The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 ตอนที่ 25

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1 ตอนที่ 25
หมวดหมู่ The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 1
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 21 ก.พ. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


กุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว

มุมมองสายตา แทน

กันยายน ค.ศ.2020      

ห้างสรรพสินค้า PARK SON กลางเมืองกุ้ยหยาง ย่านวัยรุ่นชายหญิงจีน ขายาวขาวสูงแต่งตัวสวยงามประชันกันเต็มที แฟชั่นหน้ากากหลากหลายสีสันสวยงาม สาวจีนรุ่นใหม่สวยกันทั้งนั้นเลย ในสายตาของผมคิดว่าสาวจีนส่วนใหญ่สวยคมกว่าสาวเกาหลี               

ภายในห้างฯปรับแต่งเหมือนห้างสรรพสินค้าทั่วไป ที่แตกต่างก็โคมลอยสีแดง กับมังกรใหญ่สีทองอร่ามที่พันเสากลางห้าง สามสาวขอตัวแยกออกไปหาเสื้อผ้าเปลี่ยน ส่วนผมกับลูอิสนั่งจิบกาแฟใต้ร่มสีขาวประดับหน้าร้าน อินดี้คอฟฟี่ ดูผู้คนเดินผ่านไปมา แฟชั่นวัยรุ่นจีนก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน         

ลูอิส! จะทำยังไงต่อกับคุณจูยอนครับ ผมดูดกาแฟในแก้วกระดาษกลมลายดอกไม้สีสวยสด สายตาก็มองไปที่ฝรั่งผมทองหน้าตาหล่อเข้มที่นั่งตรงข้าม      

เอาไปส่งให้ตำรวจในประเทศไทยก่อนครับ ส่วนผมก็คงกลับไปสำนักงานที่ฮ่องกงก่อน แจ้งข่าวเรื่องนาตาลีให้สำนักข่าว ลุ้นช่วยให้เธอออกจากจีนไปให้ได้ ถ้าโดนจับได้ก่อนจะลำบากลูอิสตอบในขณะยืดคอมองไปข้างใน 

ผมไม่เข้าใจวิธีการของเขาเลย แปลกใจมากที่เขาจะส่งจูยอนให้ตำรวจไทย เขาทำอย่างนั้นทำไม?             

คุณคิดจะส่งตัวคุณจูยอนให้ตำรวจจริงเหรอ ไม่สงสารเธอเหรอ ผมขอดูแลเธอเองได้มั้ย? ผมไม่เข้าใจลูอิสคิดอย่างนี้ได้เช่นไร?

 “ฮ่าฮ่าฮ่า! คุณนี่ใจดีจริง ๆ อย่าเข้าใจผิด” เขาหัวเราะลั่น

 “ยังไง?” ผมขมวดคิ้วเกาแก้ม             

วิธีนี้ง่ายที่สุดแล้ว ไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ ที่ไม่ส่งตัวผู้แปรพักตร์กลับเกาหลีเหนือ เป็นสวรรค์ของผู้หลบหนีจากเกาหลีเหนืออย่างแท้จริง ทางตำรวจจะสอบสวนแล้วส่งตัวเธอต่อไปให้สถานทูตเกาหลีใต้เพื่อรับเป็นผู้ลี้ภัย ผู้หลบหนี ผู้แปรพักตร์จากเกาหลีเหนือใช้วิธีนี้กันทุกคนครับ ลูอิสยิ้มมุมปาก

ผมดูโง่ไปถนัดตา เรื่องนี้ถ้าลูอิสไม่บอกผมก็ไม่เคยรู้มาก่อน

 แล้วต้องระวังใครเป็นพิเศษหรือเปล่า? ผมถามเพื่อเป็นความรู้

ระวังทั้งหมดแหละครับ ทั้งคนจีนและสายลับเกาหลีเหนือ ซึ่งเราไม่รู้ว่าใครเป็นใครลูอิสหันมาสบตา เลยทำให้ผมได้สังเกตดวงตาสีฟ้าใสคู่นั้นดูลุ่มลึกเป็นประกาย 

คนจีนด้วยเหรอครับ?” ผมเอามือท้าวคางเลิกคิ้วแปลกใจ

ใช่เลย! คนจีนนี่แหละตัวดีเลย ถ้ามันรู้ มันแจ้งจับแน่ รางวัลนำจับหลายหยวน แต่ไป่ไป๋อยู่ด้วยก็ไม่น่าห่วงพูดแล้วเขาก็ชะเง้อมองอีก
             
แล้วนาตาลีล่ะ! จะเจอกันอีกมั้ยได้นัดกันหรือเปล่า?” ผมถามแล้วยัดคุกกี้เข้าปาก 

ยังไม่ได้นัด ขอเบอร์ไว้แล้วครับ คงต้องตามหาตัวเธออีกที ผมต้องสัมภาษณ์เธอ ผมก็ไม่แน่ใจว่า เธอจะไปที่ไหนก่อน นาตาลียังไม่เปิดใจกับใครลูอิสเคี้ยวคุกกี้ไปชะเง้อมองไป

ผมลองนึกดูแล้ว เธอนี่แหละเป็นคนสำคัญ เป็นตัวแปรของโรคโควิด-19เลยก็ว่าได้นะผมสงสัย ตอนนี้สาว ๆ ทำอะไรกันนะ ทำไมไม่ออกมาสักที นึกเป็นห่วงเหมือนกัน      

ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่า มีคนตามล่าเธอหรือเปล่า? ใครเป็นศัตรูของเธอ พวกเราก็ไม่รู้?” ลูอิสพูดถูก เราไม่รู้เรื่องอะไรมาก ที่จริงแล้วเราไม่รู้จักนาตาลีด้วยซ้ำไป             

นั่นน่ะสิ!” ลูอิสพยักหน้าเห็นด้วยกับผม เราสองคนเหม่อมองกันไปคนละทาง            

แถ่น แถ้น!!!” เสียงใส ๆ ของไป่ไป๋ดังขึ้นพร้อมกับกระโดดมายืนข้างโต๊ะ มือดึงชายเสื้อ...            

เป็นไงบ้างคะ! หนูสวยมั้ย?” สาวน้อยหมุนตัวยิ้มกว้าง

สองสาวเดินตามหลังมา ผมกับลูอิสมองสลับกันไปมาระหว่างสามสาวที่มายืนข้างโต๊ะ              

สวยทั้งสามคนเลย ลูอิสยิ้ม             

ไป่ไป๋รวบผมด้านหลังผูกไว้ทำให้ใบหน้าสวยเด่นขึ้นมาก เธอสวยจัดจริง ๆ ทำอะไรก็ดูดีไปหมด อีกสองคนก็ไม่ได้แพ้กันเลย ทั้งหน้าตาและรูปร่าง ผมหลุบตาลงแอบกลืนน้ำลาย             

ไปไป๋สวมเสื้อคลุมผ้าพลิ้วบางสีม่วงอ่อน พับแขนถึงข้อศอกไม่ติดกระดุม ทับเสื้อยืดคอกลมสีขาวยาวประมาณน่องทับกางเกงขาสั้นด้านใน  มีสายเข็มขัดรัดสีดำคาดเอวดูเก๋สะดุดตาสมวัย ส้มโอสองลูกที่พุ่งนั้นมักจะออฟไซด์เสมอ มองนาน ๆ แล้วหายใจไม่ออก อึดอัด             

เราไปสนามบินกันเลยดีกว่า” ผมหันไปถามทางนาตาลี เธอยิ้มและพยักหน้าเป็นคำตอบให้ผม               

นาตาลีสวมหมวกแก๊ป แว่นดำห้อยที่คอเสื้อยืดสีขาวคู่กับยีนส์สีเข้ม ทับด้วยเชิ้ตสีเทาอ่อนพับแขนขับผิวขาวซีด สวมรองเท้าผ้าใบสะพายเป้หลัง ดูคล่องแคล่ว ทะมัดทะแมง หน้าอกหน้าใจก็ไม่เบา สบายจมูกหายใจดีขึ้นมาหน่อย ดูด้วยตาก็บึ้มไม่หนีกับไป่ไป๋เท่าไหร่

ผมหันไปหาไป่ไป๋…             

คุณไปกับเขาด้วยหรือเปล่า?” ผมถามในขณะที่เธอกำลังยืนคุยกับจูยอนอย่างออกรสชาติ 

จูยอนหอบของพะลุงพะลังเต็มไปหมดอย่างกับจะย้ายบ้าน สองสาวจัดหนักให้กับเธอเพื่อเป็นของขวัญที่เจอกัน           

หนูไม่ได้ไปค่ะ หนูมาส่งพัคอนนี่ เสร็จแล้วจะกลับบ้านเลยค่ะ  เธอตอบเสียงหวานยิ้มแจ่มใส            

สนามบินไปอีกไกลมั้ยครับ?” ลูอิสถามไป่ไป๋            

จากตัวเมืองไปอีก 11 กิโลเมตร ท่าอากาศยานนานาชาติ กุ้ยหยาง หลงดงเป่าค่ะ นั่งรถไฟใต้ดินไป 5 นาทีเองไป่ไป๋ตอบฉะฉาน

งั้นเอาอย่างนี้นะครับผมหันไปหาจูยอน เธอแต่งตัวคล้ายกับนาตาลี ปล่อยผมยาวยืนยิ้มฟันขาวตาหยีอยู่ข้างไป่ไป๋ ในมือถือของพะลุงพะลังหลายอย่าง               

ลูอิสกับจูยอนกลับไปหาเจ็ทโด้ก่อน เดี๋ยวผมไปส่งสองคนนี้ที่สนามบินเอง เสร็จแล้วจะโทรหานะผมบอกกับจูยอนแล้วหันไปมองที่ลูอิส             

ตกลงตามนั้น!” ลูอิสรับคำแล้ว ขยับตัวยื่นมือขวาเข้าหานาตาลี
          “ขอให้เดินทางปลอดภัยนะครับ ฝรั่งตัวสูงใหญ่ก้มหน้ามองหญิงสาวที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พร้อมจับมือ              

ขอบคุณค่ะ!” นาตาลีจับมือเขย่า ก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงการขอบคุณ เสร็จแล้วลูอิสก็หันไปทำเช่นเดียวกับไป่ไป๋              

เดินทางปลอดภัยนะคะ หวังว่าจะได้พบกันอีกจูยอนยื่นมือให้นาตาลีจับ

แต่นาตาลีดึงเธอเข้ามากอด...                

ขอบคุณค่ะ! ขอให้โชคดีเช่นกัน รักษาสุขภาพดี ๆ นะ ถ้าเดือดร้อนติดต่อมานะคะ อย่าเกรงใจ จะรอนะคะนาตาลีลูบหลังเบา ๆ ดูแล้วเธอก็มีน้ำใจเหมือนกันนะ               

ไป่ไป๋ยืนอมยิ้มบิดตัวอยู่ข้าง ๆ รอคิวของตัวเอง พอนาตาลีปล่อยไป่ไป๋ก็โผเข้ากอดจูยอนทันที               

มีเบอร์หนูแล้วนะ อย่าหายไปเลยนะ ระวังตัวดี ๆ ด้วย อย่าเจ็บอย่าไข้ เวลานอนห่มผ้าหนา ๆ ห้ามอดข้าวนะ จากนี้เป็นต้นไปห้ามเป็นหวัดห้ามไอนะคะ ไป่ไป๋พูดในขณะที่ตัวเธอกอดรัดจูยอน                

ผมยิ้มมองการลาจากที่สวยงามนี้อย่างชื่นชม ไป่ไป๋ทำให้คนที่อยู่ข้างๆมีความสุข ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แววตาเปี่ยมไปด้วยความประทับใจ             

รีบไปกันเถอะครับ ลูอิสกับจูยอนเดี๋ยวคุณเลี้ยวขวาข้างหน้านี่แล้วตรงไปทิศใต้เดี๋ยวเดียวก็ถึงรถ พวกเราไปกันต่อเถอะ ผมชี้มือบอกทางกลับไปที่รถบรรทุกให้ลูอิส แล้วก็หันมาหานาตาลี พากันเดินแยกกันไปคนละทาง               

เดินมาได้สักระยะไป่ไป๋และนาตาลีก็หันไปกระโดดโบกมือให้กับลูอิสและจูยอนที่ช่วยกันหอบของพะลุงพะลังก่อนที่ทั้งสองคนจะเลี้ยวลับตาไปข้างตึก             

ไป่ไป๋หันไปเดินกอดเอวนาตาลีเอียงหัวชนกันคุยกันกะหนุงกะหนิง โดยมีผมเดินเป็นส่วนเกินตามหลังสองสาวไปอย่างเงียบกริบส่งเธอขึ้นรถไฟฟ้าก็จบจากกันแล้ว              

พวกเราเดินตรงมาทางตะวันตก สองข้างทางตระการตาด้วยอาคารก่อสร้างสมัยใหม่ล้ำสมัย ผู้คนเดินบนทางเท้าขวักไขว่ การจราจรคล่องตัวรถหรูหลายคันแล่นผ่านไป               

นี่! ถามอะไรหน่อยสิ?” ไป่ไป๋หันมาถามแล้วหันกลับ ขายาวก็ยังก้าวเดินต่อไป             

มีอะไรครับ?” ผมขยับเดินเข้าไปใกล้ ผู้คนเดินกันขวักไขว่ เสียงแตรรถยนต์สนั่นหวั่นไหว             

คุณลุงเจ็ทโด้มีแฟนหรือยัง?” ไป่ไป๋ถามโดยไม่ได้หันหน้ามาแล้วหัวเราะคิกคักกันสองคน             

มีแล้วครับ สนใจเหรอ?” ผมถามกลับ ทั้งสองคนหัวเราะคิกคัก
         
เท่ดีหนูชอบ ดูดี ๆ ก็หล่อเหมือนกันนะ ไป่ไป๋ตอบหัวเราะคิกคิก
          อ้าว! ฉันก็ชอบนะ นาตาลีตีเบาๆไปที่แขน             

เสียใจด้วย เจ็ทโด้มีแฟนแล้วผมตอบแล้วยิ้มให้โดยที่สองสาวไม่ได้หันมามอง

คิดในใจไม่มีใครมองกูสักคน แต่ไม่เป็นไรหรอก เธอกำลังจะจากไปแล้วและผมก็ไม่ได้คิดอกุศลจิต แค่อยากจะช่วยให้เธอปลอดภัย
         
เดินไปอีกไกลมั้ยครับ?” ผมไม่รู้ทิศรู้ทาง ไม่รู้จักเมืองนี้เลย ส่งสองสาวนี่เสร็จก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะ อย่างน้อยผมก็ภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือคนเก่งอย่างนาตาลี เก็บไว้เล่าให้ลูกหลานฟังและคงไม่ฉีดวัคซีนแน่ ผมเชื่อในสิ่งที่เธอบอก             

ไม่กี่ช่วงตึกหรอกค่ะ ข้ามแยกข้างหน้านี่แล้วก็ไปลงรถไฟใต้ดินถึงสนามบินเลยค่ะไป่ไป่ชี้มือไปข้างหน้าแล้วหันมายิ้ม             

ฝากบอกเจ็ทโด้ด้วยนะ ว่าฉันขอบคุณมาก นาตาลีหันมาบอกหน้านิ่ง ท่าทางเธอดูจะถือตัวถึงแม้จะพูดเล่นก็ตาม

ผู้คนพลุกพล่านเสียงดังจอแจเบียดเสียดกัน  พวกเราคุยกันโดยไม่ทันได้สังเกตรอบข้าง

“เอี๊ยด...ดด!! รถแวนสีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนแล่นปราดมาจอดเทียบฟุตบาทดักหน้า ชายฉกรรจ์ผมทองตัวสูงใหญ่วิ่งกรูลงจากรถ เข้าล็อคผมซ้ายขวา               

ว้าย! อะไรกันนี่! เสียงไป่ไป๋ดังลั่นขึ้นผู้คนแตกฮือ ทั้งคู่ดิ้นร้องโวยวาย             

ปล่อยฉ๋านนะ!” ไป่ไป๋ตะโกนลั่นดิ้นพยศ  เท้าก็ถีบมือก็ข่วนหน้า
          “ปล่อยนะ ๆ ฉันรู้กฎหมายนะโว้ย ฉันจะแจ้งความ นาตาลีสะบัดแข้งขวาเข้าเป้ากางเกงของคนที่จับแขนขวา จนเขาหน้าตาเหยเกปล่อยมือทิ้งตัวคุกเข่ากุมเป้าร้องครวญคราง      

คนทางซ้ายพยายามเอื้อมคว้าแขนขวา ชะโงกหน้ามาในจังหวะที่นาตาลีโขกหัวเข้าเบ้าตาขวาล้มลงดิ้นไปอีกคน             

เธอหันซ้ายขวามองไปที่ไป่ไป๋ วิ่งเข้าไปกัดที่แขนคนทางขวา ผมขยับตัวจะเข้าไปช่วยก็ถูกตรึงให้อยู่กับที่ด้วยการล็อคแขนคนละข้างของสองคนที่มาประกบด้านหลังผม             

ไป่ไป๋หันไปกัดอีกคนจนทั้งสองต้องปล่อยมือ สองสาวสะบัดตัวหลุดก็วิ่งตรงไปข้ามทางม้าลายสี่แยก               

อุ๊บ!... ผมจุกตัวงอ ล้มกองกับพื้น หนึ่งในชายสองคนที่ล็อคแขนของผม ปล่อยมือแล้วอัดเข้ามาเต็มหมัด เขาวิ่งไปพยุงเพื่อนขึ้นรถ ผมค่อย ๆ ลุกบิดตัวพยายามไล่ความจุกออกไป มองพวกเขาวิ่งตามสองสาวไปติด ๆ             

ทั้งหมดวิ่งข้ามทางม้าลายลงไปตามทางอุโมงค์บันไดเลื่อน ผมแหวกผู้คนที่ขวางหน้าวิ่งลงไป ใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามไป่ไป๋ ผู้คนที่ชานชาลาแน่นขนัดเบียดเสียด    

หลุดจากบันไดเลื่อนข้างหน้าเป็นลานปูนกว้างมีเสาโรมันกลมใหญ่ ตั้งเรียงกันตามแนวรางรถไฟฟ้าถัดออกไปเป็นรางรถไฟความเร็วสูง//ตั้งแต่เจอสองสาวนี่มีแต่เรื่องตื่นเต้น//                

คลื่นมนุษย์พร้อมเสียงเอะอะโวยวายบนลานเริ่มขยับตัวพลิ้วไหวเหมือนสายน้ำ เมื่อหัวขบวนรถไฟฟ้าโผล่พรวดมาจากทางขวามือ นาตาลีแหวกคนวิ่งนำหน้าพาไป่ไป๋ไปทางนั้น

ผมเหลียวหาชายสี่คนตอนนี้โดนคลื่นมนุษย์กลืนไปตามกระแส  พวกเขาถูกดันย้อนกลับออกไปอีกทางจนมองไม่เห็น ผู้คนเบียดกันทั้งคนลงและคนขึ้นไม่ยอมหลบให้กันจนเกิดการดึงดันกัน วิ่งตามพวกเธอมาจนทันและกระโดดขึ้นขบวนรถไฟฟ้าที่ท้ายขบวนก่อนขบวนรถจะเคลื่อน              

หลังจากออกจากสถานีมาสักพัก...ไป่ไป๋ชะโงกหน้าไปมองฝั่งหัวขบวน โยกหัวไปมาเพื่อหามุมมอง เราสามคนยังเหนื่อยหอบอยู่ หน้าผากนาตาลีเขียวเป็นจ้ำ             

รถขบวนนี้ไปไหนครับ?” ผมถามไป่ไป๋ที่กำลังหอบที่บานประตูรถไฟฟ้า             

สิบสองปันนา!” ไป่ไป๋เอามือขวาจับเสาแล้วก้มตัวลงเหมือนคนจะอ้วก นาตาลีเอื้อมมือไปลูบหลัง             

แล้วสนามบินล่ะ ฉันจะไปสนามบินนาตาลีก็ยังมีอาการหอบก้มหน้าลงไปถามไป่ไป๋            

ที่สิบสองปันนาก็มี ท่าอากาศยานซีฉวง บันนา กาซาไป่ไป๋ตอบแล้วดึงเสายืดตัวขึ้น นาตาลีลุกทำตามสองสาวหันหน้ามายิ้มให้กัน 
          ผมส่งข้อความบอกพี่ตุ๋ยให้ไปเจอกันที่สิบสองปันนา นึกชื่นชมในใจเก่งทั้งคู่จริง ๆ ผมซะอีกไม่มีประโยชน์อะไรเลย เป็นตัวประกอบอดทนได้แต่วิ่งตามอย่างเดียว               

พวกมันไม่สนใจผม มันมาตามคุณสองคนน่ะ อีกกี่ชั่วโมงครับจะถึงสิบสองปันนา ผมพูดกับไป่ไป๋ ผู้โดยสรบนรถค่อนข้างแน่น

ประมาณ 1,000 กิโลเมตร ก็ 4 ชั่วโมงค่ะไป่ไป๋กระพริบตาคำนวณ             

รถบรรทุกวิ่ง 12 ชั่วโมง กว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า นี่ก็เที่ยงแล้ว ผมตอบโดยมองเวลาที่มือถือ ยังตื่นเต้นไม่หาย              

คุณคิดว่า จะมีพวกมันขึ้นมาบนรถคันนี้มั้ย?” ผมถามหลังผ่านไปสักพักใหญ่ ยืดคอชะเง้อมองไปด้านหน้ารถ สองสาวผลัดกันสำรวจร่างกาย                

พยายามมองไว้นะ จากข้างหน้ามาถึงเราก็เกือบยี่สิบโบกี้นาตาลีตอบมา                 

ผมยังเหนื่อยหายใจแรงอยู่ นาตาลีในหมวกสีดำส่งยิ้มหวานมา  ผมเห็นใบหน้านาตาลีชัด ๆ คิ้วสองค้างโค้งเท่ากันเป็นร่มให้ดวงตาสองชั้นคู่งามสดใส จมูกโด่งเชิด ปากบาง                

มันมาแล้ว!!” ไป่ไป๋กระซิบบอกโบ้ยปากไปทางข้างหน้ารถไฟ ใจที่เริ่มจะสงบกลับดังขึ้นเหมือนกลองรัวอีกครั้ง             

พวกเราทั้งสามคนทรุดนั่งลงกับพื้นพร้อมกันโดยอัตโนมัติ ผมค่อย ๆ โผล่หัวขึ้นมอง เห็นมันเดินแหวกผู้คนมาคนเดียว ชายผมทองร่างสูงใหญ่เดินมองซ้ายมองขวาใส่แว่นดำพลางสายตา อีกโบกี้เดียวก็ถึงพวกเราแล้ว ผมยังสบายใจนิดหนึ่งเพราะมันมาคนเดียวคิดว่าสู้ได้ ถึงเวลาแจ้งเกิดบ้างแล้ว                   

ทันใดนั้น...     

Attention please… เสียงผู้หญิงเจื้อยแจ้วของผู้ประกาศรถไฟใต้ดินถึงสถานีแอนชุนแล้ว ให้ท่านผู้โดยสารขยับเตรียมตัวที่จะลง เราพยักหน้าพร้อมกันเป็นอันเข้าใจว่าลงสถานีนี้

รถไฟฟ้าค่อย ๆ จอด เราทั้งสามขยับตัวเตรียมลง ไป่ไป๋ดึงฮู้ดมาคลุมหัว นาตาลีสวมแว่นดำขยับหมวกปิดหน้า ผมเอามือกุมหัวอยากจะบ้าตายไม่พร้อมอยู่คนเดียว ตัวก็สูงกว่าชาวบ้านเขา             

“ปิ๊งป่อง!!!ประตูรถไฟฟ้าเปิดออก

“เหวอ!! ผมสะดุ้งผงะหงาย ตกใจที่เห็นพวกมันอีกคนยืนอยู่ข้างล่างไม่ไกล รีบดึงตัวสองสาวให้หลบหลังผม

“หลบทางหน่อย! ในจังหวะนั้นคนที่รอขึ้นรถก็ดันพรวดกันเข้ามา คนบนรถก็ดันพรวดลงไป ทำให้พวกเราปลิวไปตามกระแสแรงผลักชุลมุนออกมา 

พวกเราหลุดจากกลุ่มคนออกมาได้ ก็ตั้งหลักวิ่งขึ้นไปด้านบน พอพ้นบันไดขั้นสุดท้ายก่อนจะถึงถนน ใจผมก็หล่นตุ้บลงอีกครั้ง....พวกมันอีกสี่คนยืนดักอยู่           

ไปทางขวา” ไป่ไป๋วิ่งแซงขึ้นมาชี้มือไปทางขวา ด้านบนผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่นาตาลีกับไป่ไป่วิ่งตัวปลิวไปแล้ว                

อาศัยจังหวะชุลมุนวิ่งตามหลังพวกเธอมาติด ๆ วิ่งตรงไปที่วงเวียนน้ำพุข้างหน้า พวกมันสี่คนวิ่งตามมา ผมต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราไม่รอดแน่                          

ผมวิ่งมองซ้ายขวาไปตลอดทางเพื่อหาโอกาส ผมไม่รู้จักเมืองนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ในใจมีแต่ความกังวลกลัวสองสาวจะได้รับอันตราย  ผมยอมให้พวกนั้นมาจับพวกเธอไม่ได้ ผมตั้งใจจะส่งเธอขึ้นเครื่องบินผมต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ สายตายังสอดส่ายหาโอกาส...                        

ทำอะไรสักอย่างสิคุณ จะไม่ไหวแล้วนะ นาตาลีหันมาบอกหน้าตาตื่นเต้น ขายังวิ่งด้วยความเร็ว เหงื่อไหลเต็มหน้า             

คุณจะมาวิ่งแข่งกับหนูทำไม กลับบ้านไปเลย! ช่วยอะไรไม่ได้สักอย่างไป่ไป๋แยกเขี้ยวตวาดลั่น 

นี่!...ผมไม่อยู่ในสายตาพวกเธอเลยเหรอ อุตส่าห์ตั้งใจมาช่วยให้กำลังใจ ไปก็ได้วะ! ผมวิ่งแยกไปอีกทาง   

                                     
                                    ...........................................................................................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม