The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11 ตอนที่ 15

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11 ตอนที่ 15
หมวดหมู่ the last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 15 ต.ค. 2568
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

เทียนอันเหมิน ปักกิ่ง

มุมมองสายตา นาตาลี

ฉันเจ็บระบมไปทั้งตัว โดนมัดมือไขว้หลังคู่กับหมวดจางที่ยังนอนสลบไสล เม็ดไฟระยิบระยับของห้องปฎิบัตการลานตา จอภาพมากมายบนผนังยังฉายภาพสนามรบจากมุมสูง

หวังฉวนเดินหงุดหงิดหัวเสียหมุนไปมาไฟเครียดแค้นเผาใจจนใบหน้าดำกัดกรามร้อนรุ่ม

ภายในห้องโถงเหลือเพียงโต๊ะเก้าอี้เปล่าไร้คนทำงาน ฉันเดาว่าห้องนี้น่าจะเป็นศูนย์บัญชาการรบ โซนทางขวาเป็นของทหารบก โซนตรงกลางเป็นของทหารอากาศ และทางซ้ายสุดเป็นของทหารเรือสังเกตได้จากจอภาพเป็นกองเรือลอยเละเละกลางทะเล ทุกสมรภูมิเห็นแล้วมืนมนเปลวไฟโหมกระหน่ำกับร่างไร้วิญญาณกระจัดกระจาย มันเป็นวันสิ้นโลกของจริง

“ตกลงเราติดต่อกับทหารไม่ได้เลยสักคนใช่มั้ย?” เขาหัวเสียตะโกนใส่องครักษ์

“ติดต่อไม่ได้เลยครับ พวกเขาออกไปตอนที่ท่านสั่งให้ตามฆ่าผู้หญิงสองคนนั้น” ลูกน้องก้มหน้ากุมเป้า

ฉันรู้สึกสมเพชกับผู้หลงตนจนลืมทางเดิน คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงโดนป้อยอจนลืมความจริงและลืมตัวคิดว่าตนเองเป็นเทพเจ้า เหตุการณ์นี้เขาเป็นคนทำผิดพลาดเองทุกอย่าง

“เจี่ยเจี้ย! ฉันเอาไหล่กระแทกปลุกหมวดจางให้ตื่น ไม่รู้ว่าเธอโดนอะไรมาถึงสลบแน่นิ่งไปนาน

“โครม!

“ห่ะ! ฉันสะดุ้งเฮือกหันมอง

หวังฉวนขว้างหนังสือใส่ฝาผนังแล้วเดินตาขวางเข้ามา

“อีสองคนนี้ต้องรับกรรมในสิ่งที่มันทำขึ้นมา เชื้อโควิด 19 มันก็เป็นคนทำ วัคซีนที่หลอกฉีดใส่คนทั้งโลกมันก็เป็นคนทำ พวกมันฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะมัน! สายตาแข็งบนใบหน้าชายชราเจ้าเล่ห์จ้องฉันจนแสงพุ่ง

“อ้าว! ฉันเชิดหน้าสู้...

“แกลองยั้งคิดสักนิดสิใครเป็นคนเป่านกหวีด ถ้าฉันจะต้องรับผิดและโดนลงโทษต้องไม่ใช่แกเป็นคนตัดสิน ไอ้โมฆะบุรุษ! คนอย่างแกไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาฉัน”

“นักวิทยาศาสตร์มันต้องอยู่ในห้องทดลองสิ เที่ยวเสนอหน้ามายุ่งเรื่องการเมืองได้ยังไง พวกเธอมันเป็นคนไม่รู้จักระเบียบของโลกไม่รู้จักระดับของชนชั้นไม่เคารพผู้อาวุโสฝืนกฎกติกา ก้าวร้าว!” เขาง้างหมัดมาแต่ไกลแต่มันไม่ได้ทำให้ฉันกลัว

“เกี่ยวอะไรกับฉัน?” ฉันมองอย่างไร้ความรู้สึก

เขาชะงักหมัดค้าง...

“ก็เกี่ยวอยู่นี่ไง พังฉิบหายหมดแล้ว” เขาเหวี่ยงหมัด

“วืด! ฉันโยกหลบ

เขาเซเข้ามารัวหมัดใส่...

“อั่ก!อั่ก!อั่ก!  

“มึงฉลาดทุกเรื่องแต่ทำไมโง่กับเรื่องง่าย ๆ วะ?”

ผลัวะ!” ใบหน้าของฉันสะบัดตามแรง

“อะไรวะ?” ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

“ทีอย่างนี้ทำเป็นโง่”

“คนฉลาดเฉลยเลยสิ ฉันโง่เรื่องแบบนี้จริง ๆ” ก็กูไม่เข้าใจว่ามึงพูดเรื่องอะไร

“ยอมยังไงล่ะ เชื่อฟังผู้ใหญ่ทำไม่เป็นรึไง พ่อแม่ไม่สั่งสอนเหรอ?”

อ๋า! ที่ตบฉันก็เพราะไม่ยอมนี่เอง คนมีตำแหน่งบวกอายุมากนี่มันเทพเจ้าแห่งการเอาแต่ใจตัวเองของแท้

“พูดอย่างนี้เหม็นกลิ่นมนุษย์ลุงเลย ฉันยอมแพ้ตั้งนานแล้วแต่แกต่างหากที่ไล่ต้อนให้จนมุมจนต้องลุกขึ้นสู้ แกต่างหากที่แก่แล้วไม่รู้จักพอ ใช้อำนาจรัฐซะจนเคยตัว เที่ยวกล่าวหาป้ายความผิดให้คนอื่นจนเคยชิน ผู้นำขยะเหม็นเน่าอย่างแกต้องกำจัดทิ้ง”

“อีนี่ปากดีมากไปแล้ว!

ผู้มีอำนาจทุกคนรับได้แต่คำชม แค่โดนตำหนิเล็กน้อยก็กล่าวหาว่ากระด้างกระเดื่องลบหลู่ดูหมิ่น ถ้าคิดในมุมกลับกันคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันแม้แต่ลมปาก ไม่สมควรเป็นผู้นำและไม่สมควรเชิดชูตั้งแต่แรกแล้ว

“แกไม่ได้เก่งกว่าคนอื่นหรอก แค่เป็นตัวแทนห่วงโซ่เวลาของตระกูลชั่ว โคตรเง่าของตระกูลปูทางให้เข้าสู่เกมอำนาจเพื่อออกกฎหมายปกป้องผลประโยชน์ของพวกชนชั้นสูงด้วยกัน แกคิดว่าชาวบ้านมองไม่ออกเหรอ?”

“โง่แล้วยังเซ่ออีก การเรียงลำดับของสังคมต้องให้คนรวยเป็นคนกำหนด คนจนไม่มีอะไรต้องปกป้องมีแต่เรียกร้องทั้งโง่ทั้งขี้เกียจถึงมีอำนาจก็ทำอะไรไม่เป็น เรื่องอย่างนี้เป็นเพราะสายเลือด”

“หยามคนอื่นมากไปแล้ว แกคงโดนพ่อแม่ปลูกฝังมาแบบนั้นล่ะสิ! ที่บ้านฉันเรียกว่า เลวทั้งโคตร!

“ฮึ๋ย! เขาตาถลนเหวี่ยงหวัดเข้าใส่

“ไอ้ขี้แพ้เอ้ยโดนใจดำล่ะสิ! อย่าให้ฉันหลุดไปได้ก็แล้วกัน”

“ปากดีนักใช่มั้ย?” เขาแยกเขี้ยวพุ่งเข้ามาขยำคอ

“อย่าครับ! เลขาฯ อูยกมือปราม...“ท่านต้องใจเย็น ๆ ก่อน เรายังต้องการทั้งสองคน”

“ตอนนี้แหละจะได้รู้ว่าใครเก่งกว่ากัน แกไม่มีคนรับคำสั่งให้ไปตายแทนแล้วโดนทหารเกาหลีเชือดคอแน่ แกไปทำร้ายพวกเขาก่อน กรรมตามสนองแล้ว”

“ผมอยากฆ่ามันเหลือเกิน อีนี่น่าจะตายไปตั้งนานแล้ว” เขาเดินอึดอัดวนไปมา

ฉันเงยหน้าท้าทาย...

“เอาสิฆ่าเลย! ไอ้ขี้แพ้เอ้ย! โลกถึงเวลาเปลี่ยนกติกาแล้ว คนอย่างพวกแกจะไม่ได้ขึ้นกุมอำนาจอีกต่อไป”

“อีนี่ปากดี! เขาถลึงตาพรวดเข้ามาบีบปากจนเจ็บกราม

เลขาอูเข้ามาจับมือเจ้านาย...

“ท่านครับ! ตอนนี้เรายังได้เปรียบ พวกมันไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้ามาหรอก เราต้องหนีออกจากที่นี่ก่อน” ไอ้นี่ดูตุ้งติ้งแต่แฝงไปด้วยความอำมหิต

“ติดต่อทหารก็ไม่ได้ อุปกรณ์พวกนี้เราก็ใช้ไม่เป็น” หวังฉวนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ระบายอารมณ์ใส่อุปกรณ์สื่อสาร ท่าทางที่เคยผยองกลับกลายเป็นลนลาน

“เรามีนกหวีดปลุกชีพแล้วนี่ครับ จะสนอะไรอีก” เลขาอูตอกย้ำความเจ็บใจให้ฉัน

ถ้าจะด่าว่าโง่เรื่องนกหวีดฉันขอยอมรับอย่างภาคภูมิ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่านกหวีดของยอร์นสามารถชุบชีวิตทุกคนได้ แต่ฉันก็ทำหลุดมือไปเท่ากับเสริมปีกให้มัน เรื่องนี้ฉันโง่มากเลย

หวังฉวนตาขวางเหมือนคนบ้าเลือดพร้อมที่จะบั่นคอทุกคนที่ขัดใจในตอนนี้ ฉันต้องใช้โอกาสนี้เพื่อถอดตัวเองจากการเป็นตัวประกัน ถ้าไม่มีฉันสักคนเขาก็หมดโอกาสต่อรองกับเกาหลี

“เป่าเรียกทหารกลับมาสิ เรายังมีนิวเคลียร์อีกตั้งหลายลูก ถล่มมันไปเลย” เขายังพะวักพะวงกับเครื่องมือที่มีมากมาย

“เรียกมาก็ไม่มีประโยชน์ ทหารที่สนามรบก็ติดต่อไม่ได้ เราหนีไปตั้งหลักก่อนดีกว่า” เลขาอูดูจะมีสติมากกว่าเจ้านาย

ฉันปล่อยให้มันหนีไม่ได้ต้องยั่วให้มันโกรธ...

“แกฆ่าคนที่ศรัทธาตายหมดแล้ว ผู้นำบ้าอะไรวะไม่มีผู้ตาม ถ้าไม่ตาขาวจริงไม่กล้าเป่านกหวีดหรอก ไอ้โป๊ยก่ายเอ๊ย!” หยันมันเข้าไป

“ฮึ้ย! เขาพุ่งพรวด

“อย่าครับท่าน! เดี๋ยวเหนื่อย” เลขาอูกอดเอวห้ามไว้แล้วแยกเขี้ยวชี้หน้าขู่ฉัน...

“พวกเธอมันโง่! แยกเนื้อกับกระดูกไม่เป็น เธอได้แทะกระดูกสมใจแน่”

“ถุย!

“แผละ!ก้อนน้ำลายเต็มหน้าเลขาอู

“ฟังมานานแล้วเหม็นขี้ฟันว่ะ!

ได้ยินเสียงนี้แล้วหัวใจเต้นรัว...

“เจี่ยเจี้ย!...” กำลังใจของฉันเติมเต็ม My MVP ฟื้นแล้ว

หมวดจางลืมตาขึ้นมาก็ถ่มน้ำลายใส่จ้องหน้าอย่างไม่เกรงกลัว...

“ถ้าคุณยอมแพ้ ฉันจะไว้ชีวิตคุณ”

สุดยอดมากมือก็ยังถูกมัดอยู่เลยขู่ได้อีก มันต้องอย่างนี้สิวะ! ได้ใจจริง ๆ ...

“เจี่ยเจี้ยฆ่าแม่งเลย! MVP ของฉันฟื้นแล้ว...มึงตายแน่ไอ้แก่

เลขาฯ อูขยับเข้าหาหวังฉวน...

“เฮลิคอปเตอร์รออยู่ครับ! ออกไปสั่งให้ชาวบ้านเป็นเกราะเปิดทางหนีกันก่อน ยังไงไอ้พวกเกาหลีก็แพ้ถ้านาตาลีอยู่ในมือของเรา”

ฉันรู้สึกเกลียดไอ้เลขาอูและตัวเองไปพร้อมกัน ในเมื่ออาวุธสู้ไม่ได้ก็เหลือปากนี่แหละระดมด่ามันไป มันจะได้โมโหแล้วยิงฉันทิ้งไปซะ...

“หวังฉวน!...แกไม่มีทางรอดหรอก เวลาของคนแก่เดินเร็วมากกว่าเด็ก แกหมดเวลารอคอยแล้วโลกของคนแก่สิ้นสุดแล้ว”

“หึ๋ย!...เขาง้างหมัด /ฉันเงยหน้ารับคิดว่าคงโดนเต็มกราม/

“พึ่บ!

“เอ๋! ทำไมไม่โดน

พอลืมตาก็เห็นว่า หมวดจางเอาเท้ายันแขนของหวังฉวนไว้    

“พอแล้วครับ!” เลขาอูคว้าแขนไว้       

“ฆ่าฉันสิ! เร็ว ๆ เลย” ฉันลอยหน้ายั่วตีนตายก็ยอมไม่สนแล้ว

“ดูสิ! มันยังปากดี” เข้าง้างหมัดอีกครั้ง

“หยุดนะ!หมวดจางตวาดแว้ด...

แกไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่หว่า! มัดมือผู้หญิงแล้วตบก็ได้เหรอ?”

“เพี๊ยะ!หวังฉวนสะบัดหลังมือเต็มแก้มของเธอ

ฉันมีเวลาได้ด่าต่อ...

“เจ้านายที่ลืมทางเดินจะไม่เหลือลูกน้องที่ทุ่มเทและซื่อสัตย์ ไอ้หวัง...มึงตายแน่! มึงหมดหนทางแล้ว!

หวังฉวนโกรธปากสั่น...

“เฮ้ย! ลากอีสองตัวนี่ไปด้วย” เขาคว้าโทรโข่งคาบนกหวีดเดินไปพร้อมเลขาอู ชายชุดดำกรูเข้ามาประคองให้เดินตาม

เขาพาเดินผ่านโต๊ะทำงานว่างเปล่าในห้องโล่งมาทางโซนของทหารเรือ ฉันหันมองจอภาพเผื่อจะได้เห็นกองทหารเกาหลีบ้างแต่ก็ไม่มี

ฉันหันไปถามพี่สาว...

“คุณโดนอะไรมา สลบไปตั้งนาน?”

“ไม่รู้สิ!” เธอแลบลิ้นเลียเลือดริมฝีปากแหงนไปมองจอภาพที่ห้อยเต็มไปหด...

“เกาหลีโดนนิวเคลียร์รึเปล่า?”

“ฉันเห็นมันกดปุ่มยิงขีปนาวุธด้วย แต่ไม่มีใครรายงานอะไรมาเลย ฉันเชื่อว่าหวังฉวนก็ไม่รู้ ตอนนี้มันติดต่อทหารไม่ได้แล้ว พวกนายทหารที่นี่ก็หายไปหมดแล้ว” ฉันรายงานด้วยใจหวั่นไหวไป่ไป๋ของฉันยังอยู่เกาหลี

“คงไม่โดน ถ้าโดนมันไม่ร้อนตัวหนีกันขนาดนี้หรอก” เธอหมุนมองแล้วตอบให้ฉันเบาใจ

กลุ่มของหวังฉวนเดินนำไปขึ้นรถไฟฟ้าลายทหารขบวนสั้น ฉันหมุนมองห้องโถงใหญ่อย่างตะลึงที่นี่ใหญ่มากและอุปกรณ์ทางทหารครบครัน

“ขึ้นไปครับ” ชายชุดดำผลักหลัง

หมวดจางเดินตามขึ้นมาแล้วทิ้งตัวนั่ง ฉันรีบนั่งประกบแล้วถามในสิ่งที่ข้องใจ...

“เราอยู่ที่ไหน ทำไมใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้”

“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่รู้จัก” หมวดจางหันมองก่อนขบวนรถจะเข้าอุโมงค์มืดทิ้งสถานที่นั้นไว้ด้านหลัง

“เราจะทำยังไงต่อล่ะ?”

“หนีสิ” เธอหันไปมองชายชุดา 4 คนที่คอยเฝ้าพวกเราแล้วเอ่ยถาม

“เก่อเก้อ! ที่นี่เรียกว่าอะไร?”

“อย่ารู้เลย รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์” เขาเมินหน้า

“พวกนายแพ้แล้วใช่มั้ย?” เธอถามต่อ

“หุบปากเถอะ!

“ฟื้ด!ฟื้ด!...ตึง! ขบวนรถไฟจอด

ฉันพยายามมองหาตำแหน่งจับต้นชนปลายไม่ถูกไม่รู้ทิศทาง

“ไป!” เขาไม่ปล่อยให้ตั้งตัว ผลักหลังให้ลง

กลุ่มของหวังฉวนเดินไปเข้าลิฟต์แล้วขึ้นไปก่อน ฉันยิ่งแปลกใจหันไปถามหมวดจางอีกครั้ง...

“ที่นี่ที่ไหนวะเจี่ยเจี้ย ดูมันลึกลับซับซ้อนจังเลย”

“ฐานบัญชาการลับจะเป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็รู้” หมวดจางใจเย็นมาก

ลิฟต์พาขึ้นมาในห้องเล็ก หวังฉวนยืนรอพอเห็นพวกเราก็เอานกหวีดใส่ปากแล้วกดปุ่มที่ผนัง

“ครืด....” ผนังปูนเคลื่อนลงมาปิดบังลิฟต์ กลายเป็นห้องอ่านหนังสือเล็ก ๆ

เลขาอูผลักประตูเดินนำ หวังฉวนเป่านกหวีดลากยาว...

วี๊ด...ดด!! Messiah! เปิดทางเดิน!ไอ้ผีบ้าไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่มีความสงสารในหัวใจของคนที่คิดว่าตัวเองสูงส่งเลยสักนิด

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!ฝูงมหาชนที่ทะลักเข้ามาภายในอาคารแหวกช่องให้เดิน

ฉันหันไปถามหมวดจาง...

“ที่นี่ที่ไหนคะ?”

“เหรินหมินต้าห้วยถาง”

“อูย! Tamer 30 เต็มเลย”

เสาโรมันสูงใหญ่ลวดลายสวยงามค้ำยันหลังคากว้าง ภายในมหาศาลาประชาชนปักกิ่งอัดแน่นไปด้วยฝูงชน ฉันรีบก้มหน้าความกลัววิ่งกรูเข้ามาเกาะกุมหัวใจ มันไม่ใช่ป็นความกลัวตายแต่มันเป็นความรู้สึกเหมือนคนกลัวผีมากกว่า ถึงจะไม่กลัวหวังฉวนแต่ฉันกลัวพวกนี้รู้สึกคลื่นไส้หัวใจระทึก

“เชื่อใจฉันเหมือนที่เคยเป็น” เธอเอาไหล่กระแทกแล้วส่งยิ้มให้

“คุณคืออันดับ 3 ที่ฉันวางใจ” ฉันขยับเข้าหาที่พึ่งทางใจ ทุกครั้งที่มีเรื่องร้ายแรงเธอมักจะเอาตัวรอดได้เสมอ

My MVP เดินใบหน้านิ่งหรี่ตาเหมือนกำลังคำนวณอะไรอยู่ในหัว ฉันกวาดสายตามองปริมาณผู้คนแล้วสมองช็อต คิดอะไรไม่ออกเลย

“ไป!ชายชุดดำเดินเข้ามาผลักหลัง /ไอ้นี่ก็ขยันผลักจังเลย/

ภายในอาคารหรูหราโอ่โถงใหญ่โตแน่นขนัด เสียงอื้ออึงดีใจผสมกลิ่นเหงื่อไคลคละคลุ้ง หวังฉวนถือโทรโข่งเดินกร่างนำลงไปกลางห้องประชุมหันไปโบกมือให้ FC รอบห้อง...

“เงียบ ๆ หน่อย” ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดดุดัน

“..............” ทั้งห้องเงียบกริบ

จากเสาโรมันใหญ่คู่ด้านหน้าอาคาร Tamer 30 ผู้ซื่อสัตย์แหวกช่องทางเดินเป็นเส้นตรงไปกลางลานจัตุรัสเทียนอันเหมิน ยาวผ่านอนุสาวรีย์วีรชนจนเห็นเฮลิคอปเตอร์จอดนิ่งท่ามกลางกลุ่มผีดิบเนืองแน่น

“วี๊ด!...!! เด็กผู้ชายในคราบคนแก่หัวขาวมีของเล่นใหม่เดินเป่านกหวีดสั่งฝูงชน

“นั่งลง! นั่งให้เป็นระเบียบเรียบร้อย”

“...........” สิ้นเสียงประกาศิต ฝูงชนนั่งลงเงียบเสียงเป็นวงกลมกว้างไกล

หมวดจางหันมาคุย...

“คุณมีแผนมั้ย?” เธอสีหน้าซีเรียสจริงจังมาก

ฉันส่ายหน้า...

“ไม่มีหรอก! ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่ามันจะยิงทิ้งเมื่อไหร่ ฉันรออยู่” คิดว่าเธอคงเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดเพราะเราตกลงกันแล้ว

แต่...

“อยากตายมากนักเหรอ?” สายตาของเธอดุราวกับเป็นศัตรู

“ก็จะได้ไม่ต้องเป็นตัวถ่วง” ฉันหัวกลวงมาก เลิกคิดไปได้เลยว่าฉันจะสู้กับ Tamer 30 แค่หันไปมองขาก็อ่อนระทวยแล้ว ถ้าต้องตายขอโดนยิงดีกว่า

เราเดินข้ามถนนกว่างชางตะวันตกที่ผ่าขวางลานจัตุรัสเทียนอันเหมิน บริเวณลานด้านขวาเสียงนกหวีดของหวังฉวนไปไกลถึงหน้าประตูสุสานประธานเหมา

“อีก 2 ก้าวเราก็ชนะแล้ว อย่าถอดใจ” พี่สาวที่แสนดีกระตุ้นให้สู้ก็ต้องสู้ /แต่ก็แอบคิดในใจ...จะเอาอะไรมาชนะ คนมหาศาลขนาดนี้/

ขอถามอีกหน่อยก็แล้วกัน...

“คุณจัดการมันได้ใช่มั้ย?” ฉันถามเพื่อความมั่นใจ ชะเง้อคอมองหวังฉวนเดินนำหน้ากลุ่มบอดี้การ์ด มีเพียงชายชุดดำ 4 คนเดินปิดท้าย

เธอหันมายิ้มแล้วบิดไหล่ให้ดูมือที่โดนล็อกกุญแจด้านหลัง...

“เราต้องปลดกุญแจมือก่อน”

ฉันสบสายตาเข้าใจความหมาย หันซ้ายไปมองผีดิบนั่งลงเกือบถึงรูปประธานเหมาบนกำแพงพระราชวัง หันกลับไปมองด้านหลัง Tamer 30 รอบศาลาประชาชนนั่งกันสงบเสงี่ยมเรียบร้อย อานุภาพของนกหวีดมีคุณสมบัติหวังผลได้ ไม่มีปาก ไม่เห็นต่าง เชื่อฟัง ซื่อสัตย์ จงรักภักดี คุณสมบัติของทาสครบถ้วน

“คุณมีกุญแจมั้ย?” ฉันโยนคำถามที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

เธอเหลือบตาลงมองปกเสื้อซ้าย...

“ที่ปลายปกเสื้อของฉันมีคลิปอยู่ เอาออกมาฉันจะปลดกุญแจมือ”

หัวใจของฉันพองฟูไม่เสียแรงที่ศรัทธา พอได้จังหวะเหมาะก็อ้าปากงับปกเสื้อของเธอ

“งับ! งับ!  แต่ไม่ถึงติดหัวไหล่...

“ย่อขาหน่อยสิ คุณตัวสูง”

เธอหันมองซ้ายขวาแล้วเอียงไหล่ลงมา ฉันเขย่งสุดขายื่นหน้าไปมองหาตำแหน่ง...

“งับ!งับ!กัดไปติดปลายปกเสื้อรู้สึกถึงของแข็งเหมือนลวดซ่อนอยู่...

“มันอยู่ในปกนี่นา”

“อือ! เร็ว ๆ สิ! ยังจะมาเร่งกันอีก มันอยู่ในปกเสื้อจะเอาออกมาได้ยังไง?

“เอาออกไม่ได้หรอก” ฉันมองแล้วถอดใจ

“เร็ว ๆ จะถึง ฮ. แล้ว เดี๋ยวหมดโอกาสนะ!” เธอเร่งยิกเลย

“หาอย่างอื่นเหอะ! ฉันไม่มีเขี้ยว” ฉันส่ายตามองหาตัวช่วย

ลานบันไดขึ้นอนุสาวรีย์วีรชนด้านซ้ายมีศพนอนไร้คนเหลียวแล 4-5 ศพ ป้อมกันแดดของหน่วยรักษาความปลอดภัยข้างบันไดมีคนตายเบียดกันอยู่อีกกระจุก ศพพวกนั้นน่าจะมีสิ่งที่เราต้องการแต่ว่าฉันจะเดินแยกออกไปได้ยังไง

ฉันกำลังคิดหาวิธีเอามันอกมา แต่เสียงของหมวดจางตามแหย่ประสาทจี้จิก...

“กัดให้ผ้าขาดก่อนแล้วคาบมันออกมา อ่ะ! เธอเอียงไหล่มาอีก

“อั๊ยกู่! ใครจะทำได้ ฉันต้องเขย่งขาด้วยทำไม่ได้หรอก” ฉันนึกเสียใจที่เกิดมาตัวเตี้ย

ก้มมองชุดของตัวเองก็ใส่ชุดตำรวจเหมือนกันนี่นา ฉุกคิดในใจ...ในปกเสื้อของฉันก็ต้องมีคลิปสิ ให้เธอก้มลงมากัดง่ายกว่าตั้งเยอะ

ฉันยกไหล่กระแทก...

“อ่ะ! กัดของฉันดีกว่า ง่ายกว่า”

“แฮ่!...” ยายปีศาจยิ้มเก้อ

“แกล้งฉันหรอ?”

“เปล่าแกล้งซะหน่อย” เธอก้มหน้าลงมามุดซอกคอแก้มถูกันจั๊กกะเดี๋ยมจุ๊กกะดุ๋ย

“อึ๋ย! ขนลุกอ่ะ” ฉันห่อคอ

“อย่าหนีสิจะได้แล้ว” เธอยิ่งดันฉันยิ่งจั๊กกะเดียม

“ทำอะไรกัน?” โดนตวาดลั่น ฉันกระเด้งถอยหลังใจเต้นรัว

“เธอคันคอไม่มีมือเกา ฉันก็ไม่มีมือเหมือนกันเลยก้มเอาฟันเกาให้” หมวดจางตอบลื่นไหลหน้านิ่ง เธอไหวพริบดีมากส่วนฉันยังคิดหาคำตอบไม่ได้เลย

“ฮ่อ! ไอ้ตัวผลักหลังนั่นก็เสือกมีน้ำใจเดินยิ้มกริ่มเข้ามา...

“คันมันทรมาน ม่ะ!..ผมช่วย.” เขาขยุ้มมือพุ่งมาเลย

“ไอ๊กู่!..หายแล้วไม่คันแล้ว! ฉันกระโดดโหยง

ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ยายผีบ้าหัวเราะลั่น แค้นใจนัก

ฉันหันมองไปที่กลุ่มคนไร้สติบนลานกว้างทางด้านขวาด้วยความรู้สึกหดหู่ หลายคนนั่งยิ้มปลื้มปริ่มมองตามแผ่นหลังของหวังฉวนอย่างชื่นชม หลายคนสะอึกสะอื้นน้ำตาไหลพรากปลื้มปีติตื้นตันใจ วัคซีน Tame 26 กระตุ้นให้มนุษย์ขาดสติจงรักภักดีกับเจ้านายอย่างไร้เหตุผลจนหาที่สุดมิได้

ฉันหันกลับไปมองลานบันไดอนุสาวรีย์วีรชนอีกครั้ง...

“เอ๊ะ! ศพหายไปไหน เมื่อกี๊ยังนอนเกลื่อนอยู่เลย

ทันใดนั้น...

“ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! กระป๋องควันลอยคว้างกลิ้งเข้ามา

กล๊อง!กล๊อง!กล๊อง!

“เจี่ยเจี้ยอะไร?” ฉันกระโดดเข้าหา MVP

“ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว!...” ควันขาวฟุ้งอบอวลมองไม่เห็นอะไรเลย

“นั่งแล้วคลาน” ได้ยินแต่เสียงก็ต้องทำตาม

อั่ก!อั่ก!อั่ก!อั่ก!เสียงการต่อสู้อยู่ข้าง ๆ

ฉันคิดในใจว่าพวกนี้ต้องมาช่วยเราแน่ แต่ก็บื้อไม่รู้จะคลานไปทางไหน มือของใครบางคนกระชากอย่างแรง...

“ว๋าย! ฉันโดนฉุดกระชากลากดึงไปที่ลานหน้าบันไดอนุสาวรีย์ ทุกอย่างชุลมุนวุ่นวายไม่รู้ว่าใครเป็นใครมองไม่เห็นอะไรเลย ยังโชคดีที่ Tamer 30 ไม่ได้ลุกมาร่วมวงด้วย

“โอ๊ย! ฉันสะดุดขั้นบันไดหัวทิ่ม ยังไม่ได้ทันได้ตั้งตัวโดนขยุมคอเสื้อลากไปต่อ...

Go up! เสียงผู้ชาย...ใครวะมาสั่งให้ขึ้นไป?

ฉันไม่มีเวลาสนใจก้มหลังตะกุยสี่ขาขึ้นบันไดตามคำสั่ง ฝ่ากลุ่มควันขาวเดินสะเปะสะปะสะดุดพื้นต่างระดับหัวทิ่มกลิ้งเป็นลูกขนุน ในใจสับสนคิดไม่ตกไม่รู้จะเอาตัวรอดจากโอกาสนี้ไดยังไง หมวดจางของฉันหายไปแล้ว

ทันใดนั้นใจของฉันจะขาด...

“วี๊ด!...ดดด...อารักขาประธานาธิบดี! หวังฉวนตะโกนเสียงสยองของการใช้ความรุนแรง

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!กลุ่มมหาชนภายในรัศมีเสียงของนกหวีดขยับตัวพร้อมเสียงตอบรับ

ขนแขนของฉันลุกเกลียวเสียวซ่านไปทั้งร่างกาย ยืนโดดเด่นอยู่บนลานกว้างท่ามกลางความตายไร้ที่ซ่อนตัว ภาวนาในใจอย่าให้กลุ่มควันนี้จางลงเลย

“เฮ้ย! ฉันโดนลากคอเสื้อใจหายวาบ

“เงียบ ๆ คลานตามมา” เสียงหมวดจางนี่นา

ฉันไม่รอช้ารีบคลานตามไปบนลานหินมาชะงักที่บันไดต่างระดับขวางหน้าอีกขั้น หยุดยึกยักลังเลมองไม่เห็นทาง

“เพี๊ยะ! ฉันสะดุ้งกระเด้งโดนตีก้นกระตุ้นให้คลานขึ้นไปต่อ แต่ก็อุ่นใจคนที่ทำแบบนี้ได้มีแค่คนเดียว

“ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!กระป๋องควันขาวพวยพุ่งพรางตา

ฉันเหมือนอยู่ในก้อนเมฆเดินไปต่อไม่ถูก ในยามที่สายตามองไม่เห็นมือก็ไขว่คว้าหูก็ช่วยฟัง สัญชาติญาณการเอาตัวรอดทำงานอย่างอัตโนมัติ คลำไปคลานมาจนสุดทางที่ผนังปูนปั้นของเสาอนุสาวรีย์แล้วจะไปทางไหนต่อ

ทันใดนั้น...มือของใครบางคนจับเอวของฉันยกตัวลอยสูง...

“วื้ด!! เสียวท้องแว้บ...ฉันไม่รู้ว่าใครแต่เป็นผู้ชายตัวสูงแน่  

“หมับ! มือคว้าไปติดขอบปูน เอาขาเกี่ยวตะกายขึ้นไปบนลานฐานแคบชั้นบน

“ดอกเตอร์!” หมวดจางตามขึ้นมาปลดกุญแจมือให้

พึ่บ!พึ่บ!พึ่บ!เสียงคนตะปีนขึ้นมาบนนี้อีกหลายคน ฉันสงสัยจังเลยพวกนี้เป็นใคร

พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!ฉิบหายแล้ว...

ใบพัดเฮลิคอปเตอร์หมุนไล่ควันเปิดฟ้า มองเห็นกลุ่มคนด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีนด้านหลังเครื่องบินชัดเจน

พวกเรายืนอยู่บนฐานแคบของเสาโอเบลิสก์ทรงสี่เหลี่ยมกลางลานจัตุรัสเทียนอันเหมิน ด้านหน้าระยะไกลสายตาอบอุ่นของประธานเหมาผู้ยิ่งใหญ่จ้องมองมาจากกำแพงสีแดงเหมือนให้กำลังใจ เหรินหมินต้าห้วยถางที่เราเดินออกมาตั้งอยู่ทางขวามือ ฉันมองหาทางหนีออกจากลานนี้ไม่เจอจริง ๆ

หมวดจางกัดกรามจ้องเขม็ง...

“มันมาแล้ว” เธอชี้ไปที่หวังฉวนกำลังก้าวขึ้นบันไดเดินเข้ามา

“ยิงแม่งเลย!”ฉันยุส่ง ถ้ามันจับได้อีกคงโดนกระทืบอีกแน่

“ฉันไม่มีปืน”

“เอาไงต่อล่ะ?” ความกลัวรุมเร้าความตึงเครียดกดดัน ฉันลืมกลุ่มผู้ชายที่เข้ามาช่วยพวกเราไปเลย

“โชคดีนะที่มาอยู่กลางลานไม่มีอาวุธให้พวกนั้นใช้ ถ้าอยู่ในตลาดเราโดนปังตอสับเละแน่” ในสถานการณ์อย่างนี้เธอยังหาจุดดีได้

“อ๋า!...” ถึงจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเบาใจลงเลย

“ใหม่สูงข้า!เสียงตะโกนมาจากเหลี่ยมเสาอีกด้าน

“หือ! คนไทใหญ่นี่? ฉันหันขวับ

“หลงซันครับ!

“หัวหน้าหลง!...” ฉันโล่งอกแต่ไม่โล่งใจพวกมันเข้ามาใกล้แล้ว

“มาถึงเมื่อไหร่คะ?”

“เมื่อเช้าครับ! ผมติดต่อแม่ใหญ่ไม่ได้ แต่ได้เห็นในจอครับ หึหึหึ” เขาได้เห็นภาพที่หวังฉวนสั่งจับตายนี่เอง

หมวดจางเดินยิ้มสาแก่ใจเข้าไปหาหนุ่มตัวสูงใหญ่ผมยาวจากรัฐฉาน สีหน้าและแววตาของเธอฉายความเหี้ยมออกมา เธอกำลังจะกลายร่างกลับไปเป็นปีศาจตัวเดิมที่โดนกดทับไว้...

“นายมีอาวุธอะไรบ้าง?” เธอใบหน้านิ่งสายตาดุ

“ปืนสั้นกับมีดครับ” หัวหน้าหลงยิ้มแหย

“แล้วนายเอาระเบิดควันมาจากไหน?”

“ผมหยิบมาจากรถตำรวจตอนชุลมุนกันครับ”

“นายมากันกี่คน?” เธอหันไปยิ้มกับน้องผู้ชายอีก 4 คน

10 ครับ”

“แล้วทำไมเหลือแค่นี้ล่ะ?” เธอคิ้วขมวดฉงน ฉันใจหายวาบ...ตายหมดเลยเหรอ?

“แยกกันครับ” เขาตอบอย่างนั้นก็โล่งอก

“นายคิดสิ! จะหนียังไง?” เธอมองกดดันหัวหน้าหลง

“ไม่รู้สิครับ ผมก็ติดแหงกแกล้งบ้าอยู่กับพวกนี้ พอมันคลั่งผมก็แกล้งตายอยู่แถวนี้แหละครับ”

หัวหน้าหลงลังเลทำให้หัวใจของฉันที่สงบลงไปแล้วกลับเต้นรัวขึ้นมาอีก เราแค่โชคดีที่ได้เจอกันตรงนี้

“ฉันให้นายมาช่วย นี่! กะจะมาตายเป็นเพื่อนกันรึไง?” เธอดุหัวหน้าหลงเป็นเด็กเล็กเลย

“ผมก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่” แม้แต่หัวหน้าหลงสุดโหดยังจ๋อยไม่กล้าสบตา

“อื้อ! ฉันก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน”

หวังฉวนเดินมาหยุดแหงนหน้าตะโกนขึ้นมา...

“แอนนาจะลงมาเป็น ๆ หรือจะตายบนนั้น?” เขายืนรายล้อมไปด้วยกลุ่มชายชุดดำพร้อมอาวุธ

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!กลุ่มบอดี้การ์ดคลุ้มคลั่งมากมายเหลือคณานับ

“ขึ้นมาสิ! เธอไม่สะทกสะท้าน

เลขาอูแต๋วแตกเดินแหวกหน่วยอารักขาออกมาวางท่าเหมือนขันที กรีดนิ้วชี้หน้า...

“วางอาวุธ!

ฉันได้แต่ลุ้นว่า My MVP จะแก้สถานการณ์นี้ได้ยังไง ไม่มีทางหนี ไม่มีอาวุธและแพ้จำนวน ด้านหลังของเราติดผนังอิฐของเสาสี่เหลี่ยมพื้นของฐานที่ยืนก็แคบจนนอนยืดขาได้แค่ครึ่งลำตัว

หมวดจางหันมองรอบตัวแล้วสั่งหลงซัน...

“วางอาวุธก่อน เราหลบไม่ได้”

“แกร๊ก!” เขาวางปืนข้างเท้าตัวเอง อาวุธคนอื่นมีแต่มีดสั้น

“ลูกเล่นเยอะนักนะมึง เตะปืนลงมา” เลขาอูเล่นงิ้วใส่

“แกร๊ก!...” ปืนกระบอกเดียวของเราหล่นลงไปด้านล่าง

“กูไม่มีเวลาเล่นกับมึง ลงมาเดี๋ยวนี้”

“...............”

ฉันได้แต่มองว่าเธอจะสั่งให้ทำอะไร แต่เธอก็เฉยทำหน้ามึนหันมองซ้ายมองขวา

“เชิงเยอะนักใช่มั้ย? กูไม่ใช่เพื่อนเล่นของมึงนะ” เขาชักปืนออกมา

“เฮ้ย! ฉันขยับตัวถอยหลังพิงผนัง

หมวดจางก้าวมาขวางหน้าของฉันแล้วตะโกนลงไป...

“หาบันไดให้หน่อย ลงไม่ได้” ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเธอยังมีสติต่อรอง แต่มันไปเพิ่มความโกรธให้เขาเข้าไปอีก

“แล้วมึงขึ้นไปได้ยังไง?” เขาหัวเสียหงุดหงิด

“ก็...ฉันตกใจ” เธอตอบหน้าซื่อ ฉันอยากจะขำแต่มันไม่ควร

“กระโดดลงมา กูรีบ!

“มันสูง!

“ลีลามากนักนะมึง! ตายอยู่นั้นแหละ” เขายิงใส่...

ปัง!ปัง!ปัง!

“ดอกเตอร์ก้มหัว” หมวดจางพุ่งมากอดจนหลังของฉันชนผนัง

“ตุ่บ! เสียงของหนักหล่นลงข้างล่าง

หมวดจางยกมือชูแล้วหันกลับไปตะโกน...

“อย่ายิง! ลงแล้ว”

พอเธอถอยออกถึงได้เห็นว่าหนุ่มไทใหญ่เข้ามาบังกระสุนด้านหลังของหลงซันที่กอดหมวดจางไว้อีกชั้น ชะโงกมองเห็นน้องนอนเจ็บข้างล่าง

“หึ่ม! ทันใดนั้นเสียงอึกทึกของเครื่องยนต์ดังสนั่นมาจากทางทิศตะวันออก หัวใจของฉันสลดลงค่อนข้างมั่นใจเวลาของความตายมาถึงแล้ว

“ลงมาเร็ว ๆ” เลขาอูแกว่งปืนกดดัน

ฉันหันไปกอดหมวดจาง... “เจี่ยเจี้ย! คิดถึงฉันบ้างนะ!

“เป็นอะไร! ยอมแพ้อีกแล้วเหรอ?”

“มันเอาเครื่องบินมาแล้ว คุณจะเอาอะไรไปสู้กับมัน”

“ฟ้าว!” เสียงโซนิคบูมจี้ประสาทฉันอุดหูนั่งหันไปตามเสียง

MIG-29 ลายเสือโคร่งโฉบลงจากฟากฟ้าบินเรียดมหาราชวังผ่านหัวประธานเหมา ลดระดับเฉียดหัวฝูงTamer 30 ผ่านด้านข้างอนุสาวีย์แล้วเหิรม้วนตัวโค้งเป็นวงกว้างปักหัวลงแล้วสาดกระสุน

ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!

“บรึ้ม!  เฮลิคอปเตอร์กลางลานระเบิด ชายชุดดำล้มดิ้น

“ซองบก! เจ้าเสือน้อยมาทันเวลาพอดี...” ฉันน้ำตาซึมตื้นตันโล่งอก

พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!” ฝูงเฮลิคอปเตอร์จู่โจมบินโผล่พ้นหลังคาพิพิธภัณฑ์พุ่งเข้ามา

สายตาไปสะดุดกับธงด้านท้าย...

 “เจี่ยเจี้ย! เครื่องบินเกาหลีเหนือ! เครื่องบินเกาหลีเหนือ! ฉันเข้าใจความรู้สึกของทหารในสนามรบที่รอคอยนางฟ้าปีกหมุนแล้ว ความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังถูกถีบออกไปความมั่นใจกลับมาทันที

MI-28 Havoc ของฉันมาแล้ว หลบเร็ว!” เธอดึงแขนวิ่งหลบเหลี่ยมเสา

พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!” เครื่องบินปีกหมุนคู่ใหม่บินตรงเข้ามา

“พรึ่บ! เฮลิคอปเตอร์ปล่อยตาข่ายยักษ์ลงมาคลุมกลุ่มของหวังฉวนแล้วลดเพดานบินลงมา

แทนกับไป่ไป๋นั่งห้อยขาโบกมือยิ้มร่ากลางลำ

“แทน! ฮองเฮา! อันยอง...” ฉันดีใจสุดชีวิต

หมวดจางโบกมือตะโกนสั่ง...

“ลงไปเอานกหวีด! มันมุดออกไปกลางถนนแล้ว” เธอกระโดดลงไปท่ามกลางกลุ่มผีดิบ

“พรึ่บ! หนุ่มไทใหญ่ 2 คนกระโดดตามโดยไม่ลังเล

“ไปด้วย! ฉันกระโดดตามไปด้วยความเป็นห่วง

พอเท้าแตะพื้นแล้วคิดขึ้นได้...ไม่น่าลงมาเลย

“พรึ่บ!

เฮลคปเตอร์ปล่อยตาข่ายลอยลงมาไล่คลุมกลุ่มผีดิบ หวังฉวนวิ่งหลุดออกมาได้เฉียดฉิวแต่ยังตกอยู่ในวงล้อมของเฮลิคอปเตอร์เกาหลี

พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!” เฮลิคอปเตอร์บินวนพลปืนเตรียมยิง

เกมพลิกหวังฉวนตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำสายตาทุกคนแสดงความกลัว เขากับเลขาอูคาบนกหวีดคนละอันหุนหันลังเล ชายชุดดำร่อยหลอเหลือเพียง 4 คน

“เรามาจบปัญหานี้ดีกว่า” หมวดจางพุ่งเข้าหาหวังฉวนด้วยมือเปล่า

“แอนนาหยุดก่อน!...” หวังฉวนตะโกนมา

“ยังมีอะไรที่เราต้องคุยกันอีก ส่งนกหวีดมาแล้วฉันจะลดโทษตายให้” MVP ของฉันเดินอย่างองอาจไปเผชิญหน้าห่างกันไม่เกิน 5 เมตร

“เจี่ยเจี้ยอย่าให้โอกาสมัน” ฉันไม่ยอมเจรจาแน่แต่เกาะแขนแอบหลังของหัวหน้าหลง            

“แอนนา! ลองมองพี่น้องของเราสิ เธอจะปล่อยให้ตายทั้งหมดเหรอ? พวกเราเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่สมควรเป็นชนชั้นผู้ปกครอง คุณดูสิ! ผมทำจนสำเร็จแล้ว เรายึดโลกได้แล้ว โลกเป็นของคนจีนแล้ว” ไอ้แก่เริ่มหว่านเหยื่อเอาชาติมาอ้าง หน้าด้านมากพึ่งยิงปืนใส่เราไปเอง

“คุณจะจัดการกับความพินาศนี้ได้ยังไง?” หมวดจางชี้ไปรอบลาน

“เดี๋ยวเลขาอูจัดการได้คุณไม่ต้องห่วง คุณก็รู้ว่า Soulless พวกนี้มันจำอดีตไม่ได้ พอสติกลับมาเราก็สร้างสถานการณ์ให้มันถกเถียงกัน เดี๋ยวมันก็จินตนาการกันไปเองได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นความผิดของใคร”

เลขาอูยิ้มเรี่ยราดเดินเข้ามา...

“แอนนา! คุณจะได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีใครขวางทางเราได้”

แหมหมั่นไส้...

“ฉันยังอยู่นะ” เตือนสติกันลืม

“เราก็เป็นพวกเดียวกัน โลกตั้งกว้างอยากได้อะไรก็ไปหยิบได้เลย”

“เกาหลีล่ะ?”

“อยู่ที่คุณ ได้ทุกอย่าง”

หมวดจางถามใส่หวังฉวน

“แล้วฉันจะได้อะไร?”

“ห่ะ! ฉันหันขวับ /อย่านะฉันไม่ยอมด้วย/

“ทุกอย่างที่คุณอยากได้ โลกนี้อยู่ใต้อำนาจของนกหวีด คุณจะสั่งให้ประชาชนซ้ายหันขวาหันได้ตามใจทุกอย่าง ความสงบ ความสวยงาม ความพร้อมเพรียง”

“งั้น! ฉันตกลง!

“เฮ้ย! ทั้งฉันและหัวหน้าหลงร้องลั่น

“เจี่ยเจี้ย! ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ” ฉันไม่เห็นด้วยสักนิด

“แม่ใหญ่! ไอ้พวกนี้ลิ้นไม่มีกระดูก” หลงซันหน้าเหวอ

“คุณทั้งสองคนอยู่เงียบ ๆ นี่เป็นเรื่องของชาติจีน ชาติอื่นไม่เกี่ยว!หมวดจางใบหน้าเข้มนิ่งจนเดาใจไม่ถูก

ไอ้แก่ยิ้มเรี่ยราดย่ามใจเสนอสินบน...

“คุณมีลูกชายด้วยนี่ สิ่งที่คุณตัดสินใจวันนี้จะเป็นมรดกให้เขา โตขึ้นมาจะได้เป็นผู้ปกครอง คุณจะปล่อยให้ลูกไปเกลือกกลั้วคลุกดินทรายทำไม คอยเก็บภาษีแล้วบี้พวกมันสนุกกว่าเยอะ”

เขาฉลาดที่จะจี้จุดอ่อนของแม่ สร้างความโลภก้อนใหญ่ที่ยากจะปฎิเสธ แต่ฉันยังคงเชื่อมั่นว่าหวดจางของฉันไม่มีวันย้อนกลับไปทำเลวอีกแล้ว

“งั้นแสดงความจริงใจก่อน คุณสั่งให้พวกนี้ถอยห่างออกไปไกล ๆ” เธอชี้กราดไปที่กลุ่ม Fc ของหวังฉวน

“ได้! เขาหันไปตะโกนสั่งแข่งกับเสียงกดดันของเฮลิคอปเตอร์

กลุ่ม Tamer 30 ถอยออกเป็นวงกลมกว้างรอบอนุสาวรีย์วีรชน พวกเรายังยืนประจันหน้ากันที่ถนนหน้าบันไดที่เดิม ทหารเกาหลีโรยตัวจากเครื่องบินลงมา แทนวิ่งเข้ามาการเจรจาอย่างเป็นทางการกำลังเริ่มต้น

หวังฉวนยิ้มหน้าบานเดินเข้ามาหาเหมือนหมาดีใจที่ได้กระดูก แต่ฉันขัดใจมากที่เธอตัดสินใจอย่างนั้น รู้ทั้งรู้ว่าผู้ใหญ่พวกนี้ไม่รับความผิดพวกมันรับแต่ความชอบ ถ้าไปปนเปื้อนกับพวกมันก็จะกลายเป็นแพะที่โดนเชือดบูชายัญ

“นอกประเทศเป็นยังไงบ้าง?” เธอท่าทางเป็นกันเองคุยกับเขาอย่างเป็นธรรมชาติ

เลขาอูตุ้งติ้งเสนอหน้าสอพลอ...

“ตามแผนเดิม หลังจากวันนี้ทหารจีนจะกวาดล้างผู้ที่รอดชีวิตทั้งหมดแล้วปล่อยคนจีนเข้ายึดทรัพย์ทุกชาติ ออกลูกออกหลานครองโลกทั้งใบเปลี่ยนระบบการเงินเป็นหยวนดิจิตอล”

“ดีจังเลยนะคะ! นอกประเทศยังมีผู้รอดชีวิตมากมั้ย?”

“เท่าที่พวกเรารู้นั่นแหละ! เหลือเพียงแค่ 3 % จากคนทั้งหมดประมาณ 5,000 กว่าล้าน พวกไก่ที่ไม่รู้จักความตายกำลังตีกันเองเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในสุ่ม น่าสมเพชมาก” สายตาของเขาแข็งกระด้างไม่มีแววความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเลย

“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นคะ น่าจะเก็บไว้เป็นทาสรับใช้บ้าง?” เธอหันไปยิ้มหวานกับหวังฉวน

แทนป้วนเปี้ยนลูบแขนขาหาบาดแผลบนตัวของฉัน แต่เรื่องสำคัญรออยู่

“แอนนา!...ถ้าผมไม่ตัดสินใจหักหลังยอร์น โลกใบนี้ก็จะต้องทนทุกข์กับสงครามอยู่ดี ความขัดแย้งสะสมความแค้นในใจของผู้ศรัทธาไปทีละน้อยเพื่อรอวันระเบิดและมองคนนอกศาสนาอย่างไร้ค่า ผมเห็นความสำคัญของชาติมากกว่าความงมงายที่พิสูจน์ไม่ได้ ผมไม่เสียใจที่หักหลัง!” ทุกคำพูดของเขามีเหตุผลและน้ำหนักให้เชื่อถือ

หมวดจางยิ้มกว้างพอใจ...

“จริงของคุณ! ความขัดแย้งเรื่องศาสนาเหมือนไข้หวัดที่ไม่มีวันรักษาหาย คุณเป็นยาชั้นดีเลยนะเนี่ย ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” เธอสนิทสนมเป็นเนื้อเดียวกับเขาไปแล้ว

“โลกใบนี้รอดจากการล่มสลายยากหากมนุษย์กลุ่มนี้ยังมีชีวิตอยู่ ตัวที่เกิดมาเพื่อกินและทำลายสิ่งแวดล้อม พวกนี้ไม่มีจิตสำนึกทำลายธรรมชาติเพื่อสิ่งก่อสร้างชั่วคราว โลกจะได้มีคนดูแลอย่างจริงจัง”

“คนที่รอดโชคดีมากเลย แนวคิดนี้ก็ดีนะคะ”

“ถ้ามนุษย์เหลือน้อยลงทรัพยากรโลกและเทคโนโลยีก็เพียงพอต่อการดำรงอยู่ของชนชาติจีน ต่อไปเราไม่ต้องกังวลกับคู่แข่งทางการค้า ไม่ต้องสนใจเรื่องการเปรียบเทียบ ความแตกต่างมีแต่ความวุ่นวายน่ารำคาญ อำนาจจะเป็นตัวกำหนดว่าใครสมควรอยู่”

แนวคิดของเขากับจูยอนไปในทางเดียวกัน ให้ความสำคัญกับธรรมชาติมากกว่าเทคโนโลยีฟุ่มเฟือย ทุกสิ่งที่เห็นและเป็นไปเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ล้วน ๆ มนุษย์อยู่ได้โดยการกินชีวิตของผู้อื่นเพื่อต่อชีวิตตนเองและถลุงทำลายธรรมชาติที่เปรียบเสมือนบ้านของตนเพื่อตอบสนองความฟุ่มเฟือยชั่วคราว

แต่สิ่งที่ทั้งสองคนไม่เหมือนกันคือ หวังฉวนกำลังเรียกตัวระบบชนชั้นกลับมาใช้ในการปกครอง แต่จูยอนต้องการให้ทุกคนมีชีวิตเสรี

“คุณคิดจะทำอะไรต่อไป?”

“กระจายคนจีนไปทั่วโลกแล้วรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง อำนาจอยู่ในมือของเราภายใต้ Domain” เขาดึงแนวคิดระบอบสมบูรณ์สิทธิ์กลับมาเข้าตำราคนรวยสุดก็เลวสุดอีกครั้ง

ฉันได้แต่ภาวนาให้หมวดจางปฎิเสธ

แต่...

“ดีมาก! คุณทำงานกับท่านนายพลห่าวอู๋ได้หรือเปล่า?”

“เอ๋!..” ฉันจิกแขนของแทนลุ้นกับการเจรจาที่ดูท่าชักจะไปกันใหญ่แล้ว ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปไกลมาก ฉันร้อนใจเพราะเดาใจเธอไม่ถูก ฉันยังคงเชื่อใจแต่ท่าทางของเธอตอนนี้ไม่เหมือนพี่สาวที่คุ้นเคยเลย

“แทน ถ้าแอนนาหักหลัง คุณยิงทิ้งไปเลยนะ”

“ดูนั่นก่อนครับ” เขาโบ้ยปากไปที่หวังฉวน

“ได้! ผมยอม!หวังฉวนยิ้มมั่นใจก้าวเดินออกมาอย่างองอาจ

“ฟังเงื่อนไขก่อนรับปากดีกว่านะครับ” เลขาอูผวาคว้าแขน แต่เขายกมือห้าม

“บอกมาเลย ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อใจ?” ชายชราดวงตาหลุกหลิกรอยยิ้มซ่อนเล่ห์เหลี่ยมลนลานเดินมาหาเธอ

ฉันพลาดไม่ได้ฟังช่วงสำคัญ หมวดจางพูดอะไรออกไปเขาถึงได้ลิงโลดดีใจขนาดนั้น?

“คุกเข่าหันหน้าเข้าหาอนุสาวรีย์วีรชน” เธอหันไปหาอนุสาวรีย์ของผู้สละชีพสร้างชาติ

“โขกหัว 3 ครั้งสำนึกผิด”

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!ฝูงผีดิบที่อยู่ใกล้โกรธดันบีบทหารเกาหลีเข้ามา

หวังฉวนหันไปยกมือห้าม...

“ได้สิ! ผมขอโทษวีรชนได้ ผมอาจจะทำผิดเจตนารมณ์ของพวกเขา แต่ผมก็ผลักดันให้ชาติของเรายิ่งใหญ่ พวกเขาย่อมเข้าใจ” ไม่มีคำไหนเลยที่มันจะสำนึก พูดไปพูดมาเป็นบุญคุณไปซะอีก

หมวดจางตะโกนเสียงดังฟังชัด...

“วีรชนสละเลือดเนื้อสร้างประเทศด้วยความเชื่อเรื่องระบอบการปกครองที่ดีกว่า แต่ทุกอย่างบิดเบี้ยวเพราะผู้นำหวงอำนาจและสงสัยในความจงรักภักดีของมวลชน ความสวยงามของชาติกลายเป็นปีศาจร้ายดอกไม้กลายเป็นกระบอกปืนเพราะฝีมือนักการเมืองเห็นแก่ตัว ขอโทษเจตนารมณ์ของพวกเขาก่อน”

“แอนนา! แต่มันเป็นความสงบนะ การกวาดล้างคนเห็นต่างเป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐ” เลขาอูเก็บนกหวีดของยอร์นใส่กระเป๋าเสื้อแล้วปรับสีหน้าท่าทางขยับเข้ามาใกล้

“ฉันให้ขอโทษวีรชนคุณโยกโย้อะไร? มันยากเย็นนักเหรอ? ไม่จริงใจเลยนี่หว่า? คุกเข่าลงไป!” หมวดจางชี้นิ้วลงพื้นเสียงเฉียบขาดท่าทางกลับมาดุอีกครั้ง

“เลขาอูรีบ ๆ มานั่งเร็ว...” หวังฉวนกระตุกขากางเกง

“ฮึบ! ด้วยความชราทำให้การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวช้าและยักแย่ยักยันกว่าจะนั่งคุกเข่าได้ต้องใช้เวลา

แต่พอเขานั่งลงได้...

“คุณไม่ต้องดีกว่า ลุกขึ้นเถอะ”

เลขาอูเอามือดันพื้นตูดโด่งดันตัวเองขึ้นยืน

“ฮึ้ย! คุณทำงานปรึกษากันนี่นา นั่งลง ๆ”

เลขาอูมองหน้ากัดฟันแล้วก้มเอามือแตะพื้นก่อนจะย่อนั่งลำบากลำบน ยายปีศาจแอบยิ้ม

ฉันสับสนมองหวังฉวนโขกหัวคำนับอย่างไม่ค่อยเข้าใจ สองเฒ่าลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากจนชายชุดดำต้องเข้าประคอง

แต่พอเขายืนทรงตัวได้เธอก็สั่งเสียงดัง...

“ทำความเคารพท่านผู้นำกับสตรีหมายเลข 1”

ฉันยิ้มแก้มปริกำลังใจกลับมาใหม่ หมวดจางของฉันต้องแบบนี้สิ แต่เธอพูดหมายถึงใครวะ?

ใคร?” หวังฉวนชะงัก

“อย่าโง่สิ! เราตกลงกันแล้วว่า ฉันจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ” เธอไล่บี้กลับไป

“ก็ใช่! แต่ผมต้องเป็นผู้นำสิ ” หวังฉวนอึกอัก

“อ้าว!...โกหกกันนี่หว่า! คุณพึ่งบอกว่าฉันจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ” นี่แหละตัวจริงเสียงจริงของยายตัวร้าย

หวังฉวนลนลานโบกไม้โบกมือ...

“เอาใหม่นะแอนนามาคุยกันใหม่ ถ้าคุณอยากได้ที่นี่ผมไปอเมริกาใต้ก็ได้ ดีมั้ย?” เขาหมุนมองกองเชียร์

“เราต่างก็รู้เหมือนกันว่า ที่โลกวุ่นวายเพราะมีหลายกลุ่มอำนาจไม่ยอมกัน แย่งชิงกันครองโลก ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณอีก”

“ไม่ทะเลาะแล้ว ผมจะไปใช้ชีวิตอยู่เงียบ ๆ ไม่กลับมายุ่งกับคุณอีก โอเคมั้ย?”

“คุณไม่รักชาติแล้วเร้อ?”

“รักสิ! แต่ถ้าคุณเป็นคนดูแลผมก็สบายใจ ผมหมดห่วงแล้ว เอาตามนี้นะ” ชายชราผู้มากบารมีรู้ชะตาว่ากำลังแพ้ผู้หญิงที่ยืนตรงหน้า เขาคงเจ็บปวดใจมากที่ต้องยอมลดเกียรติมาขอร้อง

“ได้สิ!” หมวดจางยิ้มเหี้ยมเยือกเย็น

“แอนนา! ขอบคุณมาก ผมตื้นตันจนพูดไม่ออกเลย” เขาเหมือนคนที่กำลังขาดใจเดินฝ่าความมืดมาเจอแสงสว่าง

“ถ้างั้นแสดงความจงรักภักดีกับผู้นำและสตรีหมายเลข 1 เดี๋ยวนี้!

เธอหันชี้มาที่ฉัน

“ฮ้า!...” ทุกคนร้องพร้อมกันรวมฉันด้วย

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!กลุ่มผีดิบดันจนทหารเกาหลีเบียดล้อมเข้ามา แทนเข้ามากอดรู้สึกอุ่นใจ

หวังฉวนก้าวถอยหลัง...

“ล้อเล่นน่าแอนนา Tamer 30 ยังไม่ยอมเลย” หวังฉวนสายตาเปลี่ยนไปแล้ว

“ถ้าคุณยังไม่ยอมลดตัวลงมาฉันจะปล่อยไปได้ยังไง อย่าลำพองว่าศักดิ์ศรีมีเฉพาะพวกคุณสิ นั่งลง!

“มากไปแล้ว!..” ทันใดนั้นเลขาอูพุ่งเข้ามาล็อกคอของเธอ

“อารักขาประธานาธิบดี!หวังฉวนตะโกนเรียกลูกน้อง

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!มหาชนกรูเข้ามามือไขว่าคว้ามั่วซั่ว

“เจี่ยเจี้ย!...” ฉันหลุดจากอ้อมกอดของแทนพยายามพุ่งเข้าไปช่วยหมวดจาง

ฝูงผีดิบกรูเข้ามาดึงฉุดกระชากคลื่น มหาชนถาโถมเข้ามาโยกเยกควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้ไหลไปตาแรงเบียด

“แย่งนกหวีดจากเลขาอูมาให้ได้” เธอสะบัดเหวี่ยงเลขาอูกระเด็นมา

ฉันถูกดันมาถึงเขาพอดี...

“อย่าหนีนะ!

ฉันคว้าคอเสื้อเขาไว้ ในจังหวะนั้นกลุ่มผีดิบก็ดันกลุ่มทหารเข้ามาถึงตัว ความชุลมุนวุ่นวายใบหน้าสั่นสะท้าน

“ผลั้วะ!ผลั้วะ!ผลั้วะ! ฉันรู้สึกเจ็บระบมไปทั่วลำตัวแต่ก็ฝืนใจล็อกคอเขาไว้

“ทหารยิงเลย!” ฉันร้องสั่งทหารที่กำลังดิ้นอยู่ข้าง ๆ

“อั่ก!อั่ก! ฉันโดนต่อยจนจุกท้องหายใจไม่ออก

“ดอกเตอร์! ทหารเกาหลีไม่ได้เอาอาวุธลงมา” หลงซันเข้ามาช่วย

“หัวหน้าหลงจับมันไว้”

“ซวบ! ซวบ!ซวบ! เขาจ้วงแทงเปิดทางเข้ามา

“นกหวีดของยอร์นอยู่ในกระเป๋าเสื้อของมัน” ฉันโดนดึงหัวรั้งคอหงายหน้า

“ฆ่ามันให้หมด! หวังฉวนถอยกรูดไปหาลูกสมุน

แต่ด้วยความมหาศาลของฝูงชนที่ดันเข้ามาทำให้ทุกอย่างไม่ได้ดังใจ

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!

“ฮึ๋ย!.” ฉันโดนดึงจนสุดแรงรั้ง เลขาอูดิ้นเกรี้ยวกราดสะบัดหลุดมือไป

แต่ก็สายไปแล้ว...หัวหน้าหลงพุ่งตัวลอยเงื้อมีดสั้นจ้วงมีดใส่กลางหลัง

“ซวบ!ซวบ! ซวบ!ซวบ!

“โอ๊ย! เขาทรุดฮวบคลานกระเสือกกระสน หัวหน้าหลงโดนกระชากกระเด็นไป

“เลขาอู! หวังฉวนลนลานออกจากลุ่มเข้าไปคุกเข่าประคอง

“ท่าน..ประ ธา นา ธิบ ดี...” เขาคืนนกหวีดแล้วฟุ่บลง

“ซาจังนีม! นั่งลง” ทหารเกาหลีเข้ามาล้อมตัวแล้วช่วยกันป้องกันฉันเงยกน้าไปเจอโจทย์เก่า

“ลีจองซุก เอานกหวีดในมือของมันก่อน”

ฉันเห็นโอกาสเมื่อหวังฉวนหันหลังแหวกทหารพุ่งเข้าใส่...

“เสร็จฉันล่ะ! ฉันกระโดดกอดคอ ดึงนกหวีดที่เขาคาบไว้

“ปล่อย! ในจังหวะนั้นชายชุดดำดิ้นหลุดจากหนุ่มไทใหญ่ยิงหมัดตรงเข้ามาเต็มหน้า...

“พล็อก! ฉันกรามค้างขาลอยร่วงพื้นจองซุกเข้ามาช้อนหัว

“ตายไปซะ! ชายชุดดำยกปืนยาวหันมาต่ด้วยความแออัดซวนเซทำให้ปืนยาวกลับเป็นอุปสรรค

“ย๊ากส์! หลงซันกระโดดถีบปืนหลุดมือ

ทั้งสองเข้ายื้อแย่ง หมวดจางกับหนุ่มไทใหญ่กำลังดิ้นรนให้หลุดพันธนาการ แทนหายไปไหนไม่รู้ ทหารเกาหลีกลุ่มใหญ่อยู่ในสภาพเดียวกันดึงดันอีลุงตุงนัง

หลงซันจับปลายกระบอกปืนดันขึ้นฟ้าเกร็งมือสู้กัน ต่างคนต่างดึงดันปลายปืนโยกไปมาและหยุดตรงหน้าของฉัน

“ซาจังนีมหลบ!จองซุกคว้าตัวฉันกดลงพื้น

ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” หน้าอกของคนด้านหลังกระจุย

ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ปลายกระบอกโดนดันเปลี่ยนทิศ กระสุนสาดสะเปะสะไปโดนใบพัดปลายหางเฮลิคอปเตอร์หัก

“ซวยแล้ว! จองซุกตื่นตะลึงมองตาค้าง

“วืด!วืด!วืด!เครื่องบินเสียศูนย์เอียงโคลงเคลงใบพัดตวัดฟันร่างผู้คน

“โครม!

ในจังหวะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ฉันพุ่งเข้าไปล็อกคอหวังฉวนแล้วกระชากนกหวีดในปากขว้างไปกลางฝูงชน...

“แกหมดอาวุธแล้ว”

“โอ๊ย!”” ฉันโดนกระชากหัวผวาหงายหน้ามือคว้าไปติดเสื้อสูท

“จับได้แล้ว!...” ฉันต่อสู้กับแรงดึงของผีดิบด้านหลังสายตายังมองหาหมวดจาง

“เอามันออกไป! หวังฉวนดิ้นสะบัดสู้

“เอานกหวีดมา” ฉันคว้าแย่งนกหวีดในมือของเขา

“อั่ก!อั่ก!อั่ก!  ฉันโดนทุบเจ็บระบมไปทั้งแผ่นหลังแขนล้ามือหลุดหวังฉวนรอด

“ดอกเตอร์!” หมวดจางดิ้นหลุดลุกวิ่งมา

ฉันร้องบอก...“อยู่ในมือม...” พูดยังไม่ทันขาดคำ

“อ๊ะ! เธอโดนรวบขาล้มลงไปอีก

“เอานกหวีดมาแล้วฉันจะปล่อยแกไป” ฉันทำได้แค่ร้องขู่พยายามดึงแขนตัวเองให้หลุดพันธนาการ

“อั่ก!อั่ก!อั่ก!  ลีจองซุกเข้ามาต่อยช่วยแกะมือ

ฉันดิ้นหลุดพุ่งเข้าไปหาสายตาของฉันจดจ่อแต่นกหวีดไม่ให้คลาดสายตา

“โอ๊ะ! แต่เข้าไม่ถึงโดนฝูงชนเบียดออกมา

เขาชูนกหวีดแล้วชี้หน้าขู่อาฆาต...“มึงตายแน่นอน”

“เฮ้ย!...” คลื่นแรงเบียดดันตัวฉันเคลื่อนไปหาหวังฉวนในจังหวะนั้นเขาหย่อนนกหวีดลงคอ

“อย่านะ! ฉันคว้าติดคอเสื้อ...

“คายออกมา”

“เหวอ! ฉันโดนแรงเบียดไหลออกมือไขว่คว้าดึงเขาเซตามมา

“นกหวีดอยู่ที่ไหน?” หมวดจางพุ่งเข้ามา

“ในปาก...” ฉันเกร็งแขนสู้กับแรงฉุด

“อึ๊ย!...” เธอง้างปากใบหน้าสั่น...

“กลืนเหรอ?”

“อ๊าก!..กกก! หวังฉวนร้องลั่นดิ้นสู้สุดแรง

คลื่นมหาชนซัดสาดเหมือนคลื่นทะเลลำตัวโยกเยกไปตามแรงเบียด

หลงซันคลานหลุดจากการฉุดรั้ง โยนมีดลอยคว้างมา...

“แม่ใหญ่!..”

“ควับ! เธอคว้ามืดเงาวับปาดฉับ รวดเร็วจนมองไม่ทัน

“อ๊าก!..กกก!น้ำพุสีแดงพวยพุ่ง

Messiah! Messiah! Messiah! Messiah!

ฝูงมหาชนคลุ้มคลั่งขาดสติเข้ามารุมทึ้งดึงแขนขา หลงซันและลูกน้องโดนรวบลงพื้น แทนหายไปจากสายตา

“อึ๋ย!..” ฉันโดนกระชากหน้าหงาย สารพัดหมัดกระหน่ำลงมา

อั่ก!อั่ก!อั่ก!อั่ก!ฉันปิดปัดป้องจุกตัวงอ

“วี๊ด!....” เสียงเรียกแห่งชีวิตดังพริ้วทุกชีวิตชะงักงัน

“อูย...จุก! ฉันลืมตาขึ้นมารองเท้าของใครบางคนทาบบนใบหน้าบาทาอยู่บนอก เสียงอึกทึกหายไป

“.............”

“ว้าย! วี้ด! เกิดอะไรขึ้น?...” เสียงสามัญสำนึกกลับมาอึกทึกอีกครั้ง

สิ้นสุดกันเสียทีกับการเดินทางที่ยาวนานเรื่องบานปลายใหญ่โตเกินควบคุม ผู้ที่รอดชีวิตในวันนี้ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย พวกเขาจะอยู่กับฝันร้ายและมีคำถามที่ไม่มีคำตอบให้คาใจต่อไป โลกคงมืดมิดไปอีกนานแสนนานจนกว่ามนุษย์จะกลับมาครองโลกอีกครั้งและมันอาจจะไม่มีวันหวนคืน  

เกล็ดน้ำหกเหลี่ยมตกกระทบแขนเย็นเฉียบ กระแสไอเย็นมาพร้อมกับละอองขาวของหิมะโปรยปราย

“เจี่ยเจี้ย! หิมะตกแล้ว” ฉันปลอดโปร่งโล่งใจ

“ขอบคุณพระเจ้า” หมวดจางใบหน้าเลอะแดงเดินชูนกหวีด 2 อันมาพร้อมกับหัวหน้าหลงและกองทหารเกาหลี

“นาตาลีเจ็บมากมั้ย?” แทนปากแตกหน้าแหกพรวดเข้ามาป้วนเปี้ยนสำรวจบาดแผลให้

แต่ฉันคันหัวใจกับคำตอบของหมวดจาง...

“ฉัน แทน หลงซัน เดอะแก๊งกับทหารเกาหลีสู้กับหวังฉวนเหนื่อยเกือบตาย ไป่ไป๋คนพลิกเกมนั่งอยู่บนเครื่องบิน ขอบคุณซะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!

“ฮึ! แย่งซีนกันหน้าตาเฉยเลย” ฉันขัดใจมากแผลยังสดอยู่เลย

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันเหนื่อย! คิดอะไรไม่ออกก็พูดให้ดูดีไว้ก่อน กลับบ้านกันเถอะ!

ทันใดนั้น...

“เฮ้ย!...ท่านประธานาธิบดีโดนทำร้าย!

“ทหารเกาหลีบุกมา! จับมันไว้...”

“ห่ะ! ฉันสะดุ้งเฮือกแทนเข้ามากอด

“เหี้ยแล้ว! หัวหน้าหลงร้องลั่นรีบเดินเข้ามาประกบหมวดจาง ทหารเกาหลีตีวงล้อม

“ฉันไม่อยากทำอย่างนี้เลย เฮ้อ!” หมวดจางสายตาเศร้าลง

พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!” เฮลิคอปเตอร์ปล่อยบันไดบินเรียงคิวเข้ามา

“ขึ้นไป!หมวดจางโบกมือไล่

“พรึ่บ!ทหารกระโดดเกาะ

“ดอกเตอร์ขึ้นมา” หลงซันเอื้อมมือลงมาช่วยดึงแล้วรีบปีนขึ้นสูง

“เจี่ยเจี้ย!!ฉันหันลงไปมองหมวดจางคาบนกหวีดแล้วถอนหายใจแรงก่อนจะหลับตาเป่า...

“วี้ด...ดดด...!เสียงนกหวีดประกาศวันสิ้นสุดของยุคสมัย

ฉันมองคนกลุ่มสุดท้ายที่เพิ่งจะรอดชีวิตได้ไม่กี่นาทีอย่างเศร้าใจและค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า โลกจะไม่มีวันกลับมาสว่างไสวเหมือนเดิม ฉันขอยอมรับว่าประสบการณ์ไม่ถึง ไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ มองไม่เห็นทางเลยว่าโลกจะกลับมาเหมือนเดิมได้ยังไง

...................................................................

“พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!

ฟางเส้นสุดท้ายของยุคสมัยขาดลงไปแล้ว ฉันก้มลงมองเมืองศูนย์กลางอำนาจที่ยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของโลกกำลังหมองเศร้า ควันไฟลอยเกะกะฝูงมหาชนเดินเบียดเสียดไร้ชีวิตแน่นทุกตรอกซอกซอย การเดินอย่างไร้จุดหมายยิ่งห่างไกลจากบ้านของเขาไปทุกอย่างก้าว ก่อนออกจากบ้านครั้งสุดท้ายมีอะไรค้างคามั้ย? ได้หอมลูกก่อนออกจากบ้านหรือเปล่า? ลืมให้อาหารแมวหรือเปล่า? ลาก่อนมหานครปักกิ่ง

เรื่องนี้จะโทษนกหวีดไม่ได้เพราะมันไม่มีชีวิต ทั้งหมดทั้งสิ้นเกิดจากความโลภในใจของมนุษย์ที่ฉวยทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ใช้ความฉลาดในทางผิด สงครามไม่ได้เกิดจากประชาชน...ทั้งหมดเกิดจากผู้นำ

“ฮองเฮามาหอมแก้มหน่อย” หมวดจางกอดฟัดฮองเฮาจนนักบินหันมามอง แทนหน้าปูดชอบใจหัวเราะร่วน

“หนูโกรธมาก!...” ไป่ไป๋ทำปากขมุบขมิบจ้องจะกินหัวแทน

“โกรธใคร?” หมวดจางฮึดฮัดหันมองตาขวาง

“แทนน่ะสิ! หนูสั่งยิงแล้วแต่เขาไม่ยอมยิง ดูหน้าอนนี่สิ! อย่างกับหมูป่าหน้าปูดเลย สมน้ำหน้าลงไปโดนกระทืบเลย กลับไปหนูจะฟ้องซอนแล้วคุณก็ไปนอนในค่ายทหาร 7 วันเลยนะ” ฮองเฮาโกรธหน้าง้ำ

ฉันหันไปกอดแขนเข้าใจที่เขาตัดสินใจแบบนั้น...

“แทนก็เจ็บนะคะ ฉันไม่โกรธเลยคนที่โดนยิงจะเสียโอกาสสุดท้ายของการมีชีวิต พวกนี้ยังมีโอกาสรอดถ้าฉันยังไม่ตาย” ใบหน้าของฉันชาไร้ความรู้สึกเจ็บปวดมีแต่ความรู้สึกใบหน้าหนาแต่หัวใจสุขล้น จากนี้ไปไม่ต้องวิ่งหนีใครอีกแล้ว

“ฉันภูมิใจในตัวเธอมากนะ ฮองเฮา!” หมวดจางไม่พูดเปล่ากอดฟัดนัวเนีย

“หนูจั๊กกะจี๋พอได้แล้ว” ไป่ไป๋ลุกหนีมานั่งข้างฉัน

“เธอจีเนียสจริง ๆ เก่งกว่าดอกเตอร์อีก” สายตาของเธอใสแป๋ว

“อย่าเอาหนูไปเปรียบกับอนนี่มันเทียบกันไม่ได้ ทำไมไม่ชมแทนบ้างล่ะ?” เธอบุ้ยปากตาขวาง

“เขาคิดไม่ได้แบบนี้หรอก ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!

ฉันชี้หน้าหมายหัว...

“ยัยนี่!... อย่ามาว่าแทนของฉันนะ” น่าสงสารเจ็บตัวแล้วยังโดนด่าอีก

“ผมได้ยินนะ!” แทนหน้าจ๋อยไม่กล้าสบตา

“ถ้าเธอไม่มาตัดเกมฉันคงแย่ไปแล้ว คุณคิดได้ไงถึงเอาตาข่ายมา? ถึงจะจับไม่ได้แต่ก็ทำให้มันเคลื่อนไหวลำบาก” หมวดจางสายตาประกายวาววับยิ้มมองแต่ฮองเฮาตลอดเวลา

“อืม! ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ตอนนั้นฉันคิดอะไรไม่ออกเลย” หันไปมองหน้าน้องแล้วภูมิใจ

“น้องแทนบอกกับหนูว่าจะเอาใยแมงมุมไปจับปลาแข่งกับเพื่อน ตอนนั้นใกล้ตายหนูก็คิดไปเรื่อยพอสะดุดใจเลยเอาไปปรึกษากับท่านนายพลดู ผลก็เป็นแบบนี้แหละ”

แทนยิ้มเสนอหน้าขอมีส่วนร่วม...

“เครื่องมือปราบจราจลพวกนี้ ผมไปขนมาจากเกาหลีใต้”

“แต่คุณก็ไม่ได้มีส่วนในการคิดเรื่องนี้ ไม่นับว่าฉลาด” หมวดจางจิกสายตาไม่ให้ราคาเขาเลย

ฉันต้องช่วยแทนของฉันก่อน เขาเถียงไม่เก่งและไม่ชอบมีปัญหากับใครโดนว่าโดนตำหนิก็เฉย

“แต่ถ้าเขาไม่รอบคอบขนมาไว้ก่อน ก็ทำแบบนี้ไม่ได้”

“เชอะ! เธอไม่สนใจฉันหันไปฉอเลาะกับฮองเฮา...

“เทพีแห่งโชคของฉันจุติลงมาแล้ว...” เธอยังไม่หายบ้ายิ้มปริ้มปริ่ม โดนทิ้งให้นั่งคนเดียว

“คุณจะทำไงต่อกับ Soulless จีน” ฉันโดนนั่งประกบซ้ายขวาแต่ไม่รู้สึกอึดอัดเลย

“เดี๋ยวส่งเดอะแก๊งมาเป่านกหวีดให้พวกเขาเก็บศพไปเผาแล้วก็ทำความสะอาดให้เรียบร้อย ทำเลอะก็ต้องรับผิดชอบ” เธอกรอกดวงตาไปมาเอานิ้วชี้เคาะขาครุ่นคิด

“แล้วทั่วประเทศล่ะคะ?” ไป่ไป๋คิ้วขมวด

“ถ้าไม่ลงมือทำอะไรโลกเหงาเลยแหละ เราเดินมาไกลเกินเป้าหมายมาไกลเหลือเกิน” แทนหัวเราะหึหึ

ฉันได้ทีซ้ำซะเลย...

“เพราะคุณคนเดียวเลย ตั้งแต่ยึดอำนาจเกาหลีแล้ว”

เธอหันมองตาขวาง...

“ไม่จบใช่มั้ย? เดี๋ยวได้อีกปูดหรอก” ดุมาเลยนะ สองมาตรฐานชัด ๆ ทีกับไป่ไป๋กอดกันกลมแทบจะแลกลิ้นกัน

“เจี่ยเจี้ยโหดอ่ะ! สงสารอนนี่จังเลย...” ไป่ไป๋หันมาลูบใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของฉัน

ยายจางกอดอกนั่งตัวตรง...

“หวังฉวนตายเพราะอีโก้ของตัวเอง ยิ่งอายุมากยิ่งมีตัวตนสูง ยอมหักไม่ยอมงอ” เธอคิดอะไรกันแน่

ไป่ไป๋ตอบสวนไป...

“เพราะเวลาของมันเหลือน้อย วันพรุ่งนี้ไม่ใช่อนาคตแต่มันคือจุดจบ คนวัยเกษียณที่ยังแสวงหาอำนาจ เป็นช่วงอายุที่เหมาะกับการทำเลวทิ้งทวน ถ้าโดนจับได้กว่าจะตัดสินมันก็ตายก่อน พวกนี้ต้องยึดทรัพย์”

ฉันยกมือขอตอบ...

“ฉันว่าไม่ใช่อีโก้หรอก ความเย่อหยิ่งและยึดติดทนงตนอย่างแรงกล้าของคนระดับบนอาจจะมาจากอีกขั้วก็ได้ กระบวนประมวลผลข้อมูลส่วนตัวของสมองส่วนหน้าก็แบ่งเป็นสองฝ่ายเพื่อการตัดสินใจของเรา”

ความซับซ้อนทางพฤติกรรมที่แสดงการตอบสนองความต้องการตามสัญชาติญาณเป็นเรื่องส่วนบุคคลแต่ลอกเลียนแบบได้

“ถ้าไม่ใช่อีโก้แล้วมันคืออะไร?” หมวดจางเป็นคนเดียวที่ไม่เคยละสายตาเวลาคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว เธอจะให้ความสนใจในการคุยกับฉันเป็นพิเศษ

“ปมด้อยต่างหาก! ทั้งสองอย่างก็มีเส้นที่มองไม่เห็นกั้นเหมือนกับคนอัจฉริยะกับคนติงต๊อง ปมด้อยก็เป็นตัวขับพฤติกรรมได้เช่นกันเหมือนกับบางคนที่ขี้อิจฉาแล้วขโมยงานของฉันไปทำเป็น Tame 26” ฉันกัดซะเลย เพราะเรื่องนี้เลยบานปลายลงทะเลกันหมด

“เออเนอะ! แทนพยักหน้าหงึก ๆ น่ารักมาก กอดซะเลย

หมวดจางเหล่มองด้วยหางตาเฉี่ยว...

“เดี๋ยวโดนคู่!

“ฮึบ! แทนหุบปากทันที

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! เดี๋ยวโดนเชือดหรอก! ฮองเฮาหัวเราะร่วนมีความสุขกว่าใคร

“เราต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ใหญ่กว่าเดิม” หมวดจางหมุนคอสายตาจ้องค้างท่าทางครุ่นคิดบางอย่าง

“คุณจะพาฉันหนีไปอยู่ที่ไหนอีก เกาหลีปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเราแล้ว”

“จะหนีทำไม? อย่าเพ้อเจ้อ! แน่ะ! เธอยังหันมามองค้อนกันอีก

“อ้าว! แล้วคุณคิดอะไร ฉันพูดอะไรผิด?”

“ฉันจะทำในสิ่งที่เป็นความฝันของพวกเราทุกคน” เธอใบหน้านิ่งราวกับรูปปั้นสายตาลุ่มลึกซ่อนเร้น

หมวดจาง แอนนาเป็นคนที่ทำอะไรได้เหนือความหมายจนพวกเรามักคาดไม่ถึง ความเฉียบขาดแหลมคมและความทะเยอทะยานที่ถูกเก็บเข้าลิ้นชักไปนานอาจจะถูกขับเคลื่อนอีกครั้ง

ฉันเดาว่ามีเรื่องอีกแน่ ๆ...

“ฉันไม่มีความฝันอะไรแล้วแค่ช่วยชีวิตให้เสร็จก็พอ ฉันมีตัวช่วยแล้วงานง่ายขึ้นเยอะ” ฉันคลำนกหวีดของยอร์นบนหน้าอก

แทนยกมือ...

“ขออนุญาตนะครับ คนจะฟื้นกลับมาพร้อมกับความวุ่นวาย เราจะรับมือไหวมั้ย?” เขาเจี๋ยมเจี้ยมมากแค่จะเสนอความคิดยังกลัว

ฉันคิดแล้วท้อใจโวยใส่ตัวต้นเหตุ...

“ฉันไม่เคยคิดไกลไปกว่าเอาชนะหวังฉวน ไม่เคยคิดว่ามันจะเลยเถิดเลวร้ายถึงขนาดนี้ คุณคิดเลยจะทำยังไง?”

พอคิดถึงความวุ่นวายของมนุษย์แล้วเหนื่อยใจ การล้างแค้นเอาคืนการไล่ล่าหาคนผิดเกิดขึ้นแน่ บุญคุณอาจกลายเป็นความแค้น พวกเราต้องกลายเป็นคนร้ายแล้วโดนตามล่าอีกแน่ ๆ

“เจี่ยเจี้ยคะ! ถ้าคืนชีพให้เขาเราก็ซวย ทหารจีนอีกบานเลยนะจะทำยังไง?” ไป่ไป๋สยองพองขนกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ ถ้ามนุษย์กลุ่มนี้คืนสติ

สถานการณ์ครั้งนี้เต็มไปด้วยคำถามและความลังเล ซึ่งแตกต่างจากการช่วยชีวิตคนเกาหลีใต้ที่มีพวกเราแต่ความทุ่มเทและพร้อมใจที่จเหน็ดเหนื่อย ความตั้งใจเดิมที่คิดจะช่วยคนที่โดน Tame 26 เล่นงานจากฝีมือของหวังฉวน...อาจจะต้องเปลี่ยนไป

แต่...

“เมื่อประตูของยุคสมัยปิดตัวลง ต้องมีใครสักคนที่เปิดประตูบานใหม่เพื่อก้าวต่อไป”

“หือ! ไม่ต้องนัดหมายพวกเราหันไปมองหน้าของเธอพร้อมกัน

เธอยังคงสุขุมนั่งนิ่ง ใบหน้าสมส่วนหน้าผากโหนกนูนแก้มอิ่มเอิบคางโค้งมนผ่องเป็นพิเศษ คิ้วที่เรียงเส้นสวยงามบ่งบอกถึงความเป็นคนละเอียดรอบคอบสติปัญญาดี ดวงตาหงส์ครุ่นคิดกรอกไปมาก่อนจะเอ่ย...

“ท่านนายพลห่าวอู๋จะเป็นคนจัดการเก็บกวาดทหารทั้งหมดเข้าสู่ระบบ”

“เอ๊ะ!..” ฉันหูผึ่ง

ทำไมคำตอบแปลก ๆ แล้วนายพลห่าวมาเกี่ยวอะไรด้วย เธอพูดมาอย่างนี้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย ฉันไม่เข้าใจว่าจะให้นายพลมายุ่งด้วยทำไม ถ้าเขาหักหลังฉันต้องได้วิ่งตอนแก่อีกแน่ ไม่สนุกเลย

“อย่าบอกนะว่าคุณจะ...”

“ใช่! นายพลห่าวและคุณลุงคิมจุนซองจะเป็นคนรับจบปัญหาของโลกใบเก่า ฉันจะสร้างตำนานให้ผู้ปกป้องและผู้กอบกู้” เธอตอบมาฟังดูดีแต่คุณลุงคิมจุนซองจะเอาอะไรไปคานอำนาจของนายพลห่าว มวยคนละชั้นเลย

นายพลห่าวอู๋มีบารมีจัดการกองทัพเกรียงไกรได้และเคยเป็นเจ้านายของเธอ คุณลุงคิมจุนซองเป็นคนเก่งและจิตใจสะอาดเป็นบุคคลสำคัญของเกาหลี ฉันไม่อยากให้คนดีต้องเป็นเหยื่อของเกมอำนาจอีก...

“แล้วคุณคิดว่าจะให้ใครเป็นผู้นำ?” ฉันลุ้นให้เป็นคุณลุงคิม

“ฉันเอง!

“เฮ้ย!..” นั่นไงล่ะ!...คิดไม่ผิดเลย สายตาแบบนี้มีเรื่องทุกทีสิน่า..

“ฮ่าฮ่าฮ่า!ไป่ไป๋หัวเราะชอบใจเอื้อมไปไฮไฟฟ์เหมือนรู้กันมาก่อน

“คุณจะดูแลยังไง?” เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้

“มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ถ้าคุณคิดว่าเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้จะเป็นความคิดที่ถูกทั้งคู่ ฉันจะคิดว่าเป็นไปได้ ฉันจะทำเหมือนที่จูยอนดูแลเกาหลีและใช้โครงสร้างการปกครองของแทนที่ใช้กับเกาหลีนั่นแหละเป็นรัฐธรรมนูญให้กับโลกใบใหม่ ใช้อำนาจของนายพลห่าวเป็นกฎหมายควบคุมความสงบ เมื่อทุกชนชาติแข็งแรงจะใช้กฎหมายเดียวกัน” เธอใบหน้านิ่งมาก

“ตั้งชื่อระบอบรึยังคะ? ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ไป่ไป๋ขำอยู่คนเดียวหันไปกระแทกใส่แทน

“ยัง...” แทนเสียงเบามาก

หมวดจางสายตานิ่งมองแทนอย่างครุ่นคิดแล้วยกมือ...

“ฉันตั้งชื่อให้เอง...ระบอบสังคมนิยมเสรีภาพไร้ขอบเขต!

“เอาจริงดิ?” ฉันรู้ว่าหมวดจางไม่ล้อเล่นในเรื่องแบบนี้และเธอมีศักยภาพในการทำงานใหญ่

ฉันสังเกตได้ตั้งแต่สมัยพวกเราอยู่ที่รัฐฉาน ในวันที่โลกมีแต่น้ำตาแม่ใหญ่คนนี้รวบรวมชนเผ่าที่กระจัดกระจายมาใช้ชีวตร่วมกันได้อย่างมีความสุข

“อิสระภาพและเสรีภาพได้จ่ายราคาไถ่ตัวเองไปแล้ว เราจะเริ่มต้นใหม่กับคนที่มีความเชื่อเหมือนกัน ฉันจะเป็นคนเปิดประตูบานใหม่เอง!

“อื้อหือ!...” ฉันขนลุกซู่และทึ่งกับการกล้าตัดใจ

สิ่งที่เราต้องรับผิดชอบมีความหมายมากกว่าความรัก เหนือกว่าความเชื่อมั่นในหลักการ มันคือความศรัทธาในตนเองที่จะทำเพื่อคนอื่นอย่างจริงใจ

เธอจ้องมองหน้าของแทน ก่อนจะสั่งการ...

“แทน! โอกาสที่จะกระจายทรัพยากรมาถึงมือคุณแล้ว ผู้ที่รอดชีวิตจากความเลวร้ายของยุคสมัยจะได้รับรางวัลที่ไม่เคยเอื้อมถึง ถ้ากลับไปถึงเกาหลีแล้วคืนตำแหน่งผู้นำซะ แล้วมาทำงานด้วยกัน”

ฉันงงใจกับเธอจริง ๆ แต่แทนของฉันจิตใจสะอาดมากพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล...

“จูยอนล่ะครับ?” เขาถามถึงเพื่อนรักก่อนเลย

“ถ้าเธอฟื้น...ฉันจะพาไปด้วย จูยอนไม่ได้โลภมากอยากเป็นผู้นำ ถ้าเธอและแทนถอยออกจากเกาหลี ทั้งสองคนจะเป็นเทพเจ้าที่สถิตอยู่ในใจของชนชาติตลอดกาล”

สิ่งที่เธอพูดจะเป็นจริงทั้งหมดในวันข้างหน้า ตำนานของชนชาติจะจารึกและเล่าขานเรื่องของทั้งสองคนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและตราตรึงไปตราบนานเท่านาน

“เริ่มต้นยังไง?” ฉันยังมองอะไรไม่ออกเลย

“ฉันจะตั้งทีม Youngster รวมวัยรุ่นของทุกชาติ ทำแบบเดียวกับเดอะแก๊งเกาหลีทั้งหมด พวกคุณคิดว่าปัญหาจะมีอะไรบ้าง?” เธอมองหน้าหาคำตอบจากทุกคน

“ฉันโบ๋เบ๋ค่ะ” ฉันไม่รู้เรื่องการปกครอง

“มีคนไม่เห็นด้วย ชัวร์! เสรีภาพไร้ขอบเขตนี่แหละตัวปัญหา คนมักจะเกินเลยเส้นเกรงใจทุกครั้งที่มีโอกาส” ไป่ไป๋บ่นพึมพำ

“สังคมจะเป็นตัวกำหนดขอบเขตเสรีภาพกันเอง เรื่องเล็กน้อยมาก”

แทนยกมือ...

“ถ้ายังมีคนไม่เห็นด้วยทำยังครับ?”

เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เกินความสามารถและประสบการณ์ส่วนตัวไปไม่ถึง ความคิดของคนจะลังเลไปในทางลบก่อนเสมอ มันเป็นความกลัวที่สัญชาติญาณป้องกันตัวจะสั่งให้จิตของคนระแวงภัย

“นายพลห่าวจะเป็นคนใช้อำนาจเผด็จการเต็มรูปแบบเพื่อบีบให้ทุกอย่างเข้าสู่โครงสร้างของระบอบ มันจะมีคนไม่เห็นด้วยและต่อต้านก็หลังจากที่ฉันลงจากอำนาจแล้ว แต่การยึดอำนาจจะไม่ง่ายอีกแล้วเพราะฉันจะกระจายอำนาจทั้งหมดลงไปในทุกระดับชั้น ไม่มีศูนย์กลางอำนาจจะมีแต่ศูนย์รวมอำนาจ ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดจะทำงานหนักสุดตามเจตนารมณ์ของระบอบ”

แทนนั่งพยักหน้าอมยิ้มอิ่มใจ เขาเคยฝันไว้แบบนั้นและช่วยกันกับจูยอนร่างโครงสร้างการปกครองกันไว้

“ฉันจะรวมโลกเป็นหนึ่งเดียว ยกเลิกเส้นเขตแดนแล้วอนุญาตให้ชนชาติที่เคยเจ็บช้ำได้เลือกทางเดินเอง ยึดทรัพยากรที่อยู่ในมือบุคคล ยึดดาวเทียมมาเป็นของกลาง เริ่มต้นชนชาติใหม่ทั้งหมดในนาม National cultural state ผู้คนสามารถเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่ใดก็ได้เพราะทุกตารางนิ้วบนโลกนี้คือบ้านของทุกคน ฉันเชื่อว่ามนุษย์ต่างเผ่าพันธ์เป็นเพื่อนกันได้โดยปราศจากความกลัวซึ่งกันและกัน” เธอตอบคล่องมาก แต่ฉันคิดว่าเธอบ้าไปแล้ว

ไป่ไป๋กระเด้งรับ...

“โอโห!..แล้วมันจะไม่ทะเลาะกันอีกใช่มั้ย?”

แทนก็ไม่ค้านสุมหัวกันเฉยเลย...

“กว่าที่ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็กินเวลาไม่ต่ำกว่า 50 ปี ในยุคสมัยต่อไปผู้คนคงไม่มาทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้หรอก เพราะวิถีของชีวิตจะเปลี่ยนไป โลกทั้งใบมีความน่าสนใจกว่าเขตแดนที่ขังตนเอง”

“แล้วจะมี National cultural state เกิดขึ้นอีกเท่าไหร่คะ?” ฮองเฮาสนใจตาใสแจ๋ว

“ผมคิดว่ามากกว่า 7,000 ชนชาติแน่ ต่อไปจะไม่มีผู้ลี้ภัย คนพลัดถิ่น สงครามแย่งดินแดนจะได้หมดไปด้วย”

“หมดได้ยังมีแต่จะมั่วมากขึ้นไปอีกน่ะสิคะ” ไป่ไป๋คิดเหมือนฉัน

หมวดจางยิ้มให้น้องแล้วถามเสียงหวาน...

“ฮองเฮาคะ! นายพลห่าวจะยึดทรัพยากรทั้งหมดเป็นของกลางและเมื่อผู้นำไม่ใช่เจ้าของชาติตามกฎหมาย ฉันถามหน่อยว่าใครจะมาต่อต้านและต่อต้านด้วยเหตุผลอะไร?”

“สมมุติว่าทรัพยากรนั้นอยู่ที่บ้านของหนู หนูก็หวงไม่ให้คนอื่นเอาไปหรอก”

“ฉันขอยกตัวอย่างเขื่อนกันน้ำนะคะ บ้านของฉันอยู่เหนือสุดสร้างเขื่อนใหญ่กั้นสายน้ำไม่ให้ไหลลงล่าง คนที่อยู่ปลายน้ำจะทำอย่างไร? โลกเคยเป็นแบบนี้และจีนเป็นคนทำแบบนั้นมาก่อน ทุกคนต้องไม่มีสิทธิในทรัพยากรโลกแต่ผู้เดียวแม้มันจะอยู่ในพื้นที่ของเรา ทรัพยากรโลกเป็นของขวัญที่ทุกคนได้รับมาตั้งแต่เกิด เช่นอากาศและน้ำ ถ้าปล่อยให้ความคิดเดิมกลับมาต่อไปเด็กรุ่นหลังต้องซื้ออากาศหายใจ ความบรรลัยเกิดจากนายทุนและผู้มีอำนาจแต่กรรมตกที่พวกเรา ความคิดในการกอบโกยแบบนี้ล้าสมัยไปแล้ว ถ้ายังดึงดันต่อไป...นายพลห่าวจะเป็นคนตัดสินใจ”

ฉันขอเห็นต่างยกมือ...

“คุณพูดเหมือนง่าย! เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้เลย มนุษย์เดินเลยมาไกลแล้วและศักดิ์ศรีมันค้ำคอ” ฉันเชื่อว่า เรื่องนี้ไม่มีใครยอมใครแน่

“เป็นไปได้แน่นอนครับ! ผู้คนทั้งโลกเหลืออยู่แค่กระจึ๋งเดียวเอง ผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ทรัพย์สินมากมายจนไม่รู้หรอกว่าจะปกป้องคุ้มครองได้อย่างไร ผมเชื่อว่าพวกเขาคงมากระจุกตัวอยู่ในเมืองใดเมืองหนึ่งมากกว่า”

“ใช่!” หมวดจางพยักหน้าพอใจ
           ฉันยังมองภาพกว้างไม่ออกจินตนาการไม่เห็นถึงความพินาศของโลกที่พังทลายลงไป

ทั้งสามคนชะโงกหน้าสุมหัวไม่สนใจฉันเลย
           หมวดจางขายฝันต่อ...

“ฉันจะเชื่อมเส้นทางรถไฟความเร็วสูงทุกสายเข้าด้วยกัน ให้ทุกคนได้เดินทางรอบโลกไร้ขอบเขต สาธารณูปโภคพลังงานจะกลายเป็นของกลางให้ชาวบ้านใช้ฟรี เรื่องนี้ก็โดนเอาเปรียบมาช้านาน”

“นายทุนโดนด้วยเหรอ?”

“ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องการค้าคงใช้ระบบสหกรณ์เหมือนของจูยอนไปก่อน ฉันกำลังคิดรวบรวมทุกอย่างที่เคยมีมาแบ่งปันและผ่านยุคสมัยให้มีความสุข แต่ถ้าต้องมีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และใช้ทรัพยากรโลกมากองค์กรนั้นต้องจ่ายคืนผลกำไรอย่างน้อย 80 เปอร์เซ็นกลับมาฟื้นฟูซ่อมแซมในสิ่งที่พวกเขาทำลายไป นวัตกรรมใด ๆ ที่ต้องขุดทำลายธรรมชาติยกเลิกทั้งหมดหรือถ้าต้องทำจะไม่อยู่ในรูปแบบของการค้า ขุดเพราะจำเป็นเท่านั้น”

ฉันมีแต่เรื่องให้แปลกใจและไม่อยากเชื่อ แต่น้ำเสียงและท่าทางของเธอจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“นกสามารถบินได้ทั่วโลกแต่คนกลับโดนกักขังไว้ด้วยเส้นเขตแดนที่เห็นได้แค่บนกระดาษ คนที่ไม่มีโอกาสได้ข้ามเส้นนั้นก็จะมองว่าชาติของตนยิ่งใหญ่คับฟ้าทหารของตนเก่งสุดจนง่ายต่อการครอบงำและเป็นเหยื่อ เบื้องหลังของคำว่าชาติอยู่ที่ทรัพยากรมูลค่ามหาศาลและใครจะได้ประโยชน์จากการอ้างชาติมากที่สุดคิดให้ดี” เธอล้ำไปไกลมากจนฉันตามไม่ทัน

แทนหันมาอธิบาย...

“ที่เกาหลีก็ทำแบบนี้ครับ โรงไฟฟ้าพลังน้ำไม่มีต้นทุนเขื่อนสร้างเสร็จไปนานแล้ว ผลิตไฟฟ้าได้ตราบนานเท่านาน คุณลุงคิมใช้เจ้าหน้าที่เฉพาะเท่าที่จำเป็น ตัดฝ่ายขายและการเงินออกไปก็เหลือช่างเทคนิคไม่กี่คนหรอกครับ”

“พวกเราได้ผ่านและเห็นสิ่งต่าง ๆ มากมายทั้งโทษและประโยชน์ที่โลกสร้างสรรค์ไว้ เรารู้เท่าทันกลโกงของผู้มีอำนาจแต่ก็แก้ไขไม่ได้และต้องยอมรับในชะตากรรม แต่ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วและฉันจะฉวยมันไว้เพื่อทำให้ฝันของทุกคนเป็นจริง ฉันจะเปลี่ยนวัฒนธรรมและความเชื่อของโลก ภายใต้การดูแลของ Realm Mavel!

“เฮ้ย! ตั้งชื่อไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” เรื่องนี้คุยกันยาวแน่ ฉันไม่เคยระแคะระคายว่าเธอวางแผนพวกนี้ไว้เลย

“คิดเมื่อกี๊นี้...” เธอตอบหน้าตายมาก

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ไป่ไป๋นั่งปรบมือหัวเราะชอบใจมองพี่สาวอย่างชื่นชม

“มรดกสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่แล้วถือว่าเป็นของกลางที่ไม่มีต้นทุน โลกที่ปราศจากหนี้สินมีแต่ทรัพย์สินมากมาย คนไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อหาเงินมาผ่อนสิ่งเหล่านี้เพื่อทัดเทียมสังคม ได้ใช้ชีวิตที่เหลือเป็นอภิมหาเศรษฐีจนวันตาย ทางเลือกที่ฉันมอบให้สุขสบายกว่ามาต่อต้านเพราะฉันไม่ได้ทำเพื่อตนเอง ลูกชายของฉันจะไม่ได้รับมรดกอำนาจนี้จากฉันแน่ ๆ”

“ติดสินบนน่าดู...” ฉันจิกกัดแต่ก็เข้าใจได้

เธอกำลังชดเชยในสิ่งที่ขาดหายของใครหลายคน มนุษย์ในยุคของการแข่งขันต้องจดจ่อดิ้นรนเห็นแก่ตัวเพื่อความอยู่รอด ทำให้ไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตในมุมอื่น ทุกเช้าจะมีเพียงวิญญาณที่หมดหวังล่องลอยไปทำงานหาเงินใช้หนี้ไปวัน ๆ และกอดงานนั้นเหมือนเป็นชูชีพประคองชีวิต

“เพื่อความเท่าเทียม ฉันจะพัฒนา AI และใช้ระบบบล็อกเชนให้เป็นฮับของข้อมูลใช้เงินหยวนดิจิตอลเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยน จัดสรรทรัพยากรโลกอย่างเป็นธรรมกระจายให้ทั่วถึง ไม่เน้นไปที่ความร่ำรวยแต่จะเน้นไปที่ความสะดวกสบายด้วย Whole life card number.

“อะไรของคุณอีก?” เธอจะสมองบรรเจิดมากไปแล้ว ถ้าคนอยู่ในระบบนั้นจะซ่อนเร้นปิดบังอะไรได้ยากถึงเป็นไปไม่ได้เลย

“ผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Realm Mavel ทุกคนจะได้รับการดูแลสวัสดิการทุกอย่างผ่านเลขประจำตัวตั้งแต่เกิดจนตาย ผู้ที่ไม่ยอมรับต้องดูแลชีวิตของตนเองและอาจจะไม่มีที่ให้อาศัย”

เพ้อเจ้อ!..บล็อกเชนมันโปร่งใสเกินไป ความโลภจะไม่ยอมโดนควบคุม อีกอย่างนะ!...เรื่องประเทศชาติต้องมาก่อนแน่ จุดเมื่อไหร่ก็ติด คุณโดนต่อต้านแน่นอน คุณตายแน่!...”

“................” เงียบกันไปหมด

ฉันพูดอะไรผิดไป หน้าตาของทุกคนเหมือนโดนทำลายความฝันหันมามอง

หมวดจางจิ๊จ๊ะขัดใจหันมาเม้มปากจ้องหน้า...

“เมื่อไหร่เครื่องบินจะถึงเกาหลีสักทีวะ? ฉันไม่อยากฆ่าคนไม่มีน้ำล้างมือ”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! คนนี้หนูขอ!ไป่ไป๋หัวเราะลั่น

“คุณนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของ Hunger games ต่อไปคนจะยกสามนิ้วกันทั้งโลก คุณไม่รอดหรอก” ฉันคิดไปคิดมาคงใช่

แทนอมยิ้มหันมาตอบ...

“ชาวบ้านไม่มีศักยภาพในการสร้างสงครามหรอก มันเป็นแค่เกมปั่นหัวของผู้นำฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสมอ ผู้นำรุ่นใหม่จะไม่กังวลกับเรื่องนี้เพราะทุกคนจะมองไปบนฟากฟ้ากันหมด เราจะนำพาทุกคนออกจากวังวนเดิม มิฉะนั้นทั้ง AI และบล็อกเชนจะกลายเป็นทาสในระบบของผู้มีอำนาจ ซึ่งขัดเจตนารมณ์ของผู้คิดค้น”

เธอไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแม้แต่น้อย...

“หลังจากคืนชีพให้กับทุกคนแล้ว Youngster จะเป็นกลุ่มแรกที่เข้าไปบริการสังคม อธิบายย้ำให้ทุกคนเข้าใจว่าทุกตารางนิ้วทั้งบนบกและทะเลเป็นบ้านของทุกคน ขนาดพื้นที่ใหญ่หรือเล็กไม่ใช่ตัววัดคุณค่าของชนชาติ แต่สำนึกรับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมชาตินั่นแหละคือความหมายของชนชาติ ทุกชาติจะต้องสร้างเอกลักษณ์ที่จับต้องได้เพื่อแสดงถึงความมีตัวตน”

“ถ้ามีคนไม่ยอมล่ะ หนูชื่อว่าจะมีคนดื้อแพ่งเอาคนที่จับต้องไม่ได้กลับมาอีกแน่” ไป่ไป๋ย่นจมูกปากจู๋ส่ายหน้าไม่มั่นใจ

“ชาวบ้านตาดำๆ จะไม่ทำโดยลำพัง แต่ถ้ามีผู้ต่อต้านก็หมายความว่าเป็นขบวนการ ฉันจะส่งคนไปเยี่ยมและอธิบายซ้ำ”

“ใครคะ?” ไป่ไป๋ยื่นหน้าสนใจ

“หัวหน้ากลุ่ม Youngster

“ใคร?” ฉันถามซ้ำ

เธอส่ายหน้า...

“ยังไม่รู้ว่าจะเป็นใครฉันยังคิดไม่ออก” ยายบ้าตอบหน้าตาเฉยเลย

“อ้าว!...”  อ้าปากค้างกันทั้งวง แล้วที่พูดมาทั้งหมดจะเชื่อได้แค่ไหนเนี่ย?

“อ่ะ! สมุติว่าส่งไปแล้วถ้ายังไม่ยอมอีกล่ะ?” ฉันเคยทำงานในองค์กรใหญ่และทุกครั้งที่มีคนเสนอความคิดที่ดีและมีประโยชน์มักจะมีคนค้านเสมอ แม้เสียงข้างมากจะชนะแต่ก็ยังมีคนที่คิดจะตะแบงเพื่อล้มกระดานและมันก็ชนะแบบค้านสายตาไปได้ทุกครั้ง

“ซอนจะไปเยี่ยม” เธอตอบใบหน้านิ่งมาก

“จบข่าว!...” ไป่ไป๋หันหน้าหนีไปหัวเราะ

ฉันยกมือสูง เธอผิดคำพูดที่เคยบอกไว้...

“คุณบอกว่า ถ้าคุณแก้ปัญหาจะใช้วิธีดัดสันดาน ถ้าส่งซอนไปนอกจากดัดสันดานใครไม่ได้แล้วยังจะไปหักคอเขาซะมากกว่า”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!

แทนยิ้มแหยขยับถามอย่างเกรงใจ...

“ศาสนาล่ะครับ?”

“เออใช่!” ไป่ไป๋เด้ง...“เรื่องนี้คุณได้ทะเลาะกับจูยอนแน่”

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าจูยอนหันหลังให้ความเชื่อนี้ เธอให้ความเคารพแต่ไม่บูชา แต่หมวดจางยังมีพระเจ้าอยู่ในใจและเคยงัดข้อกันมาแล้ว

ฉันเห็นช่องปั่นประสาท...

“จูยอนไม่ยอมคุณหรอก เจ็ทโด้ฆ่าคุณแน่!...”

แต่เธอยักไหล่ไม่ยี่หระ...

“สงครามนี้ฉันชนะ! ทุกศาสนารอด”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! แทนหัวเราะกร้าก

“มันเป็นความจริงทุกประการที่จูยอนเคยกล่าวไว้ว่าศาสนาถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรวบรวมคนเพื่อหวังผลบางอย่าง แต่เพื่อความบริสุทธิ์ของพลังศรัทธาทุกศาสนาต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ผู้คนต้องการสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่งทางใจแต่ผู้นำในศาสนาต่าง ๆ จะใช้ความศรัทธานั้นเป็นเครื่องมือ บิดเบือนปลุกปั่นเพื่อให้อำนาจนั้นตกอยู่ในมือของฝ่ายตนและสร้างความชอบธรรมในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อีกฝ่ายอย่างไร้เมตตา การกระทำอย่างนั้นไม่ใช่บัญชาของพระเจ้า”

“คุณจะจับพระเจ้าเป็นตัวประกันด้วยเหรอ?...”

“อนนี่บ้า! ฮ่าฮ่าฮ่า!ไป่ไป๋ลั่น

“ถ้าไม่หุบปาก! คุณปลิวตกเครื่องบินแน่” เธอแยกเขี้ยวใส่แล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า!...”

“นี่เป็นการปลดปล่อยพันธนาการให้กับพระเจ้าของทุกศาสนาครับ” แทนดูจะชอบอกชอบใจ

“ถ้าไม่ยอมล่ะคะ” ไป่ไป๋แย้ง

“ซอนก็ไปเยี่ยมค่ะ”

“ฆาตรกรชัด ๆ...”

เธอนั่งคิดสักพักก่อนตอบ....

“งั้นเดี๋ยวคิดใหม่ ซอนโหดไปใช่มั้ย?”

“อื้อ! ฉันเข้าใจที่เธอพูดทุกอย่าง เกาหลีเป็นรูปร่างในเวลาอันสั้นเพราะมีอำนาจเผด็จการทางทหารของเจ็ทโด้คอยประคอง การเริ่มต้นใหม่ต้องเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง ถ้าชาวบ้านไม่ทิ้งเรือเล็กก็ขึ้นเรือใหญ่ไม่ได้

“ไม่ต้องใช้ซอนก็ได้ ฉันรู้แล้วว่าจะดัดสันดานของผู้นำที่กระทำผิดได้อย่างไรและมันจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคมและวัฒนธรรมที่ฉันพูดมาทั้งหมดด้วย” เธอยิ้มแววตาประกายแฝงความเจ้าเล่ห์

“บอกเลย ๆ หนูลุ้นอยู่”

“ฉันจะสร้างพระเจ้าองค์ใหม่ขึ้นมา”

ฉันหงายเงิบ...“เอ้า! เอาเข้าไป...”

มาเรื่องแล้วไง สงสัยแค่เปลี่ยนการปกครองรื้อขอบเขตคงยังไม่หนำใจแวะไปยุ่งกับศาสนาอีก

“ยังไงคะ?” ไป่ไป๋กระเด้งตาโต

แต่ฉันชักไม่เห็นด้วยแล้ว...

“แอนนาอย่าคิดอะไรแบบนั้นนะ มันเข้าลึกไปหลายคนจะรับไม่ได้เพราะคิดไม่เท่าทันคุณ มันจะเปิดจุดโจมตีรอบด้าน” ถึงฉันจะไม่ได้นับถือศาสนาแต่ก็เข้าใจคนที่แสวงบุญ

“ในระหว่างที่รอทุกชีวิตฟื้นคืน ฉันจะเก็บอัฐิของทหารและผู้เสียชีวิตทั้งหมดมาสร้างเป็นอนุสาวรีย์บรรพชนของโลก ฉันจะใช้เป็นสถานที่สาบานตนก่อนรับตำแหน่ง ผู้นำคนใดผิดคำสาบานจะต้องมาสารภาพความผิดและพิพากษาที่นั่น”

“อื้อหือ!...” ฉันเข้าใจได้ทันทีและเห็นภาพในหัวของเธอชัดมาก

ไป่ไป๋หน้ายุ่งปากจู๋เหมือนไม่เห็นด้วยแต่ก็พยักหน้ารับ...

“หนูเข้าใจแล้ว”

ฉันชี้หน้าหมายหัวยายตัวร้าย ฉันเข้าใจภาพของอนาคตทั้งหมดแล้วแต่จะดีหรือร้ายต้องรอเวลา....

“ขี้โกงชัด ๆ น้องแทนโชคดีมากที่คุณไม่ได้เลี้ยงเอง ถ้าคุณเป็นคนเลี้ยงฉันคงไม่กล้าอุ้ม” ฉันแกล้งประชดประชันไปอย่างนั้นเอง

ไป่ไป๋หัวเราะร่า...“ทำไมคะอนนี่?”

“กลัวคัน!

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!

แต่แทนช้ากว่าคนอื่นหนึ่งก้าวเสมอ สายตาใสซื่อมาก...

“อธิบายอีกหน่อยสิ ผมไม่เข้าใจ”

เธอหันไปยิ้มอ่อนกับแทน...

“สักวันคุณจะเข้าใจเอง ฉันทำแบบนี้เพราะพวกคุณนะ”

“อ้าว!ไหงโบ้ยมาแบบนั้นล่ะ ฉันไม่เคยคิดเรื่องนี้ซะหน่อย” ฉันถอยก่อนไม่เคยอยากเป็นนักปฎิวัติ ฉันไม่เคยศรัทธา เช กูเอวาร่า

“ถ้าฉันไม่ยึดอำนาจไว้ เราก็ช่วยชีวิตคนไม่ได้และจะโดนตามล่า” เธอตอบแล้วหันไปยิ้มกับแทน...

“ไอ้หนุ่มนักประท้วง! ต่อจากนี้ไปคุณอยากจะเสมอภาคเท่าเทียมเป็นธรรมอะไรก็ทำไป ทรัพยากรที่เหลือนั่นแหละคือของขวัญที่ชาวบ้านไม่เคยเอื้อมถึง คุณชอบไม่ใช่เหรอ?” เธอฉลาดจี้ไปที่จุดอ่อนของคน

เธอหันไปยิ้มหวานพูดเสียงสองเสียงสามกับไป่ไป๋...

“ฮองเฮาไม่ต้องทำงานนะเพคะ คอยเป็นที่ปรึษาให้ฉันอย่างเดียวพอ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! สบายเลยหนู รักเจี่ยเจี้ยมากที่สุดเลย” ฮองเฮาหันมากอดแทน ข้อเสนอนี้ดีมากไป่ไป๋ทำงานหนักมากกว่าใครมาตลอดถึงเวลาได้ท่องเที่ยวบ้างแล้ว
           เสียงในหัวของฉันสั่งว่าจะพลาดเรื่องนี้ไม่ได้...

“ฉันล่ะ?” ฉันชี้นิ้วใส่ตัวเองเรียกร้องสิทธิ์

“ก็คุณไม่เห็นด้วยนี่ ใช้ชีวิตไปเงียบ ๆ ถ้าไม่ค้านก็ไม่ตาย”

“ฮื้อ! ฉันยังไม่ค้านอะไรเลยนะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!

“คุณช่วยไปรวบรวมโปรแกรมเมอร์และนักวิทยาศาสตร์ที่รอดตายมาก่อน แล้วจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ”

“ให้ฉันรับผิดชอบงานนี้ทั้งระบบเลยนะ ฉันขอ!” ฉันเนื้อเต้นมีของเล่นเยอะแยะเลย

“อืม! เอาน้องแทนไปด้วย” เธอหลบสายตาแอบอมยิ้ม

“ไม่อาว!

“ไม่เอาก็...อด!” ยายนี่แสบจริง

ฉันคันหัวใจมาก แปลกใจที่ถามอะไรไปเธอก็ตอบได้เหมือนสิริเลย ถ้าไม่เคยคิดไว้ก่อนตอบไม่ได้อย่างนี้หรอก...

“งั้น! ฉันขอถามอะไรหน่อย ที่คุณพูดมาทั้งหมดนี่วางแผนไว้นานแค่ไหนแล้ว คุณคิดจะยึดโลกตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“คิดเมื่อกี๊!” เธอตอบเหมือนเดิมใบหน้านิ่งมาก

“โอ้โหเจี่ยเจี้ย! ให้เวลาหนูปีนึงไม่รู้จะคิดได้รึเปล่าเลย..”

“ฉันก็ฟังมาจากที่พวกคุณคุยกันมาตลอดน่ะแหละ ฉันบอกแล้วว่าจะทำในสิ่งที่ทุกคนฝัน แต่ตอนนี้ติดปัญหาอีกอย่างเดียว” เธอหันมาจ้องหน้าฉันใจไม่ดีต้องรีบป้องกันตัวไว้ก่อน

“อะไร? ถ้าให้ฉันไปยุ่งกับการเมืองฉันไม่เอานะ ขอคืนงานเลยไม่ทำแล้ว” ฉันชักระแวง

“ฉันยังไม่มีคนสร้างทีม Youngster ให้น่ะสิ!

“หัวหน้าหลงไงล่ะ?” ฉันเสนอคนที่ไม่ต้องสงสัยในความซื่อสัตย์และฝีมือ

เธอส่ายหน้า...

“หลงซันเป็นคนเก่งแต่งานนี้ใหญ่มาก ฉันต้องการคนที่มีคุณสมบัติมากกว่าเขา” ทุกอย่างผ่านการคิดคำนวณมาหมดแล้ว

“ยังมีคนที่เก่งกว่าหัวหน้าหลงอีกเหรอ ฉันจะบอกว่าเอาหล้ามาด้วยคงไม่ต้องแล้วมั้ง?” ฉันเชื่อมือและจะสบายใจมากถ้าทั้งสองคนมีอำนาจ

“ทั้งสองคนต้องกลับมาประจำที่เดินเคียงข้างฉัน” เธอหมายตาสองคนนั้นไปเป็นบอดี้การ์ดนี่เอง

“เจ็ทโด้ไงล่ะคะ” ไป่ไป๋เสนอทันที

“เจ็ทโด้น่าจะทำงานหนักไม่ได้แล้ว เขาเริ่มแก่แล้วและเหนื่อยมามากให้ไปพักผ่อนเถอะ หรือว่าจะปลดเกษียณดี ปลดไปเลยดีกว่า...เอาอย่างนี้แหละ!” เธอทึกทักตัดสินใจเอง

“อ้าว! จะไม่ถามเขาสักนิดเลยเร้อ ปราดเปรื่องเหลือเกิ้น?” ฉันล่ะหมั่นไส้ขนาดนายพลห่าวอู๋แก่ขนาดนั้นยังเรียกใช้ ยายนี่กลัวเจ็ทโด้มากคงคิดจะกันเขาออกไป

“พวกคุณทำงานยุ่งอาจจะไม่ทันได้สังเกตสายตาห่วงใยของพี่ชายที่แอบมองน้อง ๆ อยู่ตลอดเวลา เขาเสียสละเพื่อพวกเรามากมายโดยเฉพาะคุณ โลกใบนี้ไม่มีใครดีกับคุณเท่าเขาอีกแล้ว” เธอหันไปมองแทนพยักหน้า /ลื่นหลุดไหลรอดไปอีก/

“ที่พวกเราเป็นคนเรียบง่ายไม่โลภมาก เพราะเรานับถือเขาเป็นแบบอย่าง หันไปมองเขาดี ๆ สิ! ทั้งสองคนนั้นไม่สะสมอะไรเป็นของตัวเองเลยนอกจากรอวันที่ลูกลืมตาแล้วจะลงจากอำนาจ ฉันไม่เคยลืมรอยยิ้มของเขาในวันแต่งงานของพวกเราเลย”

เธอถอนหายใจสายตาหมองลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง...

“ในวันนั้น!....เขาได้ฝากพวกคุณไว้กับฉัน สั่งให้รับหน้าที่พี่ดูแลพวกคุณต่อไป เขาจะกลับมาหรือไม่ก็ตาม...ฉันต้องหาผ้าห่มผืนใหญ่กว่ามาคลุมให้พวกคุณ ฉันต้องทิ้งความฝันที่อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์และต้องเล่นเกมแห่งความตายก็เพื่อปกป้องทุกคน” เธอพูดซะฉันรู้สึกผิดเลย

“ซึ้งจัง!” แทนยิ้มดวงตาระยับ

“เจี่ยเจี้ยหนูฝากตัวด้วยนะคะ หนูไม่ดื้อ”

“ฮึ! หมวดจางสะดุ้งเหมือนคิดอะไรได้...

“แทนคะ! ฉันเห็นหล้าพาผู้หญิงมาด้วย ไม่ใช่เมียของหัวหน้าหลงและก็ไม่ใช่คนจากชนเผ่าด้วย คุณรู้จักมั้ยคะ?”

“อ๋อ!...ลูกสาวเจ็ทโด้ครับ น้องผู้หญิงทั้ง 3 คนนั้นเป็นคนบ้านดียวกับผม ผู้หญิงสวยคนที่ตัวสูงที่สุดชื่อ พอดี”

ไป่ไป๋ยิ้มร่ากอดแขนของแทน...

“อ๋า!...เด็กสาวที่คุณเคยเล่าเรื่องมะเขือเผาให้ฟังใช่มั้ยคะ ดีเลยหนูอยากรู้จัก”

“น้องผู้หญิงผมทองนั่นชื่อ หยก...หยก เบม่อน! เต้นเก่งมาก I am a Queen card You wanna be a Queen card!” เขาประสานมือไว้ท้ายทอยแล้วหันไปเต้นโยกไหล่ใส่ไป่ไป๋

Look so cool, look so sexy like kim Kardashian.” ไป่ไป๋ร้องเพลงรับกระดี๊กระด๊าสบายตาสบายใจ

“ส่วนเด็กเล็กนั่น ชื่อ มะลิ กำพร้าทั้งพ่อและแม่”

หมวดจางยิ้มอย่างพอใจ...

“ถ้ามาอยู่กับฉัน เด็กจะไม่ขาดอะไรเลยเตรียมตัวเป็นลูกของสาธารณะเหมือนน้องแทนได้เลย”

ทันใดนั้นวิทยุดังขึ้น...

“เก้อเฉิงเรียกแอนนา! เก้อเฉิงเรียกแอนนา!

เสียงนี้ดึงความสนใจของทุกคน หมวดจางกระเด้งคว้าวิทยุตาวาว...

“เฮ้ย! อยู่ไหน?”

“ยอดเขาฉางไป๋ครับ มารับผมหน่อยจิ”

“นายไปทำอะไรที่นั่นวะ?”

“ผมขี่จรวดร่อนมาลงที่นี่ครับ”

“ฮื้อ! ฉันหันสบตากับแทน รู้สึกอึ้งกับเขี้ยวเล็บของเชลยที่ทำตัวเหมือนเด็กไร้พิษสง

“แหม! เลือกลงที่สวยซะด้วย ตอนนี้มีน้ำมั้ย?...”

“น้ำเขียวใสเลยครับ น่าเล่นมาก”

“นายเล่นน้ำไปก่อน เดี๋ยวส่งคนไปรับ” เธอยิ้มโล่งใจหันมาสั่งท่านผู้นำจำเป็น

“แทน! ส่งนักบินไปรับเก้อเฉิงที่ยอดเขาแบ็คตูให้ด้วย เขาสวมชุดวิงสูทเกาะจรวดตามไปปลดรหัสขีปนาวุธแล้วร่อนลงที่นั่น ไอ้นี่ก็เก่งใช้ได้นะเนี่ย!” เธอแค่อมยิ้ม

แต่ไป่ไป๋กระเด้งตาเหลือก...

“โห!...อย่างนี้หนูเรียกว่า โคตรเก่งเลย เก่งสัสสัส!

สงครามนี้สร้างฮีโร่ไว้หลายคน เก้อเฉิงฝึกหน่วยรบพิเศษจากค่ายกระบี่บูรพา Oriental Sword หน่วยทหารเกรดทริปเปิ้ลเอใช้อาวุธและเทคโยโลยีทันสมัยที่สุดของโลก”

“ส่งเยวอนไปรับเลย แต่ว่าทำไมไม่ไปรับเขาที่ภูเขาฉางไป๋ล่ะ?” ฉันได้ยินเก้อเฉิงบอกว่าอยู่ที่นั่น แต่เธอสั่งให้แทนส่งไปภูเขาแบ็คตูซะงั้น

เธอทำหน้าเอือมระอาใส่ฉันแล้วหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณ ฮองเฮาอมยิ้มเอื้อมมือมาลูบแขน...

“อนนี่คะ! ยอดเขาฉางไป๋กับยอดเขาแบ็คตูคือที่เดียวกันค่ะ”

แทนทะลึ่งตาโต...

“เหรอ! ผมก็พึ่งรู้นะเนี่ย”

เขาหันมากอด อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ทุกครั้งที่ฉันโง่จะมีเขาเคียงข้างเสมอไม่เคยปล่อยให้โง่คนเดียว แทนของฉัน...น่ารักตรงนี้แหละ!

ยายเจ้าเล่ห์แววตาระยิบระยับเหมือนคลื่นทะเลต้องแสงแดดพยักหน้ายิ้มมุมปากอย่างสมใจก่อนจะเฉลยความในใจ...

“ฉันเจอครูฝึก Youngster แล้ว

ตอนนี้! ฉันกำลังนั่งต่อหน้าผู้หญิงสาวสวยที่ครบเครื่องมีความเพรียบพร้อมทั้งพระเดชและพระคุณ ในยามที่เจ็บปวดโลกก็ต้องการคนที่โอบกอดและเข้าใจ คนที่จะกำหนดชะตาชีวิตและเปลี่ยนประวัติศาสตร์โลกไปตลอดกาล เริ่มงานของตนเองแล้ว

“คุณกำหนด Point of no return หรือยัง?”

เมื่อทุกอย่างพังทลายก็ต้องเริ่มใหม่ การกำหนดจุดสิ้นสุดเพื่อเริ่มต้นก้าวเดินใหม่เป็นจุดที่มีทั้งความเศร้าและสุขสมหวังในเวลาเดียวกัน

“อีก 10 ปี! ฉันจะทุ่มเททั้งชีวิตทำงานแค่ 10 ปีเท่านั้น วันที่ฉันวางมือจะเป็น Point of no return  ฉันจะเรียกมันว่าวันของผู้ทรนง The last man stand เพราะคนที่เหลือรอดจากวันนั้นอาจจะเป็นตัวแทนคนสุดท้ายของตระกูล เป็นผู้สืบทอดที่หลงเหลือ”

“เมืองหลวงของ...เอ่อ! ไอ้เรียมมาเวล (Realm Mavel) ของคุณจะอยู่ที่ไหน?” ฉันทึ่งกับความล้ำทางความคิดของเธอ

“ซินเจียง! ใจกลางของผืนทวีปเอเชีย ศูนย์รวมหัวใจและความหลากหลายทางวัฒนธรรมของคนทั้งโลกจะอยู่ที่นั่น”

“โอ้โหสวยเจ็บอก! หนูชอบ! แทนคะที่นั่นสวยมากเลยท้องฟ้าใสทุ่งหญ้าเขียว ภูเขาสู้งสูง สูงแบบว่าทะลุเมฆไปดวงจันทร์เลยยิ่งใหญ่เหมือนกำแพงยักษ์ที่ไม่มีวันข้ามพ้น” ไป่ไป๋ยิ้มฟันขาว

“ไกลทะเลไปรึป่าว?” แทนแย้ง

“ฉันถึงบอกว่าจะเชื่อมโลกไงล่ะคะ อุปกรณ์ทางทหารเอาไปสร้างทางเชื่อมโลก คนกลางทะเลทรายถ้ามีโอกาสพวกเขาก็อยากอยู่ในเมืองถ้าไม่มีเส้นแบ่งดินแดนทุกคนก็มีเสรีภาพในการเดินทาง คนรุ่นต่อไปจะไม่จมปลักอยู่การเรียกร้องอาณาเขต การแย่งชิงทรัพยากรจะหมดไป”

การเดินทางของฉันมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว แต่ในใจลึก ๆ แล้วยังคงลังเลระหว่างความคิดของจูยอนที่เคยเสนอให้กำจัดความคิดเก่าให้สิ้นซากเหมือนกับร่องรอยอารยธรรมโลกโบราณที่บอกเล่าให้ชนรุ่นหลังผ่านเพียงสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่และทิ้งปริศนาให้ค้นหาต่อไป

หรือจะคิดเหมือนหมวดจางที่เข้าช่วยเหลือทุกชีวิตแล้วปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบอกเล่าความจริงว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นโลกปัจจุบัน แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ยอมรับได้เพราะฉันต้องเดินผ่านช่วงเวลานี้ไปเช่นกัน

ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมล้วนเกิดจากความโลภในใจของมนุษย์ด้วยกัน เสียงนกหวีดไม่ได้ต่างไปจากคำโฆษณาชวนเชื่อของผู้นำจิตวิญญาณทำให้ผู้คนหลงไหลคล้อยตาม Tamer 30 ก็ไม่ได้ต่างจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อคลุ้มคลั่งไม่ลืมหูลืมตาหยิบยื่นดาบอาญาไว้ในมือโจร Soulless คือผู้คนที่ถูกทิ้งไร้อนาคตเมื่อหมดประโยชน์ ซึ่งอาจจะไม่ได้ต่างจากประชาชนหลังวันเลือกตั้งที่ไม่รู้ว่าชีวิตจะไปทางไหนต่อ

โลกถึงเวลาของการพักผ่อนอย่างแท้จริง ผืนป่าและธรรมชาติได้พักฟื้นสัตว์ป่ามีเวลาขยายเผ่าพันธุ์ โลกใบใหม่จะดีหรือร้ายก็ยังมีความหวังในใจสำหรับผู้ต่ำต้อยและไร้โอกาส หมดเวลาของผู้มากบารมีที่ครองอำนาจแบบไม่มีวันหมดอายุ มันจะเป็นเพียงเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งโลกใบนี้นอกจากจะมีคนที่กินสัตว์อื่นเพื่อต่ออายุของตนเองแล้ว ยังมีคนที่กินรวบทั้งเวลาและชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างถูกกฎหมายด้วย

 

……………………………………………………….

                                   จบบริบูรณ์

 

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,906 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด11,022 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท23 ต.ค. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม