The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11 ตอนที่ 19

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11 ตอนที่ 19
หมวดหมู่ the last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 11
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 14 ต.ค. 2568
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

National cultural state ฮั่น

อู่อั่นกลับมาเป็นแสงเทียนแห่งภูมิภาคอีกครั้ง ตรอกซอกซอยคึกคักบ้านเรือนกลับมามีชีวิตชีวาแสงสีสดใส กลายเป็นจุดแวะพักของนักเดินทางข้ามทวีป ศูนย์รวมอาหารและความบันเทิงของ Realm Mavel

ภายในห้องทำงานของประธาน Twins Studio ไป่ไป๋กับซอนนั่งคุยหัวเราะกันสองคน

“เจ้าแทนไปไหนอีกแล้ว?”

“ไปอีก 3 ที่ ไปตะวันออกกลาง รัสเซียแล้วก็อเมริกาค่ะ”

“อเมริกามีอะไร?”

“ไม่มีหรอก! คุณจำปีเตอร์กับบิลลี่และเพื่อน ๆ ได้มั้ย นายทหารอเมริกันที่เราช่วยชีวิตไว้”

“จำได้สิ! ปีเตอร์กับเพื่อน นาตาลีช่วยไว้ที่ญี่ปุ่น บิลลี่...มันลูกสมุนของคุณไม่ใช่หรอ?”

“บ้า! เขาแค่ซึ้งใจที่รอดชีวิต เลยอุทิศตัวชดใช้หนี้ชีวิตค่ะ”

“แล้วยังไง?”

“ปีเตอร์ฟื้นฟูบ้านเกิด บิลลี่ลงไปอเมริกาใต้หัวเรี่ยวหัวแรงส่งเด็กหนุ่มสาวมาซินเจียง เขากังวลใจว่าหมดวาระแล้วจะไม่มีคนทำหน้าที่แทนเขาทั้งสองคน”

“พวกนั้นห่างไกลทั้งความคิดและระยะทาง เกิดพวกต่อต้านเหรอ?”

“เปล่าค่ะ ยังไม่มีแค่กังวลใจ”

“มันต้องเลือกก็คือต้องเลือกจะสนทำไม” ซอนไม่ใสใจ

“แทนก็คิดอย่างนั้นค่ะ แต่ครั้งนี้เจ็ทโด้เดินทางไปด้วยเห็นบอกว่าไปหา ยูซุป ข่าน ที่ตะวันออกกลาง”

“ไม่ชวนกันสักคำ ผมไม่ได้เจอข่านนานมากแล้ว”

“หนูไม่รู้จักหรอกแทนเล่าให้ฟัง ข่านเป็นคนยังไงคะ?”

“ข่านเป็นอดีตหัวหน้าหน่วยล่าสังหารของตาลีบัน ลาออกมาขับรถสิบล้อด้วยกัน ตอนหลังไปเป็นทหารรับจ้างกับเจ็ทโด้ก่อนที่พวกเราจะเข้าเกาหลี แอนนาให้เขาทำงานกับนายพลห่าวดูแลสันติภาพในแถบนั้น”

“อ๋า! นักรบอีกแระ!

“เอ๋า! พวกผมเป็นนักรบ เพื่อนก็จะเหมือนกัน ถ้าไปคุยกับนักร้องจะรู้เรื่องกันเมื่อไหร่ล่ะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

“บอกให้แทนรักษาสุขภาพด้วยเดี๋ยวมันจะตายซะก่อน ทุกอย่างลงตัวแล้วแค่รอเวลา บางอย่างก็ต้องให้เวลาเป็นตัวเขย่า ถ้าห้ามได้ก็ห้ามมันมั่ง”

“ไม่ได้ค่ะ! ความชอบส่วนตัวห้ามไม่ได้เป็นกติกาของครอบครัวค่ะ”

“ดีว่ะ! ครอบครัวของคุณแม่งเจ๋ง! ผมมีความลับคุณอย่าบอกใครนะ ผมยังโดนเมียบังคับอยู่เลย

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” สองพี่น้องหัวเราะกันสนั่นห้อง

“ท่านนายพลห่าวเคยมาหาหนูที่นี่ด้วยนะ”

“จริงเหรอ มาทำไม?”

“มานอน ท่านมานอนหลับยาวบนโซฟานี่แหละ บอกว่าเหนื่อยอยากได้กำลังใจ”

“แล้วทำไมท่านถึงมาหาเธอ”

ไป่ไป๋อมยิ้ม...

“ท่านบอกว่าอยู่ใกล้หนูแล้วหลับสนิท รู้สึกได้ถึงคนที่คอยห่วงใยจริง ๆ ท่านน่ารักมาก จะเปลี่ยนไปก็ตอนใส่เครื่องแบบเท่านั้น อยู่กับหนูโคตรอ้อนเลย”

“เฮ้ย! เขาชอบคุณเหรอ ไอ้แทนเชือดคอเอานะ”

ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านชอบหนู ท่านบอกว่าสบายใจคุยกับหนูแล้วสะใจดี ตลอดชีวิตของท่านไม่เคยมีใครด่า มีหนูกล้าด่าคนเดียว”

“ซาดิสต์นี่หว่า”

“เหมือนเป็นชะตาของเราสองคน ครั้งแรกที่เจอกันหนูก็ถีบเขากระเด็นเลย”

“จริงเหรอ?”

“หนูเกือบโดนเขายิง แทนด้วย”

“ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนจริง ๆ ถ้าพวกเราไม่ได้นายพลห่าว ผมว่าแอนนาทำงานนี้ไม่สำเร็จหรอก ต้องมองไปถึงเจ็ทโด้ที่ตัดสินใจแบบนั้น”

“จริงค่ะ! งานสำเร็จเพราะคนที่เราช่วยชีวิตไว้ทั้งหมดมาร่วมมือกัน อาจจะเป็นความต้องการของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ค่ะ ป๋อฮ่อ!ป๋อฮ่อ!

“ฮ่าฮ่าฮ่า!

“วันนี้เก้อเฉิงจะมาหาหนู เขาอยากเจอคุณมาก”

“อ๋อ!ที่บอกว่ามีคนอยากเจอ ไอ้ผู้กองเองเหรอ? มันก็เป็นผู้มีบุญคุณนะ ถ้าไม่ได้มันเราคงไม่ได้เจอกันอีก”

ไป่ไป๋ลุกเก็บเอกสาร...

“เขาเป็นนายพลแล้วค่ะ เราลงไปดูน้องคัดเลือกศิลปินกันดีกว่าค่ะ” เธอจูงมือซอน

ภายในห้องซ้อมเต้น...กระจกบานใหญ่รอบห้องสะท้อนเด็กฝึกสารพัดเชื้อชาติหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังกระโดดโลดเต้นไปตามครูฝึกหน้าชั้น

“เอ้า! 1 แอนด์ 2 แอนด์ 3” ครูฝึกตบมือให้จังหวะเด็กฝึก

“เอาใหม่ค่ะ เบอร์ 3 ไม่ได้กินข้าวมาเหรอคะเหมือนไม่มีแรง?”

“ขอโทษค่ะ!

“ตึง! ตะลึง! ตึงตึง! เสียงเพลงกับการเต้นเข้าจังหวะของเด็กฝึกพริ้วดังสายน้ำ

ซอนกับไป่ไป๋นั่งสะบัดบ๊อบสั่นไหวตามจังหวะดนตรีอย่างตั้งใจสายตาจับจ้องไปที่เด็กฝึกชาวแอฟริกันผิวสี

“อยู่ที่นี่สนุกดีวะ! เต้นกันโคตรมันส์เลย พวกนี้คุณไปหามาจากไหน?” เขานั่งมองเด็กหลากหลายสีผิวเต้นอย่างสนใจ

“หนูนี่แหละ Soft power ของ God mum พวกนี้ถูกส่งมาจากทั่วโลกค่ะ หนูจัดออดิชั่นทุกเดือน คุณมาช่วยหนูสิมาทำงานกับหนูเถอะ”

“ไม่อาว! เด็ก ๆ ล้อตายเลย ผมรู้แล้วว่าจะทำอะไรต่อไป”

“อะไรคะ?”

“ผมจะจัดมหกรรมกีฬา Realm Mavel

“เอาเลย! หนูเห็นด้วย ถ้าอยากได้นักร้องเปิดงานบอกหนูนะ” เธอเห็นดีงามด้วย พี่น้องคู่หูคู่ฮา

ทันใดนั้นประตูห้องก็เลื่อนเปิด...

“หนีห่าว! ท่านประธานเจสสิกา ถัง อ้าว! บอสมาแล้วเหรอ?...” เก้อเฉิงแหกปากลั่นเมื่อเห็นซอนอยู่ด้วย

“อันยองฮาชิมนิก้า! บอส! ไป่ไป๋เซม! เยวอนยิ้มกว้างวิ่งเข้ามาโค้งศีรษะแล้วโผกอดไป่ไป๋

“เป็นไงบ้างมึง ท่านนายพล?” ซอนเดินยิ้มเข้าไปกอดคอ

“ผมแค่หัวหน้าทีม Youngster เองเรียกซะโก้เลย”

“ตำแหน่งนี้สำคัญกว่าผู้นำทั้งหมดเลยนะโว้ย คนอื่นมีวาระ 4 ปี มึงไม่มีวันเกษียณนะ ลาออกก็ไม่ได้”

ไป่ไป๋ยิ้มหวานเข้ามาเกาะแขนเก้อเฉิง...

“คุณต้องเป็นผู้สร้างคนรุ่นใหม่ เป็นคนสร้างอนาคต เจี่ยเจี้ยไว้ใจคุณมากที่สุด ภูมิใจเถอะที่คนอย่างแม่ใหญ่ไว้ใจ”

“เจี่ยเจี้ยขี้โกง! ทหารทยอยเลิกงานกันแล้ว แต่ผมยังต้องดูแลเด็ก เริ่มเบื่อแล้วเหมือนกัน”

“คุณอยากจะทำอะไรต่อคะ?”

“ผมอยากเป็นนักร้อง

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ซอนขำกลิ้ง

เยวอนหันขวับ...

“ถ้าเขาลาออกฉันจะให้เลี้ยงลูกกินบำนาญไปค่ะ”

ซอนถลึงตาใส่เก้อเฉิง...

“เฮ้ยไม่ได้นะ! ผู้ก่อตั้ง Youngster จะโดนเมียสั่งเลี้ยงลูกอย่างนี้ไม่ได้ เสียชื่อตายห่า! จะให้เขากินข้าวหลวงฟรีตลอดชีวิตรึไง?

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ไป่ไป๋ขำกร้าก

“สวัสดิการสำหรับคนที่หมดวาระโคตรดีเลย คุณลุงคิมจุนซองให้กินให้ฟรีตลอดชีพ หมดกังวลไปคนนึงไม่ต้องเปลือง”

“เจี่ยเจี้ยฉลาดจะตายใช้ทุกคนทำงานออกหน้า แต่พวกของตัวเองเก็บเงียบหมด บอสเองก็ไม่ออกเปิดตัว” เก้อเฉิงบ่นหงุงหงิง

ไป่ไป๋โบกมือรัว...

“เธอคิดเผื่ออนาคตไว้แล้ว พอถึงวันที่เธอถอยออกไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นายยังคงเป็นผู้นำคนเดิมปล่อยให้ผู้คนสงสัยและตามหา God mum กันเอง”

เยวอนเข้ามากระเซ้า...

“ฉันกำลังจะเอาไอเดียไปให้บ๊กซูทำงานซะหน่อยจะได้ไม่เหงา”

“จะให้เขาทำอะไร?” ซอนถามดัก

“ใหเขาขายพวงมาลัยดอกไม้กำอยู่ที่นั่นแหละ ฉันเห็นคนไปกราบไหว้บูชา God mum ที่หุบเขาแห่งความจริงไม่ขาดสาย น่าจะรายได้ดี”

ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ซอนหัวเราะร่วน

“คิดถึงพัคอนนี่ด้วยเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ หายเงียบไปเลย”

“เวลาเธอทำงานจะเป็นแบบนี้แหละ!

“แทนโอปป้าเป็นยังไงบ้างคะ?” เยวอนถาม

ซอนหันมาสำทับเพิ่ม...

“ที่เราคุยกันเมื่อกี๊ คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าที่รัสเซียมีอะไร? เจ้าแทนไปทำไม?” เขาถามไป่ไป๋และตอบคำถามเยวอนไปด้วย

“มีผู้กล้าท้าทายระบบโผล่ออกมาอีกแล้ว สงสัยมันไม่ได้ดูถ่ายทอดสด”

“สงสัยคำสาบานยังศักดิ์สิทธิ์ไม่พอ” เยวอนงึมงำ

“ยังมีคนต่อต้านอยู่อีกเหรอครับ?” เก้อเฉิงขมวดคิ้ว

ไป่ไป๋โบกมือ...

“มันไม่ได้ต่อต้านหรอก ผู้นำมันอ้างการทำงานต่อเนื่องลื่นไหลแล้วก่อหวอดหาพวกจะขอแก้กติกา แต่จริง ๆ แล้วมันไม่อยากลงจากตำแหน่ง ไม่อยากเลือกตั้ง หวงเก้าอี้ แทนไปถึงที่นั่นก็จบ”

“ไม่เรื่องก็เรื่องสิน่า!” เก้อเฉิงส่ายหัว

“นี่แหละคือเหตุผลที่นายลาออกไม่ได้” ซอนตบไหล่เก้อเฉิง

ไป่ไป๋ขยับไปเสนอความเห็นกับโปรดิวเซอร์คู่ใจ...

“ฉันว่าเบอร์ 6

“หนูว่าเบอร์ 3 ดีกว่า ดูปราดเปรียวมุ่งมั่น” โปรดิวเซอร์สาวสวยหุ่นแซ่บเล็งตาเขม็งแล้วพูดต่อ...

“เบอร์ 6 ก็ดีแต่หนูว่าเบอร์ 3 ดีกว่า สายตาของเธอเฉี่ยวคมเหมือนตะขอ ตกผู้ชมได้เลย” ซอลลี่ยืนยัน             

“มันก็จริง! แต่เธอเห็นพลังเสียงของเบอร์ 6 รึยัง?” ไป่ไป๋มองไปที่กลุ่มเด็กสาว          

“ไม่แพ้กันหรอกค่ะ” เด็กสาวไม่ยอม

“เอาไงล่ะทีนี้!” ไป่ไป๋หันซ้ายขวาตัดสินใจไม่ถูกจะเลือกเด็กฝึกคนไหนขึ้นเป็นศิลปินเดี่ยว             

“เราจัดดูโอก็แล้วกัน เอาทั้งสองคนไปฝึกรวมกัน” ซอลลี่ยื่นข้อเสนอ             

“เอางี้เหรอ?” ไป่ไป๋ถามย้ำ             

“ค่ะ! วันข้างหน้าค่อยจับแยก” เธอพยักหน้า             

“งั้น! ฉันไปก่อนนะ ไม่ได้เจอลูกนานแล้ว จำหน้าแม่ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้?” ไป่ไป๋ยิ้มคว้ากระเป๋าสะพายส่งให้ซอน

“เราไปกันต่อเถอะค่ะ! เธอหันไปกอดคอเยวอนเดินนำ

“เซมยังสวยไม่สร่างเลยนะคะ”

“ฉันก็สวยอย่างนี้มาตลอด ไม่งั้นเก้อเฉิงจะหลงรักเร้อ...” เธอกระแซะเก้อเฉิงสะดุ้งโหยง...

“อ้าว! เอาขี้ป้ายหน้ากันซะแล้ว อย่าขุดสิ!” เขาผวาตาเหลือก...

ซอนหัวเราะลั่น...

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ยินดีต้อนรับเข้าสมาคมคนกลัวเมีย

เยวอนฮึดฮัดตีหน้ายักษ์ใส่...

“แหม!... พอพูดแล้วก็ขึ้น เดี๋ยวนี้มีโทรศัพท์แปลก ๆ มาบ่อย ฉันรับแล้วก็ไม่พูด มีเมียแอบเก็บแน่อย่าให้จับได้ก็แล้วกัน”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ซอนกุมท้องตัวงอ

เยวอนหันมาหาซอน...

“เซมคะ เจอหยกมั้ย คิดถึงน้องจังเลย” เยวอนถาม

ซอนส่ายหน้า ไป่ไป๋หัวเราะลั่นก่อนตอบ...

“หยกพึ่งติดต่อมาขอทำงานด้วย ป่านนี้ยังงอนซอนไม่เลิกเลย”

ถ้าเธอรุ่นเดียวกับสหายซุกอึน ผมจะจับสองคนนี้แต่งงานกัน ฉลาดร้ายทั้งคู่เลย” ซอนยิ้มส่ายหัว

“หนูจะให้แม่ใหญ่จัดการให้”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!

พอดีล่ะไม่เคยเจอกันเลย” เยวอนยังถามต่อ

“น้องพอดีเดินตามฝันของตัวเองไปได้ไกลแล้ว เธอขอตั้งหน่วยงานบันทึกเหตุการณ์เดินทางไปทั่วโลก ดึงหล้าไปด้วย กล้าหาญไปขอกับแม่ใหญ่เองเลย เดี๋ยวก็ได้เจอเธอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย” ไป่ไป๋หันมาตอบ

เยอวอนยิ้มแก้มปริ...

“ฉันสะใจมากที่มะลิได้เป็นนักวิทยาศาสตร์แล้ว เรื่องนี้แทนโอปป้าแค้นมากที่ผู้ใหญ่เคยดูถูกน้องตั้งแต่ยังพูดไม่ได้”

“แค้นอะไรคะ?”

“น้องหยกเคยเล่าให้ฟังว่ามีคนรวยตราหน้าน้องมะลิว่า ชาติกำเนิดเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของเด็ก หนอนไม่มีวันโตเป็นนกอินทรีย์ ลูกของคนจนมันเป็นกรรมพันธุ์สืบทอดตาม DNA แต่แทนโอปป้าบอกว่าความจนแก้ไขได้ด้วยโอกาส ชาติกำเนิดไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดและมีคุณธรรม พัคอนนี่ของพวกเรานี่แหละ! เป็นตัวแทนของคนจนที่ฉลาดและรวยที่สุด เธอก็เป็นเด็กในห่อผ้าที่ถูกทิ้งไว้ริมแม่น้ำฮันเหมือนกัน”

ไป่ไป๋พยักหน้าเห็นด้วย...

“ฉันเชื่ออย่างเดียวกับสหาย พอไม่มีเงาปีศาจครองเมืองทุกอย่างเป็นไปได้หมดเลย การตรงไปตรงมาไม่ต้องทำกฎหมายให้ยุ่งยากซับซ้อน เด็ก ๆ ถึงถือตาชั่งแห่งความยุติธรรมได้ดีกว่า กดดันไม่ได้ ไม่มีเส้นสายไม่มีความโลภและความกลัวในหัวใจเป็นจุดอ่อน”

God mum ไม่เคยลงไปล้วงลูกปัดคดีให้ใคร ถ้าคนที่มีอำนาจเหนือกว่ารู้บทบาทหน้าที่ความยุติธรรมก็เกิดขึ้นได้” ซอนตอบปิดท้าย

“ฉันเห็นข้างล่างเสียงดังมาก พวกเขาทำอะไรกันคะ?”

“ไปดูกันเถอะ!” ไป่ไป๋พาทั้งกลุ่มลงลิฟต์

สตูดิโอใหญ่โตมโหฬาร จอผ้าสีเขียวผืนมหึมาขึงกั้นกลางห้องโถง กลุ่มนักแสดงในชุดเหลืองบนหลังมอเตอร์ไซด์เร่งเครื่องเสียงสนั่น ฝูงโดรนบินว่อน กองถ่ายกำลังเข้าซีนต่อสู้

เธอเดินไปยืนแอบด้านหลังของผู้กำกับฝรั่งหัวทองที่จ้องจอมอนิเตอร์ตาไม่กะพริบ ซอนเดินแยกออกไปดูเด็กนักแสดง

“คาเมรอน! เหนื่อยมั้ยคะ?” ไป่ไป๋สะกิดแขนฝรั่ง

“อ้าว! ท่านประธาน” เขาเด้งลุกยืน

“มีปัญหามั้ย?”

“เจ้าเบอร์นิซที่ไปรับมาไม่ทำให้ผิดหวังครับ เขาหมือนซนบ๊กซูมาก จบซีนนี้ก็ปิดกล้องแล้วครับจะรีบเอาไว้ฉายต้อนรับการเลือกตั้งทั่วโลกที่จะมาถึง ผมจะให้ทุกชาติได้ดูการเสียสละและจุดกำเนิดเดอะแก๊งเกาหลีก่อนที่พวกเขาจะโด่งดังกลายเป็นกระดูกสันหลังของทุกชนชาติและขับเคลื่อนโลกใหม่” ผู้กำกับหัวยุ่งตอบอย่างภูมิใจ

เก้อเฉิงยื่นมือจับทักทาย...

“สวัสดีครับ! เก้อเฉิงครับ! ผมชอบไอเดียนี้มากโลกเปลี่ยนได้เพราะเด็กกลุ่มนี้จริง ๆ”

คาเมรอนมองลอดแว่นแล้วรีบยืดอก...

“ท่านนายพล!

“ตามสบายครับ”

“พูดจริง ๆ นะครับ ผมก็เคยแอนตี้พวกคุณมาก่อน มันฝืนความรู้สึกและทำใจยอมรับลำบากมาก แต่พอได้เห็นการทุ่มเทของทีมYoungster ก็รู้เลยว่ามีบางอย่างที่จะไม่เหมือนเดิม พอได้เห็นความยุติธรรมและความเด็ดขาดของ God mum ที่สั่งเคลียร์ตะวันออกกลางและยึดทรัพยากรธรรมชาติมาเป็นของกลางด้วยเหตุผลว่า ทรัพยากรโลกเป็นของทุกคนและยกเลิกเส้นพรมแดนด้วยเหตุผลเดียวกัน ผมมั่นใจเลยว่าพวกเรารอดแล้วและไม่ต้องกลับไปดิ้นรนเพื่อปัจจัยพื้นฐานเหมือนอดีตอีก มันเป็นแรงบันดาลใจ! ผมจึงอยากย้อนให้ทุกคนได้เห็นจุดกำเนิดของการเปลี่ยนแปลง”

เก้อเฉิงพยักหน้ายิ้ม...

“เรื่องของเดอะแก๊งเล่าไม่มีวันจบหรอกครับ ฮีโร่ของเดอะแก๊งมีมากมาย แต่ละคนผ่านประสบการณ์ตรงที่แตกต่างในสมรภูมิเดียวกัน” เขาอมยิ้มแล้วหันไปมองซอนที่กำลังสนใจ Glambot กล้องหุ้นยนต์ถ่ายวิดีโอ 360 องศา

“สิ่งที่พวกเขาส่งต่อสัมฤทธิ์ผลแล้วนะครับ ต้องนับถือน้ำใจของคนจีนและเกาหลีที่กระจายกันไปเป็นไม้แขวนเสื้อค้ำยันสังคม ถ้าไม่เกิดภัยพิบัติก็ไม่มีใครได้รู้ถึงพื้นฐานจิตใจของมนุษย์ด้วยกัน คนที่ผมอยากเจอมากที่สุดคือ เซม! ผู้ที่ก่อตั้งเดอะแก๊ง จนถึงวันนี้แล้วยังเป็นปริศนาอยู่เลย” ฝรั่งจากโลกเสรีได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาไม่เคยรู้จักและไม่มีวันหาได้ในโลกทุนนิยม

“เซมอยู่ในใจของพวกเรา การที่เขาไม่ปรากฎตัวต่อสาธารณะต้องมีเหตุผล” เก้อเฉิงตอบเรียบ ๆ หันไปสนใจมองนักแสดง

คาเมรอนบ่นต่อ...

“มีแต่คนวิ่งหาแสงยอมทำเลวเพื่อให้เป็นข่าว ผมตามสัมภาษณ์และมอมเหล้าหลอกถามเดอะแก๊งยังไงก็ไม่เคยหลุด แต่ผมรู้ว่า เซมยังมีชีวิตอยู่เพราะทุกครั้งที่ผมถามถึงเซม ประกายตาของพวกเขาจะเจิดจ้าก่อนจะฟุ่บหลับทันที”

เก้อเฉิงอมยิ้ม...

“เขาเป็นคนที่เดินผ่านกาลเวลาและไม่ยึดติด ถ้าคิดจะขอบคุณก็แค่คิดถึงก็พอ” เก้อเฉิงตัดจบ

“ตอนนี้เรื่องที่อยู่ในกระแสน่าจะยังพูดกันไม่จบง่าย ผู้คนสงสัยในอิทธิฤทธิ์ของ God mum ตอนนี้ขบวนรถไฟไปซินเจียงต้องขึ้นไปนั่งบนหลังคากันแล้ว กลุ่มผู้นำที่โดนถอนรากถอนโคนกระโดดหน้าผาอย่างนั้นน่าจะส่งผลทางบวก พอได้มั้ยครับว่าใครคือ God mum ผมไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์หรอกนะ” คาเมรอนหันมองมาคำตอบที่ไป่ไป๋

“คำสาบานมีจริงค่ะ พวกเราเชื่อว่า God mum เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะทำหน้าที่รักษาความเป็นธรรมอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล ป๋อฮ่อ!ป๋อฮ่อ!” ไป่ไป๋อมยิ้มแล้วหันมองนักแสดง พวกเขาตอบทุกคำถามแต่ไม่บอกอะไรเลย

คาเมรอนขัดใจส่ายหัวไม่ได้คำตอบ หันกลับไปมองมอนิเตอร์แล้วชะเง้อคอมองไปที่กลุ่มนักแสดง พอเห็นซอนนั่งคุกเข่าผูกเชือกรองเท้าให้เด็กบนมอเตอร์ไซด์ถึงกับหงุดหงิดฟิวส์ขาด ตะโกนใส่โทรโข่ง...

“เฮ้ยไอ้บึ่ก!...ใครอนุญาตให้มึงเข้าไปเกะกะวะ! ออกไป!...”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!...” เก้อเฉิงหัวเราะหงายท้อง

“ฮึ๋ย! เยวอนหันขวับ เธอไม่เคยยอมให้ใครลบหลู่ผู้มีพระคุณจ้องจะกัดหัวผู้กำกับ

“อย่า! ไป่ไป๋อมยิ้มส่ายหน้า

“ไอ้นี่ปากหมาซะแล้ว!” เยวอนถอนหายใจแล้วเดินไปหาซอน...

“เซมคะ! ดื่มน้ำค่ะ” เธอคว้าขวดน้ำแหกปากลั่นวิ่งเข้าไปหาแล้วประเคนน้ำให้อย่างสุภาพ

“ห่ะ!...” คาเมรอนหันมองตาเหลือก

ไป่ไป๋รีบโฉบเข้าไปกลบเกลื่อน...

“ไม่ใช่หรอกค่ะ! เขาเป็นครูสอนลีลาส คนเกาหลีเรียกครูที่สนิทว่า เซม เธอก็เรียกฉันว่า เซม เหมือนกัน”

“แต่คุณผู้หญิงของท่านนายพลต้องทำอย่างนั้นกับครูสอนลีลาศเลยเหรอ ต้องนับถือขนาดไหนเนี่ย? ท่านนายพลก็ดูเกร็งไปนิดนะครับ ท่านประธานสังเกตดูสิ!

“คุณผู้หญิงใจดีจะตายไป อย่าคิดมาก! ฉันขอพาเพื่อนไปกินข้าวก่อนนะคะ” ไป่ไป๋รับจบ

ซอนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เดินแหงนมองโน่นนี่กลับมาพร้อมกับเยวอน ทันใดนั้นเครนโยกแขนลงมาใกล้...

“เซม!..อันยองฮาเซโย”

ซอนแหงนมองตากล้องอ้วนตุ้ยนุ้ยบนเครนถึงกับยิ้มกว้าง...

“อั้ยกู่! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ตากล้องแพ็ค” ซอนดีใจปรี่เข้าไปยื่นมือจับกัน

ไป่ไป๋รีบเดินเข้าไปยกมือขวางขยิบตากับซอนแล้วหันไปซุบซิบกับตากล้อง

“สหายทำงานที่นี่นานแล้วเหรอ?” ซอนถาม

“นานแล้วครับ ตั้งแต่เปิดใหม่เลยแล้วผมจะไปเยี่ยมนะ”

“เราต้องไปแล้วค่ะ” ไป่ไป๋จูงมือของซอนแล้วหันมาโบกมือให้คาเมรอนที่คิ้วขมวดหน้ายุ่งมองอย่างสงสัย

“ไอ้อ้วนขาเบียดก็เต้นลีลาศกับเขาด้วยเหรอ ทำไมไม่คือเลยวะ?” เขาบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

เพื่อความปลอดภัยกับทุกฝ่ายและไม่เป็นเป้าให้เป็นประเด็นในการโจมตี การหายตัวลงไปคลุกคลีใช้ชีวิตปะปนกับชาวบ้านเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

 

...........................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,906 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด11,022 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท23 ต.ค. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม