เสร็จแล้วก็มารอขึ้นรถ ระหว่างรอรถนานมาก อากาศก็ร้อนด้วย เฮียสี่เดินกอดอกท่าเดิมมาหา ผมรีบบอก
“แทน มึงอย่าให้เฮียสี่เห็นของนะ” เจ้าแทนรีบเก็บยัดของใส่เสื้อยืด ซึ่งปรกติเป็นคนอ้วนอยู่แล้ว ใส่ของเข้าไปอีกอ้วนไปใหญ่ จนเฮียสี่เดินมาถึง
“นี่มันคงให้เรารออีกนาน มันต้องการให้เราซื้อของ มันจะได้ๆเปอร์เซ็นต์จากการขาย”แกบ่นด้วยความหงุดหงิด ผมยิ้มตอบแกไป โดยไม่ได้พูดอะไร
“เมื่อก่อนตอนวัยรุ่น ผมเคยมาที่นี่นะ”แกชวนคุย
“เหรอเฮีย เมื่อก่อนที่นี่เป็นยังไง” เท่านั้นแหละครับ ประวัติการเดินทางของชีวิตอันยาวเหยียดของแกก็ออกมาเป็นชุด แกก็เล่าไปผมก็ฟังแกพูดไปเรื่อย แต่สุดท้ายนี่ผมถึงรู้ว่า แกไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันอย่างที่แกบอกกับตากล้องผู้น่าสงสารคนนั้น แกบอกว่าแกไม่เคยได้อยู่ด้วยกันเลย ไม่เคยเที่ยวไหนด้วยกัน งานนี้เป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวด้วยกันเพราะมีเพื่อนออกค่าทัวร์ให้เลยได้มาด้วยกัน กำลังคุยกันเพลินๆสามีพี่ใหญ่ก็เดินเขามาฟังเราคุยกัน สักพักแกก็ถามว่า
“หัวลูกชาย เป็นมานานรึยังครับ” แกพูดพร้อมชี้ไปที่หัวเจ้าแทน แทนเป็นเด็กหัวบาก เป็นรอยบากที่ไม่มีผมขึ้นมาตั้งแต่เกิด แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นปมด้อยของแทนเลย
“เป็นมาตั้งแต่เกิดแล้วครับ”ผมตอบโดยหันไปมองแทน ซึ่งกำลังขำอยู่ มันรู้ว่าผมไม่ใช่พ่อมัน พอเห็นคนมาถามอย่างนี้ ไอ้นี่หัวร่อตายเลย
“พอดีลูกสาวผมเคยเป็นอย่างนี้ ผมพาไปฉีดฮอร์โมน ผมก็ขึ้น นึกว่าลูกชายคุณพึ่งเป็น จะแนะนำหมอให้ ลูกสาวผมก็เป็นหมอ”แกพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าลูกสาว ซึ่งยืนยิ้มอยู่ข้างๆคุณหมอเป็นเด็กสาวที่พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ อายุไม่น่าจะเกิน 30 ปีเชื้อสายจีนตามบรรพบุรุษ หน้าตาธรรมดาไม่ขี้เหร่แต่ก็ไม่ได้สวย ตัวผอม สูงประมาณ 160 ซ.ม.
“ขอบคุณ ครับ รอยบากนี้ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ” และคิดในใจว่าแกก็มีน้ำใจดีเหมือนกันนะ หรือว่าจะทำเพื่อที่จะขอบคุณผมที่พยักหน้าให้เมียแกตอน”ใช่ไม๊คุณ””ผมตอบทุกคนแบบยิ้มๆแล้วเสริมต่อไปว่า
“ เห็นมันจะให้ช่างตัดผมบากอีก 3 แถว มันบอกว่าน้อยไป” ทุกคนก็หัวร่อไปกับอาการอายของแทนที่โดนผมอำ
“รถมาแล้วขึ้นรถกันดีกว่า”เสียงใสๆคุณหมอจากครอบครัวสุขสันต์เรียกทุกคน พวกเราก็ขึ้นรถเดินทางกันต่อเพื่อกินอาหารมื้อสุดท้ายที่กัมพูชา ขับรถมาประมาณ 20 นาทีก็ถึงร้านอาหารชื่อโลตัส เป็นภัตตาคาร ตึก2 ชั้นข้างในมีลูกค้าเต็มร้านเป็นลูกทัวร์ชุดก่อนที่เข้ามายังกินกันไม่เสร็จ ต้องรอกันนิดหน่อยเพราะไม่มีโต๊ะนั่ง วันนี้ได้นั่งกินเข้าร่วมโต๊ะกับกระเทยควายและแม่ ผมกับแทน 4 คน ในขณะที่คนอื่นๆนั่งกัน 8 คน อาหารร้านนี้อร่อยที่สุด อร่อยกว่าร้านในเมืองไทยเราอีก อาหารดีมาก มีปลาม้านึ่งซีอิ้วตัวเบ้อเร่อเลย ซึ่งปลาม้าในบ้านเราหากินยากมากและก็ราคาแพงมาก ด้วยความที่เรานั่งกันน้อยก็กินกันแบบเรื่อยๆชิวชิวไม่ต้องแย่งกับใคร จะไม่มีเกิดขึ้นเลย ถ้าบ๋อยไม่เอาซี่โครงหมูชิ้นเล็กๆทอดกระเทียมมาเสริฟ จากกระเทยควายกลายเป็นปอบไปทันที มันใช้มือที่มีทั้งหมดของมันยัดกระดูกหมูเข้าปากแบบไม่มองหน้าใครเลย เคี้ยวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมได้แต่มองหน้ากับเจ้าแทน กินไม่ทันมันเลย เราได้คนละชิ้นที่เหลือมันกินคนเดียวกินเหมือนกลัวคนแย่งมัน เอามือมาป้องไว้ด้วยกลัวผมหยิบ เป็นภาพที่ตลกที่สุดอีกภาพสำหรับการเดินทางครั้งนี้ มันเลยอยู่ในความทรงจำบอกให้รู้ว่า คราวหน้าถ้าไปไหนอย่านั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับกระเทย
กินเสร็จก็ออกมานั่งสูบบุหรี่รอรถขึ้นข้างนอกร้านเดินผ่านกลุ่มไกด์ไทย มีเสียงหวานๆทักมาอีกแล้ว
“กับข้าวอร่อยไม๊พี่”น้องโอเล่เจ้าเดิมเดินมาถาม พร้อมรอยยิ้ม
“กับข้าวอร่อยามากครับ อร่อยที่สุดเลย”
“กระดูกหมูกอร่อยมากเลยนะพี่ ไม่รู้เขาหมักกับอะไร”เธอชวนคุยต่อเหมือนกับต้องการให้เราช่วยออกความเห็นเรื่องอาหาร
“ฮื่อ อร่อยมาก อร่อยมากจนไม่ได้กินเลยว่ะ”ผมพูดจบ ไอ้แทนก็ปล่อยก๊ากเลย จนทำให้เธอสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ทำไมล่ะพี่”
“ไอ้ตุ๊ด แม่งแดกอยู่คนเดียวเลย กินไม่ทันมัน ”
“โห!ตั้งหลายชิ้นนะพี่” พวกเราก็หัวเราะกันไม่ได้คิดโกรธมันหรอกเพราะเราได้กินปลาตัวใหญ่กว่า พอเสร็จก็เดินไปขึ้นรถระหว่างทางเดิน เจอขอทานวัยรุ่นคนหนึ่งเดินแบมือขอคนที่เดินผ่านมาทุกคน ไม่มีคนให้ ผมก็เหมือนคนอื่นคือไม่ให้เพราะตอนนั้นไม่มีเศษเงินแล้วมีแต่แบ็งค์พัน ก็เลยไม่ได้ให้ เขาเลือกที่จะเดินตามผม พูดอะไรก็ไม่รู้ ผมก็ได้แต่โบกมือ จนผมเดินมาถึงรถ เขาก้มลงกอดขาผมไว้ไม่ให้ขึ้นรถ ผมตกใจมากหันไปหาเจ้าแทนหวังจะให้มันช่วย เจ้าแทนโดขึ้นรถวิ่งหนีเข้าที่นั่งไปแล้ว มันรักผมจริงๆ ผมหันไปมองโอเล่ เธอหัวร่อจนกองกับพื้นไปแล้ว ผมเลยต้องนั่งลง ค่อยๆแกะมือแล้วก็บอกเขาว่าไม่มีเงิน ขอคนอื่นเถอะ ไม่รู้ว่ามันเข้าใจหรือเปล่าเพราะผมพูดภาษาไทยกับเขา แต่ก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี แต่สิ่งที่ตามมาคือโคตรอายเลยเล่นกอดขากูกลางถนนเลย
หน้าที่เข้าชม | 12,859 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,975 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |