
ป่าโบราณ ฉวีจิ่ง มณฑลยูนนาน
มุมมองสายตา นาตาลี
พฤศจิกายน ค.ศ.2020
ฟ้าสางรุ่งขึ้นวันใหม่ใจเปี่ยมความหวัง กองไฟควันกรุ่นส่งกลิ่นไหม้ ฉันนั่งนั่งแทะปลาที่เหลือจากเมื่อคืน พวกเราแทบจะไม่ได้ห่างจากกองไฟเลย อากาศเย็นลงมากหมอกลงหนาจัด
“จุ๊บจิ๊บ! จุ๊บจิ๊บ!” นกตัวน้อยส่งเสียงร้องสดใสเช่นทุกวัน กวางฝูงใหญ่ลงกินน้ำ หมูป่าเอาจมูกดุนทรายหาอาหารตามขอบชายป่าทางทิศเหนือ
แทนเดินยิ้มออกมาจากแนวป่า ถือช่อดอกไม้มาด้วย...
“จะจากกันแล้ว ผมไม่มีอะไรจะมอบให้เป็นที่ระลึก ผมไปทำไอ้นี่มาให้คุณสองคน” เขาบรรจงสวมมงกุฎดอกไม้สีสวยให้
“……….” ฉันปลื้มใจ จุกอก พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เขาขยับไปหาไป่ไป๋...
“ดูแลนาตาลีดี ๆ นะครับ” เขาสวมมงกุฎดอกไม้ให้เธอเช่นกัน
แต่ยายน้องเมินแก้มตูมไม่สนใจ เขาเดินไปหยิบไม้เสียบปลามาปักข้างกองไฟ แล้วเดินไปหอบกิ่งไม้...
“คุณไม่ไปด้วยเหรอคะ?”
“ผมมาคิดแล้ว ไม่ว่าใครจะมารับ ผมก็ไม่น่าจะรอด ผมรออยู่ที่นี่ต่อดีกว่า ถ้าออกไปผมน่าจะติดคุกตลอดชีวิต” น้ำเสียงของเขาช่างเศร้ามาก เดินแบกทางมะพร้าวไปกอง เตรียมไว้ทำฟืน เขาต้องใช้ชีวิตต่อไปคนเดียว
“เฮ้อ!!” ฉันเริ่มเครียด
“ดีจังเลยนะครับ ที่ยังได้กินอาหารเช้ามื้อสุดท้ายร่วมกัน The last breakfast ผมคงไม่กล้าไปใกล้น้ำอีกนานเลย” เขาบอกแล้วมองลงไปกลางทะเลสาบ
ฉันอยากจะร้องไห้กับโชคชะตาของเขา ช่วยคนอื่นแต่ตัวเองต้องหมดโอกาสทุกอย่าง สงสารจับใจแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย
“อึ๋ย! น่ากลัวจะตาย ที่นี่อันตรายเกินไป พวกนี้มันออกหากินช่วงฝนลง” ฉันนึกแล้วก็เสียวไม่กล้าเดินไปใกล้น้ำเหมือนกัน ถ้ากลับไปด้วยกันไม่ได้ เขาจะอยู่อย่างไร คงเหงา ว้าเหว่และเดียวดาย
ไป่ไป๋ยื่นหน้ามายิ้มเยาะ...
“แค่นี้ก็ป๊อด!” เธอเบ้ปากหยัน เรื่องถากถางยกให้เธอ หลัง ๆ มาเธอมักจะทะเลาะกับเขาบ่อยมาก เพราะแรงหึง
“ถ้ามีคนมารับพวกคุณไปแล้ว ผมรบกวนคุณช่วยบอกเจ็ทโด้ให้ด้วยนะครับ ว่าผมยังรออยู่” น้ำเสียงเศร้าสร้อยบาดใจ สายตาหมองมองไปกลางน้ำอย่างคนสิ้นหวัง เขากัดริมฝีปากลุกขึ้นเดินออกไปกลางหาด ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเธอ เขาไม่เคยโกรธไป่ไป๋เลยสักครั้งเดียว
ฝูงนกน้ำตัวขาวลอยคลอเคล้าคู่เคียงกันยิ่งสะท้อนใจ แม้แต่สัตว์ยังต้องการเพื่อน ฉันรู้แล้วว่า เพื่อนมีความหมายมากแค่ไหนก็เพราะเขาอีกเช่นกัน ใจหายมากที่ต้องปล่อยเขาไว้ที่นี่คนเดียว เราร่วมฝ่าฟันปัญหามาด้วยกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน ถึงแม้นจะช่วงเวลาสั้น ๆ แต่มันก็เต็มไปด้วยความทรงจำที่สวยงาม สุดท้ายแล้วรางวัลที่เขาได้คือการถูกทอดทิ้ง ไม่ยุติธรรมกับเขาเลย ฉันรู้สึกอึดอัด กังวลใจ เป็นห่วงเขา จะช่วยยังไงดีนะ?
ไป่ไป๋สวมชุดใบไม้ที่เขาทำให้ วิ่งมาเสนอหน้า...
“ลูกผู้ชายไม่ขอความปรานีจากฟ้าอยู่แล้วใช่ป่ะ?” เธอกระแนะกระแหนได้ตลอด เขาหลุบตายิ้มอย่างกล้ำกลืนแล้วเดินต่อ เขาคงใจเสีย
“แทนคะ!” ฉันเรียกและเดินตามเขามาที่กลางชายหาด
เขาหันมายิ้ม หนวดเครายาวใบหน้าคล้ำแดด…
“อยากได้อะไรครับ? เดี๋ยวผมไปเอาให้ คุณอย่าลืมเป้วัคซีนกับคราบงูนะครับ อุตส่าห์หาจนเจอแล้ว” ดูสิ! แม้จะต้องจากกัน เขายังเป็นห่วงคนอื่นอยู่เลย
“ขอกอดหน่อยนะ” ฉันโผเข้ากอดเขา ซบใบหน้าลงที่แผ่นอกกว้าง ขอบคุณที่ช่วยชีวิต ขอบคุณที่อยู่ด้วยกัน ขอบคุณที่เหนื่อยช่วยดูแลตลอดมา เขาหยุดยืนนิ่งปล่อยให้กอด
“ขอบคุณมากนะคะ! ขอบคุณมากจริง ๆ ฉันจะไม่มีวันลืมคุณเลย” ความตื้นตันทะลักออกมาเป็นน้ำตาเอ่อไหล จิตใจสับสน เป็นห่วง สงสาร เสียใจ เศร้าใจ ระคนปนเปกันไปและรู้สึกผิดที่เอาตัวรอดไปคนเดียว เขาจะอยู่ต่อได้อย่างไรในสภาพที่อันตรายรอบตัวเช่นนี้คนเดียว อุปกรณ์ยังชีพก็ไม่มี
“ผมจะไม่ได้อยู่ข้างคุณอีกต่อไปอีกแล้ว ดูแลตัวเองดี ๆ นะ ดูแลไป่ไป๋ด้วย ขอให้เจอแต่สิ่งดี ๆ นะครับ ผมยินดีมากที่ได้รู้จักกับคุณนะครับ นาตาลี” เขาพูดเบา ๆ เอามือลูบหลัง รู้สึกอบอุ่นคุ้นเคย
ทุกการแสดงออกของเขามีแต่ความจริงใจ ฉันรู้ตัวว่า ชอบผู้ชายคนนี้ก็ตอนนี้นี่แหละ ทำใจจากยากมาก ลังเล สองจิตสองใจไม่อยากกลับ ฉันไม่อยากเสียผู้ชายคนนี้ไป สะอื้นในอกหัวใจร้าวราน
“ถ้าคุณออกไปได้ ให้นึกถึงฉันคนแรกนะคะ ฉันจะรอคุณ ตามหาฉันให้เจอนะคะ ไปทำงานด้วยกัน ฉันดูแลคุณได้ ฉันจะตอบแทนคุณอย่างดี”
“ใช้ชีวิตไปตามปรกติเถอะครับ ไม่ต้องสนใจผมหรอก ถ้าออกไปได้ก็ลืมผมไปซะ คนเราต่างมีถนนที่ต้องเดิน” เขาขยับมงกุฎดอกไม้บนหัวให้เข้าที่เข้าทาง ยื่นมือมาจับไหล่สองข้างจ้องหน้า
“ผมขอโทษที่เคยว่า คุณแรง ๆ ผมไม่ได้เกลียดคุณนะครับ”
“ฮือฮือ!” ยิ่งเห็นว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไรจากฉันเลย น้ำตายิ่งไหลหนักขึ้นไม่อยากจากไป…
“ขอหอมแก้มหน่อยสิคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นไปหอมแก้ม
“เอ่อ!”เขายังไม่ทันตั้งตัว ยิ้มเก้อตาวาวเขินอายเอามือลูบแก้ม
ไป่ไป๋รีบพรวดพราดเข้ามา…
“อนนี่เยอะไป!” เธอปราดเข้ามาขวาง แหงนหน้ามองเอาเรื่อง เขายิ้มอ่อนแล้วขยับมงกุฎดอกไม้บนหัวให้เธอ
ฉันร้องปรามน้อง...
“ไม่เป็นไรหรอก! เพื่อนกัน!” ฉันอยากให้เขาเป็นมากกว่านี้อีก ถ้าเขาต้องการอะไร ฉันจะไม่มีวันปฏิเสธแน่นอน
“อ้าว! ยอมรับผมเป็นเพื่อนแล้วหรอ? ไม่แจ้งตำรวจจับแน่นะ?” เขายิ้มล้อ
“หอมฉันบ้างสิ” ฉันเอียงแก้มให้ เขาลังเลนิดหน่อยก่อนก้มลงมาหอมเบา ๆ
“ฮือฮือ!คุณต้องปลอดภัยนะ ออกไปหาฉันให้ได้นะ” ฉันเข้าสวมกอดอยากหลอมละลายรวมกัน ความผูกพันของเราเหมือนการเดินทางยาวนาน กำลังสิ้นสุด
ไป่ไป๋ผลักอก...
“ทำอะไรกันน่ะ ต่อหน้าต่อตาเลยนะ”
ฉันได้แต่คิดในใจ...ฉันบอกเธอทางอ้อมแล้วนะไป่ไป๋ เธอไม่ไว้ใจแล้ว ฉันมักจะไปคุยกับเขาบ่อย ๆ คราวนี้เราต้องจากกันจริง ๆ ไม่มีโอกาสได้เล่นกันแบบนี้อีกแล้ว ไม่มีโอกาสได้นอนเรียงกันอีกแล้ว การจากครั้งนี้...ไม่ตายก็เหมือนตายจากกันเพราะฉันต้องไปอีกซีกโลก ไม่มีทางได้เจอกันง่าย ๆ
“ฮือฮือ!” โผเข้ากอดเธอ แล้วร้องไห้โฮออกมา รู้สึกผิดจริง ๆ ที่เอาตัวรอด ฉันเคยคิดเลว ๆ กับเขา ยิ่งคิดยิ่งตอกย้ำให้สำนึกผิด ไม่อยากจากไปเลย
“ฮือฮือ!แทนจะอยู่ยังไง? เขาจะอยู่ได้ยังไง?” ฉันสะอื้นซบไหล่ของเธอ
“คิดเยอะไปรึป่าว? ยังไม่รู้เลยว่าใครจะมารับ อนนี่!เยอะไป!”เธอลูบหลังฉันแล้วหันไปทางแทน จ้องหน้าปากจู๋.
ฉันกังวลแต่เรื่องนี้…
“ฉันคิดว่าเป็นทหาร แทนไปกับเราไม่ได้หรอก เขาอาจติดคุกหรือไม่ก็โดนส่งตัวกลับ” ทางเลือกของแทนนำพาสู่ทางตันทั้งสิ้น
ไป่ไป๋ยังมองตาขวาง...
“ทำเหมือนนะคุณน่ะ!” เธอเหล่มองขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขายิ้มเก้อจะจากกันอยู่แล้วยังกัดไม่เลิก เขาช่วยชีวิตเราหลายครั้งแล้วนะ
เธอแขวะเขาเสร็จก็หันมาบ่นฉัน...
“ร้องไห้อย่างกับมีคนตาย หนูก็นึกว่ามีเรื่องอะไร?” เธอยังบ่นไปเรื่อย
“ฉันอยากบอกลา เธอก็ควรทำด้วยนะ” ความรู้สึกเศร้าเสียใจยังกรุ่นอยู่
“หนูรู้สึกแปลก ๆ หนูว่ามันยังไม่จบง่ายหรอก แต่เพื่อความสบายใจบอกลาเผื่อไว้ก่อนก็ได้” เธอบอกแล้วปล่อยมือจากฉันเดินไปหาแทน
“ขอบคุณมากนะคะที่ดูแลหนูกับอนนี่อย่างดี ขอจับมือหน่อยนะคะ”
เขายิ้มพยักหน้ายื่นมือให้เธอจับ
เธอกัดฟันปากจู๋จ้องหน้าเขา…
“คุณกอดอนนี่บ่อยไปแล้วนะ ถือว่า นั่นแทนคำขอบคุณก็แล้วกัน แล้วก็พอแค่นั้นนะ เข้าใจที่หนูพูดใช่ไหม? ไม่งั้นเจอดี!” เธอหรี่ตาจ้องหน้าเขา
แทนได้แต่ยิ้มเก้อ ๆ เกาคาง เขาไม่เคยกอดฉันมีแต่ฉันไปกอดเขา
“ไปให้ถึงฝันนะครับ เดบิวท์ให้ได้นะ คุณทำได้! ใช้เวลาที่เหลือให้มีความสุขที่สุดนะครับ อย่าไปเสียเวลา เสียใจกับเรื่องไร้สาระ เราผ่านความตายมาแล้ว คุณต้องเข้มแข็งนะ” เขาก้มหัวยิ้มให้
ไป่ไป๋สะบัดหน้า...
“อย่าพูดอย่างงี้สิ! ใจไม่ดี คุณด่าหนูมั่งก็ได้นะ” เธอโผเข้ามากอด น้ำตาคลอ สะอื้นในอก ฉันพลอยน้ำตาไหลออกมาอีก
เธอเชือดเฉือนเขาขนาดไหนก็ตาม เขาก็ไม่โกรธแถมยังเป็นห่วงกลับมาอีก เขาทะนุถนอมไป่ไป๋มากกว่าฉันอีก สนิทกันมากกว่าด้วย แต่ด้วยความหึงเลยทำให้เธอเป็นแบบนี้ จริง ๆ แล้วเธอก็ใจดี
แทนเดินเข้ามาหา สายลมพัดเส้นของเขายุ่งไปหมด ใบหน้าคล้ำแดด มอมแมมไปด้วยหนวดเครารกรุงรัง แต่แววตานั้นช่างอบอุ่นใจดีเหลือเกิน
“ไป่ไป๋! ผมยินดีที่ได้รู้จักกับคุณนะครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้ลำบาก ถ้าผมทำอะไรเกินเลยไป ขอให้ลืมมันไปซะ ทิ้งมันไว้ที่นี่” เขาก้มศีรษะให้อีกครั้ง
“ก่อนกลับ เอาชุดใบไม้ทิ้งไว้ที่นี่นะครับ มันจะได้ดูเหมือนว่าพวกคุณยังอยู่ที่นี่”
“ฮือฮือ!” ไป่ไป๋ปิดหน้าร้องไห้โฮ ฉันเข้าไปสวมกอดแล้วร้องไห้ไปด้วยกัน ความเคยชินทำให้เราอาลัยอาวรณ์
……………................………………………………………

หลังจากที่เราร้องไห้จนใจเบาขึ้น ก็คิดได้ว่าต้องทำบางอย่าง ต้องหาทางช่วยให้เขาปลอดภัยกว่านี้
“แทน! ยังจะนอนตรงนี้อีกเหรอ? เราช่วยกันย้ายไปที่อื่นดีกว่ามั้ย? หาที่ปลอดภัยกว่านี้” ฉันเป็นห่วงความปลอดภัยมากที่สุด
แทนเดินไปหอบก้านมะพร้าวแล้วหันมา...
“ผมจะทำห้างนอนบนต้นไม้ครับ เอาต้นนี้แหละข้างหลังใกล้ ๆ ขึ้นไปนอนกับลิง นอนสูงหน่อยคงไม่เป็นไร?” แทนออกความเห็นแล้วชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง
ฉันหนาวใจแทนเขาจริง ๆ ถ้าเราจากไปที่นี่ก็จะเงียบ ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีใครให้คุยแก้เหงา ถ้าฝนตกลงมาล่ะ?
“มา! ฉันช่วย!” ฉันเข้าไปช่วยลากไม้เดินตามเขาไป ไป่ไป๋ก็เข้ามาทำเช่นเดียวกัน เขาหันไปถามไป่ไป๋…
“ไป่ไป๋! อยากเป็นไอดอลใช่มั้ยครับ?” เขายิ้มตาวาว
ยายตัวแสบวิ่งลากไม้ผ่านฉันเข้าไปหา ทีเรื่องอย่างนี้ทิ้งฉันเลยนะ ถ้าใครชวนเธอคุยเรื่องนี้ เธอจะชอบมาก
“ใช่ค่ะ! หนูอยากเป็นศิลปิน หนูฝึกตั้งนาน คุณว่า หนูจะทำได้มั๊ยคะ?” เธอยิ้มหวานเข้าไปหา
เขาวางไม้ลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่แล้วหันมารับของเธอไปรวมกอง
“Do your best!. ตำแหน่งซุปเปอร์สตาร์คู่ควรกับคุณที่สุด คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ไฟท์ติ้ง!” เขากำหมัดชูให้เธอ ปากหวานกับน้องตลอด
“อึ๋ย!” ยายนั่นก็หน้าบานเป็นกะละมัง หันมารับของฉันไปรวมกองเดินเข้าไปปะจ๋อปะแจ๋...
“แทนคะ! คุณอย่าลืมเชียร์หนูนะ หนูมีเพื่อนสวย ๆ อีกหลายคน เดี๋ยว!แนะนำให้รู้จัก” เธอบอกในขณะที่เดินกลับมาลากไม้ที่เพิง
“คุณน่ารักขนาดนี้ทำไมไม่มีแฟนคลับ? ผมขอสมัครเป็น Fc คนแรกของคุณนะ ผมจะคอยเชียร์”
“มีสิคะ! หนูก็เนื้อหอม คนตามหนูเป็นหมื่น” ยายฝาหลุนกงยิ้มบิดตัว คนสองคนแตกต่างกันสิ้นเชิง คนที่ดูจะมีอนาคตสดใสกลับไปถามความเห็นจากคนที่ดูเหมือนชีวิตกำลังเลือนราง
เธอยิ้มเริงร่าสดใส หันมองซ้าย-ขวาเหมือนจะหาของ แล้วก้มมองเสื้อตัวเองก่อนจะหันมามองฉัน สายตาเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง
“แทน! ต้องหนาวแน่ ๆ เลย หนูก็ไม่มีเสื้อใส่แล้ว มีแค่เนี้ยะ!” เธอบอกแล้วดึงเสื้อยืดสีมอ ทั้งเก่าทั้งขาดวิ่น ยังดีที่แทนทำชุดให้ใส
“หนูนอนหนาวมาหลายวันแล้ว จะถอดให้ก็ไม่มีเสื้อใส่กลับบ้าน คุณต้องหนาวมากแน่ ๆ เลย อนนี่ช่วยคิดหน่อยสิ” เธอโผมาหา
“หือ!” ฉันจะไปหาเสื้อผ้าที่ไหนมา ถ้าหาได้ฉันไม่ต้องนอนกางเกงเปียกให้คันตูดหรอก
ทันใดนั้น..
“อนนี่ถอดกางเกงยีนไว้ให้แทนสิ แล้วเอาผ้านุ่งกลับไปก็ได้” เธอเดินมาจับฉันถอดกางเกง
“ฮื้อ!!” ฉันดิ้นเดินหนี...
“จะบ้ารึไง? เขาจะเอาไปทำอะไร?” ฉันไม่เล่นด้วย เธอคิดเองก็ทำเองสิ มาถอดของฉันทำไม? แต่ไป่ไป๋ไม่ยอมปล้ำจะถอดให้ได้…
“ถอดมามันเก่าแล้ว” สุดท้าย...ฉันเลยต้องยอมถอดกางเกงให้ไป ถ้าไม่มีกางเกงยีนชุดใบไม้ของแทนก็โคตรคันเลย
ผ้านุ่งก็อยู่ในเพิงโน่น ฉันต้องเดินโป๊อีก ยายนี่จริง ๆ เชียว
“จะเอาไปทำอะไร?” ฉันเสียงเขียว
เธอยิ้มหน้าบานเอากางเกงไปยื่นให้ เขาขมวดคิ้วหน้ายุ่ง รับไปถืออย่างไม่เข้าใจ
“แทนคะ! เผื่อหนาวมาก ๆ คุณเอาแขนใส่ในขากางเกงก็ได้หรือเอาไว้หนุนหัวก็ได้ ผ้ามีประโยชน์หลายอย่าง คุณค่อย ๆ คิดดูนะ หนูเป็นห่วงคุณนะคะ” เธอโคตรนอบน้อมเลย อยากมอบถ้วยรางวัลความมีน้ำใจงามแห่งชาติให้กับเธอเหลือเกิน ถอดกางเกงของฉันไปให้เขาก็ได้ด้วย น้ำตาจะไหล ใจดีเหลือเกินยายฝ่าหลุนกง
แต่ก็อดยิ้มกับความคิดของเธอไม่ได้ เขาเลิกคิ้วมองหน้าฉัน แล้วพยักหน้าเป็นเชิงถามว่าตกลงไหม?
“ได้ค่ะ! คุณเอาไปเลย” ฉันแวบคิดขึ้นมา เคยตั้งใจจะช่วยเขานี่นา อยากจะถอดทั้งตัวให้เขาไปเลย ถ้าจะช่วยให้เขารอดชีวิตได้ ฉันจะทำทุกอย่าง ไม่มีข้อแม้
ยายเด็กนั่นยังไม่เลิกมอง ฉันรีบเดินหนีเดี๋ยวซวยอีก บทจะดีกัน ก็ดีกันซะจนตั้งตัวไม่ทัน
เชื่อเถอะ! ไม่เกินชั่วโมงก็ทะเลาะกัน คุยกันได้เรื่องเดียวนั่นแหละ เรื่องไอดอลเกาหลี
“คุณว่าอนนี่สวยมั้ย?” เธอเอียงตัวกระแซะ
“สวยสิ! นาตาลีสวยมาก สวยหวาน คุณก็สวย สาวเปรี้ยว สวยผงะทั้งคู่เลย ผมโชคดีจะตายที่ได้ดูแลคนสวยตั้ง 2 คน” ตาย ๆ ยายน้องยืนบิดม้วนเป็นผ้าขี้ริ้วไปแล้ว เขาตอบถูกใจ
“คุณชอบไอดอลเกาหลีบ้างหรือเปล่าคะ?” เธอเข้าไปฉอเลาะยิ้มหวาน รักกันปานจะแหกตูดดม ท่าทางอ่อนน้อมเข้าหากัน ดูไปก็น่ารักดี
เธอตัวสูงเหมาะสมกับเขา เวลาเธอลืมตัวหัวเราะล้อเล่นกับเขาเหมือนคู่รักกัน ถ้าสองคนนี้รักกันก็ดีนะ
“อ๋อ!..ชอบครับ ผมชอบ คิมโกอึน นางเอกเรื่องกอบลินน่ะ ใบหน้าของเธอคล้าย ๆ จูยอนของเราเหมือนกันนะ” เขาตอบยิ้มกว้าง เข้าทางยายน้องตาโตระริกระรี้ ส่วนฉันยังคงไม่รู้จักเหมือนเดิม รู้แต่ว่าจูยอนของฉันสวยแข็งทื่อทีเดียว ซื้ออุปกรณ์ติดตามตัว กับโทรศัพท์มือสองให้ไป ตอนนี้คงไปเกาหลีใต้แล้วมั้ง?
“หนูก็ชอบ! ตอนที่เห็นจูยอนแวบแรก หนูยังแปลกใจว่า คิมโกอึนมามุดรถบรรทุกได้ยังไง? แล้วคุณชอบผู้หญิงประเทศไหนคะ?” เธอยิ้มบิดตัวส่ายไปมา
“จีนครับ!” เขาตอบอย่างนี้ก็ยิ่งเข้าทางสิ
“หึ๋ย!น่ารักนะเนี่ย!” ยายหมวยหัวเราะเอิ้กอ้ากเบิกบานใจ เดินวนพันแข้งพันขา เหมือนหมาดีใจ
“แทนคะ! คุณว่าผู้หญิงเกาหลีสวยมั้ยคะ?” เธอฉอเลาะก้มหลังรวบไม้มารวมกันแล้วลากมันไป
ฉันไม่สนใจเรื่องนี้อยู่แล้วเดินเลี่ยงออกห่าง เธอเดินยิ้มกว้างตามก้นเขาติด เป็นการขนไม้ที่ไม่เหนื่อยเลยสินะยายน้อง
“ผมบอกอย่างนี้ดีกว่านะครับ สาวเกาหลี สาวจีน และสาวจากKala Democracyเดินมาประเทศละ10 คน สำหรับสาวเกาหลีจะมีคนที่พอดูได้ 2 คน สวย 1คน สาวจีนเดินมาจะมีคนที่พอดูได้ 2 คน สวย 6 คน สาวจาก KLD เดินมาจะมีคนที่พอดูได้1คน สวย 9 คน นี่เรื่องจริง” เขายืนยันหนักแน่นแล้วรับไม้จากเธอลงไปวาง
“9 คนนั้น กระเทยรึป่าว? บ้านคุณ คนสวยเป็นกะเทยหมด”
“รู้ด้วยเหรอ?”
“ผู้ชายจีน มันกลัวจะตาย มันเอามาโพสต์แฉในเว่ยป๋อ ว่ามันโดนหลอก เรื่องนี้จีนซีเรียสค่ะ และไม่ยอมรับด้วย ประเทศที่บ้าสงคราม ผู้ชายจะทำตัวอ่อนแอไม่ได้ มันเหยียดเพศ”
“แต่ที่ผมบอกเป็นผู้หญิงจริง”
“เทียบกับหนูได้รึป่าว?” เธอเดินเข้าไปเอียงคอแหงนมอง กะพริบตาปิ๊ง ๆ คงกะว่า เขาจะชมกลับ
แต่...
“แบบคุณนี่ปลายแถว!” เขาบอกสีหน้าปรกติ
ยายน้องหันขวับ...
“ปลายแถว!” อุ้ย!เสียงสูงเชียว โดนแน่ เขาก้มหน้าหอบไม้หมุนตัวจะเดินต่อ แต่เธอดึงแขนไว้ ซวยแล้ว...
“พูดใหม่ซิ! สาวจีนสวยกว่า” เธอเขย่งจ้องหน้า เขาจ้องตาสู้ ต่างคนต่างไม่ยอม ส่งแสงไฟปะทะกันปิ๊งปั๊ง
แทนย่นจมูก...
“งั้น ๆ!!”
ถ้าเขาตอบอย่างนี้โดนแน่ ฉันรีบเดินหนีแยกตัวออกห่าง ฉันสัญญาจะไม่เข้าไปห้าม ถ้าทั้งสองทะเลาะกันจะปล่อยให้ตีกันให้หัวร้างข้างแตกกันไปข้างหนึ่งเลย คอยดูสิ!
“งั้น ๆ เหรอ? ไปหามาเลย ใครก็ได้มาเทียบกับหนู หนูว่าหนูคนเดียวก็ชนะคนของคุณทั้ง 9 คนนั่น เนอะอนนี่เนอะ?” เธอจะหันมาเนอะทำไม ฉันไม่เกี่ยว รีบเดินหนีไปลากไม้...บอกแล้วไม่เกินชั่วโมงกัดกันแน่
“บ้านผมมีแต่คนสวยกว่าคุณอีก จริง ๆ อย่างคุณไม่ต้องเทียบกับผู้หญิงหรอก แค่กะเทยแถวสองก็กินขาดแล้ว เทียบไม่ติดหรอก” เขายังยืนยันหนักแน่น
ฉันคิดว่าสงครามกำลังจะเกิดแล้ว เผ่นดีกว่าเหลือบไปมองไป่ไป๋...เอาแล้ว! ยายนั่นปากจู๋ถูจมูกแล้ว กัดฟันกำหมัดเดินวนไปมาเป็นหมาโดนล่าม แทนคุณซวยแล้วล่ะ
เธอยืดอกมองเมิน...
“หนู! ถ่ายปกนิตยสารแฟชั่นด้วยตั้งแต่ 8 ขวบ หนูเดินแบบด้วย นักแสดงตัวประกอบก็เป็น หนูทำงานเองตั้งแต่อายุ15 แล้ว มีคนมาติดต่อหนูไปถ่ายแบบทุกวัน เชอะ! ขี้เกียจคุย FC ของหนูเพียบ” เธอเดินหน้ายับมาหาฉันแล้ว ขอเถอะ...ฉันจะขนไม้ ไม่อยากเป็นกรรมการห้ามทัพ
แทนเดินปรี่แทรกปาดหน้าเข้ามา…
“แล้วไง?” เขายิ้มยียวน กระแทกไหล่เธอกระเด็นเซ
สงครามเริ่มแล้ว ...
เธอหันมอง กัดฟันค้อนตาคว่ำ เดินปรี่เข้ามายกมือจะตบ เขายกมือบัง เธอเตะเข้าที่หน้าแข้ง...
“โอ๊ย!” ทั้งคู่ร้องพร้อมกัน ต่างก็กระโดดเหยงหน้าบิดเบี้ยว
“คุณทำหนูเจ็บนะ!” เธอทรุดนั่งจับปลายเท้าของตัวเอง เขารีบก้มลงไปถอดรองเท้าหุ้มข้อแล้วบีบเท้าให้
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ยายตัวแสบหัวเราะหน้าบาน ฉันมองยิ้มปลื้ม เขาบีบเท้าให้น้องอย่างนุ่มนวล สายตาของเขาอบอุ่นมาก ดูแลน้องอย่างดี
“เล่นอย่างนี้ เดี๋ยวก็เจ็บตัวไปออดิชั่นไม่ได้หรอก” เขาสวมรองเท้าแล้วผูกเชือกให้ ปากก็พร่ำพูด...
“นี่! ผมมาคิดดูแล้ว คุณสวยกว่านิดนึง คุณน่าจะได้ถ้วย!” เขาก้มหน้าอมยิ้ม บีบดัดข้อขา ยายน้องยิ้มกว้างเชียว...
“ใช่ป่ะ! กะแล้วว่า คุณต้องมองพลาด หนูสวย!” แล้วเธอก็ยิ้มกริ่ม ยายบ้า!
“อากาศหนาวแล้ว คุณต้องนอนห่มผ้านะ แต่จะเอาผ้าที่ไหนล่ะ? เสื้อกับกางเกงของหนูก็ตัวนิดเดียว เสื้อเชิ้ต 2 ตัวก็ขาดหมดแล้ว ทำไงดีนะ?” เธอมองหาตัวช่วย ดูเป็นห่วงเป็นใยเขาเหลือเกิน
ฉันยืนยิ้มมอง แอบชื่นชมในใจ ดีแล้วไป่ไป๋!...เขาไม่ใช่แค่คนรู้จักอีกต่อไปแล้วนะ เขาเป็นเพื่อนที่มีบุญคุณกับเรา ทำดีตอบแทนเขาบ้าง
เธอหันมายิ้มสบตา... ฉันสะดุ้งเฮือก รีบก้มหน้าหลบสายตาไม่อยากยุ่งด้วย สายตาแบบนี้ ต้องมีอะไรสักเรื่อง คอยดูสิ! หลอนกับความใจดีพิลึกของเธอจริง ๆ กางเกงของฉัน เธอก็เอาไปแล้ว ผ้านุ่งที่เอามาพันเอวก็ลื่นหลุดตลอด
“อนนี่! หนูว่า เสื้อของอนนี่ก็เก่าแล้ว เดี๋ยวออกไปข้างนอกค่อยซื้อใหม่ก็ได้ ถอดไว้ให้แทนเถอะ!” นั่นไง!...กะแล้วเชียว เดินลอยหน้ามองมาที่เสื้อยืดมอมแมมของฉัน /ของเธอก็มีไม่ต่างกันทำไมไม่ดูมั่งล่ะ?/ เดินหนี คิดในใจ...ไปไกล ๆ เลยนะ อย่ามายุ่งกับฉัน
“อนนี่คะ!” เธอยังจะเดินตามมาอีก ฉันทำหูทวนลมเดินหนี
“อนนี่!” เธอเพิ่มเสียงเรียก ฉันหยุดเดิน
“!!!!!!” ฉันไม่ถอดเสื้อนะ ไม่ถอดเด็ดขาด กลั้นใจลุ้นว่า เธอจะพูดอะไร?
“ถ้าเรือจะมามันจะมาจากทางไหนคะ?”
“เฮ้อ!” เธอถามเรื่องนี้ค่อยโล่งใจหน่อย ฉันชี้มือเลยน้ำตกใหญ่ไปที่ปลายแหลมของภูเขาทางใต้
พลันสายตาสะดุดเห็นเรือลำเล็กสะท้อนแสงแดดแวบวับ แล่นแหวกน้ำกระจายมาทางเรา หัวใจฉันพองฟูลิงโลด...
“มีเรือมา! ฉันได้กลับแล้ว ยู้ฮู! ฉันได้กลับแล้ว ยู้ฮู!” ฉันกระโดดชี้ไปที่เรือ แทนและไป่ไป๋ยิ้มร่า ฉันรอดแล้วยิ้มดีใจโลกสว่างไสวดอกไม้บาน ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่ากำลังเจอกับอะไร?
.......................................................................................
