หมวดหมู่ | the last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 14 ต.ค. 2568 |
National cultural state อะบอริจิ้น
The Realm Mavel Defense Force ค่ายทหารอวกาศและทางทะเล Point Nemo เมืองดาวิน ทวีปออสเตรเลีย กองกำลังดูแลสันติภาพโลกในนาม The Cleaning service
เรือขนาดใหญ่บรรทุกรถยิงขีปนาวุธถูกดัดแปลงเป็นเรือประมง อุปกรณ์ยิงต่อต้านทางอากาศรวมทั้งอาวุธหลายชนิดโดนปลดเกษียณปรับเปลี่ยนเป็นเรื่องมือเกษตรกรรม เรือบรรทุกเครื่องบินโดนปรับแต่งเป็นสวนสนุกลอยน้ำเป็นเรือสำราญลำมหึมา ยานพาหนะบรรทุกหนักหลายชนิดไปแล่นอยู่กลางร่องสวนท้องนาท้องไร่
ภายในห้องโถงบนสำนักงานของ The Cleaning service กลุ่มนายทหารนั่งพักบนชุดโซฟากลางห้อง จิบกาแฟอ่านวารสารเล่นโทรศัพท์สบาย ๆ ซอนคุยโทรศัพท์นั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ในห้องทำงาน
“ก๊อก!ก๊อก!” นายทหารเรือหนุ่มใบหน้าขาวรูปไข่จมูกคมสันคิ้วเข้มตัวสูงใหญ่ยืนรอ
“เชิญครับ!”
นายทหารรูปหล่อเดินยืดอกตัวตรงเข้ามายืนข้างหน้าโต๊ะ...
“ชุงซอง!! ลี!ซุก!อึน!”
“ชุงซอง!” ซอนแหงนหน้ามองแล้วพยักหน้าอนุญาตให้พูด
“บอสครับ! ผมมาบอกลา” เขายืดอกรายงานเสียงดัง
“สหายบอกลา นาชินพัลจังหรือยัง?”
“ลาแล้วครับ เขานั่งอยู่ข้างนอกครับ”
“สหายจะไม่เปลี่ยนใจแน่นะ ไปในที่ไม่มีคนรู้จักและไม่มีอำนาจ” ซอนจ้องหน้าเขม็ง
“บอสก็ใกล้ถึงเวลาที่จะต้องวางมือแล้วนี่ครับ ผมเห็นสัญญาณPoint of no return ที่ทุกคนรอคอยแล้ว”
“ถึงเวลาที่สหายจะได้พักด้วยเช่นกัน พวกเราเหน็ดเหนื่อยกันมามากแล้ว”
“เดอะแก๊งทั้ง 15 รุ่นได้กระจายฝังตัวไปในสังคมทั่วโลก พวกเขาได้ประกาศให้ทุกคนรู้จักชนชาติเกาหลี ทหารคือความฝันที่ผมแตะได้แล้วเป้าหมายต่อไปคือ การให้โอกาสครับ” เขายืดอกยืนตรง
ซอนมองด้วยสายตาชื่นชมและเสียดาย…
“สหายเรียนจบมาด้วยคะแนนสูงสุดและได้เป็นผู้การเรือที่อายุน้อยที่สุดเป็นความภาคภูมิใจขององค์กร ผมหวังว่าชีวิตต่อไปของสหายจะเต็มไปด้วยความสมหวัง ไม่เสียดายแน่นะ?”
“เรือของผมได้มอบให้ฝ่ายพัฒนาสังคมเอาไปทำเรือสำราญแล้วครับ เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ให้หน่วยสำรวจใต้ทะเลไปหมดแล้ว พลูโตเนียมก็เอาไปใส่เตาปฎิกรสร้างกระแสไฟฟ้าหมดแล้ว เหลือไว้ให้ทหารอวกาศที่ไปเฝ้าขอบฟ้าไม่มาก ไม่มีอะไรให้ทหารเฝ้าระวังอีกแล้วครับ”
ยิ่งเวลาเดินเข้าใกล้ Point of no return สัญลักษณ์ของอำนาจโลกเดิมก็ถูกทำลายลงไปเรื่อย ๆ
ซอนลุกเดินอ้อมโต๊ะไปตบไหล่...
“สหายเป็นผู้ใหญ่ที่ก้าวข้ามความฝันได้แล้ว ถ้าสหายตัดสินใจอย่างนั้นก็ยินดีด้วย จงรักษาความตั้งใจให้เหมือนกับที่เคยตั้งใจไปจับเรือบรรทุกเครื่องบินฝูเจี้ยนด้วยนะ นินจาเซมเคยบอกว่าหัวใจของผู้ให้จะชนะความเห็นแก่ตัวและผู้ให้ย่อมได้รับความไว้วางใจ”
“เย่!” นายทหารรูปหล่อยืดอกตั้ง
ซอนดึงนายทหารมากอดแล้วลูบหลัง...
“ผมภูมิใจในตัวสหาย จงรักษาสัญญา รักษาสุขภาพ รักษาครอบครัว ซื่อสัตย์กับตัวเอง ทำในสิ่งที่อยากทำให้เต็มที่เมื่อเวลาผ่านไปจะได้ไม่เสียใจภายหลัง”
“คัมซามนิดะ”
“สหายตัดสินใจไปที่ไหน?” ซอนถอยออกมา
“ทะเลทรายอาดากามา เปรูครับ”
“โอ้โห! ที่นั่นตรงกันข้ามสุดขั้วกับเกาหลีเลยนะ ร้อนตายชัก!”
“เพราะมันแตกต่างน่ะแหละครับ ผมถึงอยากไป”
“สหายจะไปทำไม?”
“ชวนพวกเขาออกมาอยู่กับสังคมเมืองและช่วยชีวิตสัตว์ป่า”
“เขาไม่มาหรอก” ซอนส่ายหัว
“บางครั้งเราก็จำเป็นต้องทำลายวัฒนธรรมเก่าเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้กับลูกหลานรุ่นต่อไปของพวกเขา”
ซอนขมวดคิ้วมอง...
“เท่ากับทำลายวิถีกันเลยนะสหาย ถ้าพวกเขาเลือกแบบนั้นก็ปล่อยเขาเหอะ!”
“ผมว่า เขาไม่มีโอกาสมากกว่า”
“แต่พวกเขาก็อยู่กันได้”
“จะทนลำบากไปทำไม พวกเราอุตส่าห์ทำบ้านเมืองให้อยู่สบายแล้วจะทนทรมานไปอีกทำไม มีประเพณีอะไรก็เอามาทำในเมืองก็ได้ไม่ต้องยึดติดสถานที่นี่นา คนอื่นจะได้เรียนรู้ด้วยและพวกเขาจะได้ไม่เป็นสิ่งแปลกปลอม”
“แต่กลางทะเลทรายที่นั่นเป็นบ้านเกิดของบรรพชนเชียวนา ไม่มีใครเชื่อสหายหรอก” ซอนยังคงให้เหตุผลอย่างใจเย็น
“ซาจังนีมเคยสอนไว้ว่า คนจะแตกต่างกันที่ประสบการณ์ ถ้าประสบการณ์ไปไม่ถึงก็ยากที่จะจินตนาการภาพ”
“อื้อ! ผมจำได้แล้วยังไง?”
“พวกเขาไม่มีต้นทุนความคิดถึงดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ เขาจินตนาการไม่ออก ผมจะเอารถแห่กับเหล้าเข้าไปสร้างประสบการณ์ เอารถบ้านติดแอร์ฉ่ำ ๆ เข้าไปให้พวกเขานอน เอารถดับเพลิงบรรทุกน้ำเข้าไปทำสระให้เล่นน้ำแล้วก็ชวนมานั่งรถเล่น ไม่เกิน 3 เดือนเซมเชื่อผมเห้อ!... ไฮยีน่าแย่งที่นอนไปแล้ว” เจ้าตัวแสบยิ้มสยอง
ซอนอมยิ้มส่ายหน้า...
“อย่าลืมนะว่าชีวิตเลือกได้ ถ้ามันเกินจะรับไหวก็อย่าฝืน สหายต้องดูแลสุขภาพให้ดี สหายคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจเดินทางในช่วงที่ร่างกายแข็งแรงที่สุด โลกที่แตกต่างสร้างความตื่นตะลึงแปลกใจในทุกบริบท สหายจงซึมซับกับมันและขอให้โชคดี”
“ผมพร้อมมากครับ!...” เขาขยับเสื้อเตรียมจะโม้ต่อ
“อะป้าสบายดีไหม?” ซอนเปลี่ยนช่อง
“สบายดีครับ! ยังแข็งแรงดี ตอนนี้ออกเรือหาปลาเหมือนเดิม ผมพาสาว ๆ ไปให้เลือกหลายคนแล้ว ท่านก็บอกว่าขออยู่คนเดียวไม่อยากมีใครอีก ท่านยังรักและคิดถึงออมม่าที่จากไปครับ” เขายิ้มตาลอยเมื่อพูดถึงลีจองซุกนายทหารเพื่อนร่วมรบของซอน
“บอกเขาด้วยว่า ผมคิดถึง! ” ซอนยิ้มตาประกาย
นายทหารหนุ่มหน้าบาน...
“ท่านก็บ่นคิดถึงทุกคนด้วยนะครับ ผมผิดเองแหละ! ไม่น่าบังคับให้ท่านลาออกจากทหารเลย ท่านคงเหงาออกแต่ทะเลทุกวัน” เสียงของเขาแผ่วลง
“แล้วสหายไปบังคับเขาทำไม?”
“เรามีกันแค่ 2 คนพ่อลูกเป็นทหารทั้งคู่เสี่ยงเกินไป ผมพิจารณาแล้วว่า ผมเก่งกว่าเลยให้เขาออกครับ” เขามั่นหน้ามั่นใจพูดไม่สะดุด
ซอนขำไอ้เด็กขี้โม้แม้เวลาผ่านจนโตเป็นหนุ่มก็ยังคงมั่นใจในตัวเองและอวดเก่งเหมือนเดิม
“หึ!หึ! เป็นห่วงอะป้าแต่สหายก็กำลังจะหนีไปไกลโพ้น เอ่อ! ไปบอกให้เขาลงสมัครเลือกตั้งประธานจังหวัดด้วยนะ อีกไม่นานก็ใกล้จะครบวาระต้องเลือกตั้งแล้ว”
“ดีเหมือนกันท่านจะได้อยู่บ้าน ผมจะกลับไปบอกให้ครับ”
“ปีนี้! สหายอายุเท่าไหร่แล้วล่ะผู้การ?”
“23 ครับ!” เจ้าเด็กดื้อโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง
“หาเมียได้แล้วนะ! เราต้องการเพิ่มประชากรสหายต้องมีลูกหลาย ๆ คนนะ ไปได้แล้ว!” ซอนโบกมือไล่
“เย่!” ลีซุกอึนยืดอกทำความเคารพแล้วเดินจากไป
ซอนยิ้มสายตาชื่นชมมองตามหลังชายหนุ่มจนลับตา จากเด็กน้อยร่างผอมเกร็งในชุดเดอะแก๊งตัวหลวมโคร่ง เติบโตอย่างดีร่างกายสูงใหญ่ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ด้วยจิตใจที่แน่วแน่เขาได้เป็นนายทหารอย่างที่ตั้งใจ
“ไอ้นี่ความคิดน่ากลัวจริง ๆ” เขายกนาฬิกาขึ้นดูแล้วร้องเรียกทหารกลางห้อง...
“โนยุนซอ!”
“เย่!” นายทหารกระเด้งวิ่งเข้ามา
“ดูถ่ายทอดสดกันดีกว่า”
“ย่าห์! เปิดทีวีหน่อย” เขาหันไปสั่งการกลุ่มทหารวางสิ่งของบนมือเดินเข้ามามุงดูทีวีพร้อมหน้ากัน
“ยุนซอ! เจอบ๊กซูพัลจังบ้างมั้ย?”
“อยู่ที่ซินเจียงครับ! น่าจะเป็นเพราะงานนี้ด้วยเพราะผู้ต้องสงสัยเป็นลูกศิษย์ของเขาครับ” โนยุนซอยืดอก
“สหายจะไปเป็นครูฝึก Youngster ด้วยใช่มั้ย?”
“เย่! ผมตั้งใจอย่างนั้นครับ ผมจะลองไปใช้ชีวิตที่ซินเจียงบ้าง”
“สาวสวยมากเลย ตาคมผมยาวหุ่นเพรียว สหายลองดูสิเผื่อเจอคนถูกใจ”
“ผมมีคนที่ชอบแล้วครับ” เขายิ้มอาย
“ใคร?”
“อาย... ไม่บอกหรอก” ทหารหนุ่มอายม้วน
“เซคยองครับบอส!” จินยองตะโกนแทรก
ยุนซอกระโดดไปปิดปากเพื่อน...
“ไม่เอาอย่าบอก เซคยองไม่รู้เรื่องนี้”
“จินยองไปด้วยมั้ย?” ซอนหันไปถามน้องผู้โชคร้ายสูญเสียครอบครัวในวันสิ้นโลก
“ผมมีลูกเล็ก 3 คนตั้งใจจะให้เวลาทั้งหมดกับลูกและภรรยา ปลดทหารแล้วจะกลับไปทำงานไฟฟ้าใกล้บ้านจะตั้งใจสร้างตระกูลขึ้นมาใหม่ครับ”
“นาชินพัลจังล่ะจะทำอะไร?” ซอนถามหัวหน้าค่าย
“ผมจะไปทำงานวิศวกรรมครับ ผมได้ไปช่วยทาจิกิสถานทำทางรถไฟ ผมรู้เลยว่าได้เจอกับสิ่งที่ชอบแล้ว ผมชอบสร้างทางรถไฟครับได้บุกเบิกสถานที่ใหม่ ๆ ”
“เป้าหมายเรียบง่ายก็สร้างความสุขได้ สหายไม่ต้องดิ้นรนหาเงินแค่หาอาหารกินคงไม่ยากเกินไป จินยองดูแลครอบครัวให้ดีสหายไม่ได้ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวคนเดียวแล้ว ยินดีด้วย!”
“มาแล้ว!...”
ภาพมุมมองสายตานกจากโดรนบินโฉบเฉี่ยวไปบนท้องฟ้าสวยทะเลสาบน้ำใส ทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะเขียวขจีของเขตวัฒนธรรมแห่งชาติซินเจียง แก๊งมอเตอร์ไซด์ของ Youngster แล่นบนเส้นทางสายไหมเป็นขบวนมุ่งหน้าสู่เทือกเขาฮินดูกูชปราการธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของทวีปเอเชียยึดโยงเอเชียตะวันออกกับเอเชียกลางไว้คนละฟาก ยอดขุนเขาสูงระฟ้าตระการตาปกคลุมไปด้วยหิมะสลับหุบเหวลึก
โดรนบินพุ่งลอดช่องเขาผ่านซุ้มประตูเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แผ่นป้ายต้อนรับแกะสลักบนผนังหิน
“เรามีชีวิตเพื่อเป็นที่พึ่งของชีวิต”
โดรนลดเพดานบินเรียดไปตามขั้นบันไดไต่ขึ้นบนลานหินพุ่งตรงเข้าหาหน้าผาหินภูเขาไฟสูงใหญ่เสียดฟ้า กล้องซูมตัวอักษรจารึกบนแผ่นหน้าผาตระการตา
GOD MUM
ชายหนุ่มกำลังเดินเดียวดายบนลานหินมุ่งไปสู่หน้าผา อีกคนยืนโดดเดี่ยวบนลานยกระดับริมหน้าผามองเห็นเหลือตัวเท่าเข็ม
“นั่น!บ๊กซูนี่นา” ซอนทักก่อนที่กล้องจะซูมลงไปที่ใบหน้าเหลี่ยมทรงผมสกินเฮดยืนใบหน้านิ่งมองผู้นำก้าวเดินขึ้นบันไดมาด้านบน
“สมเด็จ! ผมเชื่อใจท่านมาตลอดและตอนนี้ผมยังมั่นคงในความเชื่อนั้น” ซนบ๊กซูพูดเบา ๆ แต่เสียงนั้นก้องดังกังวาลไปทั้งหุบเขาแห่งความจริง
“ผมก็ยังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง”
“พิสูจน์ความจริงให้ทุกคนประจักษ์ว่า ศักดิ์ศรีของท่านมีค่ามากกว่าคำกล่าวหาเหล่านั้น”
“หัวหน้าครับ! ไอ้แสงสุรีย์มันใส่ร้าย ให้ความเป็นธรรมกับผมด้วย พวกมันโดนผมจับได้เรื่องคอรัปชั่นเลยปั้นเรื่องเบี่ยงเบนเพื่อกำจัดผม”
พัคจินยองหันมาถามซอน...
“บอสครับ! คดีอย่างนี้จะไม่สอบสวนก่อนเหรอครับ?”
“เดี๋ยวเขาจะพูดความจริงที่ซ่อนไว้ในใจเอง ดูต่อเถอะ!”
ซนบ๊กซูใบหน้าเครียด...
“ไม่ต้องกลัว! ความผิดไม่ได้เกิดจากการกล่าวหาหรอก ยืดอกเดินหน้าบอกให้โลกหายสงสัยในตัวของท่าน”
สมเด็จอุ้มกะเตงหันหลังกลับเชิดหน้าพูดใส่ลานกว้างที่ว่างเปล่าอย่างทรนง...
“การตะคอกด่าผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองสูงส่งนั้นขี้ขลาด การกล่าวหาเลื่อนลอยนั้นหน้าตัวเมียสมควรหมดไปจากยุคสมัย ลูกผู้ชายไม่เล่นใต้โต๊ะไม่แทงข้างหลัง วิธีการสกปรกแบบนี้มีแต่คนเลวเท่านั้นที่หาทำ ความจริงเท่านั้นที่จะพิสูจน์จิตใจของคน...”
“เขาก็ยึดมั่นนี่นา ถ้าโดนใส่ร้ายก็น่าเสียดาย” จินยองแหงนมองคล้อยตาม
“God mum เคยปฐมนิเทศน์ไว้ในที่นี่ว่า สัญชาติญาณของมนุษย์คือเอาการตัวรอดไม่ใช่กอบโกยทุกคนแค่ได้เกิดมาแล้วก็ผ่านไป สิ่งที่มนุษย์สมควรจะมีไม่ใช่ทรัพย์สมบัติ แต่มันคือความสุขทางใจในการได้ใช้ชีวิตได้ท่องเที่ยวในดินแดนที่แปลกตาได้ทำในสิ่งที่ชอบได้เรียนรู้กับความหลากหลายของมวลมนุษย์ด้วยกัน”
เขายืดอกมั่นใจแล้วหันหลังกลับ เดินไปเอื้อมแตะสัญลักษณ์รูปมือบนผนังหน้าผา
เสียงต้อนรับดังขึ้น...
“ด้วยความเคารพสมเด็จอุ้มกะเตงเตโชชัย ท่านคือผู้นำที่ Realm marvel ภาคภูมิใจ ท่านเป็นผู้นำที่ได้รับฉันทามติจากมวลชนให้เป็นที่พึ่งของคนเดินดินเป็นความหวังของชนชาติ วิญญาณบรรพชนขอขอบคุณและซาบซึ้งใจในความทุ่มเทเสียสละ ขอให้คุณงามความดีนี้จงดลบันดาลให้สิ่งที่ท่านหวังเป็นอย่างใจคิด” น้ำเสียงของผู้หญิงให้เกียรติและเทิดทูน
“ครืด!...”
ผนังหน้าผาด้านบนแยกเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กแล้วพลิกตั้งตรงก่อนจะเสียบลงไปในแผ่นหิน เผยให้เห็นรายชื่อละเอียดยิบบนผนังสีขาวกว้างใหญ่
“ครืด!” ผนังหน้าผาด้านหน้าขยับเลื่อน สมเด็จอุ้มกะเตงก้าวเดินยืดอกเข้าไปด้านในอย่างไม่สะทกสะท้าน
“โฮะ! ออม่อ!” ทหารเกาหลีหน้าจอตื่นเต้นตาโต
“ตื่นเต้นว่ะ! ตอนสาบานตนรับตำแหน่งประตูนี้ไม่เปิดนี่นา” พัคจินยองลุ้น
“ผมปวดเยี่ยวยังไม่กล้าลุกไปเลย อยากรู้วาจะเป็นยังไง” ยุนซอใจจดใจจ่อกับภาพตรงหน้า
“ออกมาแล้ว”
ภาพซูมลงไปที่ใบหน้าสลดหม่นหมอง ดวงตาเหม่อลอยภายใต้แว่นสายตาหนาเตอะ จมูกเชิดรั้นปากห้อยสั่นระริก
เสียงผู้หญิงจากกำแพงผนังดังขึ้น....
“พวกเรายึดมั่นในคำสาบาน แม้จะไม่มีลายลักษณ์อักษรแต่เราก็เชื่อในความเป็นมนุษย์ของท่าน สมเด็จอุ้มกะเตงเตโชชัยจงพูดความจริงด้วยเกียรติเพื่อความภาคภูมิใจแห่งชนชาติ สังคมจะช่วยเป็นพยานให้กับการกระทำที่เสียสละของท่าน”
เขาสูดลมหายใจลึกแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด...
“God mum!! ผมคิดทรยศต่อคำสาบาน พวกเราฝันใหญ่อยากแยกดินแดนมาปกครองเอง จึงได้สร้างสถานการณ์ความชุลมุนนี้ขึ้นมาเพื่อหวังผลในการเปลี่ยนแปลง”
“อ้าว! เลวนี่หว่า” ทหารทั้งห้องเห็นไปในทางเดียวกัน
“ไอ้พวกนี้นอกจากเป็นนักการเมืองแล้วยังเป็นนักแสดงด้วย” ยุนซอเบ้ปาก
“เพื่อผดุงความศักดิ์สิทธ์ของคำสาบานต่อบรรพชนโลก ผมขอยอมรับผิดและยินดีมอบรายชื่อผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหมด จงไปเอาไฟล์คลิปที่ห้องทำงานของผมมาเปิดเผย ส่วนเรื่องของแสงสุรีย์ผู้นำของเขตวัฒนธรรมแห่งชาติลาวถูกกุขึ้นมาเพื่อทำลายความชอบธรรม เรื่องคอรัปชั่นของ Youngster ก็เช่นกันเป็นฝีมือของพวกเราทั้งสิ้น...”
“ขุดรากถอนโคนโดนทั้งแก๊ง ความคิดดีเท่านั้นจะปกป้องและเชิดชูพวกเขา พวกเราถึงเวลานับถอยหลังแล้ว” ซอนเปรยเบา ๆ
“Rrrrrrr!!” เขามองโทรศัพท์แล้วเดินกลับเข้าห้อง
“ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้วกลับเกาหลีเมื่อไหร่คะ?” ไป่ไป๋ส่งเสียงหวานมา
“เดี๋ยวก็กลับ มีอะไร?” ซอนเสียงเข้ม
“มารับหนูกลับด้วย มาอยู่ด้วยกันก่อนจะได้กลับเกาหลีพร้อมกันมีคนอยากเจอคุณมากด้วย”
“โอ้โฮฮองเฮา! ผมไปจากออสเตรเลียถึงเกาหลีก่อนอู่ฮั่นนะโว้ย”
“ตอนนี้หนูมาที่มินดาเนา ฟิลิปปินส์”
“ผมก็เพิ่งจะมากบรูไน คุณไปทำอะไร?”
“หนูมาดูออดิชั่นกับซอลลี่”
“ก็ได้! เจ้าแทนอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“ซินเจียง!”
“นาตาลีจะกลับเมื่อไหร่?”
“เดือนหน้าค่ะ! ตอนนี้คุณดูทีวีอยู่หรือเปล่า เราได้เยี่ยงอย่างของสังคมแล้วนะ”
“ดูอยู่! เสร็จงานสักที เรารอตัวนี้มาตลอด” ซอนอมยิ้มโล่งใจ
“มารับหนูเลยนะ จะรอที่สนามบินเซ็นทรัลมินดาเนาให้เวลา 4 ชั่วโมง”
“ได้เดี๋ยวจัดให้” ซอนเดินออกจากห้องไปหาทหารหน้าจอทีวี
สมเด็จอุ้มกะเตงเตโชชัยยืนสงบนิ่งริมหน้าผา ก้มมองสายธารในหุบหลืบด้านล่าง
เขาสั่งทหาร...
“ผมไปก่อนนะ สหายไม่มีอะไรต้องซีเรียสแล้วอยากกลับบ้านเมื่อไหร่ก็กลับได้เลย คนสุดท้ายที่ไปจากที่นี่อย่าลืมกดระเบิดทำลายปากบ่อปิดตายอาวุธไว้ใต้ดินด้วย นาชินดูแลด้วยนะ”
“เย่!”
“Rrrrrr!” เขายิ้มรับโทรศัพท์แล้วเดินออกมานอกอาคาร
“สหายอุงอิลเป็นยังไงบ้าง?”
“บอสครับช่วยผมด้วย” เสียงอุงอิลร้อนใจ
“เกิดอะไรขึ้น?” ซอนหยุดเดิน
“ฮี๊!....” เสียงม้าพยศร้องสวนเข้ามา
“อันเกร้องทั้งคืนเลยตอนนี้ก็ยังไม่หยุดร้องเลยครับ วิ่งจนคอกจะแตกแล้วไม่รู้ว่าเป็นอะไร?” อุงอิลเสียงสั่น
“ป่วยหรือเปล่าสหายดูดี ๆ อันเกแก่แล้วนะ”
“หมอพึ่งกลับไปครับ บอกว่าแข็งแรงดีไม่เป็นอะไรเลย”
“ตอนนี้สหายอยู่ที่คอกมั้ย?”
“ครับ! อันเกยกขาพยศอยู่ข้าง ๆ นี่แหละ น้ำหญ้าก็ไม่แตะเลย”
“เข้าใกล้ได้มั้ย?”
“ได้ครับ! ถ้าผมแตะตัวเขาก็จะหยุด แต่พอผมถอยหลังก็วิ่งพยศ”
“อยากเที่ยวล่ะมั้ง?”
“ผมปล่อยแล้วก็ไม่ไปไหน วิ่งวนรอบบ้านร้องทั้งคืนเลยฮัลมอนี่นอนไม่ได้เลย”
“ผมรู้แล้วว่าเป็นอะไร สหายขึ้นขี่หลังสิ”
“เย่!”
“เป็นไงมั่ง?”
“นิ่งเลย กินน้ำแล้วครับ”
ซอนอมยิ้มดวงตาประกาย...
“ถึงเวลาของสหายแล้ว อันเกคงเตือนให้สหายลงรับเลือกตั้งผู้นำเกาหลีต่อจากสหายโก สหายต้องถือดาบอาญาสิทธิ์นำพาพี่น้องสู่ยุคสมัยรุ่งเรือง สหายจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เราสองคนเท่านั้นที่รับรู้ เวฮัลมอนี่คงมองพวกเราอยู่บนสวรรค์ ถึงเวลาที่สหายจะเป็นผู้ปกครองเกาหลีแล้ว”
“เย่!” ไม่มีอิดเอื้อนยึกยัก
พวกเขารู้ดีว่าเป้าหมายคืออะไรและต้องทำอะไร อดีตเดอะแก๊งยังคงพุ่งเข้าหาเป้าหมายที่เปลี่ยนไปตามวัย
“ตื้ด!ตื้ด!” เสียงโทรศัพท์ทุกเครื่องร้องเตือน
“Judgement” ตัวอักษรกระพริบบนจอ ถึงเวลาที่ทุกคนต้องตัดสินใจ
ปุ่มสีแดงกับสีเขียวกะพริบพร้อมกับตัวเลือก
“Dead or alive”
ความยุติธรรมที่โปร่งใสโหวตจากเสียงมหาชนผ่านระบบในบัตร Whole life card จะเป็นตัวชี้ชะตากรรม หลังจากผู้นำสารภาพความผิดแล้ว มหาชนจะเป็นคนกำหนดโทษของผู้ที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตจนลืมคำสาบาน
ซอนยกโทรศัพท์ขึ้นมามองจอภาพแล้วยิ้มมุมปากก่อนจะจิ้มนิ้วลงไป...
“นักบินฮันยูริม”
“เย่! ฮัน!ยู!ริม!”
“เอาเครื่อง SR-71 ออกมา เราจะไปฟิลิปปินส์กัน”
“เย่!”
เมื่อมีตัวอย่างชั้นเลวเกิดขึ้นในสังคม ถ้าประชาชนใส่ใจและตระหนักถึงผลร้ายที่ตามก็ไม่ควรมองข้ามหรือหรี่ตาลงข้างหนึ่ง ผู้กระทำผิดไม่สมควรได้รับการยกเว้นจาก ชาติกำเนิด ยศ ฐานะ ผิดก็คือผิด ต้องรับผิดและลดบทบาท ไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ชี้นำสังคม
สงครามเชื้อชาติเกิดขึ้นทั่วโลกและเหยื่อของสงครามประเภทนี้จะคือเพื่อนร่วมชาติที่โดนกระตุ้นให้เกลียดชัง ทั้ง ๆ ที่ทุกคนต่างก็รู้ว่า คนที่ก่อสงครามเป็นใครและต้องการอะไร แต่ไม่มีคนจัดการอย่างจริงจังและเบี่ยงเบนไปประเด็นอื่นจนแก้ปัญาไม่ถูกจุด ผลข้างเคียงกระทบกระเทือนไปทั้งแผ่นดิน แต่ผู้ก่อการกลับไม่ต้องเสี่ยงตายและแอบเจรจากัน เมื่อผลประโยชน์ลงตัวก็ทิ้งให้ประชาชนผู้รักชาติตายฟรีและถูกลืมไปอย่างไร้ความหมายในเวลาไม่นาน
...........................................................หน้าที่เข้าชม | 12,906 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,022 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ต.ค. 2568 |