หมวดหมู่ | The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 31 ม.ค. 2567 |
ป่าโบราณ ฉวีจิ่ง มณฑลยูนนาน
มุมมอง ตุ๋ย เจ็ทโด้
ตุลาคม ค.ศ.2020
หมดไปอีกวันกับการตระเวนป่า ผมเดินเลาะชายหาดมองหารอยเท้ามนุษย์บนผืนทราย จูยอนเดินตุปัดตุเป๋ตามหลัง วันนี้ทั้งวันเราเดินลุยป่าเพื่อหาเบาะแส แต่ก็ไร้วี่แวว เจ้าซอนแยกไปตระเวนคุ้งน้ำอีกทาง
“คุณคะ! พรุ่งนี้เราเข้าไปใหม่นะ เอาเต็นท์ไปด้วย นอนในป่าเลย” จูยอนเหงื่อเต็มใบหน้าเดินหายใจแรง จิตใจยังเข้มแข็ง ซุ่มเสียงแหบพร่าจากการตะโกนทั้งวัน
“เอาอย่างนั้นก็ได้ คุณไหวแน่นะ?” ผมหันไปหยั่งเสียงดู ท่าทางอ่อนแรงสะบักสะบอมด้วยกันทั้งคู่
ป่าแถบนี้ดูแปลกตา เหมือนป่าดึกดำบรรพ์ ต้นไม้ก็ใหญ่โตเกินต้นไม้ทั่วไป สัตว์ป่าก็หน้าตาแปลก ๆ และตัวใหญ่กว่าปรกติ
“ไหวมั้ย? เอาปืนมานี่ ผมถือให้”
“ไม่ได้ค่ะ! จอมยุทธไม่ให้กระบี่กับคนอื่น” เธอหัวเราะเสียงใส ก้าวเดินเหยียบพื้นทรายบุ๋มเป็นรอยเท้า ชายหาดยาวมีแต่รอยเท้าสัตว์สารพัดชนิด แต่ไม่มีร่องรอยของมนุษย์เลย ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ย่างกรายเข้ามาในป่านี้ ผมยกวิทยุสื่อสาร...
“ซอน! กูออกมาแล้ว กลับมาเจอที่เดิม”
“ครับ!” เจ้าซอนรับคำ ผมหันไปหาจูยอน...
“ไม่รู้เป็นอะไร? ทำไมวันนี้ คิดถึงเจ้าแทนจังเลย”
“คงใกล้ได้เจอกันแล้วมั้งคะ? แทนไม่เป็นอะไรหรอก” จูยอนไม่เคยคิดลบ เธอมองโลกในแง่ดีเสมอ แต่ผมใจคอไม่ดีเลย หายใจอึดอัดมาก
ดวงตะวันกลมแดงฉานกำลังลับหลังเทือกเขา เงาดำทะมึนปกคลุมคืบคลานเข้ามา ผิวน้ำทะเลสาบด้านนอกเขียวคล้ำสะท้อนแสงแดงฉานสุดลูกตา กว้างจนไม่เห็นขอบ จูยอนจัดแจงหุงข้าว
“บรื้น!” เจ้าซอนเสือกหัวเรือขึ้นมาเกยฝั่ง
ผมหันมองกลับไปชายฝั่งด้านขวาที่แล่นเรือเลาะมาจากประตูนรก ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านเหมือนมือปีศาจดูอึมครึม ในนี้เหมือนที่สิงสถิตของอสูรร้าย ผิวน้ำกัดเซาะภูเขาหินปูนจนแหลมเหมือนตะปูตอกลงน้ำ เหมือนคอกที่เทพเจ้ากักขังสิ่งชั่วร้าย ม่านหมอกขาวปกคลุม ดูราวกับจะปกป้องผืนน้ำ ไม่ให้ได้พบกับแผ่นฟ้า
เจ้าซอนหิ้วเก้งหม้อตัวเท่าหมาลงจากเรือ โยนทิ้งไว้ริมน้ำ...
“ไม่เจออะไรเลยว่ะพี่ ไม่มีร่องรอยของมนุษย์เลย มันน่าจะทำควันไฟไว้สักหน่อย” ซอนสีหน้าเซ็ง ส่ายหัวเดินไปเยี่ยวชายป่า
“กูบอกแล้วว่า เด็กมันโตในเมือง มันไม่รู้วิธีเอาตัวรอดในป่าหรอก” ผมหนักใจขึ้นมาอีก
“เอาน่า! ป่าออกกว้าง เราอาจจะยังไม่ถึงจุดที่พวกเขารอก็ได้นะคะ” จูยอนทำให้ใจเบาลง
ผมเดินไปริมน้ำ…
“หงุดหงิดวะ! กูแล่เนื้อดีกว่า!” ไม่มีอะไรดีไปกว่าหาอะไรมาทำเบี่ยงเบนอารมณ์ตนเอง
พวกเรานั่งล้อมวง ช่วยกันแล่เนื้อเก้งเตรียมย่างให้แห้งเพราะไม่มีเกลือมาด้วย เคยทำพลาดหมูป่าเน่าไปรอบหนึ่งแล้ว ต้องให้ไห่หนานเอากลับไปกินที่บ้าน
“สัตว์ป่าโคตรเยอะเลยพี่ ไอ้แทนไม่อดตายหรอก” เจ้าซอนยิ้มเงยหน้าในขณะที่มือก็แล่เนื้อน่อง
อยู่กับซอนสบายใจที่สุด มันคล่องตัวและหาสัตว์ป่าเก่ง อาจจะเป็นเพราะบ้านมันอยู่ในเขตป่า และก็เป็นคนที่ชอบลุยป่า เถื่อนของแท้
“พูดไม่คิด มันจะเอาอะไรไปยิง” ผมบ่นงึมงำไม่ไห้มันได้ยิน เจ้าแทนมีแต่ปืนของมันที่พ่อให้มาติดตัว ไม่รู้ป่านนี้ยิงใครไปหรือยัง? แต่เจ้าแทนไม่น่าจะเป็นคนทำอะไรสิ้นคิด จิตใจของมันสะอาดมาก
“จูยอนเคยกินเก้งมั้ยครับ?” เจ้าซอนเงยหน้าถามในขณะที่มือกำลังเลาะหนังเก้ง
“เคยค่ะ! ที่บ้านฉัน สัตว์ป่าเยอะเลย มีกวางน้ำด้วยค่ะ” จูยอนยิ้มหน้าบาน
“ชาวบ้านเชื่อกันว่า ข้างในป่านี้ เป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าหนีหว่า ลำตัวเป็นงู หัวเป็นผู้หญิงสวยอยู่ที่นี่มานับพันปี คนที่เข้ามาไม่เคยมีใครรอดออกไปได้สักคนเดียว ไห่หนาน! ยังต้องขอลงกลางทาง”
ผมคิดในใจ...มึงจะพูดเรื่องนี้ทำไมวะซอน? เรื่องอื่นมีตั้งเยอะ รีบเปลี่ยนเรื่องคุย...
“เทพเจ้าพวกนี้ ก็ทำงานเหมือนเราน่ะแหละ”
ทั้งซอนและจูยอนเบิกตากว้าง...
“ยังไงวะพี่?” มันย้อนถามตาใส เจ้านี่มันชอบตามผมไปทั่ว แต่มันก็เถียงเกือบทุกเรื่องเหมือนกัน มันอยู่กับผมแล้วค่อนข้างงอแงเหมือนเด็ก ชอบให้ด่า ชอบให้เตะ...
“เทพเจ้าให้ความหวังกับผู้ศรัทธา...พวกเราไปปฏิบัติการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะช่วยตัวประกันหรือช่วยรบ จะต้องมีคนรอคอยความหวังจากพวกเรา พวกเขายิ้มกว้างมาก เมื่อพวกเราไปถึง”
ซอนพยักหน้าหงึกเห็นด้วย จูยอนเห็นคล้อยตาม...
“ก็จริงนะคะ ในสนามรบที่รายล้อมด้วยศัตรู ทหารมักจะคิดถึงทีมสนับสนุน เรารอคอยเฮลิคอปเตอร์มารับกลับอย่างใจจดจ่อ ตอนนี้พวกนาตาลีคงตั้งความหวังให้พวกคุณไปช่วยแน่” เธอยังคงเชื่อมั่นว่าทุกคนยังรอดชีวิต เธอเสียบกับพวกเราได้สนิท ไม่เป็นอุปสรรค คุยกันได้อย่างธรรมชาติ เธอเองก็มีภูมิความรู้เรื่องทหารไม่น้อยและความสามารถเฉพาะตัวก็สูงมาก
เจ้าซอนหันมองจูยอน...
“คุณเคยออกรบด้วยเหรอ?” มันยิ้มหล่อมาก
“เคยไปซ้อมลาดตระเวนแถบ DMZ เขตปลอดทหารเส้นขนานที่ 38ค่ะ สงครามจิตวิทยารบกันแบบเด็ก ๆ กับเกาหลีใต้ ไคไพโพกันมากกว่า ฮ่าฮ่าฮ่า!” เธอเป่ายิ้งฉุบ หัวเราะชอบใจ
“คุณรู้เรื่องวิธีจัดการเชลยของทีมล่าสังหารไหม?” จู่ ๆ ซอนก็ถามโพล่งเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ผมพึ่งเล่าให้เธอฟังไปไม่กี่วันนี้เอง
จูยอนขมวดคิ้วหันหน้ามามอง...สายตามีคำถาม ผมรีบส่ายหน้าบอกเป็นเชิงว่า ไม่ได้คุยกับมัน ไม่ได้บอกอะไรมันเลย...
“เคยสิคะ! รุ่นพี่ในกองทัพเคยเล่าให้ฟัง แต่ฉันไม่เคยตกเป็นเชลยหรอกนะ” เธอล้อเล่นกลับ แต่ก็บิดตัวอายหน้าแดง แสดงว่าเธอเข้าใจวิธีประหารชีวิตของทีมล่าสังหารที่ผมอธิบายให้ฟัง...
“คุยถูกคนแล้วล่ะ” ผมหันไปหาเจ้าซอน มันกำลังแล่เนื้อเก้งอย่างบรรจง
“ถ้ามีเชลย ใครเป็นคนไปประหารคะ? ฉันเดาว่าคุณแน่เลย” เธอหันมากระแซะยิ้มตาหยี
“อยากเป็นเชลยรึไง ถามจัง?” ผมดุ ไม่เล่นกับเธอ นับวันยิ่งทะลึ่งทะเล้น ได้แต่คิดในใจ...อย่ามาทะลึ่งกับผู้ใหญ่นะ
เธอมองหน้าข้องใจ แล้วขยับหนีไปหาซอน...
“ซอนหายคันบ้างหรือยังคะ? เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จ ฉันทายาให้นะ”
“ดีเลย คันฉิบหาย” ว่าแล้วมันก็ลูบแขน
จูยอนลุกเตรียมหาอาหาร.....
“กินข้าวกันก่อนค่ะ เดี๋ยวจะได้จัดการเรื่องส่วนตัวกัน”
หลังอาหาร...พวกเราแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัว เจ้าซอนอาบน้ำเสร็จก็หิ้วถุงยามาให้ จูยอนค่อย ๆ แต้มยาทาให้กับมัน
“ซอนคะ! กลับไปต้องหาหมออันดับแรกเลยนะคะ ฉันว่ามันเริ่มเห่อมากกว่าเก่า ตุ่มแดงขึ้นเยอะมาก แสบด้วยหรือเปล่าคะ?” จูยอนสีหน้ากังวล มันพยักหน้าหงึก
“คันมาก จู่ ๆ มันก็ขึ้นไม่รู้ว่าเป็นอะไร? สงสัยจะเป็นอีสุกอีใส”
เจ้าซอนนั่งหาวปากกว้าง
“ใครง่วงก็ไปนอนก่อน กางเต็นท์ไว้ให้แล้ว ผมจะย่างเนื้อต่อให้เอง” ผมย่างเนื้อไปมากกว่าครึ่งแล้ว
“งั้นผมนอนก่อนนะ ถ้าไม่หลับก็คัน หลับดีกว่า”เจ้าซอนลุกเก็บปืนเดินเข้าเต็นท์
“ดีเลยค่ะ! ไปนอนเลย ฉันจัดการที่เหลือให้เอง” จูยอนสะบัดมือเดินยิ้มเข้ามา
ผมเงยหน้ายิ้มรับ ชิงถามก่อน...
“คุณไม่นอนหรือไง เดินป่าล้ามาทั้งวัน?” มือก็พลิกเนื้อเก้งเสียบไม้หอมกรุ่น
เธอเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วบีบไหล่ของผม...
“เฮ้ย!..จะทำอะไรอีก? เอามือออกไป” ผมเบี่ยงตัวหลบ หันไปดุด้วยสายตา ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ผมเป็นผู้ใหญ่แล้วจะมาจับตามใจตัวเองไม่ได้
“โกรธอะไรอีก คุณทำตัวสบาย ๆ สิคะ คุณเกร็งฉันก็กลัว ไม่สนุกเลย” เธอกระซิบข้างหู ผมขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนมีความรู้สึกเหมือนคนทั่วไป กลิ่นกายหญิงสาวหอมเข้าจมูกเย้ายวน ต้องรีบตัดไฟเสียแต่ต้นลมจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ //ผมมีเอื้องอยู่แล้วและผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว//
“ผมต้องการเพียงแค่ให้คุณได้อยู่สบายและปลอดภัยที่สุด ตราบที่ผมยังเป็นผู้ดูแล ไม่ได้คิดอะไรเลยเถิด อีกอย่าง...ผมมีคนรักอยู่แล้วและเราก็รักกันมากด้วย..บอกเลย!” ผมไม่สนความรู้สึกของเธอ ปรามไว้จะได้ไม่ต้องใกล้ชิดกันมาก
“ขอโทษค่ะ” เสียงเธอกระซิบข้างหูอีกแล้ว...ทะลึ่งใหญ่แล้ว
“มานั่งนี่สิ!” ผมตบลงข้างซ้ายเป็นทีบอกให้เธอมานั่งดี ๆ
“มีอะไรคะ?”
ผมหันมองใบหน้าที่นวลขาวอมชมพู ไร้เครื่องสำอางที่กำลังยิ้มตาหยีเป็นพระจันทร์เสี้ยว ก่อนจะพูดทำลายความเงียบออกไป...
“ตั้งใจฟังให้ดี ๆ นะ อย่าล้อเล่นอย่างนี้ ผมไม่ชอบ ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว” ผมต้องปรามและแบ่งเขตให้ชัดเจน มือก็ปิ้งเนื้อเก้งพยายามจดจ่อกับเปลวไฟ
จูยอนสะอึก หยิบที่เหลือมาช่วยย่างไฟ…
“ทำไมคะ เป็นผู้ใหญ่แล้วทำไม เขาห้ามเล่นเหรอ?” เธอพลิกไม้ย่างหน้าตูม
“ไปเล่นกับไอ้ซอนมันโน่น อย่ายุ่งกับผม” ผมห้วนใส่หวังปรามให้เธอกลัว
“แรงมาก เสียมารยาท! ทำอย่างนี้กับผู้หญิงได้ยังไง เสือกไสไล่ส่งผู้หญิงได้ยังไง?” เธอตอบเสียงดุหน้างอ สายตามองไปที่กองไฟ
“ผมมีแฟนแล้วมันไม่ดี คนที่เสียหายจะเป็นตัวคุณเอง”
“ก็เหตุผลนี้แหละ ฉันรู้ว่าคุณรักแฟนมาก คุณไม่กล้ายุ่มย่ามกับฉันหรอก ปลอดภัยดี” คราวนี้เธอหันมายิ้มตาหยีเหมือนเดิม จะมาไม้ไหนอีก ยายเกาหลีเหนือ?
“เจ็ทโด้!ปลอดภัยยังไง? ผมเป็นผู้ชาย คุณก็รู้นี่! พวกผมไปรับคุณมาจากไหน?” ผมขู่กลาย ๆ เธอรู้อยู่แก่ใจว่า ผมไปเที่ยวซ่องและรับตัวเธอมาจากที่นั่นด้วย
“รู้จักจัดการตัวเองก็ถูกแล้ว และก็...ไม่ต้องมาขู่!” เธออมยิ้มพลิกมือย่างเนื้อสลับไปมา
“แล้วคุณไปอยู่ในซ่องได้ยังไง? หนีมาแล้วโดนจับไปขายเหรอ?” ผมสงสัยมานานแล้ว
เธอหันขวับ...
“ย่าห์! คุณคิดว่าฉันขายตัวที่นั่นเหรอ? เสียหายมาก” จูยอนหน้าตึง ขึงขัง
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่สถานที่มันฟ้อง” ผมรีบปฏิเสธพัลวัน ก็จะให้คิดยังไงได้ล่ะ?
“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย กลับมาคุยเรื่องเดิมขอเล่นด้วยนะ ฉันอยากสร้างความทรงจำใหม่กับคุณ” เธออ้อนเสียงสอง สงสัยยายนี่จะเข้าทฤษฏีข้อ 2 กลัวไม่มีคนแทง ลองดูต่อไปก่อน...
“จะเล่นอะไร? ผมไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ผมไม่คิดจะหักหลังแฟน แล้วก็ไม่คิดหาเศษหาเลยกับคุณ” ผมยังคงคิดกับเธอเหมือนน้องสาว คิดในใจว่า...ช่างมันไปก่อน เดี๋ยวหายบ้าเธอก็หยุดไปเอง หรือผมคิดมากไปเองกันนะ
“ฉันแค่เล่นกับคุณเพื่อฆ่าเวลา อยากสนิทด้วย อยากเป็นเพื่อนกับคุณ แล้วที่บอกว่าไม่หักหลังแฟน แล้วคุณเที่ยวผู้หญิงทำไมคะ?” เธอฉอเลาะยอกย้อน เล่นเอาผมจุกกับคำถามเหมือนกัน
“ถ้าผมจ่ายเงิน ผมจะไม่คิดมากเลยหรือคุณขาย ถ้าใช่! ผมจะได้จัดการซะเลย” ผมได้ทีขู่ให้เข็ดหลาบไปเลย จะได้ไม่ต้องมายุ่งมากนัก
“เพี๊ยะ!” โดนตบใบหน้าสั่นไปเลย โอยมึน! มือหนักฉิบหาย
“อย่ามาดูถูกฉันนะ! ขอเล่นด้วยแค่นี้ กล่าวหาเสียหายเลย ฉันไม่เคยขายตัวและไม่เคยคิด ไม่เคยนอนกับผู้ชาย ” เธอโกรธสะบัดหน้างอน
“??????” ผมเกาหัวกับผู้หญิงคนนี้ ทีตัวเองพูดได้ พอเราพูดบ้างโกรธซะงั้น
“ผมขอโทษ ไม่เคยคิดดูถูกเลย แค่อธิบายว่ามันสุ่มเสี่ยง ผมไม่เข้าใจที่คุณขอเล่นด้วย” ผมไม่อยากให้เราต้องมีปัญหา
เธอหันมายิ้มหวานจ้องหน้า...
“จริง ๆ นะ อย่าดูถูกฉันเลยนะคะ ฉันชวนเล่นมันต้องมีความหมายกับฉันแน่นอน ฉันไม่ใช่คนทำอะไรไม่มีแผนการนะคะ”
ผมสะดุดใจกับสายตาแปลก ๆ ของเธอ...
“ฉันชอบคุณนะ ไม่กลัวคุณหรอก” ดวงตาใสสบประสานกัน ลมหายใจของผมติดขัดเหมือนปอดหายไปข้างหนึ่ง
“เรามาเล่นโคอิบิโตะกุ๊กกุด้วยกัน” รอยยิ้มในสายตาเช่นนั้นมันมองคนรักชัด ๆ คิดกับผมอย่างนี้ไม่ได้นะ ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว
“นะ!” เธอจ้องไม่ยอมหลบสายตา จนผมต้องหลบเพราะหวั่นไหวซะเอง ผมคงต้องเพิ่มมาตรการป้องกันตัวซะแล้ว
“ไอ้กุ๊กกูนั่น มันคืออะไร นกเหรอ?”
“เราจะเล่นเป็นแฟนกัน”
“เห่ย!..เจ็ทโด้ที่ผมดูแลคุณเนี่ย ไม่ได้หมายความว่าผมชอบคุณนะ ผมแค่แสดงน้ำใจเพราะผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว” ตอนนี้ผมได้แต่ใช้หางตามอง ซึ่งก็เห็นว่าเธอจ้องผมอยู่ เริ่มคิดเสียใจที่ชวนเธอมาด้วย
“ฉันก็ไม่ได้บอกให้มาชอบฉันนี่คะ เดี๋ยว ๆ...หายใจลึก ๆ นะคะ คุณตีความหมายไปว่าอย่างไร?” เธอหันมาจ้องหน้าขมวดคิ้ว
“ก็คุณบอกชอบ...” ผมอึกอัก สับสนกับความคิดของเธอไปหมดแล้ว
“ใช่! ฉันชอบคนที่เป็นผู้นำ ชอบผู้ชายผมยาว ชอบคนจริงใจ ชอบคนที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ก็คุณเป็นอย่างนั้น ฉันก็แค่ชอบไม่เห็นแปลก ไม่ได้คิดจะแต่งงานด้วยซักหน่อย เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย?” โดนเน้น ๆ หน้าหงายเลย
แต่ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว...
“ไม่! ผมไม่นอกใจ” ไม่ยอมเสียฟอร์ม
“นอกใจเรื่องอะไร? แค่เล่นกัน Roll Play”
“เอ๊ะ! คุณนี่ ยังไงกันแน่?” ผมชักฉุนโวยกลับ
“คุณนั่นแหละเป็นอะไร? แค่เล่น ๆ กัน ฉันมีกติกา” อ้าว...พูดอย่างนี้ยิ่งงงหนัก แต่ก็ทำได้แค่มองด้วยหางตา
“มองให้เต็มตาก็ได้ค่ะ พึ่งเคยเห็นคุณกลัวก็วันนี้แหละ พ่อคาวบอย” เธอดูจะมีความสุขมากที่เห็นผมหัวเสีย
“ไม่รู้ล่ะ! ตั้งแต่พรุ่งนี้ ผมจะให้เจ้าซอนดูแลคุณ ผมจะไม่ยุ่งกับคุณแล้ว” ผมพูดจริงจัง/มองแค่หางตา/
เธอลอยหน้าพูด...
“คุณเคยบอกว่ารักกับแฟนมา 20ปี ยังไม่แต่งงานไม่ใช่เหรอ แล้วทุกวันนี้ก็ยังรักกันอยู่ใช่ป่ะ?” จู่ ๆ มาเท้าความเรื่องเก่าอีกทำไม เรื่องเยอะเหมือนกันนะ
“ใช่ ๆ ผมเคยบอกคุณแล้วนี่ ไม่ติดเรื่องบ้า ๆ นี่ ผมได้กลับไปเจอกันแล้ว ผมคิดถึงมาก” ผมยิ้มออกเมื่อคุยเรื่องนี้
ผมคิดถึงเอื้อง หันไปมองเธอแล้วแอบคิดในใจ...ผมรักใครอีกไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วย ลุกเดินหนีไปที่เรือ
เสียงตะโกนตามหลัง...
“นั่นแหละค่ะ! เหตุผลที่ฉันชอบคุณ พ่อองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง คุณต้องฟังเหตุผลของฉัน ก่อนที่จะตีราคาต่ำเกินไป ฉันรู้ว่า คุณคิดไปไกลแล้ว”
ผมชะงัก เธอนิสัยแปลกมากจนผมสับสน นี่!..เธอคิดอะไรของเธออีกล่ะ?
“It's been a long day without you, my friend
And I'll tell you all about it when I see you again” เธอขยับเดินตามมาที่เรือ ท่าทางมีความสุขฮัมเพลงอย่างสบายใจ จะว่าไป...เธอก็สวยเหมือนกันนะ หุ่นก็ดี ความรู้ก็ดี มารยาทก็ดี
“พนันกับฉันมั้ยคะ? ลองค้นหาในกูเกิ้ล พิมพ์หาผู้ชายที่แอบรักผู้หญิงนานที่สุดในโลก ฉันว่าชื่อคุณต้องเป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลกเลยล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“โอกาสที่จะได้เจอปูชนียบุคคลอย่างคุณ มันง่ายนักเหรอ? อย่างน้อยเรื่องนี้ก็เป็นจุดเด่นของคุณได้เลย คุณเป็นคนที่น่าสนใจมาก ฉันรู้เลยว่าอยู่กับคุณปลอดภัยแน่นอน คุณไม่กล้าทรยศความรักของคุณหรอก และอีกอย่างที่สำคัญ” เธอหยุด...ยิ้มกว้างฟันเรียงสวย ตาหยีจ้องมา
“ฉันก็แค่ชอบแค่นั้นเอง ไม่ได้คิดมากไปกว่านั้น เหมือนกับชอบเครื่องลายครามอะไรแบบนั้น คุณคิดไปถึงไหน?”
“อ้าว!” ยิ่งพูดกูยิ่งผิด ทฤษฎีของผมผิดเหรอ?
“เรามาเล่นเป็นคนรักกัน จนกว่าจะแยกจากกัน”
“ไม่เอา!”
“ช่วยฉันหน่อยสิ ฉันอยากมีใครสักคนให้คิดถึง จะได้ลบภาพของผู้นำสูงสุดออกจากหัวสมองให้หมด ฉันจะหลอกจิตตัวเอง” เธอพูดเสียงจริงจัง ยังยิ้มหน้าบานเหมือนเดิม
ผมใจหายวาบและเข้าใจการต่อสู้กับตัวเองเพื่ออยู่รอด เอาเหตุการณ์ใหม่มากลบเรื่องที่อยากลืม เธอต้องสลัดความแค้นที่ตามหลอกหลอน เป็นวิธีเอาตัวรอดของคนสิ้นหวัง...
“อย่าคิดสั้น! ผมก็เคยคิดคล้ายกับที่คุณคิด ความรักเมื่อคุณได้สัมผัสเพียงครั้งเดียว มันจะตราตรึงอยู่กับคุณไปจนวันตาย ไปหาคนที่คู่ควรดีกว่า ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะ เล่นแบบนี้ไม่ได้ ผมมองคุณเป็นน้องสาวมาตลอด”
ผมไม่มีความคิดเรื่องชู้สาวตั้งแต่แรก โดนเต๊าะไปเรื่อยมันก็ทำตัวไม่ถูก ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามเกินกว่าจะมาล้อเล่นกัน หรือผมคิดมากไปเอง
“ก็ใช่ไง! คุณก็คิดแบบนั้นไป มองฉันเป็นน้องสาวและดูแลให้ดีด้วย ส่วนฉันก็คิดแบบฉันไป ฉันจะคิดยังไงก็เรื่องของฉัน ลงตัว...ดิว!” เธอเอาไม้ย่างเนื้อมาตีกับไม้ของผม ถึงอย่างไรผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี? ผมอึดอัด ในใจของผมปฏิเสธรัวรัว
เธอยิ้มมอง…
“ตั้งใจฟังดี ๆ นะคะ คุณสบายใจได้ ฉันไม่เสียใจหรอก ถึงจะมีเวลาสั้นก็ถือว่า เป็นประสบการณ์ที่ควรจดจำกับปูชนียบุคคลคนนี้ เมื่อฉันจากไปแล้วจะเอาความคิดถึง ความทรงจำที่มีต่อคุณ เป็นแรงผลักในการใช้ชีวิตที่กรุงโซลค่ะ เราคงไม่ได้เจอกันอีกหลังจากที่ฉัน...จากไปแล้ว”
เธอพูดเรียบ ๆ สายตามองแน่วแน่ ดูท่าทางเธอเอาจริง...นี่ผมโดนจีบอยู่เหรอ? จากความโกรธ ตอนนี้เป็นเรื่องน่าขำไปซะแล้ว
“เจ็ทโด้ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ ความรักที่สวยงามมันต้องลงตัว เป็นความต้องใจกันทั้งสองฝ่าย อย่าหาเรื่องทรมานตัวเองสิ”ถ้าเรื่องนี้ถึงหูเจ้าแทน ผมจบเห่แน่ อธิบายอย่างไงก็ไม่มีทางเข้าใจได้หรอก
“ตอนนี้...ชีวิตของฉันไม่มีใครเลยสักคนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ โดดเดี่ยวอยู่คนเดียว ไม่มีคนให้คิดถึงและไปเยี่ยม ถ้าไม่ทำอย่างนี้กับคุณ หัวใจมันจะไม่มีอะไรผูกพัน เดี๋ยวก็ลืมกันไป”
“อย่างน้อยฉันยังได้คิดถึงใครสักคนในจินตนาการ มันอาจจะดูเหมือนคนเพ้อเจ้อ แต่ฉันต้องหาอะไรมายึดเหนี่ยว เพื่อที่ตัวฉันจะไม่รู้สึกเดียวดายในโลกกว้าง อย่ามองฉันในแง่ร้ายนะคะ”
หัวใจของผมแผ่วลงไป รู้สึกสงสาร ผมเดินผ่านความเดียวดายนั้นมาก่อน ทำไมผมจะไม่เข้าใจความรู้สึกนั้น ในหัวใจมันกลวงโหวงเหวงไปหมด ไม่มีคนนับญาติ ไม่มีเพื่อนที่รู้ใจ ไม่มีใครจริงใจด้วย
ผมเข้าใจหัวอกของคนที่ต้องเผชิญโลกคนเดียว มันเหงาและว้าเหว่มาก แต่ผมจะคิดตามเธอทุกเรื่องคงไม่ได้ เหตุผลดีแค่ไหนผมก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผมไม่ได้กลัวเธอรักผม ในมุมกลับกัน ถ้าผมเผลอใจไปรักเธอจะลำบาก...ผมนี่แหละลำบาก!
“ไม่!” ถึงจะทำลายความตั้งใจ เธออาจจะต้องเสียใจก็ต้องทำ
“เฮ้อ!...รู้สึกไร้ค่าอย่างไรก็ไม่รู้ ร้อยเอก ชเว จูยอน แห่งกองทัพประชาชน ถูกคัดทิ้งอีกแล้ว” เธอก้มหน้าบ่นพึมพำ
ผมใจเสีย ไม่ได้คิดดูถูก ผมแค่ปฏิเสธที่จะเล่นด้วย ต้องป้องกันทั้งสองฝ่ายเอาไว้ก่อน
“ไม่ตกลงครับ...ผู้กอง!” ผมเงยหน้ายกมือวันทยหัตถ์แล้วยิ้มกว้าง
“คุณยังเป็นองครักษ์ได้ตั้ง 20 ปี ไม่ทรมานเลยหรือ?”
“อะไรของคุณ ไอ้องครักษ์น่ะ?” ผมสงสัยมานานแล้วไม่มีโอกาสได้ถาม พอสบช่องก็ถามสักหน่อย
“องครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง เฝ้าระวังอันตราย เฝ้ารัก เฝ้าหวง คอยปกป้องและเอาใจ แต่สุดท้ายดอกฟ้าก็ไม่โน้มลงมา และไปเป็นชายาของเจ้าชาย ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะซื่อ ๆ ของเธอช่างธรรมดา แต่มันกลับกวนใจของผมให้ขุ่นขึ้น เผลอคิดถึงเรื่องเก่าที่ลืมมันไปแล้วให้กลับมาอีกครั้ง มันเป็นความปวดร้าว ขมขื่นที่พยายามลืมมันไปจากใจ
ใช่เลย!...จูยอนพูดไม่ผิดหรอก ผมเป็นไอ้องครักษ์นั้นจริง ๆ เป็นเหมือนมดแดงที่แฝงพวงมะม่วงงอมตลอดมา
“เฮ้อ!” ผมลุกเดินหนีไปที่เรือ
นึกย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ยังเป็นทหารรับจ้างที่ฝรั่งเศส วันหนึ่งในฤดูหนาว เอื้องส่งข่าวมาว่าจะแต่งงาน มันเป็นข่าวดีของเธอ แต่สำหรับผมมันคือข่าวร้าย ไม่ต่างกับคำสั่งประหารชีวิต
เกียรติยศ ชื่อเสียง ฐานะ ระยะทาง ความห่างไกล คนไม่รักษาสัญญา ผมไม่รู้จะโทษอะไรดี ได้แต่ถามตัวเองว่า มึงผิดอะไร? ผิดมากนักหรือที่เสือกเกิดมาจน ผิดมากนักใช่ไหมที่เกิดมาเป็นเด็กกำพร้า มันสับสนเจ็บปวดใจมาก สภาพจิตใจย่ำแย่ พาสภาพร่างกายทรุดโทรม
ผมกินเหล้าเมาหัวราน้ำจนต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นเดือน ร้องขอกองทัพฯไปสนามรบเขาก็ไม่อนุญาต ชีวิตช่วงนั้นสิ้นหวังและตกต่ำที่สุด การรอคอยด้วยใจรักที่ยาวนานและความหวังเต็มเปี่ยมหัวใจ พังทลายลงชั่วพริบตา การสูญเสียคนที่รักคนเดียวที่มีในชีวิต มันตอกย้ำให้ใจร้าวระบมเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ
สิ่งที่ผมจะทำให้คนรักได้มีอย่างเดียวคือ กัดฟันอวยพรให้เอื้องมีความสุข และพยายามลืมเธอไปจากความทรงจำ ผมมีชีวิตจมปลักอยู่กับความมืดมน ไร้ชีวิตชีวา ไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร? พยายามทำใจให้สบาย ไม่คิดถึง ไม่อยากจดจำ แต่หัวใจเจ้ากรรมก็แวบคิดขึ้นมาบ่อย ๆ มีแต่ความเจ็บปวดและบอบช้ำ มีแต่เจ้าซอนคนเดียวที่นั่งเป็นทุกข์กับสภาพของผม
หลังจากนั้นอีกประมาณ 3 ปีผมได้ข่าวว่าเธอเลิกกัน ฝ่ายชายมีผู้หญิงคนใหม่ ผมโกรธผู้ชายคนนั้นมาก อยากกลับไปฆ่าให้ตายคามือ รีบลาออกจากทหารรับจ้างกลับมาหาเอื้องตามสัญญา ตอนที่ผมอายุครบ 30 ปีพอดี
ทุกวันนี้ ถึงผมจะรู้อยู่แก่ใจว่า เอื้องยังคงรักและรอเขาอยู่ แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ผมรักเอื้องมากให้อภัยได้ทุกอย่าง พร้อมจะมองข้ามข้อผิดพลาดเล็กน้อยนั้น...และลืมมันไป
ผมหันกลับไปมองใบหน้าของจูยอนแล้วก็สงสาร การใช้ชีวิตคนเดียวมันว้าเหว่ แต่อย่าต้องมาใช้ชีวิตปวดร้าวแบบที่ผมเคยเป็นเลย ไม่มีอะไรสนุกเลย มันขมขื่นมาก
ผมถอนตัวจากความรู้สึกดึ่ง หายใจแรงก่อนตะโกนกลับไป...
“สร้างความรักที่สวยงามดีกว่า เชื่อผมเถอะ!” ผมดึงสติกลับมา ไม่ยอมใจอ่อนกับเธอง่าย ๆ มันไม่ใช่ของเล่น
“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงความรู้สึก ฉันจะเสียใจได้อย่างไร ในเมื่อฉันรู้จุดจบของมันล่วงหน้าแล้ว คุณอาจจะไม่เชื่อตั้งแต่เล็กจนโต ฉันไม่เคยชอบใครเลย คุณเป็นคนที่ฉันชอบตั้งแต่แรกเห็น และชอบมากที่รู้ว่าคุณเป็นองครักษ์ ฉันสัญญาว่า เมื่อจากไปแล้วจะไม่กลับมายุ่งกับคุณอีกไม่ทำตัวเป็นปัญหากับคุณแน่นอน” เธอยิ้มอ่อน ๆ พูดตามที่ใจตัวเองต้องการ คงอยากเล่นเกมอันตราย
แต่ผมไม่เข้าใจว่า จริง ๆ แล้ว เธอต้องการอะไรกันแน่...
“คุณอยากนอนกับผมเหรอ?”ผมเดินกลับไปหา อาจจะเป็นคำถามที่ดูน่าทุเรศ แต่มันก็เข้าเป้าที่สุด และก็ได้ผล
“ผลัวะ!!” แม่งเข้าเป้าจริง ๆ โดนหมัดเต็มกราม ผมเอียงไม่เป็นท่า “แกล้งเล่นเป็นคนรักกันเฉย ๆ เล่น ๆ กัน เข้าใจไหม เล่น ๆ ฉันไม่ได้ร่านขนาดนั้นนะคะ ไม่เล่นด้วยก็ได้!...” จูยอนสะบัดหน้าจะเดินหนี
ผมใจหายวาบ เธอคงไม่มีใครให้คิดถึงจริง ๆ
“เฮ้อ..นี่มันตรรกะวิบัติชัด ๆ รอก่อนอย่าพึ่งไป” ผมผ่านความเจ็บปวดแบบนั้นมาแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายทั้งหมด
ในความเจ็บนั้นมีความรักแอบซ่อนอยู่ลึก ๆ ภายใน มันเป็นเครื่องชี้วัดว่า ผมรักเอื้องมากจริง ๆ เวลามองพระอาทิตย์ตกดินมันเศร้าได้ร้าวรานใจมาก แต่ก็สุขใจอยู่ลึก ๆ บางครั้งน้ำตามันไหล แต่มันไม่ใช่ความเศร้าอย่างเดียว
ผมสูดลมหายใจลึก คิดในใจ...คงไม่เป็นอะไรหรอกน่า แค่ช่วงสั้น ๆ จนกว่าจะเจอเจ้าแทน ถือว่าช่วยคนอีกคนจะเป็นไรไป
“ตกลง! เล่นก็เล่น ผมต้องทำยังไงบ้าง?” ผมมอบตัว
จูยอนหันกลับมา...
“คุณตั้งกติกาก็ได้ ฉันจะเล่นในเกมเอง”เธอยิ้มกว้างแล้วยื่นข้อเสนอ
“ห้ามถูกตัว คุณจะทำอะไรก็ทำไป ถ้างอน…ผมไม่ง้อนะ โอเคมั้ย?” ผมตั้งกติกาไปมั่ว ๆ จนปัญญาที่จะปฏิเสธ
“วู้ว! ฉันมีแฟนแล้ว ดีใจจัง!” เธอยิ้มหน้าบานวิ่งอ้อมมากอดคอข้างหลัง
“เจ็ทโด้!...พึ่งบอกว่าอย่าถูกตัว” ผมรีบลุกขึ้นยืนพรวด
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เธอหัวเราะลั่นทรุดไปกับพื้นยกสองมือยื่นขึ้นมา
“โอปป้า! ขอหอมที” เธอยิ้มหน้าบานชูมือหรา
“เจ็ทโด้!..No ไปนอนเลย”
ปัญหาชีวิตไม่เคยก้าวข้ามใครคนใดคนหนึ่ง ในทุกชีวิตจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่อย่างน้อยหนึ่งครั้งกันทุกคน และก็จมอยู่ภายใต้วังวนของการแก้ปัญหานั้น บางคนแก้ได้ บางคนยอมแพ้ บางคนเลือกที่จะตาย
มีใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า ปัญหาถ้าแก้ได้ ก็ลืมมันไปซะ ไม่ต้องไปคิดถึงมัน เพราะมันแก้ได้ และถ้าปัญหาแก้ไม่ได้ ก็ลืมมันไปซะ ไม่ต้องไปคิดถึงมัน เพราะมันแก้ไม่ได้
...............................................…………………………..
หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |