The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2 ตอนที่ 8

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2 ตอนที่ 8
หมวดหมู่ The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 24 ม.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


ป่าโบราณ ฉวีจิ่ง มณฑลยูนนาน

มุมมองสายตา นาตาลี พัค

ตุลาคม ค.ศ.2020

เราสองคนลุกออกจากที่นอนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อหนีเขา คนนิสัยแย่แบบนี้จะให้ร่วมทางไปด้วยกันได้ยังไง? นอนด้วยก็หลับไม่สนิทหรอก เดี๋ยวมันปาดคอ ขอลาขาดชาตินี้และชาติไหน ๆ เลยก็แล้วกัน พอเหลียวมองไปที่เขานอนเมื่อคืน ตอนนี้ว่างเปล่า เขาลุกหายไปจากที่แล้ว แอบคิดในใจ...ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องคอยหลบ ไปไกล ๆ เลย ไม่อยากเห็นหน้า

แสงสีเงินสว่างฉาบท้องฟ้าสดใส เสียงนกกางเขนป่าร้องเรียกคู่ระงม ต้นสนสองใบลู่ลมเสียงหวีดหวิวเหมือนกับดุริยางค์วงใหญ่ประสานเสียงบอกฤกษ์ยามให้ออกเดินทาง  ซอกก้อนหินน้อยใหญ่เป็นช่องให้เราเดินได้อย่างสะดวก ฉันตัดสินใจแวะไปที่จุดรถยนต์ตก เพื่อหาของที่เป็นประโยชน์สำหรับการเดินทางในป่า จุดที่รถยนต์ตกลงมาเป็นต้นไม้ใหญ่มากเบียดเสียดกันขึ้นมารับแสงแดดอย่างหนาแน่น แต่ละต้นแผ่กิ่งก้านสาขาเหมือนยื่นแขนออกจากลำต้นมารองรับรถยนต์ที่ตกลงจากฟ้า กิ่งไม้ใหญ่หักลงมาตามแรงกระแทกอยู่ใต้ท้องรถรถยนต์ ฝูงกวางน้อยยืนแระเล็มหญ้าอย่างสบายใจที่หน้ารถยนต์ BMW บนยอดเขา ร่องรอยการถูกรื้อค้นปรากฏชัด เขาคงมารื้อของไปก่อนหน้านี้แล้ว ใจร้าย เห็นแก่ตัวจริง ๆ ไม่เหลืออะไรไว้เลย

เราเดินทางกันต่ออย่างทุลักทุเล ใต้ร่มเงาไม้ เถาวัลย์เส้นใหญ่ห้อยระโยงระยางดูน่ากลัว พื้นดินบางช่วงแทบจะไม่เห็นแสงแดด ใต้ร่มไม้ไม่มีต้นหญ้า ดินหนังหมูมีแต่ใบไม้ทับถม เวลาเดินจะลื่นมาก สองสามก้าวลื่นสามสี่ก้าวล้ม เราล้มลุกคุกคลานผ่านมาได้อย่างสะบักสะบอม เสื้อผ้าหน้าตาเลอะไปหมด ทางเดินค่อย ๆ เริ่มลาดเอียงลงต่ำ การเดินไต่ลงจากภูเขาสูงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสาวในเมืองอย่างฉันกับไป่ไป๋ เราผลัดกันลื่นล้มไถล ตกใจบ้าง สนุกบ้าง หัวเราะกันในบางจังหวะ บางช่วงต้องโหนเถาวัลย์ข้ามท้องร่อง เสียงร้องของพวกเรารบกวนสัตว์ป่ามาตลอดทาง ฝูงกระรอกป่าตัวน้อยบนกิ่งไม้จ้องมองพวกเราอย่างสนใจ

เดินป่าไม่เห็นลำบากอย่างที่คิดเลยเนอะอนนี่ ดีแล้วล่ะ! ที่เราไม่ต้องง้อไอ้โย่งนั่น คิดว่าเป็นผู้ชายแล้วเราจะง้อเหรอ ฝันไปเถอะ!” สาวน้อยกางแขนลั้ลลาเต้นหมุนตัว พูดจาเพราะได้เสนาะหู

“ใช่! เดินสบายจะตายไป เนอะ!

 ใบหญ้าเขียวอ่อนนุ่มรองพื้นให้เหยียบย่ำเหมือนพรม กิ่งไม้ใบเขียวเป็นหลังคา เหล่าสิงสาราสัตว์ส่งเสียงเชียร์เป็นเพื่อน อะไรจะมีความสุขกว่านี้  แต่...

ว้าย!” เสียงไป่ไป๋ร้องดังด้วยตกใจบางอย่าง ฉันหันกลับไปมอง 
           "พรืด...ดด!!" ร่างของเธอลื่นไถลลงไปในพงหญ้า 
ฉันรีบกระโดดเอื้อมมือไปคว้า...

“ฮึบ! ว้าย!! แต่เสียจังหวะขาเกี่ยวเถาวัลย์ ล้มหมุนก้นไถลไปกับพื้นหญ้าตามลงไป

"อึกอัก!อึกอัก!" ทางลาดเอียงลื่นลงอย่างเร็ว กิ่งไม้เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา เสื้อถูกเกี่ยวขาดวิ่น ไม่สามารถหยุดการเคลื่อนที่ได้ นี่ฉันตกเขาอีกแล้วเหรอ?  ก้นไถเลื่อนไถลลงมาจนกระทั่ง...

อ๋าย!!! สองเสียงประสานร้องด้วยความตกใจ

“............” เราสองกระเด็นออกจากชะง่อนเขา ลอยคว้างกลางอากาศ ดิ่งลงไปด้านล่างพร้อมกัน

“เหวอ!!

แผละ! เผละ!”  เราล่วงลงมาในหุบโคลน ใต้ใบบอนป่าสีเขียวขนาดใหญ่สูงท่วมหัว ปกคลุมไปทั่วบ่อโคลน กลิ่นเหม็นอับเน่าของซากศพตลบอบอวล เริ่มเห็นท่าไม่ดีความกังวลเข้ามาควบคุมจิตใจ

อื้อฮือ! เหม็นเน่ามาก!!!”


ด้านล่างใต้ใบบอนยักษ์...

เรายืนอยู่บนโคลนเหลวสูงครึ่งหน้าแข้ง ข้างหน้าเป็นเนินดินกลางบ่อ รากไม้แทงลงมายั้วเยี้ย บริเวณบ่อไม่กว้างนักเป็นรูปวงกลมขนาดสนามบาสเกตบอล

ทันใดนั้นเอง...

พื้นโคลนที่แบนราบเรียบก็ดูเหมือนมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างเคลื่อนไหว โคลนเละเหลวเริ่มก่อตัวพวยพุ่งเป็นก้อน จากการเลื้อยพันกันไปมาของสัตว์บางอย่างชนิด  ดูเหมือนฝูงปลาดุกกำลังแย่งกินอาหาร แต่ลำตัวของมันสีเหลืองทองวาววับ

อนนี่! ตัวอะไร? นั่นมันตัวอะไร? ไป่ไป๋ตาเบิกโพลงร้องเสียงหลง ถอยเข้ามาหลบข้างหลัง สายตาแสดงอาการกลัวจัด เริ่มระแวงย่ำเท้ามองซ้ายขวาเตรียมวิ่ง

ฉันก็ตกใจอยู่ในท่าเดียวกัน ทั้งเกลียดและกลัวสัตว์ที่ไม่มีเกล็ด ปลาดุกฉันยังไม่กินเลย มันขยับเข้ามาทีละน้อย

“แฉะ!แฉะ!แฉะ! ก้อนโคลนคลั่งม้วนตัวใหญ่ขึ้น สูงราวเอวกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา ฉันรู้ว่ามีสัตว์บางชนิดสีน้ำตาลทอง ลำตัวขนาดเท่าแขนพันกันยั้วเยี้ย แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ไป่ไป๋ช็อกพูดไม่ออกเกาะหลังเงียบกริบ

ฉันก็ใจจะขาดหันไปบอก...

 หาทางขึ้นจากบ่อ เร็ว!

“ยวบ! ยวบ!เราก้าวหนีอยู่ใต้ใบบอนยักษ์ วนเลาะขอบบ่อไปทางขวา คิดว่าจะไปตะปีนขึ้นรากไม้ใหญ่ข้างหน้า ยิ่งเดินโคลนยิ่งดูดยิ่งร้อนรน เดินย่ำโคลนเสียงดัง มือแหวกต้นบอนล้มท้องฟ้าเปิดกว้าง

ฝูงสัตว์ประหลาดก็ม้วนตัวตามมาไม่ลดละ ฉันสังเกตว่ามันจะมาตามแรงสั่นสะเทือน

นั่นไง! มีทางขึ้น ฉันชี้ไปที่รากไม้ใหญ่ที่ขอบบ่อ ไป่ไป๋ก้าวขายาวขึ้นไปเตรียมโหนตัวขึ้นไป...

เธอขึ้นไปก่อน เดี๋ยวฉันดันก้นให้ฉันบอกให้เธอดึงตัวเองขึ้นไป ฝูงสัตว์ใต้โคลนเคลื่อนมาตามแรงสั่นสะเทือน

มันลื่น!” เธอไต่มันขึ้นไปอย่างทุลักทุเล หัวใจเต้นรัวไปหมดแล้ว ฉันพยายามดันก้น เท้าของเธอเหยียบบนหัวกลิ่นโคลนเน่าเหม็นไปหมด
          
เร็ว! เร็ว!!!! มันมาแล้วฉันย่ำขาอย่างร้อนใจ กลัวพวกมันเข้ากางเกง แต่ละตัว...ฉันว่ามันใหญ่ประมาณแขน ลำตัวสีน้ำตาลทองมันวาววับ เลื้อยพันกันเป็นก้อนกลม มันเคลื่อนมาขี้โคลนสะบัดอย่างเร็ว ฉันปล่อยก้นไป่ไป๋ก้าวขาหนี ยายน้องลื่นแหกปากลั่น...

ว้าย!...ช่วยหนูก่อนสิ อย่าพึ่งไป!” เธอร้องเสียงหลง ฉันหันกลับไปมอง เธอเกาะรากไม้แน่นมือขาสั่น ก้นหย่อนลงมาเกือบจะถึงฝูงสัตว์ประหลาดแล้ว

พวกมันยั้วเยี้ยไปหมด เธอโดนพวกมันไชตูดแน่ โดนกินแน่ ฉันต้องช่วยดึงความสนใจของพวกมัน ทำไงดี! ทำไงดี?...

พั่บ!พั่บ!พั่บ! ฉันทั้งกระทืบเท้าและเอามือตีพื้นโคลนกระเพื่อม  พวกมันรับสัมผัสจากแรงสะเทือนพุ่งตัวมาทางฉัน

ทันใดนั้น...

“เงี๊ยว...วว!!! เสียงโหยหวนเหมือนแมวดังมาจากฟากฟ้า

“แผละ!!

หวาย!” ฉันอยู่ต่อไม่ได้แล้ว เสือดาวตัวโตตกลงมามุมบ่อ ความซวยที่สองมาจากฟากฟ้า

ฉันพยายามจะหนีแต่โคลนดูดขาตรึงอยู่กับที่ แต่ละก้าวช่างยากเหลือเกิน กว่าจะลุกขึ้นได้พวกมันก็เกือบถึงตัว อีกส่วนเลื้อยไปหาเสือดาว

ฉันยังดีที่สวมกางเกงขายาว เดินแหวกต้นบอนยักษ์ เลาะขอบบ่อหนีพวกมันก็ม้วนตัวเคลื่อนตาม ถ้าขาของฉันติดโคลน พวกมันก็จะเข้ามาใกล้ มันตามมาไม่ลดละ สงสัยคงหิวมานาน

ว้าย!” เสียงร้องตกใจของไป่ไป๋

พลั่ก!!” เธอตกลงโคลนอีกครั้ง ตาลีตาเหลือกรีบลุก

อนนี่! หนูเจ็บขา เธอร้องฉันใจหาย ช็อกอย่างแรง กางเกงขาสั้นที่เธอนุ่งอันตรายมาก ถ้ามันมุดหัวเข้าไปได้ มันดันสุดตัวแน่

ฉันหันมองฝูงสัตว์ประหลาด บางส่วนมันแยกฝูง พุ่งกลับไปทางไป่ไป๋ เสือดาวเดินไปหาไป่ไป๋ ฉันลนลานปัดต้นบอน...

รีบลุกเร็ว!” จิตใจไม่อยู่กับตัว รีบลุยบ่อกลับไปหาเธอ 
           "อึ้บ! อึ้บ!" ไป่ไป๋พยายามดึงตัวเองขึ้นไปอีกครั้ง ช่วงเวลาที่แสนบีบคั้นจิตใจ ฉันได้แต่ลุ้นให้เธอขึ้นไปให้ได้ก่อน ขอบบ่อไม่สูงมากแต่ที่ยึดเหนี่ยวมีน้อยและลื่นมาก โคลนเลอะลื่นไปหมด เสือดาวตัวเบาก้าวเดินบนต้นบอนที่หักล้มแยกเขี้ยวใกล้เข้าไปทุกที

อีกนิดเดียว!” ฉันร้องบอกขณะขาก็ย่ำพื้น มองลุ้นให้เธอเอาชนะให้ได้ เข้มแข็งไว้ อีกนิดเดียว..อีกนิดจะขึ้นได้แล้ว

เสือดาวจ้องเขม็งไปทางไป่ไป๋ มันย่อขาเตรียมกระโจน...

“ไป่ไป๋! ระวังเสือ” ฉันร้องลั่น

“อนนี่!

“ฉันจะคิดถึงเธอนะ ลาก่อน” เธอตายแน่

“สวบ! เจ้าเสือดาวกระโจนเหยียบเธอ แล้วดีดตัวขึ้นไป

“ว้าย! เธอกอดรากไม้แน่น ดึงตัวขึ้นตามไป...

ขึ้นได้แล้ว อนนี่! หนูรอดแล้วเสียงใสทำให้ ฉันโล่งอก

“แฉะ!แฉะ!แฉะ! แต่ฝูงสัตว์พุ่งกลับมาหาอีกครั้ง ต้นบอนหักล้มระเนระนาด เปิดฟ้าให้มองเห็นด้านบน

ต้นไม้ใหญ่ยืนโดดเดี่ยวอยู่บนโคกกลางบ่อ ลำต้นเต็มไปด้วยเถาวัลย์สายระโยงระยางแผ่สยายกิ่งใบ ใต้ร่มไม้นี้ดูอึมครึมและเงียบสงัดไม่มีแม้เสียงแมลง

หยึย!!” พวกมันพุ่งเข้ามาใกล้ ฉันหนีไปเดินเลาะขอบบ่อหาทางขึ้นใหม่ ใจก็เต้นสั่นรัว ไป่ไป๋ขึ้นได้ก็หายเงียบหายไปเลย

 ขี้โคลนขนาดครึ่งหน้าแข้ง ฉุดรั้งการเคลื่อนไหวให้ช้าลง มันยิ่งใกล้หัวใจยิ่งสั่น กลิ่นเหม็นเน่าคงเป็นสัตว์ที่พลัดหลงลงมาและไอ้สัตว์ประหลาดพวกนี้ คงรอกินสัตว์ที่โชคร้ายเหล่านั้น

ฉันเดินวนหารากไม้เกาะขึ้นด้านบน เดินวนจนกลับมาถึงจุดที่ไป่ไป๋ขึ้นไป

อึ้บ! ขึ้นมันตรงนี้แหละวะ! ฉันเอื้อมมือดึงรากไม้ให้ตัวเองลอยขึ้นจากโคลน  ฝูงสัตว์ประหลาดรอกินฉันอยู่ข้างล่าง

ไป่ไป๋! ช่วยฉันด้วย ฉันตะโกนเรียก เธอหายเงียบไปเลยหรือว่าเสือลากไปกินแล้ว?  มือเริ่มสั่นหันมองลงพื้นโคลน..

ไอ้ตัวพวกนั้นก็ยังยั้วเยี้ยข้างล่าง มือก็ล้า ขาก็ลื่น พลันสายตาเหลือบเห็นรากไม้ใหญ่ ถ้าฉันเอื้อมมือไปจับมันได้ ฉันก็ดึงตัวเองขึ้นไปได้ คิดได้เช่นนั้นแล้วก็เล็งจนมั่นใจ โยนตัวไป เอื้อมมือไขว่คว้า...

“ฮึบ!

 เฮ่อ!” ฉันทำสำเร็จคว้ารากไม้ได้แล้ว ดึงตัวเองขึ้น...

กร็อบ!” เสียงนรกบาดลึกเข้าไปในหัวใจ ช็อคสุดขีด!

ว้าย!!!!” ดวงตาเบิกโพลง ลำตัวของฉันครูดรากไม้ หงายหลังตกลงด้านล่างไม่เป็นท่า ความกลัวถาโถมเข้ามา

พลั่ก!!” หลังกระแทกพื้นโคลนดังสนั่น ร่างกายของฉันร่วงลงไปเป็นอาหารสัตว์ร้าย ฉันอยู่ใกล้ความตาย อีกครั้ง

“พรึ่บ! ทันทีที่หลังของฉันถึงพื้น เจ้าตัวประหลาดก็พุ่งเข้ามากัดทันที พวกมันกรูเข้ามารัดพันลำตัวของฉัน ฟันแหลมเล็กกัดเข้ามาทุกจุดของร่างกาย ฉันสะบัดมือไล่พวกมันแต่ก็เปล่าประโยชน์            

ว้าย!!!โอ๊ย! เจ็บนะ!” ความรู้สึกเจ็บจี๊ดไปทั่วลำตัว โดยเฉพาะเจ็บบริเวณแขนมาก เสื้อยืดโดนพวกมันดึงกันไปคนละทาง

“ฮึบ! พยายามลุกหนี เอามือเท้าพื้นพยุงตัว รู้สึกแปลกใจกับมือของตัวเอง แขนก็เจ็บจี๊ด พอหันมองก็แทบเป็นลม

“ออกไปนะ ไม่เอา! อย่ากินฉัน” ฉันสะบัดแขนสุดแรงเกิด

มันอมแขน! มันกินแขนของฉันไปแล้ว! ฉันเด้งขึ้นพร้อมปลาไหลตัวเท่าขา ลำตัวยาวเฟื้อย

ว้าย!!!!” พวกมันกัดเสื้อกางเกง ห้อยต่องแต่ง ตัวเล็กตัวน้อยห้อยตุ้งติ้งเต็มตัว รู้สึกเจ็บแปลบที่แขนซ้าย...

อ๋าย! ช่วยด้วย มันกินแขนไปแล้ว ไป่ไป๋! ฉันร้องเสียงหลง สลัดยังไงก็ไม่หลุด ขยะแขยงมาก ถ้ามีมีดฉันคงตัดแขนทิ้ง

อี๋! ไม่ไหวแล้ว ไม่กล้าหันไปมองมัน

“ครืด...ดด!!!

อนนี่ระวัง!” เสียงลากของมากับพื้นพร้อมเสียงไป่ไป๋จากด้านบน ฉันเงยหน้าขึ้นเห็นท่อนไม้พุ่งลงมา

แผละ! ต้นไม้ขนาดลำตัวถูกเธอถีบลงมาพาดปากบ่อ

“รับนี่ไปด้วย” เธอโยนเถาวัลย์ยั้วเยี้ยลงมา พอได้เช็ดมือ

ฉันยังเดินย่ำขาหมุนตัว ออกแรงสลัดอย่างไรมันก็ไม่หลุด เหลือมือเดียว ต้องรีบปีนขึ้นไปให้ได้ อย่างน้อยท่อนไม้นี่ ก็ทำให้มีที่ยึดมากขึ้น พวกที่กัดตามเสื้อกางเกงยังห้อยต่องแต่ง ทำไมฉันซวยอย่างนี้นะ?
           
“จับเถาวัลย์ไว้นะ” สาวน้อยร้องสั่ง เธอใช้สองมือเตรียมดึง
           ฉันถ่างขาขึ้นไปเกี่ยวกับรากไม้ได้แล้ว มือหนึ่งก็พยายามดึงตัวเองขึ้น อีกมือที่อยู่ในท้องของปลาไหลก็เท้าไปที่ท่อนไม้ ตอนนี้มันคงอาการสาหัสเพราะฉันต้องให้มือนี้ยันพื้นไปเรื่อย ไป่ไป๋พยายามช่วยเต็มที่ เกร็งตัวดึงหน้าตาบูดเบี้ยว

“ปึ่ด!!เถาวัลย์ขาด

เฮ้ย! ”

 ยึ๋ย...ยย! ฉันแหกปากลั่นช่วยลุ้น มือควงเกาะเกี่ยว ยังโชคดีที่ขาเกี่ยวรากไม้ไว้มั่นคง

ไป่ไป๋ลุกกลับมาออกแรงดึงอีกครั้ง ฉันช่วยถีบตัวเองขึ้นไปพร้อมกับแรงดึง ฉันเห็นความสำคัญของแขนข้างที่ไม่ถนัดก็วันนี้นี่เอง

อึ้บ!!” ก่อนแรงสุดท้ายจะหมดลงไป เอื้อมมือไปให้เธอลากขึ้นมานอนแผ่หลาบนขอบบ่อ หันไปมองแขนตัวเอง

“ย๋าย...ยย!! ฉันนอนหงายมองตามันปริบ ๆ

ไป่ไป๋คว้าไม้มา...

นี่แน่! ๆ ๆ ๆ เธอซัดหัวปลาไหลด้วยความโกรธ

ตั้บ! ๆ ๆ ๆ เจ้าพวกตัวเล็กกัดเสื้อกางเกงอีกนับสิบตัว จนถึงตัวสุดท้าย เจ้าตัวใหญ่อมแขนฉันซะมิดเลย ขยะแขยงที่สุดหางยังส่ายอยู่เลย.

ช่วยดึงมันออกไปจากแขนด้วย กึ๋ยมาก!” ฉันยื่นแขนตรง หันไปจ้องตาเจ้าปลาไหลใหญ่ มันอมแขนถึงไหล่ ใจคอจะกินกันจริง ๆ เลยเหรอ? น่ากลัวมาก

อึ้บ!ๆๆ เธอพยายามดึงลำตัวของมัน แต่มันลื่น

ทำไงดี? เธอหายใจหอบร้องถาม เลือดแดงเต็มเสื้อ ฉันเห็นว่ามันนิ่งสนิทแล้วก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย

เธอหันมาใช้วิธีดันมันถอยหลังออก

อึ้บ!ๆๆ ได้ผลมันขยับถอย

ทันใดนั้น...

“ว๋าย...ยย!! หางมันก็สะบัดแรง เรากระโดดกันคนละทาง

“ตุบ! มันกระเด็นหลุดตกพื้น

เฮ้อ!!” ฉันถอนหายใจ หมดแรงทรุดนั่งขอบบ่อ

ปลาไหลนี่นาอนนี่ แต่ทำไมตัวมันใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ล่ะ?” เธอเดินเข้ามาพลิกตัวของมันที่ทั้งอ้วนทั้งยาว เหลียวมองลงไปฝูงปลาไหลแย่งกันกินตัวที่ตาย มันคงมีอาหารดีตัวเลยใหญ่กว่าปรกติ

หันมองสำรวจรอบบริเวณลานกว้างชายป่าแถบนี้ดูเหงาหงอย แหงนมองกลับไปบนต้นไม้ใหญ่กลางบ่อ พลันสายตาสะดุดกับบางอย่าง

มีบางอย่างเคลื่อนไหวบนกิ่งไม้ พอสังเกตได้ชัดขนหัวลุกซู่หัวใจแทบหยุดเต้น ฉันรีบกลั้นหายใจทันที...

ปิดจมูกเดี๋ยวนี้! ฉันรีบเอามือที่เลอะโคลนป้องจมูก แล้วรีบก้าวเดินหนีห่าง



หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ทำไมป่าแห่งนี้ถึงมีแต่สิ่งที่น่ากลัว สมองเริ่มสับสน นี่ฉันสูดอากาศตอนอยู่ใต้นั้นตั้งเยอะ มันเข้าปอดไปบ้างหรือเปล่า กังวลใจจังเลย?

อะไรเหรออนนี่ มีอะไรอีก? ไป่ไป๋ผวาเข้ามา

อย่าถาม! เงียบ ๆ แล้วเดินออกไปจากที่นี่ ให้เร็วที่สุดฉันเดินลนลาน เลาะแหวกต้นไม้หาทางหนี

ฉันหันหลังกลับ พยายามเพ่งมองไปที่ยอดไม้เพื่อดูแรงลม ค่อยโล่งใจเมื่อสายลมพัดไปอีกด้าน ไป่ไป๋ขยับเดินมาเคียงข้าง หันกลับไปชี้ต้นไม้กลางบ่อร้างอีกครั้ง...

นั่นตัวอะไรคะ เหมือนค้างคาวแม่ไก่?สายตาเธอมองกลับไปที่กิ่งไม้ ค้างคาวแม่ไก่นับร้อยนับพันห้อยหัวเต็มต้นไม้ สั่นไหวไปตามแรงลม

ใช่ค่ะ! แต่ตอนนี้มันเป็นซอมบี้ เป็นค้างคาวดูดเลือดไปแล้วฉันบอกเบา ๆ มือก็พยายามแหวกกิ่งไม้เพื่อหาทางออก 

แล้วมันจะกัดเราหรือเปล่า?” เธอตื่นเต้นตาโตฉันส่ายหน้าปฏิเสธ พากันเดินมุดต่อกิ่งไม้

ฉันหันกลับไปมองพวกมันอีกครั้งหลัง ก่อนจะรีบเดินจากไปให้ไกลที่สุด ไอ้นี่!...อันตรายถึงชีวิต

ถ้าหมวดจางมาเห็น เธอคงดีใจมาก เธอเอามันไปผสมในTame26 ด้วย ฉันหันหลังก้าวเดินต่อไป ไม่ตอบคำถาม ปล่อยพวกมันทิ้งไว้ด้านหลัง

เราเดินตะลุยดงกล้วย ผ่านป่าไผ่ ทางลาดเอียงลงภูเขามาเรื่อย เป้าหมายของเราคือต้องหาแหล่งน้ำ

หลังจากตะลุยดงป่ามาได้สักพักก็เริ่มล้าอ่อนแรง อากาศรอบกายเริ่มร้อน เหงื่อไหลท่วมตัว หันมองไป่ไป๋แล้วสงสาร เธอค่อนข้างสะบักสะบอม เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยโคลน ก่อนจะมา...เสื้อของเธอสองตัวกับกางเกงเป็นสีโทนสว่าง รองเท้าสีชมพู ทั้งหมดตอนนี้โทนสีโคลนเหม็นเน่า            

ซ่าส์!” ได้ยินเสียงน้ำแว่ว ๆ เราหันมามองหน้ากัน ยิ้มกว้างอย่างกับถูกหวย รีบวิ่งไปตามเสียงสวรรค์

ซ่าส์!” พอพ้นแนวป่าสายลำธารใสไหลรินอยู่ไม่ไกล เราหันมายิ้มให้กันแล้วริบจ้ำอ้าวไปอย่างเร็ว 

ตูม! ไม่ต้องคะยั้นคะยอ ฉันรีบพุ่งตัวลงน้ำอย่างไม่รีรอ น้ำใสเย็นสบายตัวสบายใจ รีบดำน้ำล้างหัวทำความสะอาดร่างกาย เอากลิ่นเหม็นออกไปก่อน

ไป่ไป๋มุดน้ำขยี้หัวอยู่ข้าง ๆ ฉันจับเธอหันหลังแล้วรวบเส้นผมของเธอ ช่วยกันสระผม

ค้างคาวนั่นมันกินอะไรเหรอคะ อนนี่?” สาวน้อยเพื่อนตายถามเสียงใส ขณะที่ฉันกำลังสระผมให้เธอด้วยน้ำในลำธาร

ฉันจับหัวเธอแกล้งกดน้ำไว้ เธอพยายามจะขึ้นมาหายใจ ดิ้นทะลึ่งพรวด

จะฆ่าหนูเหรอ?” เธอหน้าตาตื่น ฉันแอบขำที่ได้แกล้งคน  
            สายธารน้ำใสไหลเย็นฉ่ำ รู้สึกสดชื่นหลังจากไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน ไป่ไป๋ว่ายน้ำเล่นโผไปมาหัวเราะมีความสุข นึกขอบคุณในใจ ถ้าไม่ได้เธอมาเป็นเพื่อน ก็คงโดนพวกขับสิบล้อเอาไปขายซ่องแหง ๆ

ฉันไม่ใจร้ายเหมือนไอ้พวกสิบล้อนั่นหรอก ใจแคบอาศัยไหว้วานนิดหน่อยก็ไม่ได้พูดแล้วก็เกลียดไม่อยากนึกถึงใบหน้า คุยเรื่องสำคัญกับน้องก่อนดีกว่า

ฉันจะบอกอะไรให้โลกใบนี้ มันมีเชื้อราชนิดหนึ่งชื่อOphiocordyceps unilateralis หรือเรียกอีกชื่อว่า Zombie Fungus สปอร์ของมันสามารถเข้าควบคุมสมองของสิ่งมีชีวิตอื่นและสั่งให้ทำตามที่มันต้องการได้ ต้นไม้ใหญ่กลางบ่อนั่น น่าจะเป็นรังของค้างคาวแม่ไก่มาก่อน  สมาชิกบางตัวคงได้รับสปอร์และถูกบังคับให้เข้าฝูง เพื่อพวกมันจะได้ขยายพันธ์ ฉันจับไป่ไป๋มานั่งแช่บนโขดหินตรงน้ำตื้น แล้วสำรวจบาดแผลทั่วเรือนร่างขาวผ่อง

พวกค้างคาวมันบินได้หรือเปล่าคะ?” เธอวักน้ำล้างหน้าแปรงฟันด้วยนิ้ว เสื้อเปียกน้ำแนบเนื้อเซ็กซี่ คนอะไรนมกลมเนียนสวยจริง ๆ ทะลักล้นบราออกมาเลย ยายนี่ทำฉันขนลุกหลายครั้งแล้ว

ฉันส่ายหน้าไล่ความคิดแปลก ๆ ออกไป เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน อย่าเลยเถิด / จับเธอถอดเสื้อ สะดือมีสร้อยด้วย จะเซ็กซี่ไปไหน
         
พวกมันตายหมดแล้วค่ะ ตายทั้งฝูงนั่นแหละ เป็นซากตายแห้งอยู่อย่างนั้นแหละ ฉันหายกังวลใจได้เล่นน้ำไปด้วยสบายตัวจังเลย อีกอย่างไม่ต้องระวังตัวด้วยไม่มีผู้ชาย

ฉันเองก็ไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไหร่? ปรกติอยู่บ้านก็ไม่ใส่อะไรอยู่แล้ว การได้เห็นตัวเองเปลือยบ่อย ๆ จะทำให้เราไม่ปล่อยตัว เราจะไม่สามารถทนดูตัวเองอ้วนในกระจกได้ ที่สำคัญฉันเติบโตในอเมริกาเรื่องพวกนี้ ฉันไม่อาย

แล้วอนนี่กลัวอะไรคะ ถึงหนีซะขนาดนี้?” แผ่นหลังของเธอขาวเนียนเนื้อแน่นจังเลย ฉันแอบมองเรือนร่างโค้งเว้าของสาวน้อยชาวจีน หน้าตาบ้องแบ้วน่ารักน่าเอ็นดู

กลัวสปอร์ที่กระจายในบริเวณนั้นเข้าจมูกของเราน่ะสิ! สัตว์ที่หลงไปแถบนั้นจะกลายเป็นซอมบี้หมด แต่ไม่ได้เหมือนในหนังหรอกนะ คนละอย่างกัน พวกมันก็ไม่ได้กินเลือดด้วย เมื่อกี๊! ฉันโกหกฉันบอกแล้วมุดน้ำล้างเศษโคลนออกจากหัว

ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง รู้ไว้เป็นประสบการณ์นะคะ ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง เธอเป็นคนโลดโผนมาก เก่ง! ความสามารถรอบตัว เป็นทหารจีนและก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งมาก เธอใช้สปอร์ของมันมาผสมกับวัคซีนของฉัน แล้วหลอกว่าเป็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 แจกจ่ายไปทั่วโลก”

“จริงเหรอ?”

“ตอนนี้มนุษย์โลกตกอยู่ในอันตรายโดยไม่มีใครระแวงหรือสงสัย แต่ผลการทดลองมันไม่ราบรื่น เธอมาโทษว่า ฉันเป็นคนทำ ตั้งแต่นั้นมาเราก็แตกคอกันเรื่องวัคซีนนี่แหละฉันคุยกับเธอแต่ใจคิดไปถึงหมวดจาง คิดแล้วก็เกลียด

ไป่ไป๋ขยับเข้ามา

โควิดเหรอคะ?” เธอขมวดคิ้ว

 เชื้อโควิดน่ะ! กระจอกเกินไปกว่าที่ฉันกังวล มันแค่น้ำจิ้ม ฉันยิ้มบาง ๆ แล้วทำความสะอาดร่างกาย รอยฟันละเอียดของปลาไหลข่วนไปทั้งแขน

สายน้ำใสบริสุทธิ์เย็นชื่นใจ สาวสวยหัวเราะเสียงใสวักน้ำเล่นอย่างมีความสุข เธอร้องเพลงเคล้ากับเสียงนกป่ากระเซ้าเย้าแหย่กันจนลืมอันตรายที่กำลังตามมา

เอาไปตากไว้ก่อน! เดี๋ยวฉันจะซักของตัวเองฉันส่งเสื้อให้เธอไปพาดก้อนหินผึ่งแดด

เธอเดินยิ้มกว้างกลับมาพร้อมถอดกางเกงขาสั้น เหลือเพียงชั้นในลูกไม้สีแดงบางเบาเหมือนไม่ใส่อะไรเลย เห็นทะลุปรุโปร่ง
            ฉันเห็นแบบนี้ค่อยโล่งใจ โอเคจะได้ไม่ต้องมาอายเรื่องพวกนี้กัน เราผู้หญิงเหมือนกัน

ถอดบราออกด้วยสิคะ!” ฉันบอกพร้อมเอื้อมมือปลดของตัวเอง

อย่า!” เธอร้องห้ามเสียงหลงพร้อมพุ่งตัวเข้ามา ทำฉันประหลาดใจ สายตาของเธอหื่นมาก

ขอหนู หนูอยากถอด หนูทำเองเธอดึงฉันเข้ากอดจากด้านหลัง มือปลดตะขอบรายุกยิก นี่เธอคิดอะไรหรือเปล่านะ? หันกลับเอื้อมมือไปปลดบราของเธอหมายจะเอามาซักให้ แต่..

อนนี่!” เธอก้มหน้าลงมาใกล้ ลมหายใจของเธอรดหน้าฉันใจเต้นแรง สายตาแปลกๆหมายความว่ายังไงนะ? ฉันไม่เข้าใจ เธอก้มลงมาจนปากชนกัน

หือ!จะทำอะไรคะ ฉันโยกหน้าถอย ใจสั่นเด็กคนนี้รุกฉันอีกแล้ว เธอไม่หยุดแค่นั้น ประกบปากบางลงมา

อุ๊บ! ตายแล้ว ๆ หัวใจหวิววาบ ความรู้สึกแปลก ๆ เมื่อปากนุ่มสอดลิ้นเรียวอุ่นเข้ามา ปฏิกิริยาป้องกันตัวของฉันทำงานทันที  รีบผลักเธอออก ฉันถอยหลัง 2 ก้าว

ไม่ได้นะคะ! ทำอย่างนี้ไม่ได้!” ฉันโบกมือห้าม หัวใจเต้นรัว สับสน กลัว ตื่นเต้น แต่อีกใจก็อยากลอง ฉันไม่เคยกับสิ่งแบบนี้ ฉันทำแต่งานมาตลอด

ไม่เป็นไรหรอก! คนรักกันก็ต้องจูบกันสิคะ!” เธอมองสายตาประกายวับ

ฉันอยากจะบ้าตาย เรารักกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? ฉันรักเธอตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? อย่ามาขี้ตู่ ฉันว้าวุ่น สับสน ใจเต้นแรง ยายนี่ทึกทักเก่งจริง เธอขยับตัวรุกเข้ามาอีก...

เชื่อหนูสิ! อยู่เฉย ๆ นะคะ ปล่อยให้ความรักมันพาไปเธอรุกเข้ามาระดมจูบใส่อีกครั้ง ฉันได้แต่ยืนนิ่งใจเต้นโครมคราม แม่สาวน้อยไซร้ซอกคอ เลื่อนใบหน้าเข้ามาประกบริมฝีปาก เริ่มเคลิ้มตาม 

แต่...

กัดปากฉันทำไม?” ฉันตกใจ ขัดใจมาก แต่ไม่กล้าปฏิเสธรุนแรง เธอไม่สนใจ หลับหูหลับตาประกบปากต่อ

“หือ!

เอ่าอมอำไอ อะอำอะไอ แปลกใจมากขึ้นไปอีก เป่าลมทำไม?... 

อื้อ! อื้อ!” ฉันดิ้นเมื่อเธอดูดลม ยายเด็กนี่! ดูเงอะงะไม่เป็นมืออาชีพเลย

นี่! เธอทำเป็นหรือเปล่า?” ฉันดิ้นโวยเมื่อเธอบีบจมูกของฉันแล้วเป่าลม จะทำ CPR หรือไง? เธอยิ้มอายว่ายน้ำหนีไปแล้ว       

“ยายเด็ฏนี่!”ฉันต้องมาตกกะไดพลอยโจนไปกับสาวน้อยคนนี้ เมื่อคืนก็มาหลอกจับนมทั้งคืน ฉันได้แต่คิดในใจ..นี่ฉันเป็นคนที่สังคมให้การยอมรับนับถือนะ จะมาทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันเป็นดอกเตอร์นะ
            แต่อีกใจก็สั่นไหว ยังกล้า ๆ กลัว ๆ แอบมองทั้งเนื้อตัวของเธอช่างเซ็กซี่สวยงาม หน้าอกอวบอิ่มขาวเต่งตึงเป็นก้อนกลม ผิวขาวมันเงาเนียน ยอดอกสีชมพูชูชัน เอวโค้งมนรับสะโพกผาย ดังนาฬิกาทราย เธอไม่ต่างสาวสวยของจีนขายาวสมัยใหม่ใน
TIKTOK  เรียกว่าสวยสะดุด สวยผงะก็ว่าได้

เธอยืนตั้งหลัก ยิ้มมองสายตาเชื่อมประกาย โผน้ำเข้ามาหาใหม่  ฉันทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี ความรับผิดชอบต่อสังคมกับความสนใจส่วนตัว กำลังต่อสู้กันภายในจิตใจ

ความรู้สึกเสียวซ่านเมื่อสักครู่ยังวิ่งพล่านไปทั้งตัว หน้าอกก็เป็นใจตั้งชันให้เธอเห็น สายตาหื่นที่มองมานั้นทำฉันหวั่นไหว           

หนูชอบอนนี่นะ หนูจะอยู่กับอนนี่เธอจู่โจมอีกครั้ง ริมฝีปากบางบดขยี้ ลิ้นนุ่มตวัดกอดรัดกัน เสียงลมหายใจหอบหื่นข้างหูเพิ่ม ความตื่นเต้นเร้าใจ มือน้อยลูบแก้มก้นสะท้านไปถึงทรวง คราวนี้เธอรุกเข้าจุดจนสะท้านไปทั้งตัว

แต่ฉันจะโอนอ่อนผ่อนตามไม่ได้ ฉันต้องขัดขืน ได้แต่เฝ้าบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ ในขณะที่ร่างกายของฉันตอบสนองสิ่งเร้าจากเธออย่างเต็มใจ วัยสาวที่ไม่เคยรู้จักเรื่องเซ็กในขั้นปฏิบัติ ย่อมตื่นเต้นเป็นธรรมดา สุดท้ายความสงสัยก็ชนะ

ฉันปล่อยให้หัวใจดวงน้อยเตลิดเคลิ้มตามลีลา ท่วงทำนองรักที่อ่อนโยนของสาวน้อย เมื่อถึงที่สุดแล้ว ฉันก็จะสรุปผลการทดลองครั้งนี้เองว่าจะหยุดหรือจะไปต่อ

อืม!” เธอจูบหนักหน่วงไม่ละปาก

แขนขาของฉันอ่อนแรงทรุดตัวลงกับพื้นนั่งแช่น้ำ ฉันได้แต่ถามตัวเองในใจ มันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครเลย มันเป็นจูบครั้งแรกของฉัน

อนนี่! เป็นอะไรคะ?” สีหน้าเธอตกใจทรุดตัวลงมา         

เปล่า ๆ ขอเวลานอกก่อน หายใจไม่ทัน ฉันรีบยกมือกากบาทแล้วเดินเอาเสื้อผ้าขึ้นไปพาดกับโขดหินผึ่งแดด เธอหัวเราะเสียงใส
         
ไม่เคยล่ะสิ เธอเดินขึ้นมาดึงฉันลงไปนั่งแช่น้ำ แหม! ปากดีเธอก็ไม่เป็น เป่าลมใส่ปากฉันทำไม?

อืม!  ฉันไม่เคย ทั้งอายทั้งเขินทั้งอยากลองต่อ

โดนเธอจูบรู้สึกดีจังเลย ความรู้สึกสบายกายสบายใจปลอดโปร่ง มีความสุขเหมือนแช่น้ำ แต่อีกใจลึก ๆ ก็ยังไม่แน่ใจตัวเอง มันบอกไม่ถูก
            ความรักเป็นเช่นนี้เองหรือ? นี่ใช่ความรักหรือเปล่า? น่าสนใจดีแฮะ เธอกอดแน่นจนแผ่นหลังของฉันสัมผัสก้อนเนื้อกลมนุ่มของเธอ ฉันหันกลับไปมอง หัวนมแหลมพุ่งชี้หน้ากันเลยนะ เธอยิ้มเขินอายหน้าแดงยกมือขึ้นปิด

โป๊จะตาย ไม่มีเสื้อใส่เลยเธอยกมือปิดหน้าอกตูมบิดตัวขวยเขิน ยิ้มเอียงอายน่ารักสมวัย แต่มันดูย้อนแย้งมาก เธอรุกฉันซะตัวสั่นไปหมด แต่เธอกลับมาอายซะงั้น

เราผลัดกันถูตัวตรวจดูบาดแผลบนร่างกาย แขนของฉันมีรอยฟันละเอียดกัดเป็นวงหลายจุด ขาของไป่ไป๋เริ่มลายด้วยหญ้าบาด หลังแช่น้ำจนเริ่มตัวซีดก็ชวนกันขึ้นบก  

อนนี่! คิดว่าอีตาแทน จะออกไปได้หรือยัง?” เธอพาฉันมานั่งพิงโขดหินหลบแดด พลันเหลือบไปเห็นต้น Iceland Poppy ออกดอกสีแดงบานสะพรั่งริมน้ำ

“ไป่ไป๋คะ ดูดอกไม้นั่นสิคะ สวยมั้ย?”

“อ๋อ! ดอกป็อปปี้ หนูรู้จัก ตอนมันออกดอกทีแรกจะเป็นสีขาว หนูเคยเอามาเล่น”

“เลือกดอกแก่ สีแดงสดให้หน่อยค่ะ เอาที่มันมีเมล็ดนะ เอาใบไม้ห่อก่อนนะ”

“จะเอาไปทำอะไรคะ?”

“เอาไว้จับปลากิน ลูกไอ้นี่! มันมีฤทธิ์เป็นยาชา ถ้าเอาไปทุบแล้วโยนลงน้ำ ปลาจะเมาขึ้นมาให้เราจับ”

“เก่งจังเลย ไม่ต้องกลัวอดตายแล้ว เอาไปเยอะ ๆ เลยดีกว่า”

ฉันเอนหัวไปพิงไหล่ของเธอ สภาพของฉันเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน เหลือเพียงบิกินีคนละตัว เรานั่งรอให้ผ้าแห้งอย่างสบายใจเพื่อเดินทางต่อ

อย่าไปสนใจเลย ทางใครทางมัน คนโง่อย่างนั้นจะไปไหนได้ พวกเราซวยตั้งแต่เจอไอ้หมอนั่นแล้ว ฉันผิดเองที่เลือกไปขึ้นรถบรรทุกของพวกเขา ฉันก้มหน้าตอบเรียบ ๆ ในใจเริ่มกังวลเหมือนกัน พวกเราจะออกไปได้ยังไงยังไม่รู้เลย?

เย็นนี้จะกินอะไรดี?” ฉันลืมตัว ถามอย่างกับมีอาหารเลิศรสให้เลือกมากมาย ยังไม่รู้เลยจะได้กินอะไรหรือเปล่า?

ไป่ไป๋หัวเราะร่วน...         

กลับไปเอาปลาไหลมาย่างกินกันมั้ยล่ะ? น่าอร่อยดีนะ ตัวมันอ้วนมาก คงจะหวานน่าดูหนูชอบ เธอพยักหน้าเลียริมฝีปาก ท่าทางเอาจริง คนจีนนี่กินแหลกจริง ๆ

No.! ส่ายหัวปฏิเสธ

เธอโผเข้ามา.

ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยชีวิตหนูเธอโน้มคอไปหอมแก้ม ฉันเองก็ใจเต้นแรงทุกครั้งที่ใกล้เธอ เคลิ้มเวลาโดนอ้อน แต่รู้สึกดีมีความสุขจังเลย

ด้วยความอ่อนเพลียบวกกับสายลมเย็นสบายเลยงีบหลับกันไปอีกรอบ ก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเจ้านกสีสวยตัวน้อยบินมาเกาะโขดหินร้องเรียกคู่ ไป่ไป๋ลุกไปหยิบเสื้อผ้ามาส่งให้ รีบแต่งตัวเดินทาง

                    ………………………………………

เราสองคนเดินทะลักทุเลอย่างไร้จุดหมาย เลาะตามลำธารไปเรื่อย สุดท้ายก็มาสุดทาง เมื่อลำธารทั้งสายทิ้งตัวลงหุบเหวด้านล่าง ภูเขาขาดแยกขวางทางไม่สามารถไปต่อได้ รอบตัวใบไม้ทึบไปหมด

ทางเดียวที่จะผ่านไป ได้ต้องเดินบนท่อนไม้ที่ล้มพาดปากเหวลึก ท้าทายความกล้าอยู่ข้างหน้า ฉันกลัวความสูง แค่มองจากตึกที่ทำงานลงมาด้านล่างก็จะหน้ามืดแล้ว ด้วยความเหนื่อยล้าความหิวก็เริ่มถามหา
          ไหวมั้ยคะ?” ไป่ไป๋หันมาถาม สีหน้าวิตก ฉันเดินเข้าไปหาแล้วยื่นหน้าชะโงกลงไปดูก้นเหว โอย...จะลึกไปไหน หวิว หน้ามืดทรุดตัวนั่งอยู่ขอบเหว

ไม่กล้า! มันสูง!” ฉันเริ่มคิดถึงชะตากรรม เราคงไม่รอดออกไปแน่ แต่เธอยังกำลังใจเต็มร้อย ยิ้มสดใส

แค่ 5-6 เมตร ตีลังกาข้ามไปก็ได้ หมู ๆไป่ไป๋หัวเราะสนุกไม่ได้กลัวความสูงเลย 

ฉันเดินไปพิจารณาขอนไม้ใหญ่ พยายามใช้เท้ายันแต่มันไม่เขยื้อน แต่ความกลัวกำลังคลุมหัวใจ ไม่กล้าตัดสินใจ

ไม้พึ่งล้มไม่นานยังสดอยู่ น่าจะข้ามได้ เดี๋ยวหนูลองข้ามไปก่อนเธอบอกแล้วหมุนตัวกลับ ก้าวขึ้นไปยืนบนขอนไม้ใหญ่นิ่งแล้วสูดหายใจ  ยืดอก กางแขนทั้งสองข้างออกแล้วก้าวเดิน

กร็อบ!.... เธอสะดุ้งโหยง กระโดดถอยหลัง 

มีบางอย่างปลิวหล่นลงไปด้านล่าง ฉันก้มมองตามไปใจหวิวโหวงเหวง กระแสลมพัดเปลือกไม้ปลิวเคว้งคว้างอยู่นาน กว่ามันจะถึงพื้นน้ำ 
            เธอถอยกลับมายิ้มแหย ๆ แล้วตั้งหลักใหม่อีกครั้ง คราวนี้แววตาของเธอลังเล เอาเท้าเตะขอนไม้

 ไป่ไป๋! ไฟท์ติ้ง! ฉันยกมือกำหมัดสองข้างให้กำลังใจ ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่มีกำลังใจเหลือแล้ว

ไฟท์ติ้ง!” เธอตะโกนเสียงดัง ก่อนจะก้าวพรวด ๆ ข้ามฝั่งไปจนได้ ยืนยิ้มสักพักแล้วก้าวข้ามกลับมาใหม่

 แข็งแรงดี ไม่มีอันตรายหรอกค่ะเธอยิ้มบอกด้วยความมั่นใจในขอนไม้ ฉันมองเธออย่างขอบคุณ ขยับยื่นมือไปให้เธอฉุดขึ้นยืนเดินไปที่ขอนไม้

ฉันหลับตารวบรวมความกล้าทั้งชีวิตที่เคยมี ให้มารวมกันในใจเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคนี้ ฉันทำได้ ฉันมั่นใจ ฉันสวย ฉันเก่งที่สุดในโลก พอลืมตามองเห็นพื้นน้ำด้านล่าง...

ฉันทำไม่ได้!” ฉันทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นอีกครั้ง ก้มหน้าทำใจให้สงบ จิตใจสั่นไหวมากจนบังคบตัวเองไม่ได้ เห็นเหวแล้วขาสั่น ลึกเหลือเกิน ฉันมีแต่เรื่องต้องเกร็งทั้งนั้นเลย เอ็นหูรูดตูดแข็งแรงมาก

อนนี่! ไม่ไหวเหรอคะ?” ไป่ไป๋ถามน้ำเสียงเป็นห่วง ลูบหัวฉันเป็นลูกหมาเลย

 ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ?” ฉันโอดครวญต่อรองมองนิ่งไปฝั่งตรงข้าม ทำไมชีวิตถึงมีอุปสรรคถึงเยอะนัก? ความลำบากที่แท้จริงเป็นเช่นนี้นี่เอง ฉันเริ่มสำนึก

 ไม่งั้น!ก็ต้องเดินกลับเธอดึงฉันลุกขึ้นยืน / ไม่มีทาง ยิ่งย้อนกลับ ยิ่งหลงไปกันใหญ่

ไม่ได้! เราย้อนกลับไม่ได้แล้วฉันส่ายหน้าคิดในใจ..ยิ่งกลับจะยิ่งหลงทาง เธอเข้ามาจับมือมองหน้าด้วยสายตามุ่งมั่น

นี่เป็นสัญญาว่าเราจะไม่ทิ้งกัน มา!...เรามาผ่านอุปสรรคเล็กน้อยนี้ด้วยกัน พูดจบเธอก็เอาเสื้อเชิ้ตมาผูกมือซ้ายของเราเข้าด้วยกัน
          ในยามยากลำบากคำพูดให้กำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอดูจะมีค่าเหลือคณานับ ซาบซึ้งใจจนบอกไม่ถูก ฉันมีเพื่อนร่วมตายแล้ว ฉันสัญญาจะไม่มีวันทิ้งเธอ ถ้ารอดไปได้ ฉันจะรักเธอ

ถ้าตายก็ตายด้วยกัน รอดก็รอดด้วยกัน เสียงใสพยุงใจให้ฮึดสู้ เธอน่ารักได้ขนาดนี้เชียวหรือ? เธอซื้อใจของฉันได้ ฉันลุกยืนฮึดสู้อีกครั้ง
 
           “ไฟท์ติ้ง!

“ซู่ซู่....ซ!!! แอ่งน้ำตกด้านล่างฟูฟ่องไปด้วยฟองขาว ละอองน้ำไหวพลิ้วตามสายลมพัดฟุ้งกระจาย

เอามือขวาเกาะไหล่หนูไว้ หนูจะก้าวขาขวาก่อนแล้วอนนี่ก็เดินตามนะคะ มองหลังหนูไว้อย่ามองที่อื่นเธอบอกในขณะที่ซ้อมเดินกันที่ขอบเหว ฉันทำตามอย่างตั้งใจ แต่ก็อดที่จะเหลือบมองด้านล่างไม่ได้ เมื่อเห็นว่าใจนิ่ง น่าจะพร้อมแล้วก็เริ่ม

เธอเข้ามายืนเตรียมพร้อมริมหน้าผา สายลมพัดวูบวาบเส้นผมปลิว ฉันฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เธอคนเดียว ยังอุ่นใจขึ้นมาบ้างที่เห็นเธอก็มีความเก่งและกล้าในแบบของเธอ คนเราเก่งไม่เหมือนกัน ต้องเชื่อใจกันสิ คิดไม่ผิดจริงๆที่ให้เธอตามมาด้วย

พร้อมนะคะ แค่นี้เอง หมู ๆ เสียงใส ๆ กับท่าทางน่ารักที่ไม่มีความกลัวเจือปน ทำให้ฉันเบาใจและพร้อมที่จะเสี่ยง ท่อนไม้ขนาดใหญ่เหยียบได้เต็มทั้งสองเท้าก็ดูแข็งแรง

ฉันขาสั่น ก้าวอย่างยากลำบาก รองเท้าหนักผิดปรกติ แหงนหน้าเดินตามเธอมาได้ครึ่งทาง ท่อนไม้ใหญ่ไหวยวบยาบ จิตใจและร่างกายเกร็งเขม็งเกลียว

แอ่ด!” เสียงไม้ร้องเตือน หัวใจฉันหล่นวูบ ความหวาดเสียวเข้ามาจับใจขนลุกซู่ไปทั้งตัว

แอ่ด...ด!” เสียงไม้ลั่นครวญคราง เหมือนเสียงเปิดประตูฝืดของนรก กำลังรอรับร่างของเราอยู่เบื้องล่าง

รีบเดินค่ะ! เธอบอกแล้วก้าวขาไวขึ้น ฉันขยับขาไม่ออก จึงเกิดการดึงดันกัน มือที่มัดไว้ด้วยกันกลับกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่เธอยังสติดีกว่า

เร็ว ๆ ค่ะ! ก้าวขาค่ะ ข้างขวาก่อน เสียงเธอกระตุ้นอีกครั้ง ฉันฮึดสู้กัดฟันก้าวขาที่สั่นระริกขยับตาม

แอด!!...ดด...ดด.....” คราวนี้เสียงโหยหวนยาวเหลือเกิน หัวใจฉันแทบหยุดเต้น ขาสั่นพั่บ ๆ ก้าวไม่ออกเอื้อมมือไปเกาะแขนแน่น ต้นไม้รับน้ำหนักมากถึงกับร้องและไหวตัวยวบเมื่อถึงกึ่งกลาง ไป่ไป๋ยังมั่นคงในท่าทาง...

ก้าวค่ะ!” สิ้นเสียงหวาน

กร็อบ!.. โอย.เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจเสียงไม้หัก 

 “..........” ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน...          

อ๊าย!!!ว้าย!!! เสียวท้องน้อยแวบ ร่างกายของเราสองคน ลอยเคว้งคว้างแขนอ้าขาชี้ ก่อนจะกระแทกพื้นน้ำ

ตูม! ฉันรับรู้แรงกระแทก ดวงตาเบิกค้าง จระเข้กระโจนจากฝั่งลงมา

"ตูม!

“ตึกตึก! ตึกตึก! ตึกตึก!  หัวใจเต้นรัว น้ำใสกำลังพาร่างของฉันจมดิ่งลงสู่ความมืดมิดด้านล่าง เจ้าจระเข้ตัวนั้นก็กำลังจะถึงตัว ในใจท่องคาถาป้องกันตัว

วาระสุดท้ายของชีวิตก่อนจะจากโลกใบนี้เป็นเช่นนี้เองหรือ? ไม่มีอะไรน่าหวาดกลัวไปกว่ารู้ว่ากำลังจะตาย แต่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  การรอความตายอย่างทรมาน ช่างยาวนานเหลือเกิน

                             ...................................................................................................................................

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม