หมวดหมู่ | The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 31 ม.ค. 2567 |
ป่าโบราณ ฉวีจิ่ง มณฑลยูนนาน
มุมมองสายตา นาตาลี
ตุลาคม ค.ศ.2020
เที่ยงวันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม ก้อนเมฆฝนดำทะมึนเคลื่อนตัวผ่านทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่เข้ามาในอ่าว ทิวเทือกเขาซับซ้อนเป็นแนวขวางโค้งไล่ระดับมองไกลสุดสายตา เสมือนมังกรใหญ่ตัวยาวโอบล้อมรอบทะเลสาบไว้อีกชั้นหนึ่ง
เราต้องเจอกับวิบากกรรมกันอีกแล้ว แผ่นน้ำเขียวใสที่เคยราบเรียบเหมือนกระจก กลับกลายเป็นคลื่นโกรธเกรี้ยว ถาโถมซัดสาดเข้าชายฝั่งอย่างบ้าคลั่ง นายแทนกำลังสาละวนอยู่กับปราสาทหลังคาก้านมะพร้าวของเขาที่กำลังพะเยิบใกล้พังเต็มที…
“ออกไปเดินเล่นกันก่อนสิครับ แต่อย่าไปไกลนะ เดินแถวชายหาดนี่ก็ได้ ลมมันแรง” เขาหน้าตามอมแมมหันมายิ้มใจดี แล้วก้มลงหอบก้านมะพร้าว
ก้อนหินใหญ่ตามธรรมชาติตั้งคู่กันอยู่ริมราวป่า เขาเอามันทำเป็นฝาผนังสองด้าน แค่เอากิ่งไม้มาพาดด้านบนแล้ววางก้านทางมะพร้าวก็ได้หลังคากันแดดกันน้ำค้างได้ ด้านล่างเป็นผืนทรายนุ่ม นอนสบาย
ราวตากผ้าด้านหน้า โย้เอียงสู้สายลม กางเกงยีนของฉันกางเกงขาสั้นของไป่ไป๋ และเสื้อยืดสองตัวของพวกเราปลิวไสวที่หน้าเพิงพัก
“ให้ฉันช่วยดีกว่าค่ะ!” ฉันเดินเข้าไปก้มหยิบก้านมะพร้าวส่งต่อให้ไป่ไป๋ส่งให้เขาอีกที
ฉันกับน้องเอาผ้าถุงลมนิรภัยที่แทนใช้ผ้าปูนอนมาทำผ้านุ่ง ถอดเสื้อผ้าซักตากคงไม่แห้งหรอก ฝนมาดำมืดแล้ว หันมองไป่ไป๋ก็ไม่ได้ต่างกันมีเพียงยกทรงตัวเดียวที่สวม เราไม่มีทางเลือกอื่น
นายแทนพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ไม่เคยลวนลามและไม่เคยทำให้รู้สึกอึดอัดใจ เขาไม่เคยมานั่งจ้องนมใคร ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา พวกเราเขากันได้อย่างแนบเนียน
“เราใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กันเถอะ? ไม่ต้องกลับไปแล้ว ฉันชอบที่นี่จังเลย ฉันอยากตะโกนทุกวัน มันสวยจนไม่อยากไปไหนแล้ว” ฉันเปรยจากความรู้สึกส่วนลึก อยู่ที่นี่จิตใจสงบดีจังเลย ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องคิดถึงวันพรุ่งนี้
“ฮ้า!” ทั้งสองหันหน้ามาพร้อมกัน
เมื่อเรายอมรับในสิ่งที่ขาด ความสุขอื่นจะเข้ามาทดแทน ฉันเข้าใจในสิ่งที่แทนพูดมากขึ้น มีคนที่ยังขัดสนอีกมาก แต่พวกเขาก็ยังมีความสุขไป่ไป๋ไปยืนแหกปากตะโกนลงทะเลสาบทุกวัน ความสุขแท้จริงต้องไม่เสียเงิน
แทนเดินเข้ามาหา สายลมเย็นพัดเม็ดทรายเข้ามาไม่ขาดสาย เส้นผมกระจุยกระจาย…
“เราอยู่ไม่ได้หรอกครับ นี่ถ้าฝนตกก็วงกระจายล่ะครับ เพิงพักเราพังแน่” แทนบอกแล้วทุบหลังคาทางมะพร้าวที่น่าสงสาร
“งั้น!...อยู่ชั่วคราวก็ได้” ฉันลูบขาไป่ไป๋ด้วยความสงสาร ขาลายไปด้วยจุดจากรอยดูดของทากเป็นวงแดง น้ำเหลืองซึมไหลย้อย แล้วยังมีรอยบาดจากก้อนหินขูดและใบหญ้าอีก แต่จะว่าไปแล้วแขนของฉันก็ยังมีรอยฟันปลาไหลอยู่เลย
“อนนี่จะไม่ไปต่อจริง ๆ เหรอ?” เธอลูบขาตัวเองเบา ๆ แม้จะผ่านมาหลายวันแล้วแผลก็ยังไม่หายสนิท
ฉันลูบที่เท้าเพราะยังคันตามรอยที่โดนทากกัดเหมือนกัน ยิ่งในซอกนิ้วยิ่งเกายิ่งมันยิ่งคันยิ่งเกาลิงเรียกพี่ไปเลย ใบบัวบกพอช่วยได้บ้าง ก็ต้องขอบคุณเขาอีกนั่นแหละ ที่ไปลุยป่าหามาให้จนได้
“คุณจะรอความตาย ตรงนี้เหรอนาตาลี?” แทนเอาก้อนหินขึ้นไปวางทับก้านมะพร้าวเพื่อกันไม่ให้มันปลิว แต่ดูแล้วไม่น่าจะต้านทานกระแสลมได้
“แทนคะ! เราอยู่ตรงนี้มาหลายวันแล้ว ปัญหามีแค่เพิงพักอย่างเดียว ฉันว่าแก้ปัญหานี้ง่ายกว่าลุยป่านะคะ” ฉันเห็นเขาซ่อมหลังคาเพิงทุกวันเนื่องจากกระแสลม สภาพอากาศในนี้มันปั่นป่วนแปลก ๆ บางวันก็หนาว วันนี้ฝนทำท่าจะตก
“ถ้าเดินต่อไปก็มีแต่ความเสี่ยง” ฉันไม่รู้จะขอบคุณผู้ชายคนนี้อย่างไรแล้ว เขาดูแลเหมือนเราเป็นแขกมาพักที่บ้านของเขา คอยทำนั่นนี่ให้ทุกอย่าง แต่การเดินป่าต่อไป มันเสี่ยงเกินกว่าจะรับมือไหว ถ้าหลงป่าก็ยากที่จะคาดเดาชะตากรรม
“ถ้าเราไม่เดินหน้าต่อ เราก็ต้องอยู่อย่างนี้ อยู่โดยไม่มีความหวัง”ท่าทางของเขาไม่เห็นด้วย
ฉันหันไปหาเขา แล้วส่งยิ้มหวานจากใจ…
“ขอเตือนสตินะคะ! คุณเคยเดินป่าเหรอคะ? ไม่สิ!...คุณเคยเดินป่าที่นี่ มากี่ครั้งแล้วคะ?”
“เอ่อ!..ไม่เคย” เขาหลบตาส่ายหน้า
ฉันคิดว่า เขายังเคืองอยู่แน่ ๆ เขาไม่ค่อยมองหน้าฉันสักเท่าไหร่? จะทำอะไรให้ก็ผ่านทางน้องมาตลอด แต่ฉันก็ขอบคุณในน้ำใจของเขา และพยายามเข้าใกล้มากขึ้น เพื่อพิสูจน์ตัวตนว่า ฉันไม่ได้เกลียดเขาแล้ว หันไปปรึกษา...
“เราไม่รู้ว่า จะต้องเดินไปทางไหน? เดินไปก็เหนื่อยเปล่า อาจจะหลงป่าตายก็ได้ เราไม่มีอะไรติดตัวสักอย่าง ดูสิ! ขาน้องเละไปหมดเลย ถ้าเดินต่อไป อาจติดเชื้อก็ได้ คิดดูอีกทีนะคะ”
“ถ้าเราเดินต่อก็มีโอกาสพบกับคนนะ”
“เฮ่อ! มันก็แค่การคาดเดา” ฉันเห็นขาของไป่ไป๋แล้วสงสาร เห็นแล้วก็คันไม้คันมือ อยากจะช่วยเกาให้เหลือเกิน ใช้ใบบัวบกมาโขลกเอาน้ำมากิน เอากากมาโปะทุกวัน
“หนูคันจังเลย อนนี่!” เธอลูบขาทั้งวัน ฉันขยับเข้าไปหาช่วยลูบเบา ๆ ...
“น้ำลายทากมีสารฮีรูดีน มันจะสลายลิ่มเลือดไม่ให้แข็งตัว ไอ้สารนี้มีประโยชน์มากนะคะ เมื่อสมัยเรียนอยู่ที่อินเดียนาโพลิส ฉันเคยได้ทำการทดลองสลายเลือดแช่แข็งอายุ 3,000 ปี เพื่อหา SDA และสุดท้ายฉันก็ได้มาทำโครงการ ค้นหาผู้สืบสายเลือดของผู้ยิ่งใหญ่”
ทั้งคู่ตาโต ขยับเข้ามาใกล้...
“เล่าต่อสิครับ! ผมชอบฟังประสบการณ์ของคนอื่น โลกใบนี้ยังมีอีกมากมายหลายอย่าง ที่คนธรรมดาอย่างผม เดินไม่ถึง” สายตาของเขาสุกใสด้วยอยากรู้ การอยากรู้เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของผู้ประสบความสำเร็จ
มันเป็นความจริงอย่างที่นายแทนบอก ในโลกใบนี้มีสิ่งที่เหลือเชื่ออีกมาก ทั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นและเกิดขึ้นไปแล้วจากการค้นคว้าของมนุษย์สมัยใหม่ มนุษย์โคลนนิ่งเดินกันเต็มเมือง เพียงแต่ไม่มีคนรู้เท่านั้นเอง
“ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่า ของอย่างนี้จะมีจริง มันคงเป็นเลือดของบุคคลสำคัญ ฉันยังใช้เรื่องนี้ทำวิทยานิพนธ์เลย ฉันจะเล่าเรื่องเหลือเชื่อให้ฟังกันนะคะ”
“เล่าเลยครับ!” แทนกระตือรือร้นอยากรู้
ไป่ไป๋ขยับเข้ามาหา...
“อนนี่รู้เรื่องแปลก ๆ เยอะ เล่าเลยค่ะ”
“ที่แปลกกว่าก็คือ ฉันเจอตัวผู้สืบสายเลือดแท้ของผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นด้วย” ฉันหัวเราะออกมาเบา ๆ เรื่องพวกนี้ปรกติคนธรรมดาทั่วไป ไม่มีทางที่จะได้รับรู้ หรือถ้าเล่าให้ฟังลอย ๆ ก็คงไม่มีคนเชื่อเพราะประสบการณ์ไปไม่ถึง
“ห๋า!” ทั้งสองอุทานพร้อมกัน ขยับนั่งฟังอย่างความสนใจ
"พูดไปแล้วก็เหลือเชื่อ แต่ฉันเป็นคนพิสูจน์เองกับมือ ตอนนั้นฉันอายุเพียง13ปีด้วยซ้ำไป” ฉันยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นเรื่องจริง
ไป่ไป๋ดวงตาแป๋วเอามือรวบเส้นผม สายลมพัดกระหน่ำแรงขึ้น…
“เหมือนโม้เนอะ? แต่นี่...อนนี่เล่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ” เธอพึมพำ สายลมเย็นพัดกระหน่ำเข้ามา
“ฮึ่ม! ฮึ่ม! ฮึ่ม!” เสียงราวป่าร้องระงม ไม้ใหญ่สั่นไหวอย่างน่ากลัว
ฉันหันไปยิ้มกับเธอ...
“ชีวิตของคน แตกต่างกันก็ตรงประสบการณ์นี่แหละ จะอธิบายยังไงก็จินตนาการไม่ออก บางคนประสบการณ์ไม่ถึง ก็มักจะเถียงว่ามันไม่จริง AI ก้าวล้ำไปเป็นหุ่นยนต์ เครื่องบินไร้คนขับและไม่ต้องใช้น้ำมันมันก็เกิดขึ้นแล้ว”
“อันนี้จริงครับ แนวโน้มของโลกมุ่งไปทางนั้น”
“สิ่งที่เราไม่รู้หรือไม่เคยเห็น ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีอยู่จริงนะคะ โคลนนิ่งมนุษย์ที่หลายคนสงสัย เขาทำสำเร็จมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่มันยังอยู่ในกลุ่มคนชั้นสูงและปกปิดไว้ เพราะมันมีความเชื่อทางศาสนามาเกี่ยวข้อง” เรื่องนี้ฉันนอนยันได้เลย ทั้งสองยิ้มแล้วพยักหน้า
ไป่ไป๋ขยับเข้ามา...
“แล้ว SDA มันคืออะไรเหรอคะ เคยได้ยินแต่ DNA?” เธอเอียงคอถาม
“ครึ่ม!ครึ่ม!ครึ่ม!” สีหน้าของแทนเครียดมาก เขาพะวงหันมองไปที่กลางทะเลสาบบ่อย ๆ คงกังวลใจกับกลุ่มเมฆดำกับสายฟ้าแลบแปลบปลาบ สงสัยฝนจะกระหน่ำเราแน่
“ฉันขอเปรียบเทียบว่า SDA เหมือน DNA ก็แล้วกัน ทั้งสองอย่างใช้ระบุตัวตนเหมือนกัน แต่ SDA มันไม่มีวันหมดอายุเหมือน DNA” ฉันคิดว่า คงเข้าใจได้นะถ้าอธิบายแบบนี้ /พวกเขาพยักหน้า เป็นอันเข้าใจ/
“ฉันจะเล่าให้ฟัง...คนที่ริเริ่มคิดการพิสูจน์ตัวตนเป็นคนแรกไม่ใช่ฉันนะคะ มันเริ่มมาจากพรรคนาซีของเยอรมัน ในสมัยที่ฮิตเลอร์เรืองอำนาจเขาใช้วิธีเดียวกันนี้ แยกชาวยิวออกจากชาวเยอรมัน แล้วฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย มันเป็นเรื่องที่คนพยายามจะลืมมันต่างหาก” ฉันรวบเส้นผม ขยับหันหลังให้เม็ดทรายที่ปลิวมากับกระแสลมแรง...
“ฉันแค่เอาแนวคิดนี้มาต่อยอด เหมือนกับ เจ.โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ นักฟิสิกส์ชาวอเมริกันที่เอาสูตรสัมพันธภาพ E= mc2 ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ มาต่อยอดเป็นระเบิดปรมาณู จนเขาได้รับฉายาว่าเป็นบิดาของระเบิดปรมาณู ในขณะที่หลายคนยังไม่รู้และยังคิดว่าไอน์สไตน์เป็นคนทำระเบิดนิวเคลียร์” ฉันคิดในใจ...มีอีกหลายคนไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้สอนกันในโรงเรียนทั่วไป
“ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยเหมือนกัน น่าสนุกดีนะครับ อยากฟัง!” แทนยิ้มหน้าบาน ฉันชอบคำตอบแบบนี้นะ ไม่รู้แต่พร้อมจะเรียนรู้
“แต่งานของฉันมันน่าเบื่อ เมื่อวานนี้ วันนี้และวันพรุ่งนี้ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเร้าใจ ฝันของไป่ไป๋ยังสนุกกว่างานของฉันเลย”
“แล้วคุณเจอใครบ้างครับ? บอกได้ไหมครับ ผู้สืบสายเลือดอะไรของคุณน่ะ?” ท่าทางของเขาสนใจจริง แววตาใสเหมือนเด็กเจอของชอบ
“ฉันไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง เม็ดแคปซูลเลือดที่ส่งมาให้ มีเพียงตัวเลขกำกับเท่านั้น เมื่อฉันได้ตัวแล้วก็ส่งให้โมเสส พวกเขาไปติดตามกันเอง” ระบบงานเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่รู้จริง ๆ ที่สำคัญก็ไม่รู้ว่า จะรู้ไปทำไม?
“ยังทำอยู่หรือเปล่าครับ?”
“ตอนนี้โครงการค้นหาผู้สืบสายเลือดนั้นสิ้นสุดไปแล้วค่ะ” ฉันกังวลใจเรื่องของ Tame26 มากกว่า ลึก ๆ ในใจก็อยากออกไปจากป่านี้เร็ว ๆ จังเลย อยากมีโอกาสได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันบ้าง…
“เอาเรื่องของพวกเราก่อนเถอะ พวกเราทั้งสามคนไม่ชำนาญเดินป่า ฉันคิดว่า เราพักอยู่ตรงนี้ให้หายดีขึ้นก่อน แล้วค่อยหาวิธีใหม่ดีกว่า คุณจับปลาเลี้ยงเราสองคนไหวมั้ยคะ? ฉันชอบกินปลา ฉันอยู่ได้ไม่มีปัญหา” ฉันฝากความหวังเรื่องอาหารไว้กับเขา หนุ่มน้อยของเรา
“วิ้ว! วิ้ว! วู้ว! วู้ว!” สายลมเริ่มกระหน่ำแรงมากขึ้น คลื่นซัดสาดชายหาด ผืนป่าโยกคลอนร้องระงม ต้นไม้ใหญ่ไหวยวบ ต้นมะพร้าวเอนลู่ลม แทนหันมองซ้ายขวาตลอดเวลาด้วยความระวังภัย...
“สบายมากครับอยู่ที่นี่ก็ดีนะ ไป่ไป๋จะได้พักด้วย มีน้ำให้อาบ มีที่พักดี ๆ ให้นอนแล้วด้วย แค่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ผมตกปลาให้กินอย่าเบื่อก็แล้วกัน” เขาเป็นคนเงียบ ๆ คอยทำโน่นทำนี่ให้อย่างเต็มใจ ไม่มีหาเศษหาเลยทางสายตาจากเสื้อผ้าที่เหลือน้อยชิ้นลงทุกทีของเรา ขนาดตอนนี้ฉันกับน้องแทบจะไม่มีเสื้อผ้าปิดบังของสงวน เขายังไม่มองเลย
เสื้อผ้ามีชุดเดียวถอดซักกันบ่อยก็โป๊บ่อย จากที่เคยอาย พออยู่กันมานานวันก็เริ่มชินไม่อายแล้ว เขาเองก็ทำให้ฉันและน้องวางใจเรื่องความปลอดภัยในตัวเขา และทำทุกอย่างที่ฉันร้องขอโดยไม่มีหน้างอให้เห็นแม้แต่น้อย ดูก็รู้!...นายแทนเองก็ไม่ได้ถนัดกับการใช้ชีวิตแบบนี้ แต่เขายอมเสียสละหลายอย่างให้พวกเราไม่ลำบาก
ไป่ไป๋พยักหน้าเออออ…
“เอางี้ก็ได้! จะได้อยู่กับอนนี่นาน ๆ ก็ดี ฮี่!ฮี่!ฮี่!...ชอบ!”เธอคว้าแขนไปกอดซบ แทนหันมายิ้มแล้วเมินหน้า เมล็ดทรายฟุ้งมากับสายลม...
“ตกลงรอที่นี่นะ ผมจะได้ทำที่พักให้มั่นคงขึ้น” เขาบอกแล้วเดินไปเก็บเศษไม้มากองรวมกัน
“รออยู่ที่นี่แหละค่ะ เดี๋ยวก็มีคนมารับ” ฉันหันมองออกไปกลางทะเลสาบ สถานที่ตรงนี้วิวน้ำในทะเลสาบสวยใสสบายตา สายลมพัดเย็นสบายตัวอยากอยู่ที่นี่นาน ๆ
“ใครจะมารับล่ะคะ?” ไป่ไป๋ย่นจมูก หยิบปลาย่างมาขูดเอาเกร็ดไหม้ดำออก
“พวกเราไม่ได้ออกมาเงียบ ๆ นะคะ ทำเรื่องใหญ่ขนาดนั้น มันเป็นข่าวดังแน่ ๆ ทั้งวิ่งป่วนเมือง ทั้งขับรถยนต์ชนวินาศสันตะโร ทำบ้านเมืองเขาวุ่นวาย อีกไม่นานทีมค้นหาต้องเจอพวกเรา เจ้าหน้าที่รัฐต้องหาคนไปรับผิด ฉันเชื่ออย่างนั้น” ฉันเดาว่าต้องเป็นอย่างนี้แน่
“วิ้ว! วิ้ว!” สายลมกระโชกฝุ่นทรายฟุ้งกระจาย
“แล้วไงต่อ...หือ?” เธอย้อนถามแล้วแทะปลา ทั้งปากทั้งมือเลอะไปหมด สายลมก็พัดแรงจังเลย
แทนสาละวนกับการเก็บของอยู่ข้าง ๆ หันมาตอบ...
“แล้วไงต่อเหรอ?...พอเป็นข่าวดังก็จะมีคนออกตามหา ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน แค่นี้เราก็ได้กลับบ้านแล้ว” เขายิ้มขยับเข้ามา
“อนนี่ก็ขับรถชนตำรวจนะ” ไป่ไป๋บอกก่อนหยิบปลาตัวใหม่ขึ้นมาแทะ อาหารการกินของเราไม่อดอยาก เขาไปขุดมันมือเสือมาจากไหนก็ไม่รู้เยอะเลย ไหนจะผลไม้ป่าอีกมากมาย
“ไม่เป็นไรครับ! คุณซัดทอดมาที่ผมคนเดียว บอกว่าโดนจับตัวเรียกค่าไถ่ก็ได้ อย่างไรเสีย!...ผมก็ต้องหนีออกจากจีนอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก” เขาพูดเรียบ ๆ ใบหน้านิ่ง
ฉันแอบยิ้มในใจ คงไม่มีใครจะบ้าเอาอิสรภาพของตัวเองมาแลกกับคนที่ไม่ได้รู้จักกันหรอก อย่ามาทำเป็นพระเอก ผู้ชายคนนี้หน้าตาก็หล่อดี แต่โง่มาก...ฉันซัดทอดนายแน่ ถ้านายตุกติกกับฉัน
ยายน้องยิ้มหน้าบาน…
“ดีเลย! อนนี่จะได้รอด คุณเป็นผู้ชายรับผิดไปคนเดียวเลยนะ” เธอพูดแล้วยิ้มกว้าง ไม่ได้สนใจความรู้สึกคนอื่น /ไม่รู้จักคิดในใจเลย/
แต่ฉันข้องใจเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว ถามให้เคลียร์กันไปเลยดีกว่า ทำดีกับฉันแค่ค่าจ้างก็พอ หรือเขาซื้อได้ด้วยเงินกันนะ?
“คุณจะเสียสละเพื่อพวกเราทำไม? ตั้งแต่คุณเดินไปมอบตัวกับตำรวจก่อนตกเขาแล้ว ฉันไม่เข้าใจคนอย่างคุณจริง ๆ” ฉันถามเพราะมันไม่มีเหตุผลเพียงพอ เป็นฉันคงไม่ทำอย่างนี้แน่ และคิดว่าคนทั่วไปก็ไม่ยอมทำแน่
" เพราะผมเชื่อคุณ และเข้าไปยุ่งกับคุณตั้งแต่ต้น ผมเป็นคนตัดสินใจไปชิงรถยนต์มาเอง ทำป่วนทั้งหมดเอง จะโยนให้คุณรับผิดชอบคงไม่ถูกต้องนัก ผมชอบคนอย่างคุณนะครับนาตาลี คนที่มีความสามารถคนที่เก่งต้องได้รับการปกป้อง ผมอยากจะปกป้องคุณ”
“ตึกตึก!ตึกตึก!” ทำไมหัวใจของฉันเต้นแรง นี่!...นายจะจีบฉันเหรอ? ไป่ไป๋คิ้วขมวด จ้องหน้าตาขวาง ขยับผ้าถุงเตรียมเอาเรื่อง
เขาขยับตัวพูดต่อ ...
“ใครจะไม่เชื่อเรื่องที่คุณเล่าก็ช่าง แต่ผมเชื่อและอยากช่วย ผมอยากเป็นเพื่อนกับคนเก่งอย่างคุณ ผมศรัทธาในตัวคุณ” น้ำเสียงจริงจังกับสายตานิ่งนั้นน่าเชื่อถือ ฉันหันไปมองหน้าไป่ไป๋ เธอคลายกังวลแล้ว เขาไม่ได้ชอบแบบชู้สาวก็แล้วไป
“แต่ก็ไม่น่าต้องลงทุนขนาดนั้น มันเยอะไป” ฉันยังท้วงต่อทั้ง ๆ ที่คนได้ประโยชน์คือฉันเอง
“ในสถานการณ์บีบคั้นเช่นนั้น ถ้าต้องเลือกให้ใครบางคนรอดกลับไป คุณคือคนที่ผมเลือกให้รอด ให้คนที่มีคุณภาพอยู่นอกคุกดีกว่า เวลาของคุณมีความหมายกับหลายชีวิต ส่วนผมไม่มีประโยชน์อะไรกับใครเลย ” เขาตอบเรียบ ๆ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร แปลกคนจริง ๆ แต่ฉันกลับอิ่มใจแปลก ๆ
ไป่ไป๋หน้ามุ่ย…
“ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจ หนูยังไม่มีงานทำเลย คุณต้องดูแลหนูด้วยเหรอคะ?”
“ไป่ไป๋ครับ!...คุณเป็นของแถม นาตาลีมีความหมายกับมนุษย์โลก ถ้าเอาความสามารถของเธอกับผมมาเทียบกัน คุณค่าของเธอมีมากกว่า ทำประโยชน์ได้มากกว่าและหาคนมาแทนที่เธอไม่ได้ ส่วนอาชีพอย่างผม หาคนทำแทนเมื่อไหร่ก็ได้”
ฉันอึ้งกับคำตอบของเขา นี่หรือ!...ที่เขาเคยสอนฉันเรื่องการให้เกียรติคน เกียรติต้องได้รับจากผู้อื่นหยิบยื่นให้จากใจจริง มิใช่เอาอาชีพหรือฐานะมาข่มให้คนอื่นเชิดชู มันเป็นอย่างนี้เองสินะ!
ฉันได้เห็นเกียรติของเขากับหัวใจที่พร้อมจะให้ จิตใจที่บริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้อื่น จะว่าไปแล้ว...เขาไม่เคยเรียกร้องหรือเกี่ยงงอนที่จะทำงานให้พวกเราเลยแม้แต่น้อย ไป่ไป๋ขมวดคิ้วจ้องหน้าอยู่นาน ขยับเข้าหาเขา...
“คุณจะได้อะไร ทำไปเพื่ออะไรคะ?”เธอจ้องหน้าสายตาสงสัย
“ถ้าคิดว่าจะได้อะไร ผมคงไม่ทำตั้งแต่ต้น” แหม..คำตอบนี้หล่อเลย
ไป่ไป๋ยังไม่ยอม ขยับตัวใกล้ไปอีก...
“งั้น!...หนูถามใหม่ คุณทำแบบนี้ทำไม?” เธอจ้องหน้ารอคำตอบ
“ถามว่าทำแบบนี้ทำไม คุณลองถามนาตาลีสิครับว่า สิ่งที่เธอทำ ทำเพื่อใคร? เธอหนีมาทำไม? และกำลังจะไปไหน? ผมทำเพื่อสิ่งนั้น ส่งพวกคุณให้ปลอดภัย ผมต้องการแค่นี้ เป้าหมายของผมมีเท่านี้จริง ๆ” ว้าว! เท่ห์ซะ! ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่รู้สึกดีกับเขา ดีมากเลยล่ะ!
“แล้วคุณต้องติดคุกนี่นะ?” ฉันขยับถามบ้าง
“เปาะแปะ!เปาะแปะ!” วันนี้คงหนีฝนไม่ได้แน่ เริ่มลงเม็ดปรอย ๆแล้ว แทนลุกเอาใบไม้ใหญ่มาบังกองไฟ…
“คุณจะไม่กลับมาช่วยผมหรือไง? คุณรวยไม่ใช่เหรอ? คนระดับคุณคงสามารถหาคนมาเจรจาต่อรองกับรัฐบาลจีนได้” เขาหันมามองฉันแล้วมองเลยไปที่ไป่ไป๋...
“คุณเป็นคนจีนไม่ใช่เหรอ? อย่างน้อยคุณก็ยังรู้จักประเทศนี้มากกว่าผม แต่ถ้าคุณไม่เห็นผมเป็นเพื่อน ไม่กลับมาหาวิธีช่วย...ก็ไม่เป็นไร?” เขายิ้มอ่อนมองหน้าเราทีละคน
หลายอย่างแล้วที่ฉันเห็นผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนคนทั่วไป เขาต้องบ้าแน่ ๆ แต่ก็แอบดีใจที่ความบ้าของเขา ยังแยกแยะความสำคัญได้
“คลึ่ม! คลึ่ม!” ท้องฟ้าครึ้มอุ้มท้องแก่จัด สายฟ้าแลบแปลบปลาบ น้ำฝนตกลงกลางทะเลสาบเป็นสายสีเข้มจากระยะไกล สายลมแรงพัดกรรโชกใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ซู่…ซ่า..ซ!!!” ทั้งสายฝนและสายลมกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เพิงหลังคาพะงาบ ๆ เหมือนคนกำลังขาดใจตาย...
“โครม!” สุดท้ายก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวพังลงมา สายลมกระพือแรงจนก้านมะพร้าวร่วงลงด้านล่าง เหลือเพียงก้อนหินใหญ่สองก้อนซ้ายขวาที่ยังมั่นคง ต้นไม้ใหญ่ไหวเอน..
“กร๊อบ!” เสียงกิ่งไม้หัก ฉันกับไป่ไป๋หันขวับ
“ฮึบ!” ทันใดนั้นเงาวูบก็พุ่งมาใส่เราหงายท้องลงพื้นทราย
“ว้าย!” ฉันร้องตกใจหงายหลังไม่ทันตั้งตัว เราสองคนก็โดนรวบลงกับพื้นข้างก้อนหินใหญ่
“โครม!!!” กิ่งก้ามปูผุหักโค่นลงมา เขารวบฉันกับน้องแล้วกอดไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง
“...........” สายตาประสานกันระยะประชิด เนื้อตัวเบียดกัน
“เอ่อ!” วันนี้ทำไมใจฉันเต้นแรงจังเลย
“ขอโทษครับ” เขารีบลุกออกไป ละอองน้ำเปียกตัวสายลมกรรโชกรุนแรง...
“ซู่!..ซ่า!..วิ้ว! โครม!!!”
เขาปล่อยทิ้งทุกอย่างแล้วหมุนตัว วิ่งออกไปกลางชายหาด ทั้งสายน้ำฝนและสายลมโหมกระหน่ำ...
“วู้ว! ตกลงมาเลย ลงมาหนัก ๆ วันเดียวพอนะ” เขาร้องตะโกนบอกฟ้าแล้ววิ่งกางแขนเล่นน้ำคนเดียว ดูเหมือนเป็นเด็กชายตัวน้อย วิ่งยิ้มร่ากลางสายฝนเย็นฉ่ำ
“เอามะ?” ฉันหันมองหน้าไป่ไป๋แล้วพยักหน้าพร้อมกัน กระตุกผ้านุ่งทิ้งเหลือเพียงยกทรงกับบีกินี่ตัวน้อยวิ่งไปเล่นน้ำฝนกับเขา
“วู้ว!วู้ว!วู้ว!”สุขใจจังเลย เมื่อสายฝนเย็นฉ่ำกระทบร่างกาย…ในวัยเยาว์ทุกคนต่างเคยเล่นน้ำฝนกันอย่างนี้ พอเติบโตขึ้นมาหน้าที่การงาน ทำให้เราไม่สามารถกลับมาเล่นอย่างนี้ได้อีก แต่มันยังคงความคิดถึงจาง ๆ อยู่ในหัวใจ
“หือ!” ฉันเหลือบตาออกไปกลางทะเลสาบ แปลกใจที่เห็นคลื่นน้ำพวยพุ่งเหมือนกำลังเดือด แต่ไม่ได้เอะใจอะไรและไม่ได้บอกทั้งสองคน คิดว่ามันคงเป็นคลื่นน้ำธรรมดา ฝูงสัตว์หนีเข้าป่าชายหาดยาวโล่ง สายฝนกระหน่ำพวกเราประมาณ 2 ชั่วโมงก็ซาลง
................................................................................................................
คืนนี้พระจันทร์สุกสว่าง เริ่มดึกแล้วยุงแมลงไม่ค่อยมี ฉันยังนอนลืมตาโพลงไม่สามารถหลับตานอนได้ พื้นทรายยังไม่แห้ง สายลมกลางคืนพัดแรงก้านมะพร้าวหลังคาไหวยวบ หันมองไม้กอล์ฟที่เขาเอามาวางกั้นแบ่งโซนชายหญิงแล้วอดอมยิ้มไม่ได้
เขานอนด้านขวาบนพื้นทราย หันเท้าลงไปทางกองไฟด้านทะเลสาบ อากาศเย็นสบาย สายลมพัดโชยส่งกลิ่นควันไม้เพิ่มอรรถรสในการนอน
“กร็อบแก็รบ!กร็อบแก็รบ!กร็อบแก็รบ!” เสียงจากก้านมะพร้าวที่เขาเอามารองพื้นให้นอนกวนใจตลอดตั้งแต่หัวค่ำ มันดังทุกครั้งที่ขยับตัว หันมองไป่ไป๋นอนกะพรบตาปริบ ๆ ยังไม่หลับเหมือนกัน
เธอหน้าหงิกลุกนั่ง....
“แทน!!!” ไป่ไป๋ปลุกเสียงดัง เขางัวเงียขยับลุกขึ้นนั่งเมาขี้ตา
“เอาไปทำฟืนเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เธอหน้าหงิกชี้นิ้วสั่ง เขาขยี้ตามองพื้นแล้วยิ้มแหย ๆ
“ผมเห็นพื้นทรายยังเปียกและคิดว่าไอ้นี่มันนิ่มดี คุณจะได้นอนสบาย ๆ” เขาออกตัวอย่างน่ารัก ดึงถุงลมนิรภัยออกมันเป็นผ้าสารพัดประโยชน์มาก ตอนกลางวันเป็นผ้านุ่งของเรา ตอนหัวค่ำเป็นผ้าปูนอนและตอนดึกเป็นผ้าห่มโดยปริยาย...
“ขยับออกไปข้างนอกกันก่อนครับ...เดี๋ยวจัดที่นอนให้ใหม่” แทนยิ้มให้อย่างใจเย็น แล้วรีบกุลีกุจอขนไม้ทางมะพร้าวออกไปวางข้างกองไฟ เขาเอาใจเราสองคนอย่างดี...ถึงดีมาก
เขาพยายามหาสิ่งของมาทำให้อย่างดีที่สุด เท่าที่จะหามาให้ได้ บางวันก็เอามะพร้าวมาให้กิน แต่ทั้งหมดวางอยู่กับพื้นปอกกินไม่ได้
“ไปทางโน้นดีกว่า!” ฉันดึงมือไป่ไป๋เดินออกไปทางน้ำตกให้ไกลจากเขา สัตว์ป่าหลายชนิดลงกินน้ำเห็นเป็นเงาตะคุ่มตามชายหาดยาว คลื่นซัดฟองน้ำเข้ามากระทบผืนทรายเป็นริ้วขาวสะท้อนแสงจันทร์
“ไม่เมื่อยเหรอคะ?” ฉันรุกเข้าคว้าเอวเอาหัวพิงไหล่เดินคลอเคลีย คืนนี้ก็ต้องนอนทั้งโป๊ ๆ อย่างนี้
ฉันติดไป่ไป๋มากขึ้นทุกวัน ชอบเข้าไปนัวเนียกับเธอ เซ็กซ์นี่ไม่ดีเลย ตอนที่ยังไม่รู้จักมันก็เฉย ๆ นะ แต่พอได้รู้จักแล้วมันแล้ว มันก็คอยกวนใจวนเวียนทั้งวัน โหยหามันตลอด เมื่อมีโอกาสก็รีบคว้า หน้าด้านหนักขึ้นทุกวัน นี่! ฉันเป็นดอกเตอร์จริงหรือเปล่าวะ?
“จะนวดได้ยังไง? ขาหนูยังไม่แห้งเลย ดูสิหลายวันแล้วด้วย”ไป่ไป๋ชี้ลงที่ขาของตัวเอง แทนหาใบบัวบกมาทาให้ดีขึ้นมากแล้ว แต่เห็นแล้วก็ยังสลดใจอยู่ดี น้ำลายของทากทั้งคันและละลายลิ่มเลือดไม่ยอมให้ปากแผลปิด น้ำเหลืองไหลย้อย ส่วนของฉันกับแทนหายแล้ว
“งั้นกอดเฉย ๆ” ฉันดึงให้เธอหยุดแล้วซบใบหน้าลงที่อกนุ่ม ฉันเตี้ยกว่านิดหน่อย เงยหน้าขึ้นไปปากตรงกันพอดีกันเลย เขย่งขึ้นไปจุ๊บซะหนึ่งดอก
“อึ๊ย!..อย่าเล่นอย่างนี้ แทนยังไม่นอนเลย” เธอดีดดิ้นร้องห้ามเสียงแข็ง แหม!..ทีอย่างนี้มาทำเป็นดุ ตอนเธออยากได้ เธอไม่เคยสนใจใครเลย ก็เธอเองไม่ใช่เหรอ..ที่เป็นคนเริ่มก่อน ฉันอยู่ของฉันดี ๆ มาทำให้เสียคน วันนี้จัดกันที่ชายหาดใต้แสงจันทร์นี่แหละ///ใจเต้นตูมตาม ฉันเริ่มก่อนเลยนะ...
“ยู้ฮู!...มานอนได้แล้ว ที่นอนเสร็จแล้ว” เฮ้อ!ไอ้มารผจญ อดเลย หมดอารมณ์เดินคอตกกลับไปนอน ไป่ไป๋หัวเราะคิก
…………………………..........................................................................................................……
หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |