หมวดหมู่ | the last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 14 ต.ค. 2568 |
National cultural state ฉาน
กระเช้าลอยฟ้าลอยเหนือผืนป่าเขียวขจี ฝูงนกโบยบินส่งเสียงร้องเรียกคู่ช้างป่าพาโขลงลงเล่นน้ำในสระเขียวปากปล่องยอดเขา สายลมพัดกลิ่นไอสดชื่นเหนือผืนป่าของเขตวัฒนธรรมแห่งชาติไทใหญ่
“ถ้าพี่ฮักไม่โทรมาบอกเจ้ เธอคิดจะโทรมามั้ย?” หยกสาวสวยผมสีทองน้ำเสียงขุ่นเคืองใบหน้าตูมมองน้องสาวอย่างขัดใจ
“พี่ฮักโทรหาเจ้บ่อยเหรอ ไม่เคยติดต่อหนูเลย?”
“ตอบคำถามเจ้มาก่อน” หยกหน้าง้ำ
“คิดถึงเจ้ที่สุดแต่หนูไม่ว่าง” เด็กหญิงที่เพิ่งจะเข้าสู่วัยสาวใบหน้าขาวนวลเส้นผมยาวสลวยนั่งยิ้มมองพี่สาว
“ไม่ว่างกับไม่ใส่ใจมีค่าเท่ากันสำหรับคนรอ คนไม่รักก็ถูกลืม น้อยใจ!” หยกยังงอนไม่เลิก
“รักสิคะ! หนูรักเจ้ที่สุดในโลกเลย” มะลิโผเข้ากอดพี่สาว
“ตั้งแต่บอสไม่ให้เจ้เป็นเดอะแก๊งเราก็ไม่ได้เจอกันเกือบ 10 ปีแล้วนะ มาถึงแป๊ปเดียวก็จะกลับแล้ว มาก็ไม่บอกสักคำ รู้มั้ยมีคนคิดถึงมาก ๆ รออยู่” หยกกอดน้องอย่างแสนรัก
“หนูออกจากห้องปฏิบัติการจิ่นผิงก็แวะมาที่นี่เลย หนูต้องกลับเกาหลีพร้อมกับโอ๊ปป้า หนูไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้ไม่ยอมทำงานกับหม่าม้าไป๋ล่ะคะ? รู้มั้ยว่า วีรกรรมของเจ้ยังหัวเราะกันไม่เลิกเลย?” มะลิอมยิ้มขำ
“บอสเป็นเผด็จการพี่ไม่ชอบ!” ยายหยกฟึดฟัดขัดใจ
“ไม่เลย! ป่ะป๊ามีทางให้ทุกคนเลือกเดินเสมอ”
“จริง! เจ้ตามขอร้องนั่งเมาเรือไปถึงอาเจนติน่ากลับมาสเปนก็ไม่อนุญาต แถมยังจะส่งเจ้ไปเป็นครูกับเยวอนเซมด้วย นิสัยไม่ดี! ไม่รู้รึไงว่าเจ้ไม่ถูกกับครู” ยายหยกหน้าตูมความแค้นสุมอก
“เยวอนเซมไม่ได้เป็นครูฝึกแล้วนะคะ ที่สำคัญเดอะแก๊งรับเฉพาะผู้ชาย เจ้ไปฝืนกติกาเองนี่คะ”
“ก็เห็นเขาประกาศว่า ทุกคนเลือกทำงานที่ชอบได้ ฉันชอบเดอะแก๊งแต่ก็ไม่ให้เป็น โกหกชัด ๆ”
“ป่ะป๊า! มีทั้งเรดซันแล้วก็บลูสกายให้เลือก แต่เจ้ไม่เลือกเองนี่ช่วยไม่ได้!” มะลิแอบอมยิ้มอย่างรู้ทัน
“เดี๋ยวนี้ไม่รักเจ้แล้วใช่มั้ย ตั้งแต่จากไปเธอก็ได้พ่อแม่ใหม่เยอะแยะมีความสุขจนลืมพี่คนนี้ไปแล้วสินะ” หยกงอนสะบัดหน้าหนี
“ถึงตอนนั้นหนูจะยังเด็ก...แต่หนูก็จำได้นะคะ หม่าม้าไป๋และตั่วเจ้ขอร้องให้อยู่ด้วยกัน เจ้หยกยังไม่หันมองเลย”
“ใครจะไปทำงานกับหม่าม้าไป๋ของเธอได้ล่ะ คนบ้าอะไรก็ไม่รู้สวยวิ๊งค์อย่างกับตุ๊กตา แค่เดินผ่านฉันยังหมองเลยกลับมาเป็นดาวในกลุ่มตัวลายดีกว่า”
“ตอนนี้หม่าม้ามาดูแลการฟื้นฟูวัฒนธรรมด้วย ถ้าเจ้อยู่ตั้งแต่ตอนนั้นป่านนี้เป็นศิลปินมี Fc ทั่วโลกแล้ว สมน้ำหน้า! มีแค่กลุ่มพ่อเท่านั้นแหละที่ฟังเจ้ร้องเพลง” มะลิต้อนพี่สาวจนมุม
หยกสะบัดหน้าเฉไฉ...
“ฮึ! ฉันไม่ได้ชอบแก้ผ้าให้คนดูสักหน่อย เชอะ!”
“ยังไงคะ?” มะลิคิ้วชนกัน
“ตอนเดบิวต์สวมเสื้อผ้ารุงรังเวลาเต้นแล้วพริ้วสวยงามเหมือนผีเสื้อ พอมีชื่อเสียงเสื้อผ้าก็เริ่มหดสั้น พอดังระดับโลกก็เหลือแค่ยกทรงกับกางเกงในเวลาเต้นเห็นแต่กระดูกแขนขาลีบเล็ก บางคนสวมซีทรูทั้ง ๆ ที่ไม่มีนม น่าสมเพช”
มะลิย่นจมูกใส่...
“ศิลปะค่ะเจ้! เข้าไม่ถึงศิลปินก็อย่าพาลสิคะ! เจ้ไปกับหนูเถอะนะ ไปหาตั่วเจ้ด้วย”
“ใครจะช่วยพ่อเธอทำงานล่ะ? พี่แจ๊สยิ่งแก่ยิ่งเลอะเทอะ”
“ทำไมเจ้ไม่หาเมียให้พ่อล่ะ?”
“หาแล้ว! มีแต่รุ่นยายรุ่นป้า เขาบอกว่าขี้เกียจเปลี่ยนแพมเพิส”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ถ้าหมดวาระแล้วหนูจะรับพ่อไปอยู่ด้วยกัน อาป้าก็บ่นคิดถึงพ่อเหมือนกันจะได้อยู่ดูแลกันตอนแก่”
“เขาไปไหนไม่ได้หรอก ขบวนการกู้ชาติกลับมาอีกแล้ว”
“เฮ้อ!...คำสาบานไม่มีความหมายเลยสินะ” มะลิถอนหายใจเหม่อมองไปยอดเขา
“นั่นคือสิ่งที่ฉันลังเล ฉันอยากออกเดินทางบ้างแต่ก็เป็นห่วง”
“เจ้ไม่ต้องกังวลใจขนาดนั้น Youngster จัดการได้ทั้งหมดแหละ”
กระเช้าโดยสารลายธงชาติของ National cultural state ลอยเหนือผืนป่าจากทุกทิศกำลังทยอยขึ้นไปสู่ยอดเขาสูง ผู้โดยสารยิ้มแย้มโบกมือตะโกนทักทายกัน
“ฉันขอความมั่นใจอีกนิดเดียวจะตามไปอยู่ด้วย ฉันอยากรู้ว่า Realm Mavel จะจัดการความคลุมเครือนี้ได้อย่างไร? คนชายแดนขอร้องให้เลิกแล้วต่อกันแยกย้ายไปทำงาน แต่คนกรุงไม่ยอมจะสร้างกำแพงแล้วกั้นชายแดนเหมือนเดิม” เธอขยับตัวเตรียมลง
“ตาขาวขนาดนั้นเลยเหรอคะจะขังตัวเองทำไมคะ?”
“บางทีเจ้ก็ไม่เข้าใจ คนที่อยากทำสงครามกลับหมกตัวอยู่ในเมืองเชียร์ออกสื่อแต่ไม่ออกแรงรบ ไอ้พวกนี้พูดไปพูดมาขอเงินบริจาคซะงั้นเหมือนเจ้คุ้น ๆกับวิธีแบบนี้ว่ะ”
กำแพงภูเขาสูงตระหง่านพื้นลานกว้างขวาง กลุ่มผู้นำต่างทยอยเดินเข้าไปในหอประชุมธรรมชาติ โพลงถ้ำขนาดใหญ่ตกแต่งเป็นห้องประชุมผู้นำเขตวัฒนธรรม ทุกใบหน้ายิ้มแย้มจับมือโอบกอดบรรยากาศอบอวลอบอุ่น
หยกโบ้ยปากไปที่ผู้นำจากเขตวัฒนธรรมเขมรที่ยืนยิ้มรอ
“เห็นหน้าไอ้นี่แล้วปวดขี้ว่ะ!” หน้าเธอคว่ำทันที
“ยิ้มค่ะ ยิ้ม!” มะลิเตือนพี่สาวที่แปลงร่างเป็นยักษ์
สมเด็จอุ้มกะเตงเตโชชัยในชุดขาวยิ้มหล่อเข้ามายื่นดอกหญ้าดักหน้าสองสาว...
“ไม่ได้เจอแต่ก็รู้ว่าเธอเหมือนเดิม คิดถึงนะครับ” หนุ่มเขมรหน้าทะเล้น
“หาถังขยะไม่เจอเหรอคะ? เอามาสิ! เดี๋ยวทิ้งให้” เธอดึงดอกไม้มาขยำใส่กระเป๋า
เขาไม่สะทกสะท้านหันไปมองมะลิ...
“น้องสาวคนนี้ใครเอ่ย...จะไม่แนะนำให้รู้จักกันหน่อยเหรอ?”
หยกหันไปหามะลิ...
“มะลิคะ! นี่ผู้นำเขมร สมเด็จราษฎรอุ้มกะเตงเตโชชัยหรืออีกนามคือ สมเด็จดึงดันถูลู่ถูกัง”
มะลิหันไปโค้งศีรษะ...
“อันยองฮาเซโย ชัล จีแนซซอโย” เธอพูดเกาหลีใส่ซะงั้น
“อื้อ!..โย้! หน้าตาน่ารักดีนะ”
“คัมซามนิดะ” มะลิถอยไปหลบหลังหยก
“คุณหยก! ผมจะตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากความขัดแย้งมาทำด้วยกันมั้ยครับ?”
“สมเด็จจะทำอะไรเหรอคะ?”
“ในนามผู้นำของทั้งสองเขตเรามาตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนและทำสัญญาไม่รุกรานกันดีมั้ยครับ? ในเวลาเร่งด่วนจะได้ตัดสินใจได้ทันท่วงที”
“ตอนนี้ชายแดนของฉันไม่คนอาศัยแล้วและฉันไม่มีอำนาจ” หยกตอบเรียบ ๆ
“ผมหมายถึงให้นำเสนอกับท่านแจ๊ส เราจะได้เป็นตัวอย่างบุกเบิกให้กับภูมิภาคนี้”
“เขาก็ไม่มีอำนาจ”
“เป็นผู้นำต้องใช้อำนาจสิ”
“ใช่ค่ะ! อำนาจของผู้นำคือการกำกับดูแลหน่วยงานต่าง ๆ ให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง ไม่มีอำนาจไปรื้อฟื้นเขตแดนและมรดกโลกที่มีกรณีพิพาทพวกนั้นตกเป็นของกลาง Realm Marvel จะเป็นคนจัดการเอง”
“อย่าเข้าใจผิดสิไม่ได้รื้อฟื้น เราแค่ทำสัญญาประนีประนอนไม่ให้ชาวบ้านทะเลาะกันแค่นั้นเอง”
“แล้วคุณเอาอำนาจอะไรมาทำสัญญา คุณเป็นเจ้าของตั้งแต่เมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้คิดจะแบ่งแยกดินแดนแล้วเหรอ?” หยกไม่อ่อนข้อให้
สมเด็จอุ้มเริ่มหงุดหงิดเมื่อการเจรจาไม่เป็นผล เขาหันมองผู้คนพลุกพล่านรอบกายแล้วแหกปากพูดเสียงดัง...
“คุณอยากได้ปราสาทใช่มั้ยถึงสังเวยด้วยชีวิตของชาวบ้าน!”
“อ้าวปาก!...กองหินโสโครกนั่นน่ะไม่มีใครอยากได้หรอกและฉันก็ไม่ได้สั่งให้ใครไปที่นั่นด้วย” หยกจ้องหน้า
“ชาว้านพูดชื่อคุณบ่อมากเลยนะ ไม่เกี่ยวได้ยังไง?” เขาต้อนหยกอย่างย่ามใจ
“ถ้าคุณเรื่องมากฉันจะให้ Realm Marvel ทุบทิ้งให้หมดเลย”
“ที่นั่นเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณ คุณตั้งใจจะฆ่าชาวบ้านเหรอ?” ทุกคำพูดของสมเด็จอุ้มกะเตงล้วนจุดประเด็น เสียงตะโกนเสียงดังหวังผลจนเป็นจุดสังเกต การเมืองน้ำเน่าในบริบทของทฤษฎีสมคบคิดเคยใช้วิธีตะโกนปั้นเรื่องสำเร็จมาแล้ว
หยกหรี่ตามองสังเกตฝูงชนค่อย ๆ ตีวงล้อมเข้ามาฟัง
“คุณนี่สุดยอดเลยนะสมกับเป็นลูกหลานนักกินเมือง ฉันไม่ทำสัญญาอะไรกับคุณทั้งสิ้น แยกย้ายกันเถอะค่ะ”
“คุณไม่คิดเยียวยาคนเดือดร้อนเลยเหรอครับ? คนชายแดนใช้ชีวิตอย่างลำบากเพราะเชื่อคนอย่างคุณนะ” เขาตะโกนเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน
หยกชี้หน้า...
“อย่าอวดเก่งค่ะ! Realm Marvel มีระบบทำงานอยู่แล้ว ถ้าเราไม่เข้าไปยุ่งปัญหาก็แก้ไขได้เอง แต้ถ้าจะช่วยคุณก็แอบไปช่วยเงียบ ๆ ห้ามขอรับบริจาค สมเพชค่ะ! ขอตัวนะคะ!” เธอหันหลังเดินหนี
“คุณดูถูกเงินบริจาค คุณเพิกเฉยต่อความเดือดร้อน! คุณไม่เห็นคุณค่าของชีวิตชาวบ้านชายแดน” เขาเริ่มหันไปปราศรัยกับคนมุง ทุกการกระทำหวังผลโยนความเข้าใจผิดใส่หยกเต็ม ๆ
หยกยกมือเหนือศีรษะให้ทุกคนหันมองมา...
“หมดสมัยที่จะด้อยคุณค่ามนุษย์ด้วยเศษเงินบริจาคแล้ว มันหมดยุคของฮีโร่ปากดีแต่ไม่มีเงินเที่ยวพูดกดดันตามสื่อให้คนบริจาคแล้วแอบทอนเข้ากระเป๋า กองทุนของ Realm Marvel พร้อมจะชดเชยทุกสิ่งอย่างแค่มันยังไม่ถึงเวลาจัดการเท่านั้นเอง ไอ้ที่ปะทะกันอยู่เดี๋ยวก็รู้ว่าไผ๋เป็นไผ๋ ใครจัดตั้งมา”
“คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง คุณจะใส่ความผมใช่มั้ยหรือว่าคุณอยู่เบื้องหลัง”
หยกหันมาพูดกับน้อง...
“ถ้าเจ้เอารองเท้ามาสองคู่ ข้างหนึ่งต้องอยู่ในปากของมันและอีกข้างเจ้จะเคาะกะโหลกของมัน.”
“ขอทางหน่อยครับ!” ทันใดนั้นเสียงโหวกเหวกแหวกช่องเดินแหกฝูงคนเข้ามา
“หยกเกิดอะไรขึ้น?” แจ๊สเดินโยกซับทรงองค์นารายณ์เข้ามา
“ซัวซะไดท่านแจ๊ส” สมเด็จพนมมือไหว้ประหลก ๆ
“สมเด็จหวัดดี! คุยอะไรกันเสียงดังเชียว” ทรงอย่างแบดมาเลย
“เรื่องเขตแดนครับ เราน่าจะตกลงกันเองได้ไม่ต้องให้ Realm Marvel มายุ่งด้วยหรอก ว่าง ๆ เรามานั่งคุยกันนะครับ”
“เหรอ?” แจ๊สสนใจหันมองตาประกาย
หยกดึงแขนเดินหนี...
“พี่แจ๊สอย่าไปหลงกลมัน”
“แต่ดูเหมือนดีนะจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน พี่ก็แปลกใจทำไมเหตุการณ์นี้กลับมาได้อีก” แจ๊สเป็นห่วงชาวบ้านเห็นคล้อยตาม
“มันเป็นกับดัก” หยกเสียงแข็ง
“ถ้าตกลงกันได้ก็ตกลงกันสิ” แจ๊สยังลังเล
“พี่ไม่มีอำนาจ” หยกเตือนสติ
“ใครบอกมึงว่ากูไม่มีอำนาจ?” แจ๊สหันขวับ
“หนูขอสั่งห้าม!...พี่แจ๊สห้ามไปแตะขี้มันเหม็นติดมือและหนูจะไม่ช่วยล้าง” เธอจ้องกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน
“พ่อแจ๊สขา!...หนูกลับมาแล้ว” มะลิส่งเสียงห้ามทัพ
แจ๊สสะดุ้งสุดตัวหันขวับ สาวน้อยบอบบางอ้าแขนกอด
“มะลิมาได้ยังไงลูก? หนูสบายดีมั้ย? กินข้าวได้หรือเปล่า? เจ้าแมวขาวมันออกลูกเยอะเลย ไอ้ด่างเพื่อนของหนูกลับดาวไปแล้วมันนอนรอหนูตั้งหลายวัน” เขาละล่ำละลักระบายความในใจออกมาพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้ม สองพ่อลูกต่างสายเลือดที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายกอดกันกลม
หยกยิ้มมองลูบหลังปลอบน้อง...
“เขาก็ตั้งชื่อลูกเจ้าขาวว่ามะลิด้วยนะคะ เลี้ยงจนอ้วนอุ้มโอ๋ทั้งวัน”
“อื้ออื้อ!” เขากอดลูกสาวตัวสั่น
“พ่อเลิกกินเหล้าสูบบุหรี่แล้วนะคะ พ่อตกแต่งบ้านสวยไว้ให้หนูด้วย โรงหนังที่บ้านเราก็เปิดให้คนดูได้แล้ว ถ้าเบื่อก็กลับมาเที่ยวนะมีรถไฟแล่นทั้งวันทั้งคืน พ่อคิดถึงหนูมากนะคะ” เขามือสั่นระริกลูบแขนลูกสาว
“หนูกลับไม่ได้แล้วค่ะ หนูต้องช่วยออมม่าลีทำงานวิจัย”
“ฮ้า!..” แจ๊สตกใจตาโตลูบไล้เนื้อตัวของลูกสาว...
“ตัวก็เล็กนิดเดียวใช้งานหนักขนาดนั้นได้ยังไง?”
หยกส่ายหน้าตาขวางมองแจ๊ส...
“อะไรอีกวะ?”
“มันเสี่ยงมากไม่ต้องไปทำแล้ว!” เขาเงยหน้าสะอื้นมองหยกด้วยสายตาเจ็บปวด
“เสี่ยงตรงไหน เป็นอะไรมากมั้ยวะพี่?” หยกหน้ายุ่ง
“ฮือฮือ! เขาใช้งานลูกสาวพ่อหนักขนาดนั้นได้ยังไง พ่อจะไปคุยกับลูกพี่ใหญ่เอง หนูไม่ต้องกลับไปแล้ว ฮือฮือ!” แจ๊สกอดสลับมองหน้าลูกสาวอยู่อย่างนั้นด้วยความเป็นห่วง
“งานวิจัยหนักตรงไหนวะ รั่วใหญ่แล้ว?” หยกคิ้วขมวด
“มึงไม่รู้รึไงว่าต้องขุดดินต้องไปหาแร่ใต้ดิน ไม่ต่างจากกรรมกรเลย?”
หยกมองจิก...
“พี่แจ๊ส! ใครหลอกมึงมาวะ?”
มะลิยิ้มกอดลูบหลังพ่อ...
“หนูไม่ต้องลงไปขุดหรอกค่ะแค่สั่งให้เขาไปหาให้ค่ะ”
“แต่พ่อเคยได้ยินมาว่าหนูทำงานที่ใต้ดิน”
“ใช่ค่ะ! ห้องปฎิบัติการจิ่นผิงอยู่ใต้ดิน พ่อไม่ต้องเป็นห่วงเพราะที่นั่นเหมือนเมืองใต้ดินใหญ่ที่สุดในโลกแล้วค่ะ ออมม่าลีตั้งใจจะพาทุกคนท่องจักรวาลที่นั่นมีสิ่งของที่เธอต้องการค่ะ”
“พอบอกได้มั้ย?” แจ๊สเบาใจลง
“สสารมืดค่ะ”
“อะไรเหรอ?” เขาแหงนมองหยกส่ายหน้า
“สสารมืดคือสสารในจักรวาลที่เรามองไม่เห็นแต่รู้ว่ามีอยู่จริง”
“มีอยู่จริงก็ต้องมองเห็นสิ!” แจ๊สแย้ง
“อากาศที่เราหายใจก็มองไม่เห็นแต่มีอยู่จริง ยากตรงไหนวะพี่?” หยกหยันใส่
“แล้วผีล่ะ?” แจ๊สสู้ตาย
“พี่ว่าผีมีจริงรึไม่จริงล่ะ?”
“กูเชื่อว่ามีจริง แต่ก็ไม่เคยเห็นตัว”
“ความเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้ไม่นับ มะลิคะ! สสารมืดคืออะไรคะ?” หยกสะบัดหน้าหนี
“มันเป็นพลังงานที่ออมม่าลีสันนิฐานว่ามี Wave Warp ข้ามห้วงเวลาของรูหนอนไปตามกาแลกซี่ต่าง ๆ ได้ เป็นการเดินทางไปในห้วงอวกาศด้วยคลื่นต่างความถี่ค่ะ” เด็กสาวตัวน้อยอธิบายดวงตาใสแป๋ว
“มีหนอนด้วยเหรอตัวใหญ่มั้ย?” แจ๊สสนใจตาโต
“ เฮ้อ!..ลูกพูดตั้งเยอะ! เสือกสนใจหนอนซะงั้น กูไม่น่าเสียเวลาอยู่กันแบบนี้เลย” หยกส่ายหน้าระอาใจ
“ดุมั้ย?” แจ๊สขยับสนใจ
หยกเข้ามาดึงมือน้องสาวหนี...
“เชื่อเจ้นะมะลิ! ไม่ต้องอธิบาย...เรื่องนี้ยากเกินกว่าพ่อเธอจะเข้าใจ”
“กูไม่โง่ขนาดนั้น! กูเคยเรียนมาที่ไหนมีหนอนที่นั่นมีแมลงวัน อะโด่!...” เขาค้อนใส่
“แล้วพี่รู้มั้ยว่า หนอนนั่นออกลูกเป็นดวงดาวทุกคืน มันเป็นนางพญา” หยกถามใบหน้านิ่ง
“จริงดิ!” เขาหันไปหามะลิยิ้มแหย
หยกได้ทีแกงต่อ...
“ตอนกลางคืน...พี่เห็นดาวกะพริบมั้ย?”
“อื้อ!”
“นั่นแหละลูกมัน! นางพญาหนอนมันจะออกลูกเป็นดวงดาวแต่ยังไม่มีแสงนะ”
“แล้วมันจะมีแสงตอนไหน?”
“ตอนลอกคราบ ดวงไหนลอกคราบก่อนก็สว่างก่อน ถ้าดวงไหนดื้อก็จะหลุดวงโคจรพุ่งลงมาที่เราเรียกว่า ดาวตกยังไงล่ะ”
“นั่นไง!” แจ๊สตีมือฉาดหัวเราะร่า...
“กูว่าแล้ว...มันต้องมีพ่อแม่ กูเห็นดาวแม่งเยอะขึ้นทุกวัน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” มะลิหัวเราะน้ำตาไหลมองพ่อกับพี่สาว คนโง่แต่จิตใจงดงามย่อมมีคุณค่ามากกว่าคนฉลาดแต่ระยำ
“ขอเชิญทุกท่านเข้าห้องประชุมครับ” เสียงประกาศเตือนดังขัดจังหวะ
“พ่อไปส่งหัวหน้ากลับบ้านก่อน หนูรอพ่อด้วยนะ” ดวงตาของเขาใสปิ๊งขึ้นทันที
“เจ้จะเข้าไปด้วยมั้ย?” มะลิหันชวน
“เรามาคุยกันดีกว่า หัวหน้าคนนี้ฉันไม่เคยเห็นหน้าสักครั้ง แต่คนอย่างพี่แจ๊สซูฮกก็แสดงว่าเขาไม่ธรรมดา”
“บ๊กซูโอ๊ปป้า! คนนี้แหละผู้นำสูงสุดของเดอะแก๊งรุ่น 1 ตำนานที่ยังหนุ่มของเกาหลี” มะลิชื่นชมแสงออกตา
เมื่อทุกคนเดินเข้าไปในโถงถ้ำหมดแล้ว หยกจูงมือน้องมานั่งชิงช้าห้อยขาใต้ร่มไม้ใหญ่ริมหน้าผา
“เขามีเมียหรือยัง?”
“ไม่มีแน่นอนค่ะ! โอ๊ปป้าประกาศไปแล้วว่าจะไม่มีภรรยา แต่เขายินดีที่จะมอบน้ำเชื้อให้กับผู้หญิงทุกคนที่อยากเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว”
“ว้าว! มั่นใจตัวเองมาก มีคนเอาเขามั้ย?”
“เจ้ลองมองไปที่กลุ่มสาว ๆ พวกนั้นสิ หนูสนิทกับบ๊กซูโอ๊ปป้าเห็นภาพแบบนี้บ่อยเดาได้เลยว่ามามอบตัว” มะลิไม่ใส่ใจแหงนหน้าสะบัดผมรับลมที่พัดขึ้นมาจากหุบเหว
ทิวเทือกเขาเขียวรกทึบลดหลั่นสลับซับซ้อนสุดสายตา เสียงนกกากู่ร้องก้องไพรทำให้จิตใจร้อนรุ่มของหยกสงบลง
เธอถอนหายใจยาวไล่ความหนักอกแล้วหันมาเปรยกับน้องสาว...
“เจ้ไม่สบายใจเลย...ช่วงหลังมีข่าวลือแปลก ๆ เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบสอดรับกัน พฤติกรรมของบางกลุ่มก็เปลี่ยนไป แต่พอสมเด็จมาชวนทำกิจกรรมร่วมกัน ฉันเริ่มมองเห็นบางอย่าง”
“แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะคะ?”
“เกิดอำนาจหลายขั้วแล้วก็กลับมาทะเลาะกันเหมือนเดิม”
“Youngster รู้รึยังคะ?”
“พวกเขากำลังสืบอยู่ ฉันก็อยากรู้ว่าจะจัดการได้ยังไงข่าวลือสะพัดไปหมด”
“งั้นก็อย่ากังวลเลย บ้านเป็นมั่งคะยังอยูในป่าที่เดิมรึเปล่าคะ?”
“ย้ายมาอยู่เมืองหลวงกันหมดแล้ว ทุกวันนี้เจ้โคตรมีความสุขเลยเที่ยวไปทำงานไปเข้าอบรมหาความรู้ได้ตามใจชอบสนุกมาก ไม่ต้องดิ้นรนสร้างตัว นักเดินทางก็เข้ามาเที่ยวบ้านเราบ้างแล้วด้วย”
“เจ้ได้จัดการภายในเหมือนเกาหลีมั้ยคะ? สหายคุณลุงพัฒนาหมู่บ้านร้างไว้เป็นที่พักของคนเดินทาง เอาไว้ให้คนแก่ดูแล”
“ทำค่ะ! ให้ป้าแมวกับป้าต้อยเป็นคนดูแล สนุก! เมากับแขกตลอดต้อนรับดุจญาติสนิทให้เกียรติเหมือนผู้เยี่ยมเยือน มีอยู่ครั้งนึง...ดูแลพวกคนป่าแอฟริกาโคตรฮาเลย....ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” หยกหัวเราะดวงตาระยิบระยับ
“ทำไมเหรอคะ?”
“แขกขอโชว์วัฒนธรรมตอบแทนความมีน้ำใจ เขาขอไก่ป้าแมวก็ไปจับมาให้ มะลิเชื่อมั้ยคะ เขาเอาเล็บที่นิ้วชี้ปาดคอไก่แล้วกินสด ๆ ป้าแมวอ้วกเกือบตาย”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!”
“มะลิจำลุงป๊อดเพื่อนพ่อได้ใช่มั้ยคะ?”
“จำได้ ลุงป๊อดใจดี”
“เขาเป็นครูที่ศูนย์แลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมฮากันกระจาย ทุกชาติที่มาเรียนกว่า 70 เปอร์เซ็นถอดใจหนีหมด”
“ทำไมล่ะเจ้...ลุงป๊อดโหดเหรอ เขาใจดีจะตายไป?” มะลิคิ้วขมวด
“ภาษาของเรายากเกินที่จะสื่อสารกันภายใน 3 วัน แค่คำนามก็ตายแล้วเช่น Eat คำเดียวก็พูดได้เป็นสิบแบบ หรือ I คำเดียวก็หลากหลายจนจำไม่ไหว เจอ Eat กับ I ก็ว่ายากแล้วแต่ก็พอทน แต่พอมาเจอการบอกเวลานี่แย่เลย พี่ป๊อดเริ่มสอนให้จำตั้งแต่ 6 โมงเช้า 7โมงเช้า 8 โมงเช้านับไปถึงเที่ยงทุกคนจำได้สบายมาก แต่พอเที่ยงแล้วอะไรต่อคะ” เธอตั้งคำถามหันไปยิ้มถามน้อง
“เที่ยงแล้วก็บ่ายโมงค่ะ”
“แต่พอเจอบ่ายโมง บ่าย 2 โมง บ่าย 3 โมงก็เริ่มเป๋กันแล้ว พอเข็มนาฬิกามาถึงเลข 7 อีกครั้ง นักเรียนขว้างปากกาทิ้งเลย”
“ทำไมล่ะเจ้?”
“กว่าจะจำโมงได้ก็เหนื่อยทั้งครูและนักเรียน พอถึงเลข 7 แทนที่จะเป็น 7 โมงที่พวกเขาท่องกันเกือบตาย กลับเป็น 1 ทุ่ม”
“เหอะ!เหอะ!เหอะ!”
“ยังไม่หมด อดทนกันต่อไปกว่าจะอธิบาย 1ทุ่ม 2 ทุ่มให้เข้าใจก็เหนื่อย พอจะเข้าใจกันได้ก็นับไปต่อ 3 ทุ่ม 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม พอเข็มนาฬิกาวนถึงเลข 1 ทุกคนตอบอย่างมั่นใจว่า บ่ายโมง!”
“แล้วไงคะ?”
“พอพี่ป๊อดเฉลยว่า ตี1 เท่านั้นแหละ นักเรียนหนีไปแดกเหล้าหมดเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ที่เกาหลีก็สนุกมีคอนเสิร์ตทุกวัน เยริมอนนี่เป็นไอดอลฮอตมาก ทุกชาติทุกภาษาไปรวมกันทุกคืนแน่นลานจัตุรัสเลยค่ะ เจ็ไปกับหนูสิ!” มะลิไม่ลดละความตั้งใจ
“อีกนิดเดียวมะลิ อีกนิดเดียวฉันจะไป”
“เจ้ปล่อยวางบ้างเถอะทุกคนต้องปรับตัวเปลี่ยนความคิด หนูเคยฟังออมม่าลีอบรมทีมงาน ท่านบอกว่าสัญาติญาณของคนจะมองหาสถานที่ปลอดภัย เมื่อมีสิ่งเปรียบเทียบที่ดีกว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาค่ะ”
“เธออยู่กับผู้ใหญ่จนเก่งเกินวัยไปไกลเลยนะ ตั่วเจ้เป็นไงบ้าง?” หยกชมแล้วถามถึง พอดี พี่สาวคนโต
“ทำงานหนักมากเดินทางไปกับพี่หล้าตลอด เจ้บอกว่าจะเป็นคนแรกที่บันทึกประวัติศาสตร์โลกใหม่ เธอเริ่มต้นการเขียนว่า หลังจากที่พระอาทิตย์จับขอบฟ้ารุ่งอรุณการกำเนิดโลก”
“มีลูกรึยัง?”
“ตั่วเจ้ยังไม่มีแฟนจะมีลูกได้ไง?”
“เชอะ! ยังปากแข็งสินะ” หยกยักไหล่
“ตั่วเจ้ก็ไปทาง หนูก็ไปทาง ไม่ได้เจอกันเลย หนูคอยต้องติดตามออมม่าลีไปตามศูนย์วิจัย บางทีก็ลงทะเลลึกบางทีก็ไปขั้วโลกเดินทางกันตลอด หนูได้เห็นมนุษย์ต่างดาวแล้วนะคะ”
หยกยิ้มมองน้องด้วยสายตาทึ่ง...
“ตกลงว่า มันมีจริงใช่มั้ย?”
“ค่ะ!”
“มะลิโชคดีมากแล้วได้เป็นลูกสาวสาธารณะมีครอบครัวที่อบอุ่นมีชีวิตที่เพียบพร้อม อย่าดื้อนะคะ ดูแลตอบแทนทุกคนด้วยใจจริงและใช้ชีวิตให้สุดไปเลยนะคะ เรามีชีวิตเดียว”
“หนูอยากให้เจ้ไปเป็นครอบครัวเดียวกันเป็นพี่น้องที่ได้เห็นหน้ากันบ่อย ๆ เหมือนเดิม” มะลิกอดอ้อนพี่สาว
“อีกนิดเดียวค่ะ! เดี๋ยวมะลิจะกลับเกาหลียังไงคะ? เจ้โง่มากไม่ออกไปไหนเลยช่วยพี่แจ๊สทำงานตลอด”
“กลับรถไฟความเร็วสูงค่ะ หนูต้องแวะไปหาหม่าม้าไป๋ที่อู่ฮั่นก่อนเข้าเกาหลี”
“สะดวกสบายเนอะ! ลงภูเขาไปก็นั่งรถไฟกลับเขตเกาหลีได้เลย”
“เจ้ก็อย่าหมกมุ่นมากนักนะ หาแฟนได้แล้วมีลูกเยอะ ๆ ด้วย”
“ไปที่ห้องประชุมดีกว่า ฉันอยากฟังพวกเขาคุยกัน”
“ไปสิ! หนูปวดฉี่ด้วย”
...................................................................
“ผมมาอยู่ที่นี่ด้วยความขอบคุณสุดหัวใจ ขอบคุณต้นไม้ทุกต้นและผีเสื้อแสนสวยที่หน้าบ้าน ขอบคุณน้องหอมที่ช่วยสอนให้พูดภาษาท้องถิ่นได้ ขอบคุณป้าแสงที่เลี้ยงดูด้วยถั่วเน่าแสนอร่อย ขอบคุณพี่อ่องดูแลที่นอนอบอุ่น ขอบคุณพี่น้องไทใหญ่อย่างสุดซึ้งครับ” เสียงของซนบ๊กซูพูดอย่างอ่อนน้อม
“เราก็ขอบคุณหัวหน้าเช่นกัน Youngster เป็นกองหน้าที่นำพาสังคมได้อย่างดี พวกเราถึงฝั่งฝันได้ก็เพราะหัวหน้ากรุณาครับ” ชาวไทใหญ่ป้องปากตะโกนยินดี
เสียงจากห้องประชุมเปิดโล่งงานอำลาไม่ได้เป็นความลับ ผู้คนมากมายแต่งกายในชุดชนเผ่าสารพัดสีสันรายล้อมนอกห้องประชุม โต๊ะเต็มไปด้วยอาหารสารพัดชนิดยาวสุดมุม สองสาวนั่งพิงโซฟาปะปนกับชาวบ้านนั่งมองจอมอนิเตอร์บนผนัง
พิธีกรในชุดชนเผ่าม้งถามนำ...
“หัวหน้ามาที่นี่กี่ปีแล้วครับ?”
“เอ่อ..ประมาณ 5 ปี ผมลาออกจากทหารแล้วมาที่นี่เลย” ซนบ๊กซูนั่งไขว่ห้างตัวตรง
“หัวหน้าอดทนอยู่กับเราด้วยความรู้สึกยังไง ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่บ้านของตัวเองและพูดภาษาไม่ได้ แต่หัวหน้าก็กลมกลืนเข้ากับชาวบ้านได้อย่างเนียน” พิธีกรชวนคุยไปเรื่อย
หยกมองจอภาพดวงตาประกาย...
“หล่อนี่หว่า! หนุ่มเกาหลีตาหยีซะด้วย หุ่นบึ้กมาก”
“มีอีกตรึม! เจ้ไปกับหนูสิ เพื่อน ๆ ของบ๊กซูโอปป้าหล่อทุกตัว”
“เงียบก่อนขอฟังหน่อย” หยกยกมือเบรก
“ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง!...ตอนที่ผมอายุ 16 ได้เจอกับผู้ชายแปลกหน้ามาชวนให้เป็นล่ามแปลภาษาเกาหลีเป็นภาษาจีนเพื่อสอนให้เขาสื่อสารกับคนเกาหลี ในตอนแรกผมก็ไม่มั่นใจแต่ในตอนนั้นเกาหลีมืดมนมากทุกอย่างพังทลายไม่มีทางเลือก...”
“ช่วงนั้นก็เละกันหมดแหละลูกพี่!” หยกแซว
“ตอนนั้นผมแค่อยากได้มอเตอร์ไซด์ ผมคิดแค่นั้น”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!”
“ในความเหนื่อยยากและมืดมนนั้น ผมเห็นตัวแทนของความเชื่อใจเชิดหน้าท้าทาย เขาทุ่มเทให้กับเด็กที่อนาคตมืดบอดได้มีไฟแห่งความหวัง เขาทำให้เด็กด้อยโอกาสได้สัมผัสความฝัน เขาทำให้กุหลาบดินเบ่งบานบนพื้นดินที่หนาวเหน็บ เขาพยายามมองหาว่าความสุขของคนเกาหลีอยู่ตรงไหนและทำอย่างไรให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง เขาให้...เพื่อพวกเราได้มีชีวิตในแบบของตัวเอง” ซนบ๊กซูยิ้มตาลอยเมื่อเอ่ยถึงใครบางคน
พิธีกรขยับถามต่อ...
“ดูท่าทางหัวหน้าชื่นชมเขามากเลยนะครับ นายพลเก้อเฉิงใช่มั้ย?”
เขาส่ายหน้าอมยิ้ม
“ท่านห้ามเรื่องนี้เด็ดขาด แต่ผมบอกบางอย่างได้”
“ยิ่งอยากรู้นะครับเนี่ย”
“บอกเลยสิผมลุ้นอยู่” กลุ่มผู้นำตะโกนสวนมา
“ผืนแผ่นดินนี้เคยเป็นบ้านเกิดของเขา ผู้ชายอันเป็นที่รักยิ่งของผมเกิดที่ดินแดนแห่งนี้” ซนบ๊กซูชี้นิ้วลงพื้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชมบูชา
“ผู้นำที่พากองทัพมดบดขยี้พญามังกรจนแหลกลาญเคยเดินเล่นอยู่ที่นี่ ผมอยากตอบแทนในสิ่งที่เคยได้รับจากผู้มาเยือนในยามลำบาก สิ่งที่ผมเคยอบรมทุกท่านล้วนมาจากคำสอนที่เขาทุ่มเท ผมติดหนี้ที่ต้องชดใช้ให้กับชนชาติไทใหญ่อีกหลายคนที่เคยช่วยพวกเราในวันนั้น ผมอดทนอยู่กับความเหงาได้เพราะสิ่งนี้”
“หัวหน้าทำสำเร็จแล้วครับ พวกเราได้รับสิ่งนั้นแล้วเช่นกัน” เสียงตะโกนสวนขึ้นมา
“เราสัญญาว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง”
“หัวน้าจะไปที่ไหนต่อครับ เผื่อพวกเราคิดถึงจะได้ไปเยี่ยม” พิธีกรถามต่อ
“เมื่อทุกคนดูแลตัวเองได้แล้ว ผมจะไปเฝ้าหุบเขาแห่งความจริง ดูแล God mum ครับ”
หยกยิ้มกว้างดวงตาประกายสายตาหื่น หันเกาะแขนของมะลิเขย่าร้อนรน...
“ถามให้หน่อย ๆ ไปถามเขาให้ที” เธอชี้ไปที่บ๊กซูบนจอ
“อะไรเหรอเจ้?”
หยกหมั่นเขี้ยวกัดนิ้ว...
“ถ้าเอาแบบไม่ท้อง เขารับมั้ย?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้ทะลึ่ง”
เวลาย่อมเลยผ่านหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปสู่อนาคต แต่มนุษย์ที่เกิดก่อนพยายามจะหยุดเวลาไว้ เพื่อให้ตนและพรรคพวกได้ครองอำนาจ ไม่อนุญาตให้เด็กรุ่นใหม่แก้ไขกติกาให้เหมาะสมกับยุคสมัย ไม่ยุติธรรมเลยที่เด็กพึ่งเกิดกลับโดนจองจำด้วยน้ำหมึกที่ผู้ใหญ่ตรากดหัวไว้
................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,906 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,022 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |