The last man stand วบัติ 2026 เล่มที่ 10 ตอนที่ 23

The last man stand วบัติ 2026 เล่มที่ 10 ตอนที่ 23
หมวดหมู่ The last man stand. วิบัติ 2026 เล่มที่ 10
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 21 ต.ค. 2568
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


ประเทศจีน

ริมแม่น้ำหลวนเหอ

มุมมองสายตา ซอน

แสงท้องฟ้าตระการตาเหมือนงานแสดงแสงสีเสียงจบลงความเงียบสงบบ่งบอกถึงสัญญาณพักรบ กองทหารฝึกหัดเกาหลีและเดอะแก๊งกระจัดกระจายหนีตายไปคนละทิศทาง เฮลิคอปเตอร์บินลำเลียงกลับมาส่ง

เมืองเฉิงเต๋อโดนถล่มหนักทำให้ผมเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เมืองฉินหลงซึ่งเป็นเมืองเล็กทางใต้ใกล้กับเมืองฉินหวงเต่า ควันดำจากไฟสงครามลอยเต็มท้องฟ้าบดบังดวงดาวค่ำคืนที่แสนสวยงามแฝงไปด้วยอันตรายทุกวินาที

เด็กวัยรุ่นไปหามอเตอร์ไซด์คันใหม่ในเมืองกำลังทยอยกลับมาพร้อมกับเสียงเจี้ยวจ้าวสนุกสนาน ถึงแม้จะผ่านสนามสงครามจริง โดนระเบิดจริง เจ็บจริงและตายจริง แต่พวกเขายังมีขัวญและกำลังใจมั่นคง

“วู้ว! ที่สุดของที่สุดแล้ว!” เด็กที่มาถึงก่อนเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งโล่งอกและดีใจร้องทักทายเพื่อน

“โคตรเสียวเลยจรวดพุ่งผ่านหน้าเรา” วัยรุ่นได้เวลาโม้วีรกรรม

“สหายหลบยังไง?” เพื่อน ๆ หันให้ความสนใจ

“เราไม่ได้หลบ มันบินผ่านหัวบนฟ้า”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! มึงเสียวทำไม?” เสียงหัวเราะกลืนกลบความความเหนื่อยยาก

“ถ้าเซมไม่สั่งให้มาที่นี่ เละแน่!

“ใช่! ตอนเรามาจรวดพุ่งข้ามหัวไปลงเมืองเฉิงเต๋อเพียบเลย”

“แต่สีมันสวยจังเลยเนอะ?”

“ใช่! ยิงตอนตกพื้นสียิ่งสวย แต่แรงสะเทือนน่ากลัวฉิบหาย ขาสั่นเลย”

“ยอลอบูน!...” ซนบ๊กซูโบกมือเรียกรวมพล

“ผู้ที่ไม่มีหน้าที่ให้หลบในอาคารอย่าออกนอกชายคานอนพักผ่อนให้สบายไม่ต้องห่วง” เขาชี้ไปที่อาคารมืดให้เพื่อนซ่อนตัวเพื่อหลบกล้องอินฟาเรด

ผมยืนมองสายน้ำไหลเชี่ยวกรากกว้างใหญ่อุปสรรคชิ้นโตที่ต้องฝ่าฟัน วันนี้โชคดีมากที่ไม่มีใครเจ็บตายแต่ก็หายไปเยอะ

“ซอนเซมเรียกมินจอง” ผมหันมองแสงไฟจากเจ้าแมงปอยักษ์ที่ลอยวนฝั่งตรงข้าม

“เย่!

“รายงานด้วย”

“พวกผมเหลือประมาณ 1,000 คนครับ”

"ฮ้า!" ผมใจหายวาบ...“เกิดอะไรขึ้น?”

“จรวดยิงพร้อมกันจากทางทะเลและด้านหน้า ตอนนี้ผมยังติดต่อกับคนที่หายไปไม่ได้เลย”

“สหายหาที่ซ่อนไม่ต้องเดินทางต่อแล้ว คอยรับคำสั่งอยู่ที่นั่นนะ”

“เย่!

การสูญเสียที่ผมรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเกิดแต่เมื่อมันเกิดก็รู้สึกเศร้าใจ เมื่อได้ระบายความโกรธมาทั้งวันแล้วอารมณ์ของผมเริ่มสงบลง เด็ก ๆ พวกนี้ยังมีเวลาได้เล่นสนุกอีกนานผมไม่อยากโขมยเวลาของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว หันมองเดอะแก๊งที่กระจายตัวกันพักตามอาคารแล้วสะท้อนในอก ผมต้องตัดสินใจทำบางอย่าง

เจ้าซนบ๊กซูเดินเข้ามาหา...             

“เซม! สหายรายงานมาว่าเจอเรือเล็กอยู่ในเมืองครับ” เขาทิ้งตัวลงนั่งข้าง

ผมหูผึ่งหันขวับ...

“ซน! ไปหาเชือกยาวมาแล้วเรียกทุกคนมารวมกัน ด่วน!

“เย่!

ผมรีบยกวิทยุเรียก...

“แทน! กูเจอเรือเล็กแล้วจะข้ามไปก่อนนะ”

“พี่! ทหารจีนขนกองกำลังมาบานเลยว่ะ มันตั้งรับที่ถังซาน” เสียงเจ้าแทนตื่นเต้น

“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว มันบีบให้เราต้องลุยผ่านช่องแคบ” ผมหนักใจจุดนั้นมากที่สุด

“มันตั้งฐานปืนบนภูเขาทั้งสองด้านเลย เครื่องบินเข้าไม่ถึงซะด้วย”

“ทหารสนับสนุนตามกูไม่ทันว่ะ รุกเร็วก็ไม่ได้”

“พี่ต้องเข้าใจหน่อยนะ รถหนักกับมอเตอร์ไซด์มันไล่กันไม่ทันอยู่แล้ว”

“ทางทะเลเป็นไงมั่ง?”           

“มันเอาเรือรบมาปิดอ่าวสองฝั่งแล้วระดมยิงขึ้นมาเหมือนกับที่พี่คาดคะเนไว้ แต่ผมยันอยู่ครับ”

“พวกมันขึ้นฝั่งไม่ได้หรอกไม่ต้องกังวลระวังหัวไว้อย่างเดียวพอ พรุ่งนี้ถ้ารอด! กูจะจมเรือแม่งให้หมดเลยแค่นี้นะ!” ผมโม้ให้กำลังใจท่านผู้บัญชาการสูงสุดก่อนจะจบการสนทนา      

บนท่าเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ริมแม่น้ำคลาคล่ำไปด้วยเด็กวัยรุ่นสดใส ฝูงมดแดงที่หาญกล้าต่อกรพญาราชสีห์เห็นทีถึงเวลาต้องกลับบ้าน ผมแหงนมองท้องฟ้าก่อนก้าวเดินขึ้นบนโต๊ะ...

“เดอะแก๊ง!...

“เย่ห์!!  เสียงกระหึ่มดั่งกองทัพปีศาจ

“ใครว่ายน้ำไม่เป็น ยกมือ! พอสิ้นเสียงของผม...

“พรึ่บ...บบ!! เหล่าเด็ก ๆ ยกมือกันสลอน

“โอ้โห!..ทำไมเยอะขนาดนั้นวะ แยกไปตั้งแถวใหม่สิ!

กลุ่มเด็กสลับกันจัดแถวใหม่

“คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นเอาโดรนทิ้งไว้ให้เพื่อน แล้วกลับบ้านไป”

“...............” เงียบ ไร้สิ่งเคลื่อนไหว

“เดอะแก๊ง!!

“เย่!!

“คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นกลับบ้านไป สหายเสร็จภารกิจแล้ว” ผมสั่งอีกครั้ง

“..............” เงียบเหมือนเดิมไม่มีใครขยับตัว

ต้องเล่นไม้แข็ง...

“อ้าว! ดื้อกันแล้วเหรอ?”

“ไม่เอา! เราไม่กลับ เราจะไปปักกิ่ง” กลุ่มว่ายน้ำไม่เป็นน้ำเสียงไม่มั่นใจร้องสวนมา

“ใช่! เราไม่กลัว ถ้าเราหาทางข้ามไม่ได้ก็จะนั่งรอสหายอยู่ตรงนี้แล้วกลับไปบ้านพร้อมกัน”

เพื่อนแท้จะได้พบในยามยาก ทุกคนช่วยกันสนับสนุนพร้อมใจกันปฏิเสธคำสั่ง

เด็กเกาหลีร่างกายผอมแห้งยกมือน้ำตานองหน้า สะอึกสะอื้นต่อรอง...

“เซม! ข้ามกันไปก่อนก็ได้ พวกเราจะหาเรือข้ามไปทีหลัง เราจะขับรถเลาะริมน้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอครับ”

“นะครับเซม!” พวกเขายังมุ่งมั่นจะไปต่อ

ผมไม่สนใจเสียงต่อรอง ออกคำสั่งใหม่...

“คนที่ว่ายน้ำเป็นนับ 1

เจ้าซนบ๊กซูหัวหน้าแก๊งเดินออกจากกลุ่ม...

“ฮานา” เขาชูมือนับเสียงดัง

“ทุล”  เพื่อนคนต่อไปนับ 2- 3-4-5 จนถึงคนที่ 100

ผมยกมือเบรค...

“ที่เหลือรีบออกจากจีนให้ไวที่สุดกลับบ้านแล้วซ่อนตัวในถ้ำกับครอบครัว ห้ามออกจากที่มั่นจนกว่าเราจะได้เจอกันอีก”

“.............” เดอะแก๊งเงียบไม่มีใครขยับ /อะไรของมันวะ?/

“อ้าว!ไปสิ บอกให้กลับบ้าน”

“.............” แต่พวกเขาพร้อมใจกันก้มหน้าเงียบ

“ทำไมยังไม่รีบไปกันอีก?  ไป! ผมเล่นบทยักษ์ไล่เสียงดัง

“..............”

“สหาย! ไม่รักกันแล้วใช่มั้ย เราเคยสัญญากันไว้อย่างไร?  ตอบ!!!ผมตวาดเสียงดัง

เด็ก ๆ ขยับตัวร้องตะโกนเสียงสั่น....            

“เราจะไม่มีข้อแม้และไม่มีเงื่อนไขกับเซมครับ” พวกเขาก้มหน้ากอดโดรนไว้แนบอก น้ำเสียงสั่นเขย่าขั้วหัวใจของผม

“ฟังคำสั่งให้ดี!...คนที่ไม่ได้นับ1- 100 กลับบ้าน เดี๋ยวนี้!

“............” ทุกคนยังก้มหน้าอยู่ในท่าเดิม

“หงึ!หงึ! เสียงสะอื้นร้องไห้ระงมน้ำตาไหลแห่งความผิดหวังไหลริน

ผมต้องรักษาชนชาตินี้ไว้ ต้องเด็ดขาด...

“ทหาร! พาเด็กกลับบ้าน”

“พรึ่บ! ทหารขยับเดินเข้าประกบ

กลุ่มเด็กชายร้องไห้ระงม...

“ฮือ!ฮือ! เราไม่กลับ มาด้วยกันต้องกลับด้วยกันสิ” เสียงร้องไห้ดังไกลเป็นวงกว้าง

เจ้าซนบ๊กซูยกมือแล้วเดินดวงตาแดงเข้ามายืดอกแหงนมองหน้า...

“ด้วยความเคารพซอนเซงนีม! พวกเราคุยกันทุกวัน เราภูมิใจมากที่ได้เป็นกุหลาบดิน เราพร้อมจะถูกเหยียบย่ำ ขอให้พวกเราได้ช่วยสหายทหารทำภารกิจนี้ให้สำเร็จด้วยนะครับ ถ้าต้องตายก็ขอให้ได้ตายอย่างมีเกียรติกับเพื่อนในสนามรบเถอะครับ” เสียงเจ้าซนขาดหายยกแขนปาดน้ำตาแล้วก้มหน้า

ผมต้องตัดใจแม้จะเข้าใจหัวอกของพวกเขา...

“100 คนเตรียมไปลงเรือ ที่เหลือกลับบ้านไป”

“โฮโฮ! ฮือฮือ! นักรบผู้กล้าของผมตีอกชกตัวทิ้งตัวลงพื้น

เจ้าซนที่เคยทะเล้นทะโมนน้ำตาไหลพราก หันมองเพื่อนอย่างวิตก สูดลมหายใจลึกแล้วกำมือชูขึ้น

“เดอะแก๊ง! น้ำเสียงเครือสะอื้นตะโกนดัง

“เย่!

“เนกาเจอิลจัลนาก้า!

“เนกาเจอิลจัลนาก้า” เพื่อนยังจมอยู่ในอารมณ์เสียใจ

“เนกาเจอิลจัลนาก้า!...ซนกระตุ้นต่อเนื่อง

“เนกาเจอิลจัลนาก้า” เพื่อน ๆ เงยหน้าตะโกนและค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนชูมือแหกปากสนั่น...

“เนกาเจอิลจัลนาก้า เนกาเจอิลจัลนาก้า เนกาเจอิลจัลนาก้า” เสียงร้องดังกระหึ่มสะท้อนลำน้ำ

“พรึ่บ! พวกเขากลับมาเข้าแถวอีกครั้ง ยืดอกยกแขนเสื้อปาดน้ำตา

ซนบ๊กซูเดินกลับมาแหงนหน้าเผชิญกับสายตาของผมอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ซน! แน่ใจใช่มั้ย?” ผมถามเบา ๆ

“ฮือ!ฮือ! เจ้าซนสะอื้นร้องไห้น้ำตาแตก พูดระล่ำระลัก...

“เซมไม่เข้าใจพวกเราเลย เราฝึกมาเพื่อวันนี้ เราเหนื่อยกันมาตลอดเพื่อวันนี้ ในทุกวัน..พวกเรากลับบ้านไม่เคยได้นอนหลับต้องเลื่อนแท็บเลตทั้งคืนเพื่อฝึก กลัวสอบตก กลัวเซมจะไม่รัก หลายคนทะเลาะกับที่บ้านเพื่อมาเป็นเดอะแก๊ง เซมเข้าใจพวกเราด้วยครับ” เขาทรุดตัวลงคุกเข่าแล้วก้มศีรษะ

“เซม! ต้องเข้าใจพวกเราสิ! เข้าใจพวกเราด้วย ฮือฮือ! ทั้งกลุ่มทิ้งตัวคุกเข่าร้องอ้อนวอนขอความเห็นใจ

แต่ผมเมินหน้าเดินหนี ถึงพวกเขาจะเกลียดผมก็ยอมเพื่อรักษาชีวิตของพวกเขาไว้

“ฮือฮือ! เซมไม่รักพวกเราเลย” พวกเขายิ่งร้องไห้เสียงดังเมื่อความหวังริบหรี่

ผมเข้าใจแต่ให้ไม่ได้ ผมเคยเดินผ่านเด็กกำพร้ามากมายจากสงครามกลางทะเลทราย ดวงตาสิ้นหวังเหล่านั้นหนาวเหน็บหลายคนนอนกอดตุ๊กตามอมแมมและจากไปทั้งที่น้ำตานองแก้ม ผมไม่อยากให้พวกเขาต้องตกอยู่ในสภาพนั้น

ลีจองซุกนายร้อยทหารจากกองพันที่ 12 เดินตามหลังมาเอ่ยขึ้น...             

“ซอน ซอนเซงนีม! ผมขอปรึกษาหน่อยครับ”

ผมเดินมาหยุดที่ต้นฝรั่งริมน้ำห่างจากกลุ่มเด็กแล้วหันไปหาเขา

“สหายมีอะไรว่ามาได้เลยครับ?” ผมเคยเจอนายทหารคนนี้ที่ญี่ปุ่นเมื่อคราวไปช่วยนาตาลี

“ด้วยความเคารพ ทำไมถึงไม่ให้เด็ก ๆ ข้ามแม่น้ำล่ะครับ?” เขายืนตรงมองต่ำ

“สหายก็สงสัยคำสั่งของผมเหมือนกันเหรอ?” ผมจ้องหน้าไม่พอใจ

“หามิได้เซม! อย่าเข้าใจผมผิดเพียงแต่ผมไม่เข้าใจ พวกเขาเป็นลูกศิษย์ของเซมทั้งนั้น” เขาลนลานโค้งศีรษะขอโทษ

“ก็เพราะพวกเขาเป็นลูกศิษย์ของผมน่ะสิถึงไม่ให้ไปด้วย หนทางข้างหน้าจะลำบากกว่านี้” ผมเอื้อมมือเด็ดฝรั่งจากต้นมากัด

“ผมขอเหตุผลหน่อยได้ไหมครับ?” เขาขยับเดินเข้าใกล้

“สหาย!...ถ้าคุณหรือผมตายไปก็ไม่น่าเสียดายพวกเราได้ใช้ชีวิตมาบ้างแล้ว แต่พวกเขาเพิ่งผ่านวัยเด็กเพิ่งผ่านชั้นประถมมาไม่นานยังไม่ได้เห็นโลกใบนี้มากพอเลย”

“เซมครับ! การตั้งใจทุ่มเทเรียนของเด็กต้องไร้ความหมายเพราะครูไม่ให้เข้าสอบ เด็กพวกนี้คล่องตัวและเก่งกว่าทหารอีกนะครับ?” เขาพูดสะดุดหู

“มันเก่งคนละอย่าง พวกนี้ยิงปืนไม่ได้วางระเบิดไม่เป็นในสนามรบจริงไม่เหมือนกับสนามฟุตบอลที่ผมฝึกให้พวกเขานะครับ” ผมก็รักเด็กพวกนี้ไม่น้อยไปกว่าเขา

“แต่...ที่ฝึกมาทั้งหมดก็เพื่อวันนี้อย่างที่เด็ก ๆ บอกนะครับ ผมเคยได้ยินแต่ทหารหนีทัพไม่เคยเห็นใครอยากจะวิ่งเข้าหาสงครามเหมือนพวกเขาเลย ผมเองก็ยังไม่เชื่อสายตาเลย” เขายืดอกมองตาไม่กะพริบ
           แต่ผมก็มีเหตุผลของผม...

“สหายผู้กอง! เด็กพวกนี้ต้องอยู่ต่อเพื่อเป็นอนาคตของประเทศ เขาเป็นลูกหลานของเกาหลี ถ้าเกิดอะไรขึ้น!...ประเทศของคุณจะขาดคนรุ่นต่อไปทันทีนะครับ” ผมเคี้ยวฝรั่งไม่สนคำทัดทาน
           เขาอึกอักอย่างเห็นได้ชัด....

“ครอบครัวของผมมีด้วยกัน 3 คนลูกชายคนเดียวก็เป็นเดอะแก๊ง เมียของผมโดนระเบิดเสียชีวิตที่ DMZ เซมคิดว่าผมไม่กลัวเหรอครับ?” ก้อนลมจุกลำคอน้ำเสียงของนายทหารแปล่งไป ทุกคนต่างมีบาดแผลในใจเหมือนกัน

นายทหารมือสั่นเสียงเศร้าคอตก ผมปล่อยให้เขาระบายความอัดอั้นในใจ

“ผมห้ามลูกชายไม่ได้เพราะเขาอยากแก้แค้นให้ออมม่า เด็กหลายคนที่มาที่นี่ก็เสียเพื่อนเสียน้องสาวหรือเป็นกำพร้าหลายคนไม่มีครอบครัวไม่มีบ้านให้กลับอีกแล้ว โอกาสที่จะได้แก้แค้นก็มีแค่วันนี้เท่านั้น” ลิจองซุกน้ำตาคลอยืดอกกัดฟันแน่น

ผมรับรู้ถึงความคับแค้นในใจของพวกเขาเพราะผมก็เป็นเหมือนกับทุกคน โกรธจนอกแทบระเบิด         

“สหาย! ผมไม่แน่ใจในสนามรบพรุ่งนี้ ผมไม่รู้ว่าข้ามแม่น้ำแล้วจะเจอกับอะไรบ้าง ผมสังหรณ์ใจว่าพวกเราจะโดนถล่มหนัก ผมอยากเก็บเด็กกลุ่มนี้ไว้ต่อลมหายใจให้เชื้อชาติ”

“สงครามย่อมมีบาดเจ็บล้มตายทุกคนเข้าใจ พวกเราสู้เพื่อผู้หญิงและคนแก่นะครับ เราสู้เพื่อลมหายใจของทุกคนอย่างที่เซมตั้งใจ พาพวกเราไปต่อเถอะครับ”

“เฮ่อ! ผมชั่งใจมองลีจองซุกน้ำตาคลอ

ชายชาติทหารไม่หลั่งน้ำตาง่าย ๆ เขาคงอึดอัดใจมาก...

“เซมครับ! ผมรู้อยู่เต็มอกว่าเราไม่มีทางชนะทหารจีนได้เลยแต่ถ้าต้องตายก็ขอให้ทุกคนได้ภูมิใจ เวลาได้เจอกับสหายจูยอนและเจ็ทโด้เซมบนสวรรค์จะได้กล้ามองหน้าเธอ ขอให้พวกเด็กได้สู้เพื่อบ้านเกิดของพวกเขาเถอะครับ” เขาจี้โดนจุดอ่อน ผมก็มาสู้เพื่อทั้งสองคนเหมือนกัน

ผมคิดทบทวนกลับไปกลับมาหลายรอบสงครามนี้สู้ก็ตายกลับไปก็ตาย ถ้าผมไม่อนุญาตให้สู้ก็เท่ากับทำลายความหวังในการปกป้องและต้องโดนไล่ล่าอย่างหมาจนตรอกในบ้านของตน นอกจากเกาหลีจะสูญสิ้นชาติแล้วยังโดนตราหน้าว่าเป็นชาติที่ขี้ขลาดตาขาว ผมจะเดินเคียงข้างและให้เขาได้ทำหน้าที่อย่างสมศักดิ์ศรีก็แล้วกัน

“ผมศรัทธาจิตใจของพวกคุณจริง ๆ ถ้าผ่านสงครามนี้ไปได้เกาหลีจะเป็นชนชาติที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก” ผมเดินเข้าไปตบไหล่นายทหารที่ก้มหน้าสะอื้น

“สหายผู้กอง! ผมจะทำตามคำขอเรามารบร่วมกัน!

เขากระเด้งยืดอกน้ำตากระเซ็น...

“เซมคัมซามนิดะ! คัมซามนิดะ! คัมซามนิดะ! ลีจองซุกโค้งศีรษะรัวรัว

ผมก้าวเดินกลับขึ้นไปยืนบนโต๊ะเรียกรวมพลอีกครั้ง...

“เดอะแก๊ง!

เย่! น้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจนัก พวกเขายังก้มหน้าสะอื้นจมอยู่กับความผิดหวัง

“เราจะไปด้วยกันทั้งหมด เตรียมพร้อมรับคำสั่ง!”

“เย้! เย้!!!” เสียงแหกปากร้องอย่างกับผู้ชนะสงคราม
           เด็กชายหัวเกรียนใบหน้ากลมยิ้มตาหยีทั้งที่น้ำตายังไม่แห้งวิ่งมาโค้งศีรษะ...

“คัมซามนิดะซอนเซงทงมูนีม!!! ซารางเฮเซม! นักรบรุ่นเยาว์ปาดน้ำตาแล้วหันไปตีมือกัน พลังเพลิงของวัยรุ่นกลับมาเต็มถังอีกครั้ง

“จงจำไว้ว่า ลมหายใจของสหายคืออนาคตของชนชาติ จงรักษามันไว้และหายใจไปพร้อมกัน!”

“เย่!!! เสียงสนั่นสดใส

ทหารแบกเรือสปีดโบ๊ทประมาณ 3 เมตรมาลอยหน้าโป๊ะ ฝั่งตรงข้ามมืดมิดได้ยินเพียงเสียงเครื่องยนต์กับเสียงระเบิดไกล ๆ เสียงนกหวีดสิ้นสุดลงตรงริมแม่น้ำนี้ ฝั่งตรงข้ามยังเป็นจุดบอดที่คาดเดาไม่ออก

ผมหันมองเจ้าซนวิ่งถือเชือกกลับมา...

“เชือกยาวเท่าไหร่?”

เขาคลี่ขดเชือกดึงออกจากกัน...

“ประมาณ 100 เมตรครับ”

“เอาไปช่วยกันมัดปมห่างกัน 1 เมตรแล้วไปผูกท้ายเรือ”

“เอ่อ...” เจ้าซนเงยหน้าเอียงคอมองสายตายังไม่เข้าใจ

ผมอธิบายต่อ...

“มัดปมไว้จะให้สหายจับคนละปมแล้วเอาเรือลากข้ามไปทีเดียว เอาไปให้เพื่อนช่วยมัด”

“เย่!” เจ้าซนยิ้มเริงร่าเป็นพิเศษ

ผมเดินไปยืนมองเรือสปีดโบ๊ทแล้วเงยมองฝั่งน้ำอย่างชั่งใจไม่แน่ใจฝั่งโน้นเลย หันไปเรียกนายทหาร...

“ลีจองซุก!

“เย่!

“ไปกับผม เอาโดรนไปบินไล่ทหารจีนริมน้ำฝั่งโน้นก่อน”

“เย่!
                 ..........................................................................................................

เป้าหมายของเราต้องข้ามแม่น้ำกว้างสายนี้ไปให้ได้อุปสรรคชิ้นใหญ่ไหลเชี่ยวกรากปราการธรรมชาติทดสอบจิตใจ ลีจองซุกขับเรือน้อยลอยลำฝ่ากระแสน้ำใต้แสงจันทร์ส่องสว่าง เจ้าซนกับเพื่อนนั่งกลางลำลูบคลำโดรนคู่ใจ

“บ๊กซู! สหายไม่กลัวเหรอ?” ลีจองซุกขับเรือด้านหน้าหันมาถาม

“สนุกดีไม่กลัวครับ!” เขายืดอก

“สหายอายุเท่าไหร่แล้ว?” เขาถามน้ำเสียงเอ็นดู

16 แล้วครับอาจอชี่!

“ผมก็มีลูกชายเป็นเดอะแก๊งเหมือนกัน”

เจ้าซนเลิกคิ้วดวงตาใส...

“เหรอครับ! ตอนนี้อยู่ที่ไหนใครเป็นหัวหน้าครับ?” การสนใจคู่สนทนาเป็นคุณสมบัติเด่นของซนบ๊กซู เขาจะมีอารมณ์ร่วมทุกครั้งกับเรื่องราวที่ได้รับฟังทำให้คู่สนทนาสัมผัสได้ถึงความจริงใจ

“ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน สังกัดสหายจองอุงอิลพัลจัง”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! เจ้าซนหัวเราะร่า...

“อาจอชี่สบายใจได้ อุงอิลเรียบร้อยเหมือนนักวิชาการไม่ดื้อไม่ซนสนใจงานบริหาร ลูกน้องของเขาจะปลอดภัยทุกคน เชื่อผม!” เจ้าเด็กน้อยเติมความมั่นใจให้ทหารรุ่นพ่อ

จองซุกหันมายิ้มถามอีกคน...

“เซมสั่งให้กลับบ้าน ทำไมสหายไม่กลับ”

สีหน้าของเด็กชายเครียดทันที เขาก้มหน้าแกะเล็บพูดเสียงเบาขาดความมั่นใจ...

“ผมไม่มีคนคอยอยู่ที่บ้านแล้ว ไม่รู้จะกลับไปหาใคร” เขามือสั่นอย่างเห็นได้ชัด

ผมสะอึกสะเทือนใจกับ The last man stand ของตระกูล เขาต้องเดินอย่างเดียวดายและเหงาในอกไปอีกนาน ผมอดไม่ได้ที่จะจดจำชื่อของเขาไว้ คนที่โชคร้ายไม่มีครอบครัวคอยให้ความอบอุ่นจะได้ไม่ต้องเผชิญกับสังคมที่โหดร้ายเพียงลำพัง

“สหายชื่ออะไรครับ?”

“พัค!จิน!ยอง! รุ่นที่ 8 ทีมหมาจิ้งจอกครับ”

“จินยอง!...สงครามนี้เราจะชนะและเอาความภาคภูมิใจไปประทับไว้ที่สุสานของวงศ์ตระกูล ถ้าไม่มีใครรอสหายอีกแล้วก็ถือซะว่า ฟ้าได้กำหนดให้สหายเป็นต้นตระกูลรุ่นใหม่ สหายต้องเป็นตัวอย่างให้ลูกหลานรุ่นต่อไปนะ”

“เย่! ผมจะทำให้ได้ครับเซม” แค่เห็นสายตาของเขาประกายผมก็ชื่นใจ

“ทุกครั้งที่สหายเดินต่อไม่ไหว คิดถึงผมเป็นคนแรกเลยนะ”

“เย่!

“บรื้น!...” ลีจองซุกชะลอเรือเมื่อใกล้ฝั่ง ท้องฟ้าสว่างเห็นเส้นใยไอพ่นปุกปุยเหมือนขนมสายไหม

“ปล่อยโดรนเลย! บินเข้าไปลึก ๆ เลยนะ” ผมสั่งเมื่อเรือลอยเข้าชายป่า

สองหนุ่มน้อยสวมแว่นปล่อยโดรนลำน้อยขึ้นบินพุ่งขึ้นฝั่ง

“หึ่ม...มมม!! โดรนบินหายลับยอดไม้ เจ้าซนบังคับจอยสติ๊กปากก็รายงาน...

“ยังมีแสงไฟจากบ้านประปรายส่วนใหญ่มืดมิด ทางขวาไม่มีทหารจีนเลยครับ”

“ทางซ้ายก็มืดเหมือนกันครับ แต่ผมเห็นแสงไฟจากด้านในไกลมากครับ”

“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!เสียงเฮลิคอปเตอร์แว่วดังอยู่ไกลลิบ

สายน้ำไหลเชี่ยวกรากลีจองซุกจับกิ่งไม้ดึงเรือไว้ กระแสน้ำพัดพาศพลอยมาตามน้ำ

จู่ ๆ พัคจินยองก็สะดุ้งเฮือก...

“เซมครับ!”

“มีอะไร?”

“เฮลิคอปเตอร์กำลังมา มันบินเร็วมากเลยครับ!

“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!

“เรียกโดรนกลับมา เร็ว!” ผมหันไปมองกลุ่มเดอะแก๊งบนฝั่งพวกเขายังไม่รู้ตัว ยกวิทยุสั่ง...

“ตากล้องแพ็ค! สั่งให้เดอะแก๊งสลายตัว เร็ว!

“นักบินฮันยิงปืน FN6 เป็นมั้ย?”

“ไม่เป็นครับ”

เวรล่ะ!

“บรื้น!.” ลีจองซุกสตาร์ทเครื่องเรือรอ

“โพล๊ะ! ผมกระชากลำปืน M16A เตรียมพร้อม

“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ! เสียงปีกตัดอากาศดังชัดขึ้น สถานการณ์บนเรือเริ่มตึงเครียดใจจดจ่อรอโดรนของสองหนุ่ม

“หวือ! ยังไม่ทันที่โดรนจะพ้นยอดไม้แสงไฟสาดวาบเข้ามา

“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ! เฮลิคอปเตอร์พุ่งตรงเข้ามาที่เรือ             

“ทิ้งโดรนก้มหัวลง!”

“ทหารยิงไปที่ใบพัดหางเครื่องบิน!  ผมร้องสั่ง

“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ทหารยิงสวนเฮลิคอปเตอร์

“บรื้น...นน!!!  สปีดโบ๊ทกระชากออกตัวพุ่งหนีไปกลางลำน้ำ

เฮลิคอปเตอร์บินโฉบไล่ยิง...

“ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด! กระสุนพุ่งลงกลางสายน้ำเป็นเส้นขาวตรงมา

“บรื้น...นน!!! จองซุกหักหลบฉวัดเฉวียนโยกหลบหลีกวิถีกระสุน
           แต่ช้ากว่าเครื่องบิน...

“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! สายกระสุนพุ่งลงน้ำตรงเข้าหาเรือ
           เจ้าซนลุกยืนแหกปากร้องชี้นิ้วไปด้านหลัง...

“เซมโดนแล้ว! มันมาทางนี้แล้ว! หลบเร็ว!

“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!! แสงไฟจ้ามาพร้อมกระสุน...

“ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! สายลูกกระสุนปืนจวนเจียนจะถึงลำเรือ

“สละเรือ!ผมกระโดดลงน้ำ

“บรึ้ม!! ยานพาหนะแห่งความหวังระเบิดไฟลุกท่วมก่อนจะค่อย ๆ จมลง

“พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!! เฮลิคอปเตอร์กลับลำบินกดหัวลงกลางแม่น้ำลั่นกระสุนใส่

“ดำน้ำลึก!ผมกดหัวจินยองปล่อยไหลไปตามสายน้ำจนสุดลมหายใจโผล่ขึ้นมา

ทันใดแสงไฟวาบจากริมฝั่ง...

“ฟึ่บ!! จรวดพุ่งเข้าเป้าระยะใกล้...             

“บรึ้ม!!! เจ้าแมงปอยักษ์ค่อย ๆ จมหายตามเรือน้อยไป

“...........” ความเงียบและความมืดเข้ามาปกคลุมเหมือนเดิม 

“แว๊น! แว๊น! เดอะแก๊งคว้ามอเตอร์ไซด์ไล่ตามมา

ผมปล่อยตัวให้สายน้ำพัดพาเข้าหาตลิ่ง ดึงมือขึ้นจากน้ำทีละคนแล้วตบไหล่ปลอบใจ...

“บ๊กซู! จินยอง! ทำดีมาก”

แต่ในใจของผมโกรธจัด ยกวิทยุเรียก...

“ซอนเซมเรียกสหายผู้นำ!

“เย่!

“เรือกูล่มไปแล้ว รถทหารยังมาไม่ถึงเร่งให้หน่อยสิ”            

“ผมกำลังไปหาครับ”

“หือ! มึงจะมาทำไม แค่ส่งรถสะพานมาก็พอ?” ผมชักงงกับผู้บัญชาการใหม่คนนี้ซะแล้ว

“ข้อ1.ผมอยากมีส่วนร่วมในสนามรบครั้งนี้ 2.ผมไม่เคยทำงานกับพี่สักครั้ง 3.ผมให้พี่เสี่ยงคนเดียวไม่ได้ขอให้ผมไปช่วยด้วยนะ” ผู้บัญชาการของผมอ้อนวอนเสียงอ่อน

“ไป่ไป๋ล่ะ?”

“เธอเข้าใจครับผมคุยกันแล้ว”

“มึงเชื่อกูเถอะไป่ไป๋ไม่เข้าใจหรอก ที่สำคัญ...ใครจะเป็นกองหลังสนับสนุนล่ะไว้ใจคนอื่นไม่ได้นะมึง” ผมวางใจเจ้าแทนมากที่สุด ลุยหน้าอย่างเดียวไม่ต้องกังวลหลัง

“เชื่อใจสหายโกมีทักเถอะครับ เขาเก่งเทคโนโลยีมากกว่าผมซะอีก อีกอย่างเราไม่ได้เดินเกมบุกมีแต่ตั้งรับ เขาป้องกันได้ครับ” น้ำเสียงมั่นใจมาก

“แน่ใจนะ?”

“เย่!

“เตรียมเครื่องบินโบอิ้ง10 ลำส่งจรวดทางเรียบมา แล้วมึงมาพร้อมกับรถสะพาน”

“อ๋อ! ฮ่าฮ่าฮ่า! ท่านผู้นำชอบใจ

ผมยกวิทยุเรียก...

“ซอนเซมเรียก มึนฮึงมิน”  กลุ่มนี้ติดอยู่แถวถ่งเหลียว

“เย่!

“รายงานมา!

“ถ่งเหลียวเงียบสงบแล้วครับ”          

“กระจายกันซ่อนตัวริมถนนสายใหญ่ป้องกันทหารรุกคืบ”

“เย่!!!!”

“ซอนเซมเรียกมินจอง”

“เย่!

“สหายติดต่อคนที่สูญหายรึยัง?”

“เจอแล้วครับ พวกเขาหนีลงคลองวิทยุเปียกน้ำกันหมด”

“ดีมาก! สหายฟังคำสั่ง!

“เย่!

“สหายจับคู่แล้วกระจายกันซ่อนตัวชายทะเลจากฉินหวงเต่ากลับไปที่ต้าเหลียนป้องกันทหารจีนขึ้นฝั่งและบอกสหายที่ยังติดระหว่างทางให้ไปช่วยกันปกป้องพื้นที่ เรายึด 3 มณฑลได้แล้ว”

“เย่! 

นกตัวเดียวไม่สามารถสร้างพายุเฮอริเคนได้แต่ถ้ารวมนกทั้งหมดให้กระพือปีกพร้อมกันก็เปลี่ยนอนาคตได้ แรงปรารถนาความตั้งใจจริงของคน ๆ เดียวอาจไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าร้อยรวมดวงใจร่วมกันก็ผลักดันความสำเร็จสู่เป้าหมายได้

  ……………………………………..…………..

 

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,906 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด11,022 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท23 ต.ค. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม