หมวดหมู่ | The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 24 ม.ค. 2567 |
เซี่ยงยี่ มณฑลยูนนาน
มุมมองสายตา เจ็ทโด้
ตุลาคม ค.ศ.2020
ดึกแล้ว...เจ้าซอนเข้านอนหลับกรนดังสนั่นบ้าน จูยอนก็เข้าห้องไปตั้งแต่หัวค่ำแล้ว ผมออกมานอนที่โซฟาสมองคิดทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปเรื่อยยังไม่ง่วง เดินออกมานั่งปล่อยอารมณ์ที่ปลายสะพาน แสงจันทร์ส่องสว่างสะท้อนเห็นแผ่นน้ำในระยะไกล มองฝ่าความมืดออกไป ไม่มีแสงไฟให้เห็นสักดวง แหงนมองขึ้นไปยอดภูเขาสูงด้านซ้ายเห็นไฟถนนวับแวมอยู่สูงลิบๆ
วันนี้ผมนอนไม่หลับ ในใจกังวลแปลก ๆ ไม่เข้าใจตัวเอง ทิ้งตัวนอนยืดยาวที่ปลายสะพาน ปล่อยใจไปกับสายลม คิดถึงเอื้องจังเลย ทำไมถึงอยากกลับบ้านขนาดนี้ เสียงแมลงกลางคืนผสมผสานสนั่นป่า แสงหิ่งห้อยระยิบระยับรอบตัว รู้สึกสะพานไหวโยกเหมือนมีคนเดินมา...
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะ?” เสียงจูยอนทักมาแต่ไกล ผมลุกขึ้นนั่งหย่อนขาลงน้ำ…
“อืม! มานั่งคุยกันก่อนสิ ตื่นมาทำไม นอนไม่หลับเหรอ?” ผมกวักมือเรียก เธอวิ่งต็อกแต็กเข้ามาพร้อมกับยิ้มหวานฟันขาว เสน่ห์ของจูยอนอยู่ที่ลูกตาที่หยีกับรอยยิ้มหวานจริงใจนี่เอง
“คิดถึงแทนเหรอคะ? คุณเป็นพี่ชายที่ดีมากเลย อยากมีพี่ชายอย่างนี้บ้างจังเลย” เธอขยับมานั่งข้าง ๆ เอาเท้าแกว่งน้ำ ผิวขาวของเธอสะท้อนแสงจันทร์ผ่อง เส้นผมปลิวสยายยามลมพัดแรง ท่าทางสบายใจ
“อืม! เป็นห่วงเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ เจ้าแทนไม่เคยลำบาก จะเอาตัวรอดได้ไหมนะ? จะใช้ชีวิตในป่ายังไง? จะหาอาหารเป็นไหม? ก่อไฟเป็นหรือเปล่า?” ผมไม่เคยสบายใจตั้งแต่มันตกเหว เจ้าแทนมีความรู้อะไรติดตัวบ้างก็ไม่รู้? การยังชีพในป่า...ไม่ใช่ง่าย
“ฉันก็เป็นห่วงนาตาลีกับไปไป๋ ทั้งสองดูยังเด็กใสซื่อนะคะ นาตาลีดูเหมือนหยิ่ง เธอแค่มีเกราะป้องกันตัว แต่เธอจิตใจดีนะคะ ไป่ไป๋ก็สดใสน่ารัก ฉันยังหวังว่าทั้งสองจะปลอดภัย” เธอเอามือปัดแมลงที่บินผ่านหน้า เสียงเรไรระงมกล่อมไพร สายลมอ่อนๆเย็นสบาย
“เจ็ทโด้! สองคนนั้นแหละต้นเหตุ ผมไม่น่ามาเจอกับสองคนนั้นเลย ซวยจริง ๆ” ผมหลุดปากบ่นไป พอได้ยินชื่อแล้วหงุดหงิด ยิ่งยายผมสั้นกัดแขนผมเป็นแผลเลย
เธอเกาหัวหันกลับมามองแบบขัดใจ…
“คุณจะโกรธอะไรสองคนนั้นหนักหนา เพื่อนฉันนะ! เราก็ต่างสูญเสียเพื่อนเหมือนกัน ทำไมคุณมาโทษสองสาวนั่นฝ่ายเดียวล่ะ?” เธอเริ่มเสียงเปลี่ยน
ระยะหลัง ๆ เวลาผมทำอะไรไม่ถูกใจ เธอก็แสดงสีหน้าหรือน้ำเสียงออกมาทุกครั้งเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แต่ไม่ได้ก้าวร้าว
“ก็จริงอ่ะ! ตั้งแต่เจอกันมีแต่เรื่องซวยตลอด นั่งรถคันไหน ซวยคันนั้น ดูสิ!นั่งรถผมก็พากันโดนยิง ขึ้นรถเจ้าแทนก็พากันตกเขา เข้าแก๊งไหน ตายยันหมาเฝ้าบ้าน” ผมบอกเสียงเรียบเหมือนเดิมโดยไม่ได้หันไปมอง
“พวกเธอไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้หรอก ถ้าดูในคลิปพอจะเดาได้ว่าแทนเป็นคนขับ แทนต่างหากที่เป็นคนผิด ขับรถไปตกเขา เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำไป ว่าพวกเขามีเรื่องอะไรกันรึเปล่า? คุณลำเอียง!” เธอปกป้องสุดฤทธิ์
“แหม! รักกันเหลือเกิ้น เขาซื้อของให้แค่เนี้ยะ ชอบคอรัปชั่นเหรอ? ชอบสินะ?” ผมแขวะตรง ๆ หันไปมองหน้า
“คอรัปชั่นตรงไหนคะ? ฉันเกือบจะเป็นขอทานอยู่แล้ว ฉันไม่มีอำนาจอะไรไปบีบบังคับเธอนะคะ” เธอเบิกตากว้าง
“เออใช่! ขอโทษ”
“คุณไม่ตกอยู่ในสภาพของฉัน คุณไม่มีวันเข้าใจหรอกว่า ฉันดีใจขนาดไหน? ฉันเร่ร่อนหลบหนี ระแวงและกลัวอยู่ตลอดเวลา ไม่กล้ามองหน้าใคร พอมีคนเดินเข้าใกล้ก็ผวา ใจสั่นทั้งวัน ของเล็กน้อยที่เธอให้ในยามที่ไม่เหลือใคร มันมีความหมายมาก แค่ขอบคุณคงไม่พอ” เธอไม่ได้โกรธที่ผมแหย่ พอได้ฟังเรื่องราวของเธอก็เข้าใจและสงสาร
“ฉันอยากได้ทั้งสองคนไว้เป็นเพื่อน อย่างน้อยโลกใบใหม่ของฉันก็ยังมีเพื่อน” จูยอนยิ้มเห็นฟันขาว ดูท่าทางของเธอไม่กลัวผมเหมือนก่อนแล้ว กล้าที่จะคุยเล่นมากขึ้น เดี๋ยวนี้มีกอดแขนด้วย
“คุณคิดว่าทหารสองคนนั้น มาตามหานาตาลีคนเดียวกับเราหรือเปล่าคะ?”สายตาของเธอดูมีความหวัง ผมก็หวังให้เป็นเช่นนั้น ถ้าทหารมาค้นหาอย่างไรก็เจอตัว พวกนี้มีเครื่องมือดีกว่าพวกเราแน่นอน
“น่าจะใช่! นาตาลีคงไม่มาหายตัวพร้อมกันหลายคน ในภูเขาบริเวณเดียวกันหรอก แต่ยายเด็กนั่นเป็นดอกเตอร์จริงเหรอ? คุณรู้หรือเปล่า? ” ผมคิดถึงความน่าจะเป็น แต่สงสัยในตัวบุคคล
“ฉันก็ไม่รู้ เธอไม่ได้บอก รู้แต่ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์”
“ขอให้ใช่ทีเถอะ” ผมยกมือท่วมหัว
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มีความหวัง แต่เราก็ออกตามหาของเราด้วยดีกว่า คุณว่าไง?”เธอโยนเตะขาแกว่งน้ำสบายใจ ผมไม่รอพวกนั้นอยู่แล้ว ป่าออกกว้าง ต่างคนต่างหาคนละจุดจะได้เร็วขึ้น
“ผมรอไม่ได้หรอก ไม่สบายใจ อกจะแตกอยู่แล้ว ผมเป็นห่วงเจ้าแทนมาก ยิ่งวันผ่านไป ก็หมายถึงพวกเขาหิวมากขึ้น หนาวมากขึ้น” ผมไม่กล้าคิดว่ามันตายไปแล้ว จะไม่คิดเช่นนั้นจนกว่าจะเจอ
“หรือเราไปเข้าร่วมกับพวกเขากันมั้ย? ไปกับทหารก็ดีนะ” เธอชี้ช่องแต่ผมไม่เห็นด้วย
“อย่าเลย! เราไม่รู้จักนาตาลีเลย เราไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังของเธอไปทำอะไรมาบ้าง? ไหนจะเรื่องของคุณด้วย อีกอย่าง! ป่ากว้างขนาดนี้คงหาไม่เจอง่ายหรอก” ผมห่วงเรื่องรถBMWสีฟ้านั่นด้วย ถ้าเป็นเจ้าแทน มึงได้ติดคุกยาว ไม่ได้กลับบ้านแน่
“ไม่หรอกน่า! ทหารหญิงคนนั้นดูหน้าตาใจดีออก สวยมากด้วย ดวงตาของเธอมีเสน่ห์มาก ใบหน้าวีเชฟอย่างกับเทพปั้นมา” เธอเอานิ้วมาจิ้มขา ยิ้มล้อ
“สวยเนอะ! สวยสมบูรณ์แบบจริง ๆ ยิ่งอยู่ในเครื่องแบบยิ่งสวย” ผมชมจากใจจริง ผู้หญิงคนนั้นสวยถูกใจผมมาก
ผมหันไปมองจูยอนก็หุ่นไม่แพ้กันหรอก สะโพกดอกไม้ไหว บั้นท้ายดินระเบิดเหมือนกัน แค่หน้าอกเล็กกว่าเท่านั้นเอง เธอก็สวยในแบบเกาหลี ตาหยีแก้มโหนก สะอาดตาและไร้เดียงสากว่า ผมชอบแบบจูยอนมากกว่าเห็นแล้วไม่หนักใจ แต่ยายทหารหญิงนั่น นมใหญ่จริง ๆหนักใจแทนเธอ
“ผมอยากเห็นคุณใส่เครื่องแบบทหารเกาหลีเหนือจัง มีรูปถ่ายเก่า ๆ ไหม?” ผมเกิดอยากรู้ขึ้นมาซะงั้น ในชีวิตของผมก็ไม่เคยมีเพื่อนเป็นคนเกาหลีเหนือ เรียนรู้จากเธอก็ไม่เลว
“ไม่มีเลยค่ะ! เสียดายอยู่เหมือนกัน ฉันก็สวยหรอก ไม่อายกล้องด้วย” เธอยิ้มอาย
บรรยากาศตอนนี้กำลังดี ดวงจันทร์พึ่งจะโผล่หัว แสงนวลสะท้อนดวงหน้ารูปไข่ขาวเนียนชวนมอง ได้นั่งคุยกับสาวสวยสองต่อสอง จูยอนก็มีเสน่ห์เหมือนกัน แค่สวมเสื้อยืดยังดูเท่ห์เลย
“คุณแต่งงานหรือยัง?” ผมถามเพราะอยากรู้เรื่องส่วนตัวให้มากขึ้นอีก เราไม่มีเรื่องจะคุยกันมาก คงต้องเริ่มทำความรู้จักกันใหม่
“ฉันอยู่ในวัยแต่งงาน ต้องแต่งงานแล้ว” เธอแกว่งขาตอบ ผมขมวดคิ้วเกาหัวแล้วหันไปมอง...
“พูดแปลกๆ” ผมไม่เข้าใจเรื่องวัยแต่งงานคนเกาหลีเหนือคงมีวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนบ้านเรา ผมเอื้อมมือไปไล่แมลงหวี่บนหัวให้เธอ
“วัฒนธรรมที่บ้านฉัน พออายุ 26-30ประมาณนี้ คนเกาหลีเหนือจะมีแม่สื่อนัดให้ดูตัวกัน แล้วแต่งงานกันค่ะ พวกหนุ่มสาวจะรอเวลานี้กัน” ผมยิ่งงงหนักเข้าไปอีก เด็กสาวที่บ้านอายุ 14 ก็ท้องแล้วไม่ต้องมีแม่สื่อด้วย มีแต่แม่ห้ามออกจากบ้าน สงสัยทฤษฎีผู้หญิงกลัว 4 แทงของผมจะใช้ไม่ได้กับประเทศนี้
“ยังคลุมถุงชนกันอยู่เหรอ?”
“ที่บ้านของฉัน ความรักมีอย่างเดียวคือ รักท่านผู้นำสูงสุด การแต่งงานก็เหมือนกับเป็นหน้าที่พลเมือง” เธอบอกแล้วเสยผมจากลมพัด เวลาใบหน้าของเธอกระทบแสงจันทร์ช่างสวยเหลือเกิน ผิวหน้าขาวเนียน
“แล้วถ้าเลิกกันล่ะ ต้องทำยังไง?”
“เรื่องใหญ่ รัฐจะปรับคุณจนหมดตัวทั้งสองฝ่าย อาจถึงขั้นส่งไปทำเหมืองถ้าคุณไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ไม่มีใครกล้าเลิกกันหรอก ทนอยู่กันไปอย่างนั้นแหละ ชีวิตที่เลือกไม่ได้ มีจริงนะคะ” เธอยิ้มระอาส่ายหน้า
“แล้วรัฐไปเกี่ยวอะไรด้วย อย่ามั่ว” ผมไม่ชอบเลย คนที่ขี้ไม่ออกเยี่ยวไม่ออกก็โทษรัฐ
“อย่าลืมสิ บ้านฉันเป็นรัฐสวัสดิการนะคะ บ้านที่อยู่อาศัยก็ของรัฐ น้ำไฟก็ของรัฐ เขาให้คุณสร้างครอบครัว แต่คุณล้มเหลว คุณต้องจ่ายคืน ไม่งั้น!...ก็ไปทำเหมือง ฮ่าฮ่าฮ่า!” เธอหัวเราะลั่น
ผมคิดในใจ…ดีออกไม่เห็นขำตรงไหน? ผมจะกลับไปบอกคุณลุงนายกให้ทำอย่างนี้ จับไอ้พวกประท้วงไปทำเหมืองให้หมด
“อยู่ที่นั่นคุณจะไม่มีอะไรเป็นของตัวเองหรอกค่ะ แม้แต่ลมหายใจก็ถูกควบคุม ถ้าขัดใจเจ้านาย เขาจะยึดลมหายใจของคุณ” เธอส่ายหน้าแล้วเอนตัวลงนอน
น่าอึดอัดใจแทนเหมือนกัน โดนควบคุมไปทุกอย่าง อย่างนี้เหรอที่เจ้าแทนเอาประเทศนี้มาเปรียบกับเรา คนละเรื่องกันเลย มันกวนตีนมากที่เรียกคุณลุงนายกของผมว่าลุงฉุน
“แล้วคุณได้ไปดูตัวบ้างหรือเปล่า? มีเจ้าบ่าวในใจหรือยัง?” พอได้คุยกันก็เริ่มเจอเรื่องราวแปลกใหม่ของเกาหลีเหนือ วิธีคิดแบบประเทศของเธอ เอาไปบอกลุงนายกให้ออกกฎหมายบังคับคนรุ่นใหม่ดีกว่า
“ดูหลายคนแล้วค่ะ! แต่ไม่ถูกใจ” เธอหันมาหัวเราะเสียงใส
“ไม่ถูกใจเขาล่ะสิ” ผมเย้า
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”จูยอนหัวเราะลั่นหันมาทุบแขน
“บ้า! ฉันก็เลือกนะ” เธอหัวเราะถีบขาชอบใจ
“ตกลงว่าเหลือ!...ไม่มีคนเลือก” ผมหยอกแล้วหัวเราะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”เธอหัวเราะชอบใจนอนกลิ้งไปมา
“อื้อ!..แฟนยังไม่เคยมีเลย ฉันบ้างาน ถ้าไม่เข้าเวรก็ชอบอยู่กับคอมพิวเตอร์ดูข่าวทั่วโลก ดูโลกเสรี ไม่ได้เจอกับใคร แต่ฉันเปิดกว้างนะคะ ฉันพร้อมมีครอบครัว” เธอเตะขาหัวเราะลั่นเวิ้งน้ำ
“เจ้าซอนน้องชายของผมก็เป็นคนดีนะ หล่อด้วย รวยด้วย เก่งด้วย แถมใจดีด้วย มันก็ไม่เคยมีแฟน มันเคยบอกว่า อยากได้เมียเป็นทหาร อายุคุณก็รุ่นราวคราวเดียวกัน สนไหม? ผมติดต่อให้ ผมการันตีว่า มันนิสัยดี คุณก็ไม่ต้องลำบากไปหางานทำ คอยดูแลบ้านให้มัน เอาป่ะล่ะ?” ผมพูดแหย่แล้วยิ้มให้
“...........” เธอหุบยิ้มนั่งนิ่งไม่ตอบอะไรออกมา
“แล้วคุณล่ะมีแฟนหรือยัง?” จูยอนหันมาถามผมบ้าง ถ้าคุยเรื่องนี้ผมสู้ตาย รอตั้งนานนึกว่าจะไม่ถาม…
“หล่อ ๆ อย่างนี้จะเหลือเร้อ มีแล้วสิ! แฟนผมสวยมากเลยนะ เป็นหมอด้วย” ผมโม้เข้าให้ เอื้องคือที่สุดของหัวใจ
เธอเป็นความภูมิใจของผม ยินดีมากที่จะตอบคำถามนี้ ผมชอบคุยเรื่องของเอื้องให้คนอื่นฟัง พอพูดแล้วก็นึกถึงใบหน้าของเอื้องลอยมา คิดถึงจังเลย รออีกหน่อยนะ
“มีลูกกี่คนแล้วคะ?” เธอถามคำนี้ทำเอาผมอึ้ง
“เอ่อ..ยังไม่มีลูก” ผมตอบอ้อมแอ้ม
“แกวก! แกวก!” เสียงนกแสกร้องแดกดัน
“ฮู ฮู ฮู!” เจ้านกถึดทือหัวเราะเยาะผม
“แต่งงานมากี่ปีแล้วคะ?” เธอยังไม่หยุดถาม มือก็โบกปัดแมลงหวี่บนหัวไปด้วย
“ยังไม่ได้แต่ง รออยู่!” ผมยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
“น่าอิจฉาจังมีคนรักรออยู่ ฉันสิไม่มีใครเลย ความรักเป็นยังไงก็ไม่รู้จัก รู้จักแต่รักท่านผู้นำ ร้องเพลงสรรเสริญท่านผู้นำกันจนคอแห้งเสียงแหบ นั่นแหละความรักของฉัน” น้ำเสียงของเธอใสซื่อ เงยหน้าหัวเราะเบา ๆ ในโลกกว้างใบนี้ยังมีอะไรที่น่าเหลือเชื่ออีกมาก
“คนสวยอย่างคุณ เดี๋ยวก็มีคนมาจีบ เชื่อผมสิ!” ผมอารมณ์ดีเพราะได้คุยเรื่องเอื้อง
“รักกันมานานหรือยังคะ? น่าอิจฉา”
“โหย! รักกันนานมาก นานแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ เลย เธอมีฝันอยากเป็นหมอ เธอทำสำเร็จด้วย ผมรักแฟนมากที่สุดในโลกเลย ผมรักของผมมาตั้ง 20 ปีแน่ะ” มันคือความภูมิใจ มันต้องอวด
แต่เธอผวาตาโต...
“ออม่อ!! 20ปี ยังไม่ได้แต่ง ไม่ใช่ละม้าง?” จูยอนอุทานเสียงสูง แล้วขยับขาขึ้นขัดสมาธิหันหน้ามาหา เอียงคอหรี่ตามอง ทำหน้าสงสัย
“เฮ้อ!” คนพวกนี้เหมือนกันหมด ถ้าคุยกันต่อเธอต้องหาว่าผมบ้าแน่ ๆ ชอบเหน็บให้เจ็บใจ โดยเฉพาะเจ้าซอน
“ทำไม? ทำไมจะไม่ใช่? นอนดีกว่า ไม่คุยด้วยแล้ว คุณไม่เคยรักใครไม่เคยมีความรัก พูดไปก็ไม่เข้าใจหรอก” ผมรีบลุกขึ้นแล้วเดินกลับบ้านพัก
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จูยอนหัวเราะลั่นแล้วเดินตามมา
ผมทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาหน้าทีวีเช่นเดิม ยกหมอนมาปิดหน้า เธอเดินเข้ามาเฉี่ยวขาดึงหมอนออกแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ เดินพยักหน้ายิ้มวนไปมารอบโซฟาก่อนที่จะเอ่ยขึ้น...
“แถวบ้านฉันเรียกคนอย่างคุณว่า องครักษ์ค่ะ น่ารักนะเนี่ย ราตรีสวัสดิ์นะคะ” เธอหัวเราะร่วนแล้วเดินบิดตูดเข้าห้องตัวเองไป ปล่อยให้ผมงงกับองครักษ์ของเธอ
สมองครุ่นคิดเรื่องราวต่าง ๆ ของเจ้าแทน ผมต้องหว่านแหเสี่ยงโชคหาเหมือนกัน ถึงเวลานี้จะมีคนอื่นออกตามหาก็ตาม ผมก็นั่งไม่ติดอยู่ดี
เรื่องของเอื้องก็กวนใจไม่แพ้กัน เอื้องก็ฉีดวัคซีนตัวที่นาตาลีห้ามเสียด้วย ความกังวลใจวิ่งเข้ามาตีกันในหัวมั่วไปหมด ความเงียบที่คืบคลานเข้ามาก็ทำหน้าที่ปลอบประโลมให้หนังตาปิดลงเข้าสู่ภวังค์เพื่อผ่านวันนี้ไป
.......................................................................................................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |