ผมจะหาอะไรมาเล่าให้แทนฟังตลอดทาง ถ้าเราไม่หลับ แทนก็จะหัวเราะอย่างนี้ตลอด ภาพที่ทุกคนในรถเห็นจะคิดว่าพ่อลูกคู่นี้สนิทกันดีจัง พอขึ้นรถเสร็จไกด์ก็บอกเป้าหมายต่อไปว่ากำลังเดินทางไป โตนเลสาป ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของเอเชีย ที่1กับที่2 อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ไกด์มันไม่ได้บอก ตอนนี้เราเริ่มตื่นจากอาการง่วงกันแล้วเพราะได้นอนมาเต็มที่แล้ว ได้กินแล้ว ก็มีโอกาสได้สังเกตผู้คนในรถมากขึ้น นอกจากครอบครัวสุขสันต์ของพี่ใหญ่ที่มากัน 8-9 คนแล้วส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัว 2 คนผัวเมียบ้าง แม่-ลูกบ้าง มีมาคนเดียวก็มีเป็นผู้สูงอายุผู้ชาย ที่น่าสนใจก็นั่งอยู่ข้างๆเรานี่เองเป็นกลุ่มผู้ชายวัย 45-60ปีมากัน 4 คนใส่แว่นเหมือนกันหมดและตัวเตี้ย ท่าทางการศึกษาดี มีชาติตระกูล เป็นคนจีน เคยเดินทางต่างประเทศมาเยอะสังเกตจากการคุย ดูจะรู้ทันชาวบ้านไปหมด ชอบออกความเห็น คุยกันเสียงดัง ผมสนใจกลุ่มนี้เป็นพิเศษ จึงตั้งชื่อให้ว่า
“เฮียสี่”
เฮียสี่เป็นสรรพนามแทน 4 คนนี้เพื่อจะได้คุยกับแทนเข้าใจ เพราะแกมีลักษณะพิเศษเป็นจุดเด่น ขึ้นรถมาพอผ่านเมืองเจอต้นไม้ใหญ่ๆหน่อยแกก็ชื่นชม ตีราคาต้นไม้เป็นเงินเท่าโน้นเท่านี้บาท แล้วก็มาสรุปว่าถ้าอยู่เมืองไทยคงหมดไปแล้วเพราะนักการเมืองชั่ว อะไรก็ตามข้างทางที่แกเห็นว่าดีสุดท้ายแกต้องมาลงกับนักการเมืองไทยทุกที น่าสงสารนักการเมืองไทยนะชั่วไปหมดในสายตาของแก
นั่งรถมาเรื่อยๆประมาณเกือบชั่วโมงรถเริ่มออกจากเมืองมาไกลเพราะข้างทางก็เหมือนเดิม ร้อนแล้ง ไม่มีน้ำ ไม่มีต้นไม้ใหญ่ จนมาถึงขอบๆของ โตนเลสาป ทิวทัศน์เริ่มเปลี่ยนเป็นบ้านคนอยู่สองข้างทางเป็นบ้านไม้ส่วนใหญ่ เสาสูง สูงมากๆด้วยแต่ก็สังเกตได้ว่าบ้านนั้นปลูกเผื่อน้ำขึ้น ตอนที่เราเห็นไม่มีน้ำเลย มีร้านอาหารข้างทางมีเปลผูกไว้ หลายเปล ไกด์บอกว่า เอาไว้ให้ลูกค้านอน เพราะคนเขมรจะพักกินข้าวกลางวันตอน 11 โมงแล้วก็จะนอนจนถึงบ่ายโมงแล้วทำงานต่อ ใช้ชีวิตเหมือนฝรั่งเศส แต่ที่นี่เข้าทำงานตอน 7 โมงเช้า เลิก4โมงเย็น บ้านช่องที่เห็นบ่งบอกว่าไม่ค่อยมีฐานะอะไรเท่าไหร่นัก
จนรถเข้ามาถึงโตนเลสาป ต้องเสียเงินค่าเข้าไป เห็นกำลังก่อสร้าง ไม่รู้เหมือนกันว่าก่อสร้างอะไร แต่ที่นี่ไม่มีตึกคงสร้างตึก ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้พักร้อน พอลงรถก็เดินตามธงเขียวเหมือนเดิมลงท่าเรือไปเลย ไม่มีที่ให้หยุดพัก มีเพิงอยู่ตรงที่เรือ ซึ่งคนก็รอคิวลงเรือกันเยอะมาก คนมาเที่ยวเขมรเยอะมากทุกชาติทุกภาษามารวมกันที่นี่ เราจะเห็นได้จากไกด์ท้องถิ่นส่งภาษาเรียกลูกทัวร์กันสารพัดภาษา ข้อดีอันหนึ่งของไกด์เขมรก็คือเขามีเครื่องแบบใส่ เป็นสีเหลืองอ่อนๆ ทำให้สังเกตได้ ไกด์ของเราบอกว่าถ้าหลงทางถามใครก็ได้ที่สวมเครื่องแบบนี้เขาบริการเต็มที่ ก็รู้สึกดีเหมือนกัน
รอคิวลงเรือ.....................ร้อนมากถึงมากที่สุดไม่มีที่ร่ม ไม่มีต้นไม้ รอสักพักเรือก็มาเป็นเรือขนาดกลางเหมือนเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบ้านเราทรงคล้ายๆกัน ได้ลงเรือเราก็ประจำที่คือ หลังสุดสำหรับคนสูบบุหรี่ สภาพน้ำเหมือนจะแห้งเพราะเวลาเรือวิ่งจะเห็นได้ว่าน้ำจะขุ่นมาก ปรกติน้ำที่นี่ก็ขุ่นอยู่แล้วเป็นสีน้ำตาลขุ่นกว่าเจ้าพระยา เรือวิ่งไปได้หน่อยใบพัดเรือก็พันกับขยะ คนขับเรือก็มาเอาขยะออก..แล้วมันก็โยนลงน้ำอีก แล้วก็ขับไปอีกขยะก็ติดอีก มันก็มาเอาออกแล้วโยนลงน้ำอีกเป็นอย่างนี้ทั้งทาง จากท่าเรือไปถึงหมู่บ้านกลางน้ำระยะทางประมาณ 5 ก.ม. ตอนนี้เป็นหน้าแล้งมีน้ำน้อย ถ้าหน้าน้ำๆจะสูงประมาณ 10 เมตร ไกด์ชี้ให้สังเกตดูที่ยอดไม้ ถ้าเห็นถุงพลาสติค(ขยะ)สูงแค่ไหน น้ำก็สูงเท่านั้น จากที่สังเกตน้ำคงสูงมากเพราะต้นไม้แถวนั้นสูง แต่ถุงพลาสติคยังไปอยู่บนยอดไม้ได้เลย เหมือนธง
กำลังนั่งเพลินๆก็มีเด็กเขมร 2 คนมานวดให้เรากับแทน เราก็โอเค ชอบอยู่แล้วปล่อยมันนวดไป นวดไปสักพักชักเจ็บ มันเริ่มทุบ ก็เลยบอกให้พอแล้วควักเงินไปให้ 20 บาท มันไม่เอามันจะเอาอีก หันไปเห็นแทนควักจ่ายมันไป 40 แต่ผมก็ยังยืนยัน ว่า20พอแล้ว ไปได้แล้ว มันส่งภาษาเขมรกับเพื่อนมันแล้วก็หัวเราะ รู้ได้ทันทีเลย “แม่ง..ด่ากู”
หน้าที่เข้าชม | 12,863 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 10,979 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |