The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 ตอนที่ 11

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 ตอนที่ 11
หมวดหมู่ The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 24 ม.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

อู่ฮั่น  มณฑลหูเป่ย 

มุมมองสายตาไป่ไป๋

กันยายน 2020
          รุ่งอรุณของวันใหม่ ช่วงเช้าที่สดใส..สี่แยกจินหลง ทางทิศตะวันตกของเมืองอู่ฮั่น คึกคักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนล้นหลามลานตา หลากสีสันไปด้วยหน้ากากอนามัย การแข่งขันจักรยานทางไกลต้านภัยโควิด-19 ครั้งที่ 1 อู่ฮั่น-ฉงชิ่ง ระยะทาง 850 กิโลเมตร  งานจัดขึ้นเพื่อแสดงละครฉากใหญ่ให้ทั่วโลกได้เห็นถึงความสำเร็จในการจัดการเชื้อโควิด สร้างภาพให้ประชาชนลุกขึ้นสู้และสามารถใช้ชีวิตปรกติได้ สิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อจัดงานมงคลในจีน...คณะสิงโตจีนต่อตัวกันขึ้นไปบนเสาไม้ไผ่ลำโต กระโดดข้ามไปมาจากเสานั้นไปเสาโน้น ผู้คนแหงนคอตั้งมองอ้าปากค้าง
         
เสียงกลองรัวตะลุ้งตุงแช่ ๆ ๆ ผสมเสียงฉาบดังสนั่นแสบหู นักแข่งมาพร้อมจักรยานคู่ใจ ทักทายจับมือบ้าง ตีมือกันบ้าง รถจักรยานก็สวยคนก็หล่อ ความคิดโลภ มันแวบมาในหัว ฉันเดินช็อปปิ้งซ่อนสายตาหื่นไว้ใต้แว่นดำดูหนุ่มสาวนักซิ่ง โอย..ทั้งกล้ามบนกล้ามล่าง ฟูฟ่องฟองฟอดไปหมดอยากได้จังเลย ที่ฉันมาแข่งก็เพราะหนุ่มสาวนี่แหละ ฟินเลือดออกจมูกแล้ว มองดูกล้ามหนุ่ม ๆ เพลินเลย หันยิ้มรับโบกมือทักทายเพื่อน ๆ และคนรู้จักที่มาวันนี้
          “ปรี๊ด!  ปรี๊ด!  ปรี๊ด! เสียงนกหวีดตำรวจ เป่าไล่รถดังตลอดเวลา
          “แป๊น แป๊น! เสียงแตรรถยนต์และเสียงมอเตอร์ไซด์ดังระงมไปทั่วบริเวณ กลิ่นควันไอเสียรถยนต์กวนจมูก
         “เข้าที่!” กลุ่มนักแข่งเริ่มเข้าประจำที่เมื่อเสียงกรรมการประกาศผ่านโทรโข่งเรียกรวมพล ทุกคนทยอยเข็นรถจักรยานของตัวเองเข้าเส้นที่ทางกรรมการจัดไว้เป็นแถวยาวเรียงหนึ่งไปตามความยาวถนน
         ฉันมาในชุดขาวรัดรูปรัดโชว์ไปทุกอย่าง อยากจะตะโกนบอกกับเหล่ามวลมนุษยชาติว่า ฉันก็มีกะเขาเหมือนกันนะเว้ยเฮ้ย ไม่น้อยด้วย///  แต่ก็ไม่กล้าขนาดนั้น มาแข่งขันคราวนี้ได้เลขประจำตัว199 มาติดหน้าอก ฉันเข็นรถจักรยานของตัวเองเข้าประจำจุดที่เบอร์199 ที่อยู่เกือบจะสุดท้ายของแถว ตึก The 3 temple กับงูตัวใหญ่ยักษ์อยู่ทางขวามือ ค่อย ๆ เข็นรถช้า ๆ เดินสวนแถว ตั้งแต่คนแรกไปเรื่อย ๆ สายตามองไปที่นักแข่งทีละคนทีละคัน...
         “ไป่ไป๋! มาด้วยเหรอ?” เพื่อน ๆ ร้องทัก
         “อาเม่ย! มากับใคร?” ฉันก้มหัวยิ้มรับบางคนที่ส่งยิ้มมาให้
         ชะเง้อมองไปท้ายแถวมีอีกประมาณ10คัน แต่ไม่เจอกับคนที่ต้องการ เสียงกรรมการประกาศย้ำกติกาการแข่งขัน และการแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ขึ้นคร่อมจักรยานจัดหมวกให้เข้าที่เข้าทาง ดัดมือ หักนิ้ว ซอยเท้าอยู่กับที่ เตรียมตัวสตาร์ท
          “ปัง!ปัง!ปัง!ปัง! เสียงจุดประทัดดังสนั่นหวั่นไหว เป็นสัญลักษณ์การปล่อยตัวทีมจักรยานมาราธอนดังขึ้น ควันขาวฟุ้งกระจาย กลิ่นดินปะสิวแสบจมูกไปหมด หัวแถวขยับแล้ว...
           “Go!go!go! จักรยานคันหน้าค่อย ๆ เคลื่อนตัวจากจุดสตาร์ท เจ้าหน้าที่โบกมือกระตุ้น คันถัดมาเริ่มฉีกแซงขึ้นทางขวาปิดสองเลน สปีดกันสุดกำลังตั้งแต่ต้น ปาดซ้ายปาดขวาขึ้นโยกกันตัวลอย
          กองเชียร์สองข้างทางส่งเสียงโบกธงหลากสีเชียร์ทีมของตัวเอง อู่ฮั่นในวันนี้ก็ยังเป็นเมืองที่สำคัญในภาคกลาง ประชากรประมาณ 12 ล้านคนมากเป็นอันดับ 7 ของจีน อาคารบ้านเรือนสองข้างทาง ผสมผสานลงตัวระหว่างศิลปกรรมโบราณกับสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่มีให้เห็นทั่วไป
           “ปรี๊ด!  ปรี๊ด!  ปรี๊ด! ตำรวจอำนวยความสะดวกปิดการจราจรทั้งเส้นให้กับกลุ่มนักปั่นจนถึงตีนสะพานข้ามแม่น้ำฮั่นเจียง จากนั้นขบวนจักรยานต้องเดินทางไปต่อกันเอง
          ฉันขี่รถข้ามสะพานแดงนี้หลายรอบจนนับครั้งไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่ขึ้นมาบนนี้มันเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ท้องฟ้ายามเช้าแจ่มใส เมฆขาวก้อนใหญ่ลอยตัวเคลื่อนบังดวงอาทิตย์ อากาศกลางแม่น้ำสดชื่น สายลมพัดเย็นสบาย ตึกอาคารสองฝั่งแม่น้ำแข่งกันสูงเสียดฟ้า ขนาบเรือสินค้าใหญ่น้อยที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่กลางลำน้ำ แสงแดดอ่อน ๆ  แต่วันนี้แสงสะท้อนพื้นน้ำเต้นรำระยิบระยับทำให้ฉันคิดเพ้อเจ้อไปต่าง ๆ นา ๆ 
          “เอ๊ะ!หรือแสงนี้จะเป็นแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปของนักข่าว  ที่มาดักรอถ่ายรูปฉัน  จึ๋ย! จึ๋ย!” ฉันพูดคนเดียวเพ้อเจ้อไปเรื่อยตามฝันเฟื่องของวัยสาว คิดแล้วก็ใจพอง มันจั๊กกะจี้หัวใจ คนสวยแล้วบ้าก็เป็นแบบนี้แหละ
          ขบวนจักรยานสลับกันแซงขึ้นลงอย่างอิสระ ทุกคนก้มหลังเงยหน้ามองถนนในท่าเดียวกันหมดทุกคน พวกเราปั่นชิดไหล่ทาง บางช่วงเลียบภูเขาเลยถัดมาเป็นเหวลึก วิวทิวทัศน์ไกลออกไปเทือกเขายาวสลับซับซ้อน ไม้ป่าเปลี่ยนสีเป็นแดงเหลืองส้มสวยตรึงตา ลากสายตากลับมาใกล้  เหวด้านข้างก็ลึกเสียจนไม่เห็นก้นเหว  ต้องบอกว่าสวยเสียวท้องน้อย
           จุดพักค้างคืนแรกยังห่างไกลจากความจริงนัก จักรยานขี่เกาะกลุ่มกันเป็นแถวยาว มุดโค้งสลับกันแซงขึ้นนำ ทิวแถวจักรยานทะยานพุ่งไปข้างหน้ารวดเร็วปานลูกปืน คันหลังเร่งความเร็วจี้ตามคันหน้า ล้อต่อล้อไม่ลดละ ทุกสายตาจับจ้องไปที่พื้นถนนลาดยาง กล้ามขาขึ้นเป็นมัดจากการซอยเท้าปั่นอย่างเร็ว เหงื่อที่หยดจากใบหน้าที่มุงมั่นของแต่ละคน แสดงถึงพลังขับเคลื่อนภายใน ระยะทางพิสูจน์จิตใจอันแน่วแน่ สภาพถนนพิสูจน์กำลังกายที่ทรหด ทุกคนจับจ้องจดจ่อกับชัยชนะที่เป็นเป้าหมายร่วมกัน
          รถจักยานนำขบวนคันหน้าขึ้นเนิน ยกมือให้สัญญาณ เขาโบกมือขวาขึ้นลงให้ชะลอความเร็ว คันต่อมาจะทำสัญญาณมือเหมือนกัน เพื่อบอกต่อคนที่อยู่ข้างหลัง ฉันชะลอรถตามสัญญาณมือ ก่อนสัญญาณมือจะเปลี่ยนเป็นแขนขวาตั้งฉาก ซึ่งหมายถึงให้หยุดรถ
          ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉันรีบขี่เลาะแถวไปหัวขบวน ลมหายใจหอบแรงเพราะความเหนื่อย ยิ่งใกล้เนินหัวแถว ยิ่งเห็นอาการเครียดและความวิตกกังวลปรากฏชัดบนใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อของนักแข่ง  ด้านหน้าของพวกเรา มีรถเก๋งสีแดงสดคาดสติ๊กเกอร์มังกรเหลืองจอดขวางถนน ปิดการจราจรทั้งสองเลน รถยนต์สัญจรไปมาติดเป็นขบวนยาว ผู้ชายสวมแว่นดำห้าคน เดินส่ายเรียงหน้ากระดานเข้ามา เหมือนแก๊งรีดไถ ชายหัวโล้นหันไปกระซิบบางอย่าง ทั้งหมดก็วิ่งกรูมาหาตรงที่ฉันยืน
          ฉันจำหน้าไอ้พวกนี้ได้ดี เห็นหน้าพวกมันตั้งแต่เด็ก พวกนักเลงกระจอกที่คอยรีดไถ เก็บค่าคุ้มครองจากร้านค้าในเมือง โดยเฉพาะไอ้อ้วนนี่! เคยมามีเรื่องกับลูกน้องผู้หญิงที่ร้าน พวกนี้ไม่มาดีแน่ไม่น่าไว้ใจ เมื่อวานช่วงหัวค่ำก็เห็นไอ้อ้วนไปเดินป้วนเปี้ยนแถวบ้าน สร้างแต่ความระอาให้ชาวบ้านร้านตลาด
          เมื่อรถจักรยานจอดทั้งหมดแล้ว พวกมันก็โบกให้รถยนต์ที่ติดผ่านไปได้เสียงบีบแตรด่าดังขรม คนตัวอ้วนเดินมาถึงก่อน โบกไม้โบกมือพูดเสียงดังเหมือนออกคำสั่งพวกเรา...
          “พวกลื้อนั่งพักผ่อนกันก่อนนะ อั๊วขอเวลาหาของสิบนาที
          ฉันขยับเดินไปยืนรวมกลุ่มกับผู้ชาย 4-5 คนที่เดินเข้าไปเจรจา  ประมาณว่า เกิดอะไรขึ้น ปิดถนนทำไม? หาอะไร? ของอะไร? ของใคร?
          ไอ้หมูตอนไม่ได้สนใจจะตอบคำถาม เดินเอาพุงชน ตึง ตึง แหวกกลุ่มของฉันจะไปหาอีกกลุ่มที่อยู่ริมขอบทาง
          “อยู่นิ่ง ๆ จะได้เสร็จเร็ว!” มันเดินมองผ่าน ๆ ไม่ได้รื้อค้นอะไรสักอย่าง ฉันไม่เข้าใจการกระพวกมันสักเท่าไหร่? แต่ที่แน่ ๆ คือพวกมันไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้...
           “หยุดก่อน! ฉันคว้าข้อมือใหญ่ที่ลื่นไปด้วยเหงื่อของไอ้อ้วนให้หยุดแต่โดนสะบัดจนเซ กลุ่มเพื่อนผู้ชายเดินมาขวางไม่ให้ไอ้อ้วนผ่าน
           “หลบไป! มันผลักทีเดียวกลุ่มก็แตกกระจาย เพื่อน ๆ เดินประชิดเข้ามาสมทบอีก เกิดการดึงดันผลักกัน
          “เฮ้ย!เสียงตวาดดังเข้ามา
          ทุกคนหันมอง...ไอ้นักเลงคนนี้มีผ้าพันทั้งตัวคล้ายมัมมี่ เหลือมือขวาใช้ได้ข้างเดียว เดินกะเผลกเข้ามาพร้อมพวกอีก 3 คนยืนประจันหน้าสถานการณ์เริ่มตึงเครียด ไอ้นี่น่ากลัวมาก คงจะโหดมากถึงได้มีแผลขนาดนั้น ฉันใจคอไม่ดีเลย
          มันเดินตรงมาที่ฉันด้วยท่าทางน่าเกรงขาม.
          “ขอ! ขอ! เวลาแปปเดียว”
          “หึหึหึ!” ฉันหลุดหัวเราะรีบก้มหน้าหลบ มึงไม่พูดซะยังดีกว่า!  
          “ถ้า! ถ้าลื้อ! ไม่อยาก! เจ็บ! เจ็บตัว! อยู่เฉย ๆ ดีกว่าไอ้มัมมี่ติดอ่าง มันกัดฟันแล้วแลบลิ้นออกมาเลียปาก เท้าสะเอวหมุนตัวมอง ไล่สายตาจากฉันไปหาคนอื่น พร้อมเอามือดึงชายเสื้อข้างขวาขึ้น เพื่อโชว์ปืนสีดำที่เหน็บเอวให้เห็นนิดหน่อยแล้วปิดลง// อูยย..มีปืนด้วย
          เพื่อนผู้ชายก็ยืนเฉยไม่ทำอะไรเลย ใจปลาซิวกันหมดเป็นผู้ชายเสียเปล่า เห็นอย่างนี้ต้องทำอะไรบางอย่างซะแล้ว แอบเปิดกล้องโทรศัพท์ เตรียมพร้อมถ่ายคลิป ฉันไม่มีปัญญาไปสู้กับมันหรอก
          “นี่คุณ! หลบไปเถอะนะ พวกเราจะไปต่อเพื่อนสาวเข้าไปต่อรอง
          “พูดไม่รู้เรื่องรึไงวะ บอกว่า ขอเวลาไม่นาน?” พวกมันไม่สน
          “เอาแต่ใจตัวเองมากไปหรือเปล่า?” ฉันเปรยลอย ๆ ในใจก็เดือดปุด
          ชายหัวโล้นสวมแว่นดำ ปราดเข้ามา...
          “เฮ้ยอาหลง! อีหมวยนี่! ลูกสาวร้านขายเสื้อในตลาดนี่นา โตขึ้นมาสวยขนาดนี้เชียวหรือ?” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มลึกแสดงถึงอำนาจ ยิ้มสยองเดินมาใกล้น่าเกรงขาม
          “ใช่! ใช่ครับลูกพี่! อีหมวยนี่มันแสบ!  มัน! มันเคยเอาน้ำร้อนไล่สาดผมกับไอ้ตือด้วยอาหลงฟันหลอเดินไปหาแล้วฟ้องลูกพี่
          เจ้าอ้วนหันมาโวย...
          “ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย! นิสัยดุอย่างกับหมา ไอ้อ้วนชี้มาที่ฉันด้วยสายตาอาฆาต ฉันจำไม่ได้เลยว่าทำไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
          เจ้าอ้วนหันไปปรึกษาหัวหน้ามัน...
          “เบาะแสที่เรามีคือเสื้อผ้าที่มันทิ้งไว้ที่ข้างตลาด และรู้ว่ามันมีจักรยานครับลูกพี่ เมื่อคืนนี้พวกเราปิดเมืองค้นหาแล้ว ไม่เจอตัว!” ไอ้อ้วนเดินมาสมทบบอกกับไอ้โล้นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันกำลังเก็บข้อมูลจากพวกมันเหมือนกัน
          “เมื่อเช้าผมเห็นงานแข่งจักรยาน เลยสงสัยว่ามันอาจจะมากับทีมแข่งจักรยาน เลยชวนลูกพี่มาดักนี่แหละครับเจ้าอ้วนรายงาน หัวหน้ามันหันมา...
          “นี่หมวย! เมื่อวานมีผู้หญิงผมยาว สูงประมาณนี้ ไปซื้อของที่ร้านบ้างรึป่าว?” ไอ้หัวโล้นพูดเสียงเรียบ พร้อมยกมือบอกระดับความสูง
           “ร้านฉันมีคนเข้าทั้งวัน จำไม่ได้!” ฉันตอบโดยไม่มองหน้ามัน ในใจคิดไปถึงผู้หญิงสาวสวยคนเมื่อวาน แต่เรื่องอะไรจะบอกพวกมัน 
           “เรามาดี ขอเวลาไม่นานหรอก แล้วมาขี่จักรยานไกล ๆ แบบนี้  ปล่อยหม่าม้าอยู่บ้านคนเดียว ไม่เป็นห่วงเหรอ?” ไอ้โล้นส่งสาส์นถึงฉันโดยตรง มันพูดถึงหม่าม้าทำให้หัวใจหล่นตุ้บลงไปกองพื้น พูดอะไรไม่ออก //ในใจว้าวุ่นสับสนทันที มันจะรู้มั้ยว่าเรารู้ ช่างเถอะเรานิ่งไว้ก่อนดีกว่า//
           “พวกเราหาให้เจอ!” มันสั่งเสียงดัง เหล่านักเลงก็วิ่งแยกย้ายเดินเข้าไปดูหน้าคนขี่จักรยานทีละคน ๆ เดินลงเนินไปทางท้ายแถว
           สักพัก...เมื่อมันไม่พบสิ่งที่ต้องการก็ขับรถกลับไป ปล่อยให้หลายคนไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถามไถ่กันจ้าละหวั่น เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดีพวกเราก็เดินทางกันต่อ ฉันคิดในใจอาการของพวกมันชัดมาก ท่าทางแบบนี้มันตามหาคนนี่นา
                                                                     
..............................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม