หมวดหมู่ | The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 24 ม.ค. 2567 |
อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน
มุมมองสายตา นาตาลี
กันยายน ค.ศ.2020
“แอ๊บแอ๊บ! แอ๊บแอ๊บ!” เสียงกบร้องก้องท้องน้ำ ตอนนี้ก็น่าจะประมาณ 3ทุ่มเศษ ฉันนั่งคิดนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย แกว่งขาเตะน้ำเล่นที่ปลายสะพาน กลางสระในหมู่บ้านปางหลง
กองไฟเล็ก ๆ จุดไว้ตีนสะพานโดนลมพัดฟุ้งกระจาย อากาศกำลังสบาย ใบไม้สั่นไหวด้วยแรงลมกระโชกเบา ๆ สำหรับเมืองท่ามกลางหุบเขาเช่นนี้กลางคืนมืดสนิท แหงนมองขึ้นท้องฟ้าแสงดาวดวงเล็ก ๆ นับล้านดวงระยิบระยับพร่างพราวเต็มท้องฟ้ากว้างไกล ชัดเจนยิ่งนักในคืนเดือนมืด เจ้าช่างน่าพิศวงสงสัยเสียจริงว่า จะมีชีวิตแบบมนุษย์อยู่ดวงไหนกันแน่ มันต้องมีสักดวงสิ ฉันเคยเห็น UFO และเชื่อว่า นอกจักรวาลมีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น พวกเขามีเทคโนโลยีชั้นสูงที่มนุษย์ยังก้าวไม่ถึง
ฉันนึกย้อนคิดทบทวนเรื่องราวและเรียงลำดับเหตุการณ์ ตอนนี้มีคำถามผุดขึ้นมามากมายในหัว สหรัฐอเมริกามีแนวคิดสำรวจดาวอังคารและประเทศอื่น ๆ ก็พัฒนาแนวคิดเรื่องอวกาศตาม เพื่อหาที่อยู่เพิ่มให้กับมนุษย์โลก เหมือนกับพวกนี้รู้ล่วงหน้าว่าโลกกำลังจะถึงวาระสุดท้ายแล้ว เลยคิดทิ้งโลกใบนี้
กลุ่มคนที่ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากที่สุดคือกลุ่มคนรวย คนมีอำนาจ กลุ่มผู้นำประเทศพวกนี้กอบโกยเอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตน คนเหล่านี้มีอานุภาพทำลายสูง สร้างมลพิษและทิ้งขยะพิษมหาศาลกับสิ่งแวดล้อม และเหยียบย่ำผู้ที่ด้อยกว่าตน ยังมีอีกมากมายหลายล้านคนที่เกิดมาด้อยโอกาส ต้องมารับกรรมจากการกระทำของคนกลุ่มนี้
แต่ถ้าโครงการไปดาวอังคารสำเร็จได้จริง คำถามคือใครจะได้ไป? ชาวบ้านผู้ยากไร้หรือนายทุน โครงการแบบนี้ไม่น่าสนับสนุนเลยแม้แต่นิดเดียว เอาเงินงบประมาณสำรวจอวกาศของทุกประเทศนั้นมารวมกัน ไปหาวิธีกำจัดเกาะขยะกลางมหาสมุทรน่าจะดีกว่า นับวันก็ยิ่งจะกองใหญ่ขึ้น...
"เฮ้อ!” ฉันถอนใจระบายความอึดอัดกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่มันปะเดปะดังเข้ามาในหัวตลอดเวลา สลัดศีรษะไล่ความคิดต่าง ๆ ที่เข้ามาในหัวออกไป หยิบเป้ที่วางอยู่ข้างตัวมาเปิดซิปข้าง หยิบไฟฉายเล็ก ๆ มาเปิดส่องดูของต่าง ๆ ในเป้ กล่องสีดำปิดล็อคอย่างดี โทรศัพท์ปิดเครื่องไปนานแล้ว
“ยังอยู่ๆ” ฉันบอกกับตัวเอง ยิ้มให้กับเป้พร้อมกับหยิบเป้มากอดไว้แนบอก ฉันต้องออกจากจีนพร้อมของสิ่งนี้ไปให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องหนีให้พ้น
“แง่ว!แง่ว!แง่ว!” เสียงแมลงและสัตว์หากินกลางคืนแข่งกันร้องเรียกคู่ ดังระงมไปทั่วบริเวณสระน้ำ บ้านเรือนรอบ ๆ ปิดไฟนอนกันหมดแล้ว
“อ้บ! อ้บ!” กบหนุ่มตัวน้อยว่ายน้ำ ปีนขึ้นไปบนใบบัวนั่งเคียงข้างกบสาวอีกตัวที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว หิ่งห้อยน้อยส่องแสงประกายระยิบระยับ ฉันกอดเป้ไว้แนบอกเอาคางเกยเพ่งสายตามองฝ่าความมืดไปข้างหน้า นั่งนึกย้อนกลับไปเมื่อเย็นที่โดนไล่ล่า เหตุการณ์ลุ้นระทึกยังชัดเจนในหัว….
ที่ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ชั้น 15 อาคาร The 3 Temple
ภายในห้องสีขาวเงียบสงบปราศจากผู้คน โต๊ะกล้องจุลทรรศน์ตั้งเป็นระเบียบชิดผังด้านขวาสุด แถวถัดมาเป็นโต๊ะยาวมีโคมไฟกลมห้อยจากด้านบนลงมา สายระโยงรยางค์ห้อยอย่างเป็นระเบียบจากเพดาน หลอดทดลองสีแดงน้ำเงินเขียวเหลืองในตะแกรงรูสีขาวสะดุดตา ไวท์บอร์ดนัดประชุมติดผนังด้านซ้ายของทางเดิน ตู้ความดันที่มุมห้องด้านขวาเก็บผลงานวิจัยที่เสร็จแล้วขนาดใหญ่ถูกเปิดประตูไว้แล้ว
เอื้อมมือไปดึง Flat drive ออกมาวางกองรวมกันกับกล่องอัลลอยด์สีดำสลักอักษร Tame26 กระเป๋าเงินที่บรรจุเอกสารส่วนตัว บัตรและโทรศัพท์ที่ปิดอยู่ถูกโยนลงไปรวมกันไว้บนโต๊ะเล็กหน้าห้อง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่ที่นี่ ค่อย ๆ เรียงของลงเป้สะพายหลังทีละชิ้นจนครบ แล้วเอาเป้คล้องแขนสะพายหลังเข้าให้ที่เข้าทาง ก้มลงผูกเชือกรองเท้าแน่น ๆ มองผ่านกระจกผนังตึกออกไปด้านนอก บางส่วนถูกบดบังด้วยหางของเลวีอาซาน พระอาทิตย์แสงอ่อนเคลื่อนลงบ่งบอกใกล้เวลาเย็น
ทันใดนั้น....
“เหวอ!!” ใจหายแว้บ
“อั่ก!!” ฉันผงะหงายท้อง แขนกางขาชี้ฟ้าจากแรงกระชากอย่างแรงที่คอเสื้อ เป้สะพายหลุดจากแขน...
“โมเสส! Anti- Tame นั่นของฉันนะคะ เอาคืนมา!” ฉันเอื้อมมือไปยื้อแย่งฉุดกระชากลากดึง เป้สะพายหลังสีดำจากมือใหญ่อวบของประธานฝรั่งผมทองตัวอ้วนสูงใหญ่
“เอาคืนมานะ!”เรายื้อแย่งกันที่หน้าห้องทดลองชั้น15
“ขี้โกง เอามา!” แต่ฉันสู้แรงประธานไม่ได้
“อั่ก!!” แรงเหวี่ยงของประธานเพียงนิดเดียว ทำเอาฉันกระเด็นไปกองกับพื้นอีกครั้ง
"เอามานี่!" เขาแย่งเป้จากไป ทิ้งฉันให้นั่งมองตามตาปริบอยู่กับพื้นทางเดิน ประธานอ้วนเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วหันมาชูเป้ ตะโกนออกมาก่อนประตูลิฟต์จะปิด...
“Anti-Tame 26 อันนี้ของบริษัทฯ ไม่ใช่ของคุณ และอย่าคิดว่าจะหนีได้” เขาใบหน้าแดงก่ำ สายตาดุคู่นั้นไม่ได้ทำให้ฉันถอดใจ
ฉันต้องเอาคืนมาให้ได้ ฉันไม่มีทางยอมแน่ ประตูลิฟต์ค่อยๆเลื่อนกำลังปิด
“เดี๋ยวค่ะท่านประธาน เราต้องคุยกัน เราต้องคุยกันก่อน” ฉันตะโกนตามไป ขณะประตูลิฟต์ปิดลง
ไม่ทันการแน่...รีบวิ่งลงบันไดข้างไปดักรอประธานที่หน้าลิฟต์ชั้น14 เหลียวมองเห็นห้องประธานที่อยู่ด้านขวาเปิดไฟอยู่ ลูกน้องของเขานั่งอยู่เป็นกลุ่ม
“คุยกันก่อนสิคะ ฉันยังไม่ให้นะคะ” ฉันพุ่งตัวเข้าหาทันทีที่ลิฟต์เปิด พยายามเอามือไขว่คว้าเป้ให้ได้ประธานยกกระเป๋าขึ้นสุดแขน ฉันเอื้อมไม่ถึง
“พอได้แล้ว!” ประธานตวาดเสียงดัง เอามือดันหน้าฉันแล้วเบี่ยงตัวหลบเดินสวนออกไป
“เฮ้ย! พวกมึงมาจับมันไว้ที” จังหวะที่ท่านประธานกำลังก้าวขาขวาเดินนั้นเอง
“ฮึ่บ!” ฉันเขี่ยไปที่เท้าซ้ายในจังหวะที่ก้าว ท่านประธานสะดุดขาตัวเองเสียหลักล้มลง กระแทกพื้น...
“พลั่ก! แผละ!” เสียงก้อนเนื้อขนาดใหญ่กระทบพื้นสะเทือน
“ตึกตึก!ตึกตึก!ตึกตึก!” หัวใจเต้นแรงเพราะกลัว ฉันกล้าทำอย่างนี้ได้อย่างไร? ฉันไม่ได้ต้องการทำร้ายเขา
“โอ้ย!...คุณทำอะไรของคุณเนี่ย!” ประธานล้มกลิ้งไปกับพื้น เป้สะพายสะบัดกระเด็นหลุดจากมือ ลื่นไถลมาที่เท้าของฉันพอดี เขาโกรธหน้าแดงก่ำ…
“จับมันไว้ อย่าให้หนี!”
“หยุดนะ!” จังหวะนั้นเองกลุ่มลูกน้องก็กรูกันออกจากห้อง
“ไปก่อนล่ะ” ฉันคว้าเป้สะพาย วิ่งไปประตูหนีไฟ ในใจคิดแต่จะหนีให้เร็วที่สุดอย่างเดียว ในยามฉุกเฉินอย่างนี้ ฉันจะโง่สุด ๆ คิดอะไรไม่ออก
“ไปจับตัวมาให้ได้ เร็ว ๆ ถ้าปลอดคนก็ยิงทิ้งไปเลย” เสียงประธานสั่งยิ่งทำให้เครียด
“เฮ้ยไปดักหน้าไว้ ต่อยท้องสักทีก็อยู่” ลูกน้องของเขาวิ่งตามมา
“ตึง!!” ฉันผลักประตูหนีไฟกระโดดลงท้องเลวีอาซาน
“เหวอ!!” แสงสว่างเป็นเส้นพุ่งจากภายนอก ลอดผ่านรูเกร็ดงูเลวีอาซาน ทำให้มีแสงสลัว
“หึ๋ย!!” ฉันนอนยืดตัวเหยียดขาตรงไป เลวีอาซานพาเลื้อยเลี้ยวล่องลอย วนเวียนไปมาด้วยใจเต้นรัวกลัวสุด ๆ ไปกับมัน เป็นการลื่นไถลที่ยาวนาน เนื้อตัวเปียกไปด้วยน้ำที่หล่อเลี้ยงท้องเพื่อกันพื้นฝืด
ทุกครั้งที่กลัวจัด สมองจะสั่งให้ปากท่องโดยอัตโนมัติ ติดเป็นนิสัยมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ที่คอยปลอบใจยามที่กลัว ฉันกลัวความสูง เห็นแล้วหน้ามืด ขาสั่น...
“โครงสร้างและส่วนประกอบของเซลล์สัตว์ 1.เยื่อหุ้มเซลล์ มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆประกอบด้วยโปรตีนและไขมัน ทำหน้าที่ควบคุมเซลล์ให้คงรูปอยู่ได้และทำหน้าที่ควบคุมการผ่านเข้าออกของสารบางอย่าง เช่น น้ำ อากาศ และสารละลายต่างๆ 2. ไซโตรพลาสซึมมีลักษณะเป็นของเหลวที่มีสิ่งต่างๆปนอยู่ เช่น ส่วนประกอบอื่นๆเซลล์ อาหารซึ่งได้แก่ น้ำตาล ไขมัน โปรตีน และของเสีย 3. นิวเคลียสมีส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วน คือ - นิวคลีโอลัส ประกอบไปด้วยสารพันธุกรรม DNA และ RNA มีการสร้างโปรตีนให้แก่เซลล์และส่งออกไปใช้นอกเซลล์- โครมาติน คือ ร่างแหของโครโมโซม โครโมโซมประกอบด้วย DNA หรือยีน โปรตีนหลายชนิดทำหน้าที่ควบคุมการสร้างโปรตีน DNA เป็นตัวควบคุมการแสดงออกของลักษณะต่างๆ ในสิ่งมีชีวิต โดยการควบคุมโครงสร้างของโปรตีนให้ได้ คุณภาพและปริมาณโปรตีนที่เหมาะสม” ร่างกายลื่นไถลวนไปมาหลายรอบ
“จ๊าก...กก!!!” จนลำตัวลอยพุ่งออกจากปากเลวีอาซาน ลงไปอยู่กลางสระน้ำ
หลังจากนั้น พวกกลุ่มผู้ชายก็ยิงปืนใส่ฉัน เสียงจากปืนที่ดังสนั่นทำให้บริเวณนั้นเป็นจุดสนใจ ฉันวิ่งมาถึงสี่แยกจินหลง ในตอนนั้นฉันยังลังเลตัดสินใจไม่ถูกว่าจะหนีไปทางไหนดี หันหลังกลับไปมองดูที่ประตูทางออกที่วิ่งจากมา
"บรื้น...นน!!" รถยนต์สีแดงสดคาดดสติ๊กเกอร์ลายมังกรสีเหลือง มังกรอู่ฮั่น พุ่งทะยานมาจากถนนหน้าอาคารด้วยความเร็วสูง กำลังจะพ้นออกประตูจังหวะเดียวกันกับรถกระบะของตำรวจก็ขับมาจอดปิดทางออกนั้นพอด
“เอี๊ยด!” เสียงยางเบียดถนนร้องโหยหวน ตำรวจวิ่งเข้าไปล็อคพวกนั้น
จากนั้นฉันก็ไม่รู้แล้วว่า ตรงนั้นจะอะไรเกิดขึ้น ตัดสินใจวิ่งไปทางซ้ายตามถนนหวังเซิน วิ่งเหยาะ ๆ เลาะตึกแถว วิ่งจากสี่แยกมาได้สักระยะ ตัดสินใจเลี้ยวซ้ายเข้าตลาดซีอันเพื่อไปหาร้านขายเสื้อ สิ่งแรกที่คิดได้คือต้องเปลี่ยนชุดก่อน มันเฉอะแฉะไปหมด วิ่งเข้าตลาดด้วยความคุ้นเคยสายตามองหา… นั่นไง! ข้างหน้าโน้น ด้านหลังตลาดมีป้ายติดหน้าร้านเป็นภาษาอังกฤษว่า Fairy sport wear //ชุดกีฬานางฟ้า
ฉันเลือกสีดำทั้งหมด รองเท้าผ้าใบคู่กับเลกกิ้งรัดรูปเน้นความคล่องตัว เสื้อยืดคอกลมแขนยาวกับหมวกแก๊ป เปลี่ยนใหม่หมดทั้งข้างนอกและข้างในสบายตัวขึ้นเยอะรวมทั้งเป้สะพายด้วย
ภายในร้าน...เสื้อผ้าชุดกีฬาจัดเรียงแยกสีเป็นระเบียบ คนขายเป็นวัยรุ่นสาวสวยสะดุดตาเหมือนชื่อร้าน ผิวขาว ร่างสูงเพรียว นมกลมใหญ่อัดแน่นในเสื้อยืดตัวเล็กและกางเกงขายาวสีดำรัดรูป สูงราว 1.70 เมตรใกล้เคียงกัน แต่เธอสูงกว่านิดหน่อย
ทรงผมหน้าม้าสั้นทำให้ดูคล่องแคล่ว เธอรวบผมข้างหลังมัดจุกดูน่ารักมากขึ้น เราเคยเจอกันหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยคุยกัน เธอเป็นคนช่างเจรจาท่าทางใจดี ขยับมาเอ่ยชวนคุยตอนฉันรูดบัตรเครดิตชำระเงิน…
“คนสวย!...จะลงแข่งขันจักรยานมาราธอนอู่ฮั่น-ฉงชิ่งเหรอคะ? ฉันก็ลงแข่งด้วยนะ ฉันชื่อไป่ไป๋นะคะ!” สาวน้อยแก้มป่องยื่นหน้ามาแนะนำตัว ปากชมพูบางช่างเจรจา ดวงตาดำกลมโตแววตาประกายสวยใสดูซื่อบริสุทธิ์ น่าอิจฉา เธอเกิดมาพร้อมรูปทรัพย์
ดวงตาคนเราสามารถบอกแทนปากได้ว่า กำลังยิ้มและบอกได้มากกว่าปากคือความจริงใจ หล่อนแสดงอาการอยากรู้พร้อมกับยื่นหน้ากากอนามัยสีดำให้ชิ้นหนึ่ง
“เปล่าค่ะ เอ!...มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ฉันงงกับคำถามจู่โจมของคนแปลกหน้า คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ในขณะที่มือก็รับหน้ากากอนามัยมาสวมทันทีพร้อมกล่าวขอบคุณ
“เอ่อ! ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันเห็นคุณซื้อเสื้อผ้าแบบนี้คิดว่าจะมาแข่งขันกีฬา อีกอย่างนะ...คุณสวยมากอยากคุยด้วย อยากรู้จัก ขนาดเราเป็นผู้หญิงเหมือนกันยังรู้สึกชอบเลย” เธอยิ้มกว้างแววตาเป็นประกาย พูดช้า ๆ อย่างจริงใจด้วยท่าทางที่เป็นมิตรจริงๆ
แต่ฉันก็ยังคงเป็นฉัน คอยระวังตัวและรู้สึกแปลกที่โดนคนแปลกหน้ามาชมเลยต้องระวังตัวมากขึ้น ปรกตินอกจากซื้อของจำเป็นแล้ว ฉันไม่ออกไปเจอใคร ทำงานแล้วก็กลับบ้านเลย ทำให้ฉันมีเพื่อนน้อย ไม่ค่อยมีสังคม
“จะแข่งเมื่อไหร่เหรอคะ?” ฉันถามกลับตามมารยาท ไม่ได้อยากรู้ แต่ในใจก็รู้สึกตะหงิด ๆ กับ ฉงชิ่ง
ชื่อฉงชิ่งเข้ามากวนสมองน่าสนใจ ถ้าจะไปเมืองนี้มีทางเลือกมากมาย ทั้งรถไฟ รถยนต์ เรือ แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่ง ปะปนไปกับพวกนักแข่งน่าจะไม่เป็นจุดสนใจ
“คนลงแข่งเยอะมาก ปล่อยตัวพรุ่งนี้ 7 โมงเช้าที่สี่แยกจินหลง ใช้ถนนเส้นหวังเซินแข่ง 3 วัน รางวัลที่1ได้เงิน10,000หยวนเลยล่ะ” เจ้าหล่อนตอบเสียงใสกระตือรือร้นเน้นเสียงตรง ได้เงิน10,000หยวนเลยล่ะ และโยกหัวเอียงซ้ายขวายิ้มหวาน เหมือนจะเอาเงินมาล่อฉันให้เข้าร่วมด้วย แต่ในใจฉันคิดว่า...กระจอกมากเงินแค่นี้
“ค่ะ!!” ฉันตอบเหมือนรับทราบ แล้วหันหลังเดินออกจากร้านมาโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้เธอยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
ออกจากร้านเสื้อผ้าขยับมาทางหลังตลาดอีก4-5ห้อง เจอร้านขายจักรยานพอดี ฉันใช้เวลาตัดสินใจแวบเดียวก็เข้าไปซื้อจักรยานเสือหมอบ พร้อมอุปกรณ์เกียร์ช่วยให้ขี่ทางไกล ๆ จะได้ไม่เหนื่อย ชายชราชาวจีนใจดีขายของเก่ง แถมผ้าขนหนูอัดเม็ดให้กำมือนึง สะดวกดี พกง่ายเอาใส่เป้ตุนไว้ก่อน ได้น้ำและขนมติดมือมาด้วยนิดหน่อย ปั่นจักรยานออกทางหลังตลาด พระอาทิตย์เกือบจะลับทิวเขาแล้วแสงสว่างค่อย ๆ สลัวลง ถนนเส้นนี้เป็นทางออกนอกเมือง ขี่ลัดเลาะหมู่บ้านดินเก่า ๆ โทรม ๆ หลังเล็ก ๆ กระจายห่าง ๆ กันล้อมรอบสระน้ำ
หมู่บ้านชนบทในเมืองนี้มักจะสร้างบ้านไว้รอบสระน้ำ ซึ่งทั้งมณฑลหูเป่ยจะมีแอ่งน้ำเยอะมากกระจายไปทั่ว ขี่ข้ามห้วยข้ามคลองหนีหมาหนีแมวอ้อมเลาะถนนลูกรังชนบท มาเข้าเมืองอีกครั้งที่ถนนหวังเซิน ซึ่งเป็นถนนหลักแถว ๆ หอนกกระเรียนเหลือง เลี้ยวขวาแล้วขี่ตรงไปข้ามสะพานแม่น้ำฮั่นเจียง ปั่นรถจักรยานข้ามแม่น้ำฮั่นเจียงออกจากเมืองอู่ฮั่นทางตะวันตก ฝ่าความมืดมาตามถนนหวังเซินประมาณ 50 กิโลเมตรไกลพอควรแล้ว อารามตกใจและกลัวคิดออกได้แค่นี้แหละ ดูโง่ ๆ ยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องออกนอกเมืองก่อน เพราะไอ้พวกนั้นรู้จักบ้านพักของฉัน อย่างไรเสียมันต้องไปเฝ้าแน่ ออกจากเมืองนี้ก่อนดีกว่า
ปั่นมาเรื่อยจนเจอทางเข้าหมู่บ้านปางหลงและตัดสินใจว่าคืนนี้นอนที่นี่แหละ ฉันมั่นใจว่าไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ในที่ทำงาน คนที่จะตามหาไม่มีทางรู้หรอกว่าฉันจะหนีไปทางไหน เพราะฉันเองก็เพิ่งตัดสินใจเลือกจะขี่จักรยานไปฉงชิ่ง...เมื่อตอนเย็นนี้เอง
“นอนดีกว่า!” ตรงนี้สายลมพัดเย็นสบาย ขยับมานอนข้างกองไฟมีจักรยานจอดเป็นเพื่อนอยู่ใกล้ คิดถึงพรุ่งนี้ต้องปั่นจักรยานอีกไกล น่าจะหนักเอาการ พักเอาแรงเพื่อวันใหม่ดีกว่า
หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |