หมวดหมู่ | The last man stand วิบัติ 2026 เล่มที่ 2 |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 1 ก.พ. 2567 |
ป่าโบราณ ฉวีจิ่ง มณฑลยูนนาน
มุมมอง ตุ๋ย เจ็ทโด้
พฤศจิกายน ค.ศ.2020
สายลมเย็นพัดมาอ่อน ๆ ดวงจันทร์พึ่งจะขึ้นหลังเทือกเขาไกลส่องแสงผ่านเงาเมฆ เสียงแมลงกลางคืนเริ่มร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ ความเงียบสงัดของป่าไม่เคยมีจริง หิ่งห้อยระยิบระยับเต็มต้นไม้ ริมน้ำสัตว์กลางหลายชนิดเริ่มออกหากิน เจ้าซอนหนีเข้านอนไปแล้ว พวกเราเหนื่อยสายตัวแทบขาดหลังกลับจากเดินป่าค้นหาร่องรอยของทั้งสามคนก็ไม่มีให้เห็นจูยอนสะบักสะบอมกับการเดินป่าดงดิบขนานแท้ถึงกับหลับยาวมุดเข้าเต็นท์นอนตั้งแต่เย็น
ผมลุกมานั่งกินข้าวคนเดียวในตอนดึก จิตใจเริ่มไม่มั่นคงหลังจากผ่านมาแรมเดือนที่ออกตามหา ความมั่นใจของผมลดลงมาเรื่อย ๆ เจ้าแทนของผมจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ? กำลังคิดเพลิน ๆ ก็ต้องสะดุ้ง…
“นั่นตัวอะไรคะ!” จูยอนโผล่หน้ามาแล้วชี้ไปทางทิศเหนือ ผมหันมองตามมือของเธอ จ่าฝูงตัวใหญ่เดินลงไปกินน้ำ ส่วนหัวของมันจะสีดำกลมกลืนกับความมืด แต่สีขาวที่ลำตัวนั้นเป็นเอกลักษณ์ของสัตว์ชนิดนี้ หลังกินน้ำเสร็จพวกลูก ๆ ตัวลายก็เดินขบวนบิดตูดตามกันเข้าป่าไป
“ตัวผสมเสร็จ” ผมนึกว่ามันสูญพันธ์ไปจากโลกนี้แล้วซะอีก
“สัตว์กลางคืนเริ่มออกหากินแล้ว รีบไปเข้าเต็นท์ไป ตื่นมาทำไมกลางคืน?” ผมบอกแล้วเดินไปที่เรือที่ลอยลำริมหาด
“คล่อก ! Zzzz!” เสียงซอนนอนกรนดังเหมือนกับหมีใหญ่คำราม
ผมเดินไปไม่ทันถึงเรือได้ยินเสียงเหมือนใครเอาไม้ยาวฟาดลงน้ำ
“เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!” เสียงดังต่อเนื่องพร้อมพื้นน้ำแตกกระจาย
“หือ!” ขาหยุดก้าวอัตโนมัติ สายตามองสำรวจลงไปที่ท้องน้ำก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นไปหาจูยอน
“ไฟฉายอยู่ไหน?” ผมก้มมองหา เธอช่วยค้นหาในกล่องเครื่องมือ
“นี่ค่ะ!” เธอหยิบส่งมาให้พร้อมกับเปิดไฟสว่าง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ตัวอะไร?” จูยอนกระซิบถาม สายตามองลงไปที่เรือ ผมก็หวั่นใจกับสัตว์ประหลาดในป่านี้มากขึ้นทุกวัน เจอแต่ตัวแปลก ๆ สมควรแล้วที่ไม่มีใครกล้าเข้ามา พลาดนิดเดียวอาจจะตายได้
“ตัวอะไรก็ไม่รู้ ในน้ำนั่น?” ผมส่องไฟสปอร์ตไลท์สว่างจ้าลงไปในน้ำด้านท้ายเรือ
“นั่นไง! ขึ้นน้ำแล้ว ตัวอะไรคะ?” เธอชี้ไปที่ท้ายเรือ ผมยืนพิจารณารูปร่างที่แปลกประหลาดนั้นอยู่นาน เห็นเพียงกระโดงครีบสามเหลี่ยมบนหลังขนาดใหญ่ที่พ้นน้ำ ไม่มีเกร็ดเหมือนโลมา ครีบหลังอย่างนี้ถ้าเป็นปลาน้ำจืดก็มีอยู่ 2-3 ชนิด โลมาน้ำจืดที่มีตามแม่น้ำสายใหญ่ทั่วโลกหรือจะเป็นปลาบึกแม่น้ำโขงก็เป็นไปได้ แต่อีกชนิดมีเฉพาะที่ประเทศจีน...มันสูญพันธ์ไปแล้วนี่นา
“ตัวใหญ่จังเลยนะคะ” เราสองคนยืนมองด้วยความตื่นเต้นไปกับกระโดงปลาใต้น้ำ จนกระทั่งมีตัวหนึ่งกระโจนขึ้นหมุนตัวบนผิวน้ำ…
“ตูม!!!” เผยให้เห็นปลารูปร่างยาว ลำตัวเกือบ 3เมตร ปากบนแบนเหมือนปากเป็ดยาวประมาณครึ่งหนึ่งของลำตัว ปากล่างสั้นอ้ากว้างติดลำคอ ลำตัวเหมือนฉลามหลังสีเทาใต้ท้องสะท้อนแสงไฟขาวผ่อง ท่อนท้ายกลมแข็งแรง หางสองแฉกปลายแหลมทรงพลังในการว่ายน้ำ
“ตูม…มม!!..ซ่า!” น้ำกระเซ็นมาทางจูยอนที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“วู้ว...วว!!” เธอส่งเสียงสะใจ กระโดดถอยหลังหนีคลื่นน้ำ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หัวเราะร่วน สะดุดขาตัวเองเซจะล้มมาทางกองไฟ
“ระวัง!” ผมพุ่งตัวเข้าไปรับก่อนที่เธอจะถึงพื้น ล้มไปพร้อมกันบนพื้นทรายนุ่ม
เธอพลิกตัวมาจ้องตานิ่ง สายตาเป็นประกาย ปากบางชมพูยิ้มน้อย ๆ ผมใจเต้นตุ๋ม ๆ ต่อม ๆ กลับไปเป็นหนุ่มน้อยไร้ประสบการณ์ซะงั้น //ผมนอนนิ่งแกล้งตาย//
“จังหวะนี้ต้องจูบแล้วใช่มั้ยคะ?” ปากเกือบจะชนกันอยู่แล้ว เธอยิ้มเอียงอายตาหยี ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ คงจะไม่เคย แต่กลับน่ารักมาก ในสายตาของผม
ผมคิดในใจ...อย่าเลยจูยอนถ้าคุณรัก คุณจะทรมานไปทั้งชีวิต จะมาหาว่า ผมใจดำไม่ได้นะ ผมรักคุณไม่ได้หรอก
“เฮ่อ!!” ผมยังเว้นระยะห่างเหมือนเดิม ต้องคอยดุเธอบ่อย ๆ เล่นกันไปเล่นกันมาก็ปาไปเป็นเดือนแล้ว จิตใจของผมยังจดจ่อกับการค้นหา
“จุ๊บ!” เธอหอมแก้ม
ผมใจหายวาบ...
“คุณผิดกติกา! ลงไปเลย เกมโอเวอร์แล้ว” ผมโวยพร้อมจับไหล่ของ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เธอพลิกลงไปนอนหัวเราะข้าง ๆ
“เฮ้อ!!” ผมลุกนั่งถอนหายใจยาว ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ทำตัวไม่ถูก แกล้งมองฝูงปลาใหญ่เล่นน้ำแก้เก้อ เธอลุกมานั่งข้าง ๆ
ผมรีบชี้ลงไปในน้ำ เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างด่วน...
“ผมพึ่งดูสารคดีเมื่อไม่นานมานี้เอง ไอ้นี่มันคือราชาปลาน้ำจืด ปลาฉลามปากเป็ดหรือปลากระโทงดาบจีนแห่งลุ่มน้ำแยงซี ปัจจุบันขึ้นทะเบียนสูญพันธ์ไปแล้ว พวกมันหนีมาอยู่กันที่นี่เองตัวใหญ่จังเลย ผมว่ายาวมากกว่า 3 เมตร” ผมแกล้งอธิบายยาว เพื่อเลี่ยงที่ต้องไปนัวเนียกันอีก
“นั่นอะไรอีกคะ! ขึ้นด้านนี้” เธอฉายไฟลงน้ำไปทาง11นาฬิกา ฟองอากาศขึ้นจากใต้น้ำ /อะไรนักหนากับป่าแห่งนี้นะ/
“บุ๋งบุ๋ง!!” สันหลังสะท้อนแสง เป็นเหมือนเกล็ดสีดำขนาดใหญ่แบ่งเป็นสี่ช่องมีหนามแหลมยาวตลอด มันกำลังเคลื่อนตัวมาที่ชายฝั่ง
“เฮ้ย ถอยก่อนเถอะ!” ผมดึงมือของเธอขยับลุกขึ้นถอยหลังกรูด ไอ้นี่ท่าทางน่ากลัว ลอยน้ำมาเหมือนจระเข้
ที่ตรงนี้เป็นชายหาดแคบ ๆ ไม่กว้างเท่าไหร่ พวกมันจะขึ้นมาทำอะไร? วางไข่เหรอหรือมากินพวกเรา? ผมถอยจนถึงเต็นท์ ไอ้ตัวนี้ไม่ใช่ปลาแน่ ๆ และมันใหญ่จนน่ากลัว ผมสองจิตสองใจมองเต็นท์เจ้าซอน จะปลุกมันดีมั้ย? ไฟทั้งสองดวงของเรา ยังสาดส่องไปที่หลังดำทะมึนนั้น ฟองอากาศลอยขึ้นข้างลำตัว เคลื่อนที่ช้า ๆ จนถึงชายฝั่งแล้วหยุดอยู่กับที่
“บุ๋ง!บุ๋ง!!” ด้านหน้ามีฟองอากาศผุดต่อเนื่อง ผมยังมองไม่เห็นหน้าตาของมัน
“ซ่า!..”
ทันใดนั้นเอง... หัวกลมมนเท่าลูกบาสเกตบอลปากงุ้มแหลมเหมือนนกแก้วมีหนามเล็กเต็มหัวค่อย ๆ ยกขึ้นเหนือน้ำ หัวสีดำลายเหลืองทองแซมแดง ลูกตาขนาดเท่าลูกเทนนิสสะท้อนแสงไฟฉายเป็นสีแดงก่ำแสดงว่าเป็นสัตว์กินเนื้อ มันกำลังขึ้นมาบนชายหาดแล้ว
“เจ็ทโด้เต่าอัลลิเกเตอร์นี่หว่า เต่าน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดูสิปากเหมือนนกแก้วเลย” ผมโล่งอกชี้ชวนให้เธอดู
“ปิดไฟดีกว่า ดูสิมันมาทำอะไร?” ผมนั่งหลับตานิ่งแล้วค่อย ๆ ลืมตาเพื่อให้ชินกับความมืด ดวงจันทร์ส่องแสงสว่างมากขึ้น บวกกับไฟจากกองไฟทำอาหารจึงพอมองเห็น มันขึ้นจากน้ำมาได้ประมาณ3เมตร แล้วเริ่มเอาขาหลังตะกุยทรายขุดเป็นหลุม พักใหญ่หลุมก็ลึกและกว้างขึ้น
“ไปดูใกล้ ๆ กัน อย่าไปจับตัวของมันล่ะ” ผมลุกเดินย่องเข้าด้านหลังส่องไฟฉายดูที่ใต้ท้องของมัน ตูดห้อยลงมาเหมือนงวงช้างแล้วหย่อนไข่กลมสีขาวลงในหลุมทราย ทีละใบ
“ปลาฉลามปากเป็ดของคุณไปแล้วนะ” จูยอนส่องไฟไปข้างหลังแล้วหัวเราะคิกคัก ท้ายเรือเงียบสนิทพื้นน้ำเข้าสู่สภาวะปรกติ แต่ยังแฝงไปด้วยความน่ากลัวดำทะมึน
เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องเซ็งแซ่ เมฆดำทะมึนเริ่มบดบังแสงจันทร์บรรยากาศเหมือนหนังผีเลย ถ้ามีเสียงหมาหอนนี่...ใช่เลย
ผมนั่งดูเต่าออกไข่อยู่นาน คิดแล้วคิดอีกจะหาเจ้าแทนเจอได้อย่างไร? จูยอนนั่งข้างเอาหัวพิงไหล่ของผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ ผมสะกิดแขนเธอเบา ๆ
“ไปนอนในเต็นท์ไป!” ผมลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือไปดึงเธอ
“นาตาลีจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้? คุณยังไม่ถอดใจใช่ไหมคะ?” เธอเดินกลับไปที่นอน ผมเดินตามมาส่ง…
“ถ้าไม่ได้ตัวเป็น ๆ กลับไป ก็จะเอาศพกลับ ผมจะหาจนกว่าจะเจอ ผมทิ้งมันไว้ที่นี่ไม่ได้ วิญญาณคงเหงาน่าดู ใครจะมาทำบุญให้มัน มันจะกินอะไร คิดไม่ออกจริง ๆ” ผมตอบโดยไม่ต้องคิดตรึกตรอง ถือคติว่า มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเหมือนลุงฉุนนายกของผม
“แทน มีความหมายกับคุณมากเลยนะคะ” เธอยิ้มหวานกระโดดเข้ามากอดแขน ดึงแขนให้นั่งลงหน้าเต็นท์ของเธอ
“คล่อก! Zzzz!” เสียงเจ้าซอนกรนขนาดนี้ ไม่รู้เราจะได้นอนกันหรือเปล่า? จับแม่ง! โยนน้ำเลยดีมั้ย?
“มี 2 เรื่องที่ผมต้องรับผิดชอบเจ้าแทน ข้อแรก! มันเป็นหลานชายคนเดียวของเอื้อง ข้อสอง! มันเป็นลูกน้องของผม ไม่ว่าจะข้อไหนก็สำคัญเท่ากัน” ผมนั่งลงข้าง ๆ
เวลาที่ผ่านมา...ผมสังเกตได้ว่า เธอก็เพียงขอคลุกคลีใกล้ ๆ ทำโน่นนี่ให้เท่านั้นเอง ความรักของเธอใสมาก ไม่มีเรื่องเซ็กมาเกี่ยวข้อง อย่างเก่งก็แอบขโมยหอมแก้ม
“ฉันคิดว่า พวกเขาต้องผ่านความลำบากครั้งนี้ได้ ฉันว่า แทนเป็นคนฉลาด เขาต้องรอด” เสียงเธอมั่นใจ แต่สีหน้ากังวล
“.........” ผมส่ายหน้าไม่รู้ชะตากรรมของมันเลย นักประท้วงเพื่อความเท่าเทียมของผมจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้? หรือว่าตายไปตั้งแต่รถตกเขาแล้ว ไม่รู้เลยว่าจะหาที่ไหนอย่างไร? อาหนานก็หนีกลับไปแล้ว ได้แต่เสี่ยงหาไปเรื่อย
“คุณก็เห็นสภาพป่าแล้วนี่ว่า มันโหดขนาดไหน? ถึงจะรอดจากตกเหว ก็อยู่รอดในป่านี้ได้ยากมาก”
“ค่ะ!” เธอได้เห็นพิษสงของป่านี้มาแล้ว ภูเขาแต่ละลูกสูงชัน ยากที่จะคาดเดาว่าต้องไปหาที่ไหน
“แทน! เป็นคนนิสัยอย่างไรคะ? ฉันเดาว่า เขาต้องใจดี เพราะเวลาที่เขามอง สายตาของเขาจริงใจมาก เขายิ้มใจดีและพูดจาสุภาพด้วย”
“เจ้าแทนใจดี ใจดีจนน่ารำคาญ มันทำหลายอย่างเพื่อคนอื่น แต่ตัวเองต้องลำบาก มันไปประท้วงช่วยชาวบ้านโดนทางการไล่จับ สุดท้ายมันต้องรับกรรมคนเดียว โดนพ่อไล่ออกจากบ้าน โดนไล่ล่าต้องหนีมาอยู่กับผม จุดนี้ที่ผมยังไม่เข้าใจว่ามันทำเพื่ออะไร? เรียกร้องความเท่าเทียมของความเป็นมนุษย์เพื่ออะไร? คนเราไม่เท่ากันตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว แต่มันบอกว่า ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ทุกคนเท่ากัน ผมไม่เข้าใจ” ผมโดนกดขี่และถูกเหยียดทางสายตามาตลอดตั้งแต่อยู่วัด ศักดิ์ศรีของผมอยู่ที่ใคร ๆ ก็เรียกใช้ได้ วัน ๆ ได้แต่โดนใช้ให้ไปทำโน่นนี่ตลอด มันเท่ากับลูกเศรษฐีตรงไหน? ลูกนักการเมืองศักดิ์ศรีเหนือกว่าลูกตาสีตาสาอยู่แล้ว
“ฉันเข้าใจแทนนะคะและก็เข้าใจคุณด้วย ฉันเข้าใจทั้งสองฝ่าย แทนเล่นเกมอันตราย ถ้าถึงขั้นโดนไล่ล่าหมายความว่า พวกเขาต้องการกำจัดทิ้ง ฝั่งนั้นหมายหัวไว้แล้ว” เธอบอกสีหน้าเรียบ
“นั่นนะสิ! บ้านเมืองมีกฎระเบียบจะไปเรียกร้องอะไร? พวกเราเหมือนเช่าแผ่นดินของเขาอยู่ ไม่พอใจก็ย้ายออกไปสิ ผมถูกปลูกฝังมาแบบนี้ การศึกษาสอนให้ผมท่องจำ ผมก็ทำตามถึงได้เป็นคนดี ส่วนเจ้าแทนมันหัวแข็ง มันเรียกร้อง ไม่อยู่ในกรอบไปประท้วง เลยเป็นคนไม่ดี” ผมบอกตามความเชื่อที่ผู้ใหญ่สอนมา
เธอยิ้มอ่อนแล้วหันมา…
“ถ้าคุณคิดแบบนั้นไปอยู่เกาหลีเหนือดีกว่า ถ้าคุณยอมรับกฎหมายลิดรอนสิทธิ์ได้ ขอแนะนำว่าที่เกาหลีเหนือดีที่สุดในโลก เขาเตรียมทุกอย่างไว้ให้ประชาชน ภาษีไม่ต้องเสีย รัฐมีสวัสดิการพร้อม แต่คุณห้ามแตกแถวนะคะ เขาสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ” เธอพูดเรียบ ๆ
“หือ!” ยายนี่!...บังอาจเอา Kala Democracy ของผมไปเทียบกับเกาหลีเหนือ มาเหมือนกับเจ้าแทนอีกคนแล้ว ตาสว่างเลยกูไม่ง่วงแล้ว ขอสักตั้งเถอะ...
“มาอีกคนแล้ว! วันก่อนผมพึ่งจะด่าเจ้าแทนเรื่องนี้ไปเอง ทำไมพวกคุณถึงคิดว่า บ้านผมเหมือนกับบ้านคุณ?” ผมเสียงเขียวไม่หันมอง ชักเริ่มเหม็นขี้หน้า
“สำหรับคนที่นอนให้เขาเหยียบย่ำ ท่องจำความศรัทธาจากตำราเรียน ยอมรับในความเหลื่อมล้ำและยอมจำนนกับโชคชะตา ไม่เคยคิดจะสู้เพื่อความเท่าเทียม คนแบบนี้จะไม่มีวันเข้าใจคนอย่างแทน ไม่มีวันเข้าใจคนรุ่นใหม่ได้เลย” เธอยิ่งพูดผมยิ่งโกรธ
ดูถูกกันชัด ๆ งั้น! คนที่เขาไม่มีปากเสียงก็โง่กันหมดน่ะสิ ผมไม่ยอมแน่ ลุงฉุนของผมบริหารเก่งกว่าไอ้อ้วนหน้าหมูของคุณอีก เชอะ!...ไม่อยากจะพูด...
“การที่พวกเราไม่โต้แย้งเพราะเราเชื่อฟังผู้ใหญ่และยอมรับในกติกาที่ปู่ย่าตายายของเราปฏิบัติกันมา บ้านเมืองของผมถึงสงบกว่าทุกชาติในละแวกเดียวกัน” ผมหวังว่า เธอจะเข้าใจว่า ผมไม่ปลื้ม
แต่..
“อย่างนี้ที่บ้านฉันเรียกว่า กลัวค่ะ! คุณไม่ต้องประดิดประดอยคำพูดให้สวยหรูหรอก ถ้าเล่นไพ่..แค่จั่วก็หมอบแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” เธอหัวเราะเหมือนดูแคลน
ผมยิ่งหัวร้อนมาดูถูกนายทหารเก่าได้ยังไงวะ? อย่าได้นอนกันเลย ผมจะเป็นองครักษ์พิทักษ์ประเทศเอง...
“บ้านคุณกับบ้านผมไม่เหมือนกัน อย่าเอามาเปรียบเทียบ” ผมโกรธจริงจัง หันไปจ้องหน้า
เธอยังยิ้มเฉยไม่มีสลด ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องคืนนี้ไม่ต้องนอน ผมจะเถียงยันเช้าเลย ผมจะสู้เพื่อคุณลุง สู้เพื่อชาติ คอยดูสิ!
“ใช่ค่ะ! ไม่เหมือนกันในทุกด้าน เพื่อความเป็นกลาง ฉันขอเปรียบเทียบกับประเทศเลโซโทในแอฟริกาก็แล้วกัน ประเทศนั้นปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ พวกเขาค่อย ๆ ออกกฎหมาย กลืนกินเวลาชีวิตประชาชน ยึดทรัพย์สาธารณะไปเป็นของเขาแบบเนียน ๆ จะเรียกว่าเป็นฝาแฝดเทียมกับเกาหลีเหนือก็ได้นะคะ ถ้าประเทศไหนมีผู้ที่ใช้งบประมาณแผ่นดินโดยไม่ถูกตรวจสอบ และอยู่เหนือกฎหมายเป็นฝาแฝดบ้านฉันหมดเลยค่ะ”
ผมเหล่มองอย่างระแวง เธอพูดจริงหรือเปล่าวะ? พอคิดดูแล้วไม่เกี่ยวกับคุณลุง ช่างมัน!
“คุณก็ลองคิดดูก็แล้วกัน ถ้าบ้านของคนหล่อ ๆ แถวนี้ ต้องถูกปกครองเหมือนคนดำในแอฟริกาจะรู้สึกอย่างไรน้า?” เธอหมายความว่ายังไงวะ? มียิ้มเยาะด้วย /ก็พูดไปสิ! จะยิ้มทำไม? นั่นไม่ใช่บ้านผม ถ้าลากประเทศของผมไปเทียบกับพวกนิโกร จะตบให้หูหลุดเลย/
“แล้วเหมือนบ้านของผมยังไง ตรงไหน? บอกมาสิ! ถ้าไม่มีเหตุผล ผมโกรธจริง ๆ ด้วย” ผมชักอึดอัดไม่อยากคุยด้วยแล้ว ไม่อยากเล่นเป็นแฟนแล้วด้วย
“ฉันไม่ได้พูดถึงประเทศของคุณเลย อย่าเอาตัวเข้ามาเกี่ยวด้วยสิคะ ฉันพูดถึงประเทศเลโซโท จำไว้นะ! เลโซโท” เธอยิ้มเยาะอีกแล้ว
“งั้นพูดไป!...คนบ้านผมไม่โง่แบบนั้นหรอก” รอดไป...ถ้ามาเอี่ยวโดนแน่
“เขาใช้ความกลัวกดดันมวลชน เพื่อเสริมอำนาจให้เจ้าหน้าที่รัฐ ใช้ตำรวจทหารกวาดล้าง ใช้ผู้พิพากษารวบอำนาจจากคำตัดสินคดีการเมือง ใครมีปัญหากับรัฐถ้าไม่ติดคุกก็ตาย โดยลิ่วล้อพวกนี้ แล้วใครเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้กับคนพวกนั้น เงินเหล่านั้นมาจากไหน? ไม่ต่างจากการขูดรีดและปกครอง นายทหารมากมายร่ำรวยถ้วนหน้า” เธอหันมามองอีกแล้ว ก็พูดไปสิ...
“ผู้นำสูงสุดของฉันถึงจะเลวในสายตาของชาวโลก แต่เขาไม่เคยขูดรีดเก็บภาษี แล้วเอาไปซื้ออาวุธมายิงประชาชนนะคะ เขามีแต่ยิงขีปนาวุธขู่ต่างชาติ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงประชาชน” เธอมองไปที่ชายน้ำ ผมไม่แยแสปล่อยให้เธอพูดไป เพราะนั่นไม่ใช่ที่บ้านของผม เจ้าหน้าที่ระดับล่างของบ้านผม ขยันขันแข็งตั้งด่านจับปรับทุกวัน นักการเมืองและข้าราชการระดับสูงก็ไม่เคยใช้เงินรัฐเพื่อท่องเที่ยวส่วนตัว ไม่มีคอรัปชั่น...
“แล้วไงต่อ จบแล้วเหรอ?” ผมมองด้วยหางตา
เธอเอากิ่งไม้มาเขี่ยพื้น แล้วพูดต่อ...
“ทั้งเลโซโทและเกาหลีเหนือต่างก็ปกครองแบบเผด็จการเหมือนกันค่ะแค่คนละรูปแบบแต่แถกับประชาชนว่าเป็นประชาธิปไตยโดยเอาคำว่าประชาธิปไตยไปแปะไว้กับการปกครอง ถ้าเป็นประชาธิปไตยจริง ๆ จะไม่มีคำว่ายึดอำนาจ จะไม่มีใครเหนือกว่ารัฐบาลที่มาจากประชาชน” ยายนี่มั่วข้อมูลหรือเปล่าวะ? ประเทศไหนจะทำแบบนั้น ประชาชนซวยตายห่า ไม่มีหรอก...
“ทหารที่ยึดอำนาจ ถึงจะเลวร้ายแค่ไหน โง่บัดซบอย่างไร ก็อยู่ในตำแหน่งได้โดยข้ออ้างว่า รักชาติ เข้ามาเพื่อปราบทุจริตคอรัปชั่น และคนที่ยึดอำนาจส่วนใหญ่ มักจะพฤติกรรมน่าสงสัยและมีคดีคอรัปชั่นติดตัว ต้องการล้างมลทิน นายทหารพวกนี้จะเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลประชาชนทุกครั้งเมื่อคดีจวนตัว และยื้ออยู่จนกว่าจะเคลียร์คดีของตนเองหมด ขโมยเวลาของคนทั้งประเทศเพื่อล้างมลทิน” เธอหันมายิ้มเยาะอีกแล้ว
ผมอยากจะเถียง แต่เดี๋ยวจะหาว่าร้อนตัว อยากจะบอกเหลือเกินว่า ลุงฉุนของผมมาจากการเลือกตั้งนะโว้ย ท่านชนะเลือกตั้ง โดยไม่ต้องเลือกนะโว้ย ไม่รู้จริงทำมาพูด...ปั้ดโธ่! อย่าพาดพิงก็แล้วกัน ผมไม่ยอมหรอก
“งบกองทัพมหาศาลเหมือนกับว่า พรุ่งนี้จะมีสงครามโลก แต่กลับไปซื้ออาวุธจากจีนที่คุณภาพต่ำกว่าราคาจริง หรือไม่ก็ใช้งานไม่ได้” เธอพูดไปเรื่อยผมพยายามไม่สนใจแต่หมั่นไส้สายตาของเธอจังพอพูดจบต้องยิ้มเยาะทุกทีบ้านของเธอมันเผด็จการทหารฟังแล้วก็น่าสงสารคนเกาหลีเหนือ ผมเป็นทหารอาชีพปลายแถวยังรู้เลยว่าอาวุธของจีนด้อยคุณภาพ ไม่มีผู้นำทหารคนไหนจะโง่ไปสั่งซื้อมาหรอก ถ้าบ้านของผมเป็นอย่างนั้น ผมก็ไม่ยอม
แต่...รอยยิ้มของเธอโคตรคาใจ ถามกันเลยดีกว่า...
“ที่พูดมาทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับ Kala Democracy ของผมใช่มั้ย?”
“ฉันไม่ได้พูดถึงบ้านคุณสักนิดนะคะ ฉันพูดถึงประเทศเลโซโทในแอฟริกาโน่น ทำไมคะ! มีส่วนคล้ายกันเหรอ?” เธอหน้ามึนหันมายิ้มเยาะอีก ถ้าไม่ใช่ผมจะโกรธทำไม? ที่บ้านของผมไม่มีอย่างนั้น คุณลุงขยันทำงานบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ชาวบ้านปิดปากเงียบกริบ เสนอกฎหมายผ่านทุกฉบับ หลายครอบครัวมั่นคงขึ้น
“ผมก็จะเถียงอยู่พอดี แต่ที่บ้านผมไม่มีอย่างนั้น บ้านผมเป็นประชาธิปไตย ที่ผมโกรธเจ้าแทนเพราะมันไม่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ออกไปประท้วงผู้ใหญ่ การจราจรติดขัด ต่างชาติจะมองว่าบ้านป่าเมืองเถื่อน เขาจะมองผู้นำว่าไม่ดี GDP ก็ตก” ผมยืดอกมั่นใจ
"การประท้วงเป็นการแสดงออกในแนวทางประชาธิปไตย ฉันแค่แปลกใจว่าทำไมประเทศที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตย ต้องใช้เจ้าหน้าที่ติดอาวุธเข้าสลายการชุมนุม มีการจับกุมคุมขังคนที่ออกมาแสดงจุดยืนทางประชาธิปไตย"
"เพราะคุณไม่เข้าใจกับประชาธิปไตยน่ะสิ!"
"คุณว่า ความรุนแรงเกิดจากการชุมนุม หรือเกิดจากการสลายการชุมนุมกันแน่คะ? ที่ต่างชาติมองว่าผู้นำโหดร้ายไม่ใช่เพราะมีม็อบนะคะ แต่เขามองเห็นเด็กและประชาชนมือเปล่า ถูกยิงจากคนในเครื่องแบบอันทรงเกียรติมากกว่า และผู้นำก็หน้าด้านทำเป็นไม่รู้เรื่อง การประท้วงเขายอมรับกันทั่วโลก เป็นเรื่องปรกติมีแต่ประเทศเผด็จการเท่านั้นที่ไม่ยอมรับ”
“นี่! คุณกำลังว่าลุงผมเหรอ?”
“เปล๊า! เขาทำอย่างนั้นเหรอคะ?” เสียงสูงปรี๊ดหน้ามึนมาก...
"ฉันก็ไม่เห็นด้วยกับแทนที่ไปประท้วงหรอก คุณสบายใจได้ถ้าเจอกันอีก ฉันจะเตือนเขาเองเป็นเด็กเป็นเล็กไปยุ่งกับการเมืองได้ยังไง?การเมืองเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เป็นเรื่องของทหาร เนอะ? ฮ่าฮ่าฮ่า!” เธอหัวเราะสะใจอะไรนักหนา แต่ทำไมพอ เนอะแล้วต้องค้อนด้วยวะ? สายตาก็เหมือนจะดูแคลนกัน ยั่วโมโหชัด ๆ
ผมคาใจมาก...
“ทำไมคุณไม่คุยเล่นกับซอนบ้าง?” ผมพาลพาโลโฉเก ตั้งแต่ฟังมาก็พอจะรู้ว่า เธอไม่ได้ว่าประเทศของผม แต่ทำไมผมหงุดหงิดกวนใจพิกล ไม่อยากคุยกับเธอแล้ว ผมจะเลิกเล่นด้วย เล่นแล้วลามปาม
“คุยสิ! ทำไมจะไม่คุย ซอนน่ารักจะตายไป ฉันยังทายาแก้คันให้ทุกวัน พูดก็เพราะ หุ่นก็เท่ ยิ้มก็สวย มีลักยิ้มด้วย หล่อกว่าคุณอี๊ก!” พูดจบเธอก็มุดเข้าเต็นท์
อุ๊ย! หยามมาก ผมหัวร้อนฉ่า...
“ไอ้ซอนมันก็ไปยิงทหารเมียนมา มันก็พวกแอนตี้รัฐ ผมก็ไม่ชอบขี้หน้ามันที่ทำอย่างนั้น พวกมันชอบความรุนแรง ไอ้แทนด้วย! ทหารเสียสละชีวิตปกป้องประเทศ เราต้องให้เกียรติพวกเขา เทิดทูนไว้เหนือหัว ห้ามแตะต้อง” ผมฉุนมาก หันมองไปที่เต็นท์ของซอนข้าง ๆ
“คร่อก! Zzzzz!” เสียงกรนไม่ได้ลดลงเลย ไอ้เนรคุณประเทศแอบไปยิงหัวทหาร ไอ้ปลวกกัดกินบ้านตัวเอง ไอ้ไวรัสกัดกินผู้ให้อาศัย
เธอโผล่หัวออกจากเต็นท์มาทำหน้าทะเล้น...
“แทน! ต้องฟังซอนให้มากขึ้นกว่านี้ วิธีของซอนต่างหาก ถึงจะเรียกร้องได้ถึงจะกดดันได้ ตาลีบันที่อัฟกานิสถานก็ใช้วิธีนั้นกดดันอเมริกา ติมอร์เลตเตก็ใช้วิธีนั้นกดดันอินโดนีเซีย” ยายคอมมิวนิสต์กลับเห็นดีเห็นงามกับการใช้กำลัง
“หึ๋ย!!” หมั่นไส้จังบีบคอซะดีมั้ย? ผมจ้องหน้าเคืองมาก พวกเกาหลีเหนือก็คงเป็นเหมือนพวกไอ้ซอน ชอบใช้การปะทะ ไม่ใช้กฎหมาย ไม่มีอารยะ ห่างไกลคามเจริญ...
“ตกลง!...คุณเห็นต่างจากผมสิ้นเชิง เรามีดาวคนละดวง เชื่อคนละมุม ผมจะไม่คุยกับคุณแล้ว และยกเลิกการเล่นเป็นแฟนกันด้วย!” ผมขัดใจมาก ไม่เข้าใจตัวเองว่า จะโกรธเธอทำไม? เธอก็ไม่ได้ว่าประเทศของผมสักหน่อย
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! นี่คุณ! จะบ้าหรือไง? งอนซะด้วย! เห็นต่างก็ไม่ผิดนี่คะ! ปรกติคนก็คิดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว จะโกรธทำไม? เอาแต่ใจตัวเองไปหรือเปล่า?”
“ไม่รู้! ผมไม่เล่นกับคุณแล้ว” ผมโกรธจริง ถึงเธอจะไม่ได้ว่าบ้านของผมก็จริง แต่ผมโกรธว่ะ?
“นี่แหละน้า! ถ้ามองโลกมุมเดียวก็จะเห็นแค่นั้น น่าเสียดายนะ! การได้ใช้ชีวิตเสรีในฝรั่งเศส ได้เดินทางรอบโลก ได้เห็นอะไรมากกว่าคนอื่นกลับไม่ได้มีความหมายกับคุณเลย คุณไม่ผิดหรอกที่จะเชื่อแบบนั้น ฉัน! ซอนและแทนก็ไม่ผิดหรอกที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ และคุณก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าพาล! ฉันไม่เลิกเล่น!” เธอยิ้มมุมปาก ก่อนจะมุดหัวกลับเข้าเต็นท์
นี่ด่าผมรึเปล่าวะ ทำไมฟังเธอพูดแล้ว มันปวดใจแปลก ๆ?
“ไม่รู้ล่ะ! ผมเชื่อลุงฉุน ผมรักคุณลุง! คุณไม่เคยเห็นคุณลุงของผมตวาดชาวบ้านที่ไปรอพบ เขาช่างกล้าหาญเปิดอกด่านักข่าวซึ่งหน้าโยนแฟ้มงานให้อ่านเอาเอง...โคตรเท่อ่ะ! ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกกล้าหาญกว่านี้อีกแล้ว” ผมหงุดหงิดไม่ยอมแพ้ ต้องเอาผลงานของคุณลุงมาข่ม จะได้รู้ว่าบ้านของผมไม่เหมือนกับไอ้เลโซโทบ้าบออะไรของเธอ ฟังแล้วเหมือนโดนหลอกด่า...เดี๋ยวกูเผาเต็นท์แม่งทั้งสองคนเลย//
“เก่งเนอะ? ผู้นำสูงสุดของฉันที่ว่าโหด ๆ ยังไม่กล้าทำแบบนั้นกับนักข่าวเลย นอนดีกว่า...เลอะเทอะ!” เสียงเธอกวนโสตประสาท ปรี๊ดแตก ไฟโกรธระเบิดออกมา...
“เลอะเทอะเหรอ? ทหารเก่งทุกอย่างอยู่แล้ว เป็นนายกฯ ง่ายนิดเดียว!” ผมไม่รู้ตัวว่า พูดออกไปทำไม? รู้แต่ว่า อยากเอาชนะ
“คุณก็เป็นทหาร ฉันก็เป็นทหาร พวกเรามียศไว้ทำไม? เขาเอาไว้เป็นลำดับขั้นในการทำงานไม่ใช่เหรอ?ไม่ใช่เอาไปเบ่งข่มเหงชาวบ้าน พวกเขาไม่ได้มียศเลยกดหัวให้ไปเป็นชนชั้นล่างอย่างนั้นเหรอ? เกาหลีเหนือชัด ๆ” เธอปรักปรำ เธอไม่เข้าใจ เธอมั่วข้อมูล ชาวบ้านจะรู้อะไรมากกว่าทหาร
“หึ๋ย!หึ๋ย!” ถ้าไม่เป็นผู้หญิงโดนแน่ เธอแสดงความเห็นเกินจริง ปล่อยไว้แบบนี้จะเที่ยวไปพูดเสียหาย
“แก็รก!...” ก้มตัวรูดซิปมุดเข้าไปหมายจะลากออกมาสั่งสอน แต่ข้างในเต็นท์มืด
“อ๊ะ!” ผมถูกดึงอย่างแรงล้มลงแล้วโดนนั่งทับ เรื่องเก่ายังโกรธไม่หาย จะมาเล่นอะไรแบบนี้อีก ผมเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ!
“จะทำอะไร? มาคุยกันดี ๆ ผมจะสอนให้คุณเข้าใจการเมืองการปกครอง” ผมพยายามดิ้นไม่เล่นด้วย
เธอก้มลงมาจนได้กลิ่นลมหายใจหอมอ่อนๆ...
“ถ้าวันหนึ่ง...คุณหรือคนที่คุณรักโดนเจ้าหน้าที่รัฐทำร้าย คุณจะเข้าใจพวกเราเอง คุณไม่ต้องโดนขนาดฉันหรือแทนก็ได้ ฉันไม่ได้พูดเพราะเกลียดคุณหรือเกลียดคุณลุงอะไรของคุณ? ตัวฉันโดนกระทำโดยรัฐ ฉันเข้าใจคนที่ไปเรียกร้องและก็เข้าใจคุณ เพราะฉันเป็นทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและผู้แปรพักตร์” เธอเน้นเสียง กระแทกก้นทับหน้าอกของผม
“ออกมาประท้วงก็ต้องโดนทำโทษ ท้าทายอำนาจรัฐต้องเจอของแข็งก็ถูกแล้ว ผู้นำถูกเสมอ” ผมไม่สน
“ประชาชนก็เหมือนกระจกสะท้อนภาพว่า ตัวผู้นำเองเป็นปีศาจหรือเทวดา เขาจะแสดงออกกันมาเอง จะเอากฎหมายมาบังคับให้คนอื่นกราบไหว้เชื่อฟัง ตลกว่ะ!...ฉันหมายถึงประเทศเลโซโทนะ” เสียงเธอจริงจังขึ้นทุกที นั่งทับอกของผมสบายมากไปแล้วมั้ง?
“คุณเชื่อฉันไหมคะ? ถ้าให้ฉันเลือกศรัทธาระหว่างผู้นำรัฐประหารกับคุณ ฉันเลือกที่จะเคารพคนอย่างคุณมากกว่า” เธอพึ่งจะด่าผมไปแหม็บ ๆ คิดจะทำอะไรอีกอย่ามาตบหัวแล้วลูบหลัง เถียงจะตายยังมีหน้ามาบอกว่าศรัทธา ไม่เชื่อหรอก...
“จูยอนลงไป! ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว มาคุยกันดี ๆ” ผมอึดอัดไม่ได้ถูกใจกับการกระทำแบบนี้
“ก็เพราะคุณเป็นผู้ใหญ่ไงคะ ฉันก็ไม่อยากทำอย่างนี้หรอก แต่ต้องอธิบายให้คุณเข้าใจเรื่องการกดขี่ ความเหลื่อมล้ำ สมมุตินะคะ! ตอนนี้ฉันเป็นรัฐและคุณเป็นประชาชน น้ำหนักตัวของฉันเปรียบได้กับกฎหมายที่กดขี่เหลื่อมล้ำ ตอนนี้ตำแหน่งของฉันอยู่เหนือกว่าเปรียบเสมือนผู้มีอำนาจ คุณจะทำอย่างไรระหว่างการยอมรับการเอาเปรียบกับต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม?” เธอบอกพร้อมกดแขนสองข้าง
ผมสู้อยู่แล้ว ดิ้นเอาตัวรอด...
"คลุกคลัก! คลุกคลัก!” ปล้ำสู้กันอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ แต่ผมก็ดิ้นไม่หลุด พึ่งนึกได้ว่า พวกเกาหลีเหนือและมองโกลมันเก่งมวยปล้ำนี่หว่า!
“เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้ต้องทำงาน” ผมนอนนิ่งไม่ขยับ ไม่เล่นด้วยแล้ว
เธอก้มหน้าลงมา...
“ถ้าคุณยอมจำนน คุณก็ต้องแบกความอึดอัด การกดขี่ เอาเปรียบ ตลอดไป โอกาสที่ดีกว่าจะตกเป็นของฉันและพรรคพวก เพราะตำแหน่งของฉันอยู่สูงกว่า ฉันได้เปรียบยึดเอาทรัพย์สินของชาติมาเป็นของตัวเอง ส่งลูกเรียนโรงเรียนต่างประเทศโดยใช้เงินภาษีที่ยักยอกมา ส่วนพวกคุณก็ปิดปากเงียบ ก้มหน้าก้มตาโทษฟ้าดิน โทษชาติกำเนิด โทษโชคชะตา โทษเศรษฐกิจต่อไป GDP ที่คุณพูดถึง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเลย มีกี่ตระกูลที่ได้ผลประโยชน์จากมัน” เธอพูดเสียงเรียบ แต่มือยังกดแขนผมแน่น ผู้หญิงบ้าอะไรวะ ตัวแค่นี้แข็งแรงฉิบ...
“งั้นผมร้องขอก็ได้ จูยอนครับ ลงเถอะผมหนัก”
“ฉันก็จะบอกว่า ไม่ได้นะคะ! มันผิดกฎหมาย มันเป็นวัฒนธรรม ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงก็ลงประชามติมาสิ”
“งั้นผมจะสู้กับคุณ!” ว่าแล้วยกที่สองก็เริ่มขึ้น
“คลุกคลัก! คลุกคลัก!” เราปล้ำกันอีกพักใหญ่ สุดท้ายก็สู้เธอไม่ได้อยู่ดี
“สิ่งที่คุณกำลังทำ ที่คุณกำลังดิ้นรน นั่นคือสิ่งที่แทนและคนรุ่นใหม่ทำ เขาพยายามดิ้นรนออกจากกรอบความเหลื่อมล้ำและการกดขี่ เพื่อปูทางให้คนทั้งประเทศได้มีโอกาสเท่าเทียมกัน และสร้างมาตรฐานให้กับคนรุ่นหลัง ให้เข้าถึงทรัพยากรและการศึกษา”
“ไม่จริง! ม็อบมันมีเบื้องหลัง” ผมดิ้นสู้
“คนเราเกิดมาพร้อมกับความแตกต่าง ทั้งหน้าตา ร่างกายและฐานะ ถ้ากฎหมายมันเท่าเทียมกัน เปิดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาดี ๆก็สามารถรวยได้หรือไม่ก็หาวิชาชีพดี ๆ ได้ พวกเขาไม่ได้ต้องคำสาปหรือโดนประทับที่หน้าผากมาให้ต้องยากจนตลอดไปนะคะ”
“มันรับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ โดนล้างสมอง”
“สร้างโอกาสให้พวกเขาสิ! เพราะคุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว ช่วยน้องๆหาทางเดินสิคะ! เด็ก ๆ เขามองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง เขาสู้เพื่ออนาคตของพวกเขา แล้วผู้ใหญ่อย่างคุณ นอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังไปขวางทางเด็กมันทำไม? ดิ้นสิ! ดิ้น!” เธอชักพูดเสียงดุขึ้น
“ผมไม่ดิ้น! ผมยอมจะอยู่อย่างนี้ ผมทนได้ ผมเข้าใจเรื่องบุญกรรม วาสนาและชะตาชีวิต ความไม่เท่าเทียมมันมีตั้งแต่เกิดแล้ว และที่สำคัญ...ผมรักชาติ” ผมไม่ยอม ผมเป็นผู้ใหญ่แล้วแพ้เด็กไม่ได้ ผมผ่านการเอาตัวรอดบนโลกใบนี้มามากกว่า ผมอายุมากกว่า
“เรื่องของคุณสิ! ถ้าไม่ต้านก็ไม่เจ็บ ถ้าไม่เจ็บก็ไม่จบ ฉันจะนั่งอย่างนี้ถึงเช้าเลย” เสียงเธอหอบเหนื่อยเอาจริง
“ก็ผมอึดอัดหายใจไม่ออกและไม่สบายตัว คุณเอาเปรียบ คุณขี้โกง ลงไปเลย หนัก!”
“ตอนนี้ฉันเป็นกฎหมายละเมิดสิทธิ์ เป็นความเหลื่อมล้ำ ถ้าคุณไม่ดิ้นรนต่อสู้เพื่ออิสรภาพ คุณจะต้องแบกรับแอกบนหลังของคุณไปทั้งชีวิต วันหนึ่งคุณจะเคยชินแล้วก็สอนให้ลูกหลานของคุณให้เป็นทาสของฉันตลอดไป คนที่ผิดคือผู้ใหญ่อย่างคุณนี่แหละ ที่เอาตัวรอดเพียงเพื่อจะขอมีชีวิตแบบเต่า หลบในกระดองแบบนี้ต่อไป สรุปง่าย ๆ นะคะ คุณกลัว!” น้ำเสียงเธอหยามมาก
ผมขยับพลิกตัว แต่ก็ถูกกดไว้...
“ผมก็เมื่อยนะ ไปเดินป่ามาทั้งวัน คุณไม่สงสารผมบ้างเหรอ?”
“ความปวดเมื่อยที่คุณมีตอนนี้ คือชะตาชีวิตของคนที่ขาดโอกาส ความยากจน รายได้น้อย ตกงาน ไม่มีค่าเทอมลูก มันเป็นปัญหาที่คุณต้องแก้เอาเอง ไม่เกี่ยวกับฉัน ก็เหมือนกับรัฐที่ไม่ยึดโยงประชาชนมองชาวบ้านเป็นเพียงเป็ดไก่และหาทางขโมยไข่ไปเป็นของตนเอง” ยายเกาหลีนี่คงไม่มีวันได้ตาสว่างแน่...
“ขอโทษนะ! ผมไม่เชื่อคุณหรอก” ผมจะไม่สอนเธออีกแล้ว ปล่อยให้โง่ดักดานอย่างนี้ต่อไป แกล้งนอนหลับตา ดูสิว่า เธอจะทำยังไงต่อ เธอก็หน้ามึนนั่งทับไม่ยอมลุกไปไหน จนเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้
………………………………………………
“พี่ตุ๋ย! พี่ตุ๋ย! ตื่นหรือยัง หายไปไหนแต่เช้าวะ?” เสียงเจ้าซอนแหกปากเรียกลั่น เช้าแล้วเหรอ? ทำไมแน่นหน้าอกจัง
“อูย!” ลืมตาไม่ขึ้นเลย...
“จูยอนก็ไม่อยู่! ไปไหนกันวะ ทำไมไม่เรียกด้วย?” เสียงมันเดินก๊อกแก๊กบ่นไปเรื่อย
“แกรก....กก!” ซิบเต็นท์ถูกรูด แสงสว่างวาบจ้า ผมพยายามลืมตาขึ้นมอง...
“ฮ้า! ฉิบหายแล้ว” จูยอนยังนั่งทับอยู่เลย
เจ้าซอนโผล่หน้าเข้ามา...
“ไอ่โอ๊ะจิม่า! จูยอนเป็นอะไร? ทำไมทำกันอย่างนั้นล่ะ?” เจ้าซอนตาค้างเมื่อเห็นจูยอนนั่งทับบนอกของผม
เธอหันไปยื่นสองมือให้ซอน…
“ซอนคะ! ช่วยดึงมือฉันหน่อยค่ะ ตะคริวกินลุกไม่ไหว” ยายความเหลื่อมล้ำร้องให้ช่วย
ซอนดึงเธออกไปนอกเต็นท์ มันขมวดคิ้วหันกลับมาจ้องมอง...
“เล่นอะไรกัน! วันนี้สายโด่งแล้ว รีบลุกไปตามเจ้าแทนกันต่อ เล่นอะไรกันเป็นเด็กเลย” เจ้าซอนบ่นอุบ ผมคลานออกมายืนบิดขี้เกลียดนอกเต็นท์ แสงอาทิตย์จ้าแล้ว จูยอนหันมายิ้มเยาะ แล้วหันไปฟ้องเจ้าซอน...
“ฉันคุยเรื่องการเมืองกับเขา แล้วตกลงกันไม่ได้ค่ะ!” เธอบอกแล้วหัวเราะเดินไปล้างหน้าริมน้ำ
เจ้าซอนตาเขียวหันมา...
“เห็นรึยัง? ไม่มีใครเขาคิดแบบพี่สักคน เสียดายว่ะ!” เสียงของมันเหมือนเสียดายของบางอย่าง สีหน้าท่าทางของมันกวนตีนมาก ทำเป็นเบ้ปาก หรี่ตา...
“อะไรของมึง? เสียดายอะไร? มึงพูดดีๆนะ!” ผมปรี๊ดแตกแต่เช้า เดี๋ยวมึงโดนเตะ ชักจะกวนตีนใหญ่แล้ว
“เสียดายที่ผมหลับน่ะสิ ไม่งั้น! จะช่วยจูยอนยำสักที หมั่นไส้มานานแล้ว! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” มันพูดจบก็เดินหัวเราะไปตีมือกับจูยอน
ไอ้พวกเด็กเมื่อหัวฝน อ่อนประสบการณ์ พวกมึงยังอ่อนการเมือง มึงไม่รู้จักคุณลุงของกู ปากดีกันนักนะ...
รู้งี้!...เมื่อคืนเผาเต็นท์แม่งก็ดีแล้ว ...
......................................................................หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |