The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2 ตอนที่ 1

มณฑลหูเป่ย 
มมองสายตาลูอิส
สิงหาคม ปี 2020 ช่วงเวลาก่อนก่อนที่ลูอิสจะไปหาซอน
ห้องประชุมลับ Apocalypse ...

ในระหว่างนั่งคอยผู้เข้าร่วมประชุม ผมนั่งนึกย้อนกลับไปเมื่อ30กว่าปีที่แล้ว ขณะนั้นด้วยวัยเพียง 15 ปี ผมเริ่มตั้งต้นจากการอ่านและแปลคัมภีร์บานาจากภาษาฮีบรูโบราณ ดั้นด้นรอนแรมไปกลางทะเลทรายที่แล้งร้อนในประเทศอิรักเพื่อเอามูซา(เลือดบริสุทธิ์ของอับราฮัม) ผมได้รวบรวมนักวิทยาศาสตร์เก่ง ๆ มาทำงานด้วย หลายรุ่นหลายคน ล้มเหลวผิดพลาดมาตลอด แต่มันไม่เคยทำให้ผมท้อถอยแม้แต่น้อย กลับทำให้ผมทุ่มเททำงานจนสำเร็จ ผมต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีตัวตน เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนอาชีพไปเรื่อย จนกระทั่งวันหนึ่งโชคก็เข้าข้างได้พบเด็กหญิงอัจฉริยะ เธอถือกำเนิดเกิดมาลืมตาดูโลกที่เกาหลีใต้ ผมเฝ้ามองและคอยติดตาม จนกระทั่งได้ตัวเธอมาทำงานด้วย ภารกิจทุกอย่างรุดหน้าไปตามแผนอย่างรวดเร็ว เธอสามารถคัดหาผู้สืบสายเลือดโดยตรงจากรุ่นลูกของอับราฮัมได้ครบทุกคน บันไดขั้นแรกสำเร็จอย่างงดงาม

  บันไดขั้นที่สอง…สร้างความกลัวให้กับมนุษยชาติ เชื้อโควิด-19ได้สร้างความชอบธรรมให้กับโครงการของเราอย่างง่ายดาย หลายคนยังคิดว่าโควิดมาจากค้างคาว มนุษย์ผู้หวาดระแวงยอมจำนนรับวัคซีนTame26ไปฉีดกันทั่วโลกแล้ว เหลือขั้นสุดท้าย...เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น

“Rrrrrr!!” จอมอนิเตอร์หลังห้องใต้ดิน Apocalypse มีสัญญาณเตือน...ภาพปรากฏให้เห็นชายวัยสี่สิบปลาย ๆ เส้นผมดำสนิทในชุดสูทหน้าตาคุ้นเคยสองคน           

“ชาลอมโจเซฟ! เป็นเช่นไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า? เราไม่เจอกันนานแค่ไหนแล้ว?” ผมกล่าวทักขึ้นก่อน ด้วยความสนิทสนม

“ชาลอมอันนา! ผมสบายดี คุณล่ะได้กลับไปที่มูลนิธิ Neo Hebrew บ้างหรือเปล่า?” เขาเป็นเพื่อนรักวัยเด็กที่ทำภารกิจร่วมกัน บนจอข้าง ๆชายผมดำตัวเล็กสวมแว่นหนาเตอะยิ้มโบกมือ

“ชาลอมอันนา โจเซฟ!” เจนินเพื่อนรักตัวเล็กอารมณ์ดี                      
           “โจเซฟช่วยบอกผมหน่อยสิ คุณกดดัน 6 คนแรกได้อย่างไร? พวกเขาถึงยอมเป็นพวกของเรา” เขาถามถึงชาย 6 คนแรกที่เข้าร่วมปฏิบัติ การนี้จากประเทศต่าง ๆ

ผมเพียงบอกรายชื่อที่ ดร.นาตาลีส่งมาให้จากห้องทดลอง ไปให้โจเซฟไปเท่านั้น ที่เหลือเขาเป็นคนจัดการ เขาเป็นเพื่อนที่ใจร้อนและใจดำ ยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ย...

“ผมมีทั้งเงินและผู้หญิง ผู้ชายใจหยาบพวกนี้ กดดันง่ายมาก นิสัยของพวกมันมักใหญ่ใฝ่สูง มีจุดอ่อนเหมือนกัน  มันชอบอำนาจชอบที่จะอยู่บนหัวของคน เต็มไปด้วยกิเลส พอเห็นว่าตัวเองจะได้ประโยชน์ก็ยอมฟังและทำตาม พอคุณได้เลือดของพวกมันแล้ว ก็หาทางกำจัดทิ้งให้หมด  พวกนี้ไว้ใจไม่ได้หรอก” โจเซฟพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลน ซึ่งผมก็คิดอย่างนั้น

 “เฮ้!...แล้วตอนนี้คุณเล่นบทไหนอยู่ล่ะ”โจเซฟเอ่ยถามอันนา ผ่านจอภาพด้านหลังห้อง

“ยอร์น!”

“เอ่อ...โจเซฟ ได้ข่าวว่าคุณได้กำไรมากเลย จริงหรือเปล่า?” ผมยิ้มถามโจเซฟพ่อมดการเงินของทีม...           

“ในประกาศอย่างเป็นทางการของทาง NYDIG ระบุว่า ในรอบการระดมทุนล่าสุดนี้ บริษัทของผมสามารถระดมทุนได้ถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ” เขายืดอกภูมิใจ ซึ่งผมก็ว่า มันเก่งจริง ๆ

“อันนา! อย่าหาว่าผมก้าวก่ายงานของคุณนะ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาเลือดของทั้ง 7คนด้วยล่ะ ผมสงสัยเรื่องนี้มาทั้งชีวิต คุณช่วยตอบผมหน่อย คุณเป็นคนอ่านคัมภีร์บานา คุณต้องรู้คำตอบสิ” โจเซฟผู้ฉลาดเฉลียวร้องถาม นิสัยของเขาอีกอย่างคือไม่เคยไว้ใจใคร

“ในคัมภีร์ได้บอกไว้ว่า เมื่อหลักศิลาล้มลง ต้องพยุงไว้ด้วยสายน้ำทั้งเจ็ด คำสอนต่าง ๆ ของบรรพชน ถูกสงสัยหรือถูกหักล้าง ศาสนาของเราถูกก็อปปี้จนป่นปี้ เท่ากับหลักศิลานั้นล้มลง ลูก ๆ ทั้ง 7 เป็นสายน้ำ งูยักษ์เลวีอาซานจะอาละวาด  Messiah จะปรากฏตัว” คำจารึกถูกเขียนไว้กว่า 3,000 ปี เป็นสิ่งที่บรรพชนสร้างทางเดินไว้ให้พวกเราปฏิบัติตาม

“ผมยิ่งไม่เข้าใจ ทำไมผู้สืบสายเลือดแท้ กลับไม่มีเชื้อสายของฮีบรูสักคน? ไม่มีเชื้อชาติบริสุทธิ์เลย กลับกลายเป็นลูกผสม เราเหนื่อยกันแทบขาดใจ เพื่อคนเหล่านี้เหรอ? ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง”เขากล่าวอย่างมีอารมณ์

เจนินชิงพูดตัดหน้า...

“เราต้องทำตามคัมภีร์ของบรรพชน พวกเราแสวงหาผู้สืบสาย เลือดจากพี่น้องฮีบรูก่อนแล้วนะ แต่ไม่มีเลย ถ้าคุณมีแผนอะไรก็เสนอมาได้ ผมจะช่วยอีกแรง” เขาช่วยตอบคำถามที่ซับซ้อน

“เรื่องนี้…ท่านผู้เฒ่าของเราตัดสินใจอย่างไร?” โจเซฟไม่สนใจเจนิน ยังถามหาคำตอบมองจ้องมาที่ผม

“ท่านผู้ใหญ่ก็บอกให้ทำตามคัมภีร์  พวกท่านให้เหตุผลว่าการมีมนุษย์ต่างเผ่าพันธุ์จะทำให้สายเลือดพัฒนา ถ้าคนทั้งโลกเป็นเชื้อสายฮีบรูทั้งหมด ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดี มิใช่หรือ?” ผมไม่รู้จะบอกกับเขาอย่างไร? คัมภีร์เขียนให้ทำแบบนั้น ความเชื่อในคัมภีร์เป็นสิ่งสูงสุดของชีวิตฮีบรู

เจนินขยับ...

“ใจเย็นก่อนนะโจเซฟ รอดูผลให้ชัดเจนกว่านี้หน่อย ถ้าพวกเขาไม่มีพิษภัย เราก็ไม่ต้องกำจัดทิ้งหรอก ยังไงพวกเขาก็มีสายเลือดฮีบรูผสมในตัว เขาเป็นพี่น้องของเรา” เจนินขยับแว่นมองด้วยแววตาอ่อนโยน

“ผมจะจับตาดู ผมไม่เห็นด้วยเลย” โจเซฟยังเกรี้ยวกราด

“ผมดูแลครอบครัวของพวกเขาอยู่ พวกนั้นไม่กล้าหักหลังหรอก” ผมบอกให้เพื่อน ๆ สบายใจ

แต่โจเซฟยังร้อนใจ...

“คุณจะเอาอะไรมารับประกัน ผมเป็นคนล้างสมองของพวกมัน ผมรู้ว่าพวกมันเป็นคนอย่างไร? ไม่มีใครสักคนที่ห่วงครอบครัว พวกมันต้องการอำนาจ” โจเซฟมีอำนาจทางการเงินสูง เขาใช้เงินเนรมิตสังคมให้เหล่าผู้นำประเทศ ต้องเข้ามาเป็นหุ้นส่วนหรือไม่ก็เป็นลูกไล่ให้เขาได้

 “เอาน่าโจเซฟ! ตอนนี้ปล่อยให้พวกเขาช่วยกระจายข่าวโควิดไปเรื่อย ๆ ก่อน พวกนี้มีอำนาจบีบบังคับผู้นำประเทศเล็ก ๆ ได้ ให้มนุษย์ฉีดวัคซีนกันครบก่อน จะจัดการยังไงค่อยว่ากัน” ผมต้องการทำงานไปเรื่อย ๆ ตามเวลาที่กำหนดไว้ เรายังมีเวลาเหลือเฟือ

“ผมสงสารพี่น้องของพวกเรากลางทะเลทราย คอยดูนะผมจะฆ่าทิ้งให้หมดตระกูลเลย ถ้ามีใครตุกติกกับโครงการนี้” โจเซฟสีหน้าเครียด ขี้หงุดหงิดตามสไตล์คนที่มีเงิน

“ตอนนี้เราเดินตามแผนไปช้า ๆ ก่อนก็แล้วกัน คุณเตรียมเงินไว้ก็พอ” เจนินยิ้มมุมปาก

ไม่มีใครถือสาโจเซฟ เขาร้ายกับทุกคนยกเว้นพวกเรา

“เอาเชื้อโควิดไปปล่อยซ้ำไปเรื่อย ๆ ให้พวกมันติดโรคกันอีกเยอะ ๆ จะได้ทำงานง่ายหน่อย ปล่อยคลิปคนตายจากโควิดเยอะ ๆ เพิ่มความกลัวเข้าหัวทุกคน ให้มันเข้าไปในทุกขุมขนของมนุษย์ทุกคนได้ยิ่งดี” โจเซฟพูดสมทบด้วยน้ำเสียงอำมหิต

“ผมได้ปล่อยคลิปวัคซีนหลุดจากกองทัพจีนของ ดร.เหยียนหลี่เหมิน สร้างข่าวช็อกโลกไปแล้วพวกคุณสบายใจได้ เรามาเน้นเรื่องนี้กันก่อน” เจนินยิ้มพอใจแล้วหันมา

“อันนาผมมีข่าวจะบอก ผมหางานให้คุณทำได้อีกแล้วนะ เรื่องผู้สืบสายเลือดคนสุดท้าย ผมสร้างละครเรื่องใหม่ให้คุณแสดงเป็นพระเอกได้อีกแล้วล่ะ” เจนินหัวเราะเสียงดังล้อเล่น

ผมตื่นเต้นมาก ผมรอคอยคนสำคัญ คนสุดท้ายนี้มาตลอด...

“เล่ามาเลย ผมกังวลเรื่องนี้ที่สุด คุณเจอตัวของเธอแล้วเหรอ?” ผมยิ้มดีกว้างใจที่จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายถูกค้นพบ

“ได้เรื่องแล้วเป็นทหารอยู่เกาหลีเหนือ ตอนนี้หนีออกนอกประเทศมาแล้ว ผมส่งคนไปสร้างสถานการณ์ป่วน จนเธอต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกนอกประเทศ ตอนนี้อยู่ในประเทศจีน คุณเตรียมตัวไปรับด้วยก็แล้วกัน ไปทำตัวเป็นฮีโร่หน่อย” เจนินจากเด็กชายตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม แต่ความสามารถไม่ได้เล็กตามขนาดของลำตัว

“ผมให้ลูกน้องทางจีนคอยช่วยเหลือห่าง ๆ ไม่ให้เธอรู้ตัว สร้างสถานการณ์ให้ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด ไม่ให้เธอจับพิรุธได้ คุณต้องสวมรอยไปเป็นนักข่าวรับตัวเธอออกมา” เจนินกล่าว

“โอเค! งั้นผมจะใช้เวลาอยู่กับเธอให้นาน เพื่อดูลักษณะนิสัยและสร้างสัมพันธ์ จะได้กล่อมง่ายหน่อย เธอเป็นผู้หญิงใช้ความนุ่มนวลกับเธอก็แล้วกัน งานนี้ผมรับผิดชอบเอง โจเซฟไม่ต้องยุ่ง” ผมพยักหน้ารับคำเจนิน และหันยิ้มให้โจเซฟ ทุกอย่างตอนนี้ดูเหมือนง่ายไปหมด

“คุณต้องแสดงบทใหม่อีกแล้วล่ะสิ” โจเซฟแซวหัวเราะขบขัน            
           “คราวนี้คงต้องสร้างความใกล้ชิดกับเธอ สร้างเรื่องราวสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน จะได้ใช้เวลาอยู่กับเธอนาน ๆ ให้เกิดความคุ้นเคย หาจุดอ่อนของเธอด้วย ผมคิดออกแล้วว่าผมจะทำยังไง? ” ผมบอกกับเพื่อนทั้งสอง              

“มีแผนแล้วใช่มั้ย?” เจนินถาม

“คราวนี้รับบทไหน?” โจเซฟถามแล้วหัวเราะชอบใจ          

“ลูอิส”