หมวดหมู่ | The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 24 ม.ค. 2567 |
ป่าโบราณ ฉวีจิ่ง มณฑลยูนนาน
มุมมองสายตา นาตาลี
ตุลาคม ค.ศ.2020
ระยะเวลากว่าสองสัปดาห์ พวกเรายังคงดั้นด้นขึ้นเขาลงห้วย อย่างทุลักทุเลเดินลุยป่ามาจนถึงทางบังคับ ช่องเขาแคบเต็มไปด้วยหญ้าสูงขนาดหน้าอกขวางหน้าเรา ความกว้างไม่ใช่ปัญหา แต่ความยาวนี่สิ เห็นแล้วเหนื่อย ต้นไม้ขนาดใหญ่สลัดใบยืนต้นอยู่กึ่งกลางของความยาวช่องเขาแคบพอดี เราต้องเดินผ่านมันไปเท่านั้น
ถึงพวกเราจะใช้ชีวิตด้วยกันทุกวัน แต่ฉันยังไม่ได้รับการยอมรับจากนายแทน ได้แต่เฝ้าสังเกตว่าเขาจะเอาอย่างไร? เขาเดิน ฉันก็เดิน เขาหยุด ฉันก็หยุด เราสามคนมายืนเรียงหน้ากันหน้าพงหญ้า เขายืนกอดอกลูบคาง มองพงหญ้าแล้วพยักหน้าเบา ๆ...
“เราต้องผ่านตรงนี้ไป ระวังขาดี ๆ นะครับ หญ้ารกเกินไป” เขาหันไปเตือนไป่ไป๋ เธอยิ้มกว้างพยักหน้า...
“พร้อมมั้ยคะอนนี่?” เธอเอาไม้กอล์ฟพาดไหล่หันมาถามเสียงใส สาวขาสั้นขาวสวยยืนยิ้มเท่ห์
“ลุยเลย!” ฉันผ่านที่สาหัสกว่านี้มาแล้ว แค่ลุยดงหญ้าแค่นี้ เด็ก ๆ
“สวบ!สวบ!สวบ!”พวกเราเดินฝ่าดงพงหญ้ามาได้สักยี่สิบสามสิบก้าว ต้นไม้จุดกึ่งกลางยังอยู่อีกไกล ผีเสื้อหลากสีบินว่อนมาต้อนรับ เพิ่มความมีชีวิตให้ธรรมชาติสีเขียว
พงหญ้าสูงเกือบถึงหน้าอก ต้นเหนียวพันแข้งขาตลอดทาง เหมือนกับพวกมันพยายามดึงขาไว้แล้วถามว่า คุยกันก่อนสิ จะรีบไปไหน ใจของเราก็รีบขาก็ก้าวไม่ทันใจ พอโดนดึงขามันก็ขัดใจ อยากจะก้าวให้มันพ้น ๆ ไปซะที เสียงนกเขาขันจุ๊กกรู ๆ หาคู่บนยอดไม้ คิดเสียว่าพวกมันกำลังให้กำลังใจเชียร์เราอยู่
แทนแกว่งไม้กอล์ฟร้องเพลงเบา ๆ ฝูงผีเสื้อนับล้าน บินร่อนฟ้อนรำสีสันสวยบาดตา สายลมเย็นชื่นใจถึงแม้แสงจะจ้าจากดวงอาทิตย์ก็ไม่ทำให้เราร้อนแต่อย่างไร
เราสามคนค่อย ๆ ก้าวเดินทะลักทุเลผ่านมากว่าครึ่งทาง เลย ต้นไม้ใหญ่ใบร่วงมาแล้ว หมุนดูรอบตัวมีแต่หญ้าสูงระดับอก เหยียบเท้าลงไปยวบ ๆ แอบคิดในใจ...หญ้าพวกนี้ ถ้าไม่พันขาก็เดินนิ่มดี
“ไป่ไป๋ร้องเพลงหน่อยเด่ะ! โชว์พลังเสียงหน่อย” แทนตะโกนขอจากด้านหน้า เขาคุยแต่กับเธอไม่ยอมคุยกับฉันเลย แต่ฉันไม่สนหรอก แค่หลอกใช้ให้รอดจากป่าไปก่อน อย่าได้เจอกันอีก
“อยากฟังเพลงอะไรคะ?” เธอถามสวนกลับไป
“Senorita!” ฉันตะโกนรับทันที
“ตื่ด ตืด ตื้ด” แทนขึ้นจังหวะดนตรี
สาวน้อยยิ้มร่าเริงระบำ ส่ายเอว…
“I love it when you call me senorita. ” ไปไป๋ส่ายสะโพกโยกเอวร้องเพลงเสียงใส
ต้องอย่างนี้สิ! แม่ไอดอลของฉัน เธอร้องเพลงได้เป็นธรรมชาติ ยักเอวเล็กน้อยดูเซ็กซี่ น่ารัก ตลอดทางที่ผ่านมาก็ได้เธอนี่แหละที่ร้องเพลงให้ฟังมาตลอด เด็กสาวคนนี้ทำให้คนที่ได้รู้จัก รักจนหมดใจได้ง่าย ๆ สักพักนายแทนก็ช่วยร้องรับประสานเสียงกันอย่างลงตัวเพราะพริ้ง เพลิดเพลินจนลืมความเหนื่อยยาก ในตอนนี้เสียงเพลงของเธอจรรโลงใจได้ดีกว่ากิจกรรมอื่น
เพลงแล้วเพลงเล่าไม่ขาดตอน ไป่ไป๋เหมาะแล้วกับฝันของเธอ นายแทนก็สนุกสนานเข้ากันได้ดีในยามร้องเพลง ร้องกันไปเต้นกันไป ความสนุกทำให้ลืมความกลัวไปจากใจ
ฉันรู้สึกคันขายุบยิบ...
“ทำไมคันขาจัง” ฉันบ่นกับตัวเองแล้วหยุดเดิน ไปไป๋เดินส่ายเอวเต้นตามจังหวะเพลงมาข้างหลัง ชนอย่างจัง
“โอ๊ะ!..อนนี่หยุดทำไมคะ?” เธอถามขณะที่ฉันก้มลงดึงขากางเกงหัวทิ่ม...
“โอ๊ะ!” ล้มลงไปนั่งบนหญ้า
ไป่ไป๋สวมกางเกงขาสั้น เรียวขาขาวมีจุดดำ ๆ เต็มไปหมดทั้งสองขา พอพิจารณาดี ๆ จุดนั้นมันขยุกขยิกได้ บางจุดยืด ๆ กระดืบ ๆ
“อ๊ะ!” ฉันผงะ ตาถลน...
“จ๊าก! อ๊าย! หยึย!” ฉันแหกปาก ตาเหลือกหงายหลังตึง ถีบขาถอยหลังกรูด นกป่าตกใจร้องรับบินขึ้นพรึบพรับพร้อมกัน
“อะไร? อะไร? อนนี่อะไร?” ไป่ไป๋ตกใจร้องเสียงหลง
“กะจ๊าก!” ฉันหันหน้าไปทางแทนแล้วกระโจนพรวด วิ่งสุดชีวิตแหกปากร้องลั่น ไม่สนใจไป่ไป๋แม้แต่นิดเดียว
“เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น? อย่าวิ่ง! อย่าวิ่ง!” แทนหมุนกลับหลังมามองฉันที่กำลังวิ่งหน้าตั้งไปหา เขาเอื้อมมือมาขวางหมายจะจับให้หยุด
“หลบไป!” ฉันปัดมืออย่างแรงแล้วผลักเขาจนเซ วิ่งแหกปากร้องต่อ ไม่รอใคร…
“ย้าก...กก!” เสียงไป่ไป๋ร้องดังกว่าวิ่งตามมา เซล้มหัวซุกหัวซุนกระโดดกระเด้ง
“W#$%$#@#$%$#^&%*@#$%[“ ฉันร้องไม่เป็นภาษา ใครที่กลัวจิ้งจก หนูหรือแมลงสาบจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี เหนือจินตนาการ เกินที่จะสรรหาคำบรรยาย
“อย่าวิ่ง!.อันตราย!” แทนตะโกนตามหลังมา ใครจะสนล่ะมันจะมีอะไรน่ากลัวไปกว่านี้อีก วิ่งไปยกขาไป เอามือปัดกางเกงไปทุลักทุเล ขาสะดุดหกล้มหัวทิ่มหน้าคะมำไม่เป็นท่า นอนแนบพื้นดวงตาระนาบกับพื้นหญ้าชื้น
“!!!!!!” สายตาเจ้ากรรม ดันมองไปเห็นทากตรงหน้าใกล้แค่ปลายจมูก มันไหลทะลักออกจากพื้นดินและซอกกกกอหญ้า ยั้วเยี้ยนับพันหมื่นแสนล้าน มันไม่ได้ออกมาทีละตัว แต่มันทะลักออกมาเป็นก้อนเลย
“หือ!” ไอ้ตัวข้างหน้านั้นกำลังงอตัว ทำท่าสะพานโค้ง โยกตัวไปมาเหมือนกำลังกะระยะ แล้วดีดตัวเอง...
“ผลึ๋ง!”
“อี๋!” ฉันก็เด้งพรวดลุกยืนในจังหวะเดียวกัน สลัดแข้งขาปัดพัลวัน วิ่งสิคะ! รออะไร..
ไป่ไป๋วิ่งมาเร็วปานลมกรด…
“จ๋าย! ย๋าย!” เธอร้องโวยวายวิ่งแซงฉันไป
ฉันขยับวิ่งตาม แต่พอเห็นที่ขากางเกงตัวเองแล้วแทบทรุด มันกระโดดมาเกาะขากางเกงนับพันตัว จากกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ตัวทากหยึกหยึยเต็มขา
“ยึ๋ย! ๆ ๆ” ฉันขนลุกเกรียวไปทั้งตัว เส้นผมบนหัวลุกซู่ซ่าเสียวสันหลังวาบ ในใจคิดถึงแต่ไอ้หยึย ๆ มันเข้ากางเกงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ทำไมฉันต้องเจอเรื่องบ้า ๆ นี่ด้วย สองขายังก้าวสะเปะสะปะลนลานไปข้างหน้า
“อ๊าก...กก!” เสียงนายแทนแหกปากร้องลั่น เขาวิ่งแกว่งไม้กอล์ฟตามมาในอาการเดียวกัน วันนี้ป่าแตก...
“ย๋าย! ยึ๋ย! อ๊าก!” พวกเราสามคนวิ่งตามกัน แหกปากร้องประสานเสียงกันสนั่นป่า เสียงเอคโค่สะท้อนสอดรับเป็นทอด กระต่ายป่าตกใจแตกตื่นกระโดดหนี นกกาตกใจบินทิ้งรัง หญ้าพันขาล้มกลิ้งล้มหงายทุลักทุเล
เมื่อหลุดจากพงหญ้า พวกเรายังคงวิ่งร้องต่อไปจนขึ้นลานหินวงกลมบนเนิน เศษหินน้อยใหญ่กระจัดกระจายเป็นวงกว้างพอควรและแห้งพอที่เราจะจัดการกับสัตว์ร้ายนี่ได้
“เอาตรงนี้! เอาตรงนี้!” ฉันตะโกนแล้วยืนดิ้นขาซอยยิก และได้แต่หวังว่ามันจะหลุดออกไปบ้าง
“ถอดเสื้อ ๆ ถอดให้ที ถอดให้หน่อย” ไป่ไป๋วิ่งร้องไม่ได้สติยกแขนสองข้างชูวิ่งมาหาฉัน ขาของเธอตอนนี้เหมือนลายของสุนัขพันธุ์ดัลเมเชี่ยนจุดดำสลับสีขาว ที่ใต้น่องดำเป็นพรืด
เธอขยับขาซอยอยู่กับที่ช่วยตัวเองไม่ได้เลย ฉันทำได้แค่ถอดเสื้อให้เธอ ของฉันเองก็จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ใจจะขาดอยู่รอนรอน กลัวมันไชชอนเข้ารูตูด
“อึ๋ย!” มันสุดจะทานทน ต้องช่วยตัวเองก่อน รีบสะบัดรองเท้า โยนเป้สะพายหลังทิ้ง ถอดเสื้อยืดและกางเกงยีนออกอย่างเร็ว ก้มหน้าลงสำรวจตัวเอง
“หวาย!” ใจมันจี๊ดจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ตัวเกร็งสั่น ขนลุกซู่ ฝูงทากหยึกหยึย ยั้วเยี้ยเต็มหลังเท้า
“จึ๋ย!” หน้าฉันเหย คว้าเอาหินก้อนเล็กมาขูด ๆ ๆ ๆ ทั้งเลือดของฉันและทากผสมกลมกลืนแดงฉานข้นคลั่ก ยิ่งรีบยิ่งลนลานพวกมันเกาะกันแน่น พลังดูดติดทนนานเอาออกยากเสียด้วย พื้นรองเท้าเลือดขังนอง ปลิงบกยึกยือกระดื้บอยู่ที่รอบหน้าแข้งยุบยับ กัดฟันหยิบก้อนหินเล็ก ๆ ขูดอย่างแรงจนเลือดไหลเป็นทาง
“อยู่นิ่ง ๆ ก่อนค่ะ” หันไปช่วยไป่ไป๋ถอดกางเกง มันถอดค่อนข้างยากเพราะเธอดิ้นหนักมาก อาการของเธอหนักกว่าใครเพื่อน คุมสติไม่ได้เลย
“เอาออกไป! เอาออกที! หนูกลัว!” เธอร้องเสียงหลงลงไปดิ้นกับพื้น เอามือปิดตาชักดิ้นชักงอ จากเด็กที่ไม่เคยกลัวอะไรวันนี้ได้เห็นอีกมุมของเธอ ไม่ห่วงสวยเลย โป๊อีกต่างหากแฟนของฉัน นายแทนหายหัวไปไหนนะ ทำไมไม่มาช่วยกัน....
“อ้าก....กกก!!!” เขาวิ่งเข้ามาโยนสัมภาระกระเด็นไปคนละทาง มือหนึ่งก็พยายามดึงถอดเสื้อ อีกมือพยายามปลดกระดุมกางเกง จนเหลือกางเกงในตัวเดียว แล้วนั่งลงเอาก้อนหินขูดทากออก เลือดแดงฉานไปทั้งขา ไอ้ตัวหยึกหยึยไต่ยั้วเยี้ยกำลังกินขาทั้งสองข้าง
“หึ๋ย!” ฉันขูดขาไปหยึยหยึยไป กว่าจะเก็บตัวสุดท้ายจากขาอ่อนของไป่ไป๋เล่นเอามือไม้สั่นไปหมด เลือดแดงนองฉาบไปทั่วขาขาวทั้งสองข้าง
“อึ๋ย!”คว้าเอาเสื้อยืดของเธอซับเลือดตามขาออก แต่เลือดยังไม่หยุดไหลในทันที ตัวทากสีน้ำตาลคล้ำดำตัวเป็นปล้องเปล่งไปด้วยเลือด กระดืบยั้วเยี้ยอยู่เต็มพื้น เธอยังปิดตาแน่นไม่กล้ามองแหกปากร้องไม่หยุด
"อนนี่หมดยัง ออกหมดยัง? ฮือฮือ!!!” ทากเกาะที่ขาของเธอมากสุด ตอนเห็นครั้งแรก ฉันนึกว่าเธอโดนใครเอาน้ำมันเครื่องมาราดขาซะอีก มันดำเข้มเต็มขาไปหมด
“อึ๋ย!” ส่วนนายแทนนั่งเอาหินบี้ทากทีละตัว เลือดพุ่งจู้ดออกทางปลายหัวท้าย
"หมดแล้ว ๆ ถอดรองเท้าก่อนค่ะ” ฉันละล่ำละลักขยับตัวลงไปปลายเท้า ถอดเชือกผูกรองเท้าหุ้มข้อที่แดงชุ่มไปด้วยสีแดง ย้อมทับสีชมพูของเดิมไปสิ้น
ทันทีที่รองเท้าหุ้มข้อข้างขวาหลุดออก ที่หลังเท้าดำพรืดยั้วเยี้ย...
“หว๋าย! ยึ๋ย!” ฉันผงะถอยหลัง สะบัดรองเท้ากระเด็นไปโดนหัวของนายแทน
“โอ๊ย!” เขาสีหน้าขยะแขยง หยิบมันโยนกลับมาทันที
ในรองเท้าของเธอ ตัวกระดื้บยั้วเยี้ยอยู่ในน้ำเลือดที่ขังอยู่ในพื้นรองเท้า กลิ่นคาวเลือดทำให้วูบหน้ามืดจะเป็นลม มันมากมายอะไรอย่างนี้นะ?
“ไม่เอา! ไม่เอา! อ๋าย!” ไป่ไป๋เริ่มดิ้นอีกครั้งเอาเท้าขูดกับพื้น
“อย่าดิ้น!” นายแทนรีบกระโจนพรวดเข้าไปจับขาเธอยกขึ้น แล้วขูดทากตามหลังเท้าของเธอจนหมด ในซอกนิ้วนั่นอีกโอยจะเป็นลม เขาขยับไปที่ขาอีกข้างแล้วดึงรองเท้าหุ้มข้ออีกข้างออก
“อึ๋ย!...” เขาร้องเสียงหลง แล้วหันมามอง
“หึ!” ฉันรีบส่ายหน้าทันที ฉันไม่ว่าง อย่ามายุ่งกับฉัน
“มึงตาย!” เขาเอาก้อนหินค่อย ๆ ขูดทากจอมโหดออกทีละตัวแล้วเอาเสื้อตัวเดิมมาซับเลือด
“เร็ว! เร็ว! เร็ว! เร็ว! เร็ว!” เธอขยับขาตามเสียงตัวเองเหมือนคนชักกระตุก
เขาต้องคว้าขาของเธอมาล็อคไว้ที่แขนตัวเอง แล้วบรรจงขูดตามซอกนิ้วออกทีละตัว พวกมันอ้วนเปล่งสมบูรณ์พูนสุขกันทุกตัว เลือดอาบลำตัวของเขาไปด้วย
แต่ที่ฉันทนไม่ไหว ก็ตอนที่มันพยายามยืดตัวชี้ฟ้า ส่วนตูดมันจะดูดติดกับพื้นยืดตัวยาว ปากของมันที่ส่วนหัวเล็กเรียวโยกเยก ๆ ใจจะขาด ตอนมันโยกนี่แหละ โอย...ระทวย ใครมียาสลบมาโปะฉันที
“สวบ..................................สวบ” เสียงหญ้าดังไกล ๆ มาจากพงหญ้าที่เราวิ่งหนีมา เสียงดังห่างกันประมาณสองลมหายใจเข้าออก
“เงียบหน่อยครับ!” แทนยกมือบอกเป็นนัยให้เงียบและตั้งใจฟัง
“เสียงมาจากทางโน้นนี่” ฉันชี้กลับไปที่ด้านหลัง แล้วขยับลุกขึ้นยืนดึงกางเกงยีนให้เข้าที่เข้าทาง เอื้อมมือไปดึงไป่ไป๋ให้ลุกขึ้นสวมกางเกง ในใจเริ่มคิด ///อะไรอีก อะไรอีก?///
“สวบ......................สวบ” เสียงขยับใกล้มาเรื่อย ๆ
“อะไรวะ?” แทนสวมเสื้อผ้า แล้วเดินเก็บของที่ตัวเองโยนไว้ ทำใจกล้าเดินกลับไปย้อนไปดูเสียงด้านหลัง
ทันใดนั้น...เขาหันกลับมา ดวงตาลุกโพลง…
“สวบ.........สวบ”
คำสั่งเดียวของนายแทนที่ฉันได้ยินจนคุ้นชิน…
“วิ่ง!!...งงง!” ตั้งแต่รู้จักกันมามีเรื่องเดียวที่เราไม่ทะเลาะกัน
“พรึบ!” เขาวิ่งจ้ำอ้าวหน้าตั้ง แกว่งไม้กอล์ฟสะพายของพะลุงพะลังผ่านหน้า ไป่ไป๋พุ่งพรวดตามไปติด ๆ
“อ๋าย! จึ๋ย!” เสียงร้องประสานเสียง สองหนุ่มสาว Senorita ดังไปตามทางที่วิ่งผ่าน ลงเนินทะลุเข้าป่าละเมาะด้านหน้าไปแล้ว
ฉันหันมองตามทั้งสองวิ่งลงเนินผ่านป่าโปร่ง คราวนี้หญ้าไม่พันขา พวกเขาวิ่งลงด้านล่างอย่างเร็ว เก้งกวางน้อยกระโดดโหยงเหยงตกใจ
“ยึ๋ย!” แทนวิ่งกวัดแกว่งไม้กอล์ฟเหมือนอัศวินรบแพ้ หนีศัตรูนำหน้าไป
“หว๋าย!” ไป่ไป๋เหมือนรองแม่ทัพแกว่งไม้กอล์ฟ วิ่งแหกปากร้องตามไปติด ๆ
“สวบ!...สวบ!...สวบ!” เสียงกระโดดถี่และเร็วขึ้น ฉันหันกลับไปมองแบบพิจารณาว่ามันคืออะไรกันแน่?
“สวบ...สวบ” ตาเบิกโพลงขาอ่อนหมดแรงใจสั่นรัว
ยอดหญ้าสั่นไหวในยามมันกระโดด เห็นเป็นเงาดำลอยละลิ่ว และยอดหญ้าหลุบโค้งลงเมื่อเงาดำนั้นทิ้งตัวลงมา
ฉันลุกขึ้นตั้งสติ วิ่งตามสองคนลงเนิน ลุยหญ้าเข้าพุ่มป่าละเมาะ ยามนี้ในป่าไร้สรรพเสียงสำเนียงจากธรรมชาติ นอกจากเสียงสายลมและเสียง…
“จ๊าก...กก!!” ของเราสามคนสนั่นป่า
“ไปทางซ้าย!” ฉันตะโกนบอกสองคนข้างหน้า
แทนเลี้ยวซ้ายแล้วหันหน้ามา ฉันชี้ทิศให้วิ่งแล้วตามสองคนนั้นไป ในขณะที่หูฉันก็ได้ยินเสียง สวบ ๆ ๆ ตามมาใกล้ทุกทียิ่งใกล้ใจยิ่งสั่น รวบรวมพลังที่มีเหลือเร่งความเร็วไม่หันกลับไปมอง
ทุลักทุเลลนลานจนกระทั่งทะลุออกจากแนวป่า มาเจอพื้นทรายสว่างและพื้นน้ำกว้างใหญ่ด้านหน้า...
สองหนุ่มสาว Senorita กำลังกระโดดโลดเต้น กันกลางหาดทรายยาว…
“เย้!!!...วู้ว!!!...นี่มันสวรรค์ชัด ๆ เรารอดแล้ว ไป่ไป๋เรารอดตายแล้ว” แทนร้องดีใจ กระโดดตีมือกันหัวเราะร่า
ฉันวิ่งตามเข้าไปสมทบ เสียงสวบ ๆ ยังตามหลังมาอีกจึงหันไปมอง
“ปี๊! ปี๊!” เก้งหม้อสี่ตัววิ่งตามฉันมาเป็นพรวน มันแซงหน้าวิ่งไปทางไป่ไป๋
จากเก้งน้อยแสนสวย สีน้ำตาลลายจุดดอกขาว ตอนนี้ตัวของพวกมันกลายเป็นสีดำทั้งตัว เหมือนหมาดำมากกว่า พวกมันทิ้งตัวลงตรงพื้นทราย ตะแคงตัวเอาสีข้างถูพื้นทรายดิ้นสลับถูทั้งสองข้าง หมุนวนคลุกกลิ้งไปมาจนทรายยุบลงเป็นบ่อ
พื้นทรายเต็มไปด้วยตัวทากยั้วเยี้ย มันพยายามกระดืบมารวมกัน เก้งหม้อตัวเล็กดิ้นในหลุมทรายอยู่สักพักก็ลุกวิ่งต่อไปลงน้ำ
“..........” ฉันมองตามด้วยความประหลาดใจ ธรรมชาติมันสอนกันเอง ทากพวกนี้ไม่อยู่ในน้ำ สักพักพวกมันก็สะอาดเอี่ยมวิ่งไปทางขวาของชายหาด
ด้วยความแค้น ฉันกอบทรายกลางแดดที่ยังร้อนระอุ ค่อย ๆ กลบฝังพวกมันทีละน้อย ๆ จนมิด คิดในใจ...ตายซะเถอะ / ยิ้มมุมปาก...มันช่างสาแก่ใจเหลือเกิน อิอิอิ ///
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ตัวเบาใจสบาย รับสายลมเย็นสบายจากทะเลสาบ รู้สึกถึงความปลอดภัย หาดทรายสีน้ำตาลอ่อนทอดยาวเป็นอ่าวลึก คอยโอบรัดเกลียวคลื่นอ่อนที่โผเข้ามาหาแล้วสลายไปด้วยกัน
นกยูงฝูงใหญ่เดินหากินริมชายหาด นกกระทุงหัวโล้นและนกน้ำนานาชนิดคลอเคลียว่ายน้ำ ดอกบัวสายหลากสีบานสะพรั่ง ดวงอาทิตย์เกือบลับยอดเขาอยู่ด้านหน้า แสดงว่าเป็นทิศตะวันตก ขวาเป็นทิศเหนือและน้ำตกด้านซ้ายเป็นทิศใต้ ผืนน้ำใสเขียวกว้างใหญ่กระเพื่อมอย่างแรงจากการบินของฝูงนกน้ำ
“มันไม่ตามมาแล้วล่ะ” แทนยืนหอบหายใจแรง มองเพ่งย้อนกลับไปที่ป่าละเมาะ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันตามมาไกลแค่ไหน อารามกลัวจัดหลับหูหลับตาวิ่งไม่ได้หันกลับไปดู เก้งน้อยวิ่งตามมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัวเลย
“ตรงนี้มันแห้ง มันไม่มาหรอก ร้อน! ตายอย่างเดียว” แทนอธิบายขึงขังเหมือนผู้รู้ให้ไป่ไป๋ฟัง สายตาของเขามองไปที่พื้นเอาเท้าบี้ตัวทาก เขาเป็นผู้ชายคนเดียวบอกอะไรมาก็ฟัง ๆ ไปก่อน
เราผ่านอุปสรรคมาด้วยกัน ต้องแสดงความยินดีกันหน่อย ใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายวันแล้ว ผ่านความกลัวก็หลายครั้ง เขาคงลืมความโกรธไปบ้างแล้วล่ะ พอคิดได้อย่างนั้นก็ยิ้มกว้างวิ่งชูมือเข้าไปหา หมายจะตีมือด้วย เขาเหลียวมามองด้วยสายตาเย็นชา ไร้ความรู้สึก...
“ดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่?” สายตาเชือดเฉือนมาก
“แป่ว!” ฉันโดนเบรคหน้าหงาย
เขาหันไปยิ้มกับน้องปล่อยให้ฉันยกมือเก้อคนเดียว เออ! จำไว้เลย หมั่นไส้นัก แต่ก็ต้องยอม หันหน้าไปมองทะเลสาบแก้เก้อ
“ทำไมมันเยอะอย่างนี้ล่ะคะ?” ไป่ไป๋ยังหายใจแรง ทำท่าสยองพองขน ส่งเสียงเจื้อยแจ้วคุยกันสนิทสนมแล้วก้มลงไปลูบขาของตัวเองที่เคยสวย ตอนนี้มีแต่รอยขีดข่วนและเลือดเกรอะกรังน้ำเหลืองไหลเป็นทาง ไม่เซ็กซี่แล้ว...สยองมากกว่า
นายแทนกอดอกเกาคาง วางมาดผู้รู้อีกแล้ว...ไอ้ขี้โม้เอ้ย
“เราคงหลงเข้าไปเข้าดงทาก ผมเคยดูสารคดี เขาบินถ่ายจากมุมสูงทุ่งสีเขียวแบบเดียวกันเลย” เขาเริ่มวาดมือไม้ประกอบการเล่าเรื่อง ยายน้องจ้องมองตาแป๋ว เกือบโดนอีแร้งกินไปรอบนึงแล้ว ยังจะเชื่ออีกเหรอ? ไม่รู้ดูสารคดีช่องไหน?
“มันกระโดดสวบ ๆ หญ้าพลิ้วเป็นคลื่น มากันเป็นกองทัพทาก เยอะไปหมด แบบว่า...มันจะมากินช้าง” เขาทำท่าทางประกอบ ยกไม้ยกมือ หลิ่วตาบิ้วท์เหลือเกิน ยายน้องอ้าปากหวอ
ฉันอมยิ้มก้มหน้าอยากจะหัวเราะ ทากบ้านป้าคุณสิ! จะกินช้าง
แต่...
“ฮ้า! เหรอ ๆ” …ได้ผล ยายน้องระริกระรี้สนใจ ขยับไปใกล้
นายแทนได้ที ยิ่งโม้หนักเข้าไปใหญ่...
“พอช้างมันได้ยินเสียงต้นหญ้าสวบ ๆ ก็วิ่งหางชี้เลย สัญชาติญาณของมันบอกถึงอันตราย ฝูงช้างแตกตื่นกลัวตาย ” นายแทนเล่าใส่อารมณ์ ทำหน้าตาขึงขังเหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์
“เหรอ? เหรอ?” ยายน้องตาโตกัดนิ้วเชื่อเป็นตุเป็นตะ
“อีกคลิป!” อ้าว…ยังไม่หมดอีก ฟังเขาหน่อยไม่อยากเบรก
“เป็นหมูป่า ไปติดหล่มแถวดงของมัน โดนตัวทากรุมดูดเลือดจนหมดตัว นอนแข็งตายคาที่ มันมุดเข้าทุกรู รูเล็ก รูน้อย เข้าไปถึงไหน ๆ” นายแทนร่ายยาวก่อนทิ้งท้าย ยิ้มมองเจ้าเล่ห์ไปทางไป่ไป๋
“ไม่เข้า!” เธอปากจู๋ยิ้มอายบิดตัวไปมาเหมือนจะเข้าใจความหมาย ดึงเสื้อที่เปื้อนเลือดขึ้นมากัดแก้เขิน นมตู้มออกมาเลย ขาลายหมดแล้วคนสวยของฉัน
การต้องใช้ชีวิตด้วยกัน แต่มองหน้ากันไม่สนิท ไม่ดีเลย มันขาด ๆเกิน ๆ ยังไงพิกล ฉันผิด ฉันขอโทษเขาก่อนดีกว่า...
“แทนคะ! ดีกันนะ ฉันสัญญาว่า จะไม่ทำอย่างนั้นอีก” ฉันเข้าไปอ้อน หนีทากคราวนี้ ฉันลืมเรื่องคาใจไปแล้ว หาทางอยู่ร่วมกันดีกว่า อะไรยอมได้ก็ยอม ๆ กันไป
อีกอย่างเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ฉันคิดเลย มีน้ำใจมากด้วย ถึงแม้เขาจะไม่พูดกับฉัน แต่ก็สังเกตได้ว่า เขาคอยดูแลห่วงใยตลอดเวลา เข้าไปหาผลไม้ในป่ามาให้กินทุกวัน หาอาหารมาให้ ก่อไฟให้ความอบอุ่น ดูแลไป่ไป๋อย่างกับลูกสาว ฉันคิดเช่นนั้นจริง ๆ
เขาไม่เคยล่วงเกินแม้กระทั่งสายตา ที่ผ่านมาฉันผิดเองทุกอย่าง สันดานไม่ดีมาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว ก็พอรู้ตัวเองบ้าง แต่ไม่มีใครกล้าสอน เขาได้ชี้ให้ฉันได้เห็นภาพของตัวเองชัดเจน ฉันจะไม่ทำนิสัยแบบนั้นอีกแล้ว
“หายโกรธเถอะนะแทน อนนี่ไม่ได้ตั้งใจ” ไป่ไป๋เข้ามาช่วยเคลียร์ใจ เราสองคนเข้าไปดึงแขนเขาคนละข้าง
“ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มเรื่องนี้นะ แล้วอะไรจะยืนยันว่า คุณจะไม่มาลงกับผมอีก คุณเอาเท้าขยี้ความปรารถนาดีของผมจนสิ้น ผมเสียใจ!” เขาหันไปยิ้มอ่อนหวานกับน้องแล้วหันมายิ้มกับฉัน แววตาของเขาเปลี่ยนไปแล้ว
ไป่ไป๋ยืนยิ้มพยักหน้าหงึก ๆ…
“อนนี่! สัญญาสิคะ เขาจะได้สบายใจ” เธอเข้ามากอดเอว
“ฉันสัญญา! ฉันจะเปลี่ยนนิสัย ดีกันนะ!” ฉันสอดนิ้วเกี่ยวก้อย เขายิ้มร่าแล้วยกให้ไป่ไป๋ดู ก่อนจะพูดทำลายความตั้งใจ...
“ขอใช้สิทธิ์ลังเล ขอดูความประพฤติอีกหน่อย” เขาหุบยิ้มแล้วสะบัดมือออก หันไปหัวเราะกับไป่ไป๋
ไม่เป็นไร! ความรู้สึกของเขาดีขึ้นมาแล้ว ฉันค่อยหาวิธีพิสูจน์ตัวตนกับเขาทีหลังก็ได้ ตอนนี้ขอให้ลดช่องว่างของพวกเราลงก่อน มันอึดอัดที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ไม่ถูกกัน
ฉันหันไปหาเขา...
“ผู้ชายบ้าอะไร? กลัวทาก”
“ผมไม่กลัว ใครกลัว?” แทนเชิดหน้า ทำหน้าตากรุ้มกริ่มน่ารัก จะว่าไป เขาเป็นคนหน้าตาดีมากเชียว ฉันไม่เคยสนใจมองมาก่อน
“แล้ววิ่งทำไม? วิ่งทำไมไม่ทราบ?” ฉันเดินเข้าไปเขย่งแหงนมองประจันหน้า แกล้งกระเซ้าถามเสียงดัง
“วิ่งมาตั้งหลัก!” เขาอมยิ้มแถหันหน้าหนี ฉันยิ้มให้กับความกระล่อน วิ่งอ้อมไปดักหน้า...
“ไอกู่! ตั้งหลักไกลจังเนอะ?” ฉันขยับรุก เขาอึกอักยิ้มแหย
“ก็...ก็วิ่งมาดูสถานที่ว่าปลอดภัยรึเปล่า? ผมรักทุกคน วิ่งให้ทันแล้วเก็บรองเท้าให้ด้วย” แทนยืดอกตอบไม่ยอมเสียฟอร์ม
“อูย…ยย! ขอบคุณนะ น้ำตาจะไหล....คุณวิ่งชนะทุกคนเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉันขำในท่าทางและเอ็นดูคำพูดของเขา
ไป่ไป๋ยืนบิดรอจังหวะ...
“จริง ๆ ที่ซ่อนไว้คือ…” เธอกระโดดพรวดเข้ามา
“โคตรกลัวเลยอ่ะ แหวะ! มันยืดยั้วเยี้ยไปหมด” เขาสยองพองขน
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” พวกเราตีมือหัวเราะร่วมกันอีกครั้ง
“สร้างปราสาทอยู่กันดีกว่า” นายแทนชี้ชวนให้เดินต่อเพื่อหาทำเลที่พักคืนนี้
“ซึ่ม! ซึ่ม!” ด้านหน้าทางทิศใต้สุดชายหาด น้ำตกใหญ่ทิ้งตัวจากหน้าผาสูงลงทะเลสาบเสียงดังโครมคราม
ชีวิตคนไม่แน่นอนจริง ๆ เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยมีเพื่อนสนิท จู่ ๆ ฟ้าก็ส่งเพื่อนร่วมตายสองคนนี้มาให้ ในบางครั้งใครบางคนที่เข้าใจเรา อาจรออยู่ข้าง ๆ มาตลอดก็ได้ เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลาที่ได้เปิดใจคุยกัน
ไป่ไป๋เดินมากอดเอว…
“อนนี่ดูสิคะ! สวยมากเลย ทั้งน้ำตก ทั้งทะเลสาบ ทั้งภูเขาที่ซ่อนตัวในป่าลึก สัตว์ป่าเดินออกหากิน สวยอย่างนี้...เรียกว่าอะไรดีคะ?” เธอยิ้มหมุนมองไปทั่วบริเวณ
ตรงนี้สวยจริง ฉันพยายามคิดว่า ธรรมชาติที่สวยอย่างนี้จะเรียกมันว่ายังไงดี ถึงจะบรรยายเป็นภาพได้ แทนเดินยิ้มเข้ามา แล้วป้องปาก...
“สวยแหกปากไงคุณ! วู้ว!... สวยจังเลย วู้ว ๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงของเขาก้องทะเลสาบ ใช่!สวยอย่างนี้ต้องตะโกน ฉันหันมองหน้าไป่ไป๋แล้ววิ่งไปป้องปากริมน้ำ...
“วู้ว!..สวยมาก สวยที่สุดเลย” เราหัวเราะพร้อมกันอย่างแสนสุข ในหัวใจมีแต่ความเบิกบาน หวังว่าเราจะเริ่มต้นกันใหม่ได้ด้วยดีนะ
..........................................................................................
หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |