The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 ตอนที่ 4

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 ตอนที่ 4
หมวดหมู่ The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1
ราคา 0.00 บาท
อัพเดทล่าสุด 17 ม.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


ลาเสี้ยว ตอนเหนือของรัฐฉาน

มุมมองสายตา ลูอิส

กันยายน ค.ศ.2020

หมู่บ้านมงยัง...

รถสองแถววิ่งฝุ่นตลบจากเมืองตองยีขึ้นเหนือไปหมู่บ้านมงยัง ทางตะวันออกสุดของรัฐฉานประเทศเมียนมาติดกับประเทศจีนและลาว  สองแถวบรรทุกชาวบ้านนั่งสองฝั่งเต็มคันล้นขึ้นไปบนหลังคามีทั้งลังผลไม้และเข่งไก่ ถนนลูกรังและหลุมบ่อขนาดใหญ่จากน้ำหนักรถที่วิ่งช่วงหน้าฝน  ช่วงนี้ไม่มีฝนแล้วถนนแห้งเป็นฝุ่นฟุ้งไปทั้งทาง ผู้เฒ่าผู้แก่หัวเราะหัวโคลงตามจังหวะรถวิ่งคุยกันสนุกสนาน  หนุ่มสาวนั่งฟังแล้วก็หัวเราะด้วยความขบขันในเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกันอยยิ้มเปี่ยมความสุขราคาแพงบนใบหน้าที่แต่งแต้มสวยงามด้วยทานาคา ทำให้สภาพแวดล้อมที่ทุรกันดารด้อยค่าลง     
          ตามรายทางเป็นบ้านไม้ยกพื้นบันไดสูงล้อมด้วยรั้วไม้ไผ่  ชาวบ้านมีความเป็นอยู่เรียบง่าย  กองไฟยังมีควันกรุ่นอยู่หน้าบ้าน ด้านหลังบ้านเป็นทุ่งนาสีเหลืองแห้งเหลือแต่ตอซังข้าวที่เก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว เสาไฟฟ้าไม้ไผ่ข้างทางยังเป็นเพียงเสาชั่วคราวที่บางช่วงก็ล้มลงมา บนหลังคาบ้านเกือบจะทุกหลังมีจานดาวเทียมสีดำขนาดใหญ่  ตรงกลางเป็นขวดน้ำพลาสติกครอบอะไรบางอย่างไว้?              
          บางช่วงผ่านชุมชนใหญ่ คล้ายชุมชนชาวจีนที่สิบสองปันนา สถาปัตยกรรมของจีนแผ่มาถึงที่นี่ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางที่หมู่บ้านก็ใข้เวลาเดินทางนานมาก ทุกคนที่ลงจากรถโดยสารจะปัดฝุ่นที่หัวของตัวเองเป็นอย่างแรกเหมือนกัน ถนนลูกรังมีความสามารถพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือทำให้ทุกคนแก่เหมือนกันหมด    
          สามล้อเครื่องพาผมผ่านตัวหมู่บ้านออกไปด้านหลังอีกอึดใจ จนมาหยุดที่หน้าบ้านกำแพงสูงยาวทางท้ายหมู่บ้าน บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่นใต้ร่มไม้ใหญ่ ประตูรั้วสูงใหญ่ด้านหน้าเปิดอ้าอยู่ ตัวบ้านคอนกรีตสร้างง่ายๆ รูปร่างเหมือนตู้คอนเทนเนอร์เรียงต่อกันเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส  ต้นไม้ใหญ่ปลูกตรงกลาง แผ่กิ่งก้านสาขาคลุมตัวบ้านอีกที ด้านหน้าหันทางทิศเหนือ หลังคากระเบื้องยื่นออกมาคลุมระเบียงหน้าบ้านสำหรับนั่งเล่น  บนหลังคาดาดฟ้าขึ้นไปนั่งดื่มแหล้าสังสรรค์ตอนกลางคืน ชมแสงดาว 
          รอบบ้านของซอนร่มรื่นไปด้วยเงาของสารพัดต้นไม้ร่มครึ้ม เขียวสบายตา เจ้าของบ้านนอนเปลอยู่ตรงหน้านั่นเอง  ด้านขวาถัดจากประตูใหญ่ไปไกลสุด  เป็นโรงขนาดใหญ่มีโต๊ะสนุกเกอร์สามตัว ชายฉกรรจ์เล่นเต็มทุกโต๊ะ            
          “บองชู้ว! มาถึงแล้วผมลากกระเป๋าเดินทางครูดพื้นเป็นทางยาว                
          “บองชู้ว! ลูอิส  มาถึงแล้วเหรอ? เกือบมืดแน่ะ ยังสูงเหมือนเดิมนะ  โอ้โห! เดี๋ยวนี้แก่แล้วนี่หว่า?ซอนลุกลงจากเปล เดินมาจับมือแล้วสวมกอดกัน หัวของซอนอยู่ประมาณติ่งหูผม              
          “มากี่ครั้ง! ฝุ่นก็เยอะอย่างนี้ทุกที  เมื่อไหร่ประเทศคุณจะทำถนนสักทีวะ?”ผมบอกพร้อมเอามือปัดผม  ฝุ่นคลุ้งกระจายหน้าบ้าน
          “อย่างนี้แหละคลาสสิก  บ้านนอกขนานแท้ ซอนเข้ามาช่วยผมปัดฝุ่นบนหัว            
           “แต่งงานหรือยัง ซอน?”            
          “ยังเลย!  อยู่กับลูกน้อง โน่น!..เล่นสนุกเกอร์กันอยู่เป็นฝูงเลยซอนชี้มือไปที่โรงสนุกเกอร์ข้างกำแพง ผมหันมองตาม...นี่มันบ้านคนหรือซ่องโจรกันแน่วะ แต่ละคนหน้าตาไม่เป็นมิตรเลย            
          “ยังไม่เจอเนื้อคู่หรือไง?”ผมไม่ได้เจอมันมานาน ไม่รู้เลยว่าใช้ชีวิตกันอย่างไร?
          “ผมอยากได้เมียเป็นทหาร ยังหาไม่เจอสวยๆถูกใจสักคน ถ้าเจอก็จะแต่ง อยากมีลูกแล้วเหมือนกันเขายิ้มกว้างลักยิ้มเก๋เชียว เจ้านี่หน้าตาดี เจ้าซอนทหารเก่าคนเก่ง...ใจถึงเป็นบ้า
          “รีบๆหาเข้านะ!                      
          “มาทำข่าวเหรอ?” ซอนร้องถามแล้วยื่นแก้วน้ำมาให้ ผมยกดื่มรวดเดียวเกลี้ยง ผมมีภารกิจบางอย่างที่ต้องมาทำเองและเป็นความลับ เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยจึงจำเป็นต้องเดินทางสร้างภาพมาอย่างที่เห็น
          “จะเข้าไปเอาของในจีนและหาข่าวโควิด-19เพิ่มสักหน่อย จะมาขอติดรถคุณไปด้วย             
           “จะมากับผมให้ลำบากทำไม? ขึ้นเครื่องไปสิ!” ซอนท้วงแต่ผมมีเหตุผลของผม  ผมก็ไม่อยากใช้วิธีนี้เหมือนกันมันเหนื่อย
            “ความลับสุดยอดน่ะ  ต้องทำเอง!” ผมบอกไปแค่นั้น  อย่าให้รู้มากเลยมันจะยุ่ง
           “พรุ่งนี้! ไปทำข่าวสงครามก่อนดีกว่า ไปด้วยกัน...มันยิงกันอยู่ข้างๆนี่แหละซอนชี้ไม้ชี้มือไปข้างหลังเหมือนกับว่าไม่ไกล
           “คุณเจอเจ็ทโด้บ้างไหม?” ผมถามถึงเพื่อนสนิทอีกคน                        
          “เจอสิ! เจ็ทโด้เจอกันบ่อย  วิ่งรถบรรทุกด้วยกัน  เรื่องนี้เอาไว้ทีหลังพรุ่งนี้!ตกลงคุณจะไปกับผมรึป่าว?”  ซอนเดินเข้าบ้านไปค้นอะไรเสียงกุก ๆ กักๆ แล้วลากปืนยาวไรเฟิลออกมา                   
           “นี่ไง! พรุ่งนี้ไปส่องกล้องกันเขาส่งปืนมาให้ โอ้..มายก็อด .338 LAPUA เก็บเสียง สไนเปอร์ที่ได้รับฉายาว่า มรณะแห่งความตาย จะชวนไปฆ่าคนเหรอ ไอ้พวกนี้ยังโหดเหมือนเดิม///                  
            “พรุ่งนี้! คุณชี้เป้า  ผมลั่นไกสังหารเอง ซอนพูดพร้อมนั่งลงเอาผ้ามานั่งเช็ดทำความสะอาดปืน  แล้วโยนกล้องส่องทางไกลมาให้  
           “ยิงเจาะเกราะได้สบายๆในระยะ 1,000เมตร บรรจุลูกกระสุนได้250เม็ด ถ้าคุณยิงหมดนี่! ไม่ตายกันหมดกองทัพเลยเหรอ?”  ผมพลิกกล้องบอกระยะไปมาเพื่อเช็คสภาพไปด้วย  
 ไอ้พวกนี้ผ่านสนามรบมาโชกโชน  ซอนไม่เคยกลัวอะไรเลย ผมเห็นเขารบกับพวกอาหรับ มันไม่กลัวตายเลย             
          “พรุ่งนี้ไปยิงหมากัน!  เจ้านายของพวกมัน สั่งให้มาไล่กัดม็อบอีกแล้ว เกลียดแม่งจริงๆไอ้พวกเศษมนุษย์พวกนี้ เสียชื่อทหารหมดเขาลุกเข้าไปในบ้านอีกครั้ง             
          “ถ้าเป็นคุณๆจะทำอย่างไร?”            
           “ผมจะลาออกไปทำงานที่มีเกียรติกว่านี้ดีกว่า ไม่ทำงานกับรัฐไม่อดตายหรอก โลกนี้มีอะไรตั้งเยอะเขาไม่แยแส ยกปืนขึ้นเล็งไปบนฟ้า
           “พรุ่งนี้! พวกทหารจะมายิงชาวบ้านตอนไหน  ที่ไหน?” ผมตกกะไดพลอยโจน พาไปไหนก็ไปจะได้มีข่าวติดมือกลับไปด้วย
 ซอนลุกเดินเข้าบ้าน           
          “ถ้าถามอย่างงี้! แสดงว่าตกลง  เอ้า!กินข้าวก่อน  ซอนยกสำรับกับข้าวออกมาวาง  แล้วเดินกลับเข้าบ้านไปเอาน้ำเย็นออกมาอีกรอบ
ยังสะสมอาวุธอยู่อีกแหรอ?  มีเยอะมั้ยเพื่อน?” ผมลุกตามไปช่วยซอนยกอาหารกับข้าว             
          “เยอะแยะ! สั่งมาจากพวกทหารKLD  มันขโมยมาขาย ผมมีเป็นโกดัง ในรถบรรทุกก็เยอะซอนชี้ไปที่รถบรรทุกที่จอดริมกำแพงรั้วด้านซ้าย ถัดจากโรงสนุกเกอร์ ผมมองตามมือ...นอกจากรถหัวลากVolvoแล้ว  ยังมีรถยนต์สปอร์ตอีก3คัน แฮมเมอร์สีเหลืองอย่างงาม มอเตอร์ไซด์คันใหญ่อีก 2 คัน           
          แล้วไม่โดนตำรวจจีนตรวจค้นบ้างหรือเวลาวิ่งรถ?”  ผมสงสัยเพราะรถบรรทุกวิ่งทางไกลข้ามไปมาหลายประเทศ            
          “ไม่มีหรอก! ใครจะมาเสียเวลาตรวจ ด่านพวกนั้นส่วนใหญ่รับเงินส่วยทั้งนั้น  ที่รถมีป้ายสัญลักษณ์ทุกคัน ตำรวจเห็นก็ปล่อยผ่าน คอรัปชั่นเป็นสิ่งดีของคนในระบบราชการ เขาพูดท่าทางสบายๆ ไม่ได้กังวลเรื่องอาวุธสงครามเหล่านี้            
          “ของมันต้องมีไว้ติดรถ ถ้าเราไม่ช่วยตัวเองใครจะช่วย สินค้าก็แพง รถบรรทุกก็แพง ของผมนี่! ยังแค่ปืนขนาดเบา เจอของพวกอัฟกันโดน RPG สักที หายบ้าไปเลย ซอนตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ซอนเป็นคนไทยใหญ่หน้าสี่เหลี่ยม มีลักยิ้มและเขี้ยวสะดุดตา เป็นคนยิ้มเก่ง หุ่นบึกบึนแข็งแรง
          “วันนี้! ไม่กินเหล้านะ  เดี๋ยวอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย  คุณเดินทางมาไกลจะได้หายเหนื่อยซอนพูดเองเออเอง ผมนั่งกินข้าวกับอาหารพื้นบ้านรสชาติแปลกลิ้นทั้งเผ็ดทั้งเค็ม ที่กินง่ายสุดก็ปลาเค็มไหม้ดำนี่แหละ           
          “คุณว่าครั้งนี้ประชาชนจะชนะมั้ย? เผด็จการทหารมันคงไม่ยอมง่ายๆหรอก  คราวก่อนปีอะไรน้า?....มันยังฆ่าตายเกลื่อนถนน  ผมจำปีไม่ได้ มีการล้อมยิงประชาชนแบบนี้ในเมียนมา ประเทศแถบนี้ทหารทำอะไรก็ไม่ผิด 
          ทหารใช้อาวุธ ใช้ความรุนแรงทั้งทางกฎหมายและการใช้กำลังทหารไล่เข่นฆ่าประชาชนกลางท้องถนน พระสงฆ์ตายเกลื่อน  การใช้ความรุนแรงทำให้เกิดความกลัวกับผู้ต่อต้าน ในขณะเดียวกันก็เหมือนน้ำรดหัวใจให้กับกองเชียร์รัฐ  
ซอนหันมา...    
          “1988 ช่วงนั้นมันก้ำกึ่ง กลุ่มชาติพันธ์ต่างๆยังให้การสนับสนุนทหาร และยังไม่เข้าใจประชาธิปไตย เอาง่ายๆว่ายังชอบอำนาจนิยมอยู่ ทหารพม่ามันเป่าหูผู้นำกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆว่า ถ้าปล่อยให้มีการเลือกตั้ง คนที่เป็นผู้นำกลุ่มจะสิ้นอำนาจเลยช่วยพวกทหารเมียนมาปราบปราม สุดท้ายแล้วก็โดนทหารเมียนมาหักหลังอีกตามระเบียบ เขาทำหน้าเซ็ง
         ผมพยักหน้าพอจะเข้าใจในเกมของอำนาจ ไม่มีสัจจะในหมู่ผู้นำ
ผมทำข่าวแถบเอเชียมานานจนพอรู้วัฒนธรรมของคนเอเชีย  ทหารมักอ้างแต่ความมั่นคงกับประชาชนของตนเอง  สงครามจริงๆหมดไปนานแล้ว พวกนี้มักจะสร้างเรื่องหลอกประชาชน อวดอาวุธสงครามกับใครไม่ได้ ก็หันเข้าหาประชาชนของตัวเอง ซึ่งถือว่ากำจัดง่ายสุดเพราะพวกเขามือเปล่า
          “แล้วตอนนี้กลุ่มชาติพันธ์เปลี่ยนข้างแล้วเหรอ?” ผมนั่งแทะปลาเค็ม แอบคิดในใจ...มาตั้งไกลหาไก่มาต้มให้กินสักตัวก็ไม่ได้   
           “โลกมีการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารทั้งFacebookและYouTube ทำให้ประชาชนรับรู้เรื่องราวโลกภายนอก ประกอบกับเคยมีการเลือกตั้งภายในประเทศ ประชาชนเคยได้ลิ้มรสประชาธิปไตย ถึงแม้จะแตะแค่ปลายลิ้น แต่รสชาติมันหอมหวานจนชาวบ้านส่วนใหญ่ติดใจ”   
           "คุณกำลังหมายถึงประชาธิปไตยเสี้ยวเดียวเหรอ?”ผมเอามือลูบปืนที่วางอยู่ข้างๆมันถูกดูแลรักษาอย่างดีแต่อย่างไรเสียมันก็เป็นมัจจุราช      
          “ถูกต้อง! ถึงแม้จะได้ประชาธิปไตยกะจึ๋งเดียว แต่รสชาติดีกว่าบูททหาร ที่มีแต่ราคาคุย ซอนยกน้ำขึ้นดื่ม อักๆๆๆ พร้อมตบพุงขาว แล้วดันถ้วยมาให้...              
          “กินนี่สิ! ถั่วเน่า อร่อยดี เขายิ้มดวงตาใส ซอนเป็นคนจัดว่าหล่อ หุ่นก็ดีเทียบกับฝรั่งอย่างผมได้สบาย
          “อ้าว!..อิ่มแล้วเหรอ? ทำไมกินน้อยจัง นี่!ถั่วเน่า อร่อย ลองกินสิดูมันพูด  ผมอยากจะบอกมันเหลือเกินว่า // กูแดกอะไรไม่ได้เลย   มึง!เอาอะไรมาให้กูกินเนี่ยะน้ำพริกก็เผ็ดฉิบหาย ปลามึงก็ไหม้ ไอ้ถั่วเน่าของมึงก็กลิ่นโคตรได้ใจเลย///
           “คุณไปอาบน้ำก่อน วันนี้คุณนอนตียงนอกนี่นะ” ซอนชี้เข้าไปในบ้านซึ่งมีเตียงพร้อมฟูกตั้งอยู่ ถัดทางซ้ายไปเป็นห้องน้ำและประตูห้องนอนซอน
           “ผมนอนก่อนนะ” ว่าแล้วมันก็ผลุบเข้าห้องไปเลย                                          
                  ........................................................................................................

เสียงซอนกรนลากยาวหลายสะโตกแสดงว่าหลับลึกแล้ว สมัยยังหนุ่มเคยเป็นทหารรับจ้างด้วยกัน  หลังฝึกเสร็จผมมักจะตามทั้งสองคนไปเที่ยวด้วย  พวกเขามีน้ำใจและกล้าหาญอย่างที่หาตัวจับยาก เจ้าซอนเป็นบัดดี้กันกับเจ็ทโด้ส่วนผมอยู่หน่วยวิทยุสื่อสาร  ส่วนใหญ่กองทัพฝรั่งเศสจะให้กองทหารรับจ้างออกรบ ผมเคยร่วมรบกับสองคนนี้ ในสงคราม ISIS ในลิเบียและอิรัก หลังจากออกจากกองทัพก็แทบจะไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันอีก  การได้มาเจอกันทำให้ภาพวันเก่า ๆ ฉายภาพชัดขึ้น  นอนพลิกตัวไปมาคิดถึงอดีตยังไม่ทันหลับ
          เสียงเจ้าซอนเรียก...            
          “ไปกันเถอะ! ไหวไหม?” ซอนตบขาของผม แล้วผ่านไปเปิดประตูห้องด้านขวาเดินหายเข้าไป              
            ผมงัวเงียและมึนงง ยังไม่ทันได้หลับเลย มันจะไปแล้วเหรอ? ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเดินตามเข้าไป  เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนไว้ข้างหัวกวางเพิ่งจะตีสอง  ซอนเดินไปจนสุดทางเปิดประตูอีกครั้งทางซ้ายแล้วเข้าไป
          “โอ้โฮ! นี่อาวุธทั้งนั้นเลยนี่ผมอุทานเสียงหลง ซอนหันหน้ามายิ้มมุมปาก อาวุธสารพัดชนิดเรียงเป็นระเบียบบนตาข่ายผนังห้อง  เขาหยิบปืนสั้น GROCK19 โยนมาให้แล้วหยิบปืนสั้น COLT 1911A1 มาเสียบเอวแล้วเดินออกจากห้อง
ผมเดินตามออกมาหยิบปืนไรเฟิล .338 LAPUA ใส่ถุงยาวขึ้นสะพายหลัง หยิบเสื้อกันหนาวเดินตามเขาไปที่โรงรถมอเตอร์ไซด์ริมกำแพง  KAWASAKI D-Tracker X มอเตอร์ไซด์วิบากถูกเลือกเป็นยานพาหนะสำหรับภารกิจนี้                   
            แสงอรุณของวันใหม่ฉาบทาท้องฟ้านกกาออกจากรังหากิน พระภิกษุออกบิณฑบาตจีวรสีอิฐปลิวไสวเดินแถวเรียงเป็นระเบียบไปตามถนน เราสองคนมาถึงตองยี  เมืองหลวงของรัฐฉานเกือบหกโมงเช้า  ชาวไทใหญ่นับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ บ้างก็นั่งคุกเข่า บ้างก็นั่งพับเพียบไปกับพื้น รอใส่บาตรพระด้วยใจศรัทธา  ร้านค้าเปิดประตูขายของทำกิจกรรมยามเช้ากันแล้ว เราขี่มอเตอร์ไซด์ช้า ๆ ผ่านตลาดออกมาถึงวงเวียนด้านหลังแล้วเลยขึ้นภูเขาข้างหน้า มอเตอร์ไซด์ทรงพลังทะยานลิ่ว ไต่ขึ้นบนยอดเขาสูงไปตามทางชัน จนถึงลานวัดด้านบนซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเมือง
          วัดพุทธตั้งเด่นบนลานกว้าง รายรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ซอนเดินนำหน้าเข้าไปด้านในอย่างชำนาญทาง  ผ่านศาลาการเปรียญมานิดหน่อยเป็นลานหินเรียบ ชะง่อนหินยื่นออกนอกหน้าผาแหลมออกไป เหมาะสำหรับการซุ่มยิงอย่างมาก                   
          “ลูอิส!ขอกล้องหน่อยซอนเอื้อมมือมา ผมรีบเดินปลดกล้องจากคอส่งไปให้เขายกกล้องส่องหาเป้าหมายแล้วชี้มือตรงไปข้างล่าง….
          “คุณจำวงเวียนที่ขับรถผ่านมาเมื่อกี๊ ได้มั้ย?”  
          “อือ!” ผมพยักหน้ามองลงไปตามมือที่ชี้อยู่                
          “วันนี้ชาวบ้านจะมาชุมนุมประท้วงเผด็จการที่วงเวียนนี้แหละ พวกทหารต้องมาจากทางโน้นซอนชี้มือขึ้นเหนือไปที่ถนนที่เราขับเข้ามา
          “เราส่องมันได้สบาย เอาสัก 10 หัวแล้วค่อยกลับซอนยิ้มมุมปากแก้มบุ๋ม                
          สายตาของซอน นิ่งเยือกเย็นไม่ได้แสดงอาการกังวลให้เห็นแม้แต่น้อย  เขาเดินมาเอาปืนยาวจากผม  แล้วซ่อนข้างลานหินโกยเอาใบไม้มาโถมทับไว้พรางตา           
          “ลงไปหาอะไรกินกันก่อน พวกมันยังไม่มาตอนนี้หรอก เขาสั่งแล้วเด้งตัวลุกเดินกลับผ่านวัดไปที่มอเตอร์ไซด์อีกครั้ง     
          บนวัดวันนี้เงียบเหงาไม่มีงานบุญ ช่วงเช้าทั้งพระและลูกศิษย์ลงไปบิณฑบาตกันหมด เหลือแต่สุนัขวัดนอนกันเป็นฝูง  เราขี่มอเตอร์ไซด์ลงมาแถววงเวียนอีกครั้ง  ตึกแถวอาคารพาณิชย์3ชั้นเรียงรายอยู่สองฝั่งถนน  ซอนเลือกร้านหัวมุมถนนที่สามารถมองเห็นจุดที่เราซุ่มยิงได้    
           เมืองตองยีถึงจะเป็นเมืองหลวงของรัฐฉาน  แต่ก็เหมือนเมืองเล็กในป่าใหญ่ สภาพถนน รถยนต์และวิถีชีวิตเรียบง่าย ไม่เร่งร้อน แสดงให้เห็นว่ายังไม่เจริญทางวัตถุมากเท่าไหร่นัก
          ร้านค้าเป็นห้องแถวไม้ทรงโบราณ ที่ผ่านมาหลายชั่วอายุ ประตูไม้ถูกพับซ้อนไว้ด้านข้าง โต๊ะไม้เล็กๆ2-3ตัวมีกาน้ำชาและถ้วยตั้งห่างออกมาบนทางเท้า มื้อนี้ผมค่อนข้างกินได้สบายใจหน่อย มีไข่ลวกกับปาท่องโก๋ให้กิน ตบกาแฟไปอีกแก้วให้หายง่วง 
          หลังจากอิ่มท้อง  เราสองคนนั่งรอเวลา ดูวิถีชีวิตยามเช้าของชาวบ้านไปเรื่อยๆ ตลาดแบกับดินพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย จนกระทั่งแดดยามสายเริ่มแรง
          “นอนดีกว่า” ซอนชวนกลับขึ้นไปข้างบน
          ผมกลับขึ้นมานอนแผ่หลาบนลานหิน  ดวงตาเริ่มหรี่ลงเพราะความง่วง  พลัน...หูได้ยินเสียงอึกทึกบางอย่างจึงพลิกตัวชะโงกส่องกล้องลงไปมองด้านล่าง               
          “เสียงอะไรเหรอซอน เขาพูดว่าอะไร?” ผมชี้ไปที่รถยนต์หกล้อใหญ่ที่กำลังวิ่งมา บนรถบรรทุกมีหลายคนและมีลำโพงใหญ่มาด้วย
          “อ๋อ!..เสียงประกาศเชิญชวนให้ชาวบ้านมาชุมนุมต่อต้านกันที่วงเวียน  เดี๋ยวก็ออกมากันแล้วล่ะ!” ซอนบอกหลังจากชะโงกลงไปมองด้านล่าง   
          พระสงฆ์ฉันอาหารเช้าเสร็จแล้วกำลังเดินกลับกุฏิของตน เด็กวัดในชุดนักเรียนกำลังสาละวนกับการล้างชามที่กองเป็นภูเขาก่อนไปโรงเรียน เสียงเถียงกัน เจี๊ยวจ๊าวสนุกสนาน ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายเพียงใดก็ตาม อารามของทุกศาสนาก็ยังคงร่มเย็นเช่นเดิม เป็นที่พึ่งพาของคนด้อยโอกาส รวมทั้งหมาพเนจร เสียงนกเอี้ยงร้องเจื้อยแจ้ว สายลมพัดเย็นกระทบผิวกาย อากาศที่ตองยีนี่เย็นสบายดีจริงๆ ตาปรือ เคลิ้มหลับไปอีกครั้ง  กาแฟ...ไม่ช่วยอะไรเลย 

                                                  .................................................................................................   


ตองยี เมืองหลวงของรัฐฉาน

มุมมองสายตา  ลูอิส

กันยายน ค.ศ.2020

เสียงผู้ปราศรัยผ่านลำโพงบนรถบรรทุกเล็กเร้าใจ ชาวบ้านทยอยเดินมารวมตัวกันแน่นขนัดรอบวงเวียน  ผู้เฒ่าจูงมือเด็กน้อยหนุ่มสาวบ้างก็เดิน บ้างก็ขับมอเตอร์ไซด์มา เดินเข้าร่วมกลุ่มในมือถือหม้อมาคนละใบ เมื่อผู้ปราศรัยพูดถูกใจทุกคนก็ตีหม้อเสียงดังโป๊งเป๊ง ๆ ระงมไปทั่วทั้งเมือง เป็นการแสดงออกที่สร้างสรรค์ไปอีกแบบการกดขี่ภายในใจแตกระเบิดออกมาเป็นสัญลักษณ์ของหม้อและอุปกรณ์ครัวเรือนเพื่อแสดงว่าพวกเขามือเปล่า ผมนอนราบไปกับพื้นลานหิน ซอนลากถังขยะมาตั้งเป็นกำบังเพื่อป้องกันไม่ให้ด้านล่างมองขึ้นมาเห็นได้ง่าย
        " ง่าง ๆ เสียงนาฬิกาโบราณบนศาลาบอกเวลา10โมงเช้า แสงอาทิตย์ส่องจากด้านหลังแสดงว่าข้างหน้าเป็นทิศตะวันตก ผมส่องกล้องไปด้านล่างผู้คนยังทยอยเข้าร่วมชุมนุมต่อเนื่อง ถึงแม้แดดจะร้อนแรงเพียงใด ใบหน้าของทุกคนยังเปื้อนยิ้ม พวกเขามาด้วยใจบริสุทธิ์อาวุธคือหม้อในมือ ซอนเล็งผ่านเลนส์กล้องปืนมองไปจุดเดียวกัน
         “แน่ใจนะว่าวันนี้ ทหารจะมา?” ผมถามในขณะที่ซอนส่ายกระบอกปืนไปมาเพื่อมองหากองทหารแล้วชี้มือไปข้างหน้าตรงกับปลายกระบอกปืนที่เล็งเลยกลุ่มผู้ประท้วงไปถนนข้างหลังไกลออกไป                 
        “ไอ้พวกทหารขี้แพ้มาแล้ว เก่งแต่กับผู้หญิงและคนมือเปล่า ช่วงนี้มันกำลังเลือดเข้าตาผมส่องกล้องไปตามมือ
รถจี๊ปทหารไม่มีหลังคาแล่นมาฝุ่นคลุ้ง ทหารนั่งด้านหน้าสองนาย ยืนถือปืนกลที่ติดตั้งไว้ด้านหลังอีกหนึ่งนาย ตั้งใจมายิงคนมือเปล่าโดยเฉพาะ             
         "บรื้น...นน!!"  รถบรรทุกทหารเต็มคันขับตามมาอีกสองคันฝุ่นตลบ ตรงเข้ามาจอดในตลาดประจันหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มทหารกระโดดลงมาจากรถบรรทุกวิ่งมาตั้งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งเต็มพื้นที่           
         นายทหารลงจากรถจี๊ปเดินมายืนข้างหน้าแถว  ยกโทรโข่งตะโกนเจรจากับผู้ชุมนุมให้กลับบ้าน ผู้ชุมนุมตอบโต้กลับด้วยการเคาะหม้อสลับไปมาระหว่างเจรจา        
          เมื่อไม่สำเร็จต่างก็ตรึงกำลังไว้เช่นนั้น ต่างคนต่างยั่วยุ สร้างความโกรธแค้นให้กันและกัน เสียงเคาะหม้อดังระงมต่อเนื่องไม่ขาดสาย เสียงผู้ปราศรัยบนรถบรรทุกดุดันขึ้น เร้าให้ผู้ชุมนุมเคาะหม้อแรงขึ้น การเจรจาผ่านไปสามรอบเวลาล่วงเลยจนถึงเที่ยง  ไม่มีความคืบหน้า ทั้งสอง ฝ่ายเริ่มประจันหน้ากัน นายทหารถอยไปยืนด้านหลัง ซอนถอนสายตาออกจากกล้องหันมา...             
           “เตรียมตัว มันจะเริ่มแล้ว เขาวางปืนแล้วนอนราบลงกับพื้น
          ผมส่องกล้องในมือเห็นนายทหารหน้าตาโกรธเกรี้ยว  เดินหลบหลังแถวไปยืนข้างคนขับรถจี๊ปแล้วตะโกนสั่งการทหารทั้งสองแถวขยับปืนในมือประทับไหล่ปืนกลบนรถถูกเล็งเข้าหากลุ่มผู้ชุมนุมมือเปล่าเสียงหม้อยังคงดังกึกก้องรบกวนประสาทอยู่อย่างนั้นผมพยายามมองไปที่นายทหารคนนั้นแต่ทัศนะวิสัยไม่เอื้อเขาเดินไปมาหลบหลังแถวไม่เป็นเป้านิ่ง
         
นายทหารตะโกนสั่งการอีกครั้ง  พลปืนท้ายรถเอามือกดท้ายปืนM60ให้ต่ำลง ปลายกระบอกปืนชี้ฟ้าแล้วลั่นกระสุนออกมา 1 ชุด
       “ตรึ่ด !ตรึ่ด!ตรึ่ด!” ไฟและควันพุ่งออกจากกระบอกปืน ยุทธการยิงนกในกรงสร้างความกลัวเริ่มแล้ว
ผู้ชุมนุมแตกกระจายด้วยความตกใจ วิ่งหนีชนกันชุลมุน  บ้างก็หกล้มบ้างก็นอนหมอบราบกับพื้นบ้างก็คลานบ้างก็วิ่งเข้าหาที่กำบัง
       แต่มีผู้ชุมนุมอีกจำนวนมากไม่ได้สะทกสะท้านกับเสียงปืน  ยังคงเคาะหม้อด้วยความโกรธไล่พวกทหาร แกนนำบนรถก็ยังตะโกนเร้าใจใส่กองเชียร์ นายทหารคนเดิมตะโกนสั่งอีกครั้งพร้อมยกมือขึ้นฟ้าค้างเอาไว้ คราวนี้ทหารสองแถวหน้าแหวกออกหลีกวิถีกระสุน M60 บนรถ งานถนัดของทหารคือการยิงนกในกรงกำลังเริ่มขึ้น
          ทันทีที่นายทหารคนนั้นเอามือลง เสียงปืนทุกกระบอกก็ดังขึ้นพร้อมกัน
        “ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!ตรึ่ด!” เสียงปืนกลM60สนั่นเมือง ประชาชนมือเปล่าผู้น่าสงสารที่ยืนอยู่แถวหน้า ร่างกายสะบัดกระเด็นฉีกขาดด้วยอานุภาพของปืนกลติดรถยนต์  ล้มลงเป็นทางยาวเลือดนองพื้นแดงฉาน เสียงหวีดร้องด้วยความตกใจดังระงมแทนเสียงหม้อ
          ซอนร้องสั่ง
         “เด็ดหัวพลปืนกลก่อนซอนขยับตัวให้เข้าที่ สายตาแข็งกร้าวเล็งไปที่กล้องปืนไรเฟิลนิ่ง
          ผมส่องกล้องบอกพิกัดไปตำแหน่งเดียวกัน
…                 
         “ลม6นอต ทิศ45องศา
       ซอนละสายตาจากเลนส์กล้องปรับองศาและทิศทางที่ปืนแล้วเล็งอีกครั้ง 
เขาสูดลมหายใจยาวแล้วกลั้นลมหายใจใบหน้าคมเข้มสายตาดุจเหยี่ยวร่างกายของซอนนิ่งราวกับรูปปั้น ก่อนจะกระดิกนิ้วลั่นไกส่งมัจจุราชตัวน้อยออกไปทำงาน            
         “ฟึ่บ!” เสียงปืนเก็บเสียงดังข้างหู สายตาผมจ้องอยู่ที่ทหารถือปืนM60ท้ายรถ ปืนไรเฟิล .338 LAPUAไม่ทำให้ผิดหวัง เสี้ยววินาทีหลังสิ้นเสียงปืน หัวของทหารผู้โชคร้ายสะบัดหน้าหงายเลือดกระจาย ร่างของเขากระเด็นตามความแรงตกลงไปนอนนิ่งเลือดนองข้างรถ
          “บิงโก!” ผมแหกปากลั่น ทหารแถวหน้าขยับรุกคืบเข้าไปหา ผู้คนเริ่มแตกตื่น รถบรรทุกเล็กของผู้ปราศรัยถอยหลังยาว กลุ่มผู้ประท้วงขบวนแตก วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น ก่อนที่ความสูญเสียจะบานปลาย
         จังหวะนั้น!...กองกำลังติดอาวุธในชุดดำประมาณ 20 คน ขับรถมอเตอร์ไซด์มาทางถนนด้านขวาของวงเวียน วิ่งลงจากรถกระจายตัวไปหลบข้างตึกทั้งสองฝั่งถนนอย่างชำนาญ ปากก็ร้องตะโกนผู้ชุมนุมต่างพากันหลบเข้าข้างทางเป็นช่องให้เห็นทหาร
         “ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด! ตรึ่ด!” พวกเขาไม่ลังเลยิงกราดเข้าใส่ทหาร7-8นายแถวหน้าทรุดลงกองกับพื้น  ที่เหลือตกใจวิ่งหลบเข้าไปหลบข้างตึก
        ชายชุดดำตะโกนพร้อมโบกมือให้ผู้ชุมนุมให้หลบไป  พวกเขาวิ่งเข้าไปหาอย่างกล้าหาญ  ช่วยกันทั้งลากทั้งดึงผู้ประท้วงที่ยังยืนช็อกขาแข็ง  บ้างก็ โดนกดให้นอนราบลงเพื่อหลบวิถีกระสุน มือก็ยังคงโบกไล่คนออกไปให้พ้นเขตอันตราย                      
          “ปัง! ปัง! ปัง!” เสียงปืนยิงโต้ตอบตลอดเวลา ผู้ชุมนุมค่อยๆทยอยหลบจากพื้นที่             
        “ซอน...1นาฬิกา ลม 8 นอต 30 องศา ผมชี้เป้าให้ซอน ทหารย่องแอบมาหลังตึกยิงโต้ตอบกับชายชุดดำ เป็นเป้าชัดเจนให้กับซอนได้ส่อง
         "ฟึ่บ!” ทหารนายนั้นล้มลงกระตุกสองสามครั้งก่อนสิ้นใจหมดโอกาสได้กลับบ้านไปอีกราย
       ผมส่องกล้องเห็นทหารแตกทัพค่อยๆถอยขยับหนีมาทางนี้ เขาฝึกไว้ยิงประชาชนมือเปล่าจริง ๆ พอเจอกลุ่มติดอาวุธ พวกนี้ก็หนีหางจุกตูดเหมือนกันในประเทศที่ทหารเป็นผู้นำ พวกนี้พอเจอของจริงวิ่งหนีทุกครั้งและไม่เคยรบกับใครนอกจากประชาชนของตัวเอง              
      “ไม่ต้องขยับที่นะ คอยสอยมันตรงนี้ ผมเห็นนายทหารคนนั้นก้มหลังวิ่งมาหยุดตรงศพทหารคนแรก แล้วชะโงกหน้าผ่านขอบตึกออกไปดู
       “ฟึ่บ!” สิ้นเสียงนายทหารคนนั้นก็ล้มลงในอาการเดียวกัน ผมยิ้มอย่างสะใจเด็ดหัวผู้นำมันได้
    ชายชุดดำวิ่งแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว กระโดดขึ้นตรงนั้นออกตรงโน้น เห็นได้ชัดว่าเคยชินกับพื้นที่มากกว่า หลอกยิงทหารพม่าล่วงไปทีละคนสองคน รถจี๊ปทหารจอดนิ่งไม่มีคนขับ ทหารเหลือทิ้งปืนถอดเสื้อวิ่งแตกกระจายหายไปในตัวเมือง ชายชุดดำกลุ่มนั้นวิ่งไล่ล่าตามไป จนเรามองไม่เห็น             
      “Mission complete ซอนหันมาตีมือกับผม เราสองคนลุกขึ้นเก็บของอย่างเร็ว ผมคว้าถุงปืนยาวมาสะพายหลังวิ่งตามซอนไปที่รถมอเตอร์ไซด์ ขับรถลงมาจอดที่วงเวียน      
        “หลงซัน! ซอนยกมือทักทายใครบางคนที่อยู่ตรงนั้น แล้วบึ่งรถกลับบ้านพระอาทิตย์แดงอ้อมทุ่งนาข้าวบรรยากาศที่ยุโรปไม่เคยมีโอกาสได้เห็นธรรมชาติที่แบ่งปันชีวิตที่ไม่ต้องเร่งรีบเสียงหยอกล้อของหนุ่มสาวชาวชนบทหลังเสร็จงานสดใส
          “ยังไหวหรือเปล่า?” ซอนถามขณะเดินเอาปืนไปเก็บในห้องที่เดิม                 
          “มีต่อที่ไหนอีกเหรอ?” ผมมองหน้าอย่างลังเล มึงจะพาไปยิงหัวใครอีก กูมีธุระ กูรีบ            
          “ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ไปหาเจ็ทโด้กัน คุณกลัวแล้วเหรอ?” เขาคงขำที่เห็นผมลังเล
        “ผมมีธุระ” ผมยิ้มแหย ๆ ในใจกลัวขึ้นมานิดหน่อย ใจของผมสู้พวกนี้ไม่ได้ ยิ่งถ้าตุ๋ย เจ็ทโด้มาด้วยหนักกว่านี้อีก ไอ้นั่นมันได้ฉายาในวงการทหารรับจ้างว่า The shadow ไม่เคยทำงานพลาดสักครั้ง
        "ทหารในภูมิภาคนี้ไม่มีเกียรติเป็นเพียงมือปืนมีสังกัดคอยสังหารคนมือเปล่าให้กับเจ้านาย   เชื่อผมเถอะ! สักวันพวกมันจะเจอกองกำลังติดอาวุธและพ่ายแพ้อย่างน่าสมเพชที่สุดพวกมันไม่ใช่นักรบแค่คนโง่ที่ยิงปืนเป็น"   
            "ยังไงล่ะ?"
          "การเป็นทหารมันคือผู้ปกป้อง ชาวบ้านให้เกียรติถืออาวุธและพร้อมจะเชิดชูให้เป็นฮีโร่ แต่มันโง่ที่เอาโอกาสนั้นไปรับใช้เจ้านาย" ซอนแรงมาก ผมเปลี่ยนเรื่องดีกว่า
         “ตอนนี้เจ็ทโด้อยู่ไหน?” ผมถามแล้วเก็บอาวุธเข้าที่ ผมมีธุระของผมเหมือนกัน ถ้าไม่สำคัญจริง ๆ ก็คงไม่มาเสียเวลากับมันอยู่หรอก           
          “ในจีน
          พอได้ยินอย่างนั้นใจชื้นขึ้นมาก ผมมาหาซอนเพราะต้องการจะเข้าจีน ส่วนของแถมที่มันให้มาวันนี้ ผมไม่อยากได้ คิดแล้วเสียว
        “เบื่อหรือเปล่า ที่ต้องทำสงคราม? ที่ไหนก็เหมือนกันหมด มันเป็นความต้องการของชนชั้นนำเท่านั้นเอง ผมถามซอนอีกครั้ง อยากรู้ในใจของเขาคิดอะไร?            
     “ผมโคตรเกลียดพวกมันเลย ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่? ผมจะยิงหัวกบาลมันทุกตัว เป็นทหารร่างกายแข็งแกร่งกว่า แทนที่จะช่วยคนที่อ่อนแอ  กลับมารุมทำร้ายกันแบบนี้ ไม่ศรัทธาเลยว่ะ ซอนคำรามลั่นเหมือนโกรธเกลียดมาแต่ชาติปางก่อน                     
         “ถ้าไม่มีศาสนา ไม่มีการเมือง ไม่มีเชื้อชาติ ไม่ต้องมีกฎหมาย คุณคิดว่าโลกนี้จะน่าอยู่ขึ้นมั้ย?”        
          “ดีสิ! จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน หรือว่าจะหนักกว่าเก่ากันแน่วะเขาลังเล                     
           “จำคำผมไว้นะ อีกไม่นาน โลกใบนี้จะไม่มีสงคราม

 

                        ……………..............................................................................................………………………….

                
  

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม