The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 ตอนที่ 10

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 ตอนที่ 10
หมวดหมู่ The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 24 ม.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน

มุมมองสายตาไป่ไป๋

กันยายน 2020

ร้าน Fairy sport wearในตลาดซีอัน...
          “หม่าม้าคะ พรุ่งนี้เช้าหนูไปแข่งจักรยาน 3 วันนะคะฉันเดินลงบันไดมาด้านล่าง ตะโกนบอกแม่ที่กำลังง่วนอยู่ในครัว กลิ่นไข่เจียวส่งกลิ่นโชยหอมชวนน้ำลายสอ หม่าม้าในวัย45ปี ยังสาวสวยปิ๊งอยู่เลย ลูกค้าหลายคนคิดว่าเราเป็นพี่น้องกัน
          “อีกแล้วเหรอ? ยังเล่นเป็นเด็กอยู่อีก เมื่อไหร่จะทำงานจริงจังสักที?  รีบมากินข้าว วันนี้ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเสียงท่านตะโกนตอบจากในครัว ฉันรู้ว่าหม่าม้าบ่นไปแบบนั้นเอง  จริง ๆ แล้วตัวท่านเองนั่นแหละที่ชอบให้ฉันไปเที่ยวจะได้เรียนรู้และเห็นโลกกว้างใบนี้ด้วยตาของตัวเอง
           “หม่าม้าใจเย็น ๆ ถ้าคิดจะส่งให้หนูไปเป็นลูกจ้างเขา ไม่ต้องรีบก็ได้ หนูสมัครเป็นลูกจ้างหม่าม้าก็ได้ เป็นผู้จัดการร้านให้ ดีป่ะ?” ฉันเดินเข้าไปโอบเอวท่านจากด้านหลัง แล้วชะโงกหน้าไปหอมแก้มสลับซ้ายขวา
          “ร้านขายชุดกีฬานี้ ฉันคิดจะเลิกทำหลายครั้งแล้ว ฉันก็ไม่ค่อยอยู่บ้านด้วย ที่ยังเก็บไว้เพราะกลัวแกจะเหงา ท่านมักจะเดินทางตลอด คงแอบไปมีคนรู้ใจแน่ ๆ เลย ความเหงามันถามหา
สมัยยังเด็กฉันรับเรื่องนี้ไม่ค่อยได้ ถ้ามีผู้ชายมาคุยกับท่านวันไหน วันนั้นบ้านแตก พอโตขึ้นก็เริ่มจะเข้าใจ คนเราต้องมีชีวิตของตัวเอง  อยากทำอะไรก็ทำ สนุกให้สมวัยมากที่สุด เวลาที่ผ่านไปแล้วเอาคืนกลับมาไม่ได้ เรื่องบางเรื่องถ้าไม่ทำตอนนี้ อาจจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกก็ได้  ทำเป็นแกล้งไม่รู้ดีกว่า ท่านจะได้สบายใจ ป่ะป๊าเสียตั้งแต่ฉันยังเล็กเลยไม่มีเรื่องราวให้คิดถึงและหม่าม้าก็ไม่เคยพูดถึง...
         
นี่ขนาดกลัวหนูเหงานะนี่ หายไปทีเป็นเดือนฉันกระซิบข้างหูเป่าลมเบา ๆ ท่านสะดุ้งแล้วหัวเราะ ท่านเลี้ยงฉันเหมือนเด็กผู้ชายปล่อยตามใจทุกอย่าง
         
ประสบการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้สะสมให้ฉันเป็นคนกล้า ชอบเสี่ยง  ชอบเที่ยว ฉันอยู่บ้านคนเดียวบางครั้งก็เหงา อยากมีความรักแบบคนอื่นบ้าง วัยสาวอยากรู้อยากลอง แต่ก็ยังไม่กล้าพอเรื่องความรัก ครอบครัวของเราไม่มีผู้ชาย ฉันจึงไม่ค่อยสนิทใจกับผู้ชายสักเท่าไหร่ กล้า ๆ กลัว ๆเลยยังหาแฟนไม่ได้สักที
           
เดี๋ยวนี้ ฉันไม่เห็นแกไปถ่ายแบบเลย เบื่อแล้วเหรอ?” แม่หันมาถามแล้วอมยิ้ม
            ฉันเป็นนางแบบสมัครเล่นยังไม่มีชื่อเสียง เอเจนซี่ติดต่อมาก็ไป...หาเงินง่ายดี ฉันชอบ
           
ใช่เบื่อ! แต่ไม่ได้เบื่องานนะ เบื่อคน พวกผู้มีอำนาจทั้งหลายชอบจะมาหิ้วหนู ฉันเอาหน้าซุกหลังหม่าม้ามือยังกอดเอวอยู่แน่น ฉันต้องใช้คำว่าระอากับการต้องไปเจอกับคำชวนไปทำแบบนั้น การเชิญไปกินข้าวก็เหมือนกับขู่กลาย ๆ พอปฏิเสธไปว่าไม่สะดวก งานก็ถูกยกเลิกทันที ความฝัน ความหวังที่อยากทำงานที่เรารัก ต้องเจอกับอุปสรรคจากผู้มีอำนาจ
           “ทำไมล่ะ ทำงานกับคนมันก็อย่างนี้แหละจ้า ท่านตอบโดยมือยังง่วนหั่นผักกวางตุ้ง
            “งานมันจะหนักหรือเหนื่อยแค่ไหนหนูไม่เคยบ่นนะคะ แต่ไอ้พวกนี้มันไม่เกี่ยวกับงานน่ะสิ ไอ้พวกทุนนิยม พอมีเงินก็ใช้เงินฟาดหัวคนจน ฉันปล่อยมือจากเอวหม่าม้า เดินไปหยิบน้ำดื่มขวดใหญ่ในตู้เย็นข้างประตูเข้าห้องครัว เดินไปวางที่โต๊ะอาหารด้านนอกแล้วเดินกลับเข้ามายืนดูแม่หั่นผักต่อ...
           “ทำไมล่ะ?” ท่านยกหม้อน้ำตั้งบนเตาแก๊ส
           “ก็หนูไม่มีผู้จัดการส่วนตัวนี่ พวกนั้นชอบแกล้ง หนูไม่ชอบ ผู้ใหญ่นิสัยไม่ดีชอบทำลายความฝันเด็ก ฉันหยิบไม้กวาดมากวาดเศษผักที่กระเด็นตกลงมาที่พื้น
           “ยังไง?...อธิบายดี ๆ สิ ไม่เข้าใจ” ท่านขมวดคิ้วแต่ใบหน้ายังยิ้ม
           “ให้แต่งานยาก ๆ แกล้งหนูสารพัด เขาบอกว่าอยากได้งานสบาย  ต้องรับงานนอก กินข้าวกับผู้ใหญ่ฉันเดินไปเก็บไม้กวาดข้างตู้เย็นห้องครัว แล้วลากเก้าอี้มานั่งดูท่านทำกับข้าว ฉันก็ทำเป็นทุกอย่างแต่วันนี้พิเศษหม่าม้าอยู่ด้วย กินกับข้าวฝีมือท่านอร่อยที่สุดในโลก//
           “แล้วแกแก้ปัญหานี้อย่างไร?” ท่านหันมายิ้มแล้วหยิบหมูใส่หม้อน้ำที่กำลังเดือดพล่าน ใส่เครื่องปรุงตามไป กลิ่นเตะจมูกชวนน้ำลายสอ
           “แก้ไม่ได้นะสิ! หนูเกลียดผู้ชายแบบนี้จริง ๆ ไม่รับงานกับเอเจนท์นี่แล้ว ฉันเกลียดการบังคับ มาขอกันดี ๆ อาจจะยอม มาบังคับกันอย่าหวังไม่มีวันยอมแน่นอน
           
ทำให้มันจริงจังสิ หาใครมาเป็นผู้จัดการสักคน เพื่อน ๆ ก็ได้นี่ หม่าม้าอมยิ้มเหล่มอง
           “เดี๋ยวลองหาดู ถ้าหนูมีแฟนเป็นผู้หญิง หม่าม้าจะว่าอะไรมั้ยคะ?” ฉันเงยหน้าถาม ในใจไม่ได้คิดจริงจัง ฉันคิดว่าความรักไม่ต้องจำกัดเพศหรอกอยู่ที่เราเลือก
           “ไหนมาดูหน้าหน่อยสิ!” ท่านวางของแล้วเช็ดมือ หันมาบีบใบหน้าฉันจนปากจู๋ แล้วจ้องตา...
           “หน้าตาเหมือนเด็กยังไม่อดนมเลย ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ท่านไปใส่ผักลงหม้อแล้วปิดฝา หรี่ไฟลง
            “นี่ม้า! จะไม่ว่าหนูเหรอคะ?” ฉันอดแปลกใจไม่ได้ เรื่องแบบนี้ตัดแม่ตัดลูกกันมาเยอะแล้ว
            “คิดจะมีแฟนแล้วเหรอ? ผู้หญิงเป็นแฟนกันได้ด้วยเหรอ?” ท่านเลิกคิ้วถาม
            “มันเป็นความรัก ผู้หญิงหรือผู้ชายก็เหมือนกันแหละ หนูแค่ต้องการเพื่อนฉันตอบส่งเดชไป ฉันไม่มีประสบการณ์ด้านนี้
            “ตามใจแกเถอะ แต่เมื่อสมควรแต่งงานก็ต้องแต่งกับผู้ชายนะ ฉันจะได้อุ้มหลาน ท่านถามเสร็จก็ยกหม้อเดินออกไปโต๊ะอาหาร
            “หนูอยากมีแฟนใจจะขาด ไม่เห็นมีใครมาจีบสักคน ตาไม่ถึงกันเล้ยฉันเดินตามหม่าม้าไปนั่งที่โต๊ะ ไข่เค็มและเต้าหู้ทอดวางอยู่บนโต๊ะกินข้าว
           “ใช้ชีวิตวัยสาวให้คุ้มก่อนเถอะ วัยรุ่นมีครั้งเดียว ผ่านแล้วผ่านเลยไม่หวนคืน จำไว้นะลูก อย่าไปติดกับดักตามกระแสสังคมล่ะ อย่ารีบมีครอบครัว อย่ารีบซื้อบ้าน อย่ารีบมีลูก ชีวิตจะจมอยู่กับการใช้หนี้และขาดสีสัน ไม่สนุกหรอก อย่าคิดและเชื่อว่าการมีลูกจะทำให้เป็นผู้ใหญ่หม่าม้าเดินเข้าครัวไปอีกรอบ
           ฉันเห็นด้วยกับชีวิตอิสระที่หม่าม้าพูด หลายคนมีคู่แล้วสนับสนุนกันก็มีความสุข แต่ผู้ชายหลายคนกลับกลายเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด ของความ สำเร็จของคนรักของตัวเอง
           “ม้าคะ! ความรักคืออะไรคะ แล้วทำไมคนต้องรักกันคะ?” ฉันอยากรู้ทัศนคติเรื่องความรักของแม่ผู้ให้กำเนิด            
          “อ้าว! ไหนบอกจะมีแฟน ไม่รู้จักความรักหรอกเหรอ? บรรดาหนุ่ม ๆ ของแก เดี๋ยวนี้หายไปไหนหมด”ท่านหันมาหัวเราะ
          “หนูไม่มีแฟนสักคน ไอ้พวกนั้นมันก็เข้ามาคุยด้วย คุยไปคุยมากลายเป็นเพื่อนกันไปหมด อยู่กับพวกมัน หนูไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นเลย” บรรดาหนุ่ม ๆ ของฉันไปคนละทิศละทาง
           
ความรัก? ฉันตอบอย่างที่เข้าใจก็แล้วกัน มันอาจจะไม่ถูกนัก  กินข้าวเยอะ ๆ นะ วันนี้มีไข่เจียวของชอบแกด้วย แช๊ง! แช๊ง! ท่านเล่นเสียง พร้อมร่อนจานไข่เจียวมาโฉบหน้าฉัน มันหอมจนท้องป่วนน้ำลายสอปาก ใช้ตะเกียบคีบไข่ร้อน ๆ เหลืองฟูกลิ่นหอมเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ตุ้ย
           “ฉันถูกจับคลุมถุงชน ไม่มีโอกาสเลือก โดนบังคับให้ไปแต่งงานกับป่ะป๊าของแก อยู่ได้ไม่นานก็ท้องแล้วได้แกมานี่แหละ ยังไม่ได้รักป่ะป๊าของแกเลยด้วยซ้ำไป แต่ก็ดีแล้วล่ะ” ท่านไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังเลย วันนี้มาแปลก
           
อ้าว! นี่หนูไม่ได้เกิดจากความรักหรือนี่ฉันตาโตหันถาม
            “ฉันโดนบังคับอย่างนั้น แกคิดว่าจะรักลงมั้ยล่ะ? สังคมของคนจีนสมัยก่อนมันบ้าลูกชาย แกดันออกมาเป็นผู้หญิง พวกเขาจะเอาแกไปทิ้งแม่น้ำ ฉันไม่ยอมให้ใครมาแตะต้อง ฉันทะเลาะกับทุกคนหม่าม้ามีสีหน้าเครียดขึ้น
              ใช่สิ!...เมื่อก่อน พวกผู้ใหญ่ทะเลาะแย่งอำนาจกัน พอชนะแล้วไม่มีปัญญาเลี้ยงประชาชน ออกกฎหมายให้มีลูกได้คนเดียว พ่อแม่อยากได้ลูกชาย พอออกมาเป็นลูกสาวทางผู้ใหญ่จะเอาไปทิ้งแม่น้ำ ศพเด็กผู้หญิงลอยเกลื่อนทะเลจีน ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือเป็นข่าวระดับโลกเลยเมื่อหลายปีก่อน
            “โชคดี ที่ป่ะป๊าของแกเสียชีวิต หลังจากคลอดแกไม่ถึงเดือน ฉันเลยพาแกหนีมาอยู่ที่อู่ฮั่น เมื่อก่อนครอบครัวฉันอยู่หนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างสีจ้วงโน่นสิ่งที่หม่าม้าพูด ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน สีหน้าหม้าม้าเครียดจนฉันไม่กล้าถามว่าป่ะป๊าตายเพราะอะไร? ทำไมท่านถึงบอกว่าโชคดี ในบ้านของเราไม่เคยมีรูปของท่าน และหม่าม้าก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับท่านด้วย
           “หม่าม้าขา หนูถามว่าความรักคืออะไร?” ฉันรีบดึงหม่าม้ากลับมาใหม่
            “ฉันว่าความรัก อย่าไปมีมันเลย มันจะทำให้คนเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ มันเป็นจุดเริ่มต้นของความชั่วร้ายอื่น ๆ แกลองฟังดูนะหม่าม้าสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วค่อยๆผ่อนลมยาวออกมา
          “ยังไงคะ?” ฉันค่อนข้างแปลกใจที่ได้ยินคำตอบแบบนี้ สิ่งที่เคยได้ยินเกี่ยวกับความรัก มันทำให้มีความสุขไม่ใช่เหรอ?
          “พอเริ่มรักกัน ก็อยากเป็นเจ้าของ คอยตามราวีหึงหวง ติดตามทุกฝีก้าว ยุ่งวุ่นวายกับโลกส่วนตัวเพราะคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นความรัก พยายามยัดเยียดความเป็นตัวเราให้กับเขา จะรู้สึกตื่นเต้นและเสียใจตลอดแรก ๆ ก็ทนกันได้หม่าม้าถอนหายใจ
          “หือ!” ฉันลังเล ไม่เชื่อและคิดว่า ที่เขาเป็นอย่างนั้นเพราะเขาไม่มั่นใจในตัวเองมากกว่าหรือต้องมีปมในใจบางอย่าง ไม่ใช่เป็นเพราะความรักหรอก หม่าม้าต้องเข้าใจผิดแน่ๆ
          “วิชาของม้า ไม่เหมือนใครเลยเนอะ พูดอย่างนี้หวังผลอะไรรึป่าว” ฉันคิดว่า...ท่านคงกลัวฉันจะไปดื้อแน่ พูดกั๊กกันชัด ๆ
          “อย่าลืมสิว่า ชีวิตต่างก็เป็นของตัวเอง เรารักชอบในสิ่งที่เขาเป็น แล้วให้เขาคิดกับเราแบบนี้มีความสุขกว่า เราต้องมีดีให้เขารัก ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องมีดีให้เรารัก ถ้ามีความรักแล้วต้องเสียความเป็นตัวตนของตัวเอง อย่าเลือกคนประเภทนั้น อยู่ด้วยก็ไม่มีความสุขหรอก ชีวิตของเราเลือกได้ แต่ต้องเรียนรู้ที่จะเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง ท่านยิ้มอย่างใจเย็น
           ฉันคิดตามที่ท่านพูด มันก็มีเหตุผล การหึงหวง ตบตี ทำร้ายร่างกาย ฆ่าตัวตาย ข่มขู่และอีกสารพัดมาจากจุดเริ่มต้นเดียวกันคือ ความรัก
           “แล้วหนูต้องทำยังไงคะ?” ฉันถามเผื่อเอาไว้ ถ้าความรักมันเลวร้ายขนาดนั้น ทำไมคนถึงโหยหากันนัก? ด้วยวัยขนาดฉัน ในใจลึก ๆ ก็แอบอยากลอง อยากค้นหาและท้าทาย
           ฉันตักข้าวใส่ถ้วยใบน้อยจนพูน นั่งรอคำตอบ
          “ไม่ต้องหาคำตอบจากความรัก ท้ายที่สุดแล้วคนที่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าไม่ได้อยู่ด้วยเพราะความรัก เขาอยู่กันได้เพราะความเข้าใจ เขาว่ากันว่าผู้หญิงจะเข้าใจเรื่องความรักเมื่อผ่านผู้ชายคนที่สามไปแล้ว รักแรกมักไม่สมหวังอย่าทุ่มเทมากนัก ทุกคนเจ็บปวดกับรักครั้งแรกเหมือนกันหมด หม่าม้าตอบเรียบ ๆ
           ฉันหยุดเคี้ยวข้าวแล้วหันไปมอง รอด้วยความอยากรู้
         
จำไว้ว่าเรารักตัวเองอย่างไร? เขาก็รักตัวเองอย่างนั้น เรื่องความรักต้องมีตรงกลาง มีความพอดี เวลาที่เหมาะสม ถึงจะอยู่กันยืด ฉันสังเกตเอาจากไว่กงกับไว่โผของแกน่ะ หม่าม้ายิ้มอายเพราะหลวมตัวมาพูดเรื่องความรักทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นแม่ม่าย // ซ่อนอะไรอยู่หรือเปล่าคะหม่าม้า//
           “กลางอย่างไรเหรอคะ ไว่กงกับไว่โผทำยังไง?”
           
เขาสองคนไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวกันเลย ต่างคนต่างอยู่ ถ้าจะพูดเรื่องรักเขาจะมาเริ่มต้นที่โซฟา
           
ห๋า!” ฉันตกใจตาเหลือก สะบัดหน้าไปหา มือปัดถ้วยข้าวกระจายเต็มโต๊ะ ที่เหลือยังห้อยคาปากที่อ้าค้าง
          “ทะลึ่ง! แกเข้าใจว่ายังไง?” ท่านหัวเราะคิก
           ฉันเอามือกอบเศษอาหาร สายตายังจ้องไปที่หม่าม้า // พูดอย่างนี้ ยังคิดเป็นอย่างอื่นได้อีกเหรอคะ ฉันก็โตพอที่จะเดาได้//
           “ถ้าใครมีเรื่องดี ๆ หรือเป็นเรื่องที่เข้าใจกันสองคน อยากจะเล่าให้อีกคนฟัง คนหนึ่งจะไปนั่งอ่านหนังสือคอยจนกว่าอีกฝ่ายจะมา คุยกันเสร็จพวกเรา 4 พี่น้องก็จะลุ้นว่าพวกท่านจะเดินไปที่ไหนกัน หึหึหึ! พวกท่านไม่รู้เลยว่า ลูก ๆ รู้รหัสลับ หม่าม้าอมยิ้มที่ได้คุยเรื่องอดีตวัยเด็ก ท่านเงยหน้ามองเพดานกระพริบตาถี่ ฉันเห็นริ้วน้ำในขอบตาท่านเอ่อ คงคิดถึงสินะ!
           “ดียังไงคะหม่าม้า? อยากพูดอะไรก็พูดเลย ง่ายกว่าตั้งเยอะ ฉันไม่เห็นด้วยสักนิด ยุ่งยากมากเรื่อง
           “ฉันไม่เคยเห็นเขาทะเลาะกัน จนวันสุดท้ายของชีวิตทั้งสองคน  หลังจากไว่กงเสีย อาไว่ม่าก็นั่งโซฟานั่นตลอด และฉันก็เอามันมาไว้ที่ชั้น 3 ข้างบนไง หม่าม้าเสียงอ่อยลงเมื่อพูดถึงบุพการี ดวงตาท่านแดงก่ำ ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
           “หนูก็สงสัยมานาน เห็นหนังมันหุ้มแปลก ๆ ทรงก็ดูย้อนยุค” ฉันเห็นมาแต่เด็ก โซฟาแดงโบราณอยู่หน้าห้องนอนของท่าน
         
“นั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่ยอมให้แกเลี้ยงแมว”
           
“อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง”
            “แกอยากจะทำอะไรก็ทำไป อย่าพึ่งคิดแต่งงาน เลือกให้ดี ๆ ถ้าไม่ใช่ก็ทิ้งไปแล้วหาใหม่ อย่าให้เรื่องความรักความใคร่มาทำลายคุณค่าความเป็นตัวตนของแก อะไรไม่ใช่ให้ตัดทิ้งทั้งหมด รักศักดิ์ศรีตัวเองให้มาก ฉันเลี้ยงแกมาอย่างดี ให้ภูมิใจในตัวเองด้วย ท่านมองหน้าฉันไปด้วยพูดไปด้วย
            “ความรักกับความใคร่ไม่เหมือนกันเหรอคะ? ฉันเกาหัวงงกับคำพูดของท่าน มีรักก็ต้องมีเซ็กซ์สิของมันคู่กัน
           “แกต้องแยกสองอย่างนี้ออกจากกันให้ได้ มันไม่เหมือนกัน ทั้งความรักและความใคร่เป็นตัวฉุดให้จมอยู่กับปัญหาเดิม
           
“.........” โอย..ตายแล้วฉันไม่น่าถามเลย ยิ่งท่านพูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งงงหนักกว่าเดิม
           
รักมันง่ายนิดเดียว แต่เลิกยากกว่ารักหลายเท่า ที่ฉันอยากจะบอกแกมากเลยคือถ้าอกหักต่างหากต้องทำอย่างไร?” ท่านยิ่งพูดฉันยิ่งไม่เข้าใจ
            “อกหักทำไงเหรอ?”ฉันฟังหูซ้ายทะลุหูขวา
            “กลับมาหาฉันให้เร็วที่สุด ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ท่านหัวเราะลั่น
             ฉันไม่เข้าใจที่หม่าม้าพูดทั้งหมด แต่ก็จะลองเอาไปประยุกต์ใช้ดู....
            “มีอะไรป่ะเนี่ย วันนี้อารมณ์ดีจัง?ฉันหันไปมองจ้องตา วันนี้ท่านคุยเรื่องปลกๆเยอะเป็นพิเศษ สงสัยจะหนีเที่ยวอีก
           
ฉันจะโอนเงินที่เก็บไว้ส่วนของแก ให้เอาไปดูแลเอง หมดแล้วหมดเลย แกอายุยี่สิบแล้ว จากนี้ไปก็ตัดสินใจเอาเองนะ ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของแกอีกแล้วจะคบผู้หญิงก็ได้ ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องมีลูกเสียเวลาหาความสุข แกจำไว้เลยนะ ถ้ามีลูก...ฉันไม่เลี้ยงให้แกนะ แกลืมฉันไปได้เลย หม่าม้าพูดประโยคนี้มาทำให้ฉันยิ้มได้
           ฉันได้รับอิสรภาพแล้วเหรอนี่ เรียนมาเยอะแล้วพอกันทีออกไปเที่ยวหาประสบการณ์อื่นบ้างดีกว่า ฉันยังมีฝันอีกอย่างที่ต้องทำให้ได้ ///ไปเกาหลีใต้ดีกว่า///
           
ฉันจะใช้ชีวิตของฉันบ้าง เลี้ยงแก 20 ปีพอแล้ว ฉันจะไปธุระสักสองเดือนเหมือนกัน ท่านเกาะขอบโต๊ะดูฉันกินข้าว ในที่สุดก็หลุดออกมาแล้ว นี่เองสินะที่พูดดีกับฉันตลอด//// เชอะ//
           “ถึงว่าสิ! วันนี้หม่าม้าพูดเยอะจัง จะไปเที่ยวนี่เอง ฉันเคี้ยวข้าวเต็มปากทำเป็นไม่สนใจ
           
ไม่เกี่ยวกันหรอกย่ะ การที่ฉันหายไปครั้งละเดือนสองเดือนก็เพราะจะฝึกเราทั้งสองคนให้แยกจากกัน เมื่อถึงเวลาจะได้รับมือได้ นี่คงเป็นสิ่งที่แม่กังวลใจมาตลอด
            ฉันเคยได้ยินว่าคนเราวันหนึ่งก็ต้องจากกัน จะจากเป็นหรือจากตายเท่านั้น แต่!มันมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลผิดสังเกต
           “แค่นี้จริงเหรอ?” ฉันยิ้มมุมปาก
           “อือ!” ท่านหลบตา พิรุธชัดๆ
            ฉันลุกพรวดพูดเสียงดัง
             “แต่จริง ๆ ที่ซ่อนไว้คือ
            ท่านสะดุ้งตกใจตาโต แก้ตัวพัลวัน....
           “ฉัน...ฉัน...ฉันมีผู้ชายแอบเก็บ..เฮ้ยไม่ใช่ ท่านตะกุกตะกัก
             “ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! ฉันขำกับท่าทางของท่าน ไม่รู้ว่าเล่นมุกหรือเอาจริง แต่ช่างเถอะได้อิสระแล้ว ขอโบยบินสู่โลกกว้างเดินตามฝัน
            “บ้าเล่นซะเคลิ้มเลยท่านเอื้อมมือมาตีแขนเบา ๆ อายหน้าแดง
           
วันนี้หนูนอนด้วยนะคะ พรุ่งนี้จะไปแข่งแต่เช้า
              ...................................................................................................……………………………………………..

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม