• ตอบกระทู้
  • ตั้งกระทู้ใหม่
QUOTE 

มองการท่องเที่ยวแบบมีความสุข หาความสุขได้จากการมองโลกอีกมุมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวกับคนที่เราไม่รู้จัก ตอนที่ 7

เจ้าของร้าน

เพื่อนเราอีกกลุ่มก็คือกลุ่มของเฮียสี่ ทำตัวเหมือนไอ้กระเทยคือเดินเอามือกอดอก ต่อราคาของร้านต่างๆแต่ก็ไม่ซื้ออะไร ติไปหมด ตีราคาของเปรียบเทียบกับประเทศโน้นประเทศนี้ โชว์พราวน่ะ เราก็ดูพวกเขาเพลินๆและก็นินทาพวกเขาอย่างสนุกปากหัวเราะกันอยู่สองคน โดยที่คนเหล่านั้นไม่รู้หรอกว่า เรานินทามัน  ยังจะมีหน้ามายิ้มให้อีก พอเรือกลับมาถึงท่ารถก็เดินทางต่อเลยไปเพื่อทำบัตรสำหรับเที่ยวชมโบราณสถาน เป็นลานกว้างๆ รถจอดเต็มไปหมด ต้องต่อแถวยาวเรียงหนึ่งเหยียดรอถ่ายรูป แล้วเราก็ได้บัตรประจำตัวมาคนละ 1 ใบ หลังจากนั้นก็นั่งรถไปอีกประมาณชั่วโมงก็มาถึง ปราสาทพนมบาเคง

           ปราสาทนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาต้องเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 1 ก.ม. พอรถจอดก็เดินตามธงเขียวเหมือนเดิม

“เฮ้ย แทนลุงเป็นอะไรไม่รู้ว่ะเวียนหัว เดินแล้วเหมือนมันจะล้ม”ผมบอกพร้อมกับจับแขนแทนเอาไว้

“ผมก็เป็น”แทนตอบสวนกลับทันที

“อ้าว แล้วมันเป็นอะไรวะ”เออ อยู่ๆก็มีอาการเดียวกัน

“โธ่ลุง นั่งรถมามันก็เหวี่ยงเรามาทั้งทาง แล้วมาลงเรืออีก นี่ตอนนี้ก็ยังเหมือนอยู่ในเรือเลย”

ทีแรกก็ตกใจเหมือนกันกลัวจะไม่สบาย พอมาเป็นเหมือนกันก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย บนเขาพนมบาเคงเป็นปราสาทขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดเขา คนขึ้นมาเยอะมาก ทุกคนที่มาที่นี่จะมีเป้าหมายเดียวกันคือขึ้นไปบนยอดปราสาทเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน เราก็จะดูเหมือนกันมันตกแตกต่างกว่าที่อื่นตรงไหน

อย่างที่บอก คนเยอะมากและเจ้าหน้าที่กำหนดให้ขึ้นได้แค่ 300 คนเท่านั้น  คนต่อแถวกันยาวเหยียด เราก็เลยไม่ได้ขึ้นเสียดายไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกที่เขมร ถ้าไปต่อแถวสงสัยเหมือนกันว่าจะได้ดูพระอาทิตย์ตกวันนี้ หรือจะได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้ก็ไม่รู้  ได้แต่เดินถ่ายรูปรอบๆปราสาท แต่ก็ยังพยายามหาทางขึ้นทางอื่นไม่ต้องรอคิว แล้วก็เดินมาเห็นทางขึ้น ซึ่งอยู่ด้านหลังปราสาท ชวนแทนไปขึ้นทางนี้กัน

โดนไล่เขาไม่ให้ขึ้น  นี่มันทางลง  จ๋อยไปเลย

ไม่มีอะไรแล้วลงข้างล่างดูร้านขายของกันดีกว่า ที่สังเกตได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวไม่มีร้านขายอาหาร ไม่มีร้านก๋วยเตี๋ยวส้มตำน้ำตกเหมือนบ้านเรา ส่วนใหญ่ขายของที่ระลึกกับน้ำ และจะมีเด็กๆวันรุ่นเดินขายหนังสือประวัติปราสาทพนมบาเคงซึ่งเราก็ไม่ได้ซื้อมาเพราะมันเป็นภาษาอังกฤษ  อ่านไม่ออกง่ะ  ไอ้หนังสือนี่เป็นเรื่องตลกมากหลังจากขึ้นรถเตรียมตัวกลับโรงแรมทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว แต่รถก็ยังไม่ออกเพราะต้องรอผู้หญิงอีกคนหนึ่งซื้อหนังสืออยู่ข้างล่าง พอเจ้าหล่อนขึ้นรถ เฮียสี่ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆผมก็ถามด้วยเสียงดังเลยว่า

ซื้อหนังสือมาเล่มละเท่าไหร่ครับ

300ค่ะ” หล่อนตอบด้วยความภาคภูมิใจ พร้อมชูหนังสือในมือให้ดู เหมือนจะอวดทุกคน ใบหน้ายิ้มแย้มแบบมีความสุข เหมือนเด็กๆได้ของขวัญถูกใจ

“เนี่ย! ถูกมาเลยนะคะ ถามมาหลายคนแล้วขาย 400-500 บาททั้งนั้นเลย” ผมดูจากสีหน้าแววตาเธอมั่นใจอย่างนั้นจริงๆ  คงดีใจที่ได้ของถูกใจในราคาถูกต้อง  ทุกคนก็ยิ้มและพลอยดีใจไปกับเธอด้วย

“แพง..........” เฮียสี่เสือกพูดซะดังเลย ทุกคนเลยหันมามองทางแก

“หนังสือนี่ 100 ผมยังว่าแพงเลย เมื่อกี๊มีเด็กมาขาย150 ผมยังไม่เอาเลย” เฮียสี่ตอบแบบไม่รักษาน้ำใจกันเลย ผมเองก็ตกใจ พอหันกลับไปเห็นสีหน้าของผู้หญิงคนนั้น อดสงสารไม่ได้ เหมือนรถยนต์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วมีหมาตัดหน้าต้องเบรกกะทันหัน ความภาคภูมิใจของเธอหมดไปในพริบตาตอนนี้ท่าทางเธอ เก้อๆ เหวอๆ อึกอักๆ หมดความเชื่อมั่นในตัวเอง หล่อนทำตัวไม่ถูกเลย ทุกคนในรถก็เสือกพร้อมใจกันเงียบอีก เธอรีบนั่งลงอย่างเร็ว ผมหันไปบอกแทนว่า

“มึงซื้ออะไรมา มึงอย่าให้มันเห็นนะ ถ้ามึงไม่อยากเป็นอย่างนั้น”

แสดงความคิดเห็นที่ 0-0 จากทั้งหมด 0 ความคิดเห็น

จำนวนผู้มาเยือน

หน้าที่เข้าชม12,869 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด10,985 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท14 ก.ย. 2568

สมาชิก

พูดคุย-สอบถาม