยากออกสนามเหรอ?”

“เย่!

“ไม่กลัวแน่นะ”

“เย่!

“งั้น! สหายออกไปประสานงานกับหัวหน้าเดอะแก๊งก่อนนะ ผมไม่รู้ว่าซอนเซมสั่งงานอะไรไว้ ผมอนุญาตให้สหายไปทำภารกิจได้ อย่าเสี่ยงเข้าใจมั้ย?”

“เย่!” เยวอนหันหลังวิ่งไปอย่างไม่ลังเล

ในจังหวะนั้นทหารเรียกวิทยุเข้ามาพอดี...

“เซมครับ! บิลลี่ขอคุยด้วยครับ”

“อ๋อ!...” ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ บิลลี่เป็นทหารสื่อสารของอเมริกันนี่นา...

“ให้เขามาพูดสิ!

“แทน! ผมขอช่วยงานได้มั้ย คุณไว้ใจผมได้นะ?”

“ได้สิ! คุณไปรายงานตัวกับผู้พันโกมีทักที่ค่ายโชซอนก่อนนะ เดี๋ยวผมจะสั่งเขาเอง”

เก้อเฉิงรีบเดินมาหา...“เยวอนไปไหนแล้วครับ?”

“ออกรบ”

“เอ่อ!...” เขาหมุนมองไปหน้าดรงพยาบาล

“พี่น้องของเราอยู่ในสนาม ผมต้องพาไป่ไป๋กลับแล้ว” ผมคว้าแขนไป่ไป๋

“แทน! ผมขอออกไปช่วยเยวอนได้มั้ย?”

“ฉันไปก่อนนะ” ไป่ไป๋ตัดบทจูงมือผมเดินหนี

“แทนคะ! เจี่ยเจี้ยบอกคุณหรือยังว่าการรบครั้งนี้ไม่ได้ปกป้องแค่เกาหลี” ไป่ไป๋อมยิ้มดวงตาประกายวิบวับ

“เหรอ?” ท่าทางแบบนี้มีอะไรอีกวะเนี่ย?

“เดี๋ยวก็รู้”

“เอ้า!”... ผมตีหน้าผาก ผมไม่เคยได้รับรู้แผนการของพวกเธอเลย

กูเป็นคนยึดอำนาจได้นะ

...............................................................................

 

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,906 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด11,022 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท23 ต.ค. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม