The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2 ตอนที่ 16

The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2 ตอนที่ 16
หมวดหมู่ The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า Pre-Order
อัพเดทล่าสุด 31 ม.ค. 2567
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay


ป่าโบราณ ฉวีจิ่ง มณฑลยูนนาน

มุมมองสายตา แทน

ตุลาคม ค.ศ.2020

วันนี้ลุกออกจากที่นอนก่อนสองสาวจะตื่น ผมมานั่งถักใบหญ้าทำชุดคนป่าให้สองสาวใต้ต้นไม้ในป่าโปร่งด้านหลัง ผมเฝ้ามองผลไม้สีแดงของต้นนี้มาหลายวันแล้วตั้งแต่มันยังเขียว ตอนนี้นกสารพัดชนิดและกระรอก กระถิกมาแย่งกันกินตกเกลื่อนพื้น ก้มหยิบเศษผลไม้กลมสีแดงฉ่ำน้ำขึ้นมาชิม...

“อื๋อ!! น้ำกระจาย รสเปรี้ยวหวานคล้ายกับสตอเบอรี่ สาว ๆ ต้องชอบแน่เก็บเอาไปฝากด้วยดีกว่า

“โฮก! เสียงเสือคำรามใกล้ ๆ เก้ง กวางยังเดินแระเล็มหญ้าไม่สนใจ แถบนี้สัตว์ป่ามากมาย ต่างก็คุ้นเคยกัน

ชุดคนป่าของผมทำง่าย ๆ แค่เอาหญ้าแห้งมาถักร้อยเรียงกันก็ได้กระโปรงมาสวมเพื่อปกปิดของสงวนให้กับพวกเธอ

“เสร็จสักที!” ผมห้อยชุดคนป่าไว้ที่กิ่งไม้ แล้วหอบหิ้วผลไม้เดินกลับ

“สวบ!สวบ! เวลาเหมือนหยุดอยู่กับที่ตั้งแต่มาติดอยู่ในป่านี้ ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้า ๆ ผมนั่งมองทะเลสาบทุกวันได้แต่หวังว่าจะเจอเรือสักลำที่พาเราออกไปจากที่นี่ พอหลายวันผ่านไปก็เริ่มจะไม่หวังถึงแม้จะไม่มีใครมารับ ผมก็ยินดีที่จะดูแลพวกเธอต่อไป

ตอนนี้สองสาวทำอะไรกันก็ไม่รู้ ทำไมเพิงพักดูเงียบพิกล ไม่มีเสียงคุย ไม่มีเสียงหัวเราะ หรือว่า...

“ยู้ฮู! กลับมาแล้ว!” ผมใช้เสียงนำไปก่อน

“...........”

พอเดินเข้าไปไกล้...

“เฮ้ย!ใจหายวาบที่เห็นรอยเลือดวงใหญ่ บนพื้นทรายตรงที่นอนของนาตาลี แล้วพวกเธอหายไปไหน? สมองขมวดเกร็งใจคอไม่ดี วิ่งพรวดออกไปชายหาด

“นาตาลี! ไป่ไป๋! หรือว่าโดนเสือลากไปกินแล้ว

“นาตาลี! ไป่ไป๋! ถ้าเพื่อนสองคนต้องมาตาย มันคงเป็นตราบาปไปทั้งชีวิต ผมอยากจะร้องไห้ที่ไม่สามารถช่วยพวกเธอไว้ได้ เดินชะเง้อคอมองริมชายหาดไปทางน้ำตกทิศใต้

ป้องปากตะโกนเสียงหลง

“นาตาลี! ไป่ไป๋! ความมั่นใจของผมไม่มีเลย ท้อแท้ ห่อเหี่ยว ใจสั่น นึกถึงใบหน้าของทั้งสองแล้วน้ำตาไหลอาบแก้ม สงสารจับใจและรู้สึกผิดอย่างไม่ให้อภัยตัวเอง เธอฝากชีวิตไว้ แต่ผมกลับรับผิดชอบไม่ได้

“นาตาลี! ไป่ไป๋! ผมเดินโทษตัวเองมาตลอดทาง กวาดสายตามองหาเพื่อนทั้งสองคน ไม่เห็นแม้เงา

ทันใดนั้น...

“แทนคะ! หนูอยู่นี่! ไป่ไป๋กระโดดออกจากหลังต้นไม้ใหญ่ทางซ้าย

“โอ้ว!...มาทำอะไรตรงนี้ นาตาลีล่ะ?” โล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก

“ไม่ต้องเข้ามานะ! อยู่แค่นั้นแหละ” เสียงนาตาลีจากหลังต้นไม้ ถึงจะไม่เห็นตัวก็โล่งใจ 

ไป่ไป๋วิ่งยิ้มกว้างเข้ามาเกาะแขน

“ปรึกษาหน่อยค่ะ!” แล้วพากันเดินออกมาชายน้ำ เธอหันมองหน้าผมบ่อยครั้ง ก่อนจะถาม...

“คุณร้องไห้เหรอ?” เธอเขย่งขา เอานิ้วปาดน้ำตาบนแก้ม

“เปล่า! เหงื่อมันออก” ใครจะยอมรับ เสียฟอร์มตายห่า

“ตาแดงเชียวนะ!” ยายเจ้าเล่ห์ยิ้มมุมปาก

“แดดมันแรง! แสบตา! เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมเลือดเต็มที่นอนเลย? ใจหายหมดเลย นึกว่าเสือมาคาบไปกินแล้วซะอีก” ผมหยุดเดินริมน้ำ

“อนนี่มีประจำเดือน ไม่มีผ้าอนามัย เธออายหนีมาแอบที่นี่” ไป่ไป๋อมยิ้มแล้วหันกลับไปมองต้นไม้ด้านหลัง

“อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง” ผมโล่งอกเบาใจ

“คุณทำผ้าอนามัยให้หน่อยสิ” เธอแหงนหน้าขึ้นมาดวงตาใสแจ๋ว

“ชะอึ๋ย!! ผมมึนตึบ เกาหัวแกรก...

“ผมทำไม่เป็นหรอก ไม่เคยเห็นใกล้ ๆ ด้วยซ้ำไป” จะบ้ารึไง? ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้สักหน่อย ยังไม่เคยใช้สักครั้ง ตอนเด็ก ๆ เคยเห็นในโฆษณายังเคยคิดว่า เป็นหน้ากากปิดปากหมอด้วยซ้ำไป

“ไม่รู้ล่ะ! ยังไงคุณก็ต้องหามา เดี๋ยวหนูช่วย!” เธออ้อนแกมบังคับ จับแขนของผมแกว่ง

“มันต้องทำยังไง?” เราพากันเดินกลับไปที่เพิง

“คุณมีอะไรที่มันซับน้ำได้มั่งล่ะ? หนูเคยเห็นเหมือนสำลีปลิวลมมานะคะ” เสียงของเธอสดใสพูดเจื้อยแจ้ว

“ถ้ามีแล้วจะทำยังไงต่อ?”

“หนูจะเอามันมาห่อกับผ้าถุงลม ก็น่าจะใช้ได้แล้ว”

“นุ่น!..ใช้ได้มั้ย?”

“ได้เลยค่ะ! นั่นแหละที่หนูต้องการ”

“ลูกนุ่นแก่ ในป่าด้านหลังเพิงเต็มเลย ผมเอาหญ้าไปตากไว้ เคยเห็นแวบ ๆ”

“ว้าว!ว้าว!” สาวน้อยยิ้มกว้างพุ่งเข้าไปหากองผลไม้แดงที่ผมหอบมา

“ไอ้นี่อร่อยมาก หายากด้วย”

“มันอยู่แถวต้นนุ่นนั่นแหละครับ ลูกอะไรเหรอ ผมไม่รู้จักหรอก เห็นนกกินได้ คนก็น่าจะกินได้”

“เขาเรียกว่า ลูกหยางเหมย ไปดูกันค่ะ” ไป่ไป๋วิ่งเริงร่าลุยหญ้าหลังเพิงนำไปในป่าโปร่ง

“นั่นอะไรคะ? เหมือนหุ่นฟางเลย” เธอชี้ไปที่โคนต้นหยางเหมย
           “เสื้อกับกระโปรง!

“หือ!ของใครคะ?” เธอวิ่งเข้าไปปลดลงมา

“ของคุณนั่นแหละ เอาไว้ใส่กันลม” แต่ใจจริงแล้ว ผมอยากจะบอกว่า เอาไว้ใส่กันนมมากกว่า ผมไม่อยากเป็นคนเลว เห็นพวกเธอเปลือยแล้วไม่ชินสักที อวัยวะติดขัดเดินไม่สะดวก

“ใส่ให้หนูหน่อย ทำยังไง?” เธอยิ้มหน้าบาน ยื่นชุดมาให้

“นี่สวมอย่างนี้นะ” ผมเอาแผงหญ้าที่ถักเรียงเป็นเส้นกันมาครอบตัวแล้วผูกเชือกที่คอ แล้วเอาอีกแผงมาพันรอบเอวก็ได้ชุดมาปิดเรือนร่างแล้ว

“น่ารักดี! หนูชอบ”เธอยักย้ายส่ายเอวเต้นระบำฮาวาย ยายนี่!...ทำยังไงก็สวย ใส่อะไรก็สวย

“เอาไปฝากนาตาลีด้วย เราหอบลูกนุ่นไปนั่งทำผ้าอนามัยที่เพิงดีกว่า”

เธอวิ่งไปคว้าอีกชุด แล้ววิ่งเข้ามากอดแขน...

“ขอบคุณนะคะ อนนี่ต้องชอบแน่”

เราสองคนกลับมานั่งหัวชนกันในเพิง ช่วยกันทำผ้าอนามัยให้นาตาลี

“หนูตัดผ้าก่อนนะ!” เธอเอาผ้าถุงลมนิรภัยมาตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ แล้วเอาปุยนุ่นวางซ้อนกัน ก่อนจะพับขอบเข้าด้วยกันแล้วมัด แต่...ห่อมันเหมือนแหนมมากกว่า

“หนูเอานี่ไปให้อนนี่ก่อนนะ คุณก็ดูชุดให้ดีหน่อยนะ” เธอหน้าบานวิ่งกลับไปหานาตาลี

ผมยิ้มมองตามหลัง จากวันที่พวกเราเข้าใจกันทุกอย่างก็ดูจะลู่ไปทางเดียวกันหมด ต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย พัฒนาความสัมพันธ์กันมากขึ้นเป็นลำดับ ผมมีความสุขมากที่ได้เห็นพวกเธอหัวเราะและอยากจดจำภาพความสัมพันธ์ที่สวยงามนี้ ไว้ตราบนานเท่านาน

ไป่ไป๋เดินร้องเพลง กระโดดกระเด้งกลับมาคนเดียว...

“คุณว่าหนูร้องเพลงเพราะมั้ยคะ?” เธอน่ารักสดใส เป็นเครื่องแก้เหงาได้อย่างดี ชวนคนนั้นคนนี้เล่นทั้งวัน

“เพราะมาก เก่งมาก ฟังคุณร้องเพลงแล้วเหมือนกับต้องมนต์ ผมชอบมาก” 

“หนูชอบร้องเพลงให้คนฟัง แค่คนเดียวหนูก็จะร้องให้ฟัง หนูคิดว่าเพลงมันบรรเทาบาดแผลในใจของคนได้ หนูอยากให้ทุกคนไม่ต้องมีความทุกข์ในใจ” ฝันของเธอสวยงามเหลือเกิน จิตใจส่วนลึกก็เป็นคนดี

“คุณเองก็ร้องเพลงเก่งนะคะ”

“ผมก็ชอบเล่นกีตาร์ร้องเพลง”

เธอขยับเข้ามาใกล้ ชะเง้อมองไปที่ต้นไม้ใหญ่แล้วก้มหน้า...  

“นี่!...คุณรู้ใช่มั้ยว่า หนูเป็นแฟนกับนาตาลี?”          

“พอเดาได้! มีอะไรเหรอ?” ผมพอสังเกตได้ และก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ผมมองว่าเป็นความรักที่สวยงาม เป็นคู่รักที่สมกันดี           
           “อ๋อ
! แค่บอกไว้ก่อน” แต่ทำไมน้ำเสียง เหมือนแสดงความเป็นเจ้าของวะ?    

“เสร็จแล้ว!” ผมวางชุดของนาตาลีลง

“เดี๋ยวมานะคะ” เธอกระโดดกระเด้งกลับไปหานาตาลี

ผมเก็บกวาดเพิงพัก ตรวจดูอุปกรณ์ยังชีพที่ขนมากองไว้หน้าเพิง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกไม้ฟืน ก้านมะพร้าวและลูกมะพร้าว

“ไปเหอะน่า! ไม่เห็นต้องอายเลย” เสียงไป่ไป๋ดุด้านนอก

“หือ!”ผมเงยหน้าไปดู นาตาลีวิ่งดุ๊กดิ๊กไปแอบข้างต้นมะพร้าว โผล่มาแต่หัว

“จะทำอะไรกัน อีกล่ะคะ?” เธอยิ้มอายถามเสียงใส

ไป่ไป๋ยิ้มกว้าง วิ่งมาเอาชุดใบหญ้าไปโชว์....

“หนูสั่งให้เขาทำชุดให้ใส่ค่ะ” นั่นไง! ไป่ไป๋ขี้โกงอีกแล้ว เธอเข้าไปอ้อนหอมแก้มนัวเนียกัน

ทันใดนั้น...

“โฮกกก!! เสียงเสือโคร่งขู่คำรามใกล้ ๆ

“ว้าย! นาตาลีกับไป่ไป๋หน้าตาตื่นหันมองหาต้นเสียง

“เสือ! เสียงเสือนี่” ทั้งคู่เสียงสั่น แต่ผมชินกับไอ้ตัวนี้แล้ว มันร้องทุกวันและเคยเห็นตัวมันบ่อย ๆ

“อนนี่ไปรวมกลุ่มดีกว่า” ไป่ไป๋หน้าตื่นจูงมือนาตาลีออกมา

พอเธอพ้นจากก้อนหิน มันมีบางอย่างของนาตาลีสะดุดตามาก แต่พอได้สังเกตพิจารณาดี ๆ

 “ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!! ผมกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เป้าของนาตาลีบวมตุง อย่างกับเธอมีกะเจี๊ยวบิ๊กบึ้ม ซ่อนไว้ในกางเกงใน

“อะไร? อะไรเหรอ?” สองสาวขมวดคิ้วหมุนมองรอบตัว

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!! ผมเดินหัวเราะหนีไปชายน้ำกลัวเธอจะอาย

“แทนมีอะไร?”

“ไม่มีอะไรหรอก!

ผ้าอนามัยอันเท่าแขนใส่ไปได้ยังไงวะ? ไม่อยากนึกภาพต่อไป ถ้าถึงคิวไป่ไป๋ใส่ มันจะเป็นยังไงนะ? คงได้หัวเราะกันป่าสะเทือนแน่

                        ........................................................................................................

อีกหลายวันต่อมา...

แทน!...มีแฟนรึยังคะ?”  นาตาลีถามในขณะที่ผมเอาไม้กอล์ฟปัดกิ่งไม้ ไม่ให้ไปเกี่ยวตัวเธอ  เธอมาชวนให้ผมพามาสำรวจป่าข้างน้ำตกใหญ่หลายครั้ง แต่ผมปฏิเสธเพราะมันเสี่ยงมาก

ผมเคยมาหาใบบัวบก เอามารักษาแผลทากกัด วันนี้เราเดินลุยกันมาไกลจากเพิงพัก ปล่อยไป่ไป๋นอนเล่นที่เพิงคนเดียว เธอกลัวทากไม่กล้าตามมาด้วย

โสดครับ! คนของประชาชน ห้ามยึดเป็นสมบัติส่วนตัวผมตอบติดตลกเดินลุยหญ้าต่อไป ร่มเงาของภูเขาสูงบดบังแสงแดด ทำให้ผืนป่าค่อนข้างชื้นแฉะและอึมครึม สภาพป่าก็ดูน่ากลัวต้นไม้ใหญ่แปลกตา
            สายตาของเรายังระแวงระวังภัยตลอดเวลา เดินได้
2-3 ก้าวต้องยกขาขึ้นมาดู ยังเข็ดกับทากไม่หาย บริเวณป่าแถวข้างน้ำตกดูวังเวงน่ากลัว ต้นไม้แต่ละต้นสูงใหญ่ใบหนา เถาวัลย์เกาะเกี่ยวโยงใย สัตว์ป่าบริเวณนี้ก็หน้าตาประหลาดและตัวใหญ่กว่าปรกติ

เคยมีคนรักมั้ยคะ?” นาตาลีก็ขี้อ้อนเหมือนกัน หลังจากที่ผมหายโกรธก็มองเธอใหม่ด้วยใจเป็นธรรม เธอก็เหมือนเด็กสาวทั่วไป   

ทั้งสองสาวสดใส น่ารักมากในสายตาของผม กวนใจกันไปคนละแบบ กาลเวลาได้ละลายความแปลกหน้าไปหมดสิ้น เมื่อกำแพงป้องกันตัวพังทลายลง พวกเราก็เข้าขากันได้ดี อาจจะเป็นเพราะว่า เราอยู่ในวัยเดียวกัน จึงคุยกันเข้าใจได้ง่าย

ผมไม่รู้ว่าจะดูแลเธอได้อีกกี่วัน ไม่มั่นใจอะไรเลยสักอย่าง ไม่มีอาวุธป้องกันตัว ไม่มีเครื่องมือหาอาหาร ถ้านาตาลีเป็นอะไรไป โลกใบนี้คงเสียโอกาสใหญ่หลวง ตอนนี้เธอไม่เหลือคราบของคนเย่อหยิ่งอีกเลย กลับกลายเป็นเด็กสาวที่น่ารัก น่าทะนุถนอม เธอมีเรื่องเล่ามากมายที่ผมไม่เคยรู้ เธอมีสิ่งที่น่าค้นหาในตัวเอง

ไม่มีอะไรคุยเหรอครับ? ถามอย่างนี้ ผมจะเข้าใจผิดได้ผมยิ้มมองบน

“.........” เธออึ้งไป บ่อยครั้งที่เธอมึนตึง งอนจนผมแอบแปลกใจ

ก็แค่อยากรู้ ถามแค่นี้จะเข้าใจผิดอะไร?” เธองอนหน้าคว่ำ   

พวกสาว ๆ กับผมสนิทกันมากขึ้น แต่ไม่ดีสำหรับผมเลย พวกเธอเอาแต่ใจตัวเองทั้งสองคน ชอบเล่นอะไรเลยเถิด ไม่ระมัดระวังตัว อะไรที่สมควรปกปิด มันก็โผล่มาตลอด ผมใจสั่นนะเว้ย...

อ้าว! ก็เข้าใจว่าคุณมาแอบชอบผมน่ะสิ คุณคงไม่คิดใช่มั๊ย?” ผมแหย่กลับ /เธออึกอักหลบตา อายเป็นด้วยเหรอ?/

 “พรึบ! พรึบ! เสียงลมกรรโชกบางอย่าง พลันสายตาเหลือบไปเห็นคล้ายถุงพลาสติกยาวเฟื้อยปลิวสะบัด ปลายด้านหนึ่งของมันเกี่ยวกับกิ่งไม้ ลองไปดูดีกว่าเผื่อจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ผมหันไปชวนเธอ

ไปดู! ไอ้นั่นกันผมชี้แล้วเดินลุยหญ้าเข้าไปใต้ต้นไม้ใหญ่ นาตาลีคว้าชายเสื้อ เดินตามมา

ไม่รู้หญ้าจะสูงไปไหน? เหนื่อยจริง ๆ เลยเดินป่านี่เธอยกขาดูบ่อย ๆ

เมื่อเราเดินเข้าไปใกล้ จนเห็นรายละเอียดของสิ่งที่คิดว่าเป็นถุงพลาสติกก็ต้องหยุดหายใจ ขนหัวลุกซู่...

เฮ้ย!. ผมตกใจกลัว เบิกตากว้าง...หันหลังกลับเตรียมวิ่ง หมุนมองสำรวจรอบพื้นที่ สัญชาติญาณถูกปลุกให้ระวังอันตราย

“กลับเถอะ! นาตาลี” ผมดึงแขนเดิน

แต่...

“เดี๋ยวก่อนค่ะ!” เธอจ้องไม่ขยับ ผมเห็นแววตาของเธอยิ้มดีใจสุดขีด ไม่ได้กลัวสิ่งที่เห็นตรงหน้า

คราบงูยักษ์ ไททัน โอโบอา!” ขนแขนลุกชัน ถุงพลาสติกที่ผมคิด แท้ที่จริง มันเป็นคราบงูยักษ์ยาวกว่า 20 เมตร หางยาวเหมือนว่าวงู ปลิวไปตามแรงลมโบกสะบัด

สายลมพัดยอดไม้ไหวเอนลู่ไปตามกัน ลิงหน้าขาวสีทองฝูงใหญ่กระโดดไปมาจ้องมองเราสองคน นาตาลีรีบเดินแซงผมขึ้นไปหยิบขึ้นมาพิจารณาแล้วพูดเบา ๆ

อานาคอนดาแดง เกล็ดรอบตัวจะซ้อนคู่กัน ไม่เหมือนกับงูชนิดไหน มันจะสะสมสารประสานเซลล์ก่อนจะลอกคราบ คุณดูสิคะ! มันจะไม่เหมือนกับทั่วไป มันจะมีสีน้ำตาลแดงเงาวาวเป็นเส้นตามขอบเกร็ด อันนี้แหละ! ที่ฉันต้องการ เธออมยิ้มสายตาเป็นประกาย แล้วเข้าไปดึงมันมาม้วนเข้าศอกอย่างเร็ว ท่าทางดีใจมาก ยิ้มไม่หุบ

จะเอาไปทำอะไรครับ?” ผมช่วยเธอสาวมันเข้ามา คราบบาง ๆนั้นเหนียวหนากว่าถุงพลาสติกอีก

ฉันมีแผนงาน ต่อไปจะทำโครงการ Baby Face ครีมลอกคราบให้สาว ๆ ผู้ชายก็ใช้ได้ คราบงูอานาคอนดาแดงมีสาร SPGR ที่เป็นส่วนผสมสำคัญ ฉันตามหามันมานานแล้ว โชคดีจังเลยที่เจอ! คุณรู้ไหมว่าอันนี้มีมูลค่าเท่าไหร่?” เธอยิ้มหน้าบานสองมือรีบสาวอย่างเร็ว

ผมไม่เข้าใจความหมายที่เธอบอก...

มูลค่าสูงเหรอครับ?” เราช่วยกันดึงมาม้วนมันยาวมากต้องใช้เวลาพอควร เดินย่ำไปย่ำมาถอยหลังไปสะดุดบางอย่าง

เหวอ!”

“แผละ! ก้นกระแทกพื้นแฉะ

“ฮ่าฮ่าฮ่า! เธอหันมาหัวเราะ...

เป็นแสนล้านเหรียญเลยล่ะค่ะ นาตาลียิ้มกว้าง ผมหันมองกอหญ้าที่สะดุดล้ม

อ้าว! นี่ไงใบบัวบก เอาไปด้วยเลย ผมดึงเจ้าใบกลมก้านเขียวมากำใหญ่

เสียงน้ำตกดังสนั่น ละอองน้ำบริเวณนี้ฉ่ำแฉะต้นมอร์ส เฟิร์นเกาะลำต้นไม้ใหญ่เขียวครึ้ม

นั่นไข่อะไรคะ?เธอชี้ผ่านหัวผมไปด้านหลัง

ผมหันกลับไปมองไข่สีนวลลายใบขนาดเท่าลูกรักบี้ กองเรียงกันสูงปลายแหลม ผมเข้าไปยืนดูด้วยความสงสัย น่าจะอร่อย

มันเหนียว มันพ่นไยห่อไว้ ผมหันไปบอกแล้วออกแรงมากขึ้น ดึงไข่ออกมา 2 ใบใส่เป้ จะเอากลับไปเผา กินแต่ปลาทุกวันสาว ๆ คงจะเบื่อกันแล้ว

ไข่อะไรคะ?” เธอมองสงสัย

ไม่รู้ครับ! ผมขอมันมา 2ใบ เอาไปกินกัน!” ผมยังเมตตาไม่เอามาทั้งหมด

รีบกลับเถอะค่ะ! อย่าอยู่นานเลย...เสียว!” เธอหันมองหน้ามองหลังตลอดเวลา 

ผมเห็นคราบงูใหญ่ก็ใจสั่นเหมือนกัน ตัวมันใหญ่ไม่ใช่เล่น ยาวกว่า 20 เมตรแน่ ใหญ่ขนาดกลืนช้างได้สบาย ๆ เรารีบก้าวขาเร็วขึ้น

มันเป็นยังไงครับ ครีมลอกคราบสาว ๆ ของคุณ?” ผมชวนคุยก้าวเดินนำกลับเพิง มือก็แกว่งไม้กอล์ฟหัวไม้เบอร์ 1 คู่ใจไปด้วย ส่วนของเธอไม้กอล์ฟหัวเหล็กเบอร์ 7

ฉันรวบรวมส่วนผสมอื่นไว้แล้ว ขาดแค่ SPGR อย่างเดียว สารกระตุ้นให้เซลล์ใต้ผิวหนังด้านในขับ ASZ-4 เอ่อ!..ขอโทษนะ! ฉันจะอธิบายง่าย ๆ ก็แล้วกันเธอหยุดพูดเมื่อเห็นผมเกาหัว คงนึกได้ว่า ถ้าพูดศัพท์ทางวิชาการกับผมคงไม่รู้เรื่อง

เธอกระพริบตาถี่

ฉันจะเอาไอ้คราบงูนี่ ไปสกัดเอาสารบางอย่างผสมกันเป็นครีมใช้ทา ผิวหนังกำพร้าจะลอกออก กินยาช่วยซ่อมแซมโครงสร้างเซลล์ระดับอะตอมเข้าไป มันจะซ่อมส่วนที่สึกหรอ ซ่อมและสร้างในเวลาเดียวกัน” เธอกระโดดข้ามกอหญ้า แล้วหันมาพูดต่อ...

“คนที่โดนน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้ระดับ 5 ก็รักษาได้ เซลล์ของร่างกายที่เสียหาย จะถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ทำให้ไม่เสียโฉม บางทีอาจจะสวยกว่าเดิมโดยไม่ต้องไปพึ่งศัลยกรรม เหนือกว่าคำว่า มหัศจรรย์ นั่นแหละ!...ครีมของฉันเธอก้าวเดินฉับ ๆ ปากก็พูดมือก็แกว่งไกว บางครั้งเธอก็เหมือนเด็กน่าทะนุถนอม แต่สิ่งที่เธอพูดออกจากปาก ผู้ใหญ่ยังทำไม่ได้เลย

ฉันตั้งใจสร้างไว้ให้ผู้โชคร้ายมากกว่า แต่มันต้องใช้ทุนเยอะ เลยต้องเอาไปขายให้พวกชอบสวยก่อน..ได้เงินเยอะดี รวยดี! คุณรู้มั้ยฉันมีเงินเยอะแยะ?” เธอยิ้มบอกท่าทางไม่ได้โม้ แต่คำว่าเยอะแยะนี่มันเท่าไหร่เหรอ? ผมไม่เคยคิดจะเอาเงินของเธอเลย ค่าจ้างที่ผมเรียกไป 200,000เหรียญนั้นก็แค่โกรธ ตอนนี้หายโกรธแล้วก็ไม่เคยคิดถึงมันอีก             ผมมีเรื่องจะบอก พอคิดได้ ก็ต้องเคลียร์ก่อนเดี๋ยวจะลืม     

คะ! มีอะไรเหรอ?”

ผมไม่รับค่าจ้างนะ ที่ผมพูดไปเพราะโกรธ ผมไม่ได้ช่วยคุณเพราะเงินนะครับผมบอกจากใจจริง ยิ้มให้อย่างหล่อ เธอหันมาขมวดคิ้วมอง

ผมบอกแล้วว่า ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ ถ้าผมรับเงิน ผมก็เป็นลูกจ้างคุณสิ ผมไม่เอาหรอก!” ผมอยากคุยแบบเสมอกันมากกว่า

เธอยิ้มหวานหยุดรอ พอผมเดินมาถึง เธอก็เอียงไหล่กระแทก

แหม! เป็นพระเอกเชียวนะ ขอบคุณค่ะ! แต่ฉันจะให้คุณ ไม่ใช่ค่าจ้างหรอกไม่ต้องปฏิเสธนะคะ   

ผมเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่าง ในตัวของผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่เธอให้สัญญาว่าจะเลิกนิสัยเดิม หลัง ๆ มา...ก็ไม่เคยสร้างปัญหาอีกเลย อ้อนเก่งอีกต่างหาก จนไป่ไป๋มักมีปัญหากับผม

ไป่ไป๋ก็น่ารัก อ้อนเก่งเหมือนกัน อ้อนหนักกว่านาตาลีซะอีก แต่ระยะหลัง เธอไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าผมสักเท่าไหร่ จากมิตรรักกลายเป็นศัตรูถาวร แต่ผมไม่เคยโกรธเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเข้าใจความรักมักจะคู่กับความหึงหวง นาตาลีก็เล่นกับผมแบบถึงเนื้อถึงตัวเกิน พวกเธอเอาแต่ใจตัวเองทั้งคู่ แต่ช่างเถอะ ผู้หญิงก็เป็นอย่างนี้ อยู่เงียบ ๆ ไว้ ทำโน่นนี่ให้ก็ไม่มาบ่นแล้ว อยู่กับผู้หญิงอย่าคิดไปเอาชนะ ยอม ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็ไม่มายุ่งกับเราแล้ว             

 “ว้าย! ว้าย!” จู่จู่ เธอก็ผวาเข้ามากอดผมแน่น

“เป็นอะไร?” ผมหมุนมองรอบกาย

กลัวไอ้นั่นน่ะ!” ผมมองไปตามมือเธอชี้ ตุ๊กแกหรือจิ้งเหลนไม่แน่ใจเกาะที่ต้นไม้ ผมยืนเอียงคอลูบคาง มองอย่างพิจารณา...

อ๋อ!...ตุ๊กแกเกล็ดปลา ไม่น่ากลัวหรอก ไม่มีพิษ ผมบอกกับเธอ เมื่อเห็นเจ้าตุ๊กแกตัวเขื่องเกาะกลางต้นไม้ทางซ้ายมือ

ลำตัวของมันประหลาดกว่าพวกพ้อง ผิวหนังปกคลุมไปด้วยเกล็ดเหมือนปลา เป็นสัตว์โบราณอีกชนิดที่ยังหลงเหลืออยู่ 

มองข้ามเลยพุ่มไม้ทะลุชายป่าออกไป เป็นทะเลสาบเขียว หย่อมพุ่มไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่กระจัดกระจายโดยรอบ พวกมันพยายามแทรกตัวเองเพื่อเข้าหาแสงอาทิตย์ ใต้ร่มไม้แถวนี้ดูอึมครึมเฉอะแฉะ น่าจะเป็นที่อาศัยของสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติ

แต่เธอยังเขย่าแขนผมไม่เลิก สายตายังมองไปที่จุดเดิม

ไม่ใช่!..ตุ๊กแกนะแทน ดูใหม่ตัวใหญ่มากในพุ่มไม้น่ะ เห็นหางมันส่ายมั้ย?เธอซอยขายุกยิกอยู่กับที่ ซุกหน้าเข้ารักแร้เหมือนจะเข้าสิง

พุ่มไม้ไหวยวบยาบ ผมอึ้งตาค้าง ความตื่นเต้น ตื่นกลัววิ่งเข้าเกาะกุมใจ ดูจากกิ่งไม้สั่นไหว ตัวคงใญ่ไม่เบา

“ยวบ!ยวบ! สัตว์ป่าหัวแหลม ดวงตาสีฟ้ากลมโต ลำตัวสีน้ำตาลอมเขียวพรางตัวแนบเนียน เดินแลบลิ้นแพรบ ๆ ออกมา หน้าตาเหมือนตัวมังกรโคโมโด ตัวสูงระดับหน้าอก

นาตาลีจิกเอวแน่น

มันมาแล้ว ไอ้มังกรไร้หูนั่นน่ะ! เห็นหรือยัง?” เธอค่อย ๆ หันหน้ากล้า ๆ กลัว ๆ มองไปด้านหลังต้นไม้

มังกรไร้หูยักษ์ สัตว์เลื้อยคลานสี่เท้าตัวสีน้ำตาลทองอมเขียวขนาดเท่าวัว ตัวใหญ่กว่ามังกรโคโมโด แลบลิ้นแดงยาวก้าวขาอาด ๆ เข้ามา ลำตัวเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและหนามใหญ่แหลมคมสามแถว บนสันหลังตั้งแต่หัวจรดปลายหาง บริเวณหัวของมันมีหนามเล็กกระจายรอบใบหน้า ดวงตาใสสีฟ้าดูอ่อนโยน ใจดีน่าทะนุถนอม แต่ในแววตานั้น ไร้ซึ่งความปราณี ผมเครียดขึ้นทันที

“ตึกตึก! ตึกตึก! ตึกตึก! หัวใจเต้นแรง กลัวไม่ต่างกัน ดึงเธอมาหลบหลังค่อย ๆ ก้าวถอยไปหาต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง

สายตาจ้องเขม็งจ้องสะกดให้ขาตาย มันคืบคลานเข้ามาใกล้อย่างไม่หวาดหวั่น เล็บเท้างุ้มยาวแหลมคม หางยาวเป็นปล้องหนาม พุ่มปลายหางคมเหมือนใบมีดชูสูง แกว่งส่ายไปมากลางอากาศ 

ทันใดนั้นมันก็ตวัดหางพุ่งมาทางเรา...

หลบ!” ผมกดนาตาลีนั่งยองกับพื้นทันทีที่มันตวัดหางมาใส่
         
เฟี๊ยว!เสียงหางผ่าอากาศผ่านหัวเราไปโดนต้นไม้ด้านหลัง
          
โบ๊ะ!” เปลือกไม้แตกหล่นใส่หลัง

ผมจูงนาตาลีถอยไปหลบหลังต้นไม้ เธอกำมือผมแน่น

เฟี้ยว!”เสียงหางยาวแหวกอากาศ ผมกดหัวนาตาลีติดพื้น

ผลัวะ!” คมหางฟันกิ่งไม้หัก เปลือกไม้กระเด็น

น่ากลัวจริง ๆ ด้วยผมพึมพำ มันคลานยวบ ๆ เข้ามาใกล้ขึ้น ดวงตาจ้องเขม็งมาที่เราสองคน

“........” ผมจับจ้องไปที่ปลายหางของมันจุดเดียว นาตาลีหน้าซีดเผือดมองไม่วางตา

ถ้าอยู่อย่างนี้ต่อไปเสร็จมันแน่...

“นาตาลี เดี๋ยวผมจะวิ่งไปทางนี้ คุณวิ่งไปทางโน้นกลับเพิงไปเลยนะ” ผมวางแผนชี้นิ้วบอกทิศ เธอกัดฟันพยักหน้า

วิ่ง!

เธอลุกพรวด สับขาวิ่งจ้ำอ้าว แกว่งไม้กอล์ฟ

“โป๊ก! ผมคว้าก้อนหินขว้างใส่มัน เพื่อเรียกร้องความสนใจ แล้ววิ่งไปอีกทิศ

“.......” มันหันชะเง้อมอง แล้วโกยสี่ขาขี้ดินกระจาย วิ่งไล่กวดตามนาตาลีไป

“?????” อ้าว! ผิดแผน รีบหันหลังกลับ วิ่งตามมันไป

วิ่งงง! นาตาลี! มันวิ่งตามคุณไปแล้ว ผมร้องเชียร์ตามหลัง

เหวอ! ไปที่อื่นก่อนเลย อย่ามาหาฉัน ทำไมซวยอย่างนี้วะ ต้องโดนวิ่งทุกที?เธอหันหน้ามามองแล้วร้องลั่น วิ่งจ้ำอ้าวไม่คิดชีวิต

ไอ้มังกรไร้หูตัวใหญ่ วิ่งหูตั้งหางชี้ตามหลังไล่กระชั้นไปทุกขณะ  หนามแหลม 3 แถวยาวบนแผ่นหลัง เคลื่อนไหวยวบยามมันก้าวขา ผมวิ่งตามอย่างไม่ลดละ

“เจี๊ยก! เจี๊ยก! เจี๊ยก! ฝูงลิงแทมมารีนจักรพรรดิ เขย่าต้นไม้ร้องเสียงดังเตือนภัย สัตว์ป่าน้อยใหญ่แตกตื่นกระโดดโหยง ผืนป่าถูกปลุกวิญญาณด้วยพวกเราอีกแล้ว

“จ๊าก!...กก!! นาตาลีวิ่งเก่งใช้ได้ทีเดียว ก้าวขาสลับกันอย่างเร็วก้มหัวหลบกิ่งไม้ กระโดดข้ามขอนไม้สไลด์หญ้า ก่อนที่เธอจะผวาวูบหน้าคว่ำ..

ว้าย!” เท้าของเธอเกี่ยวหญ้าล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ตกลงไปในหลุม
           เจ้ามังกรไร้หูวิ่งตามมาหยุดขอบหลุม ลำตัวเต็มไปด้วยหนามและกล้ามเนื้อ ส่ายหางเดินเข้าหาช้า ๆ

“แทน!” ดวงตาของนาตาลีเบิกโพลง สายตาตื่นกลัวจ้องมาที่มัน ขาสองข้างของเธอสลับกันถีบพื้น ถดตัวถอยหนี

เจ้ายักษ์ใหญ่ย่อขา เตรียมกระโจนเข้าขย้ำ ในจังหวะนั้น..ผมวิ่งหลังตามมาทัน กระโดดเงื้อไม้กอล์ฟสูง ฟาดหัวไม้กอล์ฟกลมเข้ากลางกบาลของมันสุดแรง

โป๊ก!…กก!” เสียงดังหนักแน่น ไม้กระเด็นหลุดมือ มันทรุดลงไปสลัดหัวที่พื้น โดนขนาดนี้ถ้าเป็นหมาหรือคน คงกะโหลกแตกตายทันที

ผมรีบคว้าไม้กอล์ฟหัวเหล็กเบอร์ 7 ของนาตาลีมาง้าง...

โป๊ก!โป๊ก!โป๊ก!” หลับหูหลับตาซัดซ้ำลงไปอีกอย่างไม่ยั้งมือ เจ้ามังกรไร้หูขนาดวัววัยหนุ่ม หมุนตัวเอียงเตรียมหนี

จังหวะนั้น...นาตาลีขยับตัวลุกขึ้นยืน

“ขวับ!เสียงเหมือนแส้หวด หางตาผมเห็นหางของมันตวัดมา พุ่งตัวเข้าไปกอดเธอ

อ๊าก!!!” ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่น่อง หางยาวของมันซัดทิ้งท้าย ก่อนมันจะวิ่งหนีเข้าป่า ก้มมองกางเกงยีนหนาขาดกระจุย เลือดแดงสดพุ่งกระฉูด

 นาตาลีหน้าตื่น ผวาเข้ามาถกกางเกงดูแผล...

แทน! เจ็บมากมั้ย? คุณต้องมาเจ็บตัวเพราะฉันอีกแล้วเธอสีหน้าไม่ดี ฉีกขากางเกงเห็นรอยแผลเหวอะเลือดอาบ

ไอ้นี่ใช้ได้ ใบบัวบกใช้ห้ามเลือดได้ เธอลนลานหยิบใบบัวบกมาขยำแล้วดึงคราบงูขึ้นมาฉีก มันเหนียวจนไม่ขาด

ขอมีดหน่อยค่ะเธอรับมีดแม๊กไกเวอร์ไปตัดคราบงูมาพันรัดรอบขาจนแน่น แต่ความปวดมันจี๊ดขึ้นสมอง

“อูย! ผมพยายามเดินให้ตรงทางแต่ไม่ถนัด ทุกก้าวปวดเหมือนขาจะหลุดออกจากร่าง

มากอดคอฉันไว้เธอสายตามุ่งมั่นเอาหัวมุดแขนขวาเข้ามาพยุง
         
“ฮึบ! ผมกอดคอเธอไว้หลวม ๆ กัดกรามพยายามเข้มแข็ง ขยับก้าวขาไปต่ออย่างทรมาน ในป่าอุปสรรคในการเดินมากมาย

เดินมาได้สักพัก ขาเริ่มล้าตึง ก้าวไม่ค่อยออก ต้นหญ้าฉุดรั้งให้เดินลำบากมากขึ้น

“ค่อย ๆ นะคะ!” ต้นไม้ใหญ่ล้มขวางหน้าอยู่ นาตาลีก้าวข้ามไปแล้วคอยพยุงให้ก้าวเดิน

“อ่ะ! อะ! ผมพยายามยกขาก้าวข้ามขอน แต่ขามันแข็งงอไม่ได้

โอ๊ย!” ขาเจ้ากรรมยกไม่พ้นขอนไม้ สะดุดหัวทิ่ม นาตาลีเสียหลักล้มลงไปก่อน  ผมล้มตามทับลงไปบนตัวของเธอ

อื้อ!อื้อ!อื้อ!” เธอพยายามดันใบหน้าของผม มือตีแขนรัว ๆ ด้วยความบังเอิญหรือความซวยไม่แน่ใจ...ใบหน้าของผม ซุกนมของเธอ

เธอผลักออก แล้วลุกหนีไปยืนหันหลัง ผมร้อนใจพยายามช่วยเหลือตัวเอง โหนเถาวัลย์พยุงตัวลุกขึ้น...          

ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ เดินเข้าหาเพื่อขอโทษ

แต่...

“อ๊ะ! ขากลับเป็นอุปสรรคในการเดิน ผมเสียหลักหัวทิ่มไปหาเธอ มือก็ไขว่คว้าหาที่ยึด นาตาลีหันมาตามเสียง

“หมับ! มือคว้าไปโดนนมเต็ม ๆ ล้มไปด้วยกันอีกครั้ง

“..........” เหี้ยแล้ว! ไม่ได้ใส่ยกทรงด้วย

“ย่าห์! เธอทุบผมพัลวัน แล้วลุกหนี

“ผมขอโทษ! โธ่เอ๋ย! จะซวยไปถึงไหนวะกู พยายามลุก แต่ลุกไม่ขึ้น

เธอยืนหมุนลังเลสักพักก็เข้ามาช่วย สายตาคมคู่นั้นมองอย่างหวาด ๆ แต่เธอก็ยังมุดหัวเข้ารักแร้ในตำแหน่งเดิม ผมเห็นจากหางตา เธอแอบมองหน้าผมบ่อย ๆ              

มองอะไร?” ความเจ็บหายไปกลายเป็นชาไร้ความรู้สึก อาการลำตัวชาของผมเริ่มมากขึ้น ขาของผมเหมือนถูกถุงทรายหนักมัดไว้ ยกขาด้วยความยากลำบากในแต่ละย่างก้าว          

มองหน้าคุณน่ะแหละ! เดี๋ยวนี้ชักจะฉวยโอกาสนะ 

โธ่! ผมขอโทษไปแล้ว มือมันไปเองผมผิดเต็ม ๆ ได้แต่ยิ้มแหย ๆ แต่ได้เห็นแววตาของเธอเขินอายด้วย

บ้า!” ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ

ผมสัญญาจะไม่บอกกับไป่ไป๋เรื่องนี้ผมอมยิ้มมองบน

บ้า!” เธอยิ้มอายแล้วหันมาทุบผมพัลวัน

ตุ้บๆ..บ้า! บ้า! บ้า!” ใบหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลย เวลาเขินอายน่ารักจัง สองสาวนี่สมมุติว่าถ้าให้เลือก ง่ายนิดเดียว แค่หลับตา...มือคลำไปโดนมือใครเอาไปได้เลย เพราะสวยทั้งคู่ ถ้าลืมตาอาจจะลังเลเลือกไม่ได้

ผมกัดฟันเดินลากขามาได้อีกระยะ มองเห็นเพิงพักข้างหน้าไกล ๆ ต้องรีบเดินให้ถึง ในใจเริ่มเป็นห่วงไป่ไป๋ขึ้นมาอีก โดนเสือลากเอากินไปแล้วมั้ง?

“อุ๊ยนี่! เธอปล่อยมือ นั่งยองถอนไม้พุ่มขอบใบหยิกหนา ดอกคล้ายชบาสีเหลืองยอดแดง

“ต้นอะไร เอาไปทำครีมเหรอ?” ผมยืนเกาะต้นไม้ ขาหนักมาก เอวเหมือนจะขาด

Acmella oleracea มันแก้ปวดแก้ไข้ได้ มันรักษาแผลด้วย เอาไปใช้ร่วมกับใบบัวบก ปวดแผลมากไหมคะ?” เธอยิ้มหน้าบาน

“???????” ใจหายวาบ ใบหน้าของเธอเริ่มพร่ามัว เปลือกตาของผมปรือหนักลงทุกที ขาลากก้าวไม่ออก จิตใจของผมกังวลกับขาที่หนักและไร้ความรู้สึก เริ่มคิดถึงความตาย ถ้าเดินไม่ได้คงต้องฝากร่างกายไว้ที่ป่าแห่งนี้แน่นอน                       

แทน! ไปโดนอะไรมาเหรอคะ อนนี่?” เสียงไป่ไป๋วิ่งร้องตื่นตระหนก เข้ามาช่วยกันพยุงและช่วยกันลากไปเข้าที่นอน แผ่หลาบนพื้นทรายในเพิง                   

นอนลงก่อน

ผมเริ่มสับสนกับเสียงของทั้งสองสาว ประสาทรับสัมผัสในตัวเริ่มใช้การไม่ได้ นี่ผมจะตายหรือเปล่า? ผมกำลังจะตายแล้วเหรอ? ไม่ได้นะผมตายไม่ได้ มีคนรอผมกลับบ้าน ผมต้องกลับบ้านไปหาน้าเอื้อง           

แผลเหวอะเลย ทำไงล่ะ อนนี่?” เสียงแผ่ว ๆ ของไป่ไป๋ดังแว่วมา ผมง่วงจังเลย ดวงตาปรือเต็มที่แล้ว มันจะหลับให้ได้

เอาต้น Acmella oleracea กับใบบัวบกโขลกมาปิดแผลไว้ก่อน

“เตรียมน้ำไว้ด้วยนะ”

“ตึงตัง! คลุกคลัก!” เสียงที่ได้ยิน แยกไม่ออกว่าใครทำอะไร

หือ!” เสียงแปลกใจพร้อมกับมือของใครบางคน มาอังหน้าผาก

ตัวร้อนจี๋เลย ทำไงดีล่ะ?”

ผมแยกเสียงไม่ออกว่าใครเป็นใคร ในใจก็หวาดวิตก สิ่งที่ไม่เคยเจอและไม่รู้ผลสุดท้าย หลอนใจกลัวตายมาก แต่ใจก็ยังห่วงทั้งสองคน ถ้าผมตายใครจะหาอาหารให้ ใครจะก่อไฟ...

คืนนี้ระวังตัวด้วยนะ ถ้าไอ้มังกรไร้หูมันไม่ตาย มันอาจจะกลับมากินผมก็ได้ อย่าให้ไฟดับนะ หนังตาผมมันจะปิด แต่ก็พยายามฝืนสู้ ยังมีห่วงอีกเรื่องหนึ่ง..

มีปลา เอาไข่ไปเผากินกันด้วยนะ จุดไฟกันเป็นหรือเปล่า?  ข้างหลังมีนุ่นกับหญ้าแห้งเอามาทำเชื้อนะ กลางคืนอย่า..ออกไปชายหาดนะ ผมพยายามต่อสู้ แต่ปากมันอ้าไม่ขึ้น หูอื้อไม่ได้ยินรอบกาย หนังตาหนักปิดลง เงาดำเข้ามาบดบังทุกอย่างมืดสนิท สติกำลังจะขาด จิตใต้สำนึกคิดถึงคนที่รักและเป็นห่วง มีคนรออยู่ ผมต้องกลับบ้านไปหาน้าเอื้อง ผมตายไม่ได้นะ

ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว  นอนไปเลยค่ะสิ้นเสียงหญิงสาว สติก็ขาดผึง ดับวูบลง

                 ……………………………..............................................…………..

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,859 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,975 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม