นั่งพักพอหายเหนื่อยก็ชวนแทนเดินขึ้น พอเดินผ่านเชือกเข้าไปเจ้าหน้าที่บอกให้หยุด ในเสี้ยววินาทีนั้นคิดในใจว่าจะเกิดอะไรกับกูอีกวะนี่ ไกด์ก็ไม่ได้มาด้วย ตัวช่วยก็ไม่มี ภาษาเขมรก็พูดไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็ไม่แข็งแรง เสือกเดินกันมาก่อน 2 คน เกิดอะไรขึ้นใครจะช่วย คือตกใจ ใจเต้นเลย วิตกด้วยกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิด แล้วเจ้าหน้าที่ก็ยกป้ายขึ้นมาอันหนึ่ง เป็นป้ายรูปหมวกแล้วก็ขีดกากบาท เราก็เลยโล่งใจ ที่นี่ห้ามสวมหมวกและนุ่งกางเกงขาสั้นที่เลยหัวเข่าขึ้นไปข้างบน เราปีนบันไดกันขึ้นไปข้างบนสูงพอสมควร พอถึงด้านบนลมแทบจับ ผมกับแทนเสื้อเปียกหมดเหมือนไปเดินตากฝนมา เหนื่อย แต่ยังดีที่ข้างบนมีลมและไม่ร้อน บอกให้น้องแทนหายใจลึกๆเดินช้าๆไม่ต้องรีบ คนอื่นยังมาไม่ถึงหรอก กำลังยืนหอบกันอยู่ยังไม่ทันเดินต่อเลย พี่ใหญ่เดินสวนทางกลับออกมา อ้าว?มาตั้งแต่เมื่อไหร่ จะกลับกันแล้วเหรอ กูพึ่งมาถึง อ้าวเฮียสี่ ทุกคนอยู่บนนี้กันหมดแล้ว กูหลงอยู่2คน รีบเดินก่อนข้างบนกว้างเป็นสี่เหลี่ยม มีพระประจำอยู่ทุกทิศและมีพระประธานอยู่กลางปราสาท เราก็เดินไหว้พระมาตามทาง พระส่วนใหญ่โดนประหารชีวิตเพราะหัวขาด มีพระปรางนาคปรกทีหัวไม่ขาด คงตัดยากเพราะติดพญานาคล่ะมั้ง เรารีบเดินจนมาลงพร้อมกับคนอื่นๆ
ตอนนี้ต้องรีบเข้าไปรวมกลุ่มเดี๋ยวหลงอีก
ไกด์พาไปดูรูปสลักข้างกำแพงเล่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามไทย เขมร เวียตนาม จีน ข้างกำแพงยาวมาก ไกด์ก็พูดไปเรื่อย เราก็เดินตามด้วยความจำนน จนมาถึงทางขึ้นปราสาทที่บอกไว้ทีแรกที่เขาเอาไม้กั้นไว้ไม่ให้ขึ้น ไกด์เล่าให้ฟังว่า
“เมื่อก่อนนี้ก็ให้ขึ้นได้ทั้ง 4 ทางนะครับท่าน แต่มีนักท่องเที่ยวเกาหลีตกลงมาขาหัก ทางการเลยปิดไม่ให้ขึ้นอีกเลย” พร้อมกับเล่าเรื่องโจ๊กเขมรให้ฟังพอขำๆเรื่องที่ห้ามนุ่งสั้นขึ้นปราสาท แกเล่าว่ามีชาวเขมรที่ไปใช้ชีวิตที่อเมริกามาเที่ยวที่นี่ แล้วก็ปีนขึ้นไปข้างบนกับแฟน ตอนขาลงผู้ชายลงมาก่อน ก็มารออยู่ข้างล่าง พอแหงนหน้าขึ้นไปมองข้างบนก็เห็นกางเกงในของแฟนจึงตะโกนบอกแฟนหญิงว่า
“หลบไปก่อนๆ เดี๋ยวคนเห็นกางเกงในหรอก”ตะโกนบอกพร้อมโบกมือหลายทีเนื่องจากมันสูง พอผู้หญิงรับรู้ก็หลบเข้าไปข้างใน........... สักพักก็ออกมาอีก
“จะออกมาทำไมอีก รอให้คนกลับหมดก่อนแล้วค่อยออกมา”ผู้ชายโบกมือให้หลบเข้าไป
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันถอดกางเกงในออกแล้ว ไม่เห็นกางเกงในหรอก”
“???????”
พวกเราก็ได้หัวเราะกันพอหายเหนื่อย พี่ใหญ่สวนออกมาทันที
“ เรื่องอย่างนี้ทำไมไม่เล่าในรถ” กำลังหัวเราะกันอยู่ อ้าปากค้างกันไปหมด
ไปดีกว่ากู ผมเดินหลีกมาทางกลุ่มเฮียสี่ที่กำลังวิจารณ์เรื่องพระกันอย่างออกรสชาติ ท่าทางจะศรัทธากันมาก ผมถามไปกลางวงแกว่า
“เฮียครับ เฮียว่าพระนี่ศักดิ์สิทธิ์ไม๊ครับ”
“ศักดิ์สิทธิ์ซิคุณ พระนี่นะผ่านมาไม่รู้กี่ร้อยปี ผ่านการพุทธาภิเษกไม่รู้กี่หน” หนึ่งในนั้นก็ตอบด้วยความเชื่อมั่น และศรัทธา น้ำเสียงจริงจัง พวกที่เหลือก็เออ ออห่อหมกด้วย
“ถามทำไมรึครับ”เฮียแกถามกลับ”
“ผมว่าไม่น่าจะศักดิ์สิทธิ์นะครับ”ผมตอบเรียบๆ พวกเฮียสี่ทำหน้าสงสัย คิ้วขมวด คงคิดว่าผมเอาอะไรมาพูด ลองของเหรอ เท่าที่ผมสังเกตดูมีเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวเลยมั้งที่บรรดาสี่พี่น้องนี่คุยไปในทางเดียวกัน ไม่เถียงกัน ใครมีความรู้เรื่องอะไรก็มาพูดเสริมกันไม่ขัดกัน
หน้าที่เข้าชม | 12,863 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,979 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |