The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 ตอนที่ 20

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 ตอนที่ 20
หมวดหมู่ The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 24 ม.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

เซียงยี่ ตูเจี่ย มณฑลหูหนาน

มุมมองสายตา แทน

กันยายน ค.ศ.2020

เราแยกออกจากลุ่มใหญ่มากันเพียงสองคัน เปลี่ยนเส้นทางไปเซียงยี่ ตูเจี่ย มณฑลหูหนาน เพื่อลัดเข้าไปทางเมืองกุ้ยหยาง เมืองหลวงของมณฑลกุ้ยโจว อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน เมืองแห่งป่าไม้และตากอากาศ  ด้วยเหตุนี้ รถของพวกเราไม่เคยได้วิ่งทางเรียบตรงสักที รถบรรทุกต้องแล่นขึ้น-ลงภูเขาอยู่อย่างนี้มาทั้งทาง เที่ยวนี้เราเจอปัญหาระหว่างทางและน่าจะเป็นปัญหาใหญ่เสียด้วย สองสาวปริศนาที่จู่ ๆ ก็โผล่มาพร้อมกับความโกลาหล พวกเธอเป็นใครกันและคงทำเรื่องใหญ่ไว้ด้วย ต้องเค้นหาความจริงกันแล้ว
           “พวกเธอจะไปไหนกัน?” พี่ตุ๋ยเสยผมแล้วถามขึ้นห้วน ๆ หลังจากที่พวกเราเงียบกันมาทั้งทาง
           “ฉงชิ่งค่ะ!” สาวผมสั้นตาคมตอบอ้อมแอ้ม
           ผมเหลือบตามองผ่านกระจกส่องหลัง อีกคนนั่งก้มผมปรกหน้ามิด  ลองคุยกันดี ๆ ก่อน...
           “แนะนำตัวกันก่อนดีมั้ย ชื่ออะไรกันบ้าง? ผมชื่อแทน นี่พี่ชายผม ชื่อตุ๋ย พวกเรามาจาก Kala Democracyผมทำลายกำแพงความกลัวให้พวกเธอโดยการแนะนำตัวเอง
           ดูท่าทางพวกหล่อนไม่ใช่คนร้าย แต่ผมสงสัยไปทำอีท่าไหนถึงโดนไล่จับ หนีกันหัวซุกหัวซุน
           “หนูชื่อไปไป๋ค่ะ อยู่อู่ฮั่น นี่พี่สาวหนู ชื่อนาตาลีค่ะจะไปฉงชิ่งเธอตอบเสียงใสขึ้นมานิด แววตายังมีความกลัวใบหน้าขาวสวยใสเก๋ไก๋สมวัยสาว
           “คนนี้ผมยาวเสื้อดำชื่อนาตาลี คนนี้ผมสั้นเสื้อขาวชื่อไป่ไป๋ พี่ตุ๋ยหันหลังไปชี้ทีละคนแล้วพยักหน้า แต่ก็ขมวดคิ้วเหมือนคิดอะไรได้
           “เจ็ทโด้เอาดี ๆ คิดจะโกหกอีกเหรอ?” พี่ตุ๋ยจับโกหกอะไรได้อีกแล้ว
           “หนูไม่ได้โกหกสาวผมสั้นก้มหน้าหลบสายตา พิรุธร่วงกราว
           “แล้วทีแรกบอกเป็นคนเกาหลี โกหกเก่งจริง เจ็ทโด้ลงไปเลย...ไป!  พี่ตุ๋ยขึ้นเสียงดัง สะบัดหน้า
           “หนูแค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง ไม่ได้โกหกนะ จริง ๆเสียงไป่ไป๋ดังจากข้างหลัง เธอเปลี่ยนน้ำเสียงให้ดูนุ่มนวลขึ้น ฉลาดนะเด็กคนนี้ พอมีความผิดก็กลบเกลื่อนทันที
           “อนนี่คะเอาไงดี?” เธอหันไปเขย่าพี่สาวที่ก้มหน้า ตั้งแต่ขึ้นรถมาผมยังเห็นหน้าพี่สาวของเธอไม่ถนัดสักที
           “ไปไป๋! ฉันเวียนหัว นอนก่อนนะ พูดเสร็จเธอทำท่าจะล้มลงนอนหนุนตักน้อง.
            แต่...
           “ไม่ต้องเลย อนนี่ไม่ได้ผลแล้วล่ะ เปลี่ยนมุกมั่ง” เธอเอานิ้วชี้ดันหน้าผากพี่สาวไว้ นาตาลีหน้าหงายมองตาปริบ ๆ
           “เมื่อกี๊ทีนึงแล้ว แหม!...ทำเป็นแกล้งป่วย ให้หนูรับหน้าคนเดียวเธอเอามือเชยคางพี่สาวขึ้นมามองหน้า
           “ฮื่อ!” พี่สาวหลบตายิ้มอาย ทำท่าสะบัดหนีแต่เธอดึงไว้ ผมหมั่นไส้คนพี่เหลือเกิน ลีลาแพรวพราวเหมือนกัน
           “เธอสองคนนี่แหละต้นเหตุ ถ้าไม่ใช่คงไม่วิ่งหนีหรอก คิดเหมือนผมมั้ยพี่ตุ๋ย?” ผมช่วยพี่ตุ๋ยต้อนสองสาว เขาพยักหน้ารับเห็นด้วยกับผม
           บรรยากาศเริ่มตึงเครียดสองสาวทำตาปริบ ยายผมสั้นขยับตัว...
           “เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณยิงกันอย่างกับอยู่ในสงคราม หนูจะอยู่ให้โดนยิงเหรอคะ หนูแค่ขออาศัยรถคุณมาเฉย ๆ เจออย่างนี้ก็ต้องหนีเอาตัวรอดก่อนสิ เมื่อกี๊วิทยุก็บอกแล้วว่า มีคนอื่นแอบขึ้นรถมาด้วย ไม่เกี่ยวกับหนูสักหน่อย ไป่ไป๋เริ่มเถียง สายตาล่อกแล่ก ช่างไม่รู้สถานะตัวเองเลยนะแม่สาวน้อย 
            “เจ็ทโด้! แล้วมันเพราะใครล่ะ? คุณนั่นแหละที่พาไอ้พวกนั้นมา ซวยจริง ๆ เลย   พี่ตุ๋ยหันมาตวาดเสียงเขียวชี้หน้า
           เธอสะดุ้งโหยงโบกมือปฏิเสธพัลวัน…             
           “หนูเปล่านะ หนูยังเด็ก ไม่รู้เรื่องอะไรเลย หนูเพิ่งเรียนจบไม่ใช่คนร้าย  คุณลุงดูหน้าหนูสิคะ ยังเด็กอยู่เลย น่าสงสารจะตายเธอยื่นหน้ามากะพริบตาใส เปลี่ยนใช้เสียงสองส่งสายตาอ้อนวอน นาตาลียื่นมือมาลูบแขนเธอเบาๆ
           พี่ตุ๋ยหันจ้องตาขวาง…             
            “เจ็ทโด้! ยังไม่ยอมรับอีก ฆ่าทิ้งซะเลยดีมั้ย แล้วก็...อย่าเรียกลุง!  พี่ตุ๋ยลั่นอีกครั้ง ผมพลอยตื่นกลัวไปด้วย ไม่เคยเห็นเขาโกรธ ไม่รู้ว่าเขาจะจัดการยังไง?
           
คำก็เจ็ทโด้ สองคำก็เจ็ทโด้ ไม่น่ารักเลย คุณลุงหน้าตาก็ดี ใจต้องดีด้วยสิคะ ไป่ไป๋ก้มหน้ามองพื้นบ่นอุบอิบ นาตาลียังก้มหน้า แต่มือลูบแขนไป่ไป๋เร็วขึ้นเหมือนคอยลุ้นให้น้องสาวต่อรอง
           
บ่นอะไร?” พี่ตุ๋ยเสียงดังใส่
            “แอ๊ะ!! ทั้งสองสะดุ้งพร้อมกัน
           ไป่ไป๋หันไปตอบ
           “เปล่าค่ะ! หนูขออาศัยไปหน่อยนะคะ จะนั่งเงียบ ๆ ไม่พูดไม่วนใจคุณลุงคะ ฮึบเลยค่ะ ฮึบเลยเธอยังคงอ้อนสายตาละห้อยแล้วเม้มปาก นาตาลีลูบแขนเบาลง
           “ผมให้โอกาสคุณอีกครั้ง...เล่ามาดีดี! อย่าโกหก! แล้วก็อย่าเรียกลุงด้วย พี่ตุ๋ยขยับตัว เอาเข่าขึ้นบนเบาะนั่งขัดสมาธิ หมุนตัวกลับหลังไปทางสองสาวด้านหลัง
           “หนูขออาศัยขึ้นรถแค่นี้ คุณลุงถามเยอะไปหรือเปล่าคะ? ถามเป็นคุณหมอเวลาตรวจไข้เลยนะคะ เชื่อหนูเถอะ! คนร้ายอยู่ที่รถคันอื่น ไม่ใช่พวกหนูหรอกไป่ไป๋เชิดหน้าบ่นกระปอดกระแปด เอามือกอดอกเชิดหน้ามองตรงไม่สบตา ถึงจะดูเหมือนไม่พอใจ แต่เธอก็น่ารักมาก สายตาล่อกแล่กตลอด
           พี่ตุ๋ยขยับ...
           “ผมถามไปดีดี! ก็ตอบมาดีดี!” เขาเสยผมแล้วมองจ้องไปที่ไป่ไป๋เหมือนจะเอาเรื่อง
           นาตาลีก็ลูบแขนไม่เลิก ไป่ไป๋ยังเฮี้ยว เชิดหน้าปากจู๋...
           “เดี๋ยวหนูก็ลงแล้ว ขอเถอะค่ะ! อย่าถามเรื่องส่วนตัว คุณลุงต้องเว้นระยะนะคะ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เดี๋ยวหนูจ่ายค่ารถให้ก็ได้ จะได้ไม่เป็นหนี้บุญคุณกัน แต่จะว่าไปแล้ว...หนูขึ้นมาก็ไม่เปลืองน้ำมันหรอกเธอแถไปเรื่อย นาตาลีหดแขนมุดหนีไปเบียดในมุม
            “เจ็ทโด้! ตกลง...คุณจะไม่เล่าใช่มั้ย? แล้วก็บอกว่าอย่าเรียกลุง! หลายครั้งแล้วนะ!” พี่ตุ๋ยเสียงแข็งชี้หน้าหมายหัว แล้วหมุนตัวหันกลับมานั่งปรกติเม้มปากแน่น
           “เอ๊ะ!...คุณลุงนี่! พูดไม่รู้เรื่อง เนอะ! อนนี่เนอะ!”เธอหันไปพยักหน้ากับนาตาลีที่กำลังมุดหนี เธอโผล่จากเสื้อคลุม...
           “ฉันว่า ยอม ๆ เขามั่งก็ได้นะ พูดเก่งนะเธอเนี่ยเสียงเธออู้อี้บอกน้องสาว เธอคงกลัวเลยไม่เถียงสักคำ
            “เจ็ทโด้! ไม่บอกก็ได้ เจอดีแน่ พี่ตุ๋ยคำราม ฟึดฟัดกระชากเก๊ะหน้ารถเสียงดัง รื้อค้นหาของในเก๊ะ
           ไป่ไป๋ขยับตัวยื่นหน้ามาเหล่มอง..
           “โอเค!..บอกก็ได้ เราจะไปเที่ยวกัน นัดเพื่อนไว้ค่ะ เพื่อนเป็นตำรวจ ไป่ไป๋พูดชัดถ้อยชัดคำ หันมองพี่ตุ๋ยแล้วสะบัดหน้ากลับ นาตาลีขยับจากมุมมาลูบแขนไป่ไป๋อีกครั้ง
          เขาเสยผมหน้าตูม...
         
โอ้ย!...กลัวจังเลย เพื่อนเป็นตำรวจ ขี้หมาว่ะ!”  เขาหันมาทำหน้าย่นใส่ไป่ไป๋
          “ให้ตอบอีกครั้งเดียว! ถ้ายังเล่นลิ้นอีก ลงรถไปได้เลย!” พี่ตุ๋ยเสียงดังขึ้นมานิด
          นาตาลีกลับมาลูบแขนให้กำลังใจน้องน่าดู ยายไป่ไป๋ยิ่งได้ใจ...
          “แฟนอนนี่เป็นทหาร! แฟนฉันก็เป็นตำรวจ เฟี้ยวง่ะ! เนอะ!อนนี่เนอะ? เธอยังไม่สลด หันไปหาเพื่อนสาวที่ก้มหน้าลูบแขนไม่กล้าเงยหน้ามาเนอะด้วย
          คิดว่า แค่นี้จะขู่พี่ตุ๋ยได้เหรอ? พวกเธอซวยแล้วล่ะ ขู่ใครไม่ขู่
           “เจ็ทโด้! พูดกันดี ๆ ไม่ได้ใช่มั้ย?” พี่ตุ๋ยหยิบม้วนเทปกาวแผ่นเท่าฝ่ามือในเก๊ะหน้ารถออกมา ซัดลงไปทีคอนโซล...      
           “ป้าบ! ป้าบ!เสียงดังลั่นไปทั้งรถ
           “อ๊ะ!! สองสาวสะดุ้งตกใจตาโต ผมเองก็พลอยตกใจไปด้วย เดาใจไม่ถูกว่าเขาจะทำอะไรกันแน่?
          แทน! เดี๋ยวจอดหมู่บ้านข้างหน้านะ โน่นนะ!!”  พี่ตุ๋ยชี้ไปที่กลุ่มแสงไฟข้างหน้าลิบ ๆ ทางขวามือ
         
หาเงินใช้สักหน่อยจะปล่อยของสักสองชิ้น เขาขยิบตาส่งซิกให้ ผมพยักหน้ายิ้มรับเริ่มเข้าใจแล้ว...
          “จะเอาไปขายซ่องหรอพี่? หน้าตาดีด้วยนะ คนละ 2,000 หยวนสบาย ๆ ผมแกล้งถามเสียงดัง พี่ตุ๋ยขยับหันกลับมาคุกเข่าบนเบาะนั่งหันหน้าไปด้านหลัง
           ทันใดนั้น...
           “มานี่!” เขาคว้าแขนของไป่ไป๋ นาตาลีหดตัวมุดหนีเข้ามุมไปอีกแล้ว เวลามีเรื่องเธอหนีก่อนทุกที
          “ไอ๋หยา! ไม่เอา! หนูไม่ไป! หนูกลัวนะ!เธอดึงมือขัดขืนเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกันเกิดขึ้น
           “จ๊าก!! พอได้จังหวะเธอก็กัดไปที่แขนซ้ายของเขาอย่างแรง
           “โอ๊ย!ปล่อย ปล่อยเดี๋ยวนี้นะเขาแหกปากร้องลั่น เอามือทุบเบาะ
           “ตึง! ตึง! ตึง!”
           
“หึ๋ย! นาตาลีได้ทีเอื้อมมือจากด้านหลัง จิกหัวพี่ตุ๋ยดึงมากดไว้ จนใบหน้าของเขา จมแนบติดพนักพิงหลัง
           “เจ็ทโด้!...ปล่อย….ยย!” เขาแหกปากลั่นรถ ยิ่งเขาพยายามหนีดิ้นยิ่งทำให้นาตาลียิ่งดึงแรงขึ้น ไป่ไป๋ก็กัดจนหัวสั่น
           “.........” ผมกัดฟันยิ้มขำในท่าทางของลูกพี่ แต่แกล้งทำไม่สนใจ ถือโอกาสนี้เอาคืนให้โดนซะบ้าง รักนายกลุงฉุนเหลือเกิน
          “แทน! มึงไม่คิดจะช่วยกูมั่งเหรอ?เขาร้องดัง
          “อ้าวเหรอ?” ผมสบายใจแล้วที่ได้แก้แค้น หันไปตวาดสองสาว
           “จะมากไปแล้วนะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้! ผมกลั้นหัวเราะ เมื่อเห็นพี่ตุ๋ยหมดทางสู้ ร้องโหยหวนเสียฟอร์มเป็นอย่างมาก ทั้งสองค่อย ๆ ปล่อยมือ
          ไป่ไป๋วุ่นวายกว่าใคร... 
           “ถุย! ถุย!” เธอรีบเอาแขนเสื้อเช็ดปาก ทำท่าแหวะ
           “จอดรถ! รีบลงไปจากรถผม เดี๋ยวนี้!” พี่ตุ๋ยหน้าเครียดเอามือเสยผมให้เข้าที่ แล้วลดมือลงมาลูบแขนซ้าย รอยฟันเป็นวงเลือดไหลซิบ
          “ก็หนูกลัวนี่! แค่อาศัยรถแค่นี้ ทำไมคุณลุงต้องถามมากด้วย เนอะอนนี่ไป่ไป๋ยังเถียงไม่เลิก หันไปพยักหน้ากับเพื่อนสาวอีก แต่ทางนั้น...ดูเหมือนจะนิ่งนั่งตัวแข็ง
          พวเธอเอาแต่ใจมากไปแล้ว ผมต้องขู่ช่วยลูกพี่...
         
อ้าวคุณ! นี่รถของผม แล้วพวกคุณเป็นใคร ไม่ถามคุณ แล้วจะรู้เรื่องมั๊ย?” ผมชักเริ่มหงุดหงิดเหมือนกัน ยัยเด็กนี่เถียงเก่งจริง ๆ ผีเจาะปากมาพูดหรือไง?
          เธอลอยหน้าลอยตา ไม่ยอมสลดสักที...
       
บอกแล้วว่าเรื่องส่วนตัว เราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังนี่ เอาอย่างนี้ก็ได้!...เดี๋ยวถ้ามีไฟสว่าง ๆ ตรงไหน จอดเลยจะลงแล้วต้อนไม่จนมุมจริง ๆ เธอแถไปเรื่อยเชิดหน้าชี้นิ้วไปข้างหน้ารถ //ร้ายจริงนะ แต่ท่าทางเธอน่ารักจังเลย สวยตะลึงจริง ๆ //
         พี่ตุ๋ยโวย... 
          “น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง เชิญลงไปได้เลย!” พี่ตุ๋ยลอยหน้าลอยตาไม่แยแส อารมณ์เริ่มสงบ
         “เงียบไปเลยลุง! หนูเปลี่ยนใจแล้วไม่ลงใครจะทำไม? หนูไม่ใช่คนร้าย บอกแล้วก็ไม่เชื่อเอ้า!ยายนี่ พูดเองเออเอง สะบัดบ็อบเมินหน้าซะงั้น
         “เชอะ!” เธอเมินใส่อีกครั้ง ปากจู๋จมูกย่นด้วยความไม่พอใจ นาตาลีรีบมุดลงไปอีก เธอดึงคอเธอขึ้นมานั่งตรง ๆ...
         “อนนี่! ขึ้นมาช่วยกัน”
         ผมชอบใจท่าทางยายไป่ไป๋นี่มากเลย เธอมีแรงดึงดูดทางเพศมาก รูปร่างได้สัดส่วน คนอะไรสวยตะลึง สวยสะดุ้งเลยแถมยังฉลาดมาก     
         พี่ตุ๋ยนั่งจ้องเงียบ พอได้จังหวะ...
          “ขวับ! เขาคว้าข้อมือไปไป๋
         “จ๊าก!!! อย่าจับหนู!” ความชุลมุนเกิดขึ้นอีกครั้ง
          “ปล่อยนะ! นาตาลีเอื้อมมือมาปัดแต่ไม่เป็นผล
          “ปากดีนักใช่มั้ย?” เขาจับเธอมัดคู่ไปกับมือของไป่ไป๋
         ตอนนี้ทั้งสองสาวเริ่มมีน้ำตาคลอหน้าซีดเผือด ผมนั่งอมยิ้มมองผ่านกระจกส่องหลัง พี่ตุ๋ยชี้จิ้มหัวไป่ไป๋หน้าหงาย
         “คุณไม่ต้องโบ้ยความผิดไปให้คนอื่นเลย ครั้งแรกที่เจอกับไอ้โล้น  มันมาขอค้นรถ มันบอกว่า คุณสองคนไปขโมยของมันมา
         “หนูเปล่านะ! หนูไม่ได้เอาอะไรมา ดูสิ!..มีแต่ตัวเปล่า ๆไป่ไป๋น้ำตาคลอเสียงแผ่ว ชูมือที่ถูกมัดขึ้นเหนือหัว รั้งมือนาตาลีตัวโยกไปด้วย
         “อ่ะ!” แต่ผมมองไปสะดุดที่หน้าอกสี่เต้านั่นมากกว่า มันกระเพื่อมไหว เล่นเอาใจสั่นเหมือนกัน.
         พี่ตุ๋ย ตวาดแว้ด...
          “ยังจะปากแข็งอีก! แทน! เอาตามนั้นไปขายซ่องข้างหน้า เสียงสั่งการเด็ดขาดจากพี่ตุ๋ยได้ผล
         นาตาลีเด้งนั่งตัวตรง
         “ยอมบอกแล้วค่ะ! ปล่อยพวกเราเถอะค่ะ เธอพยายามแกะเทปจากมือไปไป๋ที่ตอนนี้สะอึกสะอื้นอยู่
         “ก็แค่เนี้ยะ!” พี่ตุ๋ยหันมายักคิ้วกับผมแล้วอมยิ้มหันหน้ากลับ แหม!... พอชนะแล้วหน้าบานเชียวนะ
         “ช่วยฉันไปให้ถึงฉงชิ่งก่อนได้มั้ยคะ? ฉันจะบอกทั้งหมดเอง นาตาลีละล่ำละลักต่อรอง มือก็แกะเทปกาวที่มัดมือไป่ไป๋
         “อืม! ใช่ ๆ บอกไป พวกคุณก็ไม่เข้าใจหรอก อีกอย่างพวกคุณเป็นใครก็ไม่รู้จะให้บอกง่าย ๆ ได้ยังไง ท่าทางคุณลุงก็ไม่ใช่จะวางใจได้ ผมยาวรุงรังท่าทางคล้าย...นะคะ!” ไป่ไป๋พยักพเยิดสมทบเข้ามาทั้งที่ยังสะอื้นน้ำตายังไม่แห้งเลย ยัยนี่! ดื้อตาใสจริงๆ
         “เดี๋ยวไปหายามาทาเลยนะ มีเชื้อบ้ารึป่าวก็ไม่รู้?พี่ตุ๋ยบ่นอุบชี้หน้าไป่ไป๋แล้วลูบแขนที่รอยโดนกัด ไป่ไป๋รีบก้มหน้าเงียบ
          ผมเปรย...
         “คุณคิดว่า ผมไม่กลัวบ้างหรีอไง จู่ ๆ...ก็โดนไล่ยิง แล้วยังมาเจอพวกคุณแอบขึ้นมาอีก สอนผมหน่อย! จะให้พวกผมทำยังไง?” ผมก็สยองกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเหมือนกัน หาเรื่องมาให้แล้วยังจะมาดื้อใส่น่าตบบ้องหูสักที
         หันไปมองสองสาวกระซิบกระซาบกัน ไป่ไป๋ยื่นหน้าเข้ามา... 
         “แต่คุณลุงผมยาวนี่เท่ห์มากเลย อันนี้ชมจริงเธอหน้าตูมทำเป็นไม่สนใจพูดลอย ๆ ออกมา
         จู่ ๆ เปลี่ยนมาชมกันซะงั้น เล่ห์เยอะจริง
         “เห็นด้วย! คุณลุงเท่จริง ๆนาตาลีหันไปยิ้มเออออด้วย ผมเห็นนะว่า กระซิบกัน
          “ผมไม่ผ่านฉงชิ่งแล้ว เราต้องเปลี่ยนเส้นทาง เพราะคุณสองคนเป็นต้นเหตุ ผมหันไปดุพวกเธอสองคน
         “แล้วรถคันนี้จะไปที่ไหนกันเหรอคะ?” นาตาลีชะโงกไปถามพี่ตุ๋ย ผมแอบสังเกตว่าผู้หญิงคนนี้ดูลึกลับซับซ้อน ค่อนข้างระวังตัวพูดน้อย ส่วนน้องสาวดูง่ายกว่าเป็นคนตรง ๆ ขี้โวยวายตามสไตล์คนจีนขนานแท้
         รถจะวิ่งถึงกุ้ยหยางพรุ่งนี้เช้า แล้วไปค่ำที่คุนหมิงสิ้นเสียงของผม ในรถก็เงียบกริบ ไม่มีเสียงใครเล็ดลอดออกมา
         “...........” พวกเธอคงต้องใช้ความคิด สองสาวผลัดกันกระซิบข้างหูสลับไปมา รถบรรทุกของเรายังคงวิ่งตามไฟท้ายของรถพี่ซอนมาอย่างเงียบ
         สักพักใหญ่นาตาลีก็ขยับนั่งตัวตรง ชะโงกหน้าหาพี่ตุ๋ย...
         “คุณลุง! ฉันของลงที่กุ้ยหยางนะคะ ไปด้วยไม่ไหว เสี่ยงเหลือเกินนาตาลีไม่ค่อยพูด แต่พอพูดก็ไม่เข้าหูคนเหมือนกัน
         พี่ตุ๋ยเกาหัวแกรก....
          “เจ็ทโด้! คุณยังมีหน้ามาโทษผมอีกเหรอ?” เขาหมุนตัวขวับ นาตาลีถอยกรูดไปพิงเบาะ ไป่ไป๋ยังปากดียื่นหน้าเข้ามา...
         “ไม่ได้โทษเลย!...ก็เรื่องจริงนี่นา คุณลุงจะยิงก็ยิงกันไปหนูไม่เกี่ยว แค่อาศัยรถต้องเสี่ยงตายขนาดนี้ ขอเดินดีกว่า!” ไป่ไป๋เข้ามาช่วยกันยำ เธอขยับนั่งตัวตรงอกตั้งคอแข็งมองพี่ตุ๋ยด้วยหางตา น่ารักจริงแหละ! ยายเด็กคนนี้
           “เจ็ทโด้! พวกมันตามคุณสองคนมานะ ผมไม่เคยรู้จักกับพวกมัน พี่ตุ๋ยตะโกนใส่หน้าเธอเมินเชิดใส่
         นาตาลีเข้าช่วยน้อง...
         
ฉันก็ไม่เคยรู้จัก!...ฉันรับผิดชอบไม่ไหวหรอก ทั้งชีวิตและทรัพย์สินเสียหายขนาดนั้น แต่คุณลุงลองคิดดี ๆ นะคะ ถ้ามันต้องการจับตัวฉัน มันจะยิงทำไม? และถ้ามันจับได้ ฉันก็แค่นั่งรถมันกลับไป ไม่เห็นต้องยิงกันเลย ใช่ป่ะ!ไป่ไป๋!” เธอยักไหล่ไม่แคร์ ดูพวกเธอแถกันสิ ช่างเหลือเกินจริง ๆ ไม่ยอมเสียฟอร์มกันเลย
         เมื่อกี๊! ทำหงอ...ปากร้ายไม่เบาเหมือนกัน หงิม ๆ สนิมกินในนะเนี่ย ทำไปทำมาเป็นพวกเราผิดซะงั้น พี่ตุ๋ยนั่งอึ้งยังหาคำตอบไม่ได้
         “ก้อ....ก้อ...เจ็ทโด้จำไว้เขาสะบัดหน้าหันหลังกลับนั่งหน้าตูม แกคงคิดไม่ทัน ผมก็ยังคิดไม่ออกวาจะเถียงเธออย่างไร? หวังดีแท้ ๆ เป็นคนผิดไปซะงั้น แต่จะแพ้ง่าย ๆ ได้ไง...
         
ไหนบอกจะลงตรงไฟสว่างไง? จะเอายังไงลงหรือไม่ลง?”ผมโมเมหาเรื่องทะเลาะ ต้องช่วยพี่ตุ๋ยไว้ก่อน
          “ช่างมันเถอะค่ะ! เรื่องมันแล้วไปแล้ว ฉันว่าคุณสองคนไม่ใช่คนใจร้ายหรอก ฉันขอไปด้วยนะคะลงแค่กุ้ยหยางก็พอแววตาและน้ำเสียงนาตาลีอ้อนน่าเอ็นดู
          พูดอย่างนี้สิ!ค่อยน่าฟังหน่อย ทั้ง ๆ ที่กล่าวหาพวกเราไว้ก่อนหน้านี้ ยังมีหน้ามาขอติดรถอีก ยายนี่ก็แปลกมนุษย์
          “คุณรู้ได้ไงว่า พวกผมไม่ใจร้าย?” ผมมองกระจกส่องหลังสะท้อนไปที่ดวงตาของนาตาลีเพื่อขอคำตอบ
          “คุณสองคนยิ้มตลอดเลย คนยิ้มเก่งเป็นสัญลักษณ์ของคนใจดีนาตาลีพูดฉอด ๆ
          พี่ตุ๋ยสวนทันที
          “ใครบอก! เวลายิ้มมันด่าคุณไม่ถนัดต่างหาก ผมไม่อยากด่าผู้หญิงเขายิ้มหน้าบานยักคิ้วสะใจ หันมาตีมือกับผม
          ไป่ไป๋ยื่นหน้าเข้ามายิ้มมุมปาก...
          “คนจีนมีคำกล่าวว่า คนที่ชอบยิ้มคือคนที่มีปัญหาในใจมากที่สุด ไม่มีความมั่นใจ แหยจนไม่กล้าพูดต้องยิ้มกลบเกลื่อนเธอช็อตฟิลซะหัวทิ่ม
            ผมกับพี่ตุ๋ยหันมองหน้ากัน...จับโยนทิ้งซะดีมั้ง ยายตัวแสบ//

                           ……………………………………..

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม